หรือว่าหินก้อนนี้จะเป็นของล้ำค่าจริง ๆ?เขาจงใจประเมินค่าให้ต่ำ เพื่อป้องกันไม่ให้คนอื่น ๆแย่งชิงกับเขางั้นเหรอ?เมื่อคิดถึงตรงนี้ ทุกคนในนี่นั้นต่างก็เริ่มกังขาแล้วเมื่อต่งเทียนไป๋เห็นการกระทำของหลินเฟิง ก็รู้สึกดีใจขึ้นมาทันที การที่หลินเฟิงทำแบบนี้ ไม่ใช่เป็นการโฆษณาก้อนหินของตัวเองงั้นเหรอ?เขารีบถามด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มว่า :“เพื่อนตัวน้อยหลิน โปรดอภัยที่ผมสายตาไม่ดี ถึงแม้จะได้มาในราคาที่สูง แต่ก็คิดมาตลอดว่ามันคือทับทิม”“ไม่รู้ว่าเพื่อนตัวน้อยหลินจะช่วยแก้ปริศณาให้หน่อยได้ไหม? ถ้าหากไม่ใช่ทับทิม งั้นมันคืออะไร?”“เป็นเพียงแค่หินธรรมดาทั่วไป”หลินเฟิงยังคงอธิบายอย่างใจเย็น แต่แววตาของเขากลับดูซับซ้อนและพูดอย่างใจเย็นว่า :“ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่ก้อนหินธรรมดาทั่วไป แต่กลับมีความหมายกับผมเป็นพิเศษ ดังนั้นผมจึงอยากได้มันมา”“พรวด....”หลังจากที่ได้ยินคำพูดนี้ ถังฮั่วที่อยู่ด้านข้างก็หัวเราะขึ้นมาหลินเฟิงคิดว่าพวกเขาเป็นคนโง่กันหมดแล้วใช่ไหม?พูดในตอนแรกว่ามันไม่ใช่ทับทิม และยังพยายามประเมินค่าให้ต่ำอีก หลังจากนั้นตัวเองก็เดินออกไปซื้อมัน เห็น ๆอยู่ว่ามันมีบางอ
และเลือดที่เปื้อนอยู่บนหินก้อนนี้เป็นสารจำเป็นและเลือดของผู้นำสำนักเสวียนเทียน ที่เป็นเพราะถูกล้อมโจมตี จนทะลวงขั้นไม่สำเร็จ และนั่นก็คือเลือดของอาจารย์ของหลินเฟิงถึงแม้อาจารย์ของเขาตอนนั้นจะไม่ได้บรรลุขอบเขตเทพ แต่มีเค้าลางของพลังจิตวิญญาณเซียนแล้วและสารจำเป็นและเลือดที่อยู่บนหินนี้ ถูกเจือปนด้วยกลิ่นอายของจิตวิญญาณเซียนไม่ว่าจะจากมุมมองเหตุผล หรือส่วนบุคคล หลินเฟิงไม่อยากเห็นหินก้อนนี้หลุดล่องอยู่ภายนอกเลือดที่อยู่บนหินก้อนนี้ หมายถึงความไม่ยอมแพ้ของอาจารย์แสดงถึงโศกนาฏกรรมของสำนักเสวียนเทียนที่ถูกทำลายล้างแสดงถึงการเดินทางเร่ร่อนสามปีของหลินเฟิงดังนั้นสำหรับหลินเฟิงแล้ว หินก้อนนี้เป็นสมบัติที่ไม่สามารถประเมินค่าได้อย่าว่าแต่สองหมื่นห้าพันล้านบาท ต่อให้เป็นห้าหมื่นล้านบาท หนึ่งแสนล้านบาท หลินเฟิงก็ต้องเอามาให้ได้หลินเฟิงเอาเงินสองหมื่นห้าพันบาทที่มีทั้งตัวออกมา มอบให้ต่งเทียนไป๋ เขาก็ได้รับหินก้อนนั้นมาตามที่ต้องการถือไว้ในมือรู้สึกอบอุ่นมากที่สุดเหมือนกับเลือดร้อนที่อยู่ข้างบนยังไม่เหือดแห้ง หลินเฟิงอดไม่ได้ น้ำตาจะไหลออกมาในทันที แต่สุดท้ายก็ยังอดกลั้นเอาไ
