“คุณหลงเซียวเสนอราคาหนึ่งหมื่นห้าพันล้านบาท ยังมีคนที่เสนอราคาสูงกว่านี้ไหม?”พิธีกรหญิงตระกูลเย่กวาดสายตามองไปรอบ ๆส่วนจ้าวเทียนหวากลับขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่ได้ชิงราคากับหลงเซียวอีก และนั่งอยู่ที่เดิมโดยไม่เอ่ยใด ๆสีหน้าแบบนี้ทำให้หลงเซียวเข้าใจผิดเธอยังคิดว่าจ้าวเทียนหวามีปัญหาด้านการเงิน ไม่มีแรงจะไล่ตามเธออีกแล้ว ทันใดนั้นบนใบหน้าก็เผยความเย้ยหยันออกมา“ทำไมถึงไม่พูดแล้วล่ะ? เสนอราคาต่อสิ? ฉันก็อยากจะดูว่าพวกคุณมีเงินเท่าไหร่ ถึงได้กล้าเทียบกับตระกูลหลงแห่งเมืองจิง”หลงเซียวยิ้มด้วยความลำพองใจถึงที่สุด“ในเมื่อคุณหลงเซียวชอบ งั้นสมบัติชิ้นนี้ผมก็ยกให้คุณแล้วกัน”หลินเฟิงพูดขึ้นอยู่ข้าง ๆ นิ่งเฉยราคาหนึ่งหมื่นห้าพันล้านบาทซื้อเพียงแค่รากต้นโพธิ์ที่อายุไม่เพียงพอ พูดได้แค่ว่าหลงเซียวไม่มีประสบการณ์กับแผนการอะไร“ยกให้ฉัน?”หลงเซียวกลับไม่ยอมปล่อยผ่านไป และกอดอกพูดว่า: “คนบางคนไม่มีปัญญาซื้อก็พูดมาตรง ๆ ว่าไม่มีปัญญาซื้อ ยังจะพูดให้น่าฟังว่าจะยกให้ฉัน ฉันต้องให้พวกคุณยกให้ด้วยงั้นเหรอ?”“พวกคุณหน้าหนามากจริง ๆ เลยนะ”“หึ...”หลินเฟิงหัวเราะเบา ๆ และก็ไม่ได้เลือกที่จะถก
แต่จ้าวเทียนหวาก็คิดอีกว่าในเมื่อเป็นของที่หลินเฟิงให้ความสำคัญ ก้อนหินขนาดใหญ่แบบนั้นไม่แน่ว่าจะมีของล้ำค่าอะไร“คุณชายหลิน หินก้อนนี้...”เพื่อเป็นการป้องกัน จ้าวเทียนหวาแอบถามลองเชิงเล็กน้อยจากที่เขารู้ภายในบ้านที่อ่าวเทียนสุ่ยของหลินเฟิงก็มีขาวหินรูแบบนี้อยู่หลายก้อน ถึงแม้อายุไม่ได้ยาวนานเหมือนหินก้อนนี้ แต่เห็นหินก้อนนี้ก็ไม่ถึงกับต้องทำให้หลินเฟิงดีใจขนาดนี้“จะต้องคว้าเอาไว้ให้ได้!”คำตอบของหลินเฟิงง่ายมาก และก็เด็ดขาดมากภาพนี้ หลงเซียวที่อยู่ข้าง ๆ กำลังมองดูอยู่“ได้ครับ!”เห็นท่าทางมั่นใจของหลินเฟิง จ้าวเทียนหวาจึงไม่มีเหตุผลที่จะขัดคำสั่ง เพียงแค่หลินเฟิงบอกว่าต้องการ งั้นเขาจ้าวเทียนหวาต่อให้ต้องทุ่มหมดหน้าตักก็ต้องคว้าเอาหินก้อนนี้มาให้ได้!“หินขาวรูก้อนนี้ถูกค้นพบโดยเพื่อนของคุณพ่อในระหว่างการสำรวจถ้ำ พบเจอได้ยากมาก หินขาวรูอายุพันปี แท้จริงแล้วห่อหุ้มอะไรเอาไว้ พวกเราก็ไม่เคยตรวจสอบมาก่อน”พิธีกรสาวตระกูลเย่ยิ้มพูด: “ราคาประมูลเริ่มต้นที่ห้าสิบล้านบาท ทุกครั้งที่เพิ่มราคาอย่างน้อยห้าล้านบาท”“ตอนนี้ ทุกท่านเริ่มเรียกราคาได้ค่ะ”พิธีกรสาวยิ่งแนะนำอย่างง
