หัวใจของเขาใสสะอาดเหมือนกระจก สามารถรับรู้ข่าวสารในเมืองเจิ้งเต๋อได้ล่วงหน้า แถมสามารถซื้อที่ดินผืนนี้เอาไว้ได้ นั่นไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอนตอนนี้ในที่สุดเขาก็ยอมรับถึงความสามารถของหลินเฟิงแล้ว“เอาล่ะเอาล่ะ ผมแค่แกล้งคุณเล่น อีกอย่าง ประธานหลี่เป็นภรรยาของผม ที่ดินผืนนี้ในมือของผม ก็เป็นของเธอไม่ใช่เหรอ?”หลินเฟิงหัวเราะคิกคัก เอื้อมมือไปตบไหล่ผู้จัดการหวง“เอ่อ…หึหึ…ก็จริงนะครับ…”ผู้จัดการหวงยิ้มอย่างเก้ๆ กังๆรอจนกระทั่งหลินเฟิงและหลี่ฮุ่ยหรานออกไป ในดวงตามีร่องรอยของความชื่นชมอย่างลึกซึ้ง หลินเฟิงคนนี้ไม่ใช่คนที่ทำอะไรไม่เป็นก็ถูกแล้วผู้ชายที่ประธานหลี่ชอบ เขาจะเป็นบุคคลธรรมดาได้ยังไง?คิดถึงตรงนี้ เขาโบกมือ พูดไล่พนักงานที่ดูความครึกครื้นอยู่รอบๆ เสียงดังว่า:“มองอะไรกัน? มีอะไรให้น่ามอง? คราวนี้พวกคุณคงไม่วิพากษ์วิจารณ์ลับหลัง ว่าหัวหน้าหลินคู่ควรหรือไม่คู่ควรประธานหลี่อีกแล้วสินะ?“เฮ้อ คิดไม่ถึงจริงๆ หัวหน้าหลินมีความสามารถแบบนี้จริงๆ?”“ฉันก็คิดเหมือนกัน นั่นเป็นถึงผู้ชายของประธานหลี่เชียวนะ จะเป็นคนธรรมดาๆ ได้ยังไงกัน?”คำวิพากษ์วิจารณ์ที่อยู่รอบๆ ค่อยๆ ลดน้
“ฮัลโหล?”หลินเฟิงรับโทรศัพท์ ส่วนฝ่ายตรงข้าม หลี่ฮุ่ยหรานก็รับสายเช่นกัน“อะไรนะ?!”ทั้งสองคนพูดคำที่เหมือนกันออกมาพร้อมๆ กัน“คุณพูดอีกครั้งสิ?!”หลี่ฮุ่ยหรานกับหลินเฟิงก็พูดพร้อมกันอีกแล้ว“แย่แล้วหัวหน้าหลิน มีครอบครัวหนึ่งมาก่อเรื่องที่บริษัทของเรา พวกเขาอยู่ที่ห้องโถงชั้นหนึ่งของบริษัทเราไม่ยอมกลับไป บอกว่าประธานหลี่ร่วมมือกับคุณ ยึดครองที่ดินของพวกเขา“แย่แล้วค่ะท่านประธาน คุณแม่กับลูกพี่ลูกน้องของคุณมาที่บริษัท ตอนนี้พวกเธอถูกฉันขวางเอาไว้แล้ว บอกว่าจะให้คุณคืนที่ดินให้กับพวกเธอ!”ทั้งสองคนต่างได้ยินข่าวสารที่เหมือนกันจากในโทรศัพท์“จางกุ้ยหลาน?”ในใจของหลินเฟิงกับหลี่ฮุ่ยหรานก็เกิดความอึมครึมขึ้นมาจางกุ้ยหลานคนนี้มาตอนไหนไม่มา กลับเลือกมาในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ เป้าหมายชัดเจนเป็นอย่างมาก เกรงว่าเธอก็รู้ข่าวเรื่องที่ที่ดินผืนนั้นมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นแล้ว“แม่ของฉัน เธอ...”เดิมหลี่ฮุ่ยหรานอยากจะพูดว่าทำไมเธอถึงได้มีหน้ามาพูดเรื่องที่ดินอีกแต่ก็คิดอีกว่าจางกุ้ยหลานคือแม่ของเธอ พูดแบบนี้ไม่เหมาะสม ทำได้เพียงหน้าแดงก่ำ พูดอะไรไม่ออกสักคำและโมโหจนตัวสั่นไปหมด“เอาเถอะ