“เอ่อ…ค่ะ”หญิงรับใช้ก็ลำบากใจเล็กน้อย เห็นหลินเฟิงไม่พูดอะไร พวกเธอก็ทำได้คุกเข่าลงที่ด้านข้างหลินเฟิง และเก็บเศษหินเหล่านี้ขึ้นมาสุดท้ายก็คือให้กับหลินเฟิง“ขอบคุณ”หลินเฟิงขอบคุณหญิงรับใช้เสียงเบาส่วนหญิงรับใช้คนนี้เดิมคิดว่าหลินเฟิงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แต่คิดไม่ถึงว่าหลินเฟิงจะขอบคุณเธอที่เป็นบุคคลไม่สำคัญแบบนี้ทำให้เธอทำอะไรไม่ถูกชั่วคราว“เอาล่ะเอาล่ะ ผมเชื่อว่าสหายน้อยหลินก็มีความเป็นของตัวเอง ต่อให้เป็นเศษหินก็ไม่ส่งผลกระทบอะไร”ต่งเทียนไป๋เห็นบรรยากาศน่าอึดอัด จึงรีบพูดเสริมให้หลินเฟิงหินก้อนนี้แตกที่ในมือของหลินเฟิง ถ้าหากหลินเฟิงย้อนกลับมาหาเขา งั้นเขาก็สามารถเอาตัวเองออกมาได้แต่สุดท้ายก็ยังต้องไว้หน้าหลินเฟิงเขาข้ามตอนนี้ไปอย่างรวดเร็ว เอาสมบัติล้ำค่าชิ้นต่อไปออกมาส่วนสมาธิของหลินเฟิงในตอนนี้อยู่ที่ในร่างกาย ไม่ได้รู้สึกสนต่อสมบัติล้ำค่าของต่งเทียนไป๋อีกต่อไปผ่านไปครู่หนึ่ง ท้องฟ้าเริ่มมืดสมบัติล้ำค่าของต่งเทียนไป๋ก็ถูกนำออกมาจนหมดแล้วหนึ่งในนั้นมีขวดหยกที่ถูกถังฮั่วประมูลเอาไปได้ด้วยสองพันห้าร้อยล้านบาททุกคนต่างชื่นชม เป็นเพราะมูลค่าของขวดหยกชิ้นนี้
หลินเฟิงกลับมาถึงหลี่ซื่อกรุ๊ปเวลาหนึ่งสัปดาห์นี้ หลินเฟิงใช้ชีวิตอย่างสบายๆ มากเขาออกคำสั่งจิ่วเทาอยู่ในสำนักงานของเขา ขณะที่เขากำลังสั่งให้จิ่วเถาอยู่ในสำนักงานของเขาเพื่อรวบรวมสมาชิกที่เหลือของแก๊งหมาป่าสีเลือด และฝึกศิลปะการต่อสู้ไปด้วยให้ร่างกายของเขาปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากการบรรลุหลินเฟิงในตอนนี้ได้กลายเป็นปรมาจารย์ระดับสูงที่แท้จริงของประเทศมังกรที่ไม่เป็นรองใครแล้วถ้าหากพูดว่า ก่อนหน้านี้พ่อบ้านกับบริวารของตระกูลหลง สามารถสร้างความลำบากให้หลินเฟิงได้ ส่วนตอนนี้ พวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินเฟิงอีกแล้วเกรงว่า มีเพียงผู้แข็งแกร่งที่สุดในประเทศมังกร ยอดฝีมือแดนเทพที่ยืนอยู่บนยอดปิรามิด ถึงจะสามารถงัดข้อกับหลินเฟิงได้เช่นผู้นำตระกูลหลงหรืออย่างเช่นราชาหลินแห่งตอนใต้…พ่อของเขาหลังจากความแข็งแกร่งที่เปลี่ยนไปของหลินเฟิง คนทั้งคนก็เปลี่ยนแปลงไปไม่เพียงมีออร่าที่ทำให้คนหลงใหลที่ไม่สามารถอธิบายได้ยังมีรัศมีของปรมาจารย์ผู้หลุดพ้นจากทางโลกและไม่สนใจเรื่องทางโลกอายุแค่นี้ก็มีออร่าที่แข็งแกร่งแบบนี้ สามารถพูดได้ว่าแปลกประหลาดอย่างมากสำหรับการเปลี่ยน
“เป็นยังไงบ้าง? แผลคุณหายแล้วยัง?”“หายก็หายแล้วนั่นแหละ แต่ยังมีรอยแผลเป็นนิดหน่อย”ถังหว่านส่งเสียงไม่พอใจเล็กน้อย“ฉันไม่อยากให้หลี่ฮุ่ยหรานเห็นหรอกนะ ยังไงซะ ถ้าคิดถึงฉัน ก็ทำตัวดีๆ รออีกสักหน่อย”“อืม”หลินเฟิงวางสายโทรศัพท์และคิดอยู่ครู่หนึ่งเดิมทีเขาอยากไปกับหลี่ฮุ่ยหราน แต่เมื่อคิดว่าหลี่ฮุ่ยหรานงานยุ่งขนาดนี้ เขาอย่าไปเพิ่มความวุ่นวายให้เธอเลย“จ้าวเทียนหัว เตรียมรถให้ฉันคันหนึ่ง”หลินเฟิงโทรศัพท์ไปหาจ้าวเทียนหัว