หลินเฟิงพยักหน้าอย่างใช้ความคิด: “คุณอยากให้ผมไปคุยกับอิ่นนั่วเจีย?”“ถูกต้อง ด้วยเสน่ห์ของคุณ เอาชนะอิ่นนั่วเจียง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากไม่ใช่เหรอ?”ถังหว่านมีความมั่นใจต่อเสน่ห์ของหลินเฟิงเป็นอย่างมากหลินเฟิงครุ่นคิดแล้วพูดขึ้น: “ก็ได้ รอให้คุณกลั่นยาปรับประสานพลังออกมาได้ ผมเอาตัวอย่างไปเจรจากับอิ่นนั่วเจีย”เรื่องนี้รีบร้อนไม่ได้ในเมื่อไม่มีสินค้าสำเร็จรูป ตัวเองพูดปากเปล่า เธอก็อาจจะไม่เชื่อ“ได้ งั้นเรื่องนี้ เอาแบบนี้แหละ” ถังหว่านพูดจบก็บิดขี้เกียจจากนั้นนอนหมอบลงบนเตียงของหลินเฟิง: “วันนี้ฉันจะนอนที่นี่นะ”หลินเฟิงส่ายหน้าอย่างจนปัญญาเขานอนลงข้าง ๆ เธอถังหว่านพาดขาข้างหนึ่งไปบนตัวของหลินเฟิงหลินเฟิงกลับไม่ขยับเขยื้อน เหมือนกับศพถังหว่านไม่ยอมเชื่อ เธอยื่นมือออกไปลูบคลำบนตัวของหลินเฟิงจากนั้นเป่าลมที่ข้างหูของเขา: “หลินเฟย……”“คร่อก…”เสียงกรนของหลินเฟิงดังขึ้นทันทีถังหว่านกลอกตามองอย่างแรงจากนั้นความง่วงค่อย ๆ ครอบงำ เธอกอดแขนของหลินเฟิงหลับไปเช้าวันที่สอง ในตอนที่หลินเฟิงตื่นขึ้นมา ถังหว่านก็จากไปแล้วเขานวดขมับและเดินไปที่ห้องรับแขกตรงนั้นมีอ
หลี่ฮุ่ยหรานขมวดคิ้ว และเดินเข้าไปจับเธอไว้: “แม่ มาตะโกนอะไรตรงนี้?”จางกุ้ยหลานพูดอย่างลุกลี้ลุกลน: “ไอหยา ลูกไปไหนมาเนี่ย แม่โทรหาลูกทำไมถึงไม่รับสาย?”หลี่ฮุ่ยหรานตอบอย่างจนใจ: “หนูกำลังประชุมอยู่”“โอ๊ย เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”“เกิดเรื่องอะไรใหญ่โตขึ้น?” หลี่ฮุ่ยหรานนิ่งเฉยไม่ได้ตกตะลึงนิสัยตื่นตูมของแม่ตัวเองเธอเคยชินตั้งนานแล้ว“แน่นอนว่าเป็นเรื่องน้องชายลูก ไม่อย่างนั้นแม่จะร้อนใจขนาดนี้เหรอ?” จางกุ้ยหลานพูดอย่างร้อนรน“เหวินเชาทำไมอีก?” หลี่ฮุ่ยหรานตื่นตระหนกกลัวว่าน้องชายของตัวเองจะสร้างเรื่องอะไรให้เธอจางกุ้ยหลานพูดอธิบาย: “เมื่อคืนน้องชายลูกไปร้านเหล้า วันนี้เช้าไม่รู้ทำไมถึงมีเรื่องต่อยตีกับคนอื่นขึ้นมา”หลี่ฮุ่ยหรานสูดหายใจเข้าลึก ๆ สองมือกำแน่น น้องชายของเธอคนนี้ทำตัวดี ๆ ให้เธอหน่อยไม่ได้เหรอ?“รู้ไหมว่าใครเป็นคนตี?”“ไม่รู้ เหมือนว่าเป็นผู้หญิงบริการคนหนึ่ง”จางกุ้ยหลานพูดเร่งรัด: “โอ๊ย ลูกไม่ต้องถามแล้ว น้องชายของลูกถูกพวกเขาจับตัวเอาไว้แล้ว”“ลูกรีบไปช่วยคนเถอะ”“หนูต้องถามอยู่แล้วสิ อย่างน้อยต้องรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร เป็นถิ่นของใคร”หลี่ฮุ่ยหรานกัดฟันพ
