“คุณป้า สิบเท่า! ไม่เพียงแค่สิบเท่า!”จางซินนับนิ้วมือ คำนวณและพูดว่า:“ก่อนหน้านี้พวกเราใช้เงินจำนวนสองพันห้าร้อยล้านบาทซื้อที่ดินผืนนี้เอาไว้ และตอนนี้ มูลค่าของที่ดินผืนนี้เกินสองหมื่นห้าพันล้านบาทแล้ว!”“ป้า นั่นมันสองหมื่นห้าพันล้านบาทแล้ว!”ได้ยินตัวเลขที่จางซินรายงานออกมา จางกุ้ยหลายงุนงงไปหมด เธอนั่งลงบนเตียง พูดไม่ออกอยู่ครู่ใหญ่“เร็ว…เร็ว…เร็ว…”จางกุ้ยหลานตั้งสติอยู่นาน ถึงได้ยกมือขึ้นอย่างเหม่อลอย มองไปทางจางซินและพูดว่า:“เอาโทรศัพท์ของฉันมา ฉัน…ฉันจะโทรศัพท์ไปหาหลินเฟิง!”“ได้ค่ะ!”จางซินกระตือรือร้นอย่างมาก ที่ดินผืนนี้ถ้าหากจางกุ้ยหลานได้มา งั้นเธอยังไงก็ได้รับเงินส่วนแบ่งจางกุ้ยหลานถือโทรศัพท์มือถือเอาไว้ เปิดสมุดโทรศัพท์เลื่อนไปที่หมายเลขของหลินเฟิงในตอนที่ปุ่มโทรออก จู่ๆ เธอก็นิ่งอึ้งไป“คุณป้า เป็นอะไรไป? รีบโทรสิคะ!”เห็นได้ชัดว่าจางซินร้อนใจยิ่งกว่าจางกุ้ยหลานส่วนหลี่เหวินเชาที่อยู่ข้างๆ ก็ร้อนใจอย่างมาก รีบพูดเร่งว่า: “แม่ รีบโทรสิ แม่ยังลังเลอะไรอีก?”“ฉัน…”จางกุ้ยหลานพูดไม่ออก ผ่านไปครู่หนึ่ง เธอถึงได้มองไปทางจางซินกับหลี่เหวินเชาด้วยความกร
จางกุ้ยหลานวางโทรศัพท์ลง ภายใต้สายตาคาดหวังของจางซินและหลี่เหวินเชา จากนั้นถอนหายใจพูดว่า:“ช่างเถอะ ในเมื่อที่ดินผืนนี้ได้ถูกขายไปแล้ว งั้นฉันก็ไม่เอาแล้ว ในเมื่อ…”จางซินรู้ดีอยู่แล้ว แต่เธอหนังหน้าหนาพูดเกลี้ยกล่อมว่า:“คุณป้า นั่นมันสองหมื่นห้าพันล้านบาทเชียวนะ!”“มีเงินสองพันห้าล้านบาทนี้ ชีวิตที่เหลือของเราก็มีแต่ความร่ำรวยรุ่งโรจน์ อยากได้อะไรก็ได้หมด?”“ตอนนี้ไปขอจากหลินเฟิง คิดว่าสุดท้ายเขาเห็นแก่หน้าของหลี่ฮุ่ยหราน ก็ยังคืนที่ดินผืนนั้นมาให้เราอยู่ดี”“ในเมื่อไอ้หมอนี่ชอบโอ้อวดต่อหน้าหลี่ฮุ่ยหรานมากที่สุด”คำแนะนำของจางซินทำให้จางกุ้ยหลานหวั่นไหวจริงด้วย นั่นมันสองหมื่นห้าพันล้านบาทเชียวนะ!มีเงินมหาศาลก้อนนี้ ชีวิตที่เหลือ เธอสามารถทำอะไรก็ได้ที่เธอต้องการ“แม่ แม่ต้องซื้อที่ดินผืนนั้นกลับมาจากในมือหลินเฟิงให้ได้นะ ไม่อย่างนั้น…ไม่อย่างนั้นลูกชายแม่ต้องตายแน่!”หลี่เหวินเชาล้มลงบนเตียงและร้องไห้โฮออกมา“อะไร?! ไม่มีที่ดินผืนนี้ ก็จะตายเหรอ?”จางกุ้ยหลานตกตะลึงส่วนจางซินกลับมองความเสแสร้งของไอ้หมอนี่ออก พูดยิ้มว่า:“คุณป้า ไม่ใช่ว่าจนถึงตอนนี้ป้ายังดูไม่ออก