“เสนอราคาต่อไป”หลินเฟิงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และสั่งจ้าวเทียนหวาที่อยู่ข้าง ๆ“ได้ครับ”จ้าวเทียนหวาก็ไม่ได้พูดมาก ชูป้ายขึ้นทันที“สองพันล้าน!”“สองพันห้าร้อยล้านบาท”รอยยิ้มของหลงเซียวเผยความลำพองใจออกมา เธอนั่งไขว่ห้าง สองมือกอดอก เหมือนกำลังมองดูเรื่องตลกของหลินเฟิงกับจ้าวเทียนหวา“สามพันล้านบาท!”จ้าวเทียนหวาเพิ่มราคาต่อด้วยสีหน้านิ่งเฉย“ห้าพันล้านบาท!”หลงเซียวหาวออกมา“หึ”หลินเฟิงลุกขึ้นยืนในตอนนี้ เขาเหลือบมองหลงเซียวที่อยู่ข้าง ๆ และพูดอย่างเรียบเฉย: “ดูท่าคุณหนูหลงเซียวจงใจแย่งหินก้อนนี้กับผมอยู่?”“เปล่านะคะ”หลงเซียวยิ้มเยาะแล้วพูดว่า: “การประมูลในงานประมูล มีการประมูลก็มีการขาย ไม่ทราบว่าในงานประมูล...กฎข้อไหนที่บอกว่าสิ่งของที่พวกเขาประมูล ฉันไม่สามารถเพิ่มราคาได้?”หลงเซียวคืนคำพูดที่หลินเฟิงพูดกับเธอก่อนหน้านี้กลับไป“......”สีหน้าของหลินเฟิงเย็นชา และส่งเสียงไม่พอใจออกมาเบา ๆ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นตะโกนไปทางพิธีกร: “หนึ่งหมื่นล้านบาท!”จากนั้น เขาก็มองไปทางหลงเซียวแล้วพูดเรียบ ๆ ว่า: “วันนี้หินก้อนนี้ผมต้องเอามาให้ได้ แน่จริงคุณก็เพิ่มราคาต่อสิครับ”
หลงเซียวพูดออกมาแบบนี้ ทำให้คนจำนวนนับไม่ถ้วนที่อยู่โดยรอบปิดปากลงทันทีในเมื่อเป็นถึงคุณหนูตระกูลหลง ไม่มีใครกล้าบาดหมาง“หึ นายจำเอาไว้เลยนะ!”หลงเซียวจ้องมองไปทางหลินเฟิงอย่างดุดันแต่ทว่าใบหน้าที่นิ่งเฉยของหลินเฟิง กลับทำให้เธอโมโหแต่ระบายอารมณ์ออกมาไม่ได้ไม่นานนัก สินค้าประมูลลำดับต่อไปถูกคนของตระกูลเย่ยกขึ้นมาเป็นหินหยกสีเขียวมรกตเม็ดหนึ่ง“ลูกปัดเม็ดนี้คุณพ่อของฉันรับซื้อมาจากเมืองหนานไห่ ผ่านมือมาหลายครั้งถึงได้รู้ว่านี่คือหินหยกจวี้คังที่มหัศจรรย์ สวมใส่ไว้บนตัวจะมีผลในการยืดอายุขัย”ในตอนที่พูดคำเหล่านี้ออกมา ลูกสาวตระกูลเย่ที่อยู่บนเวทีใบหน้ามีความขมขื่นเล็กน้อยดูท่าคงจะคิดถึงพ่อของเธอที่เสียชีวิตไป ไม่เกี่ยวข้องกับการยืดอายุขัยอะไรจากนั้นเธอก็ส่ายหน้า สงบอารมณ์ของตัวเองและพูดว่า: “เอาล่ะ หินหยกจวี้คังชิ้นนี้ราคาประมูลเริ่มต้นที่หนึ่งร้อยล้านบาท เพิ่มราคาครั้งละไม่ต่ำกว่าหนึ่งล้านบาท”“ทุกท่าน เชิญเสนอราคาค่ะ!”ลูกสาวตระกูลเย่ที่อยู่บนเวทีเพิ่งจะพูดจบ หลงเซียวก็ยิ้มเยาะออกมา:“ที่แท้ก็คือหินหยกจวี้คังเม็ดนั้นนี่เอง หึ ถึงแม้จะหายาก แต่กลับมีอยู่จำนวนไม่น้อย