หญิงสาวพูดจบก็เปิดกล้องวงจรออกมาทุกคนเห็นหลี่เหวินเชาหลังจากดื่มเหล้าเข้าไป ก็เริ่มเมาอาละวาด และลงไม้ลงมือกับพนักงานเสิร์ฟของบาร์เมื่อถูกเธอผลักออกเขากลับมีสีหน้าเหยียดหยาม เอะอะโวยวายว่าตระกูลหลี่สุดยอดมากแค่ไหน…หลี่ฮุ่ยหรานดูกล้องวงจรเสร็จก็รู้สึกหมดคำพูดหลี่ฮุ่ยหรานถลึงตาใส่น้องชายที่สอนไม่จำจางกุ้ยหลานกลับไม่คิดแบบนี้เธอมือเท้าเอวตะโกนขึ้น: “ต่อให้ลูกชายของฉันทำอะไรกับเธอ นั่นเป็นเรื่องของลูกชายฉันกับพนักงานคนนั้น”“เกี่ยวอะไรกับเธอด้วยล่ะ?”ในตอนนี้หญิงสาวลุกขึ้นช้า ๆ แล้วพูดขึ้น: “ฉันคือเถ้าแก่เนี้ยของบาร์เยว่หลาย พนักงานของฉันเกิดเรื่องขึ้น ต้องเป็นความรับผิดชอบของฉันอยู่แล้ว”คนคนนี้ก็คือพี่หงเถ้าแก่เนี้ยของบาร์เยว่หลาย“เอาล่ะ”ในตอนนี้หลี่ฮุ่ยหรานยืนออกมาแล้วพูดขึ้น: “เรื่องนี้น้องชายของฉันเป็นฝ่ายผิด”“ฉันอยู่ตรงนี้ต้องขอโทษด้วยค่ะ พวกคุณจะทำอย่างไร? พูดมาเถอะค่ะ เพียงแค่ข้อเสนอสมเหตุสมผล พวกเรารับได้หมด”“ฮุ่ยหลาน ลูกทำอะไรน่ะ?”จางกุ้ยหลานสีหน้าไม่พอใจก็แค่พนักงานคนหนึ่ง ลูกชายของตัวเองชอบเธอถือว่าเป็นบุญของเธอต่อให้เธออยากเป็นลูกสะใภ้ของตัวเอง ตัวเอ
ในตอนนี้หลี่ฮุ่ยหรานไม่รู้จะทำอย่างไรหลี่เหวินเชาดึงแขนของพี่สาวของเขา แล้วรีบพูดขึ้น “พี่รีบคิดหาวิธีสิ!”หลี่ฮุ่ยหรานโมโหจนแทบจะตาย ถ้าหากไม่ใช่เพราะเขาก่อเรื่องที่นี่ จะเกิดเรื่องวุ่นวายขนาดนี้ไหม?“หึหึ ก็แค่เว่ยป้าวนับประสาอะไรกัน?”ในตอนนี้เสียงหนึ่งดังขึ้นกะทันหันคนที่พูดจาก็คือสวีเชาทุกคนที่ได้ยินคำพูดนี้ต่างตกตะลึงกันอย่างมาก ใครกันที่ใจกล้าถึงขนาดนี้ ถึงได้ไม่เห็นท่านป้าวอยู่ในสายตา?สวีเชาเดินไปข้างหน้าทั้งสามคนจางกุ้ยหลานดวงตาเป็นประกาย เหมือนกับมองเห็นผู้ช่วยชีวิตพี่หงจ้องมองชายชุดสูทที่อยู่ตรงหน้าด้วยความแปลกใจ จากนั้นถามขึ้นด้วยความสงสัย: “คุณเป็นใคร?”เธอสังเกตุดูคนคนนี้มีออร่าที่ไม่ธรรมดา คำพูดคำจามีความมั่นใจอย่างมาก หรือว่ามีความสามารถที่จะไม่เห็นท่านป้าวอยู่ในสายตาได้?“สวีเชา บริษัทเทียนฉี่”สวีเชา?พี่หงชะงักงัน สวีเชาคนนี้เธอไม่ได้รู้จักเป็นอย่างดีแต่บริษัทเทียนฉี่เธอเคยได้ยินมาบ้างได้ยินว่าเพียงแค่ช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ก็ตั้งหลักอย่างมั่นคงในเจียงโจว และเบื้องหลังเหมือนว่าจะมีคุณหนูตระกูลเซี่ยงคอยสนับสนุนอยู่บุคคลประเภทนี้ไม่ใช่ว่าเธอที่เป็น
