"คุณหลิน ต้องการให้ผมแจ้งพี่น้องของผมไหม?" จ้าวเทียนหวาถามหลินเฟิงขมวดคิ้ว ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโหดร้าย"ไม่จำเป็น ผมจะไปที่ไนต์คลับเทียนตู""ถ้าหลี่ฮุ่ยหรานเกิดเรื่อง ผมก็จะฆ่าพวกเขาทั้งหมด"หลินเฟิงวางสายลุกขึ้นทันทีประตูของห้องเพรสซิเดนสูทถูกเปิดออกด้วยมือของเขาพายุไซโคลนที่มองไม่เห็นหมุนอย่างรวดเร็วในร่างกายของเขากำลังภายในร่างกายไม่สามารถระงับได้แล้ว……หลี่ฮุ่ยหรานลงจากรถลูกน้องของไนต์คลับเทียนตูดูเหมือนจะได้รับการแจ้งการมาของเธอมาก่อนแล้วเมื่อเห็นหลี่ฮุ่ยหราน พวกเขาก็พาเธอไปที่สำนักงานชั้นบนสุดทันทีหลังจากเปิดประตู หลี่ฮุ่ยหรานก็มองเห็นหลอเฟยหู่ที่ยืนอยู่หน้าหน้าต่างยาวสูงหกฟุต ร่างใหญ่ มีรอยแผลลึกบนใบหน้าของเขาทอดยาวจากด้านบนของศีรษะไปจนมุมปากทำให้เห็นแล้วเสียวสันหลังหลอปินนั่งอยู่บนรถเข็นจ้องมองไปที่หลี่ฮุ่ยหรานดวงตาที่เย็นชาของหลอเฟยหู่กวาดสายตามองเธอ "คุณก็คือหลี่ฮุ่ยหรานใช่ไหม"หลี่ฮุ่ยหรานโค้งคำนับอย่างลึกซึ้ง "ท่านหลอคะ เรื่องวันนี้ต้องบอกขอโทษจริงๆ""ฉันมาเพื่อต้องการขอโทษกับท่านด้วยตัวเอง""มึงคิดว่าแค่คำขอโทษจะมีประโยชน์อะไรเหรอ"
ควันค่อยๆ กระจายออกไป ร่างของหลินเฟิงก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าผู้คนหลัวเฟยหูหรี่ตาลงเล็กน้อย และจ้องมองไปที่หลินเฟิง"คุณคือใคร?"หลินเฟงไม่ตอบ แต่มองไปที่ หลีฮุ่ยหรานที่อยู่บนพื้นถามด้วยเสียงเย็นชา "คุณทำร้ายเธอหรือเปล่า?"หลัวปินที่นั่งอยู่บนรถเข็นเห็นหลินเฟิง มุมตากระตุก ชี้ไปที่เขาแล้วตะโกนด่า "พ่อ นี่คือไอ้สารเลวที่ทำร้ายผม"“วันนี้ห้ามปล่อยให้เขาหนีไปเด็ดขาด”หลัวเฟยหูหายใจเข้าลึกๆ ดวงตาแฝงไปด้วยเจตนาฆ่า "เด็กดี ผมไม่ได้ไปหาคุณ แต่จริงๆแล้วคุณมาหาผมที่หน้าประตูบ้าน"ดวงตาของหลินเฟิงแดงกร่ำ สองมือกำหมัดแน่นตอบทีละคำทีละประโยค "ฉันถามคุณอยู่นะ""ฮึ่ย"หลัวเฟยหูตะคอก "ถ้าผมทำร้ายแล้วยังไง?""รนหาที่ตายนะ"หลินเฟิงตะโกนด้วยความโกรธ รีบวิ่งไปหาหลัวเฟิงหูเหมือนลูกกระสุนปืนใหญ่ ทำให้เกิดลมกระโชกแรง"แก......"ดวงตาของหลัวเฟิงหูเบิกกว้าง รู้สึกเหลือเชื่อ เด็กคนนี้เร็วเกินไปแล้วแต่เขาใช้ชีวิตบนเส้นทางนี้หลายปี ไม่ได้อ่อนแอไร้ความสามารถพริบตาเดียวก็ดึงดาบบนโต๊ะทำงานออกมาไม่ทันจับร่างของหลินเฟิง ก็ฟันออกไปโดยไม่รู้ตัวหลินเฟิงหลบทัน ใบมีดคมก็กรีดเสื้อผ้าของเขาหมัดฟาดเ
หลินเฟิงไร้ความปราณี ยกมีดขึ้น และสังหารหลัวเฟยหูเพียงฉับเดียวกษัตริย์รุ่นหนึ่งแห่งเขตซีเฉิง ก็ล่มสลายหลัวปินที่นั่งอยู่บนรถเข็นก็สั่นไปทั้งตัวมองดูศพของพ่อตัวเอง เขารู้สึกว่าทั้งหมดเป็นเรื่องไม่ช่ความจริงพ่อของตัวเองเป็นคนที่รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้งมาตายเอาตอนนี้เหรอ?หลัวปินหมุนล้อรถเข็นของเขาอย่างสิ้นหวัง พยายามหลบหนีจากสำนักงานที่เหมือนกับนรกบนดินนี้หลินเฟิงเตะเขาลงไปกองบนพื้น"ไว้ชีวิต ไว้ชีวิตด้วยหลินเฟิง... ผมรู้ว่าผมคิดผิด ผมไม่ควรทำร้ายหลี่ฮุ่ยหราน ได้โปรดปล่อยผมไปเถอะ..."หลัวปินสูญสิ้นความเย่อหยิ่งทั้งหมด คุกเข่าคำนับลงบนพื้นอย่างสิ้นหวังตอนนี้เขาเสียใจจริงๆ น่าจะรู้ตั้งนานแล้วว่าเบื้องหลังหลี่ฮุ่ยหรายมีคนฝีมือดีขนาดนี้ ต่อให้ยืมผู้กล้าสักสิบคน เขาก็ไม่กล้ายั่วยุหลี่ฮุ่ยหรานหลินเฟิงมองลงไป น้ำเสียงของเขาเย็นชาราวกับยมทูต "เสียใจตอนนี้ ก็สายเกินไปแล้ว"ทันทีที่พูดจบ ศีรษะของหลัวปินก็กระเด็นไปอีกจุดหลินเฟิงเก็บดาบ กอดหลี่ฮุ่ยหรานที่หมดสติและออกจากห้องทำงานตอนนี้ ฉินหยิงได้รับคำสั่งให้ไปไนต์คลับเทียนตูเพื่อรับรองความปลอดภัยของหลินเฟิง เธอพาผู้เชี่ยวช
ตอนนี้หวังเส้าหลงก็มารวมกลุ่มกับหลี่ฮุ่ยหรานและมองเธอด้วยความกังวล "ฮุ่ยหรานไม่เป็นไรใช่ไหม?"หลี่ฮุ่ยหรานลูบหัวแล้วพูดว่า“ไม่ใช่เรื่องใหญ่... ฉันจำได้ว่าอยู่ในห้องทำงานของหลัวเฟยหู คุณมาที่นี่ได้ยังไง?”จางกุ้ยหลานตอบว่า "นี่ยังไม่นับว่ากังวลเหรอ? นี่ถึงขนาดให้หวังเส้าพาฉันมาดูด้วย"“ใช่ คุณหลัวไม่ได้ทำอะไรคุณใช่ไหม?”หลี่ฮุ่ยหรานแตะแก้มเขาเบาๆจากนั้นก็ลูบๆเสื้อผ้าของตัวเองอีกครั้ง ดูเหมือนว่านอกจากถูกหลัวเฟยหูตีสองสามครั้ง ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ“ฉันไม่เป็นไร แต่ทำไมหลัวเฟยหูถึงปล่อยฉันไป?”หลี่ฮุ่ยหรานรู้สึกสับสนเล็กน้อยเมื่อกี้ชายหนุ่มในออฟฟิศอยากจะฉีกตัวเองเป็นชิ้นๆจู่ๆ จางกุ้ยหลานก็นึกได้ว่า "นี่ต้องขอบคุณหวังเส้าที่ช่วยชีวิตลูกไว้""ดูสิ ไนต์คลับเทียนตูโดนคนจากจวนผู้ว่าการปิดล้อมไว้"หลี่ฮุ่ยหรานจ้องมองแม่ของเธอมีคนมากมายยืนอยู่หน้าไนต์คลับเทียนตูดูจากเครื่องแบบที่พวกเขาสวม คงมาจากจวนผู้ว่าจริงๆจางกุ้ยหลานพูดด้วยท่าทีประจบประแจง "คุณชายหวัง นึกไม่ถึงว่าพ่อของคุณจะเก่งขนาดนี้ ที่แท้ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับจวนผู้ว่าด้วย!""เอ่อ......"สีหน้าของหวังเส้าหลง
