“ครับ!”ลูกน้องพวกนี้รีบวิ่งไปหาฟ่านหลิงเยว่ด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย ในที่สุดฟ่านหลิงเยว่ก็กลืนขนมในปาก ก่อนจะหัวเราะเยาะและพูดขึ้นว่า : “พวกแกรนหาที่ตายแล้ว!”หลังจากที่พูดจบ เธอก็ยกขาขึ้นสูงแล้วเตะศีรษะของอันธพาลที่กำลังวิ่งพุ่งเข้ามาข้างหน้าจนศีรษะบุบลงไปจากนั้น เธอก็เผชิญหน้ากับมือที่ยื่นเข้ามาจากด้านข้าง แล้วเธอก็ปล่อยหมัดกลับไป ทันใดนั้นก็ทำให้หัวหน้าแก๊งที่แสยะยิ้มคนนี้ เบิกตากว้างทันที แล้วเปลี่ยนสีหน้าเป็นความหวาดกลัว“นัก....”ก่อนที่เขาจะได้เอ่ยคำว่า "บู๊" ออกมา เขาก็โถมตัวไปด้านหลังพร้อมกับรอยหมัดที่กลางหน้าอก แล้วกระแทกกับกระจกร้าน 4S ที่สูงจากพื้นถึงเพดาน“เชี่ยเอ้ย!”เมื่อเห็นฉากนี้ พวกอันธพาลที่อยู่โดยรอบก็พากันตกตะลึงใครจะคิดว่าเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งจะมีความแข็งแกร่งได้ขนาดนี้?“เกิดอะไรขึ้น? ไม่ใช่ว่าต้องสนุกกันเหรอ?”ฟ่านหลิงเยว่หัวเราะเยาะแล้วพุ่งเข้าใส่พวกลูกน้องที่กำลังลังเลกลุ่มนี้"ในเมื่อพวกคุณไม่เข้ามา งั้นก็อย่าโทษฉันแล้วกัน!"“ปัง!”ฟ่านหลิงเยว่สอยหมัดขึ้นไป จนทำให้อันธพาลส่งเสียงกรีดร้องจนศีรษะไปกระแทกกับพื้นชั้นสองจากนั้นเธอก็คว้าหัวหน้า
ถ้าไม่การคัดค้านอะไร ก็เซ็นใบหย่าเถอะคฤหาสน์ของตระกูลหลี่ในเจียงโจวสาวงามในชุดกี่เพ้าผลักเอกสารไปตรงหน้าหลินเฟิงหญิงสาวตรงหน้านี้เป็นแม่ยายของเขา จางกุ้ยหลานเมื่อมองใบหย่าที่อยู่ตรงหน้า หลินเฟิงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยคุณแม่ นี่หมายความว่าอะไรจางกุ้ยหลานกอดอก พูดอย่างเย็นชาว่า “ตอนนี้ตระกูลหลี่เป็นบริษัทมหาชนแล้ว “ช่องว่างระหว่างคุณกับฮุ่ยหรานก็เริ่มกว้างขึ้นเรื่อยๆ และไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆกับการงานของฮุ่ยหรานเลย” “มีแต่จะฉุดรั้งการพัฒนาของฮุ่ยหราน หากเป็นเช่นนี้ก็หย่ากันเร็วๆดีกว่า”หลินเฟิงยิ้มอย่างขมขื่น ถามกลับว่า”นี่คือความคิดของฮุ่ยหรานหรือความคิดคุณแม่ครับ”จางกุ้ยหลานสีหน้าเย็นลง “นี่คือความคิดทุกคนของตระกูลหลี่เรา” “ที่คุณได้แต่งงานกับฮุ่ยหราน แค่เพราะสัญญาการแต่งงานที่คุณปู่ตั้งไว้” “สามปีมานี้ ที่คุณกินอยู่ในบ้านเรา ตระกูลหลี่เรามีความเมตตาต่อคุณมากแล้ว “ถ้าคุณรู้ตัว ก็รีบเซ็นชื่อ”หลินเฟิงหายใจเข้าลึกๆสามปีก่อน เขาใช้ความสัมพันธ์ทั้งหมดของตัวเองที่มีเพื่อช่วยพัฒนาตระกูลหลี่ช่วยพัฒนาเป็นบริษัทมหาชนจากร้านค้าที่เล็กๆแต่ในสายตาของตระกูลหลี่ เขากลับกลายเป