“อีกเดี๋ยว แกไปหลี่ซื่อกรุ๊ปกับฉัน คุกเข่าขอร้องหลี่ฮุ่ยหรานพี่สาวของแก ขอให้เขาช่วยแก”“สำหรับเรื่องที่ดิน ไม่ต้องเอ่ยถึงอีก”“ไม่มีทาง!”หลี่เหวินเชาตะโกนขึ้นมาด้วยความคลุ้มคลั่ง:“ฆ่าผมเถอะ ฆ่าผมผมก็ไม่ยอมคุกเข่าให้หลินเฟิง!”“งั้น…”จางกุ้ยหลานเห็นว่าลูกชายของเธอเป็นคนดื้อรั้นขนาดนี้ จึงไม่รู้จะทำยังไงชั่วขณะจางซินก็เสนอตัวขึ้นมา“คุณป้า พูดอีกอย่าง ประธานโจวของเจี้ยนหงกรุ๊ปคนนั้นก็แค่อยากได้เงิน แบบนี้แล้ว คุณป้าคิดหาวิธีเอาที่ดินมาจากในเมื่อของหลินเฟิงและหลี่ฮุ่ยหราน”“จากนั้นพวกเราให้เงินประธานโจวก้อนหนึ่ง ใช้เพื่อไถ่ตัวหลี่เหวินเชา รักษาชีวิตน้อยๆ ของเขาเอาไว้ เงินที่เหลือเราค่อยแบ่งกัน”“แบบนี้ก็สิ้นเรื่องไม่ใช่เหรอ?”หลี่เหวินเชาเห็นด้วยกับข้อเสนอแนะของจางซินอย่างรวดเร็วเขาเปลี่ยนจากร้องไห้เป็นยิ้มพูดว่า:“ไม่เสียแรงที่เป็นพี่จางซิน ฉลาดจริงๆ!”“หึ ไม่รู้เมื่อครู่ใครยังจะสู้ตายกับฉันอยู่เลยนะ”จางซินกลอกตาไปมาด้วยความครุมเครือ“ยังต้องเอาที่ดินอีกเหรอ…นี่มัน…”จางกุ้ยหลานลังเลอย่างเห็นได้ชัด“คุณป้า คุณป้าคิดดูนะคะ นั่นเป็นเงินสองหมื่นห้าพันล้านบาท ต่อให้เ
ตอนเที่ยง ณ บริษัทหลี่ซื่อกรุ๊ปหลี่ฮุ่ยหรานที่เพิ่งทำงานเสร็จ เพิ่งออกมาจากห้องทำงาน ก็เห็นหลินเฟิงที่สบายอกสบายใจ จึงจนปัญญาทันทีและพูดว่า:“ที่ฉันยุ่งจนหัวร้อน คุณกลับผ่อนคลายอยู่ที่ตรงนี้!”เห็นท่าทางของหลี่ฮุ่ยหรานที่ถามหาความผิด หลินเฟิงก็สะดุ้งโหยง รีบลุกขึ้น ยิ้มแหยพูดว่า:“งานของคุณมีแต่เรื่องในบริษัท เรื่องเล็กเรื่องใหญ่ผมไม่คุ้น อีกทั้ง…ผู้มีความสามารถควรทำงานให้มากนะ ใครใช้ให้ผู้หญิงของผมสุดยอดขนาดนี้ล่ะ?”“หึ พูดจากะล่อนปลิ้นปล้อน”หลี่ฮุ่ยหรานส่งเสียงไม่พอใจ แต่กลับไม่ได้มีท่าทีจะตำหนิหลินเฟิงเธอคล้องแขนของหลินเฟิงขึ้นมาอย่างเป็นธรรมชาติ และยิ้มพูดว่า:“ใกล้ๆ นี้มีร้านก๋วยเตี๋ยวที่อร่อยมากๆ ร้านหนึ่ง ไปกัน ฉันไปคุณไปด้วยกัน”“เหรอ? ร้านก๋วยเตี๋ยวที่สามารถเข้าตาประธานหลี่ได้ งั้นผมต้องลองดูหน่อยจริงๆ”หลินเฟิงยิ้มบางทั้งสองคนเดินออกไปจากห้องทำงานเคียงข้างกันพนักงานของหลี่ซื่อกรุ๊ปจำนวนมากเห็นภาพนี้ หลังจากที่ได้ทำความรู้จักหลายวันนี้ พวกเขาต่างก็รู้ถึงความสัมพันธ์ของหลินเฟิงกับหลี่ฮุ่ยหรานแล้วแต่ยังคงมีพนักงานชายหลายคนที่เผยสีหน้าไม่พอใจออกมาประธานหลี่คน
“เอ๊ะเอ๊ะเอ๊ะ”หลินเฟิงยื่นมือออกไปห้ามหลี่ฮุ่ยหราน เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาของพนักงานที่พักกลางวันกันอยู่กำลังมองมา เขาก็ไม่ได้รู้สึกโกรธ แต่กลับยิ้มบางพูดว่า:“ดูท่าผู้จัดการหวงก็ทำเพื่อบริษัทถึงได้โมโหขนาดนี้”“ถูกต้อง ผมขี้เกียจจริงๆ นั่นแหละ แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าผมไม่ทำอะไรทั้ง”หลินเฟิงส่ายนิ้ว ยิ้มพูดว่า:“ผมได้เจรจาธุรกิจใหญ่โตให้หลี่ซื่อกรุ๊ปได้สำเร็จเชียวนะ”“นายเนี่ยนะ?”