ถ้าไม่การคัดค้านอะไร ก็เซ็นใบหย่าเถอะคฤหาสน์ของตระกูลหลี่ในเจียงโจวสาวงามในชุดกี่เพ้าผลักเอกสารไปตรงหน้าหลินเฟิงหญิงสาวตรงหน้านี้เป็นแม่ยายของเขา จางกุ้ยหลานเมื่อมองใบหย่าที่อยู่ตรงหน้า หลินเฟิงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยคุณแม่ นี่หมายความว่าอะไรจางกุ้ยหลานกอดอก พูดอย่างเย็นชาว่า “ตอนนี้ตระกูลหลี่เป็นบริษัทมหาชนแล้ว “ช่องว่างระหว่างคุณกับฮุ่ยหรานก็เริ่มกว้างขึ้นเรื่อยๆ และไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆกับการงานของฮุ่ยหรานเลย” “มีแต่จะฉุดรั้งการพัฒนาของฮุ่ยหราน หากเป็นเช่นนี้ก็หย่ากันเร็วๆดีกว่า”หลินเฟิงยิ้มอย่างขมขื่น ถามกลับว่า”นี่คือความคิดของฮุ่ยหรานหรือความคิดคุณแม่ครับ”จางกุ้ยหลานสีหน้าเย็นลง “นี่คือความคิดทุกคนของตระกูลหลี่เรา” “ที่คุณได้แต่งงานกับฮุ่ยหราน แค่เพราะสัญญาการแต่งงานที่คุณปู่ตั้งไว้” “สามปีมานี้ ที่คุณกินอยู่ในบ้านเรา ตระกูลหลี่เรามีความเมตตาต่อคุณมากแล้ว “ถ้าคุณรู้ตัว ก็รีบเซ็นชื่อ”หลินเฟิงหายใจเข้าลึกๆสามปีก่อน เขาใช้ความสัมพันธ์ทั้งหมดของตัวเองที่มีเพื่อช่วยพัฒนาตระกูลหลี่ช่วยพัฒนาเป็นบริษัทมหาชนจากร้านค้าที่เล็กๆแต่ในสายตาของตระกูลหลี่ เขากลับกลายเป
หลินเฟิงออกจากคฤหาสน์ของตระกูลหลี่ มองสถานที่ที่เขาเคยใช้ชีวิตมาสามปีครั้งสุดท้ายตอนมาก็มาอย่างโดดเดี่ยว และจากไปด้วยมือเปล่ารถโรลส์-รอยซ์คันหนึ่งที่ขับมาแต่ไกลจอดตรงหน้าเขาเมื่อประตูรถเปิดออก ชายวัยกลางที่สวมสูทคนหนึ่งลงจากรถ “คุณหลิน....”ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม วิ่งเหยาะๆไปที่หลินเฟิง “คุณมาได้อย่างไร” หลินเฟิงมองอย่างตั้งใจ คนที่มานั้นเป็นประธานบริษัทเทียนหัวอินเตอร์เนชั่นแนลจ้าวเทียนหวากล่าวตามความจริง “ช่วงนี้ผมกำลังวิจัยโครงการพัฒนาของเขตซีเฉิงกับนางหลิน วันนี้ตั้งใจจะมาหานางหลินเพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับเรื่องรายละเอียดหลินเฟิงพยักหน้า “ไม่ต้องปรึกษาแล้ว” “หลี่ฮุ่ยหรานมีตระกูลหวางเป็นที่พึ่งแล้ว ต่อไปนี้จะไม่ต้องการความสนับสนุนของเราแล้ว” “และก็ไม่ใช่นางหลินอีกต่อไป” “อ๋า”จ้าวเทียนหวาตกใจมาก “นี่...นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น”หลินเฟิงพูดแบบไม่ได้ปิดบัง “ผมหย่ากับหลี่ฮุ่ยหรานแล้ว” “ต่อจากนี้ไป ผมจะไม่มีความสัมพันธ์ใดๆกับตระกูลหลี่อีก”หลินเฟิงมองไปที่จ้าวเทียนหวา ตบไหล่เขาเบาๆ “จ้าว สามปีมานี้คุณงานหนักแล้วนะ”ธุรกิจของจ้าวเทียนหวาอยู่ที่ต่างประเทศทั้ง
