"คุณอยู่ที่ไหน?"ซูอินไม่กล้าที่จะมีจิตใจที่ประมาทแม้แต่น้อย เธอต้องการยืนยันด้วยตัวเองว่าคนนี้ต้องการอะไร"ตรงข้ามโรงพยาบาลซินเหอ ออกมาแล้วคุณก็จะเห็นผม"ดูเหมือนเขาจะรู้ล่วงหน้าว่าซูอินจะตามการอ้างอิงของเขาหลังจากพูดอะไรเพียงคำเดียว เขาก็วางสายไปซูอินยืนชะงักอยู่ชั่วครู่ ความไม่สบายใจในใจยิ่งมีมากขึ้นเธอเก็บซ่อนความรู้สึกบนใบหน้าและเมื่อกลับเข้าห้องผู้ป่วย เธอก็แสดงท่าทีเหนื่อยล้า "ฉันหิวแล้ว ฉันจะไปหาอะไรกินหน่อย"ไม่มีใครตอบเธอซูอินมองดูคนสองคนในห้องผู้ป่วยกัดริมฝีปาก เซาออกจากสถานที่อย่างเงียบๆเมื่อออกจากโรงพยาบาลซินเหอ ซูอินก็มองไปที่ฝั่งตรงข้ามตามที่คนคนนั้นบอกและทันทีที่เธอเห็นชายในชุดดำ เขาส่งสัญญาณมือให้ เมื่อแน่ใจว่าซูอินเห็น เขาก็เดินเข้าไปในตรอกที่อยู่ด้านหลังซูอินรีบตามไปชายคนนั้นเดินอยู่ข้างหน้าห่างจากซูอินไม่กี่สิบเมตรหลังเลี้ยวมาหลายรอบ ซูอินก็ไม่เห็นเงาของชายคนนั้นอีกต่อไปซูอินจึงเพิ่มความเร็วและวิ่งไปข้างหน้าเพื่อดู แต่ทันใดนั้นก็มีมือใหญ่เอื้อมมาจากด้านข้างและดึงเธอเข้าไปในความมืด"อ๊า..."ซูอินยังไม่ทันได้ร้องขอความช่วยเหลือก็ถูกปิดปากไว้
มือและเท้าของซูอินที่ถูกมัดไว้ไม่รู้ว่าถูกแก้เมื่อไหร่ไม่นานเธอก็เริ่มฉีกเสื้อผ้าของตัวเองออก“อินอิน ตอนนี้เธอช่างเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น”ชายคนนั้นถอดหน้ากากออก เผยให้เห็นใบหน้าที่แม้จะห่อเหี่ยวไปมากจากเดิม แต่ก็ยังจำได้ว่าเป็นใครลู่ซิวหนิง!เขามองด้วยสายตาเย็นชาไปที่ซูอินที่เมื่อครู่ยังเต็มไปด้วยการป้องกันตัวและความรังเกียจ ตอนนี้กลับคลอเคลียอยู่ที่ตัวเขา ทำท่าทางยั่วยวนมากมายความเยาะเย้ยที่ริมฝีปากลู่ซิวหนิงยิ่งเข้มขึ้นซูอินคนเดิม แม้จะอยู่กับเขา ความกระตือรือร้นของเธอกลับเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและความไร้เดียงสา ทำให้เขาอดที่จะรักไม่ได้แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาเพิ่งได้รู้จักผู้หญิงคนนี้ที่เขาเคยคิดว่าเป็นรักแท้และทะนุถนอมมาโดยตลอด“อินอินนะ ทำไมเธอถึงได้ทำกับผมแบบนั้น?”เมื่อคิดถึงสิ่งที่เขาเห็นจนหมดเปลือกในตอนนี้ ความเกลียดชังในใจของลู่ซิวหนิงก็ยิ่งเด่นขึ้นเขากุมข้อมือของซูอินอย่างแรง ราวกับจะระบายความโกรธที่เธอแสดงความไม่จริงใจต่อเขามาหลายปี ลู่ซิวหนิงไม่ประนีประนอมฝากรอยแผลแห่งความอับอายไว้บนร่างกายของเธอภายในห้องที่เต็มไปด้วยความเร่าร้อนและในขณะเดียวกัน ที่โ