ผู้จัดการหวงหัวเราะเยาะ“นายเป็นแค่หัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัย พูดอีกอย่างก็เป็นแค่คนเฝ้าประตู นายมีความสามารถอะไรไปคุยธุรกิจ? แถมยังเป็นธุรกิจใหญ่โตงั้นเหรอ?”“เลิกพูดได้แล้ว”เห็นได้ชัดว่าผู้จัดการหวงไม่เชื่อ“ถ้าหากนายสามารถทำกำไรให้บริษัทได้ห้าแสนบาท ฉันก็จะคุกเข่าขอโทษนาย”“คุณอย่าเสียใจภายหลังล่ะ”หลินเฟิงหัวเราะร่า จากนั้นหยิบหนังสือพิมพ์ยามเช้าของวันนี้ออกมาจากชั้นวางที่อยู่ด้านข้างโดยตรง ยัดใส่บนมือของผู้จัดการหวง“ดูหัวข้อบทความนี้ให้ดี”หลินเฟิงชี้ตัวอักษรขนาดใหญ่ที่เขียนอยู่บนรายงานกำลังบรรยายเรื่องทำถนนทางหลวงของเมืองเจิ้งในช่วงนี้“ถนนทางหลวงเส้นนี้ผ่านพื้นที่ที่อยู่อาศัย และเ
หัวใจของเขาใสสะอาดเหมือนกระจก สามารถรับรู้ข่าวสารในเมืองเจิ้งเต๋อได้ล่วงหน้า แถมสามารถซื้อที่ดินผืนนี้เอาไว้ได้ นั่นไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอนตอนนี้ในที่สุดเขาก็ยอมรับถึงความสามารถของหลินเฟิงแล้ว“เอาล่ะเอาล่ะ ผมแค่แกล้งคุณเล่น อีกอย่าง ประธานหลี่เป็นภรรยาของผม ที่ดินผืนนี้ในมือของผม ก็เป็นของเธอไม่ใช่เหรอ?”หลินเฟิงหัวเราะคิกคัก เอื้อมมือไปตบไหล่ผู้จัดการหวง“เอ่อ…หึหึ…ก็จริงนะครับ…”ผู้จัดการหวงยิ้มอย่างเก้ๆ กังๆรอจนกระทั่งหลินเฟิงและหลี่ฮุ่ยหรานออกไป ในดวงตามีร่องรอยของความชื่นชมอย่างลึกซึ้ง หลินเฟิงคนนี้ไม่ใช่คนที่ทำอะไรไม่เป็นก็ถูกแล้วผู้ชายที่ประธานหลี่ชอบ เขาจะเป็นบุคคลธรรมดาได้ยังไง?คิดถึงตรงนี้ เขาโบกมือ พูดไล่พนักงานที่ดูความครึกครื้นอยู่รอบๆ เสียงดังว่า:“มองอะไรกัน? มีอะไรให้น่ามอง? คราวนี้พวกคุณคงไม่วิพากษ์วิจารณ์ลับหลัง ว่าหัวหน้าหลินคู่ควรหรือไม่คู่ควรประธานหลี่อีกแล้วสินะ?“เฮ้อ คิดไม่ถึงจริงๆ หัวหน้าหลินมีความสามารถแบบนี้จริงๆ?”“ฉันก็คิดเหมือนกัน นั่นเป็นถึงผู้ชายของประธานหลี่เชียวนะ จะเป็นคนธรรมดาๆ ได้ยังไงกัน?”คำวิพากษ์วิจารณ์ที่อยู่รอบๆ ค่อยๆ ลดน้
“ฮัลโหล?”หลินเฟิงรับโทรศัพท์ ส่วนฝ่ายตรงข้าม หลี่ฮุ่ยหรานก็รับสายเช่นกัน“อะไรนะ?!”ทั้งสองคนพูดคำที่เหมือนกันออกมาพร้อมๆ กัน“คุณพูดอีกครั้งสิ?!”หลี่ฮุ่ยหรานกับหลินเฟิงก็พูดพร้อมกันอีกแล้ว“แย่แล้วหัวหน้าหลิน มีครอบครัวหนึ่งมาก่อเรื่องที่บริษัทของเรา พวกเขาอยู่ที่ห้องโถงชั้นหนึ่งของบริษัทเราไม่ยอมกลับไป บอกว่าประธานหลี่ร่วมมือกับคุณ ยึดครองที่ดินของพวกเขา“แย่แล้วค่ะท่านประธาน คุณแม่กับลูกพี่ลูกน้องของคุณมาที่บริษัท ตอนนี้พวกเธอถูกฉันขวางเอาไว้แล้ว บอกว่าจะให้คุณคืนที่ดินให้กับพวกเธอ!”