หลินเฟิงออกจากคฤหาสน์ของตระกูลหลี่ มองสถานที่ที่เขาเคยใช้ชีวิตมาสามปีครั้งสุดท้ายตอนมาก็มาอย่างโดดเดี่ยว และจากไปด้วยมือเปล่ารถโรลส์-รอยซ์คันหนึ่งที่ขับมาแต่ไกลจอดตรงหน้าเขาเมื่อประตูรถเปิดออก ชายวัยกลางที่สวมสูทคนหนึ่งลงจากรถ “คุณหลิน....”ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม วิ่งเหยาะๆไปที่หลินเฟิง “คุณมาได้อย่างไร” หลินเฟิงมองอย่างตั้งใจ คนที่มานั้นเป็นประธานบริษัทเทียนหัวอินเตอร์เนชั่นแนลจ้าวเทียนหวากล่าวตามความจริง “ช่วงนี้ผมกำลังวิจัยโครงการพัฒนาของเขตซีเฉิงกับนางหลิน วันนี้ตั้งใจจะมาหานางหลินเพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับเรื่องรายละเอียดหลินเฟิงพยักหน้า “ไม่ต้องปรึกษาแล้ว” “หลี่ฮุ่ยหรานมีตระกูลหวางเป็นที่พึ่งแล้ว ต่อไปนี้จะไม่ต้องการความสนับสนุนของเราแล้ว” “และก็ไม่ใช่นางหลินอีกต่อไป” “อ๋า”จ้าวเทียนหวาตกใจมาก “นี่...นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น”หลินเฟิงพูดแบบไม่ได้ปิดบัง “ผมหย่ากับหลี่ฮุ่ยหรานแล้ว” “ต่อจากนี้ไป ผมจะไม่มีความสัมพันธ์ใดๆกับตระกูลหลี่อีก”หลินเฟิงมองไปที่จ้าวเทียนหวา ตบไหล่เขาเบาๆ “จ้าว สามปีมานี้คุณงานหนักแล้วนะ”ธุรกิจของจ้าวเทียนหวาอยู่ที่ต่างประเทศทั้ง
ตอนนี้หลินเฟิงกําลังหลับตาพักผ่อนอยู่บนรถเสียงโทรศัพท์ปลุกให้เขาตื่นคาดไม่ถึงว่าหลี่ฮุ่ยหรานจะโทรมาเขารับสายก็ได้ยินเสียงที่เย็นชาชองเธอ “หลินเฟิง คุณกำลังอยู่กับประธานจ้าวเหรอ” “หลินเฟิงมองไปที่จ้าวเทียนหวาที่อยู่ข้างๆเขา “ใช่”หลี่ฮุ่ยหรานหายใจเข้าลึกๆ ความดันโลหิตเพิ่มขึ้นรวดเร็วหลี่เหวินเชาไม่ได้โกหก “หลินเฟิง คุณทำให้ฉันผิดหวังมาก คุณมีอะไรไม่พอใจสามารถพูดกับฉันตรงๆได้” “ทำไหมถึงต้องใส่ร้ายตระกูลหลี่ลับหลังแบบนี้หรอ”หลินเฟิงนวดขมับและพูดว่า “ถ้าผมบอกว่าผมไม่ได้ใส่ร้ายตระกูลหลี่ คุณจะเชื่อผมไหม”หลี่ฮุ่ยหราน “งั้นทำไมประธานจ้าวมาถึงที่ตระกูลหลี่แล้วจู่ๆก็ออกไปล่ะ แถมยังต้องการยุติความร่วมมือกับตระกูลหลี่ด้วย” “จ้าวเทียนหวาจะเลือกทำอะไรเป็นเรื่องของเขา ไม่เกี่ยวกับผม”หลี่ฮุ่ยหรานโกรธมาก คิดว่าหลินเฟิงกล้าทำแต่ไม่กล้ายอมรับเธอกัดฟันแล้วพูดทีละคำว่า “ฉันดูคุณผิดไปจริงๆ”น้ำเสียงของหลินเฟิงเย็นลง “คุณเชื่อแต่ตัวเองอยู่ตลอด ไม่เคยคิดจะเข้าใจความจริง” “ผมไม่รู้ว่าหลี่เหวินเชาได้พูดอะไรกับคุณ และก็ไม่อยากอธิบายเรื่องนี้ด้วย” “ต่อไปอย่าเอาเรื่องแบบนี้มายุ่งผม”