ตอนนี้หลินเฟิงกําลังหลับตาพักผ่อนอยู่บนรถเสียงโทรศัพท์ปลุกให้เขาตื่นคาดไม่ถึงว่าหลี่ฮุ่ยหรานจะโทรมาเขารับสายก็ได้ยินเสียงที่เย็นชาชองเธอ “หลินเฟิง คุณกำลังอยู่กับประธานจ้าวเหรอ” “หลินเฟิงมองไปที่จ้าวเทียนหวาที่อยู่ข้างๆเขา “ใช่”หลี่ฮุ่ยหรานหายใจเข้าลึกๆ ความดันโลหิตเพิ่มขึ้นรวดเร็วหลี่เหวินเชาไม่ได้โกหก “หลินเฟิง คุณทำให้ฉันผิดหวังมาก คุณมีอะไรไม่พอใจสามารถพูดกับฉันตรงๆได้” “ทำไหมถึงต้องใส่ร้ายตระกูลหลี่ลับหลังแบบนี้หรอ”หลินเฟิงนวดขมับและพูดว่า “ถ้าผมบอกว่าผมไม่ได้ใส่ร้ายตระกูลหลี่ คุณจะเชื่อผมไหม”หลี่ฮุ่ยหราน “งั้นทำไมประธานจ้าวมาถึงที่ตระกูลหลี่แล้วจู่ๆก็ออกไปล่ะ แถมยังต้องการยุติความร่วมมือกับตระกูลหลี่ด้วย” “จ้าวเทียนหวาจะเลือกทำอะไรเป็นเรื่องของเขา ไม่เกี่ยวกับผม”หลี่ฮุ่ยหรานโกรธมาก คิดว่าหลินเฟิงกล้าทำแต่ไม่กล้ายอมรับเธอกัดฟันแล้วพูดทีละคำว่า “ฉันดูคุณผิดไปจริงๆ”น้ำเสียงของหลินเฟิงเย็นลง “คุณเชื่อแต่ตัวเองอยู่ตลอด ไม่เคยคิดจะเข้าใจความจริง” “ผมไม่รู้ว่าหลี่เหวินเชาได้พูดอะไรกับคุณ และก็ไม่อยากอธิบายเรื่องนี้ด้วย” “ต่อไปอย่าเอาเรื่องแบบนี้มายุ่งผม”
“ปัง ๆ ๆ” เสียงระเบิดที่ต่อเนื่องกันดังขึ้นลมฝ่ามือของฉินอิ๋งเหมือนมีดพลังแข็งแกร่งและเผด็จการทั้งสองได้เผชิญหน้าแลกเปลี่ยนกันมากกว่าสิบกระบวนท่าหลินเฟิงไม่มีความคิดที่จะฆ่าเธอ แค่ป้องกันตัวเองเท่านั้นแม้ว่าการบำเพ็ญของเขายังไม่ฟื้นตัว แต่ฉินอิ๋งก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา “ฉินอิ๋ง หยุดนะ”ในเวลานี้ ถังหว่านที่อยู่บนเตียงตะโกนอย่างรุนแรงฉินอิ๋งได้ยินแล้วจึงหยุดการโจมตีทันทีมองเธอด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความน้อยใจ “พี่หว่านเอ๋อ เด็กคนนี้...” “พอแล้ว”ถังหว่านพูดเบาๆว่า “หมอเทวดาหลินมารักษาโรค อย่าหยาบคายใส่เขา”คุณพ่อของฉินอิ๋งเป็นอาจารย์ของเธอเอง คำพูดของหลินเฟิงทำให้เธอไม่สบายใจแต่ในฐานะที่เป็นคนแรกในสามรุ่นของตระกูลถัง เป็นอัจฉริยะทางศิลปะการต่อสู้ คิดอย่างใจเย็นเป็นสิ่งที่เธอควรทำ ในการต่อสู้ที่เมื่อกี้ถังหว่านก็สามารถดูออกว่าหลินเฟิง ดูคล่องตัว ความสามารถไม่ธรรมดาแต่ดูเหมือนเขาไม่ได้สู้กับฉินอิ๋งอย่างเต็มที่ถ้าเขาสู้เต็มที่ ฉินอิ๋งต้องแพ้แน่ และนี่คือสาเหตุที่เธอพูดให้หยุดสำหรับคำสั่งของถังหว่าน ฉินอิ๋งไม่กล้าไม่ทำตาม จึงได้แต่ถอยหลังไปอย่างเงียบๆถังหว่า
“ดูพอหรือยัง”ฉินอิ๋งที่อยู่ข้างๆเห็นเขาจ้องมองถังหว่านอย่างตั้งใจ อดไม่ได้ที่พูดแม้ว่าศิลปะการต่อสู้ของหลินเฟิงจะเก่งมาก แต่เธอก็ยังสงสัยว่าวิธีการรักษาด้วยถอดเสื้อผ้านี่เขาคนนี้ตั้งใจอยากจะเอาเปรียบถังหว่านหรือเปล่าหลินเฟิงยิ้มเบาๆ สีหน้าไม่มีความอึดอัดใจเลยแม้แต่น้อยและชื่นชมจากใจจริงว่า “คุณถังสวยมากๆครับ ผมอดไม่ได้ที่จะดูไปหลายครั้ง” “ฮา