เมื่อจ้าวเทียนหัวได้ยิน กลับลำบากใจเป็นครั้งแรก“คุณชายหลิน ผมไม่มีสาขาย่อยที่เมืองเจิ้งเต๋อ ถ้าจะจัดเตรียมรถ เกรงว่าคงหารถที่เหมาะสมกับสถานะของคุณไม่ได้ชั่วคราว…”ได้ยินคำพูดนี้ หลินเฟิงส่ายหน้ายิ้มพูดว่า:“แค่ยานพาหนะเอง ไม่ต้องเอารถที่ดีอะไร นายรีบเตรียมให้หน่อยก็พอแล้ว”“ก็ได้รับ”จ้าวเทียนหัวขานรับ จากนั้นผ่านไปไม่นาน รถยนต์ออดี้ คันหนึ่งจอดอยู่ใต้ตึกของหลี่ซื่อกรุ๊ปหลินเฟิงก็ไม่ได้เลือกอะไรเพียงแต่หลังจากที่เขานำของขวัญที่ถังหว่านเตรียมเอาไว้ออกไปก็คิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงนำหยกจิ้งจอกมีตำหนิที่ได้รับจากต่งเทียนไป๋ติดตัวไปด้วยถึงแม้หยกจิ้งจอกจะม
กวงเผิงฉี่ไม่เสียแรงที่เป็นเศรษฐีอันดับหนึ่งของหัวตงวงการที่เขาว่า เป็นวงการที่คนธรรมดาทั่วไปไม่สามารถเข้าถึงได้บุคคลใหญ่โตที่มาเข้าร่วงงานประมูลการกุศล มีทั้งในแวดวงการเมือง ธุรกิจ และการทหาร มีทั้งคนรวยและขุนนางราชการ อำนาจล้นฟ้าถึงขั้นที่หลินเฟิงยังได้พบกับตัวแทนของตระกูลซือหม่า ตระกูลหลง และตระกูลจี คนเหล่านี้กำลังพูดคุยกันอยู่ในห้องโถง บรรยากาศดูกลมกลืนมาก เสียงหัวเราะดังขึ้นไม่หยุดหลินเฟิงเห็นคนเยอะขนาดนี้ ก็ไม่ได้คิดจะเข้าร่วม เขาอยากจะหาที่นั่งลงเพื่อรอเผิงกวงฉี่ปรากฏตัวออกมากลับคิดไม่ถึงว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก้าวเข้ามาขวางหลินเฟิง“สวัสดีครับ คุณผู้ชายท่านนี้ เชิญแสดงบัตรเชิญของคุณด้วย”“บัตรเชิญ?”หลินเฟิงนิ่งอึ้งเล็กน้อยเขาถึงนึกขึ้นได้ว่า เมื่อครู่เขาออกมาด้วยความรีบร้อน มัวแต่สนใจถังหว่านที่เร่งรัด จนลืมบัตรเชิญที่อยู่ในลิ้นชักโต๊ะทำยังไงดีล่ะ?ถ้ากลับไปเอาตอนนี้ จะไม่ทันเวลาแล้วหลินเฟิงเงียบขรึมครู่หนึ่ง จากนั้นก็เงยหน้ามองไปทางเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและยิ้มพูดว่า:“ผมมีบัตรเชิญ แต่ผมรีบออกมา กลับลืมพามาด้วย ไม่ทราบว่าให้ความสะดวกหน่อยได้ไ
“หึ ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน”ถังฮั่วไม่ยอมเสียโอกาสที่จะซ้ำเติมอยู่แล้ว เขาหัวเราะเยาะและพูดว่า:“ไอ้หมอนี่ถือว่าตัวเองเป็นผู้ชายของถังหว่าน แมงดาแบบนี้ คู่ควรที่จะเข้าร่วมงานประมูลการกุศลระดับสูงแบบนี้ด้วยเหรอ?”“หลินเฟิง ถ้าผมเป็นคุณ ผมคงกุมหน้าหนีไปแล้ว แทนที่จะไร้ยางอายอยู่ตรงนี้”“ทำให้ตระกูลถังของฉันอับอายจริงๆ”ได้ยินความคิดเห็นของถังฮั่ว แขกที่อยู่ในเหตุการณ์พากันมองไปทางหลินเฟิงโดยเฉพาะตอนที่พบว่าชุดสูทบนตัวของเขาเป็นแค่ “ของราคาถูก” ที่ราคาไม่กี่พันบาท ก็ส่งเสียงัวเราะเยาะออกมาหลายรูปแบบ“ไม่ใช่หรอกมั้ง มีคนกล้าแอบอ้างชื่อของตระกูลถังจริงๆ เหรอ?”