“ปัง ๆ ๆ” เสียงระเบิดที่ต่อเนื่องกันดังขึ้นลมฝ่ามือของฉินอิ๋งเหมือนมีดพลังแข็งแกร่งและเผด็จการทั้งสองได้เผชิญหน้าแลกเปลี่ยนกันมากกว่าสิบกระบวนท่าหลินเฟิงไม่มีความคิดที่จะฆ่าเธอ แค่ป้องกันตัวเองเท่านั้นแม้ว่าการบำเพ็ญของเขายังไม่ฟื้นตัว แต่ฉินอิ๋งก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา “ฉินอิ๋ง หยุดนะ”ในเวลานี้ ถังหว่านที่อยู่บนเตียงตะโกนอย่างรุนแรงฉินอิ๋งได้ยินแล้วจึงหยุดการโจมตีทันทีมองเธอด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความน้อยใจ “พี่หว่านเอ๋อ เด็กคนนี้...” “พอแล้ว”ถังหว่านพูดเบาๆว่า “หมอเทวดาหลินมารักษาโรค อย่าหยาบคายใส่เขา”คุณพ่อของฉินอิ๋งเป็นอาจารย์ของเธอเอง คำพูดของหลินเฟิงทำให้เธอไม่สบายใจแต่ในฐานะที่เป็นคนแรกในสามรุ่นของตระกูลถัง เป็นอัจฉริยะทางศิลปะการต่อสู้ คิดอย่างใจเย็นเป็นสิ่งที่เธอควรทำ ในการต่อสู้ที่เมื่อกี้ถังหว่านก็สามารถดูออกว่าหลินเฟิง ดูคล่องตัว ความสามารถไม่ธรรมดาแต่ดูเหมือนเขาไม่ได้สู้กับฉินอิ๋งอย่างเต็มที่ถ้าเขาสู้เต็มที่ ฉินอิ๋งต้องแพ้แน่ และนี่คือสาเหตุที่เธอพูดให้หยุดสำหรับคำสั่งของถังหว่าน ฉินอิ๋งไม่กล้าไม่ทำตาม จึงได้แต่ถอยหลังไปอย่างเงียบๆถังหว่า
“ดูพอหรือยัง”ฉินอิ๋งที่อยู่ข้างๆเห็นเขาจ้องมองถังหว่านอย่างตั้งใจ อดไม่ได้ที่พูดแม้ว่าศิลปะการต่อสู้ของหลินเฟิงจะเก่งมาก แต่เธอก็ยังสงสัยว่าวิธีการรักษาด้วยถอดเสื้อผ้านี่เขาคนนี้ตั้งใจอยากจะเอาเปรียบถังหว่านหรือเปล่าหลินเฟิงยิ้มเบาๆ สีหน้าไม่มีความอึดอัดใจเลยแม้แต่น้อยและชื่นชมจากใจจริงว่า “คุณถังสวยมากๆครับ ผมอดไม่ได้ที่จะดูไปหลายครั้ง” “ฮา ฮา”ถังหว่านยิ้ม “หมอเทวดาหลินก็พูดตรงไปตรงมามากนะ”เธอไม่คิดว่าหลินเฟิงจะยอมรับอย่างใจกว้างขนาดนี้ไม่เหมือนพวกที่เรียกตัวเองว่าเป็นสุภาพบุรุษ กล้าทำแต่ไม่กล้ายอมรับ “ตราบใดที่หมอเทวดาหลินสามารถรักษาโรคฉันหาย อยากดูอย่างไรก็ได้”ถังหว่านสายตาอ่อนโยนมีเสน่ห์ มุมปากมีรอยยิ้มที่น่าสนใจ “ไม่จำเป็นหรอก ของที่สวยงามดูเพียงครั้งเดียวก็ประทับใจมากเพียงพอแล้ว”หลินเฟิงส่ายหัวเอาเข็มเงินเข็มออกมาปลายนิ้วผ่านหน้าอกถังหว่าน สัมผัสได้ถึงความเย็นบนผิวที่เรียบเนียนและละเอียดอ่อนเข็มหนึ่งฝังในจุดเฟิงฝู่ถังหว่านหายใจเข้าลึกๆ ร่างกายสั่นอย่างควบคุมไม่ได้หลินเฟิงเอาเข็มเงินหนึ่งออก กดนิ้วมือลงไปเรื่อยๆผ่านท้องน้อยของเธอ ฝังเข็มอีกหนึ
หลินเฟิงเพิ่งเดินออกจากประตูใหญ่ของตระกูลถัง โรลส์-รอยซ์คันหนึ่งขับมาจากข้างหลังและจอดอยู่ข้างๆเขาประตูรถเปิดออก ถังหว่านเดินลงมา “บ้านคุณหลินอยู่ที่ไหนคะ ให้ฉันไปส่งไหม”หลินเฟิงคิดสักพักแล้วถอนหายใจ “ตอนนี้ไม่มีที่อยู่ คิดว่าจะพักที่โรงแรม”ตัวเขาเองอยู่ที่เจียงโจวไม่ได้ซื้อบ้านไว้เลย เมื่อหย่ากับหลี่ฮุ่ยหรานแล้วเขาก็จะไม่กลับไปตระกูลหลี่อีก “อึม...”