“คุณหลงเซียวเสนอราคาหนึ่งหมื่นห้าพันล้านบาท ยังมีคนที่เสนอราคาสูงกว่านี้ไหม?”พิธีกรหญิงตระกูลเย่กวาดสายตามองไปรอบ ๆส่วนจ้าวเทียนหวากลับขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่ได้ชิงราคากับหลงเซียวอีก และนั่งอยู่ที่เดิมโดยไม่เอ่ยใด ๆสีหน้าแบบนี้ทำให้หลงเซียวเข้าใจผิดเธอยังคิดว่าจ้าวเทียนหวามีปัญหาด้านการเงิน ไม่มีแรงจะไล่ตามเธออีกแล้ว ทันใดนั้นบนใบหน้าก็เผยความเย้ยหยันออกมา“ทำไมถึงไม่พูดแล้วล่ะ? เสนอราคาต่อสิ? ฉันก็อยากจะดูว่าพวกคุณมีเงินเท่าไหร่ ถึงได้กล้าเทียบกับตระกูลหลงแห่งเมืองจิง”หลงเซียวยิ้มด้วยความลำพองใจถึงที่สุด“ในเมื่อคุณหลงเซียวชอบ งั้นสมบัติชิ้นนี้ผมก็ยกให้คุณแล้วกัน”หลินเฟิงพูดขึ้นอยู่ข้าง ๆ นิ่งเฉยราคาหนึ่งหมื่นห้าพันล้านบาทซื้อเพียงแค่รากต้นโพธิ์ที่อายุไม่เพียงพอ พูดได้แค่ว่าหลงเซียวไม่มีประสบการณ์กับแผนการอะไร“ยกให้ฉัน?”หลงเซียวกลับไม่ยอมปล่อยผ่านไป และกอดอกพูดว่า: “คนบางคนไม่มีปัญญาซื้อก็พูดมาตรง ๆ ว่าไม่มีปัญญาซื้อ ยังจะพูดให้น่าฟังว่าจะยกให้ฉัน ฉันต้องให้พวกคุณยกให้ด้วยงั้นเหรอ?”“พวกคุณหน้าหนามากจริง ๆ เลยนะ”“หึ...”หลินเฟิงหัวเราะเบา ๆ และก็ไม่ได้เลือกที่จะถก
แต่จ้าวเทียนหวาก็คิดอีกว่าในเมื่อเป็นของที่หลินเฟิงให้ความสำคัญ ก้อนหินขนาดใหญ่แบบนั้นไม่แน่ว่าจะมีของล้ำค่าอะไร“คุณชายหลิน หินก้อนนี้...”เพื่อเป็นการป้องกัน จ้าวเทียนหวาแอบถามลองเชิงเล็กน้อยจากที่เขารู้ภายในบ้านที่อ่าวเทียนสุ่ยของหลินเฟิงก็มีขาวหินรูแบบนี้อยู่หลายก้อน ถึงแม้อายุไม่ได้ยาวนานเหมือนหินก้อนนี้ แต่เห็นหินก้อนนี้ก็ไม่ถึงกับต้องทำให้หลินเฟิงดีใจขนาดนี้“จะต้องคว้าเอาไว้ให้ได้!”คำตอบของหลินเฟิงง่ายมาก และก็เด็ดขาดมากภาพนี้ หลงเซียวที่อยู่ข้าง ๆ กำลังมองดูอยู่“ได้ครับ!”เห็นท่าทางมั่นใจของหลินเฟิง จ้าวเทียนหวาจึงไม่มีเหตุผลที่จะขัดคำสั่ง เพียงแค่หลินเฟิงบอกว่าต้องการ งั้นเขาจ้าวเทียนหวาต่อให้ต้องทุ่มหมดหน้าตักก็ต้องคว้าเอาหินก้อนนี้มาให้ได้!“หินขาวรูก้อนนี้ถูกค้นพบโดยเพื่อนของคุณพ่อในระหว่างการสำรวจถ้ำ พบเจอได้ยากมาก หินขาวรูอายุพันปี แท้จริงแล้วห่อหุ้มอะไรเอาไว้ พวกเราก็ไม่เคยตรวจสอบมาก่อน”พิธีกรสาวตระกูลเย่ยิ้มพูด: “ราคาประมูลเริ่มต้นที่ห้าสิบล้านบาท ทุกครั้งที่เพิ่มราคาอย่างน้อยห้าล้านบาท”“ตอนนี้ ทุกท่านเริ่มเรียกราคาได้ค่ะ”พิธีกรสาวยิ่งแนะนำอย่างง
