“ที่เมืองเจิ้งเต๋อใครบ้างไม่รู้ว่าคุณชายตู้เป็นใหญ่ในเขตซีเฉิง ยังมีคนกล้าไม่ไว้หน้าคุณอย่างนั้นเหรอครับ?”ผู้จัดการพูดไปด้วย และส่งสายตาให้กับหวังลี่ลี่อย่างบ้าคลั่ง“แกหลบไปเลย!”คุณชายตู้ถีบผู้จัดการออกอย่างไม่เกรงใจ จากนั้นยื่นมือออกไปตบหน้าหวังลี่ลี่อย่างแรงหวังลี่ลี่ร้องอุทานออกมา มือกุมหน้าและล้มทรุดลงบนพื้น“แม่งเอ๊ย”คุณชายตู้ถุยน้ำลายลงบนพื้น ใบหน้าบิดเบี้ยวเพราะความเดือดดาล เขาพูดอย่างเย็นชาว่า:“ฉันมาที่นี่ก็เพื่อที่จะใช้จ่ายเงิน!”“รถยนต์ราคาห้าสิบกว่าล้านก็ซื้อแล้ว ค่าคอมมิชชั่นที่มาถึงมือเธอไม่พูดว่าห้าล้านบาท แต่ห้าแสนบาทก็คงถึงอยู่ใช่ไหม?”คุณชายตู้เข้าไปดึงผมของหวังลี่ลี่เอาไว้ ทำให้เธอรู้สึกเจ็บอย่างมาก และร้องไห้ขอความเมตตา“เงินห้าแสนบาท ยังไม่สามารถซื้อพรหมจรรย์ของเธอได้งั้นเหรอ?“เดิมคิดว่าหญิงร่านแบบแกทำเป็นเล่นตัวกับฉัน คิดไม่ถึงว่าแกกลับเสแสร้งขึ้นมา แกเสแสร้งอะไรกัน?”“ตอนนี้ฉันสามารถให้ลูกน้องตรวจสอบครอบครัวของแก ลากพ่อที่อยู่ห้องไอซียูของโรงพยาบาลเจิ้งเต๋อออกมาได้ แกเชื่อไหม?”ได้ยินคำพูดนี้ หวังลี่ลี่ตกใจจนหน้าซีด“ไม่...ไม่นะ อย่างนะคะคุณชา
รปภ. สองคนที่กำลังเล่นไพ่และหัวเราะคิกๆ คักๆ อยู่ รีบสวมหมวกของตัวเอง และวิ่งเหยาะเข้ามา“แหะแหะ พี่หลิวหย่า ขอโทษด้วยครับ ขอโทษด้วย”รปภ.ทั้งสองคนยิ้มอย่างเคอะเขินให้กับหญิงสาวจากนั้นตอนที่พวกเขาเผชิญหน้ากับหลินเฟิงและฟ่านเยว่หลิง ก็เปลี่ยนสีหน้าทันที พูดด้วยท่าทางหยิ่งยโสและรังเกียจว่า:“พวกบ้านนอกมาจากที่ไหนกัน? รีบออกไปเลย ตรงที่พวกเราเพิ่งถูพื้น พวกนายอย่ามาเหยียบให้สกปรก!”“ไปไปไป!”เผชิญหน้ากับการขับไล่ของรปภ. ฟ่านหลิงเยว่กลับเห็นขนมขบเคี้ยวที่วางอยู่บนโต๊ะ เธอกลืนน้ำลาย มองไปทางหลินเฟิงด้วยท่าทางน่าสงสารและพูดว่า:“อาจารย์หลิน หนูหิว…”ได้ยินคำพูดนี้ บอดี้การ์ดสองคนเกือบหลุดขำขอทานสองคนนี้มาจากที่ไหนกัน คิดไม่ถึงว่าจะมาขอทานจนถึงโชว์รูมรถหรูของพวกเขาไม่ดูรถคันนี้ที่แสดงอยู่ในห้องโถงบ้างเลยว่า เป็นสถานที่ที่พวกเขาคู่ควรจะมาขอทานไหม?“พวกเราเป็นลูกค้า มาซื้อรถ พวกคุณมีสิทธิ์อะไรไล่พวกเราไป?”หลินเฟิงรู้ว่าทั้งสองเดินอยู่บนถนนภูเขามาทั้งวันแบบนี้ ภาพพจน์ไม่ค่อยดี แต่ก็ไม่ถึงขั้นไม่ให้เข้ามาหรอกมั้ง?ดังนั้นเขาจึงถามด้วยหน้าตาเย็นชา“ซื้อรถ?”รปภ. สองคนมองตากัน แล