พี่หงรีบเดินไปด้านข้างเว่ยป้าวเว่ยป้าวโอบเอวอันอ่อนช้อยของพี่หงไว้ทันทีจางกุ้ยหลานเห็นคนกลุ่มใหญ่ขนาดนี้ ก็ตกใจกลัวจนไม่กล้าส่งเสียงออกมาจากนั้นก็มองไปทางสวีเชาด้วยความระมัดระวัง ไม่รู้ว่าเขาจะสามารถจัดการได้หรือไม่“เมื่อกี้ใครใช้ให้ผู้หญิงของฉันขอโทษมัน?” เว่ยป้าวตะโกนอย่างโมโห“ฉัน” สวีเชายืดอก และไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวแม้แต่นิดสายตาของเว่ยป้าวมองไปที่ตัวสวีเชาในทันทีในตอนนี้พี่หงพูดขึ้นเสียงเบา: “คนคนนี้คือสวีเชาเจ้าของบริษัทเทียนฉี่”เว่ยป้าวหรี่ตาลงเล็กน้อย: “ที่แท้นายก็คือสวีเชา”เมื่อเห็นสายตาดุดันของเว่ยป้าว ในใจของสวีเชาก็ได้เกิดความประหม่าอย่างอดไม่ได้แผ่นหลังก็มีเหงื่อเย็นซึมออกมา และเป็นกังวลอย่างมากแต่เขาก็ยังฝืนเดินเข้าไปเขาเค้นรอยยิ้มบางออกมาแล้วพูดขึ้น: “ท่านป้าวใช่ไหม? วันนี้ผมก็ไม่ได้มีข้อเสนอพิเศษอะไร เพียงแค่แฟนของคุณขอโทษเหวินเชาก็พอแล้ว”“เรื่องนี้ ผมก็ไม่ติดใจเอาความแล้ว”เขาเพิ่งพูดจบเว่ยป้าวก็ยกมือขึ้นฟาดใบหน้าของเขาเสียงดัง “เพียะ” ก้องกังวานไปทั้งบาร์เยว่หลาย“โอ๊ย…” สวีเชาถูกตบจนหน้าตางุนงง และวิงเวียนศีรษะ“อ๊ะ…นี่…”หลี่ฮุ่ยหราน
เว่ยป้าวออกคำสั่ง: “กระทืบแขนขาของไอ้หมอนี่ให้หักซะ”หลี่ฮุ่ยหรานเห็นแบบนี้ก็กัดฟัน และรีบเข้าไปขวางตรงหน้าน้องชายของตัวเองแล้วพูดขึ้น: “ท่านป้าว พวกเราชดใช้เงิน ชดใช้เงินคงจะได้ใช่ไหม?”ตอนนี้ใช้เหตุผลคงจะไม่ได้ผลแล้ว เธอทำได้แค่เลือกเสียทรัพย์เพื่อเลี่ยงภัยพิบัติพี่หงพูดถากถาง: “เมื่อครู่ฉันให้พวกเธอชดใช้เงินพวกเธอไม่ชดใช้ ตอนนี้กลัวแล้วเหรอ? ถ้ารู้แต่แรกก็คงไม่ทำสินะ?”หลี่ฮุ่ยหรานฝืนพูดขึ้นมา: “ประเด็นคือตอนนี้ในมือของฉันไม่ได้มีเงินเยอะขนาดนั้น ฉันผ่อนจ่ายได้ไหม?”เงินของตัวเองลงทุนไปกับโครงการของซีเฉิงหมดแล้วในมือไม่มีเงินเหลือแล้วจริง ๆเว่ยป้าวหันหน้ามองไปทางหลี่ฮุ่ยหราน: “เธอจะออกเงินกู้เหรอ?”หลี่ฮุ่ยหรานรีบพูดอธิบาย: “แค่แบ่งจ่าย ไม่ได้ค้างชำระ เงินพวกเราจะชดใช้ให้แน่นอน”“น้องชายของฉันก็จะขอโทษพวกคุณ ทุกคนเปลี่ยนการต่อสู้ให้เป็นมิตรภาพจะดีกว่า พวกคุณคิดว่าอย่างไรคะ?”“เปลี่ยนการต่อสู้ให้เป็นมิตรภาพ?”เว่ยป้าวส่งเสียงไม่พอใจ: “เธอพูดได้ง่ายดายซะจริง วันนี้ถ้าเธอไม่มีปัญญาชดใช้เงิน พวกเธอทั้งครอบครัวก็อย่าได้คิดจะกลับไป”เว่ยป้าวพูดจบก็จับคอเสื้อของหลี่ฮุ่ยหรานเ
เว่ยป้าวถูกเตะจนเลือดออกที่มุมปาก ในใจกลับไม่ลนลานเลยสักนิด: “ไอ้หนุ่ม วันนี้แกตายแน่ ลูกน้องของฉันมีเป็นหลายร้อยคน”“ต่อให้แกฆ่าฉัน แกก็ออกไปไม่ได้” หลินเฟิงพูดเหยียดหยาม: “เรื่องอื่นฉันไม่กล้ารับปาก แต่นายต้องตายอยู่ตรงหน้าฉันแน่นอน”เว่ยป้าวทนดูท่าทางกำเริบเสิบสานแบบนี้ของเขาไม่ได้จริง ๆ: “แม่ง แกกล้าแตะต้องฉันดูสิ”“ไม่กลัวที่จะบอกแกว่า เบื้องหลังฉันก็คือสำนักเทียนเตา แกเคยได้ยินไหม?”