ถังหว่านอึ้ง แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรเยอะ “นี่พอดีเลย ตระกูลถังเรามีโรงแรมห้าสิบกว่าแห่งในเจียงโจว” “ให้ฉันจัดการให้คุณหลินเถอะ เมื่อเสวียนหลิงโสมถึงแล้ว ก็พอดีส่งไปให้คุณเลย” “ก็ได้”หลินเฟิงคิดไปคิดมาก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไรเขานั่งที่เบาะข้างหลังกับถังหว่าน ฉินอิ๋งเป็นคนขับรถเมื่อถึงประตูเขตวิลล่า ฉินอิ๋งก็จอดรถ “เกิดอะไรขึ้น”ถังหว่านถาม “ข้างหน้ามีรถคันหนึ่ง ไม่รู้ทำไมช้า”ฉินอิ๋งบ่นหลินเฟิงมองไปข้างนอกผ่านหน้าต่างรถ เห็นมีชายสวมชุดสูทคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตูห้องรักษาความปลอดภัย “แจ้งคุณปู่ถัง ว่าหวางเส้าหลง นายน้อยของตระกูลหวางในเจียงโจวขอมาเยี่ยม”พูดจบก็เอาเงินสดก้อนหนึ่งยื่นให้พนักงานรักษาความปลอดภัยพนักงานรักษาความปล
หลี่เหวินเชาไม่กลัวเลยแม้แต่น้อย พูดเสียงดังว่า “คนกากๆอย่างคุณกล้ามาชี้นิ้วสั่งผมเหรอ” “วันนี้กูต้องให้บทเรียนมึงแทนพี่สาวกู”หลินเฟิงเตะท้องของเขาด้วยขาเดียวหลี่เหวินเชาบินออกไปเหมือนโดนระเบิด “อา”แฟนสาวตัวเล็กของหลี่เหวินเชากลัวจนหน้าซีดวิ่งโซซัดโซเซไปยังข้างๆของหลี่เหวินเชา ถามด้วยความกลัว ที่รัก คุณเป็นอย่างไรบ้าง”สีหน้าถังหว่านมีรอยยิ้มที่เย็นชาเด็กชายคนนี้กล้าต่อสู้กับหลินเฟิงด้วย ช่างกล้าหาญเกินแต่สิ่งที่เธออยากรู้อยากเห็นมากคือ หลี่ฮุ่ยหรานที่หลินเฟิงพูดถึงเป็นใคร “ไอเหี้ย”หลี่เหวินเชาใบหน้าบิดเบี้ยว ที่ท้องมีความเจ็บปวดที่รุนแรง รู้สึกลําไส้เกือบจะถูกเตะจนด้วยดวงตาที่มืดมนจ้องไปที่หลินเฟิง “คุณ...คุณกล้าเตะผมเหรอ”หลินเฟิงใจเย็นลง “แต่ก่อนคือเห็นแก่พี่สาวคุณ ผมจึงไม่ได้จริงจังกับคุณ” “ตอนนี้ผมไม่มีความสัมพันธ์อะไรกับตระกูลหลี่อีกต่อไปแล้ว หากคุณยังกล้าหยาบคายต่อหน้าผมแบบนี้อีก ผมจะเอาคุณตาย”มองดูสายตาที่เต็มไปด้วยความอาฆาตของหลินเฟิงหลี่เหวินเชาสั่น คําสบถที่อยากจะพูดถูกกลืนลงไปหันหน้ามองไปที่ถังหว่านและตะโกน “นี่คุณมาทำอะไร กูมาใช้บริการที่นี่
“ครับ!”ลูกน้องพวกนี้รีบวิ่งไปหาฟ่านหลิงเยว่ด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย ในที่สุดฟ่านหลิงเยว่ก็กลืนขนมในปาก ก่อนจะหัวเราะเยาะและพูดขึ้นว่า : “พวกแกรนหาที่ตายแล้ว!”หลังจากที่พูดจบ เธอก็ยกขาขึ้นสูงแล้วเตะศีรษะของอันธพาลที่กำลังวิ่งพุ่งเข้ามาข้างหน้าจนศีรษะบุบลงไปจากนั้น เธอก็เผชิญหน้ากับมือที่ยื่นเข้ามาจากด้านข้าง แล้วเธอก็ปล่อยหมัดกลับไป ทันใดนั้นก็ทำให้หัวหน้าแก๊งที่แสยะยิ้มคนนี้ เบิกตากว้างทันที แล้วเปลี่ยนสีหน้าเป็นความหวาดกลัว“นัก....”