หลินเฟิงตกตะลึง คิ้วขมวดเธอไปขอร้องถังหว่านจริงเหรอ?มิน่าล่ะที่ฉินหยิงจะอยู่ที่นี่เขาเพิ่งเปิดเผยความสัมพันธ์ระหว่างฉินหยิงและถังหว่านไป หลี่ฮุ่ยหรานก็ผลักเขาออกไปหลินเฟิงรีบคว้าข้อมือของเธอ "ข้างในอาจเข้าใจผิดกัน ... "“ไม่ต้องอธิบายแล้ว จากนี้คุณก็เป็นสุนัขรบใช้ของถังหว่านต่อไปได้”หลี่ฮุ่ยหรานสบัดแขนของหลินเฟิงออกไปด้วยความรังเกียจจากไปด้วยความโกรธจางกุ้ยหลานมองเขาด้วยความรังเกียจ "จะบอกความจริงให้นะ ฮุ่ยหร่านโทรเรียกพี่หญิงคนโตของตระกูลถังด้วยตัวเอง แต่เค้าไม่สนว่าคุณจะเป็นหรือตาย"“เพราะลูกสาวฉันสงสารคุณ และไปขอร้องคุณหลัวด้วยตัวเอง”“ถ้าไม่ใช่เพราะฮุ่ยหราน คุณตายก็คงไม่รู้ว่าตายยังไง”หลินเฟิงตัวแข็งทื่อ สงบสติอารมณ์ได้แปบเดียวคิดไม่ถึงว่าหลีฮุ่ยหรานมาหาหลัวเฟยหู เพื่อขอความเมตตาให้ตัวเองสิ่งที่เพิ่งพูดไปเมื่อกี้แรงไปหน่อยจริงๆแต่หลี่ฮุ่ยหรานเดินไปไกลแล้วหวังเส้าหลงกลับยิ้มมุมปาก ในบรรดาคนทุกคนมีแต่เขาที่มีความสุขที่สุดจางกุ้ยหลานมองหลินเฟิงอย่างดูถูก และจากไปพร้อมกับหวังเส้าหลงในคืนที่หนาวเหน็บ มีแค่หลินเฟิงยืนอยู่คนเดียว บนถนนอันกว้างใหญ่อย่างเงียบ
ในเมืองหลวงเจียงโจวหลิวกั๋วฮุ่ยไอไม่หยุดบนเตียง และไอเป็นเลือดเป็นครั้งคราว“หมอจาง ทำไมอาการป่วยของผมถึงรุนแรงขนาดนี้?”เวลานี้จางเต๋อหลินยิ่งสับสนมากขึ้นลูบเคราตัวเองไม่หยุด“คุณหลิว ชีพจรของคุณผิดปกติมาก ช่วงนี้ได้กินอะไรที่ไม่ควรกินหรือเปล่า?”หลิวกั่วฮุ่ยส่ายหัวแล้วส่ายอีกและตอบว่า "ไม่นะ ช่วงนี้ผมกินยาตามปกติตามคำแนะนำของคุณ"จางเต๋อหลินยิ่งสับสนมากขึ้นไปอีกเขากัดฟันแล้วพูดว่า "คุณหลิว อาการป่วยของคุณแปลกเกินไป ผมช่วยคุณไม่ได้แล้ว!"“อะไรนะ? เป็นอย่างนี้ได้ไง?”หลิวไห่เทาที่อยู่ด้านข้างก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและคว้ามือของจางเต๋อหลิน "หมอจาง คุณเป็นหมอเทวดาอันดับหนึ่งในเมืองเจียงโจว คุณต้องหาทางช่วยพ่อของผมให้ได้"จางเต๋อหลินพูดอย่างขมขื่น "แน่นอนว่าผมไม่ต้องการให้เกิดอะไรขึ้นกับคุณหลิว แต่ทักษะทางการแพทย์ของผมมีจำกัด""จริงๆแล้ว......"เขาพูดไม่จบครึ่งประโยค โดยพื้นฐานแล้วไม่มีความหวังหลิวไห่เทาหมดเรี่ยวแรง เดินโซเซไปนั่งข้างๆพ่อหลิวไห่เทาสงบมากตอนนี้ "ก็แค่นั้นแหละ เกิดแก่เจ็บตายล้วนเป็นเรื่องปกติ ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงโชคชะตาได้"บรรยากาศในห้องนอนมืดมน
ขณะนี้ เสียงเคาะประตูดังขึ้นรัวๆหลินเฟิงเปิดประตู มีชายแปลกหน้ายืนอยู่ที่หน้าประตูสวมชุดสูทและรองเท้าหนังดูเหมือนมีฐานะไม่น้อยข้างหลังเป็นชายฉกรรจ์สวมชุดสูทและแว่นกันแดด"คุณคือ?"หลิวไห่เทาไม่พูดให้เสียเปล่า จึงพูดตรงๆ "ผมเป็นลูกชายของหลิวกั๋วฮุ่ย คุณคือหลิวเฟิง?"ได้ยินมาว่าเขาเป็นลูกชายของหลิวกั๋วฮุ่ยหลินเฟิงเข้าใจทันที“ดูเหมือนอาการป่วยของพ่อคุณ จะร้ายแรงกว่าที่ผมคิด”เมื่อได้ยิน หลิวไห่เทาก็คว้าคอเสื้อของหลินเฟิง“ไอ้หนู แกทำอะไรพ่อฉันหรือเปล่า?”