มาเฟียอย่างพวกเขา ไม่พึ่งพาการทำธุรกิจเพื่อล้างมลทินก็รับใช้ตระกูลหรือผู้มีกำลังอำนาจหลัวเฟยหู่พึ่งพาตระกูลเฉินเมืองจงโจว ส่วนเว่ยป้าวก็พึ่งพาสำนักเทียนเตาเมืองเจียงโจวมีการคุ้มครองจากสำนักใหญ่โต ถึงได้ทำให้เว่ยป้าวกำเริบเสิบสานแบบนี้“สำนักเทียนเตา?” จางกุ้ยหลานกับหลี่ฮุ่ยหรานสีหน้างุนงงปกติพวกเธอไม่รู้จักกองกำลังของเจียงโจวด้วยซ้ำ เพียงแค่เคยได้ยินชื่อสำนักเทียนเตา แต่กลับไม่รู้ถึงความน่าหวาดกลัวของสำนักเทียนเตามีเพียงสวีเชาที่มีสีหน้าตกตะลึงไม่แปลกใจที่เว่ยป้าวไม่กลัวตระกูลเซี่ยงด้วยซ้ำ ที่แท้เบื้องหลังก็มีการคุ้มครองจากสำนักเทียนเตา“หลินเฟิง นายรีบปล่อยท่านป้าวซะ”เขาตะโกนขึ้
เพียงแค่หลินเฟิงปล่อยเขา ลูกน้องเยอะแยะขนาดนี้คิดว่าเขาจะทำไม่สำเร็จเหรอ?”เมื่อได้ยินแบบนี้ จางกุ้ยหลานรีบถอนหายใจยาว ๆ: “หลินเฟิง นายได้ยินแล้วยัง นายยังไม่รีบปล่อยท่านป้าว แล้วหักแขนตัวเองอีก”“คุณมีสิทธิ์อะไรมาสั่งผม?” หลินเฟิงถลึงตาใส่จางกุ้ยหลานอย่างดูถูกจางกุ้ยหลานตะโกนด่าทอ: “ไอ้สกุลหลิน สามปีมานี้แกอยู่ฟรีกินฟรีที่ตระกูลหลี่ของพวกเรา เห็นได้ชัดว่าแกช่วยฮุ่ยหรานได้แต่กลับไม่ช่วย แขนข้างเดียวของแกสำคัญกว่าชีวิตของฮุ่ยหานอีกเหรอ?”หลินเฟิงพูดอย่างไม่พอใจ: “พูดว่าคุณโง่ คุณก็ยังไม่เชื่อ ถ้าหากผมปล่อยเขาไปตอนนี้ พวกคุณก็จะต้องตาย”เว่ยป้าวรีบพูดขึ้นทันที: “ฉันเว่ยป้าวสาบานเลยว่า วันนี้เพียงแค่นายหักแขนตัวเอง ฉันไม่มีทางเรียกหาความรับผิดชอบจากใครทั้งนั้น”“ตั้งแต่นี้ไปต่างคนต่างอยู่ไม่ล้ำเส้นกัน”สวีเชาถลึงตาแล้วพูดขึ้น: “ได้ยินแล้วยัง? ท่านป้าวสาบานแล้ว คนของสังคมให้ความสำคัญกับสัจจะมากที่สุด นายรีบหักแขนตัวเองซะ”“ไอ้สกุลหลิน แกหูหนวกหรือไง?”หลี่เหวินเชาเห็นเขาไม่ขยับเขยื้อน จึงพูดด้วยความโมโห: “ตอนที่แกแต่งงานกับพี่สาวของฉันรับปากกับคุณปู่ของฉันว่าอย่างไร?”“ยังจะพูดว
เมื่อพูดคำเหล่านี้ออกมา มันก็ใช้ได้ผลอย่างมากสีหน้าของลูกศิษย์ตระกูลเฝิงทั้งหมดต่างก็แสดงความหวาดกลัวออกมานิสัยของผู้นำ พวกเขารู้ดีที่สุดหากทำให้ผู้นำสามารถพูดแบบนี้ออกมาได้ งั้นก็แสดงว่าความแข็งแกร่งของหลินเฟิงไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะสามารถจินตนาการได้อย่างแน่นอนเมื่อนึกถึงการท้าทายแบบเด็ก ๆก่อนหน้านี้ที่พวกเขาล้อมหลินเฟิงเอาไว้ ทั้งยังท้าทายเขา หลาย ๆคนก็ถึงกับเหงื่อตกเลยทีเดียว“ไปกันเถอะ พาเฝิงหลีกลับไป”“ครับ”ในที่สุดเหล่าลูกศิษย์ตระกูลเฝิงก็ยอมรับ พวกเขาจึงตระหนักได้ในตอนนี้ว่า หลินเฟิงมีความหมายต่อตระกูลเฝิงของพวกเขามากแค่ไหน......