“คุณหลงเซียว ผมว่า...คุณเชื่อมั่นในตัวเองเกินไปหน่อยไหม? ผมแนะนำให้คุณดูของที่อยู่ในมือของคุณให้ละเอียดเถอะครับ มันมีฤทธิ์ยาอายุร้อยปีจริง ๆ หรือเปล่า?”“คุณว่าอะไรนะ?”หลงเซียวนิ่งอึ้งครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดเยาะหยันตอบโต้กลับโดยที่ไม่ได้เปิดดูด้วยซ้ำ: “คุณพูดจาซี้ซั้วอะไร รากต้นโพธิ์ที่อยู่ในมือของฉันไม่ใช่ของปลอม รากแต่ละเส้นพันกัน สีเหลืองผ่อง กลิ่นหอมอ่อน ๆ และมีรอยด่าง จะไม่ใช่หนึ่งร้อยปีได้อย่างไร?”“คำพูดนี้ผิดไปเล็กน้อย”หลินเฟิงส่ายหน้ายิ้มถาม: “คุณหลงเซียว รากต้นโพธิ์ร้อยปีคือรากฝอยหนึ่งเส้นอายุสิบปี คุณไม่สู้มองดูรากต้นโพธิ์ที่อยู่ในมือของคุณว่ามีรากฝอยกี่เส้น? จำนวนเพียงพอหรือไม่?”ได้ยินคำพูดนี้ของหลินเฟิง หลงเซียวก็พึมพำขึ้นมาในใจถ้าหากไม่ผิด รากต้นโพธิ์ต้นนี้น่าจะมีรากฝอยสิบเส้น“หนึ่ง สอง สาม...”หลงเซียวก้มหน้านับเลข แต่ในตอนที่นับถึงเลข “เก้า” สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปนับเลขอยู่หลายครั้ง หลงเซียวก็หยุดนับลงที่เลขเก้านับไปนับมา รากฝอยของรากต้นโพธิ์มีเพียงแค่เก้าราก เธอมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ดูผิด ไม่มีรากฝอยรากที่สิบ“คุณแน่ใจว่าใช้รากฝอยมานับอายุจริง ๆ เหรอ?
อีกทั้งไม่ได้ถูกหลอกจนอนาถแบบธรรมดาแต่ตระกูลเย่พูดเอาไว้ก่อนประมูลแล้ว ของหลุดจากมือ ไม่รับผิดชอบใด ๆ ทั้งสิ้นราคาเท่าไหร่คุ้มหรือไม่คุ้มค่าที่จะประมูล อยากประมูลหรือไม่อยากประมูล ต่างก็ต้องใช้สายตาของตัวเอง ตัวเองไม่มีความสามารถนั้น จะโทษคนอื่นไม่ได้แน่นอนว่า เธอสามารถยกตระกูลหลงออกมาได้ข่มขู่ตระกูลเย่ให้คืนของคืนเงินเพียงแต่แบบนี้แล้ว ข่าวที่เธอมีตาไม่มีแววถูกเผยแพร่ออกไป เธอไม่สามารถรับความอับอายนี้ได้คนโง่เงินเยอะหลงเซียวเกลียดมองเธอแบบนี้ที่สุดเพื่อหน้าตาของตัวเอง เพื่อหน้าตาของตระกูลหลง ตอนนี้เธอทำได้เพียงแค่กลืนความอับอายขายหน้าเข้าไปในท้อง“ดังนั้นคุณหนูหลงเซียว ของสิ่งนี้คุณก็ไม่จำเป็นต้องโอ้อวดต่อหน้าพวกเราหรอกไหม?”จ้าวเทียนหวาอมยิ้มแล้วพูดซ้ำเติมหลงเซียวอีกครั้ง“แค่กแค่ก”หนุ่มวัยรุ่นที่เอื่อยเฉื่อยของสำนักร้อยพิษพูดไกล่เกลี่ยอยู่ข้าง ๆ: “คุณจ้าวเทียนหวา อย่าพูดแบบนี้นะครับ ถึงแม้รากต้นโพธิ์อายุไม่เพียงพอ แต่ก็เป็นของดีระดับสูงที่มีไม่เยอะ”“หึ พวกคุณก็ได้ยินแล้ว ถึงแม้อายุไม่เพียงพอ แต่ก็ไม่ใช่ว่าบ้านนอกอย่างพวกคุณจะมีปัญญาซื้อได้!”หลงเซียวฝืนหาข้อแ
ได้ยินวัยรุ่นของสำนักร้อยพิษพูดสนับสนุนอยู่ข้าง ๆ หลงเซียวดวงตาสว่างไสวทันทีจริงด้วย!ตัวเองขาดทุน แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาได้กำไรสักหน่อยเธอเงยหน้าขึ้น จากนั้นชี้ไปทางหินหยกจวี้คังสีเขียวที่อยู่ในอ้อมแขนของหลินเฟิงด้วยความหยิ่งยโสแล้วพูดว่า: “สมบัติล้ำค่าของฉันถึงแม้จะอายุไม่ถึง แต่ก็เป็นสมบัติล้ำค่า อย่างน้อยก็ดีกว่าหินหยกจวี้คังของพวกคุณ!”