หลังจากเงียบสงัดอยู่ครู่หนึ่งสิ่งที่ตามมา ก็คือเสียงหัวเราะที่ระเบิดออกมา“คุณผู้ชายท่านนี้ คุณรู้ไหมว่านี่คือรถอะไร? นี่คือรถ“ราคาตัวท็อป 187.9 ล้านบาท คุณมั่นใจว่าจะนำเงินจำนวนเท่านี้ออกมาได้?”“คุณตั้งใจมาก่อความวุ่นวายสินะ?”หลังจากหลิวหย่าหัวเราะเสร็จ สีหน้าก็เปลี่ยนไปเย็นชา“พวกนาย กระทืบขอทานสองคนที่คุยโวอย่างหน้าไม่อายออกไปซะ!”“ครับ!”รปภ. สองคนรู้ว่า ควรจะเล่นสนุกเพียงพอแล้วตอนนี้ข้างในยังรับรองลูกค้าคนสำคัญอยู่ ถ้าหากรบกวนลูกค้า ก็จะไม่ดีเท่าไหร่นักดังนั้นพวกเขาก็กดสวิตช์บนกระบองไฟฟ้า เสียงดังเพียะ พูดข่มขู่หลินเฟิงว่า:“ได้ยินแล้วยัง รีบไสหัวไป ไม่อย่างนั้นพวกเราจะลงมือแล้ว”“อาจารย์หลิน หิวจังเลย”ฟ่านหลิงเยว่จ้องมองขนมห่อเล็กห่อใหญ่บนโต๊ะ และกลืนน้ำลายไม่หยุดเธอไม่ได้กินอะไรมาหลายวันแล้วตอนนี้แทบจะหิวตายแล้วเห็นคนเหล่านี้ไม่ฟังอะไรสักอย่าง สีหน้าของหลินเฟิงก็เย็นชาทันทีตอนที่เขาเพิ่งเดินเข้ามา ก็เห็นป้ายร้านแล้วโชว์รูมแห่งนี้เป็นธุรกิจของเฝิงกวงฉี่ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์หรูหราภายใต้กลุ่มบริษัท เฝิงกวงกรุ๊ป นั่นคือเหตุผลที่เขาเดินเข้ามาโดยไม่ลังเลเ
“หือ?”หลินเฟิงก็จำหวังลี่ลี่ได้“คุณคือ…”ใบหน้าของหวังลี่ลี่เผยความีใจออกมาทันที“คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? ไม่ได้อยู่ที่เมืองเจียงโจวเหรอ?”หลินเฟิงก็จำได้ว่า หวังลี่ลี่คนนี้ก็คือพนักงานขายที่ทำเอกสารให้เขา ตนที่เขาซื้อรถมายบัค”คิดไม่ถึงว่าจะเจอกันที่นี่ บังเอิญจริงๆ“หึหึ คุณหลิน ก่อนหน้านี้ฉันอยู่ที่เมืองเจียงโจว แต่เป็นเพราะรถคันนั้นที่ขายให้คุณก่อนหน้านี้ ก็เลยถูกบริษัทโยกย้ายมาที่เมืองเจิ้งเต๋อ”หวังลี่ลี่เช็ดน้ำตาที่อยู่บนใบหน้า และฝืนยิ้มออกมา“อาจารย์หลิน ฉันกินขนมพวกนั้นได้ไหม?”ฟ่านหลิงเยว่กุมท้อง และถามด้วยหน้านิ่วคิ้วขมวด“อ๊ะ? ค่ะ! ได้อยู่แล้ว”หวังลี่ลี่รีบเดินเข้าไป แกะขนมห่อใหญ่สองห่อ ยื่นไปในอ้อมแขนของฟ่านหลิงเยว่ฟ่านหลิงเยว่ก็ยื่นมืออกมาทันที และจับยัดเข้าในปากกำใหญ่กินอย่างมูมมาม โดยไม่เคี้ยวเลยด้วยซ้ำ และไม่ทันได้พูดขอบคุณ“มามามา อย่าให้ติดคอ ตรงนี้มีน้ำค่ะ”เห็นฟ่านหลิงเยว่ทานได้อย่างน่ากลัว หวังลี่ลี่จึงรีบยกน้ำมาแก้วหนึ่งและยื่นให้“ขอบ…ขอบคุณค่ะ!”ฟ่านหลิงเยว่หาจังหวะพูดขอบคุณ และดื่มน้ำทั้งแก้วเข้าไปจนหมดเห็นท่าทางของหวังลี่ลี่ สีหน้าข
สำหรับผู้จัดการผู้ประจบสอพลอคนนี้ หลินเฟิงไม่ได้ไว้หน้าเขาแม้แต่นิด เขาส่งเสียงไม่พอใจในลำคอ ชี้ไปทางหวังลี่ลี่และพูดว่า:“ผมต้องการให้คุณผู้หญิงคนนี้แนะนำให้ผม คนที่ไม่เกี่ยวข้องไสหัวไป”“เอ่อ…”คิดไม่ถึงว่าพูดจาดีๆ เป็นกอง กลับเสียเปล่าทั้งหมดผู้จัดการเสิ่นนิ่งอึ้งครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้โมโหอะไรในเมื่อทำงานสายนี้ บุคคลใหญ่โตที่ต้องปรนนิบัตินั้นมีถมเถไป คนเหล่านี้ในเวลาปกติมักจะมีความชอบและนิสัยที่แปลกประหลาดเพื่อที่จะขายรถ ยังไงพวกเขาก็ไม่สามารถบาดหมางกับคนเหล่านี้ได้ดังนั้นถึงแม้จะถูกหลินเฟิงขับไล่ แต่เขาก็ยิ้มแย้มพูดว่า:“ครับครับครับ ในเมื่อลี่ลี่เป็นเพื่อนเก่ากับคุณผู้ชาย เช่นนั้นให้เธอพาคุณไปดูรถก็จะดีอย่างมาก”ขณะพูด ผู้จัดการเสิ่นรีบส่งสายตาไปให้หวังลี่ลี่ที่อยู่ด้านข้างหวังลี่ลี่ก็เข้าใจ ในเมื่อหลินเฟิงเป็นลูกค้าที่เธอเคยรับรอง เขาน่าเชื่อถือกว่าคุณชายตู้ไม่รู้กี่เท่าตอนที่เธอกำลังจะเดินเข้าไปแนะนำให้หลินเฟิง คุณชายตู้ที่ยืนอยู่ที่เดิมตลอด และเพิ่งมองหลินเฟิง กลับเดินออกมาเขาขวางอยู่ระหว่างหวังลี่ลี่กับหลินเฟิง“ฉันถามหน่อย ไอ้หนุ่ม นายคงไม่ได้เป็นอะไรกับหวั
ในตอนที่หวังลี่ลี่เหม่อลอยอยู่นั้น คุณชายตู้ก็เข้ามาโอบเอวเธอ และหรี่ตาจ้องมองหลินเฟิงและพูดว่า:“ไอ้หนุ่ม ฉันเคยเจอคนโง่เขลาแบบนายที่เข้ามาเป็นวีรบุรุษช่วยสาวงามมาเยอะแล้ว”“นายคิดว่าแสดงละครกับหวังลี่ลี่แบบนี้ แกล้งทำเป็นว่านายมาซื้อรถ หวังลี่ลี่ก็คุยโวโอ้อวดคุณ ก็คิดว่าจะหลอกฉันได้เหรอ?”“หลอกคนที่อยู่ที่นี่จนหัวหมุน?”“หึ”คุณชายตู้พ่นลมหายใจ“เก็บแรงไว้เถอะ”“เสแสร้งออกมา?”หลังจากผู้จัดการเสิ่นงุนงงอยู่ครู่หนึ่ง ก็จ้องมองเสื้อผ้ามอมแมมที่อยู่บนตัวของหลินเฟิง ใบหน้าก็เผยความโมโหขึ้นมาทันทีเขาก็เข้าใจเหตุการณ์ได้แล้ว“แม่ง กล้าหลอกฉัน แถมยังด่าฉันด้วย?!”ผู้จัดการเสิ่นเกิดความโมโหที่ถูกหลอกเขาฟังคำพูดของคุณชายตู้ถึงได้เข้าใจวุ่นวายอยู่นาน หลินเฟิงไม่ได้เป็นคนที่ซื้อรถมายบัคอะไร แต่เป็นคนตามจีบหวังลี่ลี่เป้าหมายที่เขามุ่งหน้ามาแบบนี้ ไม่ได้จะมาซื้อรถ แต่แค่อยากจะมาช่วยหวังลี่ลี่ไปจากมือของคุณชายตู้สำหรับเรื่องซื้อรถ?รถมายบัคอะไรกัน เขาคู่ควรด้วยเหรอ?ไม่เพียงผู้จัดการเสิ่น แม้แต่หลิวหย่าที่อยู่ข้างๆ ก็ตั้งสติกลับมาได้ สีหน้าเปลี่ยนไปอับอายอย่างมากพวกเขาคิดว่
“ฮือฮือฮือ…”หวังลี่ลี่กอดหัวของตัวเอง ถูกหลิวหย่าเหยียบอยู่ใต้เท้า เธออาศัยงานส่วนรวมแก้แค้นเรื่องส่วนตัว เตะไปที่คอของหวังลี่ลี่อย่างแรงหลายครั้งหวังลี่ลี่สะอื้นไห้ ในใจก็เต็มไปด้วยความเคียดแค้นเธอไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้หลินเฟิงเห็นภาพนี้ สายตาเย็นชาขึ้นเรื่อยๆ“หยุดนะ”หลินเฟิงตวาดเสียงทุ้มต่ำ แต่หลิวหย่าไม่ได้คิดจะหยุดเลยด้วยซ้ำหลินเฟิงเดินเข้าไป จับข้อมือของเธอ และตวาดเสียงเย็นชาว่า:“ฉันบอกให้เธอหยุดเธอไม่ได้ยินเหรอ?!”“อุ๊ย ไอ้ยาจก! เรื่องที่แกหลอกเรา ฉันยังไม่คิดบัญชีกับแกเลยนะ นายยังกล้ามายุ่งเรื่องของฉันอีก!”หลิวหย่าหัวเราะเยาะหลินเฟิง และใช้มืออีกข้างตบไปที่หน้าของหลินเฟิงหลินเฟิงเห็นแบบนี้ ในใจก็รู้สึกเดือดดาลเขาไม่ได้หลบเลี่ยง แต่มือข้างที่จับหลิวหย่าเอาไว้ออกแรงเล็กน้อยหลังจากเสียงกระดูกร้าวดังขึ้น หลิวหย่าก็กุมข้อมือที่อ่อนปวกเปียกและทรุดนั่งลงบนพื้นจากนั้น เธอส่งเสียงกรีดร้องออกมาเหมือนหมูถูกเชือด“เชี่ย ไอ้หนุ่ม แกกล้าพาลเกเรที่ถิ่นของฉันงั้นเหรอ?”ผู้จัดการเสิ่นเห็นกิ๊กของเขาถูกหลินเฟิงทำร้าย ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟทันทีบังเอิญกับที่ตอนนี้ ลู
