ซูหรานต้องการแก้ไขข้อเท็จจริง แต่ก่อนที่เธอจะทันได้พูดจนจบ หลิวซวงซวงก็ขัดจังหวะเธอเสียก่อน“ฮึ คุณซูคะ คุณคงจะไม่กลับผิดเป็นถูก แล้วบอกว่าฉันเป็นคนทำน้ำร้อนลวกมือคุณหรอกใช่ไหมคะ?”ซูหรานอดไม่ได้ที่จะยิ้มเยาะออกมา “หรือจะบอกว่าไม่ใช่?”“ไม่ใช่ แน่นอนว่าไม่ใช่ ทุกคนเองก็อยู่ด้วยพอดี พวกเรามาพูดเรื่องนี้ให้ชัดเจนไปเลยดีกว่า”หลิวซวงซวงเต็มไปด้วยความรู้สึกขุ่นเคือง ท่าทีเหมือนต้องการเค้นความจริงออกมาให้ได้ “ฉันเพิ่งเติมน้ำมาจากห้องน้ำชา พอฉันเห็นคุณซูหราน ฉันก็เลยอยากที่จะขอโทษ เรื่องที่ฉันเคยแอบนินทาเธอลับหลัง เป็นฉันเองที่ผิด แต่ต่อให้คุณจะไม่รับคำขอโทษ คุณก็ไม่ควรจนใจผลักฉันแบบนั้น เพราะคุณผลักฉัน น้ำถึงได้กระฉอกไปโดนมือของคุณ......” ที่เธอต้องการจะสื่อก็คือ ที่มือของซูหรานโดนลวก ก็เป็นเพราะตัวเธอเองทั้งนั้นความสามารถในการกลับดำเป็นขาวนี้ ทำให้ซูหรานประหลาดใจมากจริง ๆชั่วครู่หนึ่ง ทุกคนต่างก็มองซูหรานด้วยท่าทางแปลก ๆ ราวกับว่าพวกเขาเชื่อในสิ่งที่หลิวซวงซวงพูด และมองว่าเธอเป็นเหมือนตัวร้ายที่ต้องการแก้แค้นแต่น่าเสียดาย ทำเองก็ต้องได้รับผลกรรมเองจำเป็นต้องตอบโต้ด้วยงั้นเหร
เดิมซูหรานคิดว่าจะต้องมีการต่อสู้ที่ดุเดือดเกิดขึ้นแน่ แต่คิดไม่ถึงเลยว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกำลังจะเข้าใกล้เธอ ก็มีเสียงเสียงหนึ่งดังขึ้น:“หยุดนะ!”ซูหรานมองไปตามเสียง และจำผู้หญิงที่เพิ่งพาเธอขึ้นมาบนตึกได้คนก่อนหน้านี้ที่มาเรียกเธอไปนั้น เรียกแทนตัวของเธอว่า “คุณหนูใหญ่”เย่ซือเหยียนเดินตรงมา แล้วเหลือบมองผู้รักษาความปลอดภัยด้วยความไม่พอใจ จากนั้นพวกเขาก็ถอยไปด้วยความกลัวทันทีแต่เมื่อหลิวซวงซวงเห็นว่าแบล็คใหญ่ของเธอกำลังเดินมา เธอกลับยิ่งมั่นใจมากขึ้น “คุณหนูใหญ่คะ ซูหรานทำร้ายคนอื่น ฉัน......ฉันลุกขึ้นไม่ไหว ฉัน......”“ถ้าลุกไม่ได้ ก็นอนลงไปซะ”จู่ ๆ เย่ซือเหยียนก็ขัดจังหวะเธอหลิวซวงซวงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง คิดว่าเธอยังแสดงออกไม่ชัดเจนมากพอ จึงพูดต่อว่า “คุณหนูใหญ่คะ ซูหรานเธอตั้งใจจะสร้างเรื่องก่อกวน......”“หุบปาก!” เย่ซือเหยียนพูดขึ้นอีกครั้งคราวนี้ เธอมองหลิวซวงซวงอย่างเย็นชา และในที่สุดหลิวซวงซวงก็สงบลงแต่ในมุมมองของหลิวซวงซวง เย่ซือเหยียนจะต้องมาสร้างปัญหาให้ซูหรานอยู่แล้วแน่นอนเธอจึงตั้งตารอชมการแสดงดี ๆแต่ขณะที่เย่ซือเหยียนมองไปทางซูหราน