ก่อนที่เขาจะได้เอ่ยคำว่า "บู๊" ออกมา เขาก็โถมตัวไปด้านหลังพร้อมกับรอยหมัดที่กลางหน้าอก แล้วกระแทกกับกระจกร้าน 4S ที่สูงจากพื้นถึงเพดาน“เชี่ยเอ้ย!”เมื่อเห็นฉากนี้ พวกอันธพาลที่อยู่โดยรอบก็พากันตกตะลึงใครจะคิดว่าเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งจะมีความแข็งแกร่งได้ขนาดนี้?“เกิดอะไรขึ้น? ไม่ใช่ว่าต้องสนุกกันเหรอ?”ฟ่านหลิงเยว่หัวเราะเยาะแล้วพุ่งเข้าใส่พวกลูกน้องที่กำลังลังเลกลุ่มนี้"ในเมื่อพวกคุณไม่เข้ามา งั้นก็อย่าโทษฉันแล้วกัน!"“ปัง!”ฟ่านหลิงเยว่สอยหมัดขึ้นไป จนทำให้อันธพาลส่งเสียงกรีดร้องจนศีรษะไปกระแทกกับพื้นชั้นสองจากนั้นเธอก็คว้าหัวหน้า
“ฮือฮือฮือ…”หวังลี่ลี่กอดหัวของตัวเอง ถูกหลิวหย่าเหยียบอยู่ใต้เท้า เธออาศัยงานส่วนรวมแก้แค้นเรื่องส่วนตัว เตะไปที่คอของหวังลี่ลี่อย่างแรงหลายครั้งหวังลี่ลี่สะอื้นไห้ ในใจก็เต็มไปด้วยความเคียดแค้นเธอไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้หลินเฟิงเห็นภาพนี้ สายตาเย็นชาขึ้นเรื่อยๆ“หยุดนะ”หลินเฟิงตวาดเสียงทุ้มต่ำ แต่หลิวหย่าไม่ได้คิดจะหยุดเลยด้วยซ้ำหลินเฟิงเดินเข้าไป จับข้อมือของเธอ และตวาดเสียงเย็นชาว่า:“ฉันบอกให้เธอหยุดเธอไม่ได้ยินเหรอ?!”“อุ๊ย ไอ้ยาจก! เรื่องที่แกหลอกเรา ฉันยังไม่คิดบัญชีกับแกเลยนะ นายยังกล้ามายุ่งเรื่องของฉันอีก!”หลิวหย่าหัวเราะเยาะหลินเฟิง และใช้มืออีกข้างตบไปที่หน้าของหลินเฟิงหลินเฟิงเห็นแบบนี้ ในใจก็รู้สึกเดือดดาลเขาไม่ได้หลบเลี่ยง แต่มือข้างที่จับหลิวหย่าเอาไว้ออกแรงเล็กน้อยหลังจากเสียงกระดูกร้าวดังขึ้น หลิวหย่าก็กุมข้อมือที่อ่อนปวกเปียกและทรุดนั่งลงบนพื้นจากนั้น เธอส่งเสียงกรีดร้องออกมาเหมือนหมูถูกเชือด“เชี่ย ไอ้หนุ่ม แกกล้าพาลเกเรที่ถิ่นของฉันงั้นเหรอ?”ผู้จัดการเสิ่นเห็นกิ๊กของเขาถูกหลินเฟิงทำร้าย ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟทันทีบังเอิญกับที่ตอนนี้ ลู
ในตอนที่หวังลี่ลี่เหม่อลอยอยู่นั้น คุณชายตู้ก็เข้ามาโอบเอวเธอ และหรี่ตาจ้องมองหลินเฟิงและพูดว่า:“ไอ้หนุ่ม ฉันเคยเจอคนโง่เขลาแบบนายที่เข้ามาเป็นวีรบุรุษช่วยสาวงามมาเยอะแล้ว”“นายคิดว่าแสดงละครกับหวังลี่ลี่แบบนี้ แกล้งทำเป็นว่านายมาซื้อรถ หวังลี่ลี่ก็คุยโวโอ้อวดคุณ ก็คิดว่าจะหลอกฉันได้เหรอ?”“หลอกคนที่อยู่ที่นี่จนหัวหมุน?”“หึ”คุณชายตู้พ่นลมหายใจ“เก็บแรงไว้เถอะ”“เสแสร้งออกมา?”หลังจากผู้จัดการเสิ่นงุนงงอยู่ครู่หนึ่ง ก็จ้องมองเสื้อผ้ามอมแมมที่อยู่บนตัวของหลินเฟิง ใบหน้าก็เผยความโมโหขึ้นมาทันทีเขาก็เข้าใจเหตุการณ์ได้แล้ว“แม่ง กล้าหลอกฉัน แถมยังด่าฉันด้วย?!”ผู้จัดการเสิ่นเกิดความโมโหที่ถูกหลอกเขาฟังคำพูดของคุณชายตู้ถึงได้เข้าใจวุ่นวายอยู่นาน หลินเฟิงไม่ได้เป็นคนที่ซื้อรถมายบัคอะไร แต่เป็นคนตามจีบหวังลี่ลี่เป้าหมายที่เขามุ่งหน้ามาแบบนี้ ไม่ได้จะมาซื้อรถ แต่แค่อยากจะมาช่วยหวังลี่ลี่ไปจากมือของคุณชายตู้สำหรับเรื่องซื้อรถ?รถมายบัคอะไรกัน เขาคู่ควรด้วยเหรอ?ไม่เพียงผู้จัดการเสิ่น แม้แต่หลิวหย่าที่อยู่ข้างๆ ก็ตั้งสติกลับมาได้ สีหน้าเปลี่ยนไปอับอายอย่างมากพวกเขาคิดว่
สำหรับผู้จัดการผู้ประจบสอพลอคนนี้ หลินเฟิงไม่ได้ไว้หน้าเขาแม้แต่นิด เขาส่งเสียงไม่พอใจในลำคอ ชี้ไปทางหวังลี่ลี่และพูดว่า:“ผมต้องการให้คุณผู้หญิงคนนี้แนะนำให้ผม คนที่ไม่เกี่ยวข้องไสหัวไป”“เอ่อ…”คิดไม่ถึงว่าพูดจาดีๆ เป็นกอง กลับเสียเปล่าทั้งหมดผู้จัดการเสิ่นนิ่งอึ้งครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้โมโหอะไรในเมื่อทำงานสายนี้ บุคคลใหญ่โตที่ต้องปรนนิบัตินั้นมีถมเถไป คนเหล่านี้ในเวลาปกติมักจะมีความชอบและนิสัยที่แปลกประหลาดเพื่อที่จะขายรถ ยังไงพวกเขาก็ไม่สามารถบาดหมางกับคนเหล่านี้ได้ดังนั้นถึงแม้จะถูกหลินเฟิงขับไล่ แต่เขาก็ยิ้มแย้มพูดว่า:“ครับครับครับ ในเมื่อลี่ลี่เป็นเพื่อนเก่ากับคุณผู้ชาย เช่นนั้นให้เธอพาคุณไปดูรถก็จะดีอย่างมาก”ขณะพูด ผู้จัดการเสิ่นรีบส่งสายตาไปให้หวังลี่ลี่ที่อยู่ด้านข้างหวังลี่ลี่ก็เข้าใจ ในเมื่อหลินเฟิงเป็นลูกค้าที่เธอเคยรับรอง เขาน่าเชื่อถือกว่าคุณชายตู้ไม่รู้กี่เท่าตอนที่เธอกำลังจะเดินเข้าไปแนะนำให้หลินเฟิง คุณชายตู้ที่ยืนอยู่ที่เดิมตลอด และเพิ่งมองหลินเฟิง กลับเดินออกมาเขาขวางอยู่ระหว่างหวังลี่ลี่กับหลินเฟิง“ฉันถามหน่อย ไอ้หนุ่ม นายคงไม่ได้เป็นอะไรกับหวั
“หือ?”หลินเฟิงก็จำหวังลี่ลี่ได้“คุณคือ…”ใบหน้าของหวังลี่ลี่เผยความีใจออกมาทันที“คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? ไม่ได้อยู่ที่เมืองเจียงโจวเหรอ?”หลินเฟิงก็จำได้ว่า หวังลี่ลี่คนนี้ก็คือพนักงานขายที่ทำเอกสารให้เขา ตนที่เขาซื้อรถมายบัค”คิดไม่ถึงว่าจะเจอกันที่นี่ บังเอิญจริงๆ“หึหึ คุณหลิน ก่อนหน้านี้ฉันอยู่ที่เมืองเจียงโจว แต่เป็นเพราะรถคันนั้นที่ขายให้คุณก่อนหน้านี้ ก็เลยถูกบริษัทโยกย้ายมาที่เมืองเจิ้งเต๋อ”หวังลี่ลี่เช็ดน้ำตาที่อยู่บนใบหน้า และฝืนยิ้มออกมา“อาจารย์หลิน ฉันกินขนมพวกนั้นได้ไหม?”