“ครับ!”ลูกน้องพวกนี้รีบวิ่งไปหาฟ่านหลิงเยว่ด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย ในที่สุดฟ่านหลิงเยว่ก็กลืนขนมในปาก ก่อนจะหัวเราะเยาะและพูดขึ้นว่า : “พวกแกรนหาที่ตายแล้ว!”หลังจากที่พูดจบ เธอก็ยกขาขึ้นสูงแล้วเตะศีรษะของอันธพาลที่กำลังวิ่งพุ่งเข้ามาข้างหน้าจนศีรษะบุบลงไปจากนั้น เธอก็เผชิญหน้ากับมือที่ยื่นเข้ามาจากด้านข้าง แล้วเธอก็ปล่อยหมัดกลับไป ทันใดนั้นก็ทำให้หัวหน้าแก๊งที่แสยะยิ้มคนนี้ เบิกตากว้างทันที แล้วเปลี่ยนสีหน้าเป็นความหวาดกลัว“นัก....”ก่อนที่เขาจะได้เอ่ยคำว่า "บู๊" ออกมา เขาก็โถมตัวไปด้านหลังพร้อมกับรอยหมัดที่กลางหน้าอก แล้วกระแทกกับกระจกร้าน 4S ที่สูงจากพื้นถึงเพดาน“เชี่ยเอ้ย!”เมื่อเห็นฉากนี้ พวกอันธพาลที่อยู่โดยรอบก็พากันตกตะลึงใครจะคิดว่าเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งจะมีความแข็งแกร่งได้ขนาดนี้?“เกิดอะไรขึ้น? ไม่ใช่ว่าต้องสนุกกันเหรอ?”ฟ่านหลิงเยว่หัวเราะเยาะแล้วพุ่งเข้าใส่พวกลูกน้องที่กำลังลังเลกลุ่มนี้"ในเมื่อพวกคุณไม่เข้ามา งั้นก็อย่าโทษฉันแล้วกัน!"“ปัง!”ฟ่านหลิงเยว่สอยหมัดขึ้นไป จนทำให้อันธพาลส่งเสียงกรีดร้องจนศีรษะไปกระแทกกับพื้นชั้นสองจากนั้นเธอก็คว้าหัวหน้า
“บ้าเอ๊ย ฉันไม่สามารถทนได้จริงๆ ติดต่อน้องหลินให้ฉัน ฉันจะเข้าแทรกแซงเรื่องนี้ด้วย!”...วันต่อมาในบาร์ใต้ดินแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของเมืองจิงจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียที่สวมหมวกและหน้ากากไว้ และดูเรียบง่ายมากรีบเดินทางมาที่นี่ ที่นี่คือ “สถานที่นัดพบ” ที่หลงซิ่วพูดถึงควบคู่ด้วยเสียงดนตรีอันไพเราะและฝูงชนที่เต้นรำจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียเดินผ่านทางเดินและมองเห็นหลงซิ่วกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ พร้อมคาบบุหรี่อยู่ในปากเมื่อเห็นว่าอิ่นนั่วเจียมาจริง ๆ ดวงตาของหลงซิ่วก็เป็นประกายบุหรี่ในปากของเขาหล่นลงพื้นโดยไม่รู้ตัวแม้ว่าอิ่นนั่วเจียจะสวมเพียงชุดเดรสยีนส์ซึ่งทำให้เธอดูเป็นเด็กสาวมากในวันนี้ แต่หุ่นที่น่าสะพรึงกลัวของเธอก็ยังทำให้ หลงซิ่วที่กำลังนั่งอยู่ตรงโต๊อย่างไม่ใส่ใจก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอ"เชี่ย ไม่เสียแรงที่เป็นซูเปอร์สตาร์ประเทศมังกรจริงๆ นะ!"หลงซิ่วอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบเธอกับถานหง หลังจากคิดดู นี่มันไม่ใช่คนระดับเดียวกันด้วยซ้ำ!แม้ว่าถานหงจะเป็นราชินีเพลงประเทศมังกร หน้าตาก็คล้ายๆกันแต่เมื่อเทียบกับอิ่นนั่วเจียสาวสวยที่อยู่แต่ในจอ ถานหงยังด้อยกว่าเยอะมากเพียงแค่ออร่าอันส