ทั้งสองคนต่างได้ยินข่าวสารที่เหมือนกันจากในโทรศัพท์“จางกุ้ยหลาน?”ในใจของหลินเฟิงกับหลี่ฮุ่ยหรานก็เกิดความอึมครึมขึ้นมาจางกุ้ยหลานคนนี้มาตอนไหนไม่มา กลับเลือกมาในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ เป้าหมายชัดเจนเป็นอย่างมาก เกรงว่าเธอก็รู้ข่าวเรื่องที่ที่ดินผืนนั้นมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นแล้ว“แม่ของฉัน เธอ...”เดิมหลี่ฮุ่ยหรานอยากจะพูดว่าทำไมเธอถึงได้มีหน้ามาพูดเรื่องที่ดินอีกแต่ก็คิดอีกว่าจางกุ้ยหลานคือแม่ของเธอ พูดแบบนี้ไม่เหมาะสม ทำได้เพียงหน้าแดงก่ำ พูดอะไรไม่ออกสักคำและโมโหจนตัวสั่นไปหมด“เอาเถอะ
“โอ๊ย พวกคุณช่วยตัดสินหน่อย ฉันเลี้ยงลูกสาวคนนี้มาจนโตขนาดนี้ แต่เธอไม่เพียงไม่ดูแลฉัน ยังจะมาบังคับซื้อที่ดินของฉันไปอีก!”จางกุ้ยหลานนั่งอยู่ที่พื้นแล้วตะโกนออกมาไม่หยุด ไม่มีคำพูด ๆใดที่เป็นความจริงเลย“ใช่แล้ว ตอนนี้พี่สาวของฉันก็เป็นประธานของบริษัทใหญ่แล้ว!”“หลังจากที่เขาประสบความสำเร็จ ก็ทิ้งคนในครอบครัวไป ถึงขนาดร่วมมือกับคนนอกเมื่อไม่กี่วันก่อน แล้วไปทำร้ายแม่ของฉันอย่างนี้!”หลี่เหวินเชาตะโกนออกมาเสียงดังอย่างหน้าไม่อายแล้วชี้ไปที่คราบเลือดบนหัวของแม่ตัวเอง พร้อมกับบอกว่านี่เป็นผลงานของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ป ตามคำสั่งของเขาแล้วตอนนี้ ข้อกล่าวหาข้อนี้ก็ตกไปอยู่ที่หลินเฟิงและหลี่ฮุ่ยหราน ตอนนี้หลี่เหวินเชาที่พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ที่ดินตรงนี้มา“พวกคุณดูสิ นี่ก็คือประธานหลี่ของพวกคุณ ผู้หญิงที่เข้มแข็งของพวกคุณแล้วก็แฟนของเธอ หึหึ ช่างน่ารังเกียจและน่าขยะแขยง!”จางซินก็ตะโกนเสียงดังลั่นว่า :“พวกเขาเป็นคนหลอกลวง! แล้วการซื้อที่ดินมาจากเผิงกวงฉี่ก็ล้วนเป็นที่โกหกทั้งนั้น!”เห็นได้ชัดว่าจางซินยังคงคิดหาโอกาสที่จะแก้แค้นหลี่ฮุ่ยหรานที่ไล
วันนี้พวกเขาอ่อนปวกเปียกเกินไปจริงๆ คิดไม่ถึงว่าจะก้มกราบขอร้องอ้อนวอนหลินเฟิงต่อหน้าทุกคนแค่นี้ก็เพียงพอที่จะจารึกในอดีตอันมืดมนได้แล้วจำเป็นต้องกู้ศักดิ์ศรีกลับมาโดยเฉพาะสยงอวี่ ยอมรับการดูถูกเหยียดหยามแบบนี้ก็เพื่อที่จะรอดชีวิตพูดได้ว่า ถ้าหากมีกำลังเพียงพอ สยงอวี่อยากจะโทรศัพท์ไปหาพ่อของเขาตอนนี้ ให้พ่อของเขาส่งคนมากแต่เขารู้ดีว่าพ่อยุ่งกับงานราษฎร์งานหลวง ปกติไม่มีเวลามาสนใจเรื่องเล็กของเขาแบบนี้อีกทั้งในโทรศัพท์ก็ไม่มีทางพูดเกลี้ยกล่อมอะไรได้ จำเป็นต้องให้พ่อของเขาเห็นสภาพย่ำแย่ของเขาในตอนนี้ ถึงจะให้พ่อของเขาลงมือได้คิดแบบนี้ สยงอวี่ก็รู้สึกมีความมั่นใจ และพูดอย่างเย็นชาว่า:“พวกนาย ขับรถพาฉันกลับไปส่งที่สยงซื่อกรุ๊ปเมืองเจิ้งเต๋อเดี๋ยวนี้ ฉันจะให้พ่อเห็นว่าลูกชายของเขาอยู่ที่ข้างนอกได้รับความไม่เป็นธรรมแบบไหน!”