ในพิธีรับปริญญาของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ถือเป็นโอกาสที่เหมาะสมของจางเต๋อหลิน สมาชิกผู้อาวุโสในสายวิชาชีพแพทย์จะมาปรากฏตัวแล้วทำไมผู้ว่าเจียงโจวถึงมาด้วย?เมื่อเห็นผู้ว่าเจียงโจวเดินออกมาจากด้านหลังเวทีโดยมีรอยยิ้มบนใบหน้า พร้อมกับโบกมือให้กับเหล่านักศึกษา เหล่านักศึกษาที่อยู่ในที่นั้นต่างก็ตกตะลึง แต่ก็ยังปรบมือกับอย่างกระตือรือร้นด้วยรูปแบบของผู้จบการศึกษารุ่นนี้ มันเกินความจริงไปหรือเปล่า?“หรือว่านักศึกษาเจียงปินจะเชิญมา?”ไม่รู้ว่าเป็นใครที่จู่ ๆพูดขึ้นมาท่ามกลางเหล่านักศึกษาทันใดนั้น เหล่านักศึกษาที่เข้าร่วมพิธีจบการศึกษาก็เกิดความวุ่นวายขึ้น ก่อนที่ทุกคนจะมองไปที่เจียงปินที่รู้สึกสับสนอยู่ไม่ต่างกัน“อ่ะ? อ่อ....อ่อ ใช่ นักศึกษาทุกคนไม่ต้องตื่นตระหนกไป ไม่ต้อง ไม่ต้อง หึหึ....”เจียงปินรีบยื่นมือออกไปปลอบใจนักศึกษาคนอื่น ๆเห็นได้ชัดว่าเขาได้ยอมรับแล้ว“ซี้ด...”นักศึกษาหลาย ๆคนต่างก็สูดอากาศเย็น ที่เจียงปินเชิญจางเต๋อหลินมาได้มันก็น่าเหลือเชื่อคราวนี้ผู้ว่าของเจียงโจวก็ยังได้รับเชิญมาอีกด้วย มันจะไม่ใช่เรื่องที่น่าเหลือเชื่อเกินไปงั้นเหรอเบื้องหลังของเจียงปินจริ
“อะไรนะ?!”ได้ยินแล้วยังดวงตาของเหล่านักศึกษาแทบจะถลนออกมาแล้วพวกเขาพากันมองไปทางเจียงปิน ส่วนเจียงปินก็หนังหน้ากระตุก ถึงแม้จะประหม่าอย่างถึงที่สุด แต่ก็ยังฝืนยี้มบางและปรบมือทำท่าทางเหมือนเขารับรู้มานานแล้วนี่จึงดึงดูดความชื่นชมและความเลื่อมใสจากนักศึกษากลุ่มหนึ่งและนี่ยังไม่จบ“ต่อมาขอเชิญ ฉินเซี่ยวเทียน นายกรัฐมนตรีเมืองเจียงโจว!”“อิ่นนั่วเจีย ซูเปอร์สตาร์ประเทศมังกร!”“ไป๋ชิงเฉี่ยน แห่งไป๋ซื่อกรุ๊ป”“ผู้จัดการถัง บริษัทเภสัชกรรมเชิงถัง...”หลังจากที่อาของโจวเสี่ยวหาง หัวหน้าโจวพูดชื่อออกมาทีละคน เมืองเจียงโจวไม่ว่าจะเป็นทิศเหนือทิศใต้ ทั้งหมดเป็นคนมีหน้ามีตา กองกำลังทั้งหมดที่สามารถนำออกมาได้ต่างก็มาถึงหมดแล้วพิธีรับปริญญาของมหาวิทยาลัยเจียงโจว กลายเป็นการรวมตัวกันของบุคคลใหญ่โตทันที“แม่เจ้า นี่มันบ้าอะไรกัน?!”“เชี่ย เหตุการณ์แบบนี้...ชีวิตนี้ฉันยังไม่เคยเห็นมาก่อนเลย!”เห็นบุคคลใหญ่โตยืนอยู่บนเวที คนเหล่านี้มาต่างบริษัทต่างๆ ในเมืองเจียงโจว ถึงขั้นมีบุคคลผู้มีอำนาจ ตระกูลและวงการในหลายสาขาใครคนไหนก็ได้ยืนออกมา เพียงแค่กระทืบเท้าก็สามารถทำให้เมืองเจียงโจว