ฟ่านหลิงเยว่กุมท้อง และถามด้วยหน้านิ่วคิ้วขมวด“อ๊ะ? ค่ะ! ได้อยู่แล้ว”หวังลี่ลี่รีบเดินเข้าไป แกะขนมห่อใหญ่สองห่อ ยื่นไปในอ้อมแขนของฟ่านหลิงเยว่ฟ่านหลิงเยว่ก็ยื่นมืออกมาทันที และจับยัดเข้าในปากกำใหญ่กินอย่างมูมมาม โดยไม่เคี้ยวเลยด้วยซ้ำ และไม่ทันได้พูดขอบคุณ“มามามา อย่าให้ติดคอ ตรงนี้มีน้ำค่ะ”เห็นฟ่านหลิงเยว่ทานได้อย่างน่ากลัว หวังลี่ลี่จึงรีบยกน้ำมาแก้วหนึ่งและยื่นให้“ขอบ…ขอบคุณค่ะ!”ฟ่านหลิงเยว่หาจังหวะพูดขอบคุณ และดื่มน้ำทั้งแก้วเข้าไปจนหมดเห็นท่าทางของหวังลี่ลี่ สีหน้าข
หลังจากเงียบสงัดอยู่ครู่หนึ่งสิ่งที่ตามมา ก็คือเสียงหัวเราะที่ระเบิดออกมา“คุณผู้ชายท่านนี้ คุณรู้ไหมว่านี่คือรถอะไร? นี่คือรถ“ราคาตัวท็อป 187.9 ล้านบาท คุณมั่นใจว่าจะนำเงินจำนวนเท่านี้ออกมาได้?”“คุณตั้งใจมาก่อความวุ่นวายสินะ?”หลังจากหลิวหย่าหัวเราะเสร็จ สีหน้าก็เปลี่ยนไปเย็นชา“พวกนาย กระทืบขอทานสองคนที่คุยโวอย่างหน้าไม่อายออกไปซะ!”“ครับ!”รปภ. สองคนรู้ว่า ควรจะเล่นสนุกเพียงพอแล้วตอนนี้ข้างในยังรับรองลูกค้าคนสำคัญอยู่ ถ้าหากรบกวนลูกค้า ก็จะไม่ดีเท่าไหร่นักดังนั้นพวกเขาก็กดสวิตช์บนกระบองไฟฟ้า เสียงดังเพียะ พูดข่มขู่หลินเฟิงว่า:“ได้ยินแล้วยัง รีบไสหัวไป ไม่อย่างนั้นพวกเราจะลงมือแล้ว”“อาจารย์หลิน หิวจังเลย”ฟ่านหลิงเยว่จ้องมองขนมห่อเล็กห่อใหญ่บนโต๊ะ และกลืนน้ำลายไม่หยุดเธอไม่ได้กินอะไรมาหลายวันแล้วตอนนี้แทบจะหิวตายแล้วเห็นคนเหล่านี้ไม่ฟังอะไรสักอย่าง สีหน้าของหลินเฟิงก็เย็นชาทันทีตอนที่เขาเพิ่งเดินเข้ามา ก็เห็นป้ายร้านแล้วโชว์รูมแห่งนี้เป็นธุรกิจของเฝิงกวงฉี่ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์หรูหราภายใต้กลุ่มบริษัท เฝิงกวงกรุ๊ป นั่นคือเหตุผลที่เขาเดินเข้ามาโดยไม่ลังเลเ
รปภ. สองคนที่กำลังเล่นไพ่และหัวเราะคิกๆ คักๆ อยู่ รีบสวมหมวกของตัวเอง และวิ่งเหยาะเข้ามา“แหะแหะ พี่หลิวหย่า ขอโทษด้วยครับ ขอโทษด้วย”รปภ.ทั้งสองคนยิ้มอย่างเคอะเขินให้กับหญิงสาวจากนั้นตอนที่พวกเขาเผชิญหน้ากับหลินเฟิงและฟ่านเยว่หลิง ก็เปลี่ยนสีหน้าทันที พูดด้วยท่าทางหยิ่งยโสและรังเกียจว่า:“พวกบ้านนอกมาจากที่ไหนกัน? รีบออกไปเลย ตรงที่พวกเราเพิ่งถูพื้น พวกนายอย่ามาเหยียบให้สกปรก!”“ไปไปไป!”เผชิญหน้ากับการขับไล่ของรปภ. ฟ่านหลิงเยว่กลับเห็นขนมขบเคี้ยวที่วางอยู่บนโต๊ะ เธอกลืนน้ำลาย มองไปทางหลินเฟิงด้วยท่าทางน่าสงสารและพูดว่า:“อาจารย์หลิน หนูหิว…”ได้ยินคำพูดนี้ บอดี้การ์ดสองคนเกือบหลุดขำขอทานสองคนนี้มาจากที่ไหนกัน คิดไม่ถึงว่าจะมาขอทานจนถึงโชว์รูมรถหรูของพวกเขาไม่ดูรถคันนี้ที่แสดงอยู่ในห้องโถงบ้างเลยว่า เป็นสถานที่ที่พวกเขาคู่ควรจะมาขอทานไหม?“พวกเราเป็นลูกค้า มาซื้อรถ พวกคุณมีสิทธิ์อะไรไล่พวกเราไป?”หลินเฟิงรู้ว่าทั้งสองเดินอยู่บนถนนภูเขามาทั้งวันแบบนี้ ภาพพจน์ไม่ค่อยดี แต่ก็ไม่ถึงขั้นไม่ให้เข้ามาหรอกมั้ง?ดังนั้นเขาจึงถามด้วยหน้าตาเย็นชา“ซื้อรถ?”รปภ. สองคนมองตากัน แล