ฮา”ถังหว่านยิ้ม “หมอเทวดาหลินก็พูดตรงไปตรงมามากนะ”เธอไม่คิดว่าหลินเฟิงจะยอมรับอย่างใจกว้างขนาดนี้ไม่เหมือนพวกที่เรียกตัวเองว่าเป็นสุภาพบุรุษ กล้าทำแต่ไม่กล้ายอมรับ “ตราบใดที่หมอเทวดาหลินสามารถรักษาโรคฉันหาย อยากดูอย่างไรก็ได้”ถังหว่านสายตาอ่อนโยนมีเสน่ห์ มุมปากมีรอยยิ้มที่น่าสนใจ “ไม่จำเป็นหรอก ของที่สวยงามดูเพียงครั้งเดียวก็ประทับใจมากเพียงพอแล้ว”หลินเฟิงส่ายหัวเอาเข็มเงินเข็มออกมาปลายนิ้วผ่านหน้าอกถังหว่าน สัมผัสได้ถึงความเย็นบนผิวที่เรียบเนียนและละเอียดอ่อนเข็มหนึ่งฝังในจุดเฟิงฝู่ถังหว่านหายใจเข้าลึกๆ ร่างกายสั่นอย่างควบคุมไม่ได้หลินเฟิงเอาเข็มเงินหนึ่งออก กดนิ้วมือลงไปเรื่อยๆผ่านท้องน้อยของเธอ ฝังเข็มอีกหนึ
หลินเฟิงเพิ่งเดินออกจากประตูใหญ่ของตระกูลถัง โรลส์-รอยซ์คันหนึ่งขับมาจากข้างหลังและจอดอยู่ข้างๆเขาประตูรถเปิดออก ถังหว่านเดินลงมา “บ้านคุณหลินอยู่ที่ไหนคะ ให้ฉันไปส่งไหม”หลินเฟิงคิดสักพักแล้วถอนหายใจ “ตอนนี้ไม่มีที่อยู่ คิดว่าจะพักที่โรงแรม”ตัวเขาเองอยู่ที่เจียงโจวไม่ได้ซื้อบ้านไว้เลย เมื่อหย่ากับหลี่ฮุ่ยหรานแล้วเขาก็จะไม่กลับไปตระกูลหลี่อีก “อึม...”ถังหว่านอึ้ง แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรเยอะ “นี่พอดีเลย ตระกูลถังเรามีโรงแรมห้าสิบกว่าแห่งในเจียงโจว” “ให้ฉันจัดการให้คุณหลินเถอะ เมื่อเสวียนหลิงโสมถึงแล้ว ก็พอดีส่งไปให้คุณเลย” “ก็ได้”หลินเฟิงคิดไปคิดมาก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไรเขานั่งที่เบาะข้างหลังกับถังหว่าน ฉินอิ๋งเป็นคนขับรถเมื่อถึงประตูเขตวิลล่า ฉินอิ๋งก็จอดรถ “เกิดอะไรขึ้น”ถังหว่านถาม “ข้างหน้ามีรถคันหนึ่ง ไม่รู้ทำไมช้า”ฉินอิ๋งบ่นหลินเฟิงมองไปข้างนอกผ่านหน้าต่างรถ เห็นมีชายสวมชุดสูทคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตูห้องรักษาความปลอดภัย “แจ้งคุณปู่ถัง ว่าหวางเส้าหลง นายน้อยของตระกูลหวางในเจียงโจวขอมาเยี่ยม”พูดจบก็เอาเงินสดก้อนหนึ่งยื่นให้พนักงานรักษาความปลอดภัยพนักงานรักษาความปล
“ฮัลโหล?”หลินเฟิงรับโทรศัพท์ ส่วนฝ่ายตรงข้าม หลี่ฮุ่ยหรานก็รับสายเช่นกัน“อะไรนะ?!”ทั้งสองคนพูดคำที่เหมือนกันออกมาพร้อมๆ กัน“คุณพูดอีกครั้งสิ?!”หลี่ฮุ่ยหรานกับหลินเฟิงก็พูดพร้อมกันอีกแล้ว“แย่แล้วหัวหน้าหลิน มีครอบครัวหนึ่งมาก่อเรื่องที่บริษัทของเรา พวกเขาอยู่ที่ห้องโถงชั้นหนึ่งของบริษัทเราไม่ยอมกลับไป บอกว่าประธานหลี่ร่วมมือกับคุณ ยึดครองที่ดินของพวกเขา“แย่แล้วค่ะท่านประธาน คุณแม่กับลูกพี่ลูกน้องของคุณมาที่บริษัท ตอนนี้พวกเธอถูกฉันขวางเอาไว้แล้ว บอกว่าจะให้คุณคืนที่ดินให้กับพวกเธอ!”