อาชีเพิ่งเดินไม่กี่นาทีก่อนที่จะได้รับโทรศัพท์อีกครั้งจากนายน้อย“อาชี กลับมาช่วยน่อย ยังต้องขนของอยู่ แต่คราวนี้ต้องไปชั้น 8 แทน แล้วของก็ยังเหลือเยอะด้วย ถงถง ค่าขนย้ายเราจขะให้อาชีเท่าไหร่ดี?”จ้านหยินหยิบโทรศัพท์ของเขาออกไปแล้วถามไห่ถงไห่ถงมองดูของขวัญวันตรุษจีนที่ป้าเธอส่งมาให้ มีมากเกินไป แม้ว่าครึ่งหนึ่งจะเป็นของพี่สาวของเธอก็ตาม อาจต้องใช้เวลาระยะหนึ่งกว่าที่อาชีจะขนย้ายของตามลำพัง เธอจึงพูดว่า "เรียกอาชีกลับมาและแล้วให้เขาบอกราคา"หลังจากที่ใช้บริการหลายครั้งและคุ้นเคยกับอาชี เธอรู้สึกเขินอายที่จะให้เงินค่าจ้างที่น้อยเกินไป แต่การให้มากเกินไปจะรู้สึกเหมือนขาดทุน เธอจึงตัดสินใจปล่อยให้อาชีเป็นผู้กำหนดราคาอาชีดูเหมือนเป็นคนซื่อสัตย์และเรียบง่าย ไม่น่าจะขอจำนวนเงินที่ไร้เหตุผล"เอาล่ะ อาชี มาได้เลย"“แน่นอนครับ!”อาชีตอบอย่างมีความสุข โดยตั้งตารอที่จะได้รับเงินหลายพันบาทจากนายน้อยครึ่งชั่วโมงต่อมา“ถงถง ฉันยังไม่ได้กินเลย”จ้านหยินพูดขณะปิดประตูหลังจากช่วยขนของทุกอย่างแล้ว อาชีก็พาไห่หลิงและหยางหยางกลับบ้าน และนำของขวัญวันตรุษจีนที่คุณนายซางมอบให้ไห่หลิงกลับไปด้ว
จ้านหยินใช้เวลาสองชั่วโมงในการเตรียมอาหารเย็นเมื่อดูโต๊ะที่เต็มไปด้วยอาหารที่เขาทำเอง ซึ่งเป็นทุกจานที่ไห่ถงชอบกิน จ้านหยินก็หยิบโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูปและโพสต์ลงในโซเชียลมีเดียของเขาตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่โพสต์ลงโชเชี่ยล ของจ้านหยินก็เงียบหายไปนานทันทีที่ภาพถูกโพสต์ เพื่อนของเขาและลูกค้าสำคัญในแวดวงของเขาก็กดไลค์และแสดงความคิดเห็นอย่างรวดเร็ว“ประธานจ้าน ฉันจะรีบไปตอนนี้ จะสายเกินไปหรือเปล่า?”“ประธานจ้าน ฉันไม่รู้ว่าคุณทำอาหารเก่งขนาดนี้”“ประธานจ้าน รีบส่งมาเถอะ ฉันจะช่วยคุณกินเอง”“พี่สะใภ้โชคดีจริงๆ ฉันอิจฉาจังเลย ฉันทำงานให้นายมาหลายปีแล้ว และฉันยังไม่เคยได้ชิมผักผัดฝีมือนายเลย” ความคิดเห็นนี้มาจากซูหนานหลังจากโพสต์เสร็จ จ้านหยินก็เก็บโทรศัพท์กลับเข้าไปในกระเป๋าโดยไม่ได้ดูการถูกใจและความคิดเห็นจากเพื่อนของเขาเขากลับเข้าไปในห้องไห่ถงเพิ่งออกมาจากห้องน้ำหลังอาบน้ำเมื่อเห็นเขาเข้ามา เธอก็ทำหน้าบูดบึ้งใส่เขา: “มันไม่ยุติธรรมเลย”จ้านหยินยิ้ม เดินเข้าไปหาเธอ ก้มลงเล็กน้อย และกระซิบข้างหูเธอว่า “นั่นเป็นเพราะคุณฝึกฝนไม่เพียงพอ ความแข็งแกร่งของคุณตามฉันไม่ทัน เรามาฝึกฝนให