“หึ ใช้เงินจำนวนหนึ่งพันล้านบาทซื้อหินหยกที่ราคาไม่ถึงห้าร้อยล้านบาทด้วยซ้ำ พวกคุณมีอะไรน่าลำพองใจกัน?”“ใช่ พวกคุณมีอะไรให้ลำพองใจกัน?”วัยรุ่นของสำนักร้อยพิษก็พูดเหน็บแนมได้ยินแบบนี้ จ้าวเทียนหวาพูดเหยียดหยาม: “ผมยินดี เพียงแค่คุณชายหลินของผมอยากได้อะไร ต่อให้เป็นหินกระจอกชิ้นหนึ่ง ผมก็ยินดีควักเงินหนึ่งพันล้านบาทออกมา”คำพูดของจ้าวเทียนหวาแอบพูดเป็นนัยว่าหลงเซียวใช้เงินหนึ่งพันล้านบาทซื้อหินกระจอกไปจากในมือของเขาทันใดนั้นก็ทำให้หลงเซียวโมโหจนพูดไม่ออก“หึ ลำพองใจอะไร?!”หลงเซียวกัดฟันพูด: “อ่อใช่ ฉันลืมบอกพวกคุณไป หินจวี้คังก้อนนั้นที่อยู่ในมือของพวกคุณ เป็นของที่ตระกูลหลงของฉันขายให้กับผู้นำตระกูลเย่ในตอนแรก ฉันคิดดูแล้ว...ตอน
สายตาของเธอที่มองไปทางหลินเฟิง เหมือนกับกำลังมองคนโง่คนหนึ่ง“ยอมรับว่าตัวเองโง่ยากมากเหรอ? แสร้งทำเป็นบ้า ๆ บอ ๆ อยู่ตรงนี้ แสร้งทำให้ใครดูน่ะ?”“หนึ่งล้านบาทขายหินหยกจวี้คังให้ตระกูลเย่?”“ไม่ใช่หรอก? เมื่อครู่จ้าวเทียนหวาใช้เงินหนึ่งพันล้านซื้อเอาไว้ไม่ใช่เหรอ?”“คุณจะไปเข้าใจอะไร? นี่เรียกว่าคนโง่เงินเยอะ”กลุ่มคนที่ในงานประมูลพากันแอบซุบซิบนินทาเห็นได้ชัดว่า พวกเขาถูกเสียงหัวเราะของหลินเฟิงถูกดึงดูดความสนใจ ถึงขั้นที่มีคนจำนวนมากคาดเดาเหมือนกับหลงเซียวดูท่าวัยรุ่นคนนั้นเป็นเพราะเสียหายอย่างมาก ดังนั้นสติจึงไม่ปกติดังนั้น เป็นอริกับตระกูลหลง จะต้องเตรียมตัวตายได้เลย!คนที่อยู่รอบ ๆมองสีหน้าของหลงเซียว ยิ่งเปลี่ยนไปหวาดกลัวยิ่งขึ้น“ได้ยินแล้วยัง ไม่เพียงแค่ฉัน หลังจากที่ทุกคนได้ยินข่าวนี้ ต่างก็กำลังหัวเราะเยาะคุณอยู่”“คุณกลับหัวเราะเสียงดังอยู่ตรงนี้ ไม่รู้จักอับอายขายหน้าจริง ๆ”หลงเซียวเผยแพร่ให้รู้กันทั่ว“อ่อ? เหรอ?”หลินเฟิงช่างน้ำหนักหินหยกที่อยู่ในมือ จากนั้นพูดเสียงบาง: “ก็ถูกแหละ ในเมื่อมีแค่ไม่กี่คนที่สามารถมองเห็นมูลค่าที่แท้จริงของหินหยกจวี้คังชิ้นนี้
ในที่สุดเสียงตะโกนร้องของหลี่ฮุ่ยหรานก็ทำให้กำแพงของจางกุ้ยหลานพังทลายก่อนที่เธอจะกระโดดลงจากเตียงแล้วพุ่งไปที่กำแพง“ฮุ่ยหราน แม่ขอโทษ แม่ก็ไม่มีทางแล้วเหมือนกัน ให้แม่ตายตอนนี้ เพื่อชดใช้หนี้ของลูก...”จางกุ้ยหลานร้องสะอื้น พร้อมทั้งกระแทกใส่กำแพงอย่างแรงกระแทกไปเพียงสองครั้ง ผ้าก๊อซบนหัวของเธอก็เริ่มมีเลือดไหลออกอีกครั้ง“หยุดนะ!”หลี่ฮุ่ยหรานคว้าแม่ของตัวเองไว้ ก่อนจะตะโกนว่า :“แม่เอาการฆ่าตัวตายมาข่มขู่อยู่ตรงนี้ แล้วจะเอาชีวิตมาชดใช้หนี้ของหนูได้ยังไง? แทนที่แม่จะคิดหาวิธีดี ๆว่าควรจะเอาเงินกลับมาได้ยังไง!”