“เกิดอะไรขึ้น?”สีหน้าของฟู่จิ้นหานดูมืดมนขึ้นเรื่อย ๆ ทันทีที่เขาสัมผัสมือของซูหราน ก็ทำให้ซูหรานต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด“โอ้ย......”เจ็บ มันเจ็บปวดมาจริง ๆ เมื่อกี้เองก็เจ็บ แต่ความเจ็บปวดเมื่อกี้เธอพยายามอดทนเอาไว้ทันทีที่ชายคนนี้มาถึง เธอก็ไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไปแล้วซูหรานเงยหน้าขึ้นมองเขา เขาจ้องมองมือของเธอ เหมือนจะจรงจังกับการจดจ่อนี้มาก ซูหรานหัวใจเต้นแรง จังหวะการเต้อนของหัวใจเริ่มจะเละเทะมากขึ้นเรื่อย ๆฟู่จิ้นหานไม่รู้ว่าซูหรานกำลังคิดอะไรอยู่ ได้แต่มองดูเธอขมวดคิ้วด้วยความเจ็บปวด สายตากวาดมองดูคนที่อยู่รอบ ๆ“นี่......นี่มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดค่ะ”เย่ซือเหยียนไม่กล้าเรียกเขาว่าคุณชายสามฟู่ไม่ว่ายังไงเธอก็คิดไม่ออก ว่าฟู่จิ้นหานจะมาที่นี่แต่ฟู่จิ้นหานกลับไม่ได้สนใจเย่ซือเหยียนเลยแม้แต่น้อย สีหน้าของเขามืดมน เขาไม่ได้สร้างความลำบากใจให้ในทันที แต่เขากลับกดโทรศัพท์โทรออกแทน หลังจากคุยโทรศัพท์ได้เพียงแค่สองสามประโยค เขาก็วางสายไป สีหน้าของเขายังคงเฉียบคมบรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียดที่น่าสะพรึงกลัวทุกคนต่างก็พยายามคาดเดาถึงตัวตนของคนผู้นี้อยู่หล
ในความเป็นจริง การตบสองครั้งที่ซูหรานตบเธอนั้นดูหนักหน่วงก็จริง แต่มันแค่ทำให้แก้มเธอมีรอยแดงเท่านั้น แทบไม่มีร่องรอยของอาการบาดเจ็บสาหัสเลยแม้แต่น้อยส่วนตอนที่เธอถูกทุ่มลงพื้น มันก็เป็นแค่ความรู้สึกเจ็บชั่วขณะเท่านั้น ไม่นานความเจ็บก็ค่อย ๆ คลายลง การเคลื่อนไหวก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรแทบไม่มีความเชื่อมโยงกับคำว่า “ได้รับบาดเจ็บ” เลยด้วยซ้ำ แต่ความเจ็บในตอนนั้นก็ถือว่าเธอเจ็บจริง ๆซูหรานลดสายตาลง พร้อมกับยกมุมปากขึ้นยิ้มความหวังใหม่ของหลิวซวงซวงก็สิ้นสุดลงอย่างกะทันหัน ความตื่นตระหนกแวบขึ้นมาในแววตาของเธอ จนทำให้เธอต้องมองไปทางเย่ซือเหยียนโดยไม่รู้ตัวแต่เธอก็ถูกเย่ซือเหยียนตัดหางไปนานแล้วกระทั่งกลัวว่าเธอจะลากตัวเองเข้าไปเอี่ยวด้วย เย่ซือเหยียนจึงได้ขู่ขึ้นว่า: “หลิวซวงซวง ทุกสิ่งที่เธอทำในวันนี้ เย่ซือกรุ๊ปหมดความอดทนกับเธอแล้วจริง ๆ เธอไปกับตำรวจและให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เพื่อจัดการเรื่องนี้ซะเถอะ”เธอจงใจเอ่ยนามของเย่ซือกรุ๊ปขึ้นมา ก็เพื่อต้องการบอกกับหลิวซวงซวง ว่าหากหลิวซวงซวงปากโป้งบอกสิ่งที่เธอสั่งให้ทำกับคนอื่นได้รู้ เธอจะไม่มีวันปล่อยเธอไปแน่หลิวซวงซวงเหมือนตายท