เมื่อเซินเสี่ยวจวินพูด เธอกำลังมองไปที่ซูหนานซูหนานรู้สึกกดดันอย่างมากเนื่องจากทักษะการทำอาหารของเขาไม่ดี เขาจึงไม่สามารถทำอาหารได้ดีเท่ากับเชฟของโรงแรมอย่างจ้านหยินเขาคร่ำครวญถึงเพื่อนสนิทของเขา บ่นอยู่ในใจว่าเขาทำให้คนโสดเช่นพวกเขายากที่จะมีภรรยาด้วยซ้ำ“คุณเซินก็จะมีความสุขมากเช่นกันในอนาคต”ซูหนานทำอาหารไม่เก่งแต่เขาเชื่อว่าเขาจะดีกับภรรยาได้มาก หากเขาและเซินเสี่ยวจวินลงเอยด้วยกัร มันจะทำให้เสี่ยวจวินมีความสุขอย่างแน่นอนเซินเสี่ยวจวินยิ้ม: "ใครจะรู้ล่ะว่าพวกเขาจะมีความสุขในอนาคตหรือเปล่า ความรักและการแต่งงานนั้นแตกต่างกัน การออกเดทนั้นช่างหอมหวาน แต่เมื่อคุณแต่งงานแล้ว คุณจะกลับสู่ความเป็นจริง ข้อบกพร่องที่ซ่อนอยู่ระหว่างการออกเดทจะถูกเปิดเผย เมื่อเราอดทนต่อกันตลอดเวลาเท่านั้นที่จะสามารถแต่งงานได้ยาวนาน""ประธานซูทำอาหารไม่เป็นใช่ไหม?"ซูหนานพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า "ผมเคยทำอาหารมาก่อน แต่ทักษะการทำอาหารของผมไม่ดีนัก ผมทำอาหารแทบไม่ได้ แต่ก็น่าจะพอทำได้ เสี่ยวจวิน คุณต้องการสามีที่สามารถจัดการทั้งห้องนั่งเล่นและห้องครัวได้หรือเปล่า?"เขาไม่เรียกเธอว่าคุณเซินอีกต่อไป เพราะ
ซูหนานซึ่งใช้ประโยชน์จากเส้นสายของตระกูลซู ได้ตรวจสอบบรรพบุรุษของเซินเสี่ยวจวินอย่างถี่ถ้วนถึงสิบแปดรุ่นแล้ว เขารู้ด้วยซ้ำว่าคุณยายของเธอให้กำเนิดลูกกี่คน และมีลูกกี่คนที่รอดชีวิต ซึ่งเป็นข้อมูลที่แม้แต่เธอก็ยังไม่รู้เธอรู้เพียงว่าพ่อของเธอมีพี่น้องห้าคน และคิดเสมอว่าปู่ย่าของเธอมีลูกเพียงห้าคนครั้งหนึ่งระหว่างการสนทนา ซูหนานเล่าว่าพ่อของเธอมีพี่น้องทั้งหมดเก้าคน แต่มีเพียงห้าคนเท่านั้นที่รอดชีวิตจนโตเป็นผู้ใหญ่ ขณะที่สี่คนเสียชีวิตในวัยเด็กเซินเสี่ยวจวินรู้สึกตกตะลึงในเวลานั้นเมื่อกลับถึงบ้าน เธอถามพ่อของเธอซึ่งก็ไม่รู้เรื่องนี้เหมือนกัน จากนั้นเธอก็ถามคุณย่าของเธอซึ่งยืนยันว่ามันเป็นเรื่องจริงในอดีต สภาพความเป็นอยู่ย่ำแย่ และหลายครอบครัวมีลูกหลายคน แต่เป็นเรื่องปกติที่บางคนเสียชีวิตตั้งแต่อายุยังน้อยคุณย่าของเธอถามว่าเธอรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?เพราะลูกสี่คนแรกของคุณย่าเสียชีวิตตั้งแต่ยังเล็ก และลูกห้าคนสุดท้ายก็เติบโตเป็นผู้ใหญ่พ่อของเธอจึงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขามีพี่น้องอีกสี่คนที่เสียไปแล้วเหตุการณ์นั้นทำให้เซินเสี่ยวจวินตระหนักว่าตระกูลซูนั้นแข็งแกร่งและน่ากลัวมากกว่า