แม้ว่าพ่อของตัวเองจะป่วยหนัก แต่ปกติก็ปลอดภัยไม่มีโรคภัยไข้เจ็บหลังพบกับเด็กคนนี้อาการก็ไม่ปกติถ้าเด็กคนนี้ไม่ลงมือ เขาก็คงไม่เชื่อหลินเฟิงหัวเราะ "พ่อของคุณป่วยหนัก ปอดของเขาได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงตอนเป็นเด็ก จวนจะไม่ไหวเต็มทีแล้ว"“ถ้าผมอยากฆ่าเขา แค่ดีดนิ้วเดียวก็ทำได้ ทำไมต้องสร้างปัญหาให้ใหญ่โตด้วย”หลิวไห่เทาคิดอยู่นาน และพูดอย่างเย็นชา "ไอ้หนู ตามมารักษาโรคของพ่อฉันเดี๋ยวนี้"“ถ้ารักษาหายแล้ว อยากได้อะไรขอแค่บอกมา แต่ถ้ายังไม่หาย ผมก็ไม่สนว่าคุณกับถังหว่านจะเป็นอะไรกัน”“ผมยังกำจัดคุณได้”ดวงตาของหลิ
ทุกคนรีบวิ่งไปที่ประตูไม่มีเงาของหลินเฟิงเลย มีเพียงหลิวไห่เทาเท่านั้น ที่วิ่งกลับมาโดยกดแขนตัวเองไว้“ไห่เทา หลินเฟิงคนนั้นล่ะ?” เจ้าแห่งสำนักดาบสวรรค์ถามอย่างเร่งรีบหลิวไห่เทากัดฟันแล้วพูดว่า "ไอ้เด็กคนนั้นหยิ่งเกินไปจริงๆ บอกว่าปอดของพ่อผมบาดเจ็บสาหัสตอนเป็นเด็ก จริงๆควรจะตายนานแล้ว"“ยังอยากให้พ่อผมไปหาเขาด้วยตัวเองอีก”“ผมอยากจะฆ่าเขา แต่โดนเขาหักแขนก่อน”"อะไรนะ?"เจ้าแห่งสำนักดาบสวรรค์ตะโกนด้วยความโกรธ "ไอ้เด็กนี้มันบ้าไปแล้วจริงๆ ให้ผมจับเขาเองเถอะ"“เดี๋ยวก่อน” จางเต๋อหลินตะโกนเสียงดัง รีบวิ่งไปหาหลิวไห่เทา "เมื่อกี้พูดอะไรนะ?"“เขารู้จริงๆว่าเกิดอะไรขึ้นกับพ่อของคุณตอนยังเด็กเหรอ?”หลิวไห่เทาตกตะลึงและพูดว่า "ผมคิดว่าเด็กคนนั้นแค่พูดไร้สาระ พ่อของผมไม่เคยบอกเรื่องนี้กับผมเลย"จางเต๋อหลินหายใจเข้าลึกๆ "หัวใจและปอดของหลิวซือโส่วได้รับบาดเจ็บสาหัสจริงๆ ตอนเขายังเด็ก แต่อาการบาดเจ็บที่หัวใจและปอดหายดีนานแล้ว"“นอกจากผม เขาก็ไม่เคยเล่าให้ใครฟังเลย”“แม้แต่ถังหว่านก็ไม่รู้!”หลังได้ยินแบบนี้ ทุกคนก็มองหน้ากันทันที“นี่… เป็นไปได้ไหมที่เด็กคนนั้นจะมีความสามารถจริง
จางกุ้ยหลานถูกหลอกให้ซื้อที่ดินแห่งนี้เอาไว้ นั่นก็คือที่ดินที่ฉู่ฮวาจิ่นบอกหลินเฟิงก่อนหน้านี้ว่า มูลค่าจะเพิ่มขึ้นไม่ใช่แค่สิบเท่าอย่ามองว่าหลินเฟิงตอนนี้ใช้เงินสองพันห้าร้อยล้านบาทซื้อที่ดินเอาไว้ผ่านไปอีกสองเดือน เกรงว่ามูลค่าของที่ดินแห่งนี้จะพุ่งขึ้นสูงด้วยความเร็วจรวด ไม่ใช่แค่เพียงสองหมื่นห้าพันล้านบาท!จางกุ้ยหลานกับจางซินและคนอื่นๆ ยังหัวเราะเยาะหลินเฟิงว่าเป็นคนโง่ที่ถูกหลอกให้ใช้จ่ายเงินเมื่อดูแบบนี้แล้ว อันที่จริงพวกเธอต่างหากที่เป็นคนโง่มากที่สุด ถ้าหากพวกเธอได้รับรู้ข่าวสารนี้ภายหลัง จะต้องโมโหจนโรคหัวใจกำเริบหลินเฟิงบอกเรื่องนี้กับหลี่ฮุ่ยหรานช้าๆหลี่ฮุ่ยหรานอ้าปากกว้างในทันที และมีใบหน้าตกตะลึง“นี่มันเรื่องจริงเหรอ?!”