เย่ซือเหยียนยังพูดไม่ถึงประโยคสุดท้าย ซูหรานก็ขัดจังหวะเธอไปแล้วเย่ซือเหยียนขมวดคิ้ว มองไปที่ซูหรานซูหรานหยุดทำในสิ่งที่กำลังทำอยู่ เดินไปข้างหน้าเย่ซือเหยียน พร้อมกับพูดชัดถ้อยชัดคำ ราวกับเป็นการเตือน “คุณปู่จะฟื้นขึ้นมา ดังนั้นมีบางคำที่คุณอย่าได้พูดผลีผลาม”แม้ว่าจะเสียงเบา แต่ในความรู้สึกของเย่ซือเหยียนกลับมีความเด็ดขาดเหมือนกับว่าถ้าเธอพูดคำไม่ดีอีก ซูหรานจะฟาดหน้าเธอจนจำได้บทเรียนความรู้สึกที่ถูกกดดันนั้น ทำให้เย่ซือเหยียนรู้สึกอึดอัดมากขึ้นเธอถูกเตือนให้อย่าได้พูดจาเลอะเทอะ แต่เธอก็ยิ่งต้องการพูด“ฉันพูดข้อเท็จจริงนะ เขาเป็นแบบนี้ หากไม่ฟื้นขึ้นมาก็ไม่มีความหมายแล้ว….”ยังไม่ทันให้พูดจบ ซูหรานก็ยกมือขึ้น วิ่งไปที่ใบหน้าของเย่ซือเหยียนทันทีเสียง ‘ป้าบ!’ ดังสนั่นไปทั่วห้องผู้ป่วยเย่ซือเหยียนเกิดตกใจ ไม่ทันได้ตั้งตัวความเจ็บปวดควบคู่กับความโกรธ ลุกลามไปทั่วใบหน้าเธอ“เธอ...” เย่ซือเหยียนจ้องมองไปที่ซูหราน ไม่อยากเชื่อว่าซูหรานจะตีเธอจริง ๆ “เธอรู้ไหมว่าที่นี่คือที่ไหน?”“ฉันรู้ค่ะ” ซูหรานตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจเย่ซือเหยียน “เธอ…”ซูหรานยิ้มเย็นชา “ดังนั้น บ
ซูอินต่อต้านโดยสัญชาตญาณในชั่วขณะที่เย่ซือเหยียนจับข้อมือของเธอ เธอรู้สึกเหมือนถูกไฟฟ้าช็อต และสะบัดมือของเย่ซือเหยียนออกอย่างแรง"อินอิน?"ปฏิกิริยานี้ยิ่งทำให้เย่ซือเหยียนสงสัยมากขึ้นซูอินกัดริมฝีปาก ตอนนี้เธอไม่สนใจอะไรมากแล้ว กลัวว่าเย่ซือเหยียนจะสังเกตเห็นบางอย่าง เธอจึงรีบวิ่งขึ้นบันไดไปอย่างรีบร้อนกลับถึงห้อง ซูอินอาบน้ำอีกครั้งเธอใช้คอนซีลเลอร์ปกปิดรอยแผลบนร่างกายทีละชั้นๆ จนกระทั่งมองไม่เห็นร่องรอยใดๆ เลย เธอจึงสวมเสื้อผ้าและออกไปข้างนอกซูอินยืนอยู่ที่บันไดเธอไม่อยากปรากฏตัวต่อหน้าเย่ซือเหยียนในเวลานี้แต่สถานการณ์ในห้องโถงเมื่อครู่นี้ คนรับใช้ทั้งวิลล่าอยู่ที่นั่น แม้แต่พนักงานที่จ้างมาเป็นพิเศษวันนั้นก็อยู่ด้วยเธอต้องหาคนที่ข่มขู่เธอให้ได้ จึงไม่อาจละเลยการหาเบาะแสจากพวกเขา"อินอิน? ยืนอยู่ตรงนั้นทำไม? ลงมาสิ!" สายตาของเย่ซือเหยียนที่มองซูอินยังคงเต็มไปด้วยความสงสัยซูอินปฏิเสธไม่ได้ เธอยิ้มเฝื่อนๆ หลังจากลงบันไดมา เธอไม่ได้เข้าใกล้เย่ซือเหยียน แต่กลับนั่งลงบนโซฟาที่อยู่ห่างออกไปมากเย่ซือเหยียนมองดูแต่ไม่ได้พูดอะไรมากเธอนึกถึงคำพูดของซูหราน สิ่งเร่งด่
ผู้อำนวยการเพิ่งตะโกนว่า “คุณชายสาม” ก็ถูกสายตาของฟู่จิ้นหานที่มองมา ทำให้หัวใจเขาสั่นสะเทือนเมื่อรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ผู้อำนวยการกลืนน้ำลายอย่างไม่มั่นใจ และทำท่าเชิญให้ท่านใหญ่เดินไปคุยกันหน่อยฟู่จิ้นหานมองดูในห้องผู้ป่วยอีกครั้ง แล้วจึงหันหลังเดินตามผู้อำนวยการไปที่สำนักงานของเขาเกือบจะในทันทีที่ประตูสำนักงานปิด ฟู่จิ้นหานก็เปลี่ยนบรรยากาศของผู้สูงศักดิ์เป็นการนั่งที่โต๊ะทำงานของผู้อำนวยการ “มีอะไรหรือ?”