ทั้งสองคนต่างได้ยินข่าวสารที่เหมือนกันจากในโทรศัพท์“จางกุ้ยหลาน?”ในใจของหลินเฟิงกับหลี่ฮุ่ยหรานก็เกิดความอึมครึมขึ้นมาจางกุ้ยหลานคนนี้มาตอนไหนไม่มา กลับเลือกมาในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ เป้าหมายชัดเจนเป็นอย่างมาก เกรงว่าเธอก็รู้ข่าวเรื่องที่ที่ดินผืนนั้นมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นแล้ว“แม่ของฉัน เธอ...”เดิมหลี่ฮุ่ยหรานอยากจะพูดว่าทำไมเธอถึงได้มีหน้ามาพูดเรื่องที่ดินอีกแต่ก็คิดอีกว่าจางกุ้ยหลานคือแม่ของเธอ พูดแบบนี้ไม่เหมาะสม ทำได้เพียงหน้าแดงก่ำ พูดอะไรไม่ออกสักคำและโมโหจนตัวสั่นไปหมด“เอาเถอะ
หัวใจของเขาใสสะอาดเหมือนกระจก สามารถรับรู้ข่าวสารในเมืองเจิ้งเต๋อได้ล่วงหน้า แถมสามารถซื้อที่ดินผืนนี้เอาไว้ได้ นั่นไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอนตอนนี้ในที่สุดเขาก็ยอมรับถึงความสามารถของหลินเฟิงแล้ว“เอาล่ะเอาล่ะ ผมแค่แกล้งคุณเล่น อีกอย่าง ประธานหลี่เป็นภรรยาของผม ที่ดินผืนนี้ในมือของผม ก็เป็นของเธอไม่ใช่เหรอ?”หลินเฟิงหัวเราะคิกคัก เอื้อมมือไปตบไหล่ผู้จัดการหวง“เอ่อ…หึหึ…ก็จริงนะครับ…”ผู้จัดการหวงยิ้มอย่างเก้ๆ กังๆรอจนกระทั่งหลินเฟิงและหลี่ฮุ่ยหรานออกไป ในดวงตามีร่องรอยของความชื่นชมอย่างลึกซึ้ง หลินเฟิงคนนี้ไม่ใช่คนที่ทำอะไรไม่เป็นก็ถูกแล้วผู้ชายที่ประธานหลี่ชอบ เขาจะเป็นบุคคลธรรมดาได้ยังไง?คิดถึงตรงนี้ เขาโบกมือ พูดไล่พนักงานที่ดูความครึกครื้นอยู่รอบๆ เสียงดังว่า:“มองอะไรกัน? มีอะไรให้น่ามอง? คราวนี้พวกคุณคงไม่วิพากษ์วิจารณ์ลับหลัง ว่าหัวหน้าหลินคู่ควรหรือไม่คู่ควรประธานหลี่อีกแล้วสินะ?“เฮ้อ คิดไม่ถึงจริงๆ หัวหน้าหลินมีความสามารถแบบนี้จริงๆ?”“ฉันก็คิดเหมือนกัน นั่นเป็นถึงผู้ชายของประธานหลี่เชียวนะ จะเป็นคนธรรมดาๆ ได้ยังไงกัน?”คำวิพากษ์วิจารณ์ที่อยู่รอบๆ ค่อยๆ ลดน้
“เอ๊ะเอ๊ะเอ๊ะ”หลินเฟิงยื่นมือออกไปห้ามหลี่ฮุ่ยหราน เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาของพนักงานที่พักกลางวันกันอยู่กำลังมองมา เขาก็ไม่ได้รู้สึกโกรธ แต่กลับยิ้มบางพูดว่า:“ดูท่าผู้จัดการหวงก็ทำเพื่อบริษัทถึงได้โมโหขนาดนี้”“ถูกต้อง ผมขี้เกียจจริงๆ นั่นแหละ แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าผมไม่ทำอะไรทั้ง”หลินเฟิงส่ายนิ้ว ยิ้มพูดว่า:“ผมได้เจรจาธุรกิจใหญ่โตให้หลี่ซื่อกรุ๊ปได้สำเร็จเชียวนะ”“นายเนี่ยนะ?”ผู้จัดการหวงหัวเราะเยาะ“นายเป็นแค่หัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัย พูดอีกอย่างก็เป็นแค่คนเฝ้าประตู นายมีความสามารถอะไรไปคุยธุรกิจ? แถมยังเป็นธุรกิจใหญ่โตงั้นเหรอ?”