“หยินหลิง ไม่เป็นไรใช่ไหม?”ลูกศิษย์ตระกูลเฝิงจะคิดยังไง หลินเฟิงก็ไม่ได้สนใจตอนนี้สิ่งเดียวที่เขาสนใจ ก็คือ หยินหลิงเมื่อหยินหลิงเห็นหลินเฟิงหันกลับมา พร้อมกับพูดด้วยท่าทางที่ซับซ้อนเล็กน้อยว่า : “พี่หลินเฟิง ฉันขโมยชีพจรมังกรของพี่หรานฮุ่ยกับพี่ถังหว่านมา พี่ไม่ตำหนิฉันใช่ไหม?”“เธอกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไรอยู่?”หลินเฟิงกอดเธอไว้ในอ้อมกอด พร้อมกับพูดขึ้นเบา ๆว่า :“สาวน้อยอย่างเธอเอาชีพจรมังกรมาล่อพลังงานให้ฉัน แล้วฉันจะไม่รู้ได
“พี่รอง หรือว่าพี่ใหญ่จะผิดสัญญา? ต้อง...ต้องการจะขัดแย้งกับสำนักร้อยพิษใช่ไหม?”เฝิงหลีรู้สึกตัวด้วยท่าทางที่หวาดกลัว“งั้นหลานชาย อวี้อู่ ก็ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลยนะสิ!”เมื่อเห็นว่าเขายังคงพูดเรื่องอวี้อู่ออกมา เฝิงเอ้อก็รู้สึกโกรธขึ้นมาทันที จึงหันกลับไปตบหน้าเฝิงหลีอย่างแรง“ไอ้สารเลว แกยังมีหน้ามาพูดถึงอวี้อู่อีกงั้นเหรอ?!”“หากไม่ใช่เพราะไอ้สารเลวอย่างแกที่วางยาพิษซ้ำสอง เรื่องมันจะมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร?!”“อะไรนะ?!”เมื่อได้ยินอย่างนี้ เฝิงหลีที่พยายามคลานขึ้นมาจากพื้นก็ตกตะลึง“พวก...พวกพี่รู้ได้ยังไง?”เขาคิดว่าตัวเองทำอย่างลับ ๆแล้ว แต่ทำไมคนเหล่านี้ถึงได้รู้ล่ะ?“ดีจริง ที่แท้ก็คือแกนี่เอง!”เฝิงเอ้อพูดเพียงแค่นี้ แต่ก็คิดไม่ถึงว่าเฝิงหลีจะสารภาพออกมาเองจริง ๆ เมื่อมองแบบนี้ หลินเฟิงก็พูดถูกแล้ว เหมาะสมแล้วที่เขาเป็นถึงอาจารย์หมอ!เมื่อเห็นเฝิงหลีไร้ยางอายขนาดนี้ เฝิงเอ้อก็โกรธจนหัวเราะออกมา“หมอเทวดาหลิน คนนี้จะจัดการอย่างไรดี?!”เขามองไปที่หลินเฟิงด้วยความเคารพ เห็นได้ชัดว่าพร้อมที่จะมอบสิทธิ์ในการจัดการเฝิงหลีให้กับหลินเฟิงแล้ว“ฉันได้ปิดจุดฝังเข็มไว้เ
“พี่รอง ช่วยผมด้วย พี่รอง ช่วยผมเร็ว ๆสิ!”เฝิงหลีเห็นเฝิงเอ้อก็เหมือนกับเห็นผู้ช่วยชีวิต ก่อนจะรีบพุ่งเข้าไปหาพี่รองของตัวเองอย่างรวดเร็ว แล้วชี้ไปที่หลินเฟิงพร้อมกับพูดด้วยเสียงที่สั่นเทิ้มว่า :“มัน....ทำขาของผมหักไปทั้งสองข้างเลย พี่รอง ช่วยผมแก้แค้นด้วยนะ ผมจะฆ่ามัน ไม่สิ ผมอยากจะเฉือนเนื้อของมันออกมาที่นิด ๆ”“ผมอยากจะให้มันตายโดยที่ไม่มีที่ฝังศพ!”เสียงคำรามลั่นของเฝิงหลี ไม่ได้รับการยอมรับจากเฝิงเอ้อเมื่อเหล่าลูกศิษย์ของตระกูลเฝิงที่กำลังลงมาจากรถที่อยู่ด้านข้างมองเห็นฉากนี้เข้า ทันใดนั้นดวงตาก็เปลี่ยนเป็นแดงก่ำ ก่อนจะถลึงตามองไปทางหลินเฟิงด้วยความโกรธ“หลินเฟิง แกกล้ามากนะที่กล้ามาตัดขาคุณท่านสามตระกูลเฝิงของพวกเรา”“ใช่แล้ว วันนี้อย่าคิดว่าแกจะออกไปได้ครบสามสิบสองส่วนเลย!”