ในด้านนี้ คำสารภาพของซูหนานล้มเหลว ในขณะที่อีกด้านหนึ่ง จ้านหยินสองสามีภรรยากำลังมีความสุขกับความหวานของการกลับมาพบกันใหม่หลังจากการพรากจากกันในช่วงสั้นๆหลังอาหารเย็นไห่ถงนั่งบนโซฟาดูทีวี ขณะที่จ้านหยินอยู่ในครัวกำลังล้างจานชีวิตแบบนี้ทำให้ไห่ถงรู้สึกพึงพอใจและมีความสุขมากหลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ลุกขึ้นและเดินไปโดยพิงประตูห้องครัว และมองดูจ้านหยินล้างจาน“ไม่อยากดูทีวีแล้วเหรอ?”จ้านหยินรู้สึกถึงการจ้องมองของเธออย่างรวดเร็ว เขาหันหน้าไปมองเธอแล้วล้างจานต่อไป"ปกติฉันไม่ค่อยดูละคร เลยไม่รู้ว่ามีละครดีๆมั้ย ฉันเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆแต่หาช่องที่ต้องการดูไม่เจอ ฉันรู้สึกว่าละครโทรทัศน์ทุกวันนี้ไม่ดีเหมือนก่อนและสเปเชียลเอฟเฟ็กต์ก็เกินจริงมากไป บางทีฉันอาจจะแก่แล้ว ฉันถึงดูพวกมันไม่ได้"จ้านหยินหัวเราะ: “คุณยังเด็กมาก และคุณบอกว่าคุณแก่แล้ว คุณมักจะกลับบ้านดึกตลอด แล้วคุณจะเอาเวลาไหนไปดูละคร?”หลังจากหยุดไปพักนึง เขาก็พูดต่อ: "ฉันไม่มีเวลาดูทีวีหรือดูรายการทีวี แต่ฉันเห็นด้วยกับการวิเคราะห์ของคุณ""บริษัทของพวกเรายังมีบริษัทภาพยนตร์และโทรทัศน์ซึ่งผลิตละครโทรทัศน์ที่ดัดแปลงโดยบริษ
จ้านหยินเช็ดเตาให้สะอาด ซักผ้า แล้วล้างมือ จากนั้นเขาก็หันหลังกลับและเดินไปหาไห่ถงโดยวางมือบนใบหน้าของเธอ เขาบีบเบาๆ สองสามครั้งแล้วยิ้ม "ฉันบอกว่าอยากเรียนก็เรียน ถ้าไม่อยากเรียนก็ไม่ต้องเรียน ฉันไม่รังเกียจ"ไห่ถงจับมือเขาแล้วเดินไปกับเขาที่ระเบียง นั่งลงบนเก้าอี้ชิงช้าเธอพิงไหล่ของเขาและมองดูอาคารสูงข้างนอกกับเขา“เมื่อเปิดไฟ อาคารฝั่งตรงข้ามก็มืดลง พวกเขาทั้งหมดกลับไปที่บ้านเกิดในช่วงตรุษจีน”“พรุ่งนี้เช้าเราก็จะกลับบ้านหลังเก่าเหมือนกัน ฉันบอกคุณยายแล้ว และเธอก็ให้คนเตรียมห้องของเราไว้แล้ว”จ้านหยินโอบไหล่ของเธอ และหัวของสองสามีภรรยาก็โน้มเข้าหากันเต็มไปด้วยกลิ่นอายที่อบอุ่นและหอมหวาน“ถงถง บ้านเก่าของเราค่อนข้างเก่าแล้ว อย่าตกใจเมื่อเห็นล่ะ”“อายุเท่าไหร่แล้ว? ยังเป็นบ้านอิฐโคลนหรือกระท่อมมุงจากอยู่หรือเปล่า?”จ้านหยินหัวเราะ "ไม่แย่ขนาดนั้น มันเป็นบ้านเก่าที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษของเรา แม้ว่าเราจะซ่อมแซมมันทุกปี แต่ก็ยังดูเก่า และครอบครัวใหญ่ของฉันก็อาศัยอยู่ด้วยกันที่นั่น ฉันคิดว่าฉันเคยบอกเรื่องนี้กับคุณมาก่อนแล้ว "“บ้านหลังเก่าของครอบครัวคุณใหญ่แค่ไหน?”"บรรพบุรุ
ไห่ถงพยักหน้าและเตือนเขาว่า "คุณก็ต้องสวมเสื้อคลุมของคุณด้วย ถ้าคุณเป็นหวัด คุณจะต้องทานยาจีนทุกวัน"จ้านหยิน: "...มีคุณคอยดูแลฉันทุกวัน ฉันคงไม่กล้าปล่อยให้ตัวเองป่วยหรอก"กินยาแผนจีนเพียงไม่กี่วัน ก็อาจทำให้เขากลัวไปตลอดชีวิตจ้านหยินกลับไปที่ห้องของเขาและช่วยไห่ถงหาเสื้อโค้ท และเขาก็สวมเสื้อโค้ทของตัวเองด้วยเมื่อเขาออกมาจากห้อง เขาก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ไม่ใช่โทรศัพท์ของเขา มันเป็นของไห่ถง เขาเห็นไห่ถงหยิบโทรศัพท์ออกมาดูสักพักก่อนที่จะรับสายอย่างสงสัย"สวัสดี นี่ใคร?"