“ที่เมืองเจิ้งเต๋อใครบ้างไม่รู้ว่าคุณชายตู้เป็นใหญ่ในเขตซีเฉิง ยังมีคนกล้าไม่ไว้หน้าคุณอย่างนั้นเหรอครับ?”ผู้จัดการพูดไปด้วย และส่งสายตาให้กับหวังลี่ลี่อย่างบ้าคลั่ง“แกหลบไปเลย!”คุณชายตู้ถีบผู้จัดการออกอย่างไม่เกรงใจ จากนั้นยื่นมือออกไปตบหน้าหวังลี่ลี่อย่างแรงหวังลี่ลี่ร้องอุทานออกมา มือกุมหน้าและล้มทรุดลงบนพื้น“แม่งเอ๊ย”คุณชายตู้ถุยน้ำลายลงบนพื้น ใบหน้าบิดเบี้ยวเพราะความเดือดดาล เขาพูดอย่างเย็นชาว่า:“ฉันมาที่นี่ก็เพื่อที่จะใช้จ่ายเงิน!”“รถยนต์ราคาห้าสิบกว่าล้านก็ซื้อแล้ว ค่าคอมมิชชั่นที่มาถึงมือเธอไม่พูดว่าห้าล้านบาท แต่ห้าแสนบาทก็คงถึงอยู่ใช่ไหม?”คุณชายตู้เข้าไปดึงผมของหวังลี่ลี่เอาไว้ ทำให้เธอรู้สึกเจ็บอย่างมาก และร้องไห้ขอความเมตตา“เงินห้าแสนบาท ยังไม่สามารถซื้อพรหมจรรย์ของเธอได้งั้นเหรอ?“เดิมคิดว่าหญิงร่านแบบแกทำเป็นเล่นตัวกับฉัน คิดไม่ถึงว่าแกกลับเสแสร้งขึ้นมา แกเสแสร้งอะไรกัน?”“ตอนนี้ฉันสามารถให้ลูกน้องตรวจสอบครอบครัวของแก ลากพ่อที่อยู่ห้องไอซียูของโรงพยาบาลเจิ้งเต๋อออกมาได้ แกเชื่อไหม?”ได้ยินคำพูดนี้ หวังลี่ลี่ตกใจจนหน้าซีด“ไม่...ไม่นะ อย่างนะคะคุณชา
เห็นภาพนี้ หลินเฟิงแอบถอนหายใจอย่างอดไม่ได้เด็กโง่คนนี้ เป็นคนที่มีคุณสมบัติเรียนวิชาเวทมนต์จริงๆ เหรอ?“น่าโมโหชะมัด ตาแก่หนังเหนียวสองคนนี้ทำไมถึงได้ไร้ยางอายแบบนี้ ในอนาคตฉันจะต้องขุดหลุมศพของพวกเขา ลากพวกเขาออกมาจากโลงศพและทิ้งไปในบ่อขี้...”ไม่นานนัก ฟ่านหลิงเยว่ที่ท้องว่างสมองกลวงออกจากวัดบนเขาที่ทรุดโทรมกับหลินเฟิงส่วนรถที่หลินเฟิงขับมาถูกชายชราสองคนนั้นขับไปตั้งนานแล้วเมื่อเห็นภาพนี้ ฟ่านหลิงเยว่โมโหจนกระทืบเท้าและด่าทอเสียงดัง คำพูดในภาพทำได้แค่กลั่นกรองถึงจะฟังเข้าหูได้หลินเฟิงก็จนปัญญาอย่างมากทำได้แค่เดินเท้ากลับเข้าไปในตัวเมืองเจิ้งเต๋อด้วยกันกับฟ่านหลิงเยว่เมื่อเดินแบบนี้ก็เดินอยู่ครึ่งวันรอให้พวกเขาไปเห็นโชว์รูมขายรถแห่งหนึ่ง เป็นเพราะการเร่งเดินทางที่มีฝุ่นตลอดทาง ภาพลักษณ์ของทั้งสองคนก็ดูแย่เล็กน้อยตอนนี้ภายในโชว์รูมรถ“ยอดขายในเดือนนี้ หวังลี่ลี่ เธอเป็นที่โหล่อีกแล้ว”ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ภายในห้องกระจกฝ้ามีสีหน้าโกรธเคืองเขายื่นนิ้วออกมา ชี้หน้าพนักงานขายหญิงสาววัยรุ่นคนนั้น และพูดตวาดว่า:“ถ้าเธอแสร้งทำเป็นเย็นชา สงบเสงี่ยม งั้นวันนี้เธอก็