“เสนอราคาต่อไป”หลินเฟิงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และสั่งจ้าวเทียนหวาที่อยู่ข้าง ๆ“ได้ครับ”จ้าวเทียนหวาก็ไม่ได้พูดมาก ชูป้ายขึ้นทันที“สองพันล้าน!”“สองพันห้าร้อยล้านบาท”รอยยิ้มของหลงเซียวเผยความลำพองใจออกมา เธอนั่งไขว่ห้าง สองมือกอดอก เหมือนกำลังมองดูเรื่องตลกของหลินเฟิงกับจ้าวเทียนหวา“สามพันล้านบาท!”จ้าวเทียนหวาเพิ่มราคาต่อด้วยสีหน้านิ่งเฉย“ห้าพันล้านบาท!”หลงเซียวหาวออกมา“หึ”หลินเฟิงลุกขึ้นยืนในตอนนี้ เขาเหลือบมองหลงเซียวที่อยู่ข้าง ๆ และพูดอย่างเรียบเฉย: “ดูท่าคุณหนูหลงเซียวจงใจแย่งหินก้อนนี้กับผมอยู่?”“เปล่านะคะ”หลงเซียวยิ้มเยาะแล้วพูดว่า: “การประมูลในงานประมูล มีการประมูลก็มีการขาย ไม่ทราบว่าในงานประมูล...กฎข้อไหนที่บอกว่าสิ่งของที่พวกเขาประมูล ฉันไม่สามารถเพิ่มราคาได้?”หลงเซียวคืนคำพูดที่หลินเฟิงพูดกับเธอก่อนหน้านี้กลับไป“......”สีหน้าของหลินเฟิงเย็นชา และส่งเสียงไม่พอใจออกมาเบา ๆ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นตะโกนไปทางพิธีกร: “หนึ่งหมื่นล้านบาท!”จากนั้น เขาก็มองไปทางหลงเซียวแล้วพูดเรียบ ๆ ว่า: “วันนี้หินก้อนนี้ผมต้องเอามาให้ได้ แน่จริงคุณก็เพิ่มราคาต่อสิครับ”
หลงเซียวพูดออกมาแบบนี้ ทำให้คนจำนวนนับไม่ถ้วนที่อยู่โดยรอบปิดปากลงทันทีในเมื่อเป็นถึงคุณหนูตระกูลหลง ไม่มีใครกล้าบาดหมาง“หึ นายจำเอาไว้เลยนะ!”หลงเซียวจ้องมองไปทางหลินเฟิงอย่างดุดันแต่ทว่าใบหน้าที่นิ่งเฉยของหลินเฟิง กลับทำให้เธอโมโหแต่ระบายอารมณ์ออกมาไม่ได้ไม่นานนัก สินค้าประมูลลำดับต่อไปถูกคนของตระกูลเย่ยกขึ้นมาเป็นหินหยกสีเขียวมรกตเม็ดหนึ่ง“ลูกปัดเม็ดนี้คุณพ่อของฉันรับซื้อมาจากเมืองหนานไห่ ผ่านมือมาหลายครั้งถึงได้รู้ว่านี่คือหินหยกจวี้คังที่มหัศจรรย์ สวมใส่ไว้บนตัวจะมีผลในการยืดอายุขัย”ในตอนที่พูดคำเหล่านี้ออกมา ลูกสาวตระกูลเย่ที่อยู่บนเวทีใบหน้ามีความขมขื่นเล็กน้อยดูท่าคงจะคิดถึงพ่อของเธอที่เสียชีวิตไป ไม่เกี่ยวข้องกับการยืดอายุขัยอะไรจากนั้นเธอก็ส่ายหน้า สงบอารมณ์ของตัวเองและพูดว่า: “เอาล่ะ หินหยกจวี้คังชิ้นนี้ราคาประมูลเริ่มต้นที่หนึ่งร้อยล้านบาท เพิ่มราคาครั้งละไม่ต่ำกว่าหนึ่งล้านบาท”“ทุกท่าน เชิญเสนอราคาค่ะ!”ลูกสาวตระกูลเย่ที่อยู่บนเวทีเพิ่งจะพูดจบ หลงเซียวก็ยิ้มเยาะออกมา:“ที่แท้ก็คือหินหยกจวี้คังเม็ดนั้นนี่เอง หึ ถึงแม้จะหายาก แต่กลับมีอยู่จำนวนไม่น้อย