“คุณไม่ได้ยินคุณชายถังฮั่วพูดเหรอ? เป็นผู้ชายที่เกาะถังหว่านตระกูลถัง”“จุ๊จุ๊จุ๊ไม่น่าแปลกใจเลย”เมื่อเผชิญกับการซุบซิบนินทารอบตัว จีอวิ๋นเจี๋ยสีหน้าดุดัน เดินเข้าไปขวางอยู่ข้างหน้าหลินเฟิงแล้วพูดว่า:“คุณชายหลินท่านนี้คือเพื่อนของฉันจี้อวิ๋นเจี๋ย ใครกล้ามีปัญหากับคณชายหลิน งั้นก็เท่ากับมีปัญหากับฉันจีอวิ๋นเจี๋ย!”ได้ยินคำพูดนี้ เสียงหัวเราะเยาะที่อยู่รอบๆ ก็ลดลงเล็กน้อยแต่เสียงอื่นๆก็ค่อยๆ ดังขึ้นมา“ไม่ใช่หรอกมั้ง ออก
“อะไรนะ?!”ได้ยินคำพูดนี้ ถังฮั่วมองไปทางคู่ควงที่อยู่ข้างๆ ด้วยความตะลึงงันผู้หญิงคนนี้คือคนที่เขาเพิ่งพบในไนท์คลับแห่งหนึ่ง จากที่เธอบอก ครอบครัวของเธอทุกข์ยากอย่างมาก พ่อติดการพนัน แม่หนีออกจากบ้าน ยังมีน้องชายสองคนที่เรียนหนังสือไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องไปทำงานในไนท์คลับแต่ถังฮั่วไม่เชื่อเรื่องนี้ แต่ผู้หญิงคนนี้หน้าตาสวย จึงก็เล่นสนุกสักวันสองวันแต่คิดไ่ม่ถึงว่าหลินเฟิงจะพูดว่าผู้หญิงคนนี้มีโรคจึงทำให้ถังฮั่วตกตะลึงทันที สีหน้าก็เปลี่ยนไปไม่เป็นธรรมชาติ“นายพูดซี้ซั้วอะไร?! คุณต่างหากที่เป็นโรค ป่วยกันทั้งครอบครัว!”ถูกหลินเฟิงพูดแทงใจดำ ผู้หญิงคนนี้ก็กระวนกระวายแล้วหลังจากที่กระวนกระวาย ปฏิกิริยาตอบสนองแรกของเธอคือหันมาด่าทอหลินเฟิงคำพูดของหลินเฟิง ทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นมุ่งความสนใจไปที่ผู้หญิงและถังฮั่วได้สำเร็จ“หึหึ มีโรคหรือไม่ ผมดูแค่แวบแรกก็รู้แล้ว ในเมื่ออาการป่วยของเผิงกวงฉี่เป็นผมที่รักษาหาย พวกคุณไม่จำเป็นต้องสงสัยวิชาแพทย์ของผม”หลินเฟิงหัวเราะเยาะได้ยินแบบนี้ ทั้งงานเสียงดังเกรียวกราวไปหมด“อะไรนะ? คุณรักษาอาการป่วยของเผิงกวงฉี่?!”“เดี๋ยวนะ
“บ้าเอ๊ย ฉันไม่สามารถทนได้จริงๆ ติดต่อน้องหลินให้ฉัน ฉันจะเข้าแทรกแซงเรื่องนี้ด้วย!”...วันต่อมาในบาร์ใต้ดินแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของเมืองจิงจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียที่สวมหมวกและหน้ากากไว้ และดูเรียบง่ายมากรีบเดินทางมาที่นี่ ที่นี่คือ “สถานที่นัดพบ” ที่หลงซิ่วพูดถึงควบคู่ด้วยเสียงดนตรีอันไพเราะและฝูงชนที่เต้นรำจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียเดินผ่านทางเดินและมองเห็นหลงซิ่วกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ พร้อมคาบบุหรี่อยู่ในปากเมื่อเห็นว่าอิ่นนั่วเจียมาจริง ๆ ดวงตาของหลงซิ่วก็เป็นประกายบุหรี่ในปากของเขาหล่นลงพื้นโดยไม่รู้ตัวแม้ว่าอิ่นนั่วเจียจะสวมเพียงชุดเดรสยีนส์ซึ่งทำให้เธอดูเป็นเด็กสาวมากในวันนี้ แต่หุ่นที่น่าสะพรึงกลัวของเธอก็ยังทำให้ หลงซิ่วที่กำลังนั่งอยู่ตรงโต๊อย่างไม่ใส่ใจก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอ"เชี่ย ไม่เสียแรงที่เป็นซูเปอร์สตาร์ประเทศมังกรจริงๆ นะ!"