“สิ่งที่สูญเสีย คือศักดิ์ศรีของเขา!”“ครับ พี่สยง!”เซี่ยตงโปและคนอื่นๆ ต่างมองตากัน และรู้สึกดีใจอย่างมากทันทีต้องรู้ไว้ว่า เบื้องหลังของสยงซื่อกรุ๊ปมีบุคคลยิ่งใหญ่ สนับสนุนพวกเขาอยู่ลับๆ นั่นก็คือตระกูลหลงของเมืองจิง!”ถ้าหากตระกูลหลงลงมือหลินเ
“ขอ…ขอโทษครับ คุณ…หลินเฟิง เราฟังคำยุยงของผู้หญิงคนนั้น ถึงได้ลงมือกับรุ่นน้องหลินเสวี่ยฮุ่ย พวกเราไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะครับ!”เซี่ยตงโปเห็นสภาพที่น่าอนาถของสยงอวี่ ยังจะกล้าอวดเก่งที่ไหนกัน เขาคุกเข่าลงและก้มลงกราบหลินเฟิงเพื่อขอความเมตตาโดยตรง“ผู้หญิงคนนั้น? ใคร?”หลินเฟิงหรี่ตาลง ตวาดถามเสียงเย็นชา“คนที่ชื่อหลี่ซืออวี่ เธอบอกว่าเธอกับรุ่นน้องฮุ่ยหรานรู้จักกันมานาน”เซี่ยตงโปรีบปัดความรับผิดชอบส่วนหลินเฟิงในตอนที่ได้ยินชื่อนี้ สีหน้าก็เกิดความโมโหขึ้นมาทันทีในดวงตาของหลินเสวี่ยฮุ่ยก็เผยความโมโหและความสิ้นหวังออกมา“ถุย! ที่แท้ก็เป็นหลี่ซืออวี่ มิน่าพวกนายเหมือนกับเตรียมกันไว้ล่วงหน้าแล้ว!โจวเสี่ยวหางกลับสบถด่าเสียงดังเธอรู้สึกโมโหเพื่อนสนิทในอดีตคนนี้อย่างถึงที่สุด“หึ เดิมคิดว่าฉันไว้ชีวิตเธอ ก็ใจกว้างมากพอแล้ว แต่ตอนนี้ดูแล้ว…เธอรนหาที่ตายเอง งั้นก็ช่วยไม่ได้แล้ว”หลินเฟิงหน้าตาเย็นชา คำพูดดุดันออกมาจากปากเขารู้อยู่แล้วว่าหลี่ซืออวี่คนนี้โกรธแค้นเขา แต่คิดไม่ถึงว่าหลี่ซืออวี่จะร้ายกาจถึงขั้นลงมือกับเพื่อนสนิทในอดีตของตัวเองคนแบบนี้ เก็บไว้ก็จะเป็นพิษภัยส่วนหล
ไม่รอให้สยงอวี่ส่งเสียงกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งจนเสร็จ หลินเฟิงก็เหยียบลงไปอีกครั้ง บดขยี้จนข้อเท้าของเขาแตกละเอียด“อ้ากกกก!”สยงอวี่ส่งเสียงร้องอนาถที่แทบจะขาดใจออกมาอีกครั้งตอนนี้ ในที่สุดเขาก็รู้สึกกลัวแล้วเพราะว่าหลินเฟิงยังคงลงมือต่อไปโดยไม่สนเบื้องหลังของเขา นี่มีสองเหตุผลอย่างแน่นอนข้อแรก เบื้องหลังของหลินเฟิงใหญ่เกินเขาข้อที่สอง หลินเฟิงถึงแม้ผู้ที่อยู่เบื้องหลังจะสู้เขาไม่ได้ แต่ก็ตัดสินใจแล้วที่จะฆ่าเขาให้ตายสองจุดนี้ ไม่ว่าพูดจากจุดไหนเขาสยงอวี่ต่างก็จบไม่สวยดังนั้นภายใต้การกระตุ้นของความเจ็บปวดอย่างรุนแรง สยงอวี่ขอร้องอ้อนวอนหลินเฟิงอย่างบ้าคลั่งและพูดว่า:“ผม…ผมยอมแพ้ ผมยอมแพ้ ขอร้องคุณ อย่าฆ่าผมนะ อย่าฆ่าผมนะครับ!”สัมผัสได้ถึงฝ่าเท้าที่อยู่บนลำคอของตัวเอง สยงอวี่เผยความหวาดกลัวออกมาถ้าหากหลินเฟิงเหยียบลงมาแบบนี้ เช่นนั้นชีวิตน้อยๆ ของเขาก็ไม่รอดแล้วจริงๆ!”“หึ…”สัผัสได้ว่าฝ่าเท้าที่อยู่ท้ายทอยของเขาถูกยกออกสยงอวี่ถือว่าโล่งออกแล้ว แต่จากน้น อาการปวดอย่างรุนแรงบริเวณฝ่ามือและข้อเท้า ทำให้เขาสบถด่าอย่างบ้าคลั่งในใจ “แม่งเอ๊ย…ไอ้ชาติชั่ว!”“สารเลว