เจียงปินนิ่งอึ้งสัมผัสได้ถึงสายตาของทุกคน เจียงปินความคิดพุ่งพล่าน เวลาเพียงครึ่งวินาที เขาก็ตัดสินใจว่าวันนี้เขาจะต้องเสแสร้งต่อไปไม่อย่างนั้น ไม่เพียงแค่เสียหน้าต่อหน้าหลินเสวี่ยฮุ่ยเท่านั้น ถึงขั้นที่อาจจะกลายเป็นตัวตลกของเพื่อนนักศึกษาทั้งมหาลัยถึงขั้นที่กลายเป็นเรื่องคุยเล่นหลังทานข้าวของทั้งมหาวิทยาลัยเจียงโจวถึงเวลา “ชื่อเสียง” ของเขาเจียงปินก็จะโด่งดังไปทั่วทั้งเจียงโจว แลการพูดปากต่อปากของนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเจียงโจว เขาเจียงปินต่อไปอย่าว่าแต่ทำงานอยู่ในสังคมแพทย์ในประเทศมังกรอีกทั้งยิ่งไม่ต้องพูดถึงตระกูลแพทย์ในเมืองเจิ้งเต๋อถ้าหากถูกเปิดเผยออกไป จะไม่ทำให้ธุรกิจของพ่อถูกโจมตีอย่างร้ายแรงเหรอ?ถึงเวลาใครยังจะกล้ามาซื้อยามารักษาโรคที่พ่ออีก?เจียงปินหนังหน้ากระตุกเล็กน้อยรีบเปลี่ยนจากความตกตะลึงเป็นความโมโห“คุณเป็นใครกัน? ทำไมถึงเข้ามาในงานรับปริญญาของมหาวิทยาลัยเจียงโจวของเราได้? ไม่ใช่ว่าไม่ให้คนนอกเข้ามาหรอกเหรอ?!”เจียงปินเอ่ยปากกล่าวโทษหลินเฟิงอยากจะไล่เขาออกไปโดยตรง“เจียงปิน นี่คือพี่ชายของฉัน หลินเฟิง เขาไม่ใช่คนนอก”“จริงด้วย เพื่อนเจียงปิน นา
“ถูกต้อง”เห็นหลินเฟิงท่าทางสับสน เจียงปินมองว่าเป็นท่าทางประหม่า เขาคิดว่าเขารู้จักภูมิหลังของหลินเฟิงเป็นอย่างดี จึงเงยหน้าพูดขึ้น“พ่อของผมไม่มีความสามารถ เป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลเถิงหูเมืองเจิ้งเต๋อ และโรงพยาบาลแห่งนี้ของพ่อผม ยังเป็นบริษัทในเครือของซึ่งเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในหัวตงอีกด้วย“อะไรนะ?!”ได้ยินชื่อของเผิงกวงฉี่ เพื่อนนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเจียงโจวพากันมองเจียงปินด้วยความตกตะลึงคิดไม่ถึงว่าพ่อของเขา จะเป็นลูกน้องของเผิงกวงฉี่เศรษฐีอันดับหนึ่งของหัวตง ตำแหน่งนี้น่าหวาดกลัวจริงๆดูท่าสามารถเชิญบุคคลใหญ่โตเหล่านี้มาได้ ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีเหตุผลแต่ความจริงนั้นมีเพียงเจียงปินที่รู้ดีเผิงกวงฉีได้เปิดโรงพยาบาลหลายร้อยแห่งในตงหัว พ่อของเขาเป็นเพียงหนึ่งในโรงพยาบาลเล็กๆฟังดูน่ากลัว แต่อันที่เป็นเพียงแค่หมาตัวหนึ่งในมือของเผิงกวงฉี่เท่านั้นเองเขาสั่งแค่ประโยคเดียวก็สามารถถีบหัวส่งพ่อของเขาได้แล้วดังนั้นจีงไม่มีสิทธิพิเศษอะไร คนที่อยู่นอกวงการเกรงว่าได้ยินชื่อของเผิงกวงฉี่ก็คงจะตกใจมากแต่สำหรับบุคคลใหญ่โตของเมืองเจียงโจวเหล่านี้ เคยเห็นจนชิน คุณที่เป็นแค่ผู้อำนว
“เสวี่ยฮุ่ย เธอเชื่อฉันไหม?”หลินเฟิงขยับไปด้านข้างหลินเซว่ฮุ่ย ถามด้วยรอยยิ้มในดวงตา“เชื่อ ฉันจะไม่เชื่อพี่หลินเฟิงได้ยังไง?”หลินเสวี่ยฮุ่ยตกตะลึงไปชั่วขณะ จากนั้นก็พยักหน้าอย่างรวดเร็ว“ฉันบอกว่าฉันเรียกคนพวกนี้มา แต่ไอ้หมอนี่กำลังโกหก เธอเชื่อไหม?”หลินเฟิงมองหลินเสวี่ยฮุ่ยด้วยรอยยิ้มไม่รอให้หลินเสวี่ยฮุ่ยพูด เจียงปินก็ขมวดคิ้วอย่างเย็นชาและพูดดูถูกว่า:“ศาสตราจารย์หลิน คุณอายุน้อยขนาดนี้ก็สามารถเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยเจียงโจวได้ ตระกูลถังน่าจะลงแรงอยู่เบื้องหลังอย่างมากสินะ?”