จากคำถามของเธอ จ้านหยินรู้ว่ามันเป็นหมายเลขที่ไม่คุ้นเคยอีกด้านหนึ่งมีหยุดไปชั่วคราวไห่ถงถามอีกครั้งว่า "สวัสดี คุณเป็นใคร"“พี่ไห่ถง ผมเอง”เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมา และท่าทีของไห่ถงก็บูดบึ้งทันที เธอกำลังจะวางสาย“พี่ไห่ถง ได้โปรดอย่าเพิ่งวางสาย ผมแค่อยากคุยกับพี่ ผมจะไม่รบกวนพี่หรือเจอพี่ พี่ไห่ถง ผมจะบ้าตายแล้ว”จางเหนียนเซิงอ้อนวอนในโทรศัพท์ โดยหวังว่าไห่ถงจะไม่วางสายเขาอดทนมาเป็นเวลานานส่วนใหญ่เป็นเพราะเขากลัวว่าแม่ของเขาจะตอบโต้ไห่ถงจริงๆ ดังนั้นแม้ว่าเขาจะอยากเจอเธอมาก แต่เขาก็ยับยั้งชั่งใ
ดูเหมือนว่าไม่มีความหวังเรื่องระหว่างเซินเสี่ยวจวินและซูหนานบางทีอาจเป็นการดีที่สุดที่จะหลีกทางให้กับความรักของซูหนาน“เขารู้ว่าคุณแต่งงานแล้ว และความสัมพันธ์ของเราในฐานะสามีภรรยาเริ่มมั่นคงแล้ว แต่เขาก็ยังรบกวนคุณอยู่ คุณเอาแต่บอกว่าคุณสองคนเป็นเหมือนพี่น้องกัน และฉันก็ไม่หึงหวงหรือโวยวาย คุณคงไม่รู้ตัวหรอก เขาคิดถึงคุณมาตลอด”จ้านหยินเคาะหน้าผากของไห่ถงอย่างฉุนเฉียวไห่ถงลูบจุดที่เขาสะกิดและพูดอย่างไร้เดียงสา: “พวกเรารู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ฉันเฝ้าดูเขาโตขึ้นและปฏิบัติต่อเขาเหมือนเป็นลูกพี่ลูกน้องที่อายุน้อยกว่า ใครจะไปคิดว่าเขาจะชอบฉัน”"มันไม่ได้เป็นความผิดของฉัน ฉันไม่เคยพยายามไปยั่วเขาสักนิด"ขณะที่เธอพูด ไห่ถงก็กอดแขนเขาแล้วเดินออกไปข้างนอกพร้อมกับพูด "ถ้าใครชอบฉัน นั่นก็พิสูจน์ได้ว่าคุณยายมีรสนิยมดีไม่ใช่หรือว่าเธอเลือกภรรยาที่ดีให้กับคุณ"จ้านหยินหัวเราะเบาๆ “ใช่ ใช่ คุณยายมีรสนิยมดี เธอเลือกภรรยาที่ดีให้ฉัน”"แน่นอน ฉันเป็นภรรยาที่ดีของคุณ ด้วยนิสัยไม่ดีของคุณ ฉันเท่านั้นถึงยอมทนคุณได้ ถ้าเป็นผู้หญิงอื่นเธอคงจะเลิกกับคุณไปนานแล้วและอยู่ในสงครามเย็นจนจบ"จ้านหยินคิดใน
"ฉันคิดว่าคุณนายลู่ถ่ายรูปคุณหนูหยูและแสดงให้พี่สาวดูโดยตั้งใจ เพื่อทดสอบว่าเธอมีความรู้สึกกับตงหมิงหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ผลก็คือเธอไม่มีความคิดนั้นอย่างแน่นอน เธอไม่เคยคิดอะไรกับตงหมิงเลย ตอนนี้เธอหมกมุ่นอยู่กับร้านอาหารเช้าและต้องการเพียงแค่ประกอบอาชีพและหาเงิน"จ้านหยินก็มองไห่หลิงออกเช่นกัน"ถ้าเธอมีความคิดอะไรกับตงหมิง คุณนายลู่คงจะไม่ยอมให้เธอเปิดร้านที่นั่นต่อไป"ไห่ถงเห็นด้วยกับสิ่งที่สามีของเธอพูดคุณนายลู่กำลังทดสอบพี่สาวของเธอ พี่สาวของเธอไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่ไม่เป็นไร เธอจะได้ไม่ได้รับผลกระทบ"ที่รัก คุณคิดว่าฉันควรบอกเรื่องพวกนี้กับพี่สาวของฉันไหม?""