“หือ?!”ได้ยินเสียงของหลินเสวี่ยฮุ่ย หลินเฟิงตั้งตัวได้ทันทีดูท่าหลินเสวี่ยฮุ่ยถูกคนควบคุมตัวไว้!ในตอนที่บอดี้การ์ดได้ยินคำสั่ง แล้วกรูกันเข้ามาหาเขาหลินเฟิงก็ได้ยินอย่างชัดเจนว่ามีคนที่อยู่ในห้องด่าเป็นคำหยาบ และตบหน้าของหลินเสวี่ยฮุ่ยอย่างแรงทำไมคนที่ถูกตบคือหลินเสวี่ฮุ่ย?เพราะหลินเฟิงได้ยินเสียงครางของหลินเสวี่ยฮุ่ยตอนถูกตบ“พวกแกรนหาที่ตาย!”หลินเฟิงดวงตาเปลี่ยนไปแดงก่ำทันทีเขาระเบิดเสียงออกมา และเข้าไปบีบคอของบอดี้การ์ดคนนั้น เหมือนกับบีบเต้าหู้ก้อนหนึ่งจนเละและเติมพลังชี่แท้ลงในร่างไร้วิญญาณของบอดี้การ์ดคนนั้นโดยตรง เตะไปยังบอดี้การ์ดคนอื่นๆ ที่พุ่งเข้ามา“ตู้ม!”ด้วยการระเบิดของร่างกายอย่างรุนแรง เลือดสดกระเด็นไปทั่ว บอดี้การ์ดที่อยู่ใกล้ๆ ส่งเสียงกรีดร้องทันทีกระดูกที่ระเบิดออกมาจากศพพุ่งทะลุร่างกายของพวกเขา แต่ละคนร้องอนาถและล้มลงบนพื้น“อะไรกัน?!”บอดี้การ์ดคนอื่นๆ เห็นฝีมือที่น่าหวาดกลัวของหลินเฟิง สีหน้าซีดขาวทันที ทุกคนต้องการที่จะหลบหนีเหมือนคนคลุ้มคลั่งแต่ทว่าหลินเฟิงจะให้โอกาสพวกคนชั่วเหล่านี้ได้อย่างไรเขาตะโกนเสียงเย็นชา และพุ่งเข้าไปในหมู่
หลังจากการตัดสินใจอันเจ็บปวดหลินเสวี่ยฮุ่ยทำได้เพียงฝืนพยักหน้า“ฮ่าฮ่าฮ่า ดี คนที่มีวิจารณญาณคือคนฉลาด!”พูดจบ สยงอวี่โบกมือพูดว่า:“มาเถอะ เลือกคนละคน!”“อย่าแย่งกับฉัน! เชี่ย นังร่าน แกกล้าตบฉันเหรอ?”ผู้ชายที่เข้ามาในห้องก็ทยอยเข้ามาทีละคน ลงไม้ลงมือต่อเพื่อนนักเรียนสาวของหลินเสวี่ยฮุ่ย ถึงขั้นที่มีบางคนจะพาไปที่โรงแรมโดยตรงเผชิญหน้ากับสถานการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้นข้างหน้าหลินเสวี่ยฮุ่ยหลับตาลงด้วยความสิ้นหวังที่นอกห้องส่วนตัว ในกลุ่มบอดี้การ์ดเหล่านี้ ยังมีผู้หญิงคนหนึ่งที่มีผ้าพันแผลพันรอบร่างกายและมีสีหน้าชั่วร้ายเธอก็คือเพื่อนรักของหลินเสวี่ยฮุ่ยก่อนหน้านี้หลี่ซืออวี่หลี่ซืออวี่ตั้งแต่อยู่ที่ตระกูลไป๋ ถูกจงเจว๋ของสำนักเสินฉือทำร้ายจนบาดเจ็บหนัก เมื่อเธอตื่นมาก็เกลียดแค้นต่อตระกูลไป๋กับหลินเฟิงเข้ากระดูกดำต่อให้เวลาที่พักผ่อนสองเดือนกว่าๆ ตอนนี้เธอก็ทำได้แค่พอเดินได้เท่านั้นดังนั้นเธอยิ่งรู้สึกเกลียดหลินเฟิงหลี่ซื่ออวี่รู้กฎเกณฑ์ของคณะแพทยศาสตร์ผู้สำเร็จการศึกษาของทุกปี เพื่อที่จะหาที่ฝึกงาน มีเด็กผู้หญิงจำนวนมากที่ต่างขายร่างกายของตัวเองแลกกับจดหมายแน