“ผมแนะนำให้คุณอย่าหาเรื่องใส่ตัว”“พวกเราต่างรู้ว่าคุณพึ่งพาอะไรขึ้นตำแหน่ง ถ้าหากจะให้พูดให้ชัดเจน งั้นก็จะอับอายขายหน้าอย่างมาก”“คุณไม่รู้สึกอะไร แต่คุณเคยคิดถึงเสวี่ยฮุ่ยไหม?”“พี่ชายที่เกาะผู้หญิงกิน มีผลกระทบมากแค่ไหนต่ออนาคตของหมอคนหนึ่ง คุณน่าจะรู้ดียิ่งกว่าผมนะ?”เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเสวี่ยฮุ่ยก็แสดงความโกรธขึ้นมาทันที และลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ดัง “พรึ่บ” และมองเจียงปินพูดอย่างโมโหว่า:“เจียงปิน นายหมายความว่ายังไง?!”“ฉันไม่ได้หมายความว่ายังไง”เจียงปินจ้องมองหลินเสวี่ยฮุ่ย และพูด
“อ่อ”เมื่อได้ยินเสียงโน้มน้าวของผู้หญิงที่อยู่ด้านข้าง หลินเฟิงก็เงยหน้าขึ้น ก่อนจะมองไปที่บุคคลทใหญ่โตของเจียงโจวที่อยู่บนเวที พร้อมกับยิ้มออกมาเล็กน้อย“หึหึ ทุกคน ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”ประโยคแรกนี้ทำให้อาจารย์และนักศึกษาที่อยู่ในห้องนั้นทั้งหมดต่างก็ตกตะลึงกันไปชั่วครู่โจวเสี่ยวหางและหลินเสวี่ยฮุ่ยอ้าปากกว้าง พร้อมกับสีหน้าสีตกตะลึง ประโยคนี้หมายความว่ายังไง?เป็นการรำลึกความหลังงั้นเหรอ?หรือว่าหลินเฟิงก็รู้จักกับบุคคลที่มีชื่อเสียงเหล่านี้มานานแล้ว?หรือว่า....เขาเสแสร้งออกมางั้นเหรอ?แกล้งทำเป็นรู้จักกับคนที่มีชื่อเสียงเหล่านี้งั้นเหรอ? นี่จะพยายามมากเกินไปสำหรับศักดิ์ศรีของเขาแล้วไหม?เจียงปินก็ยังคงยิ้มเยาะโดยที่ยืนอยู่แข็งทื่ออยู่ที่เดิมเหมือนเป็นรูปปั้นปูนปลาสเตอร์ลางสังหรณ์ค่อย ๆผุดขึ้นมาในใจของเขา“หรือว่า....หรือว่าคนเหล่านี้ จะเป็นไอ้แมงดาคนนั้นเชิญมาที่นี่? มันจะเป็นไปได้ยังไง?!”“เขาจะมีเกียรติแบบนี้ได้อย่างไร? มีความสามารถแบบนี้ได้ด้วยเหรอ?!”แต่ไม่นาน จินตนาการครั้งสุดท้ายของเจียงปินก็พังทลายลงเพียงแค่เห็นผู้ว่าเจียงโจวที่อยู่บนเวที หลิวกั๋วฮุยผู้ท
“เอาล่ะ”จางเต๋อหลิน ท่านผู้นำของอุตสาหกรรมยาสมุนไพรเจียงโจวได้ออกมาเพื่อหยุดเหตุการณ์ไม่ให้บานปลาย ก่อนที่เขาจะจ้องไปที่เจียงปินที่มีใบหน้าซีดเผือด แล้วโบกมือพร้อมกับพูดว่า :“ค่อยคุยเรื่องเก่า ๆ ตอนนี้มาดำเนินพิธีสำเร็จการศึกษากันก่อนดีกว่า”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เหตุการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้ก็กลับมาควบคุมได้ในที่สุดภายใต้การจับจ้องของเพื่อนร่วมชั้นทั้งหมด หลินเฟิงก็ค่อย ๆเดินขึ้นไปบนเวทีอย่างช้า ๆ ก่อนจะนั่งลงข้าง ๆบุคคลสำคัญเหล่านั้น“หึหึ”หลินเฟิงกะพริบตาให้กับหลินเสวี่ยฮุ่ยที่อยู่ด้านล่างเวทีหลินเสวี่ยฮุ่ยปิดปากพร้อมกับหัวเราะออกมา