“ตอนนี้แม่หาหลี่เหวินเชา ให้เขารีบมาที่นี่!”หลี่ฮุ่ยหรานพูดขึ้นด้วยความโกรธ“ได้ได้ได้....”จางกุ้นหลานเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมา ก่อนจะรีบต่อสายหาหลี่เหวินเชาทันทีแต่เสียงดังไม่กี่ครั้ง หลี่เหวินเชาก็ตัดสายไป“หืม? เกิดอะไรขึ้น?”หลี่ฮุ่ยหรานมองไปที่หลินเฟิงอย่างสงสัย หรือว่าหลี่เหวินเชาจะถูกน้องชายของโจวเซวียโหลวจับตัวไปแล้ว?“ผมโทรเอง”หลินเฟิงเดินเข้ามา แล้วเอาหมายเลขโทรศัพท์มือถือของหลี่เหวินเชาจากจางกุ้ยหลานและกดโทรออกเสียงดังขึ้นสองครั้ง หลี่เหวินเชา
หลังจากที่ทุกคนพูดถึงหลี่เหวินเชากันสักพัก หลี่ฮุ่ยหรานก็กลับมาเข้าเรื่องอีกครั้ง“แล้วบาดแผลของแม่เป็นยังไงบ้าง?”“เมื่อหาหลี่เหวินเชาไม่เจอ และก็ไม่เห็นโจวเซวียโหลว คุณป้าก็เลยทำได้เพียงไปเอาเงินที่เจี้ยนหงกรุ๊ป”“แต่เจี้ยนหงกรุ๊ปกลับให้เหตุผลว่าคุณป้าเซ็นสัญญาที่ไม่สามารถคืนเงินได้ ดังนั้นคุณป้าก็เลยเอะอะโวยวายกับพวกเขา ผลสุดท้ายก็เกิดเรื่องกระทบกระทั่งกับพวกเขา และไม่ระวังจนหัวไปกระแทกกับกำแพงเข้า”จางซินแบมือออก พร้อมกับอธิบายด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา“แม่ แม่นี่นะ......เฮ้อ แม่นี่เลอะเลือนแล้วจริง ๆ!”หลี่ฮุ่ยหรานรู้ว่า จริง ๆแล้วเรื่องในครั้งนี้ไม่ควรตำหนิจางกุ้ยหลาน ถ้าจะตำหนิ ก็ทำได้เพียงตำหนิลูกชายที่เธอให้กำเนิดมานั้นช่างชั่วช้าเกินไปหลังจากที่หลอกแม่ของตัวเองแล้ว ก็หันหลังกลับไปหลอกพี่สาวของตัวเอง และถึงขนาดขายพี่สาวของตัวเองเพื่อเงินอีกด้วยพูดได้แค่ว่า ไอ้สารเลวที่ชั่วร้ายไร้ยางอาย“แม่ ไม่ต้องกังวล คราวนี้พวกคุณเสียเงินไปเท่าไหร? ให้หนูดูหน่อยว่าจะสามารถช่วยพวกคุณโปะช่วงโหว่ได้ชั่วคราวหรือไม่”หลี่ฮุ่ยหรานขมวดคิ้วก่อนจะถามขึ้นว่า :จางกุ้ยหลานอ้าปาก แต่กลับพูดไม่อ
ในตอนนี้จางซินเดินเข้ามาจากด้านนอกห้องพักผู้ป่วย เธอเห็นหลี่ฮุ่ยหรานก็ถอนหายใจออกมา“พี่ พี่รีบช่วยคุณป้าเถอะ”“ทำไมเหรอ?”ถึงแม้จะรู้สึกหงุดหงิด แต่หลี่ฮุ่ยหรานก็ยังฝืนเอ่ยปากออกมา“ฉันพูดเองแล้วกัน”จางกุ้ยหลานสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างไว เมื่อครู่ยังมีสีหน้าไม่ยินยอม ตอนนี้กลับหน้าบิดเบี้ยวเธออยากร้องไห้ก็ร้องไม่ออก ทำได้เพียงทอดถอนใจพูดว่า:“ฮุ่ยหราน แม่...แม่ทำผิดต่อลูก!”พูดจบ เธอก็จะชนเข้ากับกำแพงถึงแม้เห็นได้ชัดว่าเสแสร้งแกล้งทำ แต่หลี่ฮุ่ยหรานก็ยังรีบขวางจางกุ้ยหลานที่อารมณ์วู่วามเอาไว้“แม่ แม่เป็นอะไรกันแน่?”หลี่ฮุ่ยหรานฟังอย่างงุนงง จางกุ้ยหลานสร้างเรื่องอะไรให้เธออีก?