”พี่หลินเฟิง…”เสื้อผ้าของหลินเสวี่ยฮุ่ยกำลังถูกฉีกขาด เห็นประตูห้องส่วนตัวถูกคนถีบออก ในดวงตาของเธอก็เผยความตื่นเต้นออกมาทันทีแต่…“หึ พวกสารเลว ไม่รอให้ฉันมาถึง ก็อดทนไม่ไหวจนลงมือแล้วงั้นเหรอ?”คนที่เข้ามาเป็นผู้ชายผิวคล้ำ สีหน้าไม่เป็นมิตรคนหนึ่งดูอายุ น่าจะมีอายุประมาณสามสิบ ไม่ถือว่าเยอะมากและด้านหลังเขา ยังมีคนตามเข้ามาอีกสามสี่คนประตูเมื่อครู่นี้ ถูกพวกเขาถีบออก“อ๊ะ…อ๊ะขอโทษด้วยจริงๆ ครับพี่สยง!”เห็นคนที่มาถึง ชุยหยางรีบเผยรอยยิ้มประจบประแจงออกมา อย่ากล้าที่จะยึกยักเซี่ยตงโปก็รีบปล่อยหลินเสวี่ยฮุ่ย และยืนอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยกับเวินเจียเหลียง ทั้งสามคนเมื่ออยู่ต่อหน้าพี่สยงที่ว่า ก็เหมือนกับเด็กที่นอนสอนง่าย“ไม่ใช่พี่หลินเฟิง…”ในใจของหลินเสวี่ยฮุ่ยเผยความผิดหวังออกมาแต่ไม่นานเธอก็ตั้งสติกลับมาได้ทุกครั้งที่เจออันตราย เธอมักจะคิดถึงหลินเฟิงเป็นคนแรกเธอพึ่งพาอาศัยเขามากเกินไปแล้วใช่ไหม?ไม่รอให้หลินเสวี่ยฮุ่ยตั้งสติได้ พี่สยงก็เดินมาที่ด้านข้างของหลินเสวี่ยฮุ่ย เผยรอยยิ้มดีใจออกมา และยื่นมือออกมาเชิดคางของหลินเสวี่ยฮุ่ย“จุ๊จุ๊จุ๊ ไม่เลวไม่เลว ส
“แต่ถ้ามีจดหมายแนะนำมันต่างกัน”เซี่ยตงโปหัวเราะอย่างเย็นชาพูดว่า:“เพียงแค่ไปฝึกงานสักเดือนหนึ่ง ก็ได้สัมผัสกับผู้ป่วยโดยตรง ใช้เวลาไม่กี่ปี ก็ได้เลื่อนตำแหน่ง”“ฉันถึงกับเสียสละตัวเอง เปิดทางลัดให้พวกเธอ แบบนี้จะเรียกว่าขายตัว แลกกับจดหมายแนะนำได้ยังไงกัน?”“จริงด้วยเสี่ยวหาง”ต้วนหย่าถงที่อยู่ไม่ไกลลุกขึ้น พูดอย่างเรียบเฉยว่า:“นี่เป็นโอกาสที่พวกรุ่นพี่พยายามหามาให้พวกเรา พวกเราจะต้องกุมเอาไว้ให้ดี อีกทั้ง…ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรไหม?”“ให้แฟนก็ถือว่าให้ ให้รุ่นพี่ก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ?”“ไสหัวไป!”โจวเสี่ยวหางพูดด่าทอว่า:“ต้วนหย่าถง เธอคิดใครก็เหมือนกับเธอจริงๆ งั้นเหรอ?”“ตอนที่แฟนของเธอทำงานหาเงินอยู่ข้างนอก ส่งเธอเรียนมหาวิทยาลัย เขารู้ไหมว่าตอนนี้เธอจะทำอะไร?”“ขายร่างกายของตัวเอง หลอกลวงความรักของแฟนเธอ เธออย่ามาชี้โบ๊ยชี้เบ๊ต่อหน้าพวกเรา!““หุบปาก!”ต้วนหย่าถงยืนขึ้นมา ดิ้นเหมือนแมวที่ถูกเหยียบหางเธอตวาดพูดว่า:“ถึงม้เขาจะส่งเสียฉันเรียนมหาวิทยาลัย แต่ตอนนี้สถานะของฉันกับเขาแตกต่างกันแล้ว!”“เขาก็เป็นแค่แรงงานชั้นต่ำ ต่อไปฉันจะเป็นถึงหัวหน้าแพทย์ที่โรงพยาบาล!