ผู้อำนวยการมองอย่างประหลาดใจถ้าไม่ใช่ว่าเขาเริ่มชินกับมันแล้ว เขาคงคิดว่าตัวเองเครียดเกินไปจนเกิดภาพหลอนชัดเจนว่าในตอนที่อยู่ต่อหน้าคุณซู... ไม่สิ ในตอนที่อยู่ต่อหน้าคุณผู้หญิง คุณชายสามยังมีบุคลิกที่สงบซึ่งทำให้คนมองเพียงแค่รู้สึกทึ่งในใบหน้าที่หล่อเหลา แต่เมื่อไม่มีคุณผู้หญิงอยู่ เขากลับทำให้คนไม่สามารถตั้งใจมองใบหน้าที่งดงามของเขาได้ เพราะรัศมีที่น่ากลัวและความกดดันที่ทำให้รู้สึกหายใจไม่ออก“คุณชายสาม หลังจากที่ได้ตรวจคุณผู้หญิงอย่างละเอียดแล้ว เราได้ติดต่อผู้เชี่ยวชาญจากสาขาโรคสมองและประสาทเพื่อดูภาพของสมองคุณผู้หญิง โดยเปรียบเทียบกับภาพก่อนหน้านี้ พบว่ามีบาง
ซูหรานเดินออกจากห้อง ทิ้งโทรศัพท์ที่กำลังบันทึกวิดีโอไว้โทรศัพท์ซ่อนไว้อยู่ในโซฟาอย่างแนบเนียน แต่มุมมองสามารถบันทึกทุกสิ่งข้างเตียงผู้ป่วยได้อย่างชัดเจนซูหรานสงสัยซูอินแต่ความสงสัยของเธอต้องการหลักฐานหลังจากออกจากห้อง ซูหรานบอกให้ฉินฟั่ง “คุณไปเฝ้าหน้าห้องคุณปู่เย่ หากในห้องมีการเคลื่อนไหว ให้เข้าไปทันที”ซูหรานต้องการทดสอบซูอิน แต่ไม่ต้องการให้ซูอินประสบความสำเร็จจริงๆทันทีที่ซูหรานออกไป ซูอินก็เข้ามาในห้องเธอระมัดระวังตรวจสอบว่าไม่มีใครอยู่ข้างนอก จากนั้นจึงเข้าไปอย่างสบายใจมองไปที่คุณปู่เย่บนเตียงซูอินรู้ว่าถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับคุณปู่เย่ หมอจะมาทันทีเย่ถิงเซิน เย่สือเหยียน และแม้แต่ซูหรานจะต้องสงสัยและสอบถามเธอแต่ช่วงเวลานี้ เธอไม่อาจจะคิดถึงสิ่งเหล่านั้นได้อีกแล้ว“คุณปู่...”ซูอินนั่งลงข้างเตียง จับมือคุณปู่เย่ด้วยสายตาที่แสดงออกถึงความรู้สึก เหมือนกับเธอมีความรักต่อคุณปู่เย่อย่างแท้จริง“คุณปู่ฟื้นขึ้นมาได้ไหม อินอินคิดถึงท่าน...”“คุณปู่ เราเพิ่งได้พบกัน อินอินไม่อยากสูญเสียท่านไป... คุณปู่...”ซูอินพูดไป น้ำเสียงของเธอก็ค่อยๆ มีความสะเทือนใจมากขึ้นร
เสียงนั้นเต็มไปด้วยความชราและอ่อนแรง แม้จะเพียงเป็นเสียงลมหายใจ แต่ก็ยังชัดเจนจนคนได้ยินได้อย่างแน่นอนในห้องผู้ป่วย ทั้งสามคนต่างอึ้งไปชั่วครู่ซูหรานและเย่ถิงเซินเดินไปข้างหน้าด้วยความไม่รู้ตัว“คุณปู่?”