พี่ชายคนนี้ของเธอไม่ได้โกหก คนเหล่านี้ต่างก็เป็นเขาที่เรียกมาที่นี่เมื่อเห็นสิ่งที่เขาเตรียมไว้ให้ทั้งหมดนี้ จู่ ๆหลินเสวี่ยฮุ่ยก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมาทันทีส่วนเจียงปินใบหน้าของเขาซีดเผือด ก่อนจะทรุดตัวลงบนเก้าอี้ แล้วจ้องมองอย่างใจลอยไปทางหลินเฟิงที่กำลังกระซิบกับพวกคนใหญ่คนโตที่อยู่รอบ ๆบนเวที จนอดไม่ได้ที่จะพึมพำกับตัวเอง“มันเป็นอย่างนี้ได้ยังไง? เป็นแบบนี้ได้ยังไง....”บรรยากาศของพิธีรับปริญญาบัตรครึกครื้นเป็นพิเศษเมื่อถึงคราวขอ
“ถุย! เขาเทียบขนขาของศาสตราจารย์หลินไม่ได้ด้วยซ้ำ!”“เชี่ย อย่ามาดูถูกขนขาของศาสตราจารย์หลินนะ!”“อะไรนะ? ขนขาของศาสตราจารย์หลิน? ฉันจะจ่ายเงินซื้อ ราคาเท่าไหร่?”เมื่อได้ยินเสียงเยาะเย้ย ทั้งแสดงความคิดเห็นและกลอกตาไปมาของเหล่านักศึกษาที่อยู่ด้านล่าง เจียงปินที่ก้มหน้าอยู่ ก็เกือบจะกัดฟันของตัวเองจนหัก“ไอ้สารเลว....”เขาก้มหน้าพร้อมกับด่าในใจอย่างบ้าคลั่งแถมที่ด้านหลังของเขาก็เป็นหลินเสวี่ยฮุ่ย และไม่อาจทนให้เธอเห็นสภาพนี้ได้ไม่ต้องพูดถึงโอกาสที่จะได้จีบเลยจากนี้ไปเขา เจียงปินก็จะเป็นหนูเร่ร่อนข้างถนน และชื่อเสียงที่เหม็นโฉ่และถ้าหากเรื่องนี้แพร่งพรายไปถึงเมืองเจิ้งเต๋อ พ่อของเขาที่อยู่ที่นั่นละก็เกรงว่าสิ่งที่รอเขาอยู่จะไม่ใช่เพียงการดุด่าเท่านั้น แต่รวมถึงการถูกทุบตีจากพ่อและตัดการสนับสนุนทางการเงินอีกด้วย เพราะการกระทำของเขา ทำให้ชื่อเสียงพ่อของเขาได้รับความเสียหายอย่างมากหลังจากนี้หากมีใครก็ตามที่มาหาพ่อของเขา แล้วพูดถึงเจียงปิน เช่นนั้นจะต้องเป็นการถูกคนอื่นหัวเราะเยาะและล้อเลียนแน่ ๆ!“หลินเฟิง....หลินเสวี่ยฮุ่ย โจวเสี่ยวหาง พวกแก...พวกนายรอฉันก่อนเถอะ ฉันจะ
“บ้าเอ๊ย ฉันไม่สามารถทนได้จริงๆ ติดต่อน้องหลินให้ฉัน ฉันจะเข้าแทรกแซงเรื่องนี้ด้วย!”...วันต่อมาในบาร์ใต้ดินแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของเมืองจิงจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียที่สวมหมวกและหน้ากากไว้ และดูเรียบง่ายมากรีบเดินทางมาที่นี่ ที่นี่คือ “สถานที่นัดพบ” ที่หลงซิ่วพูดถึงควบคู่ด้วยเสียงดนตรีอันไพเราะและฝูงชนที่เต้นรำจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียเดินผ่านทางเดินและมองเห็นหลงซิ่วกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ พร้อมคาบบุหรี่อยู่ในปากเมื่อเห็นว่าอิ่นนั่วเจียมาจริง ๆ ดวงตาของหลงซิ่วก็เป็นประกายบุหรี่ในปากของเขาหล่นลงพื้นโดยไม่รู้ตัวแม้ว่าอิ่นนั่วเจียจะสวมเพียงชุดเดรสยีนส์ซึ่งทำให้เธอดูเป็นเด็กสาวมากในวันนี้ แต่หุ่นที่น่าสะพรึงกลัวของเธอก็ยังทำให้ หลงซิ่วที่กำลังนั่งอยู่ตรงโต๊อย่างไม่ใส่ใจก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอ"เชี่ย ไม่เสียแรงที่เป็นซูเปอร์สตาร์ประเทศมังกรจริงๆ นะ!"