“น่าจะผิดพลาดไม่ได้”หลินเฟิงพยักหน้า เพื่อเป็นการยืนยัน แถมยังโทรศัพท์ไปหาจ้าวเว่ย ต่อหน้าหลี่ฮุ่ยหรานจ้าวเว่ยถึงแม้จะเป็นเพียงแค่ผู้จัดการที่ควบคุมงานประมูล แต่ในฐานะพนักงานภายในหน่วยงานพัฒนาเมืองเจิ้งเต๋อ ก็ยังสามารถได้ยินข่าวคราวนโยบายอยู่บ้างเขาได้ยินการสอบถามของหลินเฟิง พูดขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย:“คุณหลิน เรื่องพื้นที่พักอาศัยผมไม่ท
รับสมัครพวกแก๊งเขี้ยวเขียวเหล่านี้ หลังจากที่หลินเฟิงจัดแจงพวกเขาให้พักอาศัยอยู่ในที่แห่งนี้เพิ่งขึ้นรถ บนใบหน้าก็เผยความดิ้นรนที่แปลกประหลาดออกมา“เป็นอะไรไปหลินเฟิง มีตรงไหนผิดปกติงั้นเหรอ?”หลี่ฮุ่ยหรานรีบถามขึ้นมา“ไม่ใช่”หลินเฟิงมองหลี่ฮุ่ยหรานด้วยความประหลาดใจ สุดท้ายก็ทำการตัดสินใจ ทอดถอนใจพูดว่า:“ฉันพูดความจริงกับนายแล้วกัน วันนั้นลูกค้าที่ชื่อคุณฉู่คนนั้นของคุณ อันที่จริงคือมือสังหารหญิงอันดับหนึ่งของลำดับมืด”“อะไรนะ?!”หลี่ฮุ่ยหรานงุนงง ถึงแม้เธอคิดว่าคุณฉู่คนนั้นจะท่าทางไม่ธรรมดา อีกทั้งดูก็รู้ว่าเป็นคนที่มีเบื้องหลัง แต่พูดว่าเป็นมือสังหารหญิงอันดับหนึ่งของลำดับมืดความแตกต่างของสถานะนี้มันมากเกินไปหน่อยแล้วหลี่ฮุ่ยหรานตกตะลึงจนพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่งผ่านไปครู่ใหญ่ เธอถึงได้รู้สึกคอแห้งผาก มองไปทางหลินเฟิง และพูดขึ้นอย่างยากลำบาก: “ความหมายของคุณก็คือ...หลี่ซื่อกรุ๊ปล้มเลิกการร่วมมือกับเธองั้นเหรอ?”“ไม่ ผมไม่ได้หมายความแบบนี้”หลินเฟิงส่ายหน้าแล้วพูดเสียงเคร่งขรึมว่า:“เธอไม่ได้ตั้งใจปิดบังสถานะของเธอต่อหน้าผม แต่กลับบอกผมโดยตรงผ่านวิธีบางอย่าง“งั้นเธอ
หลินเฟิงโบกมือพูดว่า: “ฉันไม่มีความคิดที่จะเป็นหัวหน้าแก๊งอะไรหรอกนะ เพียงแคร ต่อไปพวกนายห้ามทำความชั่วอีก”หลินเฟิงจับทรงผมโมฮอร์กของจิ่วเทา และสะบัดไปมาจากนั้นพูดว่า:“ตัดผมให้เรียบร้อย ฉันจะส่งคนมารับช่วงต่อ ส่งชุดฟอร์มที่เหมือนกันมาให้พวกนาย นับตั้งแต่วันนี้ พวกนายก็คือสมาชิกหน่วยใต้ดินของหน่วยรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ปแล้ว!”“ฮะ?”จิ่งเทาตั้งตัวไม่ทัน“ฮะอะไรกันล่ะ? หรือว่าพวกนายไม่เต็มใจ?”หลินเฟิงกวาดตามองพวกอันธพาลเหล่านี้ พวกอันธพาลส่วนหนึ่งในนั้นคุกเข่าให้หลินเฟิงด้วยความซาบซึ้งทันทีในเมื่อการเป็นอันธพาล บางครั้งไม่ใช่ว่าพวกเขาอยากเป็นจริงๆแต่เป็นเพราะเกิดมาฐานะไม่ดี ไม่มีความรู้อะไร และก็ไม่มีความสามารถ ดังนั้นทำได้เพียงใช้ชีวิตไปวันๆแบบนี้สู้รบฆ่าฟันแต่ได้ยินข่าวที่พวกเขาถูกบริษัทใหญ่รับจ้าง คนจำนวนไม่น้อยมีสีหน้าต่อต้าน แต่ก็มีคนเผยความหวังออกมาเช่นกัน“คือว่า…หัวหน้าหลิน มี…มีเงินเดินไหม?”อันธพาลคนหนึ่งถามขึ้นกล้าๆ กลัวๆ“พูดไร้สาระ ประกันสังคม 5 รายการ และกองทุนที่อยู่อาศัย 1 รายการ แล้วยังมีเงินเบี้ยเลี้ยง เงินค่าอาหาร หรือถ้าพวกนายอยากคลอดลูกข ก
หลินเฟิงคิดไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยว่า : ในเมื่อเป็นแบบนี้ ฉันมีเงื่อนไขในการ่วมมืออย่างหนึ่ง ไม่รู้ว่านายจะยอมฟังหรือเปล่า?” “ เงื่อนไขอะไร?”ท่านจิ่วตกตะลึงไปชั่วครู่ ก่อนที่เขาจะมองไปทางหลินเฟิงด้วยแสงแห่งความหวังที่ผุดขึ้นในใจหากไม่ต้องออกจากเมืองเจิ้งเต๋อ พวกเขาก็คงไม่อยากออกไปอย่างแน่นอน“ฉันจะจัดการแก๊งอีกสองแก๊งให้พวกนาย ทำให้พวกนายยังอยู่ในเมืองเจิ้งเต๋อต่อไปได้”“แน่นอน เงื่อนไขก็คือพวกนายจะต้องยอมเชื่อฟังหลี่ซื่อกรุ๊ป ซึ่งก็คือ....”หลินเฟิงชี้ไปที่หลี่ฮุ่ยหราน ก่อนจะพูดอย่างยิ้ม ๆว่า :“คนนี้ ประธานของหลี่ซื่อกรุ๊ป ประธานหลี่”“อ่ะ?!”หลี่ฮุ่ยหรานรู้สึกสับสนอันธพาลที่อยู่โยรอบ รวมถึงท่านจิ่วต่างก็รู้สึกสับสน“ทำไม? พวกนายไม่ยอมรับงั้นเหรอ?”หลินเฟิงขมวดคิ้วอย่างจงใจ“ยอมสิ ยอมแน่นอน เพื่อนและครอบครัวของพวกพี่น้องหลายๆ คนของพวกเราต่างก็อยู่ในเมืองเจิ้งเต๋อ เว้นแต่ไม่มีทางเลือก พวกเราก็ไม่ยอมออกไปจากเมืองเจิ้งเต๋อหรอก เพียงแต่...”ท่านจิ่วรู้สึกลำบากใจ“เพียงแต่อะไร?”“เพียงแต่....”ท่านจิ่วจ้องมองไปที่หลินเฟิง แต่ก็ไม่สามารถพูดออกไปได้จริง ๆเขาก็อยากจะพูดว
ดูเหมือนว่าอันธพาลแก๊งหมาป่าสีเลือดพวกนี้ต้องการที่จะหนีหลินเฟิงก้าวไปข้างหน้าขัดขวางทางหลบหนีของท่านจิ่วก็เลยได้แต่บอกว่าหลินเฟิงชื่นชมท่านจิ่วอย่างมากเขายอมรับว่า หมัดที่ตัวเขาเองเพิ่งจะปล่อยออกไปนั้นเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่เพราะหมดนี้ท่านจิ่วกลับสามารถรับรู้ถึงความแข็งแกร่งของตัวเขาเองได้ในทันที และตัดสินว่าพวกเขานั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินเฟิงการยอมรับความพ่ายแพ้อย่างไม่มีขอบเขตหากพูดจากมุมมองนี้ ท่านจิ่วก็เป็นคนที่ตรงไปตรงมาคนหนึ่ง“คิดจะหนี? จบแล้ว”หลินเฟิงพูดซ้ำกับสิ่งที่ท่านจิ่วเคยพูดไว้เหมือนเดิมทุกประการกลับคืนไป จากนั้นเขาก็ยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า :“ท่านจิ่ว...ที่นี่น่าจะไม่ใช่สมาชิกของแก๊งหมาป่าสีเลือดทั้งหมดหรอกใช่ไหม?”“อ่ะ?!”เมื่อได้ยินคำถามของหลินเฟิง ท่านจิ่วก็ถูกทำให้ตกใจจนเหงื่อแตกพลั่กหรือว่ายอดฝีมือคนนี้ต้องการจะจัดการกับแก๊งหมาป่าสีเลือด?เขากลืนน้ำลายอย่างยากลำบากพร้อมกับกัดฟันและพูดขึ้นว่า:“ท่านยอดฝีมือพูดถูก ที่นี่....ที่นี่เป็นเพียงส่วนเล็ก ๆของแก๊งหมาป่าสีเลือดของพวกเราเท่านั้น”“จริง ๆแล้ว....เมื่อเร็ว ๆนี้แก๊งหมาป่าของพวกเ