ทั้งสองคนลองเรียกดูเสียงเบา ๆ ดวงตาเต็มไปด้วยความหวังที่มองที่คุณปู่เย่แต่คุณปู่เย่ยังคงหลับตา สีหน้าขาวซีด ราวกับว่าเสียง “อินอิน” ที่พวกเขาได้ยินก่อนหน้านี้ เป็นเพียงแค่ภาพลวงตาแม้แต่ซูอินที่ถูกขู่ให้ตกใจ เมื่อเห็นว่าคุณปู่เย่ไม่มี “ความผิดปกติ” ใด ๆ ก็รู้สึกโล่งใจขึ้นเล็กน้อยในช่วงเวลานั้น หัวใจของเธอเต้นขาดช่วงไปหนึ่งครั้งเธอเพิ่งสาบานอย่างรุนแรงไปคิดถึงคำพูด “ฟ้าผ่าตายอย่างเลวร้าย” ที่เธอเพิ่งพูดออกไป ซูอินก็กัดริมฝีปากด้วยความไม่สบายใจโชคดีที่คุณปู่เย่ยังไม่ตื่นแต่การแสดงนี้ยังไม่จบเธอแกล้งจับมือคุณปู่เย่และพูดว่า “คุณใส่ร้ายฉันแบบนี้ คุณปู่เห็นแน่นอน ฉันไม่รองรับความอึดอัดได้หรอก แต่การที่คุณทำให้คุณปู่เสียใจ คุณ…”“พอแล้ว!”ซูอินยังต้องการจะพูดต่อ แต่ถูกซูหรานขัดด้วยเสียงเย็นชาก่อนหากก่อนหน้านี้ซูหรานเพียงสงสัยถึงเจตนาของซูอินที่มีต่อคุณปู่เย่ ในขณะน
หลินเย่ว์เย่ว์...ใช่ หลินเย่ว์เย่ว์!ครั้งที่แล้วเพื่อให้เธอหนีจากความสนใจ เธอจึงให้หลินเย่ว์เย่ว์ออกจากเมืองไห่เฉิงแต่ตอนนี้เธอต้องการผู้ช่วย และหลินเย่ว์เย่ว์คือคนที่เหมาะสมที่สุดซูอินจึงรีบโทรหาหลินเย่ว์เย่ว์ทันที“เธอบอกว่าเธอเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลเย่ตอนนี้ แต่เธอชัดเจนว่า...”เมื่อหลินเย่ว์เย่ว์รู้ถึงสถานะปัจจุบันของซูอิน เธอก็ตกใจมากในโทรศัพท์เธอออกจากเมืองไห่เฉิงไปที่ประเทศวาย และใช้ชีวิตอย่างสบาย ขาดการติดต่อกับเมืองไห่เฉิง จึงไม่รู้ว่าซูอินกลายเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลเย่Comment by -: ตระกูลเย่ นั่นแหละคือหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของเมืองจิงเฉิง!แต่ซูอินที่เธอรู้จัก...ซูอินรู้ว่าเธอจะพูดอะไร ใบหน้ามีสีหน้าไม่ดี และขัดจังหวะหลินเย่ว์เย่ว์ด้วยเสียงเบา “ฉันถูกแม่รับมาเลี้ยงจากสถานสงเคราะห์ มีบางอย่างที่ไม่เคยบอกพวกเธอแค่นั้น”“แต่...”แต่หลายปีมานี้ เธอเรียกซูจี้ไห่ "พ่อ" ได้อย่างสนิทสนม ราวกับเป็นพ่อลูกแท้ ๆ“ฉันได้ทำการตรวจพิสูจน์กับตระกูลเย่แล้ว ยืนยันว่ามีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับคุณปู่ แล้วมีอะไรให้สงสัยอีก?” น้ำเสียงของซูอินยิ่งไม่พอใจขึ้นความสงสัยในใจของ
คิดจะใช้มุกนี้อีกแล้วเหรอ?ตีเธอหรือด่าเธองั้นเหรอ?ในเมื่อเธอขอมาแบบนี้ เช่นนั้นเธอก็จะสนองความต้องการให้เธอได้สมใจเอง!“เธอ......” มานี่ซูหรานยังพูดไม่ทันจบ ฟู่จิ้นหานก็ได้ส่งสัญญาณให้ฉินฟั่งเสียก่อนเรื่องทำร้ายคนแบบนี้ ทำไมต้องให้ซูหรานเป็นคนลงมือด้วยตัวกันล่ะ?ฉินฟั่งก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ในช่วงเวลาอันรวดเร็วนั้น เขาก็ได้ตบหน้าซูอินไปหนึ่งทีเสียงเพี๊ยะดังขึ้น ไม่มีความปรานีใด ๆ ซูอินเดินเซจนแทบล้ม ยากที่จะทรงตัวเอาไว้ได้ ในหัวขาวโพลนไปหมด เหลือเพียงเสียงหึ่ง ๆ เท่านั้นใครกัน......ที่กล้าทำร้ายเธอได้ถึงขนาดนี้? !