หลงซิ่วอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบเธอกับถานหง หลังจากคิดดู นี่มันไม่ใช่คนระดับเดียวกันด้วยซ้ำ!แม้ว่าถานหงจะเป็นราชินีเพลงประเทศมังกร หน้าตาก็คล้ายๆกันแต่เมื่อเทียบกับอิ่นนั่วเจียสาวสวยที่อยู่แต่ในจอ ถานหงยังด้อยกว่าเยอะมากเพียงแค่ออร่าอันส
สำนักงานใหญ่กลุ่มเผิงกวง เมืองจิงขณะนั้นเผิงกวงฉี่กำลังคาบซิการ์ไว้ในปากอย่างเรื่อยเปื่ยอ ฟังการโต้เถียงขัดแย้งระหว่างตัวแทนจากทั่วทุกแห่งในการประชุมแม้ว่าเผิงกวงฉี่จะดูเป็นปกติ แต่ในใจเขากลับโกรธมากพวกขยะพวกนี้ได้แต่โทษกันไปมา และต่างคนต่างหาผลประโยชน์แม้แต่เผิงกวงฉี่ก็ยังคิดว่า ควรจะกำจัดคนไร้ประโยชน์เหล่านี้ และส่งเสริมให้คนอื่นขึ้นมาเป็นผู้นำภูมิภาคดีไหมขณะที่กำลังคิดแบบนี้ โทรศัพท์มือถือของเผิงกวงฉี่ก็ดังขึ้นกะทันหันเสียงโทรศัพท์ทำให้ห้องประชุมเงียบลงทันที“คุณหลินโทรมาครับ คุณเผิงกวงฉี่”ผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ ยื่นโทรศัพท์ให้ด้วยความเคารพเมื่อคิดว่าเป็นหลินเฟิง เผิงกวงฉี่ก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมากไม่พูดไม่ได้ว่ายาหยกโมราของหลินเฟิงมีประสิทธิภาพมากจริงๆ ควบคู่กับน้ำพุร้อนที่เจียงโจว ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองดูหนุ่มลงเรื่อย ๆ และร่างกายก็เต็มไปด้วยกำลังวังชาแม้แต่ผู้หญิงคนใหม่ที่หามาช่วงนี้ ก็ไม่สามารถทำให้เขาพึงพอใจได้ช่วงนี้เขากำลังคิดว่าควรจะหาเพิ่มอีกสักหน่อย เพื่อสร้างทายาทให้กับตระกูลเผิงของเขาสองเดือนที่แล้ว นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่กล้าคิดมาก่อนด้วยซ้ำ“ฮัลโหล
“ฉันจะโอนเงินสองหมื่นห้าพันล้านบาทเข้าบัญชีของคุณทันที ทางที่ดีคุณให้อิ่นนั่วเจียออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ปโดยเร็วที่สุด ให้เธอมาพบฉันที่เมืองจิง”"ฮ่าฮ่าฮ่า......"ถานหงที่อยู่ปลายสายหัวเราะอย่างโอเวอร์“ฉันต้องการให้อิ่นนั่วเจียคุกเข่าอยู่แทบเท้าฉัน! ยังมีหลินเฟิง ฉันจะทำให้หลินเฟิงและหลี่ซื่อกรุ๊ปบ้าบออะไรนั่นได้ชำระในสิ่งที่ควรจ่าย!”