สำนักงานใหญ่กลุ่มเผิงกวง เมืองจิงขณะนั้นเผิงกวงฉี่กำลังคาบซิการ์ไว้ในปากอย่างเรื่อยเปื่ยอ ฟังการโต้เถียงขัดแย้งระหว่างตัวแทนจากทั่วทุกแห่งในการประชุมแม้ว่าเผิงกวงฉี่จะดูเป็นปกติ แต่ในใจเขากลับโกรธมากพวกขยะพวกนี้ได้แต่โทษกันไปมา และต่างคนต่างหาผลประโยชน์แม้แต่เผิงกวงฉี่ก็ยังคิดว่า ควรจะกำจัดคนไร้ประโยชน์เหล่านี้ และส่งเสริมให้คนอื่นขึ้นมาเป็นผู้นำภูมิภาคดีไหมขณะที่กำลังคิดแบบนี้ โทรศัพท์มือถือของเผิงกวงฉี่ก็ดังขึ้นกะทันหันเสียงโทรศัพท์ทำให้ห้องประชุมเงียบลงทันที“คุณหลินโทรมาครับ คุณเผิงกวงฉี่”ผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ ยื่นโทรศัพท์ให้ด้วยความเคารพเมื่อคิดว่าเป็นหลินเฟิง เผิงกวงฉี่ก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมากไม่พูดไม่ได้ว่ายาหยกโมราของหลินเฟิงมีประสิทธิภาพมากจริงๆ ควบคู่กับน้ำพุร้อนที่เจียงโจว ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองดูหนุ่มลงเรื่อย ๆ และร่างกายก็เต็มไปด้วยกำลังวังชาแม้แต่ผู้หญิงคนใหม่ที่หามาช่วงนี้ ก็ไม่สามารถทำให้เขาพึงพอใจได้ช่วงนี้เขากำลังคิดว่าควรจะหาเพิ่มอีกสักหน่อย เพื่อสร้างทายาทให้กับตระกูลเผิงของเขาสองเดือนที่แล้ว นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่กล้าคิดมาก่อนด้วยซ้ำ“ฮัลโหล
“ฉันจะโอนเงินสองหมื่นห้าพันล้านบาทเข้าบัญชีของคุณทันที ทางที่ดีคุณให้อิ่นนั่วเจียออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ปโดยเร็วที่สุด ให้เธอมาพบฉันที่เมืองจิง”"ฮ่าฮ่าฮ่า......"ถานหงที่อยู่ปลายสายหัวเราะอย่างโอเวอร์“ฉันต้องการให้อิ่นนั่วเจียคุกเข่าอยู่แทบเท้าฉัน! ยังมีหลินเฟิง ฉันจะทำให้หลินเฟิงและหลี่ซื่อกรุ๊ปบ้าบออะไรนั่นได้ชำระในสิ่งที่ควรจ่าย!”หลังจากพูดจบโทรศัพท์ก็วางสายไปและภายในเวลาไม่กี่นาที ข้อความเงินสดเข้าบัญชีจำนวนสองหมื่นห้าพันล้านบาทก็ปรากฏบนโทรศัพท์มือถือของจวงฉุนทันทีเมื่อมองดูข้อความบนโทรศัพท์ ลมหายใจของจวงฉุนก็เร็วขึ้นอย่างมาก เขาไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนี้ในชีวิตของเขามาก่อนแต่เมื่อเขาเงยหน้ามองไปทางหลินเฟิง ก็รู้สึกเหี่ยวเฉาทันทีเขารู้ว่าเงินจำนวนนี้จะไม่มีวันมาถึงเขาด้วยซ้ำ อีกทั้งเรื่องที่อิ่นนั่วเจียเข้าร่วมตระกูลหลงเป็นเรื่องโกหกทั้งหมดเขาแค่อยากหลอกเอาเงินก้อนนี้มาจากหลงซิ่ว เพื่อใช้รักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ก็เท่านั้นเอง“ตอนนี้โอนเงินก้อนนี้เข้าบัญชีของหลี่ซื่อกรุ๊ปเถอะ”หลินเฟิงไม่พูดมาก บังคับจวงฉุนให้ดำเนินการบนโทรศัพท์มือถือของเขาโดยตรงหลังจากนั้นไม่นาน เงิน