ทันทีที่ซูอินได้สติกลับมา เธอจึงมองไปที่ฉินฟั่งด้วยความโกรธฉินฟั่งได้รับการฝึกฝนมา เขาได้ฝึกฝนร่างกายจนแข็งแกร่งที่บริษัทชิงอวิ๋น แถมยังได้รับอิทธิพลจากฟูจิ้นหานที่มีความเด็ดขาดในการต่อสู้อีกด้วย เพียงแค่สายตาเดียว ความกดดันของซูอินก็ถูกลดทอนลงไปทันทีแต่จะให้ซูอินยอมได้อย่างไร?เธอเป็นถึงหลานสาวแท้ ๆ ของตระกูลเย่ ฉินฟั่งคนนี้......ก็เป็นแค่สุนัขรับใช้ข้างกายฟู่จิ้นหานเท่านั้นต่อให้การตบเธอจะเป็นความต้องการของฟู่จิ้นหาน แต่มีคนมากมายอยู่ด้วยขนาดนี้ ห
ไม่จำเป็นต้องแก้ไขพินัยกรรมงั้นเหรอ?ซูอินดีใจมาก รู้สึกเหมือนได้รับความมั่นใจมากขึ้นแน่นอนว่าขอแค่เธอยังเป็นลูกสาวของฉินเหยียนอยู่ คุณท่านเย่ก็จะเห็นแก่หน้าฉินเหยียน และยอมรับทุกอย่างที่เป็นเธอครั้งนี้ ไม่ว่าคุณท่านเย่จะรอดมาด้วยเหตุผลใดก็ตาม แต่ไม่ว่ายังไงพินัยกรรมของคุณท่าน เมื่อกี้ทุกคนต่างก็ได้ยินอย่างชัดเจนกันหมดแล้วคุณท่านเย่ได้มอบทุกอย่างของตระกูลเย่ให้กับเธอ แม้ว่าวันนี้เธอจะยังไม่ได้รับช่วงต่อจากตระกูลเย่ แต่เธอก็ยังเป็นผู้สืบทอดเพียงคนเดียวอยู่ส่วนคนพวกนี้......ซูอินรู้สึกไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่เมื่อนึกถึงวิดีโอเมื่อกี้แล้ว ซูอินจึงหันไปมองซูหรานที่อยู่ข้าง ๆ คุณท่านเย่ทันทีในตอนนี้ เธอไม่มีเวลามามัวคิดว่าคลิปวิดีโอนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ คือการใช้ประโยชน์จากอำนาจเสียงของคุณท่าน เพื่อช่วยลบข้อครหาและปฏิเสธว่าคนในคลิปไม่ใช่เธอน้ำสกปรกนี้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ต้องสาดไปที่ซูหรานให้ได้เมื่อคิดได้เช่นนั้น ซูอินก็ขมวดคิ้วทันที “หนูไม่สนใจของนอกกายพวกนั้นหรอกค่ะ แต่ถ้าหากแม่ของหนูที่อยู่บนสวรรค์รู้ว่าหนูถูกใส่ร้ายด้วยคลิปวิดีโอนั้น จนทำ
น้ำเสียงนั้นดูทุ้มต่ำ แต่ก็มีความโกรธที่ไม่สามารถปิดบังเอาไว้ได้ปนอยู่ซูอินเงียบและไม่มีการตอบสนองอยู่นาน ส่วนคนอื่น ๆ ที่อยู่ตรงนั้น ก็กลับมีสีหน้าที่ดูต่างกันออกไปพวกเขาเพิ่งจะได้ยินอะไรกันแน่?เย่ซินกลืนน้ำลายลงคออึกหนึ่ง ก่อนจะกอดแขนตัวเองแน่น ราวกับพยายามขับไล่ความหนาวของเมื่อครู่นี้ที่แผ่ซ่านเข้ามาในร่างกายออกไปเธอหูฝาดไปรึเปล่านะ?เสียงนั้นน่ะ คือเสียงของคุณท่านจริง ๆ!แต่เห็น ๆ อยู่ว่าคุณท่านเสียชีวิตไปแล้ว แล้วร่างก็กำลังนอนอยู่ในโลงแก้วอีกด้วย จะมีเสียงออกมาได้อย่างไร?แต่เมื่อนึกถึงคำว่า “วิญญาณ” ขึ้นมา เย่ซินก็กลืนน้ำลายลงคอด้วยความตื่นตัวและเสียงที่ดังขึ้นอย่างกะทันหันนั้น ก็กลับยิ่งทำให้เย่ซือเหยียนมั่นใจในข้อสันนิษฐานก่อนหน้านี้ได้ และเข้าใจมากยิ่งขึ้นว่าการแสดงในวันนี้มีซูอินที่เป็นเป้าหมาย!เย่ซือเหยียนรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย เธอสังเกตเห็นว่าทั้งเย่ถิงเซินและหยางซู พวกเขาสองคนไม่ได้มีปฏิกิริยาใด ๆ มากนักต่อเสียงของคุณปู่ในตอนนั้นเธอก็รู้ได้ในทันที ว่าทั้งสองคนเองก็มีส่วนร่วมในแผนการนี้ด้วยเช่นกันส่วนซูอิน......ตอนนี้ ในหัวของซูอินมันขาวโพลนไปหมดเธอเ