“ตระกูลเฝิงของพวกเราจะไม่ยอมปล่อยแกไปแน่!”ดูเหมือนว่าเฝิงชางเพียงแค่ให้คนเหล่านี้มาขัดขวางเฝิงหลีเท่านั้น แต่ไม่ได้บอกกับพวกเขาว่าหลินเฟิงเป็นคนที่ตระกูลเฝิงไม่สามารถล่วงเกินได้แต่ถึงแม้จะบอกไป คนเหล่านี้ก็มีท่าทางที่ดูถูกหลินเฟิงอยู่ดีในเมื่อพวกเขาไม่เคยได้เห็นวิธีการของหลินเฟิงมาก่อนเลย“
“เชี่ย เชี่ยเอ๊ย!”เฝิงหลีตกใจจนหน้าซีดเซียว ในปากก็ด่าคำหยาบต่างๆ นานา ร่างกายก็ถอยหลังไม่หยุดเป็นเพราะผู้ชายตรงหน้าที่เดินเข้ามาหาเขา ไม่เหมือนกับคนด้วยซ้ำเหมือนกับสัตว์ดุร้ายยุคดึกดำบรรพ์ที่อยู่บนภูเขาสูง ส่งเสียงคำรามสะเทือนเลือนลั่นออกมาส่วนหลินเฟิงก็เห็นหยินหลิงที่กระโปรงเลิกขึ้นถึงขาอ่อนตั้งแต่ไกลๆ เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเฝิงหลีคนนี้คิดจะทำอะไรเขาเดินไปจุดที่อยู่ใกล้กับเฝิงหลี จู่ๆ ก็คำรามออกมาด้วยความเดือดดาล“อ๊าก อ๊าก!”เฝิงหลีกลับตกใจจนอะดรีนาลีนพุ่งพล่าน ไม่รู้ว่าเอาแรงมาจากไหน ยกเท้าวิ่งเผ่นแนบ“คิดหนีงั้นเหรอ? สายไปแล้ว!”หลินเฟิงโบกมือ ขณะที่เฝิงหลีวิ่งอย่างสุดกำลังอยู่นั้น กลับพบว่าขาทั้งสองข้างของเขาออกแรงยังไงก็ไม่มีกำลังส่วนร่างกายของเขาก็ล้มลง ไม่สามารถควบคุมได้“นี่...นี่มันเกิดอะไรขึ้น?!”เฝิงหลีก้มหน้ามองคนทั้งคนตกใจจนสติแทบแตกทันทีเป็นเพราะว่าตอนนี้ขาทั้งสองข้างของเขา ถูกฟันขาดออกจากหัวเข่าอย่างเรียบเนียนโดยพลังชี่แท้ที่หลินเฟิงส่งออกไปเขาล้มลงอย่างควบคุมไม่ได้ หันหลังไปเห็นขาทั้งสองข้างที่ยังตั้งตระหง่านอยู่ที่เดิม“อ๊าก อ๊ากกกกกกกกก!”
“ส่วนคุณ หนูที่ได้เปรียบ คิดว่าตัวเองควบคุมได้ทุกอย่าง แต่หนูก็คือหนู คุณไม่เหมาะสมที่จะยืนบนเวทีและได้รับความเคารพ”“แม่งเอ้ย!”เมื่อได้ยินอย่างนี้ เฟิงหลีก็โกรธจนตัวสั่นไปหมดเขาจับหยินหลิงกดลงกับพื้น คลายเข็มขัดของตัวเองด้วยมือข้างหนึ่ง และคำรามว่า :“วันนี้ฉันจะทำให้คุณตายอยู่ข้างถนน แล้วมาดูกันว่าคุณจะกล้าดูถูกฉันอีกไหม!”“หึหึหึ....”หยินหลิงที่ถูกจับกุมอยู่ กลับหัวเราะเยาะขึ้นมาแทน"คุณคิดว่านี่จะทำให้ฉันยอมแพ้งั้นเหรอ?"“สิ่งนี้แค่เน้นย้ำถึงความไร้ความสามารถและความเลวทรามของคุณเท่านั้น รอให้กลุ่มพันธมิตรบู๊ตอบกงลับมา ก็จะหาพวกคุณเจอเอง”“เมื่อถึงเวลา คุณก็จะถูกสำนักร้อยพิษโยนออกไปเป็นอาหารปืนใหญ่ ช่างต่ำช้าและน่าสมเพชจริงๆ...”“แม่งเอ้ย!”เฟิงหลีไม่สามารถคลายเข็มขัดด้วยมือข้างเดียวได้ และเมื่อได้ยินคำพูดเยาะเย้ยของหยินหลิง เขาก็ยิ่งโกรธและกระสับกระส่ายมากขึ้น จนถึงกับตะโกนเรียกคนขับรถที่อยู่ข้าง ๆ ให้เข้ามาช่วยจับหยินหลิงไว้"แต่ว่าคุณท่านสาม..."คนขับยังคงต้องการให้คำแนะนำสุดท้ายอีกแต่เฟิงหลีในเวลานี้ไม่ฟังใครอีกต่อไปแล้วดวงตาที่แดงก่ำ ทำให้คนขับกลืนคำพูดที่กำ