“เลิกพูดได้แล้ว”เห็นได้ชัดว่าผู้จัดการหวงไม่เชื่อ“ถ้าหากนายสามารถทำกำไรให้บริษัทได้ห้าแสนบาท ฉันก็จะคุกเข่าขอโทษนาย”“คุณอย่าเสียใจภายหลังล่ะ”หลินเฟิงหัวเราะร่า จากนั้นหยิบหนังสือพิมพ์ยามเช้าของวันนี้ออกมาจากชั้นวางที่อยู่ด้านข้างโดยตรง ยัดใส่บนมือของผู้จัดการหวง“ดูหัวข้อบทความนี้ให้ดี”หลินเฟิงชี้ตัวอักษรขนาดใหญ่ที่เขียนอยู่บนรายงานกำลังบรรยายเรื่องทำถนนทางหลวงของเมืองเจิ้งในช่วงนี้“ถนนทางหลวงเส้นนี้ผ่านพื้นที่ที่อยู่อาศัย และเ
ตอนเที่ยง ณ บริษัทหลี่ซื่อกรุ๊ปหลี่ฮุ่ยหรานที่เพิ่งทำงานเสร็จ เพิ่งออกมาจากห้องทำงาน ก็เห็นหลินเฟิงที่สบายอกสบายใจ จึงจนปัญญาทันทีและพูดว่า:“ที่ฉันยุ่งจนหัวร้อน คุณกลับผ่อนคลายอยู่ที่ตรงนี้!”เห็นท่าทางของหลี่ฮุ่ยหรานที่ถามหาความผิด หลินเฟิงก็สะดุ้งโหยง รีบลุกขึ้น ยิ้มแหยพูดว่า:“งานของคุณมีแต่เรื่องในบริษัท เรื่องเล็กเรื่องใหญ่ผมไม่คุ้น อีกทั้ง…ผู้มีความสามารถควรทำงานให้มากนะ ใครใช้ให้ผู้หญิงของผมสุดยอดขนาดนี้ล่ะ?”“หึ พูดจากะล่อนปลิ้นปล้อน”หลี่ฮุ่ยหรานส่งเสียงไม่พอใจ แต่กลับไม่ได้มีท่าทีจะตำหนิหลินเฟิงเธอคล้องแขนของหลินเฟิงขึ้นมาอย่างเป็นธรรมชาติ และยิ้มพูดว่า:“ใกล้ๆ นี้มีร้านก๋วยเตี๋ยวที่อร่อยมากๆ ร้านหนึ่ง ไปกัน ฉันไปคุณไปด้วยกัน”“เหรอ? ร้านก๋วยเตี๋ยวที่สามารถเข้าตาประธานหลี่ได้ งั้นผมต้องลองดูหน่อยจริงๆ”หลินเฟิงยิ้มบางทั้งสองคนเดินออกไปจากห้องทำงานเคียงข้างกันพนักงานของหลี่ซื่อกรุ๊ปจำนวนมากเห็นภาพนี้ หลังจากที่ได้ทำความรู้จักหลายวันนี้ พวกเขาต่างก็รู้ถึงความสัมพันธ์ของหลินเฟิงกับหลี่ฮุ่ยหรานแล้วแต่ยังคงมีพนักงานชายหลายคนที่เผยสีหน้าไม่พอใจออกมาประธานหลี่คน
“อีกเดี๋ยว แกไปหลี่ซื่อกรุ๊ปกับฉัน คุกเข่าขอร้องหลี่ฮุ่ยหรานพี่สาวของแก ขอให้เขาช่วยแก”“สำหรับเรื่องที่ดิน ไม่ต้องเอ่ยถึงอีก”“ไม่มีทาง!”หลี่เหวินเชาตะโกนขึ้นมาด้วยความคลุ้มคลั่ง:“ฆ่าผมเถอะ ฆ่าผมผมก็ไม่ยอมคุกเข่าให้หลินเฟิง!”“งั้น…”จางกุ้ยหลานเห็นว่าลูกชายของเธอเป็นคนดื้อรั้นขนาดนี้ จึงไม่รู้จะทำยังไงชั่วขณะจางซินก็เสนอตัวขึ้นมา“คุณป้า พูดอีกอย่าง ประธานโจวของเจี้ยนหงกรุ๊ปคนนั้นก็แค่อยากได้เงิน แบบนี้แล้ว คุณป้าคิดหาวิธีเอาที่ดินมาจากในเมื่อของหลินเฟิงและหลี่ฮุ่ยหราน”“จากนั้นพวกเราให้เงินประธานโจวก้อนหนึ่ง ใช้เพื่อไถ่ตัวหลี่เหวินเชา รักษาชีวิตน้อยๆ ของเขาเอาไว้ เงินที่เหลือเราค่อยแบ่งกัน”“แบบนี้ก็สิ้นเรื่องไม่ใช่เหรอ?”หลี่เหวินเชาเห็นด้วยกับข้อเสนอแนะของจางซินอย่างรวดเร็วเขาเปลี่ยนจากร้องไห้เป็นยิ้มพูดว่า:“ไม่เสียแรงที่เป็นพี่จางซิน ฉลาดจริงๆ!”“หึ ไม่รู้เมื่อครู่ใครยังจะสู้ตายกับฉันอยู่เลยนะ”จางซินกลอกตาไปมาด้วยความครุมเครือ“ยังต้องเอาที่ดินอีกเหรอ…นี่มัน…”จางกุ้ยหลานลังเลอย่างเห็นได้ชัด“คุณป้า คุณป้าคิดดูนะคะ นั่นเป็นเงินสองหมื่นห้าพันล้านบาท ต่อให้เ