“คุณหลงเซียว ผมว่า...คุณเชื่อมั่นในตัวเองเกินไปหน่อยไหม? ผมแนะนำให้คุณดูของที่อยู่ในมือของคุณให้ละเอียดเถอะครับ มันมีฤทธิ์ยาอายุร้อยปีจริง ๆ หรือเปล่า?”“คุณว่าอะไรนะ?”หลงเซียวนิ่งอึ้งครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดเยาะหยันตอบโต้กลับโดยที่ไม่ได้เปิดดูด้วยซ้ำ: “คุณพูดจาซี้ซั้วอะไร รากต้นโพธิ์ที่อยู่ในมือของฉันไม่ใช่ของปลอม รากแต่ละเส้นพันกัน สีเหลืองผ่อง กลิ่นหอมอ่อน ๆ และมีรอยด่าง จะไม่ใช่หนึ่งร้อยปีได้อย่างไร?”“คำพูดนี้ผิดไปเล็กน้อย”หลินเฟิงส่ายหน้ายิ้มถาม: “คุณหลงเซียว รากต้นโพธิ์ร้อยปีคือรากฝอยหนึ่งเส้นอายุสิบปี คุณไม่สู้มองดูรากต้นโพธิ์ที่อยู่ในมือของคุณว่ามีรากฝอยกี่เส้น? จำนวนเพียงพอหรือไม่?”ได้ยินคำพูดนี้ของหลินเฟิง หลงเซียวก็พึมพำขึ้นมาในใจถ้าหากไม่ผิด รากต้นโพธิ์ต้นนี้น่าจะมีรากฝอยสิบเส้น“หนึ่ง สอง สาม...”หลงเซียวก้มหน้านับเลข แต่ในตอนที่นับถึงเลข “เก้า” สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปนับเลขอยู่หลายครั้ง หลงเซียวก็หยุดนับลงที่เลขเก้านับไปนับมา รากฝอยของรากต้นโพธิ์มีเพียงแค่เก้าราก เธอมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ดูผิด ไม่มีรากฝอยรากที่สิบ“คุณแน่ใจว่าใช้รากฝอยมานับอายุจริง ๆ เหรอ?
อีกทั้งไม่ได้ถูกหลอกจนอนาถแบบธรรมดาแต่ตระกูลเย่พูดเอาไว้ก่อนประมูลแล้ว ของหลุดจากมือ ไม่รับผิดชอบใด ๆ ทั้งสิ้นราคาเท่าไหร่คุ้มหรือไม่คุ้มค่าที่จะประมูล อยากประมูลหรือไม่อยากประมูล ต่างก็ต้องใช้สายตาของตัวเอง ตัวเองไม่มีความสามารถนั้น จะโทษคนอื่นไม่ได้แน่นอนว่า เธอสามารถยกตระกูลหลงออกมาได้ข่มขู่ตระกูลเย่ให้คืนของคืนเงินเพียงแต่แบบนี้แล้ว ข่าวที่เธอมีตาไม่มีแววถูกเผยแพร่ออกไป เธอไม่สามารถรับความอับอายนี้ได้คนโง่เงินเยอะหลงเซียวเกลียดมองเธอแบบนี้ที่สุดเพื่อหน้าตาของตัวเอง เพื่อหน้าตาของตระกูลหลง ตอนนี้เธอทำได้เพียงแค่กลืนความอับอายขายหน้าเข้าไปในท้อง“ดังนั้นคุณหนูหลงเซียว ของสิ่งนี้คุณก็ไม่จำเป็นต้องโอ้อวดต่อหน้าพวกเราหรอกไหม?”จ้าวเทียนหวาอมยิ้มแล้วพูดซ้ำเติมหลงเซียวอีกครั้ง“แค่กแค่ก”หนุ่มวัยรุ่นที่เอื่อยเฉื่อยของสำนักร้อยพิษพูดไกล่เกลี่ยอยู่ข้าง ๆ: “คุณจ้าวเทียนหวา อย่าพูดแบบนี้นะครับ ถึงแม้รากต้นโพธิ์อายุไม่เพียงพอ แต่ก็เป็นของดีระดับสูงที่มีไม่เยอะ”“หึ พวกคุณก็ได้ยินแล้ว ถึงแม้อายุไม่เพียงพอ แต่ก็ไม่ใช่ว่าบ้านนอกอย่างพวกคุณจะมีปัญญาซื้อได้!”หลงเซียวฝืนหาข้อแ