“ดูเหมือนว่าคุณจะได้เจอกับอิ่นนั่วเจียจริงๆ นะ”หลงซิ่วที่อยู่ปลายสายพูดอย่างใจเย็นว่า:“ผมลืมบอกคุณไปว่าตอนนี้อิ่นนั่วเจียเป็นสมาชิกของหลี่ซื่อกรุ๊ปแล้ว เธอเต็มใจที่จะออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ป และร่วมมือกับตระกูลหลงของเราจริงๆ เหรอ?”เมื่อได้ยินสิ่งที่หลงซิ่วพูดจวงฉุนสั่นสะเทือนไปทั้งตัวเกือบหัวใจวายเพราะความโมโหในที่สุดเขาก็ได้ลิ้มรสว่าการถูกหลอกเป็นอย่างไรหากหลงซิ่วเล่าเบื้องหลังของอิ่นนั่วเจียให้เขาฟังก่อนหน้านี้เขาจะพาผู้คนมาที่นี่เพื่อมาหาอิ่นนั่วเจีย และตกหลุมพรางได้ยังไง?ตอนนี้มันสายเกินไปที่จะพูดอะไรอีกแล้วร่องรอยแห่งความโกรธเริ่มผุดขึ้นในใจของจวงฉุนหากพูดว่าเมื่อครู่เพียงแค่โกหกหลงซิ่ว เขาก็มีความกดดันอยู่ไม่น้อยเมื่อเขาได้ยินว่าหลงซิ่วปกปิดเรื่องของอิ่นนั่วเจียกับเขา เขาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันทีหากคุณไม่ได้บอกผมให้ชัดเจนก่อนที่คุณจะจากไปผมจำเป็นต้องตกไปอยู่ในมือของหลินเฟิงงั้นเหรอ?จวงฉุนตัดสินใจ คำพูดก็ราบรื่นมากขึ้น“ใช่ครับ คุณอิ่นนั่วเจียบอกผมเอง แต่ว่า...”"แต่ว่าอะไร?"หลงซิ่วที่ปลายสายโทรศัพท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย“แต่คุณอิ่นนั่วเจียบอกว่าเธอได้เซ็น
จวงฉุนคิดว่าคำพูดนี้สมบูรณ์แบบไร้ที่ติขณะที่จวงฉุนกำลังจมอยู่กับจินตนาการของเขา หลินเฟิงก็ยื่นมือออกไปและโบกไปมาตรงหน้าจวงฉุน“การปล้นทำลายของพวกนายในครั้งนี้ ได้ทำลายสินค้าของหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันมูลค่าสองหมื่นห้าพันล้านบาทเต็มๆ เพียงแค่นายสามารถชดเชยเงินสินค้าเหล่านี้ให้เราได้ ฉันก็จะไม่ถือสาเอาความ”"สองหมื่นห้าพันล้านบาท?"เมื่อได้ยินตัวเลขนี้ อิ่นนั่วเจียที่อยู่ข้างๆ ก็เปิดริมฝีปากสีแดงของเธอออกครู่หนึ่ง เธอก็ส่ายหัวอย่างจนปัญญาหลินเฟิงกำลังพยายามกรรโชกเงินอยู่เหรอ!"เป็นไปไม่ได้!"เห็นได้ชัดว่าจวงฉุนก็ตกใจกับจำนวนเงินมหาศาลนี้อย่าว่าแต่ยี่สิบห้าล้านบาทเลย แม้แต่ห้าพันล้านบาทเขาก็ยังไม่มี จะอุดรูโบ๋นี้ได้อย่างไรหลินเฟิงรีดไถมากเกินไปจริงๆ“แน่นอนว่าหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันไม่สนใจเงินจำนวนน้อยๆ นี้ แต่ฉันแค่อยากเห็นท่าทางของคุณ”“เป็นไงบ้าง?”หลินเฟิงจ้องมองจวงฉุนด้วยความสนใจอย่างยิ่ง ต้องการดูว่าคนๆ นี้จะหาเงินได้มากเท่าไหร่เพื่อเอาชีวิตรอดได้ในเมื่อเสียหายหนึ่งหมื่นล้านบาท หลินเฟิงต้องหาชดเชยมาจากที่อื่น"ดี...ดีครับ!"จวงฉุนรู้ดีว่าวันนี้เขาไม่มีสิทธิ์ต่อรองกับหลิ