จางกุ้ยหลานวางโทรศัพท์ลง ภายใต้สายตาคาดหวังของจางซินและหลี่เหวินเชา จากนั้นถอนหายใจพูดว่า:“ช่างเถอะ ในเมื่อที่ดินผืนนี้ได้ถูกขายไปแล้ว งั้นฉันก็ไม่เอาแล้ว ในเมื่อ…”จางซินรู้ดีอยู่แล้ว แต่เธอหนังหน้าหนาพูดเกลี้ยกล่อมว่า:“คุณป้า นั่นมันสองหมื่นห้าพันล้านบาทเชียวนะ!”“มีเงินสองพันห้าล้านบาทนี้ ชีวิตที่เหลือของเราก็มีแต่ความร่ำรวยรุ่งโรจน์ อยากได้อะไรก็ได้หมด?”“ตอนนี้ไปขอจากหลินเฟิง คิดว่าสุดท้ายเขาเห็นแก่หน้าของหลี่ฮุ่ยหราน ก็ยังคืนที่ดินผืนนั้นมาให้เราอยู่ดี”“ในเมื่อไอ้หมอนี่ชอบโอ้อวดต่อหน้าหลี่ฮุ่ยหรานมากที่สุด”คำแนะนำของจางซินทำให้จางกุ้ยหลานหวั่นไหวจริงด้วย นั่นมันสองหมื่นห้าพันล้านบาทเชียวนะ!มีเงินมหาศาลก้อนนี้ ชีวิตที่เหลือ เธอสามารถทำอะไรก็ได้ที่เธอต้องการ“แม่ แม่ต้องซื้อที่ดินผืนนั้นกลับมาจากในมือหลินเฟิงให้ได้นะ ไม่อย่างนั้น…ไม่อย่างนั้นลูกชายแม่ต้องตายแน่!”หลี่เหวินเชาล้มลงบนเตียงและร้องไห้โฮออกมา“อะไร?! ไม่มีที่ดินผืนนี้ ก็จะตายเหรอ?”จางกุ้ยหลานตกตะลึงส่วนจางซินกลับมองความเสแสร้งของไอ้หมอนี่ออก พูดยิ้มว่า:“คุณป้า ไม่ใช่ว่าจนถึงตอนนี้ป้ายังดูไม่ออก
“คุณป้า สิบเท่า! ไม่เพียงแค่สิบเท่า!”จางซินนับนิ้วมือ คำนวณและพูดว่า:“ก่อนหน้านี้พวกเราใช้เงินจำนวนสองพันห้าร้อยล้านบาทซื้อที่ดินผืนนี้เอาไว้ และตอนนี้ มูลค่าของที่ดินผืนนี้เกินสองหมื่นห้าพันล้านบาทแล้ว!”“ป้า นั่นมันสองหมื่นห้าพันล้านบาทแล้ว!”ได้ยินตัวเลขที่จางซินรายงานออกมา จางกุ้ยหลายงุนงงไปหมด เธอนั่งลงบนเตียง พูดไม่ออกอยู่ครู่ใหญ่“เร็ว…เร็ว…เร็ว…”จางกุ้ยหลานตั้งสติอยู่นาน ถึงได้ยกมือขึ้นอย่างเหม่อลอย มองไปทางจางซินและพูดว่า:“เอาโทรศัพท์ของฉันมา ฉัน…ฉันจะโทรศัพท์ไปหาหลินเฟิง!”“ได้ค่ะ!”จางซินกระตือรือร้นอย่างมาก ที่ดินผืนนี้ถ้าหากจางกุ้ยหลานได้มา งั้นเธอยังไงก็ได้รับเงินส่วนแบ่งจางกุ้ยหลานถือโทรศัพท์มือถือเอาไว้ เปิดสมุดโทรศัพท์เลื่อนไปที่หมายเลขของหลินเฟิงในตอนที่ปุ่มโทรออก จู่ๆ เธอก็นิ่งอึ้งไป“คุณป้า เป็นอะไรไป? รีบโทรสิคะ!”เห็นได้ชัดว่าจางซินร้อนใจยิ่งกว่าจางกุ้ยหลานส่วนหลี่เหวินเชาที่อยู่ข้างๆ ก็ร้อนใจอย่างมาก รีบพูดเร่งว่า: “แม่ รีบโทรสิ แม่ยังลังเลอะไรอีก?”“ฉัน…”จางกุ้ยหลานพูดไม่ออก ผ่านไปครู่หนึ่ง เธอถึงได้มองไปทางจางซินกับหลี่เหวินเชาด้วยความกร