เมื่อท่านจิ่วออกคำสั่ง อันธพาลพวกนี้ก็รีบพุ่งเข้าไปเพื่อที่จะฉีกหลินเฟิงเป็นชิ้น ๆ โดยตรง“ไอ้หนู ฉันชื่นชมความกล้าหาญของนายมากนะ ไม่รู้ว่านายเป็นใครมาจากไหนงั้นเหรอ?”ท่านจิ่วหรี่ตาลง เมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้ชายที่ดูอวดดีและมั่นใจอย่างมากคนนี้ ในใจของเขาก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาเล็กน้อยหรือว่าเขาจะเป็นลูกชายของตระกูลที่มีอิทธิพลหรือเปล่า?หรือว่าเป็นลูกศิษย์ของสำนักหนานไห่?“ฉันคือ หลินเฟิง เป็นหัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ป”เมื่อหลินเฟิงตะโกนชื่อนี้ออกมาด้วยความมั่นใจ แม้แต่ท่านจิ่วก็เกิดภาพลวงตาบางอย่างขึ้นมาชั่วขณะหนึ่งหลี่ซื่อกรุ๊ป? หลี่ซื่อกรุ๊ปอะไร?หรือว่าที่เขาถึงก็คือหลี่ซื่อกรุ๊ปของเมืองเจิ้งเต๋อ? อ่ะ? หัวหน้าฝ่ายความปลอดภัย?ท่านจิ่วตั้งสติอยู่นาน ถึงได้เข้าใจหลังจากเข้าใจถึงตัวตนของหลินเฟิงแล้ว ความรู้สึกอับอาบขายหน้าก็ผูดขึ้นมาในใจเป็นมอันดับแรก ไอ้หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ปบ้าอะไรนั้น ก็เป็นแค่ยามเฝ้าประตูไม่ใช่เหรอ? แค่งยามคนเดียวก็กล้าข่มขู่ฉันงั้นเหรอ?ทันใดนั้นท่านจิ่วก็โกรธขึ้นมาทันที ก่อนจะตะโกนไปทางหลินเฟิงว่า:“ไปเลย
พวกเขาทั้งหมดต่างก็ถือไม้เบสบอลและมีดสปาต้า พร้อมกับปิดกั้นทางของหลินเฟิงและหลี่ฮุ่ยหรานไว้ในชั่วพริบตา อาคารที่พักอาศัยทั้งตึกก็เปลี่ยนจากอาคารร้างเป็นครึกครื้นทันที“ฮึ่ม ฮึ่ม ฮึ่ม!”พร้อมกับเสียงเครื่องยนต์รถจักรยานยนต์และเสียงร้องไม่กี่ครั้ง ก็มีอันธพาลขี่รถจักรยานต์นับสิบคนพุ่งเข้ามาจากด้านนอกของเขตที่พักอาศัยยางล้อรถเสียดสีกับพื้น ก่อนที่สพวกเขาจะหยุดลงที่ข้าง ๆหลินเฟิงและหลี่ฮุ่ยหรานในตอนนี้ทั้งสองคนไม่มีที่ให้ถอยกลับอีกแล้ว ทั้งสี่ทิศทางก็ถูกล้อมไว้อย่างแน่นหนา“ติดจะไปตอนนี้ ก็สายเกินไปแล้ว!”แล้วอันธพาลที่มีทรงผมโมฮอร์กก็หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง“ฮ่าฮ่าฮ่า....”อันธพาลที่อยู่โดยรอบต่างก็หัวเราะกันอย่างสนุกสนาน เสียงหัวเราะของผู้คนนับร้อย ดังมากจนทำให้อาคารที่พักอาศัยโดยรอบถึงกับสั่นสะเทือน“พวกคุณคิดจะทำอะไร?!”หลี่ฮุ่ยหรานเข้าใจว่า พวกเขาได้เข้ามาในถ้ำของพวกโจรแล้วถึงแม้ในใจจะมั่นใจในความแข็งแกร่งของหลินเฟิง แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนจำนวนมากขนาดนี้ในเวลาเดียว ก็ทำให้หลี่ฮุ่ยหรานอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหม่า