“พี่ พี่รู้จักโจวโจวเสวียโหลวหนึ่งในสามผู้ยิ่งใหญ่ของเมืองเจิ้งเต๋อไหม?”จางซินที่อยู่ด้านข้างถามขึ้นมา“โจวเสวียโหลว?”หลี่ฮุ่ยหรานได้ยินชื่อนี้ หัวใจก็ใจกระตุก“ฉันรู้จัก ทำไมเหรอ?”“ไม่กี่วันก่อน เหวินเชากลับมา พอเขามาถึงเจียงโจว ก็มาหาฉันด้วยความรีบร้อน บอกว่ามีธุรกิจใหญ่...”จางกุ้ยหลานพูดทั้งสะอึกสะอื้น“ธุรกิจใหญ่ที่หลี่เหวินเชาพูดถึง ก็คือที่ดินผืนหนึ่งที่อยู่ในมือของโจวเสวียโหลว”จาง
แถมน้องชายคนนี้ก็ยังมีส่วนร่วมในขั้นตอนทั้งหมดอีกด้วยหลี่ฮุ่ยหรานถอนหายใจ และพูดว่า :“โจวเสวียโหลวไม่นับประสาอะไร แต่น้องชายคนนี้ของเขาเป็นถึงเสาหลักของเจี้ยนหงกรุ๊ปทั้งหมด แถมเขาก็ยังอยู่ในที่ลับมาโดยตลอดอีกด้วย”“ครั้งนี้ตั้งใจใช้นายเป็นเครื่องมือ ก็เป็นความคิดของเขาด้วย”“เมื่อครู่เขาบอกฉันหมดแล้ว”“งั้น...งั้นจะทำยังไงดี? ผมควรจะทำยังไงดี? พี่ ไม่อยากตาย! พี่ ขอร้องล่ะ ช่วยผมด้วย ช่วยผมด้วยนะ!”หลี่เหวินเชาตกใจมากจนล้มลงไปคุกเข่าอยู่ที่พื้นหากให้น้องชายของโจวเซวียโหลวรู้ว่าเขาคือคนที่ฆ่าโจวเซวียโหลวละก็ งั้นตัวเขาที่ไม่มีอำนาจและไม่มีใครปกป้องจะต้องเจอจุดจบที่น่าสังเวชมากแน่ ๆ“เหอะ เดิมทีฉันจะปล่อยโจวเซวียโหลวไปแล้ว แต่นายกลับยืนกรานที่จะเอาชีวิตเขา ตอนนี้นายเลยต้องมารับผลที่ตัวเองก่อไว้”หลินเฟิงกอดอก เห็นได้ชัดว่าไม่ต้องการที่จะจัดการเรื่องวุ่นวายนี้“หลี่เหวินเชา หลินเฟิงพูดถูกแล้ว แกต้องรับผิดชอบด้วยตัวแกเอง”หลี่ฮุ่ยหรานพูดอย่างเย็นชาว่า“แกคงไม่คิดว่าหลังจากที่แกวางแผนทำร้ายฉันแล้ว และยังอยากได้บริษัทและความบริสุทธิ์ของฉัน ฉันจะยังช่วยแกโดยไม่คำนึงถึงความแค้นใ
เห็นได้ชัดว่าเธอรู้ดีว่าถูกใครทำร้ายในเหตุการณ์อันตรายก่อนหน้านี้เมื่อวานหลี่เหวินเชากลับมาพึ่งพาเธอ เดิมทีเธอคิดว่าหลี่เหวินเชาไม่เหมือนกับจางซิน ดังนั้นเธอจึงจัดการตำแหน่งที่ว่างให้หลี่เหวินเชาแต่คิดไม่ถึงเลยว่าต่อมาหลี่เหวินเชาจะหักหลังเธอ“หากแกไม่ใช่น้องชายของฉัน ฉันคงฆ่าแกไปนานแล้ว!”หลี่ฮุ่ยหรานดุด่าเสียงดังลั่นและในตอนที่โดนด่า หลี่เหวินเชาก็ทำได้เพียงหดคอและก้มหน้าลงหลินเฟิงที่ไม่เคยเห็นหลี่ฮุ่ยหรานโกรธมากขนาดนี้มาก่อน รีบเอื้อมมือไปปลอบใจ แต่ก็คิดไม่ถึงว่าหลี่ฮุ่ยหรานจะโถมตัวเข้าหาหลินเฟิงโดยตรงพร้อมกับร้องไห้ในวินาทีถัดมา“หลินเฟิง มันเป็นเพราะอะไร เพราะอะไรกัน....”“คนในครอบครัวของฉันต่างก็เป็นแบบนี้กันหมดได้ยังไง?”“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรนะ ผมอยู่ที่แล้ว”หลินเฟิงตบหลังของหลี่ฮุ่ยหรานเบา ๆ พร้อมกับปลอบโยนเธออย่างระมัดระวัง“พี่ ขอโทษ....ผม....ผมก็ ถูกบังคับไม่มีทางเลือกเหมือนกัน....”หลี่เหวินเชาอธิบายอย่างอึกอักไม่กล้าพูด“ช่างเถอะ ฉันไม่อยากฟังแกอธิบาย”หลี่ฮุ่ยหรานเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งจริง ๆเธอใช้เวลาไม่นานก็จัดการกับความรู้สึกของตัวเองได้แล้ว พร้อมกับ