หลังจากพูดจบโทรศัพท์ก็วางสายไปและภายในเวลาไม่กี่นาที ข้อความเงินสดเข้าบัญชีจำนวนสองหมื่นห้าพันล้านบาทก็ปรากฏบนโทรศัพท์มือถือของจวงฉุนทันทีเมื่อมองดูข้อความบนโทรศัพท์ ลมหายใจของจวงฉุนก็เร็วขึ้นอย่างมาก เขาไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนี้ในชีวิตของเขามาก่อนแต่เมื่อเขาเงยหน้ามองไปทางหลินเฟิง ก็รู้สึกเหี่ยวเฉาทันทีเขารู้ว่าเงินจำนวนนี้จะไม่มีวันมาถึงเขาด้วยซ้ำ อีกทั้งเรื่องที่อิ่นนั่วเจียเข้าร่วมตระกูลหลงเป็นเรื่องโกหกทั้งหมดเขาแค่อยากหลอกเอาเงินก้อนนี้มาจากหลงซิ่ว เพื่อใช้รักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ก็เท่านั้นเอง“ตอนนี้โอนเงินก้อนนี้เข้าบัญชีของหลี่ซื่อกรุ๊ปเถอะ”หลินเฟิงไม่พูดมาก บังคับจวงฉุนให้ดำเนินการบนโทรศัพท์มือถือของเขาโดยตรงหลังจากนั้นไม่นาน เงิน
“ดูเหมือนว่าคุณจะได้เจอกับอิ่นนั่วเจียจริงๆ นะ”หลงซิ่วที่อยู่ปลายสายพูดอย่างใจเย็นว่า:“ผมลืมบอกคุณไปว่าตอนนี้อิ่นนั่วเจียเป็นสมาชิกของหลี่ซื่อกรุ๊ปแล้ว เธอเต็มใจที่จะออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ป และร่วมมือกับตระกูลหลงของเราจริงๆ เหรอ?”เมื่อได้ยินสิ่งที่หลงซิ่วพูดจวงฉุนสั่นสะเทือนไปทั้งตัวเกือบหัวใจวายเพราะความโมโหในที่สุดเขาก็ได้ลิ้มรสว่าการถูกหลอกเป็นอย่างไรหากหลงซิ่วเล่าเบื้องหลังของอิ่นนั่วเจียให้เขาฟังก่อนหน้านี้เขาจะพาผู้คนมาที่นี่เพื่อมาหาอิ่นนั่วเจีย และตกหลุมพรางได้ยังไง?ตอนนี้มันสายเกินไปที่จะพูดอะไรอีกแล้วร่องรอยแห่งความโกรธเริ่มผุดขึ้นในใจของจวงฉุนหากพูดว่าเมื่อครู่เพียงแค่โกหกหลงซิ่ว เขาก็มีความกดดันอยู่ไม่น้อยเมื่อเขาได้ยินว่าหลงซิ่วปกปิดเรื่องของอิ่นนั่วเจียกับเขา เขาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันทีหากคุณไม่ได้บอกผมให้ชัดเจนก่อนที่คุณจะจากไปผมจำเป็นต้องตกไปอยู่ในมือของหลินเฟิงงั้นเหรอ?จวงฉุนตัดสินใจ คำพูดก็ราบรื่นมากขึ้น“ใช่ครับ คุณอิ่นนั่วเจียบอกผมเอง แต่ว่า...”"แต่ว่าอะไร?"หลงซิ่วที่ปลายสายโทรศัพท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย“แต่คุณอิ่นนั่วเจียบอกว่าเธอได้เซ็น
จวงฉุนคิดว่าคำพูดนี้สมบูรณ์แบบไร้ที่ติขณะที่จวงฉุนกำลังจมอยู่กับจินตนาการของเขา หลินเฟิงก็ยื่นมือออกไปและโบกไปมาตรงหน้าจวงฉุน“การปล้นทำลายของพวกนายในครั้งนี้ ได้ทำลายสินค้าของหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันมูลค่าสองหมื่นห้าพันล้านบาทเต็มๆ เพียงแค่นายสามารถชดเชยเงินสินค้าเหล่านี้ให้เราได้ ฉันก็จะไม่ถือสาเอาความ”"สองหมื่นห้าพันล้านบาท?"เมื่อได้ยินตัวเลขนี้ อิ่นนั่วเจียที่อยู่ข้างๆ ก็เปิดริมฝีปากสีแดงของเธอออกครู่หนึ่ง เธอก็ส่ายหัวอย่างจนปัญญาหลินเฟิงกำลังพยายามกรรโชกเงินอยู่เหรอ!"เป็นไปไม่ได้!"เห็นได้ชัดว่าจวงฉุนก็ตกใจกับจำนวนเงินมหาศาลนี้อย่าว่าแต่ยี่สิบห้าล้านบาทเลย แม้แต่ห้าพันล้านบาทเขาก็ยังไม่มี จะอุดรูโบ๋นี้ได้อย่างไรหลินเฟิงรีดไถมากเกินไปจริงๆ“แน่นอนว่าหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันไม่สนใจเงินจำนวนน้อยๆ นี้ แต่ฉันแค่อยากเห็นท่าทางของคุณ”“เป็นไงบ้าง?”หลินเฟิงจ้องมองจวงฉุนด้วยความสนใจอย่างยิ่ง ต้องการดูว่าคนๆ นี้จะหาเงินได้มากเท่าไหร่เพื่อเอาชีวิตรอดได้ในเมื่อเสียหายหนึ่งหมื่นล้านบาท หลินเฟิงต้องหาชดเชยมาจากที่อื่น"ดี...ดีครับ!"จวงฉุนรู้ดีว่าวันนี้เขาไม่มีสิทธิ์ต่อรองกับหลิ