หน้าตาที่ดูไร้เดียงสาและอ่อนแอของซูอินแข็งทื่อทันทีชั่วขณะหนึ่ง เหมือนว่าหน้ากากนั้นของเธอจะถูกเจาะจนทะลุ สีหน้าเธอดูไม่ค่อยมั่นใจสักเท่าไหร่ “พี่ซู พี่หมายความว่ายังไง?”“ฮึ หมายความว่ายังไงงั้นเหรอ? น้องอินอิน เธอคงไม่คิดว่าทุกคนจะโง่กันหมดหรอกใช่ไหม? ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันเจอเธอ ฉันก็เดาได้แล้ว ว่าเธอเป็นคนยังไง ต่อหน้าก็แสร้งทำตัวไร้เดียงสาและอ่อนแอ แต่ในความเป็นจริง ใจกลับดำมืดเต็มไปด้วยแผนการ คุณสนุกกับการใช้หน้ากากที่เธอสร้างขึ้นมาหลอกลวงทุกคน ฉันก็เลยเล่นตามน้ำกับเธอไป แกล้งทำเป็นเชื่อในความดีและความไร้เดียงสาของเธอ”เสียงของหยางซูดังกึกก้องทั่วทั้งศาลาไว้ทุกข์ซูอินฟังแล้วก็รู้สึกบาดหูเป็นพิเศษในตอนนี้ ใบหน้าที่เคยแสดงความไร้เดียงสาของเธอก็เริ่มมีความโกรธปรากฏขึ้นมานิดหน่อยที่อยางซูจะบอกก็คือ ทุกสิ่งที่เขาปฏิบัติต่อเธอ มันเป็นเพียงแค่การแสดงอย่างนั้นน่ะเหรอ?แล้วที่เมื่อวานเขารับปากเธอว่าจะใช้เส้นสายเรียกทนายอู๋มาล่ะ มันเพื่ออะไรกัน?มีคนอื่นอยู่ด้วย ซูอินจึงไม่สะดวกที่จะถามออกมาแต่เมื่อเธอจ้องไปที่ตาของหยางซู กลับทำให้หยางซูเข้าใจในทันทีว่าเธอกำลังคิดอะไร และคิดจะ
ฟู่จิ้นหานก้มหน้าสบตากับซูหรานแววตาของเธอดูมั่นคง มือที่กำเสื้อตรงหน้าอกของเขาก็ยิ่งบีบแน่นขึ้นเรื่อย ๆ ฟู่จิ้นหานรู้สึกกังวลในใจไม่หาย แต่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ไม่สามารถขัดขืนซูหรานได้ฟู่จิ้นหานวางเธอลง แต่แขนของเขายังคงโอบเอวเธอเอาไว้อยู่ ท่าทางที่เขาปกป้องเธอนี้ ทำให้ผู้คนรอบข้างเกิดความคิดที่แตกต่างกันออกไปคนที่ตกใจและประหลาดใจที่สุด ก็คือเย่ซินฟู่จิ้นหาน......ผู้นำคนใหม่ของฟู่ซือกรุ๊ปคนนี้ เย่ซินเคยเห็นมาก่อนเขาจัดการกับฟู่ซือกรุ๊ปด้วยวิธีการที่โหดเหี้ยม ซึ่งเป็นที่พูดถึงกันในจิงเฉิง แค่เธอได้ยินก็รู้สึกขนลุกทุกคนต่างก็พูดกันว่าฟู่จิ้นหานเป็นคนเย็นชาไร้ความรู้สึก แต่ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเธอในตอนนี้ สีหน้ากลับเต็มไปด้วยความอ่อนโยน แววตาของเขาจ้องมองไปยังหญิงสาวที่อยู่ข้าง ๆ บ้างก็เหลือบมองไปยังอีกด้าน แต่แววตากลับเปลี่ยนเป็นเฉียบขาดในทันทีท่าทีที่ฟู่จิ้นหานปฏิบัติต่อผู้หญิงคนนี้พิเศษมากจริง ๆเย่ซินอดไม่ได้ที่จะมองไปยังคนที่อยู่ข้าง ๆ ฟู่จิ้นหาน และนึกถึงชื่อที่พวกเขาเพิ่งจะเรียกเธอขึ้นมาเมื่อกี้หรานหราน......ซูหราน......เธอคือหลานสาวที่คุณท่านรับอุปการะมา