“อ่อ พวกเขาน่ะเหรอ”โจวเสี่ยวหงเบะปากดูถูก พูดอย่างรู้สึกเซ็งว่า:“พวกเขาเป็นรุ่นพี่ที่จบเร็วกว่าพวกเราสองสามปี ถูกพวกต้วนหย่าถงเรียกมา บอกว่าสามารถช่วยพวกเราจัดการปัญหาเรื่องฝึกงานได้”“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้”หลินเสวี่ยฮุ่ยพยักหน้า ไม่รอให้เธอพูดต่อ ชายคนหนึ่งที่ใบหน้าเต็มไปด้วยตอหนวดเครา เดินเข้ามาด้วยเจตนาไม่ดีอย่างเห็นได้ชัดนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ด้านข้างหลินเสวี่ยฮุ่ยตามใจชอบ“รุ่นน้องคนนี้ ไม่ทราบว่าเธอชื่ออะไรเหรอ?”เขามองหลินเสวี่ยฮุ่ยตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างเปิดเผย และขยับเข้าใกล้หลินเสวี่ยฮุ่ยไม่หยุด“รุ่นพี่ ฉัน…ฉันชื่อหลินเสวี่ยฮุ่ย”หลินเสวี่ยฮุ่ยหลบเลี่ยงเล็กน้อย และขมวดคิ้วพูดแนะนำตัวเอง“อ๊ะ หลินเสวี่ยฮุ่ยเหรอ ชื่อนี้เพราะจัง”รุ่นพี่คนนี้หัวเราะร่า ชี้ไปทางตัวเองแล้วพูดว่า:“พี่ชื่อเซี่ยตงโป เป็นรุ่นพี่รุ่นที่แล้วของพวกน้อง ทำงานอยู่ในแผนกอายุรกรรม โรงพยาบาลเจียงโจวแห่งที่ 2”“คนนั้นชื่อว่าชุยหยาง เขาอยู่ในแผนกโรคกระดูกของโรงพยาบาลเจียงโจวแห่งที่ 1”“ส่วนคนนั้นชื่อว่าเวินเจียเหลียง เขาเปิดโรงพยาบาลเล็กๆ ของตัวเองอยู่ที่เมืองหนิงโจว”คนที่ถูกแนะนำ ต่างยิ้มพยัก
หลังจากที่ถามจ้าวเฉียวอวิ๋นแม่ของเธอ จ้าวเฉียวอวิ๋นมีท่าทางเหมือนไม่รู้อะไรสักอย่างเช่นนั้นมีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวนั่นก็คือหลินเฟิงพี่หลินเฟิงเป็นคนเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เธอเช่นนั้นพูดแบบนี้แล้ว ร่างกายของเธอก็ถูกพี่หลินเฟิง…”ดังนั้นหลินเสวี่ยฮุ่ยจึงอยู่ในถาวะเขินอายและหวาดกลัว เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาหลายต่อหลายครั้ง อยากจะโทรศัพท์หาหลินเฟิง แต่ทุกคร้ังต่างไม่กล้าโทรออกไปและตอนนี้ เธอได้ยินหลินเฟิงบอกว่าจะมารับเธอไปเมืองเจิ้งเต๋อนั่นก็หมายความว่า พี่หลินเฟิงจะ…จะรับผิดชอบเธองั้นเหรอ?หลินเสวี่ยฮุ่ยถือโทรศัพท์เอาไว้ด้วยมือข้างเดียว อีกมือหนึ่งเปลี่ยนรองเท้าคนทั้งคนหูตาแดง ยืนอึ้งอยู่ที่เดิม“เสวี่ยฮุ่ย? เสวี่ยฮุ่ย!จนกระทั่งในโทรศัพท์ เสียงเรียกของหลินเฟิงดังขึ้นเรื่อยๆ หลินเสวี่ยฮุ่ยถึงได้ตั้งสติกลับมาแต่ตอนนี้เธอพบว่าบนใบหน้าของเธอไม่รู้ว่าทำไมถึงมีรอยยิ้มที่มีความสุขนี่จึงทำให้เธอรู้กระอักกระอ่วน และรีบตอบรับหลินเฟิง“พี่หลินเฟิง ค่ะ ฉันอยู่ ฉันอยู่”“พี่จะมารับฉันใช่ไหม ได้ค่ะ ฉันจะ…เอ๊ะ ไม่ใช่ไม่ใช่…”ได้ยินเสียงของหลินเสวี่ยฮุ่ยที่อยู่อีกด้านของโทรศัพท