“ตอนนี้ ฉันถามพวกนายตอบ”หลินเฟิงค่อยๆ เดินเข้าไปหาจวงฉุน เหยียดมองลงที่ชายผู้ล้มอยู่บนพื้น และตกใจจนหน้าซีดเผือด“คุณ...คุณว่ามาครับ คุณว่า...ผม...ผมจะบอกคุณทุกอย่าง”จวงฉุนในตอนนี้รู้สึกกลัวจนสติแตก ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่“เมื่อวาน อุปกรณ์ไฮเอนด์ล็อตหนึ่งของหลี่ซื่อกรุ๊ป ถูกคนขโมยและทำลายระหว่างทาง...”“เป็นฝีมือพวกผม!”เมื่อจวงฉุนได้ยินเช่นนี้ น้ำตาก็เริ่มไหลออกมา รีบยอมรับทันทีเขากราบหลินเฟิงไม่หยุดและพูดว่า:“ขอโทษครับคุณหลิน เรื่องนี้พวกเราเป็นคนทำจริงๆ แต่เราแค่ถูกใช้เป็นปืนเท่านั้น! หลงซิ่วจากตระกูลหลงสั่งให้พวกเราทำ เขาสั่งให้พวกเราทำ พวกเราก็ไม่กล้าขัดคำสั่งนะครับ!”การได้ยินคำวิงวอนของจวงฉุนซึ่งแทบจะเป็นเหมือนการขอความเมตตาเริ่นโหย่วไฉที่อยู่ข้างๆ ส่งเสียงไม่พอใจในลำคอต้องรู้ไว้ว่า ผู้ชายคนนี้เคยคุยโม้กับเขามาก่อนว่า เขาทำได้ดีแค่ไหนและเผาผลาญมันได้คล่องแคล่วแค่ไหนท่าทางหยิ่งยโส มีท่าทางเหมือน “ถูกบังคับ” ที่ไหนกัน?แต่ตอนนี้เริ่นโหย่วไฉไม่กล้าที่จะพูดอะไรเกรงว่าจะเดินตามรอยของสวีโจวการตายแบบนี้ มันน่าหวาดกลัวมากเกินไป ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยด้วยซ
“พวกเราไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวอยู่ในเมืองเจิ้งเต๋ออีกต่อไป!”“ทุกคนฟังคำสั่งของฉัน ลุย!”คำสั่งของจวงฉุนมีน้ำหนักมากกว่าคำสั่งของสวีโจวอย่างเห็นได้ชัดไม่ใช่แค่เพราะเงื่อนไขที่จวงฉุนเสนอมาดึงดูดพวกเขามากเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะพวกเขาไม่เคยรู้ถึงความสามารถของหลินเฟิงว่าเป็นอย่างไรกันแน่คนธรรมดาหลายคนรวมกันอาจเปรียบเป็นขงเบ้งได้ในความคิดของพวกเขา ความสามารถของหลินเฟิงเป็นอย่างไรกันแน่ พวกเขาก็มองไม่เห็นแต่สิ่งที่เป็นความจริงคือพวกเขากลับสามารถมองเห็นข้อได้เปรียบของพวกเขาจากจำนวนคนบวกกับพลังอำนาจของหลงซิ่วด้วยหลังจากครุ่นคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ที่เดิม นักบู๊ตระกูลหลงประมาณสิบกว่าคนในที่สุดก็ตัดสินใจได้แล้ว และล้อมรอบหลินเฟิงเอาไว้ทีละคนวันนี้สู้ดูสักตั้งถ้าไม่สำเร็จก็ต้องตาย!"แม่งเอ๊ย จวงฉุนไอ้สารเลวตัวน้อย!"ในที่เกิดเหตุมีเพียงสวีโจวเท่านั้น ที่รู้ว่าการปิดล้อมครั้งนี้เป็นการไปตายโดยที่ไม่ต้องคิดด้วยซ้ำเขาเกลียดจวงฉุนมาก จนถึงขั้นมีความคิดอยากฆ่าเขาด้วยซ้ำแต่ทว่าจวงฉุนกลับแสยะยิ้มมองดูสวีโจว และพูดอย่างเย็นชา:“สวีโจว อย่าทำเป็นเสแสร้งอยู่ตรงนี้ รอให้ภารกิจในครั้งน