หลงซิ่วอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบเธอกับถานหง หลังจากคิดดู นี่มันไม่ใช่คนระดับเดียวกันด้วยซ้ำ!แม้ว่าถานหงจะเป็นราชินีเพลงประเทศมังกร หน้าตาก็คล้ายๆกันแต่เมื่อเทียบกับอิ่นนั่วเจียสาวสวยที่อยู่แต่ในจอ ถานหงยังด้อยกว่าเยอะมากเพียงแค่ออร่าอันส
สำนักงานใหญ่กลุ่มเผิงกวง เมืองจิงขณะนั้นเผิงกวงฉี่กำลังคาบซิการ์ไว้ในปากอย่างเรื่อยเปื่ยอ ฟังการโต้เถียงขัดแย้งระหว่างตัวแทนจากทั่วทุกแห่งในการประชุมแม้ว่าเผิงกวงฉี่จะดูเป็นปกติ แต่ในใจเขากลับโกรธมากพวกขยะพวกนี้ได้แต่โทษกันไปมา และต่างคนต่างหาผลประโยชน์แม้แต่เผิงกวงฉี่ก็ยังคิดว่า ควรจะกำจัดคนไร้ประโยชน์เหล่านี้ และส่งเสริมให้คนอื่นขึ้นมาเป็นผู้นำภูมิภาคดีไหมขณะที่กำลังคิดแบบนี้ โทรศัพท์มือถือของเผิงกวงฉี่ก็ดังขึ้นกะทันหันเสียงโทรศัพท์ทำให้ห้องประชุมเงียบลงทันที“คุณหลินโทรมาครับ คุณเผิงกวงฉี่”ผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ ยื่นโทรศัพท์ให้ด้วยความเคารพเมื่อคิดว่าเป็นหลินเฟิง เผิงกวงฉี่ก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมากไม่พูดไม่ได้ว่ายาหยกโมราของหลินเฟิงมีประสิทธิภาพมากจริงๆ ควบคู่กับน้ำพุร้อนที่เจียงโจว ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองดูหนุ่มลงเรื่อย ๆ และร่างกายก็เต็มไปด้วยกำลังวังชาแม้แต่ผู้หญิงคนใหม่ที่หามาช่วงนี้ ก็ไม่สามารถทำให้เขาพึงพอใจได้ช่วงนี้เขากำลังคิดว่าควรจะหาเพิ่มอีกสักหน่อย เพื่อสร้างทายาทให้กับตระกูลเผิงของเขาสองเดือนที่แล้ว นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่กล้าคิดมาก่อนด้วยซ้ำ“ฮัลโหล
“ฉันจะโอนเงินสองหมื่นห้าพันล้านบาทเข้าบัญชีของคุณทันที ทางที่ดีคุณให้อิ่นนั่วเจียออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ปโดยเร็วที่สุด ให้เธอมาพบฉันที่เมืองจิง”"ฮ่าฮ่าฮ่า......"ถานหงที่อยู่ปลายสายหัวเราะอย่างโอเวอร์“ฉันต้องการให้อิ่นนั่วเจียคุกเข่าอยู่แทบเท้าฉัน! ยังมีหลินเฟิง ฉันจะทำให้หลินเฟิงและหลี่ซื่อกรุ๊ปบ้าบออะไรนั่นได้ชำระในสิ่งที่ควรจ่าย!”หลังจากพูดจบโทรศัพท์ก็วางสายไปและภายในเวลาไม่กี่นาที ข้อความเงินสดเข้าบัญชีจำนวนสองหมื่นห้าพันล้านบาทก็ปรากฏบนโทรศัพท์มือถือของจวงฉุนทันทีเมื่อมองดูข้อความบนโทรศัพท์ ลมหายใจของจวงฉุนก็เร็วขึ้นอย่างมาก เขาไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนี้ในชีวิตของเขามาก่อนแต่เมื่อเขาเงยหน้ามองไปทางหลินเฟิง ก็รู้สึกเหี่ยวเฉาทันทีเขารู้ว่าเงินจำนวนนี้จะไม่มีวันมาถึงเขาด้วยซ้ำ อีกทั้งเรื่องที่อิ่นนั่วเจียเข้าร่วมตระกูลหลงเป็นเรื่องโกหกทั้งหมดเขาแค่อยากหลอกเอาเงินก้อนนี้มาจากหลงซิ่ว เพื่อใช้รักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ก็เท่านั้นเอง“ตอนนี้โอนเงินก้อนนี้เข้าบัญชีของหลี่ซื่อกรุ๊ปเถอะ”หลินเฟิงไม่พูดมาก บังคับจวงฉุนให้ดำเนินการบนโทรศัพท์มือถือของเขาโดยตรงหลังจากนั้นไม่นาน เงิน
“ดูเหมือนว่าคุณจะได้เจอกับอิ่นนั่วเจียจริงๆ นะ”หลงซิ่วที่อยู่ปลายสายพูดอย่างใจเย็นว่า:“ผมลืมบอกคุณไปว่าตอนนี้อิ่นนั่วเจียเป็นสมาชิกของหลี่ซื่อกรุ๊ปแล้ว เธอเต็มใจที่จะออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ป และร่วมมือกับตระกูลหลงของเราจริงๆ เหรอ?”เมื่อได้ยินสิ่งที่หลงซิ่วพูดจวงฉุนสั่นสะเทือนไปทั้งตัวเกือบหัวใจวายเพราะความโมโหในที่สุดเขาก็ได้ลิ้มรสว่าการถูกหลอกเป็นอย่างไรหากหลงซิ่วเล่าเบื้องหลังของอิ่นนั่วเจียให้เขาฟังก่อนหน้านี้เขาจะพาผู้คนมาที่นี่เพื่อมาหาอิ่นนั่วเจีย และตกหลุมพรางได้ยังไง?ตอนนี้มันสายเกินไปที่จะพูดอะไรอีกแล้วร่องรอยแห่งความโกรธเริ่มผุดขึ้นในใจของจวงฉุนหากพูดว่าเมื่อครู่เพียงแค่โกหกหลงซิ่ว เขาก็มีความกดดันอยู่ไม่น้อยเมื่อเขาได้ยินว่าหลงซิ่วปกปิดเรื่องของอิ่นนั่วเจียกับเขา เขาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันทีหากคุณไม่ได้บอกผมให้ชัดเจนก่อนที่คุณจะจากไปผมจำเป็นต้องตกไปอยู่ในมือของหลินเฟิงงั้นเหรอ?จวงฉุนตัดสินใจ คำพูดก็ราบรื่นมากขึ้น“ใช่ครับ คุณอิ่นนั่วเจียบอกผมเอง แต่ว่า...”"แต่ว่าอะไร?"หลงซิ่วที่ปลายสายโทรศัพท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย“แต่คุณอิ่นนั่วเจียบอกว่าเธอได้เซ็น
จวงฉุนคิดว่าคำพูดนี้สมบูรณ์แบบไร้ที่ติขณะที่จวงฉุนกำลังจมอยู่กับจินตนาการของเขา หลินเฟิงก็ยื่นมือออกไปและโบกไปมาตรงหน้าจวงฉุน“การปล้นทำลายของพวกนายในครั้งนี้ ได้ทำลายสินค้าของหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันมูลค่าสองหมื่นห้าพันล้านบาทเต็มๆ เพียงแค่นายสามารถชดเชยเงินสินค้าเหล่านี้ให้เราได้ ฉันก็จะไม่ถือสาเอาความ”"สองหมื่นห้าพันล้านบาท?"เมื่อได้ยินตัวเลขนี้ อิ่นนั่วเจียที่อยู่ข้างๆ ก็เปิดริมฝีปากสีแดงของเธอออกครู่หนึ่ง เธอก็ส่ายหัวอย่างจนปัญญาหลินเฟิงกำลังพยายามกรรโชกเงินอยู่เหรอ!"เป็นไปไม่ได้!"เห็นได้ชัดว่าจวงฉุนก็ตกใจกับจำนวนเงินมหาศาลนี้อย่าว่าแต่ยี่สิบห้าล้านบาทเลย แม้แต่ห้าพันล้านบาทเขาก็ยังไม่มี จะอุดรูโบ๋นี้ได้อย่างไรหลินเฟิงรีดไถมากเกินไปจริงๆ“แน่นอนว่าหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันไม่สนใจเงินจำนวนน้อยๆ นี้ แต่ฉันแค่อยากเห็นท่าทางของคุณ”“เป็นไงบ้าง?”หลินเฟิงจ้องมองจวงฉุนด้วยความสนใจอย่างยิ่ง ต้องการดูว่าคนๆ นี้จะหาเงินได้มากเท่าไหร่เพื่อเอาชีวิตรอดได้ในเมื่อเสียหายหนึ่งหมื่นล้านบาท หลินเฟิงต้องหาชดเชยมาจากที่อื่น"ดี...ดีครับ!"จวงฉุนรู้ดีว่าวันนี้เขาไม่มีสิทธิ์ต่อรองกับหลิ