“ตอนนี้ ฉันถามพวกนายตอบ”หลินเฟิงค่อยๆ เดินเข้าไปหาจวงฉุน เหยียดมองลงที่ชายผู้ล้มอยู่บนพื้น และตกใจจนหน้าซีดเผือด“คุณ...คุณว่ามาครับ คุณว่า...ผม...ผมจะบอกคุณทุกอย่าง”จวงฉุนในตอนนี้รู้สึกกลัวจนสติแตก ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่“เมื่อวาน อุปกรณ์ไฮเอนด์ล็อตหนึ่งของหลี่ซื่อกรุ๊ป ถูกคนขโมยและทำลายระหว่างทาง...”“เป็นฝีมือพวกผม!”เมื่อจวงฉุนได้ยินเช่นนี้ น้ำตาก็เริ่มไหลออกมา รีบยอมรับทันทีเขากราบหลินเฟิงไม่หยุดและพูดว่า:“ขอโทษครับคุณหลิน เรื่องนี้พวกเราเป็นคนทำจริงๆ แต่เราแค่ถูกใช้เป็นปืนเท่านั้น! หลงซิ่วจากตระกูลหลงสั่งให้พวกเราทำ เขาสั่งให้พวกเราทำ พวกเราก็ไม่กล้าขัดคำสั่งนะครับ!”การได้ยินคำวิงวอนของจวงฉุนซึ่งแทบจะเป็นเหมือนการขอความเมตตาเริ่นโหย่วไฉที่อยู่ข้างๆ ส่งเสียงไม่พอใจในลำคอต้องรู้ไว้ว่า ผู้ชายคนนี้เคยคุยโม้กับเขามาก่อนว่า เขาทำได้ดีแค่ไหนและเผาผลาญมันได้คล่องแคล่วแค่ไหนท่าทางหยิ่งยโส มีท่าทางเหมือน “ถูกบังคับ” ที่ไหนกัน?แต่ตอนนี้เริ่นโหย่วไฉไม่กล้าที่จะพูดอะไรเกรงว่าจะเดินตามรอยของสวีโจวการตายแบบนี้ มันน่าหวาดกลัวมากเกินไป ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยด้วยซ
“พวกเราไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวอยู่ในเมืองเจิ้งเต๋ออีกต่อไป!”“ทุกคนฟังคำสั่งของฉัน ลุย!”คำสั่งของจวงฉุนมีน้ำหนักมากกว่าคำสั่งของสวีโจวอย่างเห็นได้ชัดไม่ใช่แค่เพราะเงื่อนไขที่จวงฉุนเสนอมาดึงดูดพวกเขามากเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะพวกเขาไม่เคยรู้ถึงความสามารถของหลินเฟิงว่าเป็นอย่างไรกันแน่คนธรรมดาหลายคนรวมกันอาจเปรียบเป็นขงเบ้งได้ในความคิดของพวกเขา ความสามารถของหลินเฟิงเป็นอย่างไรกันแน่ พวกเขาก็มองไม่เห็นแต่สิ่งที่เป็นความจริงคือพวกเขากลับสามารถมองเห็นข้อได้เปรียบของพวกเขาจากจำนวนคนบวกกับพลังอำนาจของหลงซิ่วด้วยหลังจากครุ่นคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ที่เดิม นักบู๊ตระกูลหลงประมาณสิบกว่าคนในที่สุดก็ตัดสินใจได้แล้ว และล้อมรอบหลินเฟิงเอาไว้ทีละคนวันนี้สู้ดูสักตั้งถ้าไม่สำเร็จก็ต้องตาย!"แม่งเอ๊ย จวงฉุนไอ้สารเลวตัวน้อย!"ในที่เกิดเหตุมีเพียงสวีโจวเท่านั้น ที่รู้ว่าการปิดล้อมครั้งนี้เป็นการไปตายโดยที่ไม่ต้องคิดด้วยซ้ำเขาเกลียดจวงฉุนมาก จนถึงขั้นมีความคิดอยากฆ่าเขาด้วยซ้ำแต่ทว่าจวงฉุนกลับแสยะยิ้มมองดูสวีโจว และพูดอย่างเย็นชา:“สวีโจว อย่าทำเป็นเสแสร้งอยู่ตรงนี้ รอให้ภารกิจในครั้งน