แน่นอนสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า ก็คื ความลับที่ซ่อนอยู่ในตัวหยินหลิง ความลับที่หลอกล่อยอดฝีมือของประเทศมังกรทุกคนหากเธอตกอยู่ในมือของสำนักร้อยพิษแล้วสุดท้าย สำนักร้อยพิษก็จะได้เปรียบไปนี่เป็นสิ่งที่หยินหลิงไม่อยากเห็นแม้ว่าเธอจะตายก็ตาม“หึหึ ท่านหัวหน้า ฉันแนะนำว่า คุณอย่าคิดอะไรเลวร้ายเลยจะดีที่สุด ตอนนี้ในร่างกายจของคุณ ฉันได้วางยาตะขาบเลือดไว้แล้ว เพียงแค่ฉันไม่พอใจ”“ท่านหัวหน้าก็ได้เสียชีวิตไปซะแล้ว”เฟิงหลีข่มขู่ด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็ยื่นมือไปยกคางของหยินหลิงขึ้นพร้อมกับถอนหายใจและพูดว่า :“นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้พบกับท่านหัวหน้า ท่านหัวหน้านั้นงดงามจริงๆ มันทำให้หัวใจของฉันเต้นแรง”เมื่อได้ยินคำล้อเล่นพวกนี้ หยินหลิงก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาขณะที่มองไปทางเฟิงหลีด้วยความดูถูก ร่างกายก็หลีกเลี่ยงฝ่ามือของเฟิงหลีไปโดยไม่รู้ตัว“หืม?”ใบหน้าของเฟิงหลีเปลี่ยนเป็นเย็นชาเล็กน้อย เมื่อตระหนักได้ว่าหยินหลิงยังคงไม่เชื่อฟังตัวเองหัวหน้าของกลุ่มพันธมิตรบู๊ ที่ปกติจะเข้าถึงได้ยากนั้น ตอนนี้ก็อยู่ภายใต้การควบคุมของตัวเองแล้วความรู้สึกนี้ทำให้เขารู้สึกมีความสุขแต่เขาไม่คาดคิดว่า
“ผม...”หลินเฝิงโกรธอย่างมากจนอยากจะฆ่าเฝิงชางซะเดี๋ยวนี้แต่ไม่นานหลินเฝิงก็สงบสติอารมณ์ลงเขาดีดนิ้ว ก่อนที่พลังชี่แท้โปร่งใสจะถูกปล่อยเข้าสู่ร่างของเฝิงอวี้อู่หลินเฝิงก้าวออกไปและพูดอย่างเย็นชาว่า:“หากผมไม่ได้กลับมาก่อน คุณชายตระกูลเฝิงของพวกคุณก็อาจจะไม่ได้ตื่นขึ้นมาอีกแล้ว”“หากเกิดอะไรขึ้นกับหยินหลิงที่นี่ ฉันจะให้ทุกคนในตระกูลเฝิงถูกฝังไปพร้อมกับเธอ! ได้ยินหรือเปล่า?!”เมื่อได้ยินอย่างนี้ เฝิงชางก็ตัวสั่นอย่างมากหากเขาเคยดูถูกหลินเฝิงมาก่อน ตอนนี้เขาคงรู้สึกหวาดกลัวอย่างมากเกี่ยวกับภัยคุกคามที่เกิดจากหลินเฝิงลองคิดดูสิชายหนุ่มที่เชี่ยวชาญทั้งด้านการแพทย์และศิลปะการต่อสู้ แน่นอนว่าเบื้องหลังเขาเบื้องหลังของเขาไม่ได้มีแค่หลี่ซื่อกรุ๊ปที่เป็นกองกำลังเล็ก ๆต้องมีอำนาจบางอย่างซ่อนอยู่ในประเทศมังกรอำนาจแบบนี้ไม่ควรไปยั่วยุให้มากนักเมื่อมองไปที่ร่างหลินเฝิงที่เดินจากไป เฝิงชางก็คิดได้หลายอย่างในใจทันทีเนื่องจากเป็นผู้นำตระกูลเฝิง เขาจึงรู้สึกอยากจะร้องไห้ แต่กลับไม่มีน้ำตาเลยในขณะนี้หากตอนแรกมันเป็นเพียงชีวิตของลูกชายเขาต่อมาเขาได้ไปยั่วยุสำนักร้อยพิษและเชิ