“คุณหนูใหญ่เย่!”เซียวหยุนเจินลดสายตาลง แม้แต่เปลือกตายังขี้เกียจเกินกว่าจะยกขึ้น เขาไม่สนใจที่จะมองเย่ซือเหยียนอีกเสียด้วยซ้ำเย่ซือเหยียนรู้สึกอับอาย แต่เธอก็กลับไม่กล้าที่จะพูดมากไปกว่านี้เธอพยายามรักษาร้อยยิ้มบนใบหน้าเอาไว้ตั้งแต่แรก แต่เพราะคำพูดถัดมาของเซียวหยุนเจิน กลับทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอพังทลายลงอย่างสมบูรณ์“อย่าคิดว่าผมไม่รู้นะ ว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่ คุณมีความรู้สึกให้กับฟู่จิ้นหาน แต่ผมขอเตือนคุณนะ ว่าอย่าใช้ความรู้สึกส่วนตัวของคุณมาทำร้ายซูหราน”เซียวหยุนเจินเป็นผู้นำรุ่นปัจจุบันของหลิงอวิ๋นกรุ๊ปแม้ว่าลุงของเขาจะยังเป็นผู้นำของตระกูลอยู่ แต่ความสามารถของเขาก็ได้รับการยอมรับจากคนในตระกูลและลุงของเขาแล้วเช่นกันตระกูลที่อยู่เบื้องหลังของหลิงอวิ๋นกรุ๊ปนั้นต่างจากตระกูลร่ำรวยอื่น ๆ ตระกูลอื่น ๆ การแย่งชิงอำนาจถือเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับตระกูลเซียว แต่ไหนแต่ไรก็เป็นตระกูลที่อยู่บนพื้นฐานของความสามัคคีจริงอยู่ที่ตระกูลเซียวไม่เคยมีการวางกลอุบายใส่คนในตระกูลด้วยกันเอง แต่ก็ใช่ว่าเซียวหยุนเจินจะมองกลอุบายเหล่านี้ไม่ออกตั้งแต่ที่เย่ซือเหยียนทุ่มเงินจำนวนมากเพื่อซ
ผู้อำนวยการฝ่ายการออกแบบงั้นเหรอ?ซูอินกล้าพูดออกมาจริง ๆ!เย่ซือเหยียนหัวเราะเยาะในใจ สีหน้าของทุกคนเองก็อดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนไปด้วยหากวันนี้ซูหรานไม่ได้มาที่บริษัท พวกเขาก็อาจจะไม่ได้คิดอะไร แต่เมื่อกี้ซูหรานเพิ่งจะมา แถมยังมีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นอีก ชั่วขณะหนึ่ง พวกเขาไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้สถานการณ์เป็นมายังไงกันแน่ดังนั้น ทุกคนจึงหันไปมองเย่ซือเหยียนพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมายซูอินเองก็มองไปทางเย่ซือเหยียนด้วยเช่นกันรอการตอบรับของเธอซูอินยิ้ม เธอมีความมั่นใจอยู่แล้วเก้าสิบเปอร์เซ็น ในเมื่อเย่ซือเหยียนพูดเองว่าให้เธอเป็นคนเลือกเธอก็เลือกแล้วตามที่เย่ซือเหยียนบอกให้เลือก เธอจึงไม่มีทางที่จะปฏิเสธแน่นอน“แน่นอน ได้สิ”เป็นอย่างที่คิด เย่ซือเหยียนตอบรับคำขอจริง ๆ ซูอินรู้สึกมีความสุข แต่ความสุขของเธอกลับอยู่ได้ไม่นาน เสียงของเย่ซือเหยียนดังขึ้นอีกครั้งทันที:“แต่ว่า......”ซูอินขมวดคิ้ว “แต่ว่าอะไร?”เย่ซือเหยียนจับมือซูอิน ใบหน้าของเธอดูเคร่งขรึมเล็กน้อย แต่ก็กลับยังคงมีรอยยิ้มอยู่ ท่าทีราวกับว่าเธอรู้สึกลำบากใจมากหลังจากนั้นไม่นาน ในที่สุดเย่ซือเหยียนก็พ