“ตอนนี้ ฉันถามพวกนายตอบ”หลินเฟิงค่อยๆ เดินเข้าไปหาจวงฉุน เหยียดมองลงที่ชายผู้ล้มอยู่บนพื้น และตกใจจนหน้าซีดเผือด“คุณ...คุณว่ามาครับ คุณว่า...ผม...ผมจะบอกคุณทุกอย่าง”จวงฉุนในตอนนี้รู้สึกกลัวจนสติแตก ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่“เมื่อวาน อุปกรณ์ไฮเอนด์ล็อตหนึ่งของหลี่ซื่อกรุ๊ป ถูกคนขโมยและทำลายระหว่างทาง...”“เป็นฝีมือพวกผม!”เมื่อจวงฉุนได้ยินเช่นนี้ น้ำตาก็เริ่มไหลออกมา รีบยอมรับทันทีเขากราบหลินเฟิงไม่หยุดและพูดว่า:“ขอโทษครับคุณหลิน เรื่องนี้พวกเราเป็นคนทำจริงๆ แต่เราแค่ถูกใช้เป็นปืนเท่านั้น! หลงซิ่วจากตระกูลหลงสั่งให้พวกเราทำ เขาสั่งให้พวกเราทำ พวกเราก็ไม่กล้าขัดคำสั่งนะครับ!”การได้ยินคำวิงวอนของจวงฉุนซึ่งแทบจะเป็นเหมือนการขอความเมตตาเริ่นโหย่วไฉที่อยู่ข้างๆ ส่งเสียงไม่พอใจในลำคอต้องรู้ไว้ว่า ผู้ชายคนนี้เคยคุยโม้กับเขามาก่อนว่า เขาทำได้ดีแค่ไหนและเผาผลาญมันได้คล่องแคล่วแค่ไหนท่าทางหยิ่งยโส มีท่าทางเหมือน “ถูกบังคับ” ที่ไหนกัน?แต่ตอนนี้เริ่นโหย่วไฉไม่กล้าที่จะพูดอะไรเกรงว่าจะเดินตามรอยของสวีโจวการตายแบบนี้ มันน่าหวาดกลัวมากเกินไป ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยด้วยซ
“พวกเราไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวอยู่ในเมืองเจิ้งเต๋ออีกต่อไป!”“ทุกคนฟังคำสั่งของฉัน ลุย!”คำสั่งของจวงฉุนมีน้ำหนักมากกว่าคำสั่งของสวีโจวอย่างเห็นได้ชัดไม่ใช่แค่เพราะเงื่อนไขที่จวงฉุนเสนอมาดึงดูดพวกเขามากเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะพวกเขาไม่เคยรู้ถึงความสามารถของหลินเฟิงว่าเป็นอย่างไรกันแน่คนธรรมดาหลายคนรวมกันอาจเปรียบเป็นขงเบ้งได้ในความคิดของพวกเขา ความสามารถของหลินเฟิงเป็นอย่างไรกันแน่ พวกเขาก็มองไม่เห็นแต่สิ่งที่เป็นความจริงคือพวกเขากลับสามารถมองเห็นข้อได้เปรียบของพวกเขาจากจำนวนคนบวกกับพลังอำนาจของหลงซิ่วด้วยหลังจากครุ่นคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ที่เดิม นักบู๊ตระกูลหลงประมาณสิบกว่าคนในที่สุดก็ตัดสินใจได้แล้ว และล้อมรอบหลินเฟิงเอาไว้ทีละคนวันนี้สู้ดูสักตั้งถ้าไม่สำเร็จก็ต้องตาย!"แม่งเอ๊ย จวงฉุนไอ้สารเลวตัวน้อย!"ในที่เกิดเหตุมีเพียงสวีโจวเท่านั้น ที่รู้ว่าการปิดล้อมครั้งนี้เป็นการไปตายโดยที่ไม่ต้องคิดด้วยซ้ำเขาเกลียดจวงฉุนมาก จนถึงขั้นมีความคิดอยากฆ่าเขาด้วยซ้ำแต่ทว่าจวงฉุนกลับแสยะยิ้มมองดูสวีโจว และพูดอย่างเย็นชา:“สวีโจว อย่าทำเป็นเสแสร้งอยู่ตรงนี้ รอให้ภารกิจในครั้งน