คุณนายลู่คงทำอะไรไม่ได้ แสดงให้เห็นว่าเธอเพียงสงสัยเช่นเดียวกับเรา แต่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ คุณไม่จำเป็นต้องพูดอะไรกับพี่สาวของคุณ ฉันแค่ต้องคุยกับตงหมิงและบอกเขาว่าอย่าไปทานอาหารเช้าที่บ้านพี่สาวของเราในอนาคต"จ้านหยินบ่นให้เพื่อนๆ ฟังว่าครอบครัวของเขาไม่ได้เตรียมอาหารเช้าไว้ ลู่ตงหมิงต้องรีบไปร้านกินได้ไม่อั้นแต่เช้าเพื่อทานอาหารเช้าในวันหยุดสุดสัปดาห์ใช่ไหม"ตกลง"หลังจากจ้านหยินกินและดื่มจนอิ่มแล้ว ไห่ถงก็ยิ้มและถา
ไห่ถงรู้สึกโชคดีอีกครั้ง เธอได้แต่งงานกับผู้ชายที่แม้จะแสดงอาการงอแงเล็กน้อยเป็นครั้งคราว แต่เขาก็ปฏิบัติต่อเธอเป็นอย่างดี เขาไม่เคยใช้ความรุนแรงในครอบครัวกับเธอ และเขาไม่ต้องกังวลว่าเขาจะนอกใจด้วยกุญแจสำคัญอยู่ที่การเลี้ยงดูของเขา บ้านสามีที่่ใจกว้างและมีเมตตาอย่างแม่สามีตระกูลจ้าน เป็นสิ่งที่หาได้ยากในตระกูลที่ร่ำรวยเมื่อคิดย้อนกลับไปเมื่อคุณยายจ้านบอกกับเธอว่าเธอช่วยชีวิตอีกฝ่ายไว้และจะไม่แนะนำหลานชายที่ไม่ดีให้เธอรู้จักที่จริงแล้ว หลานชายทุกคนในครอบครัวของหญิงชราอย่างเธอนั้นนั้นดีมากจ้านหยินเป็นหลานชายคนโต และหญิงชราก็เลือกที่จะจับคู่เธอกับหลานชายที่ดีที่สุด"คุณนายลู่ได้ช่วยประธานลู่หาภรรยาที่เหมาะสมแล้ว เธอคือคุณหนูหยูหยินหยิน ทั้งสาว สวย และดูเฉลียวฉลาดและมีความสามารถ เห็นได้ชัดว่าเธอเป็นคนที่อยู่ในแวดวงชั้นสูงมายาวนาน ความมั่นใจและรัศมีแห่งความสง่างามที่แผ่ออกมาจากทุกการเคลื่อนไหว ท่าทางของเธอบ่งบอกว่าเธอมาจากภูมิหลังที่ร่ำรวยหรือสูงศักดิ์ นั่นสามารถทำให้คุณนายลู่ชอบเธอได้โดยไม่ต้องลำบากอะไร""ฉันรู้"จ้านหยินพูดขณะกิน "เป็นเพราะคุณนายลู่เลือกภรรยาที่เหมาะสมกับตงหมิง
"ไม่ต้องพูดถึงว่าเราทุกคนต่างก็มีสิ่งที่ต้องทำ แม้ว่าในอนาคตเราจะเกษียณ เราก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าเราจะตื่นขึ้นทุกวันและพบกันเมื่อเราลืมตาขึ้น"มีคนตื่นก่อนเสมอ และมีคนตื่นทีหลังเสมอจ้านหยินรู้ว่าเขาสร้างปัญหาโดยไม่มีเหตุผล"ป้าเหลียงบอกว่าคุณยังไม่ได้กินข้าว คุณหิวไหม ออกไปกินข้าวกันเถอะ ฉันจะอยู่กับคุณ"ไห่ถงรู้ว่าการยืดเวลาการสนทนาออกไปอาจทำให้เกิดความตึงเครียดระหว่างพวกเขามากขึ้นหลีกเลี่ยงการทะเลาะเบาะแว้ง เพราะอาจทำให้ทั้งคู่โกรธกันได้"อืม"จ้านหยินพยักหน้าแล้วปล่อยภรรยาที่รักของเขาจากอ้อมแขนไห่ถงดึงเขาออกมาป้าเหลียงเตรียมอาหารเช้าของจ้านหยินไว้บนโต๊ะอาหารแล้วนายน้อยชอบทำตัวจุกจิกจู้จี้ แต่ต่อหน้านายหญิง เขามักจะต้องก้มหัวและประนีประนอมอยู่เสมอป้าเหลียงไม่กังวลเลยว่าอาหารเช้าที่เธอทำจะเสียเปล่า"ทำไมคุณไม่พาหยางหยางมาล่ะ?"