“ผู้หญิงคนนั้นผมบังเอิญเจอตอนกำลังคุยเรื่องธุรกิจที่ประเทศเวน่า เธอ....เธอเป็นฝ่ายยั่วยวนผมและให้ผม...แค่กแค่ก.....”“ให้ผมลงทุนที่ดินสองผืน จนได้กำไรไม่น้อย”ประธานโจวพูดอย่างอ่อนแรงว่า :“ด้วยเหตุนี้ผมก็ตกหลุมพลางของเธอ และไว้ใจเธอมาก”“แต่เมื่อไม่กี่วันก่อน เธอหนีไปจากผมแล้วแถม...แถมยังเอาทรัพย์สินส่วนใหญ่ของบริษัทผมไปด้วย แค่กแค่กแค่ก...”เมื่อพูดถึงตรงนี้ ประธานโจวก็โกรธมากอย่างเห็นได้ชัด“หากไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ ผม...ผมก็คงไม่หวาดกลัวว่าหลี่ซื่อกรุ๊ปจะดีเด่นขึ้นมา....”“เป็นแบบนี้นี่เอง”หลินเฟิงรู้สึกสะเทือนใจประธานโจวบอกว่าเขาพบกับฉู่ฮวาจิ่นที่ประเทศเวน่าหรือว่าฉู่ฮวาจิ่นคนนี้จะเป็นคนประเทศเวน่า?“ใช่....ใช่แล้ว คุณ...คุณชายหลิน”ประธานโจวที่เห็นว่าหลินเฟิงสนใจผู้หญิงคนนั้น และเพื่อความอยู่รอด เขาจึงรีบพูดว่า:“ผู้หญิงคนนั้นแพ้ดอกลิลลี่ อีกทั้งแพ้อย่างรุนแรง”“แพ้ดอกลิลลี่?”หลินเฟิงแอบจดจำไว้ในใจ ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้เลือกที่จะฆ่าประธานโจวโดยตรง แต่ถามเขาเกี่ยวกับฉู่ฮวาจิ่น ก็ยังได้ข้อมูลอะไรบางอย่างด้วยแน่นอนว่า เรื่องก็อาจจะเป็นเรื่องที่โกหกขึ้นมาแต่เมื่อ
นี่เป็นร่างกายที่เหมือนกับเทพเพียงแต่พลังชี่แท้ของเขายังคงเป็นขั้นเซียนเทียนต้าหยวนหม่าน“ถ้าหากฉันเรียนรู้ที่จะลอยตัวได้ และปล่อยคาถา ก็จะเป็นเทพจริงๆ แล้วใช่ไหม?”“หรือพูดว่า...ขอบเขตเทพ?”หลินเฟิงลังเลเล็กน้อยหรือว่าร่างกายของเขาตอนนี้ได้บรรลุขอบเขตเทพแล้ว?นี่คือระดับขั้นที่อยู่เหนือแดนแปรภาพยอดฝีมือขอบเขตเทพทั่วทั้งประเทศมังกร สามารถใช้นิ้วนับได้หลินเฟิงตั้งสติ กวาดสายตามองลูกสมุนที่คุกเข่ากราบเขาอยู่รอบๆ ก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า:“ไสหัวไป”“ครับครับครับ ท่านเทพผู้ยิ่งใหญ่ พวกเราไสหัวไป จะไปเดี๋ยวนี้ครับ”“รีบไป...ไม่ รีบไสหัวไป ไสหัวไปสิ...”มองดูพวกลูกสมุนหลายสิบคนที่ทิ้งอาวุธหนีไป หลินเฟิงกลับไม่ได้ตามไปโจมตีเขาไม่ใช่คนที่ฆ่าไม่เลือก คนเหล่านี้ถึงแม้จะมีโทษประหาร แต่ไม่มีความท่าทีจะต่อสู้แล้ว แลก็ไม่ได้ขวางทางหลินเฟิงเช่นนั้นหลินเฟิงก็ขี้เกียจจะสนใจ“เอาล่ะ”หลินเฟิงยื่นมือไปจับคอเสื้อของหลี่เหวินเชา เหมือนกับยกลูกไก่ขึ้นมาส่วนประธานโจว ตอนนี้หน้าเละเทะ คนทั้งคนเหลือลมหายใจอยู่แค่เพียงครึ่งเดียวดูท่าเพื่อที่จะรอดชีวิต หลี่เหวินเชาลงมือไดด้อย่างไ