"อะ......"จางฉุนไม่เข้าใจว่าหลินเฟิงกำลังพูดอะไร เขาพาคนเหล่านี้มาที่นี่ เป้าหมายเพียงเพื่อจับตัวอิ่นนั่วเจียไปเขารู้ว่าหลินเฟิงเป็นนักบู๊และจัดการยากสักหน่อยเพราะงั้นถึงเรียกคนของตัวเองมาแต่อะไรที่เรียกว่า “พาผู้กระทำความผิดมาตรงหน้าเขาโดยตรง” ?ในตอนนี้เอง สวีโจวที่อยู่ไกลออกไปก็คำรามออกมาอย่างกะทันหัน“นาย... ฉันจำได้ นายคือหลินเฟิง! นายคือ... นายคือคนของหลี่ซื่อกรุ๊ป! หลินเฟิงหัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ป!”"อะไรนะ?"เมื่อได้ยินชื่อนี้ จางฉุนก็หันหน้ามองไปที่หลินเฟิงด้วยสีหน้าที่น่าเหลือเชื่อเพราะเขาเคยได้ยินชื่อหลินเฟิงเขาได้ยินมาจากหลงซิ่วว่า ข้อห้ามประการเดียวในการปฏิบัติการครั้งนี้คือการปะทะกับหลินเฟิงตัวซวยคนนี้หลงซิ่วเตือนจางฉุนซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้ระวังหลินเฟิงแต่เขาคิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะพัฒนาไปเกินความคาดหมายของเขา“โอ้? ดูท่าพวกคุณจะรู้จักผม”หลินเฟิงเดินออกมาพร้อมกับรอยยิ้มจากนั้นรัศมีแห่งความหวาดกลัวก็ค่อยๆ แผ่ออกมาจากร่างกายของเขา อุณหภูมิทั่วทั้งห้องทำงานก็ลดลงมากกว่าสิบองศาในพริบตาเดียวแม้แต่ชาที่มีไอร้อนลอยออกมาเมื่อครู่นี้บนโต๊ะ
“บ้าเอ๊ย ทนไม่ไหวแล้ว!”จวงฉุนรีบถีบประตูห้องทำงานของหัวหน้าโรงงานทันทีสิ่งแรกที่เขาเห็นคือเริ่นโหย่วไฉที่เหงื่อไหลท่วมตัวและยืนอยู่ตรงนั้นอย่างโง่เขลาและอิ่นนั่วเจียผู้มีเสน่ห์กำลังนั่งอยู่บนโซฟา“อิอิอิ…”จวงฉุนเลียริมฝีปากและเผยรอยยิ้มหื่นกามออกมาทันทีตอนนี้เขาโยนคำพูดของเริ่นโหย่วไฉไปไกลโพ้นทันที เพียงแค่จ้องมองไปที่หุบเขาที่คอเสื้อของอิ่นนั่วเจียแล้วแสยะยิ้มพูดว่า:“คุณอิ่นนั่วเจีย ผมมารับคุณแล้ว”"โอ้?"ใครจะไปรู้ว่ารอยยิ้มของจวงฉุนไม่ได้ทำให้อิ่นนั่วเจียตกใจหรืองุนงง เธอยิ้มให้จวงฉุนแล้วพูดว่า:"ฉันรอคุณมานานแล้ว""รอผม?"จวงฉุนตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะออกมา“ที่แท้คุณหญิงอิ่นนั่วเจียก็สนใจผมด้วย ดังนั้นการเตรียมการทั้งหมดนี้เกินความจำเป็นไปแล้ว!”ขณะที่จวงฉุนกำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง สวีโจวที่เดินเข้ามาเห็นอิ่นนั่วเจียและหลินเฟิงกำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้เถ้าแก่ในห้องทำงาน สีหน้าของเขาดูตกตะลึงเล็กน้อย“พี่สวี มีอะไรหรือเปล่า?”นักบู๊ตระกูลหลงที่อยู่ด้านหลังเขาเห็นท่าทางแปลกๆ ของสวีโจว จึงรีบถามแต่สวีโจวกลับไม่สนใจคนข้างหลังเขา กลับก้าวไปข้างหน้าและคว้าแขน