“ฮ่าฮ่าฮ่า....”แต่คิดไม่ถึงว่า หลังจากที่หลินเฟิงสำรวจทั้งกลุ่มเสร็จแล้ว จู่ ๆก็หัวเราะออกมาเสียงดังรอยยิ้มนี้ กลับทำให้พวกอันธพาลที่เข้ามาใกล้ ๆตกใจแทน“หลินเฟิง คุณเป็นอะไร?”หลี่ฮุ่ยหรานมองไปทางหลินเฟิงด้วยความกังวล หรือเป็นเพราะว่าจ่ายเงินสองพันห้าร้อยล้านบาทเพื่อซื้อที่ดินแย่ ๆแบบนี้ ก็เลยโกรธจนสติมีปัญหางั้นเหรอ?หลี่ฮุ่ยหรานที่คาดเดาความเป็นไปได้ต่าง ๆอยู่ในใจแต่เธอเห็นหลินเฟิงหัวกลับมา พร้อมกับยิ้มและกระพริบตาให้เธอและพูดว่า :“ถ้าหากผมเดาไม่ผิดละก็ ครั้งนี้แม่ของคุณจะต้องขาดทุนครั้งใหญ่”“อะไรนะ?”หลี่ฮุ่ยหรานเบิกตากว้างอย่างไม่เข้าใจในตอนนี้เธอรู้สึกหวาดกลัวอยู่เล็กน้อยจริง ๆว่าหลินเฟิงอาจจะมีปัญหาทางจิต“ที่ดินนี้ ไม่ถึงครึ่งเดือนก็ต้องถูกรื้อแล้ว เมืองเจิ้งเต๋อจะสร้างทางหลวงพิเศษที่ต้องผ่านทางจากตรงนี้พอดี!”หลินเฟิงหันหน้าไปมองหลี่ฮุ่ยหรานด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะพูดขึ้นว่า :“คุณรู้ไหมว่ามันหมายถึงอะไร?”ไม่รอให้หลี่ฮุ่ยหรานตอบกลับ หลินเฟิงก็พูดขึ้นกับตัวเองว่า :“นี่หมายความว่า ราคาของที่ดินนี้จะต้องเพิ่มขึ้นมากว่าสิบเท่าอย่างแน่นอน! หึหึ ฮุ่ยหราน ครั้งนี้พวก
เมื่อเห็นที่อยู่ที่นี่ ใจของหลี่ฮุ่ยหรานก็จมดิ่งลงไปกว่าครึ่งการจราจรที่นี่ไม่ค่อยจะสะดวกสบายเท่าไหร่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอาคารสำนักงานหรือโรงงานเลย มันไม่มีทางที่จะเปิดได้เช่นกันยิ่งไม่ต้องพูดว่า....หลี่ฮุ่ยหรานยืนอยู่หน้าที่ดินที่อยู่ห่างออกไปจากตัวเมืองแห่งนี้ และภายในต่างก็เต็มไปด้วยอาคารที่พักอาศัยเก่า ๆที่ทรุดโทรมอาคารที่พักอาศัยจำนวนไม่น้อยที่มีอายุการใช้งานที่เกินกำหนดแล้วแม้แต่กำแพงก็ยังมีรอยแตกร้าวขนาดใหญ่ และมีบางรอยที่ยังเอียงไปด้านใดด้านหนึ่งอีกด้วย ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามันทรุดโทรมมาหลายปีโดยไร้การซ่อมแซม“หลินเฟิง ที่อยู่นี่ สองพันห้าร้อยล้านบาทนะ! และตอนนี้มันก็อยู่ในมือของพวกเราแล้ว”หลี่ฮุ่ยหรานถอนหายใจด้วยความหดหู่มองจากมุมของเธอ เดิมทีที่ดินนี่ก็ไม่ได้มีค่าอะไรเลยจนกระทั่งผู้อาศัยภายในอาคารพักอาศัยต่างก็อพยพออกไปมากกว่าครึ่งแล้ว ทำให้บ้านมากมายกลายเป็นบ้านผีสิงไป“หึหึ มันก็ไม่แน่นอนหรอก”หลินเฟิงยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้าไปเขตที่อยู่อาศัยแห่งนี้“รีบวางไพ่เร็วเข้าสิ นายแม่งมองอะไรอยู่ได้?”“เฮยจื่อ นายเห็นผีหรือไง?”ทั้งสองคนยังเดินไปไม่เท่าไหร่ ก็เห