“เข็มเจ็ดสิบสองเล่มขจัดความชั่วร้าย!”หลินเฟิงก้มหน้าตวาดเสียงทุ้มต่ำ ดึงเข็มเงินที่ฝังอยู่บนตัวของเฝิงอวี้อู่ออก และตกลงบนพื้นเสียงดังติ๊งเข็มเงินเพิ่งจะออกจากตัวของเฝิงอวี้อู่ เฝิงอวี้อู่ก็ส่งเสียงร้องโอดครวญเสียงสูงจึงทำให้เฝิงชางที่เฝ้าดูอยู่ด้านข้างร้อนใจจนใบหน้ามีเหงื่อออกแต่เขาไม่เพียงไม่กล้ารบกวนหลินเฟิง ทำได้แค่มองตาปริบๆคิดไม่ถึงว่าหลินเฟิงทำเรื่องเหล่านี้เสร็จ ก็ไม่ได้สนใจเฝิงอวี้อู่อีกแล้ว แต่หันหน้ามองไปทางหมอเทวดาเลี่ยวที่หมดสติอยู่เฝิงอวี้อู่พิษเข้าไขกระดูก หลินเฟิงต้องใช้กลอุบายจัดการเล็กน้อยแต่ทว่าทางด้านหมอเทวดาเลี่ยวง่ายกว่าเยอะเลยหลินเฟิงยกมือขึ้นโดยตรง ปล่อยพลังชี่แท้บริสุทธิ์เข้าไปที่หน้าผากของเขา และนำยาเม็ดสีเหลืองใส่เข้าปากของหมอเทวดาเลี่ยว“ไปเถอะ หามหมอเทวดาเลี่ยวไปพักในที่เย็นสบาย อีกเดี๋ยวเขาก็ได้สติแล้ว”คำพูดนี้ของหลินเฟิงพูดให้เฝิงเอ้อฟังเฝิงเอ้อชี้ตัวเอง และมีสีหน้างุนงง“ไปสิ! ฟังหมอเทวดาหลิน!”เฝิงชางตวาดน้องชายคนรองของตัวเองเสียงดัง แต่ทว่าเฝิงเอ้อรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย ไม่กล้าเข้าไปสัมผัสหลินเฟิงมองออกถึงความเป็นกังวลของเขา เก
ได้ยินการวิเคราะห์ของหลินเฟิง เฝิงเอ้อกับเฝิงชางถลึงตาโตทันที“เฝิงหลี?!”หรือว่าเมื่อครู่เฝิงหลีถือโอกาสตอนที่พวกเขาไม่ได้สังเกต วางยาพิษเฝิงอวี้อู่เป็นครั้งที่สองงั้นเหรอ?!ดังนั้นหลังจากที่หมอเทวดาเลี่ยวเพิ่งรักษาจนดีขึ้นเล็กน้อย ก็ได้อาการหนักขึ้นทันที ?“ไอ้สารเลว ผมจะไปจับตัวเขามาถามเดี๋ยวนี้!”เฝิงเอ้ออารมณ์ร้อน ตะโกนเสียงดังด้วยความโมโหทันที“หยุดก่อน!”เฝิงชางกลับตะโกนเสียงดัง จ้องมองเฝิงเอ้อแล้วพูดว่า:“หรือว่านายอยากให้ตระกูลเฝิงของเราตายงั้นเหรอ?”“ไม่พูดก่อนว่านี่เป็นคำพูดของไอ้หมอนี่ฝ่ายเดียว ต่อให้ไอ้หนุ่มคนนี้พูดจริง หรือว่าพวกเราจะแตกหักกับเฝิงหลีจริงๆ งั้นเหรอ?!”“ถ้าหากไอ้หมอนี่รักษาไม่หาย งั้นพวกเราตระกูลเฝิงจะทำยังไง?!”เผชิญหน้ากับการสอบถามของเฝิงชาง เฝิงเอ้อนิ่งอึ้งอยู่เป็นเวลานาน สุดท้ายก็โมโหจนทรุดนั่งลงกับพื้น“แม่งเอ๊ย แบนี้ก็ไม่ได้ แบบนั้นก็ไม่ได้ ทำให้ผมโมโหตายไปเลยเถอะ!”เมื่อเห็นว่าน้องรองของตัวเองโมโหขนาดนี้ เฝิงชางก็รู้สึกเชื่อความสามารถของหลินเฟิงขึ้นมาเล็กน้อย เขาจึงรีบถามว่า:“หลินเฟิง ถ้าหากคุณสามารถรักษาอวี้อู่กับหมอเทวดาเลี่ยวจนหายได