“ก็ปล่อยให้เธออยู่ด้วยกันกับหลินเฟิงไปเถอะ ไม่ช้าก็เร็วพวกเขาก็ต้องจบเห่!”“สุดท้ายพี่สาวของผมก็ต้องร้องไห้กลับมาขอร้องพวกเรา”หลังจากที่ได้ยินคำพูดนี้ ในที่สุดจางกุ้ยหลานก็วางใจ“ได้ได้ได้ เด็กอย่างแกถือว่าคิดได้แล้วนะ”หลังจากที่ได้รับคำชม สีหน้าของจางกุ้ยหลานก็เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน โดยมีความรู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย“ที่พูดมานั้นก็เป็นเรื่องจริง แต่.....เหวินเชา ที่ดินตรงนั้น....ที่ดินตรงนั้นถูกฉันขายทิ้งไปแล้ว”“อะไรนะ?!”หลังจากที่ได้ยินคำพูดนี้ หลี่เหวินเชาก็กระโดดสูงสามฟุตเหมือนกับแมวที่ถูกเหยียบหาง “แม่....แม่...แม่มันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมถึงมีคนซื้อที่ดินตรงนี้ในเวลาอันสั้นแบบนี้ล่ะ?”“แม่ขายให้ใครไป?”เมื่อเห็นปฏิกิริยาที่รุนแรงขนาดนี้ของลูกชายตัวเอง จางกุ้ยหลานก็รู้สึกผิดเล็กน้อย ก่อนจะเกาหัวอย่างกระอักกระอ่วนพร้อมกับพูดว่า :“หลังจากที่ลูกโทรมาหาในวันนั้น แม่ก็กังวลนิดหน่อย สุดท้ายก็เลยเอาที่ดินตรงนั้นขายให้กับหลินเฟิงไป”“หลินเฟิง? แม่ขายให้กับหลินเฟิง?!”เมื่อหลี่เหวินเชาได้ยินชื่อนี้ หัวก็แทบจะระเบิด แต่เขายังคงกอดความหวังสุดท้ายเอาไว้ ก่อนจะฝืนรอยยิ้มสุดท้า
“ไอ้สารเลว แกยังกล้ากลับมาอีกนะ!”ทันทีที่จางกุ้ยหลานเห็นหลี่เหวินเชา สีหน้าก็เปลี่ยนไป ก่อนที่จะเริ่มด่าทอหลี่เหวินเชาทำเธอเจ็บปวดอย่างมากสุดท้ายหากไม่ใช่หลินเฟิงที่เป็นคนโดนโกง แล้วเอาที่ดินที่ขายไม่ออกตรงนั้นไปเธอก็คงจะเดือดร้อนมากแน่ ๆไม่เพียงแค่สูญเสียวิลล่าหรูหราเท่านั้น ถึงขั้นที่ถูกคนไล่ล่าอีกด้วยจุดจบแบบนั้น แค่คิดก็ทำให้จางกุ้ยหลานสั่นไปทั้งตัวเมื่อเห็นตัวการสำคัญคนนี้ จางกุ้ยหลานก็ไม่สามารถระงับความโกรธในใจได้อีกต่อไป ก่อนจะชี้ไปที่หน้าของหลี่เหวินเชาและด่าทอเสียงดัง“ไอ้สารเลวน่ารังเกียจ แกต้องการจะฆ่าแม่ของแกให้ตาย! แล้วตอนนี้แกยังกล้าโผล่หน้ามาเจอฉันอีกเหรอ?!”“แม่ แม่ก็พูดเกินไป”หลี่เหวินเชาเกาหัว ก่อนจะยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน สุดท้ายก็วางดอกไม้ที่พามาด้วยไว้บนโต๊ะที่อยู่ด้านข้างจางกุ้ยหลานแต่คิดไม่ถึงเลยว่าจางกุ้ยหลานจะไม่ซาบซึ้งเลยแม้แต่น้อยก่อนจะปัดช่อดอกไม้ร่วงตกไปอยู่บนพื้น“แกออกไปซะ ฉันไม่อยากเห็นหน้าแก ฉันไม่มีลูกชายสารเลวที่หลอกได้แม้กระทั่งแม่อย่างแก!”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าของหลี่เหวินเชาก็เปลี่ยนไปแต่เมื่อเขาคิดถึงราคาที่ดินตรงนั้น