“พรวด!”หลินเฟิงไม่ได้ใช้พลังชี่แท้ เขายกเท้าขึ้น เตะร่างกายท่อนบนของหานเวยจนระเบิดออกมองดูเลือดสดและเนื้อที่กระเด็นไปทั่ว สีหน้าของประธานโจวกับหลี่เหวินเชาเปลี่ยนไปซีดขาวโดยสิ้นเชิง“นี่...นี่เขาแม่งใช่คนเหรอ?”ประธานโจวเหลือบมองหลี่เหวินเชา อยากจะตบหน้าเขาต่อหน้าทุกคน เขาแม่งเชิญพญายมมาจากที่ไหนกัน?หรือว่าตั้งใจอยากจะฆ่าเขางั้นเหรอ?“ผม...เป็นไปได้ยังไง...”หลี่เหวินเชาหน้าตาโศกเศร้า สีหน้าของเขาแย่ยิ่งกว่าประธานโจว คนทั้งคนแทบเหมือนกับถูกสูบกระดูกอ่อน ตัวอ่อนทรุดนั่งลงบนพื้นอย่างสั่นเทาถ้าหากหลินเฟิงตามมาจะไม่ฆ่าเขาได้ในทันทีเลยเหรอ?นึกถึงเรื่องเลห่านี้ที่ตัวเองทำ และคำพูดรุนแรงที่เขาพูดกับหลินเฟิงเมื่อครู่นี้ เขาก็อดไม่ได้ที่อยากจะตบหน้าตัวเอง“นี่...ทำยังไงดี?”หลี่เหวินเชางุนงงไปหมด เขาพยายามคิดหาวิธีให้ตัวเองรอดชีวิตไปได้ และในตอนนี้เอง เขาก็เห็นสายตาที่ดุเดือดของประธานโจวที่มีต่อเขาเช่นเดียวกันหลี่เหวินเชาที่กำลังกระวนกระวายในตอนแรก เป็นเหมือนกับหมาป่าที่ถูกต้อนจนสิ้นหวัง กลับเผยสายตาดุดันออกมาใส่ประธานโจว “ทั้งหมดเป็นเพราะแกข่มขู่ฉัน! แม่งเอ๊ย!”หลี่เหวิน
ตอนนี้ ทุกคนต่างคิดว่าคนที่พ่ายแพ้และมีเลือดไหลออกมาก็คือหลินเฟิงแต่...“แค่กแค่กแค่ก.พี่ใหญ่ รีบ...รีบหนี”เสียงไอที่อ่อนแรงดังขึ้นมาท่ามกลางหมอกควัน“อะไรกัน?!”หานเวยที่กุมข้อมือที่หักของตัวเอง คุกเข่าอยู่บนพื้นถลึงตาโต เขาได้ยินอะไร?เขาเหมือนกับได้ยินเสียงที่อ่อนแรงของน้องชายตัวเองแถมยังให้เขาหนีไปอีก?ตกลงมันเรื่องอะไรกันแน่?ไม่ถึงสองวินาที ควันฝุ่นหายไปจนหมด ในที่สุดหานเวยก็เห็นภาพตรงหน้าแล้วเห็นเพียงแค่หลินเฟิงยื่นหมัดออกมาอย่างเงียบสงบคิดไม่ถึงว่าจะโจมตีโดนหน้าอกของหานกั๋วโดยตรงแบบนี้!ศพของหานกั๋วห้อยอยู่ที่แขนของหลินเฟิง แขนกับศีรษะตก ไม่มีลมหายใจแล้ว!“อะไร?!”หานเวยตกตะลึงจนหน้าถอดสี น้องชายของเขาถูกหมัดธรรมดาๆ แบบนี้...ฆ่าตายงั้นเหรอ?!”“ฮะ?!”หลี่เหวินเชาก็แสดงความตกตะลึงออกมากับผลลัพธ์แบบนี้เป็นเพราะเขารู้ว่าหลินเฟิงก็เป็นนักบู๊ถึงแม้จจะออกจากเมืองเจียงโจวไประยะหนึ่งแล้ว แต่เขาได้ยินมาจากที่ต่างๆ ว่าความสามารถของหลินเฟิงนั้นแข็งแกร่งมากด้วยเหตุนี้ เขาจึงเตือนประธานโจวโดยเฉพาะและประธานโจวก็ไม่ได้สะเพร่า จ่ายเงินไปก้อนใหญ่ เชิญพี่น้องตระกูลหาน