จ้านหยินทานอาหารเช้ากับภรรยา และอารมณ์ของเขาก็ดีขึ้น เขาเลิกทำหน้าเย็นชาและถามถึงเจ้าตัวน้อย"พี่สาวของฉันบอกว่าวันนี้เธอจะปิดร้านเร็วและปล่อยให้หยางหยางเล่นในร้าน เธอจะพาหยางหยางกลับบ้านเร็วๆ นี้ จ้าน...ที่รัก พาหยางหยางมาอยู่ที่นี่กันเถ
"เมื่อไหร่คุณยายจะกลับมา? ฉันคิดถึงเธอมาก"ไห่ถงคิดถึงวันที่คุณยายจ้านเคยอยู่ที่นี่มากป้าเหลียงพูด: "เมื่อฉันรู้ตัวว่าต้องเตือนนายหญิง มันก็สายเกินไปเสียแล้ว คุณผลักประตูเปิดและเดินเข้าไปแล้ว"ไห่ถงถอนหายใจอีกครั้งและพูดว่า "ฉันจะไปล้างมือ"เธอล้างมือสองครั้งด้วยสบู่และกลับไปที่ห้องที่เธอเคยอยู่ เธอหยิบชุดเสื้อผ้าที่สะอาดจากตู้เสื้อผ้า เปลี่ยนชุด แล้วกลับไปที่ห้องนอนใหญ่"ที่รัก ฉันล้างมือและฆ่าเชื้อสองครั้ง ฉันยังเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีขนแมวติดตัวของฉัน"ไห่ถงเดินไปข้างหลังจ้านหยิน และขณะที่เธอพูด เธอก็เอื้อมมือไปโอบรอบเอวของเขา"ที่รัก ฉันขอโทษ ฉันลืมไปจริงๆ ว่าฉันกำลังอุ้มแมวอยู่เมื่อกี้ จริงๆ แล้วพวกมันน่ารักมาก คุณให้ฉันเลี้ยงพวกมัน และพวกมันก็มีค่าสำหรับฉันทั้งหมด คุณพูดว่า ถ้าฉันให้หญ้าคุณหนึ่งกำมือ คุณจะถือว่ามันเป็นสมบัติ ในทำนองเดียวกัน ไม่ว่าคุณจะให้อะไรกับฉัน ฉันก็จะรักมันมาก"จ้านหยินไม่หันหลังกลับและปล่อยให้เธอโอบเอวของเขาเขากล่าว: "ฉันตื่นมาแล้วไม่เห็นคุณ ฉันถามป้าเหลียงแล้วเธอก็บอกว่าคุณออกไปแต่เช้า ฉันรู้สึกเหมือนถูกคุณทิ้งเอาไว้ข้างหลัง เมื่อคุ
ไห่ถงก้มตัวลงและอุ้มแมวขึ้นมา"นายหญิง คุณไปง้อนายน้อยก่อนเถอะ นายน้อยเพิ่งตื่นและยังไม่ได้กินข้าว"ป้าเหลียงรู้สึกไร้เรี่ยวแรงเมื่อจู่ๆ นายน้อยของเธอกลายเป็นคนคิดเล็กคิดน้อยถ้าเธอไม่มาทำงาน เธอคงไม่รู้ว่านายน้อยจะมีด้านที่คิดเล็กคิดน้อยเช่นนี้ไห่ถงลูบแมวแล้วถามป้าเหลียง: "ป้าเหลียง คุณต้องบอกฉันว่าทำไมเขาถึงโกรธ ฉันถึงจะง้อได้ ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลย"ป้าเหลียงกระซิบ: "ฉันเดาว่านายน้อยคงโกรธที่คุณออกไปข้างนอกแต่เช้าในวันหยุดสุดสัปดาห์ นายน้อยพักผ่อนที่บ้านและหวังว่านายหญิงจะอยู่กับเขา"ไห่ถง: "... ฉันแค่ไปช่วยงานพี่สาวของฉัน แม้ว่าจะเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่โรงงานหลายแห่งไม่มีวันหยุดและยังต้องทำงาน ดังนั้นร้านอาหารเช้าของน้องสาวฉันจึงยังคงยุ่งมาก ฉันออกไปเร็วแต่ก็กลับมาเร็วเช่นกัน ฉันยังกลับมาก่อน 10 โมง"เธอไม่เคยคิดว่าจ้านหยินจะกลายเป็นคนใจแคบเพราะเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ป้าเหลียงก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเหมือนกัน"ฉันจะเข้าไปง้อเขา"ไห่ถงซึ่งรู้ดีว่าสามีของเธอเป็นคนแบบไหน เดินเข้าไปในห้องอย่างช่วยไม่ได้พร้อมกับแมวของเธอในอ้อมแขนหลังจากที่เธอผลักประตูเปิดและเข้าไป ป้าเหลียงก็จำ