"อะ......"จางฉุนไม่เข้าใจว่าหลินเฟิงกำลังพูดอะไร เขาพาคนเหล่านี้มาที่นี่ เป้าหมายเพียงเพื่อจับตัวอิ่นนั่วเจียไปเขารู้ว่าหลินเฟิงเป็นนักบู๊และจัดการยากสักหน่อยเพราะงั้นถึงเรียกคนของตัวเองมาแต่อะไรที่เรียกว่า “พาผู้กระทำความผิดมาตรงหน้าเขาโดยตรง” ?ในตอนนี้เอง สวีโจวที่อยู่ไกลออกไปก็คำรามออกมาอย่างกะทันหัน“นาย... ฉันจำได้ นายคือหลินเฟิง! นายคือ... นายคือคนของหลี่ซื่อกรุ๊ป! หลินเฟิงหัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ป!”"อะไรนะ?"เมื่อได้ยินชื่อนี้ จางฉุนก็หันหน้ามองไปที่หลินเฟิงด้วยสีหน้าที่น่าเหลือเชื่อเพราะเขาเคยได้ยินชื่อหลินเฟิงเขาได้ยินมาจากหลงซิ่วว่า ข้อห้ามประการเดียวในการปฏิบัติการครั้งนี้คือการปะทะกับหลินเฟิงตัวซวยคนนี้หลงซิ่วเตือนจางฉุนซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้ระวังหลินเฟิงแต่เขาคิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะพัฒนาไปเกินความคาดหมายของเขา“โอ้? ดูท่าพวกคุณจะรู้จักผม”หลินเฟิงเดินออกมาพร้อมกับรอยยิ้มจากนั้นรัศมีแห่งความหวาดกลัวก็ค่อยๆ แผ่ออกมาจากร่างกายของเขา อุณหภูมิทั่วทั้งห้องทำงานก็ลดลงมากกว่าสิบองศาในพริบตาเดียวแม้แต่ชาที่มีไอร้อนลอยออกมาเมื่อครู่นี้บนโต๊ะ
“บ้าเอ๊ย ทนไม่ไหวแล้ว!”จวงฉุนรีบถีบประตูห้องทำงานของหัวหน้าโรงงานทันทีสิ่งแรกที่เขาเห็นคือเริ่นโหย่วไฉที่เหงื่อไหลท่วมตัวและยืนอยู่ตรงนั้นอย่างโง่เขลาและอิ่นนั่วเจียผู้มีเสน่ห์กำลังนั่งอยู่บนโซฟา“อิอิอิ…”จวงฉุนเลียริมฝีปากและเผยรอยยิ้มหื่นกามออกมาทันทีตอนนี้เขาโยนคำพูดของเริ่นโหย่วไฉไปไกลโพ้นทันที เพียงแค่จ้องมองไปที่หุบเขาที่คอเสื้อของอิ่นนั่วเจียแล้วแสยะยิ้มพูดว่า:“คุณอิ่นนั่วเจีย ผมมารับคุณแล้ว”"โอ้?"ใครจะไปรู้ว่ารอยยิ้มของจวงฉุนไม่ได้ทำให้อิ่นนั่วเจียตกใจหรืองุนงง เธอยิ้มให้จวงฉุนแล้วพูดว่า:"ฉันรอคุณมานานแล้ว""รอผม?"จวงฉุนตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะออกมา“ที่แท้คุณหญิงอิ่นนั่วเจียก็สนใจผมด้วย ดังนั้นการเตรียมการทั้งหมดนี้เกินความจำเป็นไปแล้ว!”ขณะที่จวงฉุนกำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง สวีโจวที่เดินเข้ามาเห็นอิ่นนั่วเจียและหลินเฟิงกำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้เถ้าแก่ในห้องทำงาน สีหน้าของเขาดูตกตะลึงเล็กน้อย“พี่สวี มีอะไรหรือเปล่า?”นักบู๊ตระกูลหลงที่อยู่ด้านหลังเขาเห็นท่าทางแปลกๆ ของสวีโจว จึงรีบถามแต่สวีโจวกลับไม่สนใจคนข้างหลังเขา กลับก้าวไปข้างหน้าและคว้าแขน