"อะ......"จางฉุนไม่เข้าใจว่าหลินเฟิงกำลังพูดอะไร เขาพาคนเหล่านี้มาที่นี่ เป้าหมายเพียงเพื่อจับตัวอิ่นนั่วเจียไปเขารู้ว่าหลินเฟิงเป็นนักบู๊และจัดการยากสักหน่อยเพราะงั้นถึงเรียกคนของตัวเองมาแต่อะไรที่เรียกว่า “พาผู้กระทำความผิดมาตรงหน้าเขาโดยตรง” ?ในตอนนี้เอง สวีโจวที่อยู่ไกลออกไปก็คำรามออกมาอย่างกะทันหัน“นาย... ฉันจำได้ นายคือหลินเฟิง! นายคือ... นายคือคนของหลี่ซื่อกรุ๊ป! หลินเฟิงหัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ป!”"อะไรนะ?"เมื่อได้ยินชื่อนี้ จางฉุนก็หันหน้ามองไปที่หลินเฟิงด้วยสีหน้าที่น่าเหลือเชื่อเพราะเขาเคยได้ยินชื่อหลินเฟิงเขาได้ยินมาจากหลงซิ่วว่า ข้อห้ามประการเดียวในการปฏิบัติการครั้งนี้คือการปะทะกับหลินเฟิงตัวซวยคนนี้หลงซิ่วเตือนจางฉุนซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้ระวังหลินเฟิงแต่เขาคิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะพัฒนาไปเกินความคาดหมายของเขา“โอ้? ดูท่าพวกคุณจะรู้จักผม”หลินเฟิงเดินออกมาพร้อมกับรอยยิ้มจากนั้นรัศมีแห่งความหวาดกลัวก็ค่อยๆ แผ่ออกมาจากร่างกายของเขา อุณหภูมิทั่วทั้งห้องทำงานก็ลดลงมากกว่าสิบองศาในพริบตาเดียวแม้แต่ชาที่มีไอร้อนลอยออกมาเมื่อครู่นี้บนโต๊ะ
“บ้าเอ๊ย ทนไม่ไหวแล้ว!”จวงฉุนรีบถีบประตูห้องทำงานของหัวหน้าโรงงานทันทีสิ่งแรกที่เขาเห็นคือเริ่นโหย่วไฉที่เหงื่อไหลท่วมตัวและยืนอยู่ตรงนั้นอย่างโง่เขลาและอิ่นนั่วเจียผู้มีเสน่ห์กำลังนั่งอยู่บนโซฟา“อิอิอิ…”จวงฉุนเลียริมฝีปากและเผยรอยยิ้มหื่นกามออกมาทันทีตอนนี้เขาโยนคำพูดของเริ่นโหย่วไฉไปไกลโพ้นทันที เพียงแค่จ้องมองไปที่หุบเขาที่คอเสื้อของอิ่นนั่วเจียแล้วแสยะยิ้มพูดว่า:“คุณอิ่นนั่วเจีย ผมมารับคุณแล้ว”"โอ้?"ใครจะไปรู้ว่ารอยยิ้มของจวงฉุนไม่ได้ทำให้อิ่นนั่วเจียตกใจหรืองุนงง เธอยิ้มให้จวงฉุนแล้วพูดว่า:"ฉันรอคุณมานานแล้ว""รอผม?"จวงฉุนตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะออกมา“ที่แท้คุณหญิงอิ่นนั่วเจียก็สนใจผมด้วย ดังนั้นการเตรียมการทั้งหมดนี้เกินความจำเป็นไปแล้ว!”ขณะที่จวงฉุนกำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง สวีโจวที่เดินเข้ามาเห็นอิ่นนั่วเจียและหลินเฟิงกำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้เถ้าแก่ในห้องทำงาน สีหน้าของเขาดูตกตะลึงเล็กน้อย“พี่สวี มีอะไรหรือเปล่า?”นักบู๊ตระกูลหลงที่อยู่ด้านหลังเขาเห็นท่าทางแปลกๆ ของสวีโจว จึงรีบถามแต่สวีโจวกลับไม่สนใจคนข้างหลังเขา กลับก้าวไปข้างหน้าและคว้าแขน