ขณะที่ยุ่งอยู่ตรงนี้ จ้านหยินก็ตื่นขึ้นตามปกติ ก่อนที่เขาจะลืมตา เขาหันข้างและเหยียดแขนยาวของเขาออกไปเพื่อกอดภรรยาที่รักของเขา แต่สุดท้ายก็คว้าลมนั่นคือตอนที่เขาลืมตาขึ้นแน่ล่ะ ไห่ถงไม่อยู่ในห้องอีกต่อไปเมื่อมองดูท้องฟ้าภายนอก พระอาทิตย์กำลังขึ้นสูงจ้านหยินหันกลับมาและหยิบโทรศัพท์จากโต๊ะข้างเตียงเพื่อดูเวลา"ตอนนี้เก้าโมงแล้ว!"จู่ๆ เขาก็ลุกขึ้นนั่งแม้กระทั่งในวันหยุดสุดสัปดาห์ เขาก็ไม่เคยเข้าตื่นสายขนาดนี้มาก่อนบางทีอาจเป็นเพราะว่าเขากลับบ้านดึกเมื่อคืนก่อนเขารีบอาบน้ำและเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าลำลอง โดยตั้งใจเลือกชุดที่ไห่ถงซื้อมาให้เขาเมื่อเขาเปิดประตู เขาก็เห็นป้าเหลียงกำลังนั่งอยู่บนโซฟา อุ้มแมวตัวหนึ่งไว้และดูทีวี เมื่อได้ยินเสียงประตูเปิด เธอจึงหันไปมองเขา จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนพร้อมรอยยิ้ม “นายน้อย คุณตื่นแล้ว คุณอยากกินอาหารเช้าไหม?”"ตอนนี้เก้าโมงกว่าแล้ว"จ้านหยินบ่นพึมพำขณะเดินออกไป“ถึงจะเก้าโมงกว่าแล้ว ก็ยังควรกินอะไรนะ นายหญิงได้สั่งเราไว้ก่อนที่เธอจะออกไป ให้เตือนนายน้อยว่าควรกินอาหารเช้าเมื่อเขาตื่นนอน”"นายหญิงของคุณอยู่ที่ไหน? เธอตื่นและออกไปข้างนอกตั้ง
หยูหยินหยินก็ไม่ได้โกรธเช่นกันเธอและลู่ตงหมิงรู้จักกันมาเป็นเวลานานแล้ว แต่พวกเขาแทบจะไม่ได้พูดคุยกันเลย ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่าพวกเขาไม่ได้รู้จักกันดีนักเขาไม่รู้เกี่ยวกับอดีตของเธอ ก็ถือเป็นเรื่องปกติ"คุณหนูหยู นี่อาหารเช้าของคุณ"หลังจากไห่หลิงทำอาหารเช้าให้หยูหยินหยินแล้ว เธอก็เอามาวางไว้ตรงหน้าเธอ ด้วยรอยยิ้ม เธอกล่าวกับหยูหยินหยินว่า "คุณหนูหยู ทานให้อร่อยนะคะ"หยูหยินหยินตอบด้วยรอยยิ้มไห่หลิงกลับไปที่นั่งและนั่งลง"พี่ คุณเจอเธอเมื่อไหร่?"ไห่ถงกระซิบกับพี่สาวของเธอ"คุณนายลู่แวะมาวันก่อนและเข้ามานั่งคุยกับฉัน ขณะที่คุยกับฉัน เธอบอกฉันว่าเธอต้องการจับคู่คุณหนูหยูกับประธานลู่ และแสดงรูปถ่ายของคุณหนูหยูให้ฉันดู ฉันก็เลยจำเธอได้"ไห่หลิงตอบน้องสาวของเธอด้วยเสียงต่ำและกระซิบ: "เห็นไหม พวกเขาเข้ากันได้อย่างสมบูรณ์แบบ คุณหนูหยูก็ให้ความรู้สึกสบายใจมากเช่นกัน โดยไม่มีความรู้สึกห่างเหินแบบทายาทเศรษฐี"ไห่ถงมองน้องสาวอย่างละเอียด จากนั้นก้มหัวลงเพื่อกินบะหมี่และกระซิบว่า "เข้ากันได้ดีทีเดียว"ป้าเคยพูดว่าคุณนายลู่เข้ากับคนยากมากจ้านหยินก็พูดเช่นกันเนื่องจากคุณนายลู่ม