ได้ยินวัยรุ่นของสำนักร้อยพิษพูดสนับสนุนอยู่ข้าง ๆ หลงเซียวดวงตาสว่างไสวทันทีจริงด้วย!ตัวเองขาดทุน แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาได้กำไรสักหน่อยเธอเงยหน้าขึ้น จากนั้นชี้ไปทางหินหยกจวี้คังสีเขียวที่อยู่ในอ้อมแขนของหลินเฟิงด้วยความหยิ่งยโสแล้วพูดว่า: “สมบัติล้ำค่าของฉันถึงแม้จะอายุไม่ถึง แต่ก็เป็นสมบัติล้ำค่า อย่างน้อยก็ดีกว่าหินหยกจวี้คังของพวกคุณ!”“หึ ใช้เงินจำนวนหนึ่งพันล้านบาทซื้อหินหยกที่ราคาไม่ถึงห้าร้อยล้านบาทด้วยซ้ำ พวกคุณมีอะไรน่าลำพองใจกัน?”“ใช่ พวกคุณมีอะไรให้ลำพองใจกัน?”วัยรุ่นของสำนักร้อยพิษก็พูดเหน็บแนมได้ยินแบบนี้ จ้าวเทียนหวาพูดเหยียดหยาม: “ผมยินดี เพียงแค่คุณชายหลินของผมอยากได้อะไร ต่อให้เป็นหินกระจอกชิ้นหนึ่ง ผมก็ยินดีควักเงินหนึ่งพันล้านบาทออกมา”คำพูดของจ้าวเทียนหวาแอบพูดเป็นนัยว่าหลงเซียวใช้เงินหนึ่งพันล้านบาทซื้อหินกระจอกไปจากในมือของเขาทันใดนั้นก็ทำให้หลงเซียวโมโหจนพูดไม่ออก“หึ ลำพองใจอะไร?!”หลงเซียวกัดฟันพูด: “อ่อใช่ ฉันลืมบอกพวกคุณไป หินจวี้คังก้อนนั้นที่อยู่ในมือของพวกคุณ เป็นของที่ตระกูลหลงของฉันขายให้กับผู้นำตระกูลเย่ในตอนแรก ฉันคิดดูแล้ว...ตอน
สายตาของเธอที่มองไปทางหลินเฟิง เหมือนกับกำลังมองคนโง่คนหนึ่ง“ยอมรับว่าตัวเองโง่ยากมากเหรอ? แสร้งทำเป็นบ้า ๆ บอ ๆ อยู่ตรงนี้ แสร้งทำให้ใครดูน่ะ?”“หนึ่งล้านบาทขายหินหยกจวี้คังให้ตระกูลเย่?”“ไม่ใช่หรอก? เมื่อครู่จ้าวเทียนหวาใช้เงินหนึ่งพันล้านซื้อเอาไว้ไม่ใช่เหรอ?”“คุณจะไปเข้าใจอะไร? นี่เรียกว่าคนโง่เงินเยอะ”กลุ่มคนที่ในงานประมูลพากันแอบซุบซิบนินทาเห็นได้ชัดว่า พวกเขาถูกเสียงหัวเราะของหลินเฟิงถูกดึงดูดความสนใจ ถึงขั้นที่มีคนจำนวนมากคาดเดาเหมือนกับหลงเซียวดูท่าวัยรุ่นคนนั้นเป็นเพราะเสียหายอย่างมาก ดังนั้นสติจึงไม่ปกติดังนั้น เป็นอริกับตระกูลหลง จะต้องเตรียมตัวตายได้เลย!คนที่อยู่รอบ ๆมองสีหน้าของหลงเซียว ยิ่งเปลี่ยนไปหวาดกลัวยิ่งขึ้น“ได้ยินแล้วยัง ไม่เพียงแค่ฉัน หลังจากที่ทุกคนได้ยินข่าวนี้ ต่างก็กำลังหัวเราะเยาะคุณอยู่”“คุณกลับหัวเราะเสียงดังอยู่ตรงนี้ ไม่รู้จักอับอายขายหน้าจริง ๆ”หลงเซียวเผยแพร่ให้รู้กันทั่ว“อ่อ? เหรอ?”หลินเฟิงช่างน้ำหนักหินหยกที่อยู่ในมือ จากนั้นพูดเสียงบาง: “ก็ถูกแหละ ในเมื่อมีแค่ไม่กี่คนที่สามารถมองเห็นมูลค่าที่แท้จริงของหินหยกจวี้คังชิ้นนี้