ทุกคนต่างก็ตกตะลึงไปชั่วขณะเสียงของผู้หญิงที่ดังออกมาจากโทรศัพท์มือถือ ได้รับการปรับแต่งมาอย่างละเอียดถึงจะฟังไม่ชัดเจนว่าเป็นของใคร แต่ก็กลับฟังออกว่าบรรยากาศค่อนข้างจะเข้มข้นภายใต้เสียงร้องของหญิงสาว กระทั่งการพูดด้วยคำพูดที่ดูเปิดเผยต่าง ๆ ทำให้คนที่อยู่ ณ ตรงนั้นแค่ได้ยิน สีหน้าของพวกเขาก็เริ่มเปลี่ยนไปบ้างแล้วซูอินรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย และแอบบ่นลินเยว่เยว่ที่ทำการแปลงเสียง แต่ยังไงก็ช่างเถอะ ต่อให้จะฟังไม่ออกว่าเป็นเสียงของซูหราน แต่ภาพที่ทุกคนเห็นก็เป็นซูหราน ยังไงก็มีผลลัพธ์เดียวกัน!ซูอินเหลือบมองไปที่เย่ถิงเซินเธออยากเห็นมากที่สุด ก็คือปฏิกิริยาของเย่ถิงเซินหลังจากที่เขาเห็นว่าคนในคลิปคือซูหราน แต่เย่ถิงเซินเพียงแค่ขมวดคิ้ว และมีสีหน้าที่ดูไม่พอใจเท่านั้น เขากลับไม่หยิบโทรศัพท์ออกมาสักทีดูเหมือนว่าเย่ซินจะตกใจกับภาพที่เธอเห็นมาก เธอจ้องมองที่หน้าจอโทรศัพท์อย่างงงงวยภายในห้องไว้ทุกข์ เสียงของหญิงสาวยังคงดังกึกก้องอยู่ในบรรยากาศที่แปลกประหลาด ก็มีคนที่สองที่หยิบโทรศัพท์ออกมา และเปิดข้อความที่เพิ่งได้รับเมื่อสักครู่นี้อ่า......เสียงที่เหมือนกับก่อนหน้านี้ก็ดัง
“พวกเขาจะทำอะไร?”ในหัวเย่ซือเหยียนยังคงคิดไม่ตก ไม่สามารถคาดเดาภาพรวมของเรื่องราวได้เลยแต่เธอก็พอจะเข้าใจอยู่บ้าง: หากคุณท่านยังไม่ตายจริง ๆ เช่นนั้นทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้มันก็คือกับดักและกับดักนี้ ถูกจัดเตรียมเอาไว้เพื่อใครอย่างนั้นเหรอ?เย่ซิน? ตัวเธอ? หรือว่า......ซูอิน?เย่ซือเหยียนรู้สึกโชคดีที่เธอค้นพบเรื่องนี้ได้ก่อน ไม่เช่นนั้น เธอก็อาจจะตกหลุมพรางไปด้วยส่วนซูอิน......ความเกลียดชังสะสมอยู่ในดวงตาของเย่ซือเหยียนไม่ว่ากับดักนี้จะถูกจัดเตรียมเอาไว้สำหรับใครก็ตาม วันนี้ก็ยังถือว่าเป็นโอกาสที่ดีในตอนนั้นแทบจะในทันที เย่ซือเหยียนโทรหาสายสายหนึ่ง และสั่งการกับคนที่อยู่ปลายสายหนึ่งประโยค หลังจากวางสาย ในใจเย่ซือเหยียนก็เริ่มรู้สึกตื่นเต้นกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไป......ในขณะเดียวกัน ณ ศาลาไว้ทุกข์ ซูอินยังคงเต็มไปด้วยความคาดหวังกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นอาการเป็นลมของเย่ซือเหยียนทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจอย่างมากรอจนกระทั่งพ่อบ้านจัดแจงให้คนพาเย่ซือเหยียนออกไป ซูอินก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่ทนายอู๋ แต่สุดท้ายเธอก็รู้สึกกลัวว่าจะมีคนเห็นความลนลานของเธอ เธอจึงไม่กล้าพู