ฟู่จิ้นหานพยายามใช้ความอดทน และอธิบายออกมาอย่างละเอียดเขาเตือนเธอซ้ำแล้วซ้ำอีก: “ไม่ว่าจะเป็นซูอินคนนั้น หรือว่าจะเป็นเย่ซือเหยียน ต่างก็ไม่ใช่คนดีอะไร ต่อไปถ้าเห็นพวกเธอ ก็ให้อยู่ห่าง ๆ พวกเธอเอาไว้ ถ้าไม่สามารถหลบได้จริง ๆ ก็ให้รีบโทรหาผมทันที! คุณเข้าใจไหม?”ท่าทีของฟู่จิ้นหานดูจริงจังมาก ต้องรอจนกว่าซูหรานจะพยักหน้า “เข้าใจแล้ว” เท่านั้น เขาถึงจะวางใจพอนึกถึงความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นในบริษัทอัญมณีตระกูลเย่ที่เธอต้องทนแบกรับ ฟู่จิ้นหานก็กลับคิดว่า แค่คำว่า “เข้าใจแล้ว” ของเธอ ยังไม่เพียงพอที่จะให้เขาสบายใจได้อยู่ดีหลังจากครุ่นคิดอยู่นาน เขาก็ได้ทำการตัดสินใจ: “ดูเหมือนว่าต่อไปผมคนต้องจัดบอดี้การ์ดเอาไว้ให้คุณด้วยแล้วล่ะ”ซูหรานตกใจเล็กน้อย “......”นี่มันครอบครัวแบบไหนกันเนี่ย มีบอดี้การ์ดด้วยงั้นเหรอ?พอซูหรานนึกถึงเรื่องวันนี้ที่บริษัทอัญมณีตระกูลเย่ ทีมแพทย์ที่แห่กันมาเป็นขโยงเหล่านั้น จนถึงตอนนี้มันยังทำให้เธอรู้สึกตกใจอยู่เลยทีมแพทย์เหล่านั้นต่างก็มาจากโรงพยาบาลซินเหอแค่เขาโทรกริ๊งเดียว ก็สามารถทำให้เกิดฉากใหญ่ขนาดนั้นขึ้นได้ สามีคนนี้ของเธอ ตกลงแล้วเขาเป็นใครกันแน
การ “เป็นลม” นี้ของซูหรานเกิดขึ้นโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า ซึ่งทำให้ชายทั้งสองตื่นตระหนกทันทีที่ทั้งสองวางความขัดแย้งลง ฟู่จิ้นหานก็อุ้มซูหรานกลับไปที่เตียงผู้ป่วย จากนั้นเขาก็เรียกทั้งหมอและพยาบาลให้มาตรวจเช็ค และพบว่าไม่มีอะไรผิดปกติ แต่เขากลับยังคงไม่เชื่อ“เจอกับแรงกดดันที่มากเกินไป จนทำให้เป็นลม นั่นถือเป็นเรื่องปกติค่ะ”พยาบาลพูดเสียงเบา พยาบาลคนนี้เป็นคนเดียวกับที่เอายามาให้เมื่อกี้ แต่เพราะเธอถูกบรรยากาศในห้องทำให้ตกใจ จึงต้องถอยกลับไปก่อนคนนั้นบรรยากาศแบบเมื่อกี้ ไม่ “เป็นลม” สิน่ะสิแปลกพยาบาลเหลือบมองผู้หญิงที่อยู่บนเตียง ก็รู้ได้ทันทีว่าเธอแค่แกล้งเป็นลม แต่ดีที่หมอไม่ได้เปิดเผยความจริงของคุณซูคนนี้ออกไป แล้วก็ช่วยเธอไว้พอดีด้วยเช่นกันก่อนที่พยาบาลจะเดินออกไป เธอพยายามระงับความกลัวที่มีต่อชายสองคนนี้เอาไว้ตามสัญชาตญาณ แล้วพูดขึ้นว่า “ทางที่ดีก็อย่าให้มีคนอยู่ในห้องมากเกินไป เพราะมันจะส่งผลกระทบต่อการพักผ่อนของคนไข้ได้ ออกไปกันก่อนเถอะค่ะ”เมื่อสิ้นคำพูด บรรยากาศก็เงียบจนได้ยินกระทั่งเสียงเข็มหมุดตกแม้แต่หมอที่เดินมาด้วยกันยังรู้สึกประหม่าขึ้นมานิดหน่อยกล้าดีนี่