เขาไม่มีอะไรจะคุยกับไห่ถงมากนักและด้วยไห่ถงที่อยู่ที่นี่ ลู่ตงหมิงและไห่หลิงก็ไม่ได้พูดอะไรมากนักลูกค้าก็เริ่มทยอยเข้ามาเพื่อกินเกี๊ยวนึ่ง ผู้ช่วยร้านเป็นคนจัดการรับออเดอร์ พนักงานจะเสิร์ฟอาหารเช้าให้พวกเขาแทนไห่หลิงซึ่งเป็นเถ้าแก่เนี้ยเองเธอสามารถนั่งลงในที่เดิมและกินบะหมี่ต่อไปได้"พี่ลู่"คำว่าพี่ลู่นั้น ทำให้ลู่ตงหมิงหมดความอยากอาหารทันทีพี่น้องไห่มองไปที่หญิงสาวสวยที่เปิดประตูกระจกและเดินเข้ามา ไห่ถงไม่เคยรู้จักหยูหยินหยิน แต่ไห่หลิงเคยเห็นภาพของหยูหยินหยิน เมื่อมองไปหยูหยินหยินที่เข้ามา เธอคิดว่าหยูหยินหยินสวยกว่าในรูปเข้ากันได้ดีกับลู่ตงหมิง"คุณหนูหยู คุณอยากทานอาหารเช้าไหม?"ไห่หลิงวางตะเกียบลงและยืนขึ้นอีกครั้งเพื่อต้อนรับแขกสายตาของหยูหยินหยินละสายตาจากลู่ตงหมิงและจ้องมองไปที่ไห่หลิง เธอเคยเห็นไห่หลิงหลายครั้งจากไกลๆ แต่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นหน้าอีกฝ่ายกับตาตัวเอง เมื่อมองดูไห่หลิงอย่างดีๆแล้ว หยูหยินหยินรู้สึกว่าไห่หลิงเป็นหญิงสาวที่สวยมาก“ฉันได้ยินมาว่าอาหารเช้าที่นี่อร่อยมาก ฉันจะทานเหมือนกับพี่ลู่ ขอบคุณ”หยูหยินหยินเดินไปที่โต๊ะของลู่ตงหมิง วางกระเ
"ตกลง"น้องของเธออยากกินบะหมี่เครื่องในหมู ไห่หลิงยังต้มบะหมี่เครื่องในหมูสองชามด้วย เธอไม่ชอบผักชี ดังนั้นจึงมีแต่ชามน้องของเธอเท่านั้นที่ใส่ผักชีในชามของเธอ"บะหมี่เสร็จแล้ว"ไห่หลิงเรียกน้อฃให้มาเอาบะหมี่ที่ปรุงแล้วไห่ถงหยุดงาน ล้างมือ แล้วเดินไปหยิบชามบะหมี่ของเธอสองพี่น้องนั่งลงที่โต๊ะ ไห่ถงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาอย่างเป็นนิสัยและเตรียมกินบะหมี่ไปพร้อมกับอ่านข่าวไปด้วย"เวลากิน อย่ามัวแต่ดูโทรศัพท์ข เก็บโทรศัพท์ของเธอลงไป"ไห่หลิงไม่ยอมให้เธอกินในขณะที่เล่นโทรศัพท์ของเธอแบบนี้"ฉันแค่จะดูมันเฉยๆ"ไห่ถงพูด แต่ก็เก็บโทรศัพท์ของเธอกลับเข้าไปในกระเป๋าอย่างเชื่อฟัง"ต่อไปนี้ กินข้าวอยู่ห้ามเล่นโทรศัพท์ไปด้วย""เข้าใจแล้ว"ต่อหน้าพี่สาวของเธอ ไห่ถงไม่กล้าที่จะดื้อรั้น นอกจากนี้ การใช้โทรศัพท์ขณะกินอาหารก็เป็นนิสัยที่ไม่ดีจริงๆ“พี่ คืนนี้พี่จะไม่ไปงานเลี้ยงกับฉันจริงๆ เหรอ”"ไม่ไป""พี่ ฉันคิดว่าคุณควรออกไปเปิดโลกบ้าง"ไห่หลิงค่อยๆ กินบะหมี่ที่เพิ่งปรุงเสร็จและร้อนมาก"ฉันไม่จำเป็นต้องไปดูโลกแล้ว ฉันยังไปไม่ถึงระดับนั้น เธอแตกต่าง เธอเป็นนายหญิงคนโตของตระกูลจ้าน เธอต้