ดูเหมือนว่า ผู้ที่อยู่ในที่นั้นนอกจากท่านท่านเย่แล้ว ก็มีเพียงเย่ถิงเซินเท่านั้นที่สามารถตัดสินใจได้การกระทำนี้ ทำให้ซูอินรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยต้องทำความเข้าใจก่อนว่า เธอคือผู้สืบทอดที่ถูกต้องตามกฎหมายของตระกูลเย่ และนอกจากนี้ ทนายความอู๋คนนี้เองก็เป็นพยานในการทำพินัยกรรมของคุณท่านเย่อีกด้วย เขาก็ควรจะรู้ว่าผู้ที่ได้รับผลประโยชน์จากพินัยกรรมของคุณท่านคือใครเขาควรถามเธอ และให้เธอเป็นผู้ตัดสินใจสิถึงจะถูกเขากลับถือหางให้เย่ถิงเซินเป็นตัวหลักแต่ไม่นาน ซูอินก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก ที่ทนายอู๋คนนี้เป็นคนที่มีตาแต่ไร้แวว รอให้ประกาศพินัยกรรมออกมาก่อน ว่าเธอคือผู้สืบทอดทรัพย์สินของตระกูลเย่ จะทำให้คนเหล่านี้ต้องตื่นตระหนกอีกครั้งแน่นอน“เชิญทนายประกาศได้เลยครับ”คำพูดของเย่ถิงเซินแต่ละคำ ทั้งหนักแน่นและชัดเจนทนายความอู๋เปิดถุงเอกสารที่ปิดผนึกเอาไว้ท่ามกลางสายตาของทุกคน และนำพินัยกรรมที่อยู่ข้างในออกมา“ฉัน เย่ชิงเหอ ทรัพย์สินทั้งหมดที่อยู่ภายใต้ชื่อของฉัน จะถูกสืบทอดโดย......”ทนายความอู๋กำลังอ่านเนื้อหาของพินัยกรรม ทุกคนในศาลาไว้ทุกข์ต่างก็ตั้งใจฟัง และเมื่อถึงจุดนี้ สีหน้าของทุกค
“มันแน่นอนอยู่แล้ว”หยางซูจ้องมองไปที่ซูอิน เขาจะไม่บอกกับเธอ ว่าทนายคนนั้นได้อยู่ที่ไห่เฉิงเรียบร้อยแล้วทันทีที่คุณท่านกลับมาที่ไห่เฉิง ก็ได้ให้ทนายรีบมาที่นี่อย่างลับ ๆและการกระทำของซูอินในคืนนี้ ดูท่าแล้ว คุณท่านเองก็น่าจะมองสถานการณ์ออกตั้งแต่แรกแล้วเมื่อได้รับคำตอบที่แน่นอนจากหยางซู ซูอินก็ยิ่งมีความสุขมากกว่าเดิมเธอไม่กล้าที่จะลำพองตัวมากเกินไป เหมือนว่าเธอจะรู้สึกพอใจมาก จึงถอนหายใจออกมา “การที่สามารถทำตามความปรารถนาของคุณปู่ได้ ก็ถือเป็นสิ่งเดียวที่ฉันสามารถทำเพื่อคุณปู่ได้แล้วล่ะค่ะ”ซูอินลดสายตาลง ให้ดูเหมือนว่าเธอไม่มีความต้องการอะไรเลยจริง ๆแต่หยางซูกลับรู้จักธาตุแท้ของผู้หญิงคนนี้แล้วในที่สุดหยางซูก็ไม่สามารถอดทนต่อความเกลียดชังในใจได้ เขาจึงอ้างว่าตนรู้สึกเหนื่อย และต้องการพักผ่อน จึงขอให้ซูอินออกไปก่อนเมื่อกลับมาถึงห้อง ซูอินก็รีบวางแผนทุกอย่างที่เหลือทันทีเช้าวันถัดมา ทั้งวิลล่าก็เริ่มวุ่นวายตั้งแต่เช้าแล้วเมื่อวานได้มีการกำหนดให้เผาศพวันนี้ก่อนเริ่มการเผาศพ ก็ควรไปสักการะร่างของผู้เสียชีวิตเสียก่อนภายในโลงแก้วคุณท่านนอนอยู่ข้างใน ใบหน้าดูมีชีว