"ทำไมไม่รับสายครับ?"หลังจากจ้านหยินวางของไว้ในรถแล้ว ก็เห็นภรรยาจ้องมองโทรศัพท์และพูดพึมพำ"อาจเป็นพวกญาติบ้าๆ ของฉันน่ะค่ะ""รับสายก็รู้แล้วว่าเป็นใคร ทหารมาก็ยกทัพสู้ น้ำมาเอาดินกั้น ยังไงก็รับมือได้มีผมอยู่นะ"มีเขาอยู่ แม้ฟ้าถล่ม เขาก็สามารถช่วยเธอได้ประโยคหนึ่งว่า "มีผมอยู่" ทําให้ไห่ถงเกิดความอบอุ่นในใจทันที แม้ว่าชายคนนี้จะมีข้อบกพร่องมากมาย แต่เธอก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบ พวกเขาอยู่ในครอบครัวที่แต่งงานสายฟ้าแลบ ตอนนี้เขาก็ทำได้ดีมากแล้วเธอเพิ่มคะแนนให้กับจ้านหยินในใจของเธอและรับสายเรียกเข้าที่ไม่คุ้นเคย"ไห่ถง ปู่เอง"เสียงแปลกๆ ที่ไม่คุ้นเคยยังคงเต็มไปด้วยพลัง แม้ว่าไห่ถงจะไม่ได้ติดต่อกับคนในบ้านเกิดมาเป็นเวลานาน แต่ก็บอกได้ทันทีว่านี่เป็นเสียงของปู่ไห่ถงก็แค่รับคำไม่พูดอะไร รอให้ปู่พูดมา"ตอนเช้าพี่ชายแกโทรมาบอกว่าย่าป่วยและจะมาพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลในตัวเมืองไม่ใช่หรือ? ให้แกช่วยไปเอาคิวหาหมอมา พวกเราเลยรีบมาจากบ้านนอก ยังเข้าโรงพยาบาลไม่ได้ ยังต้องตรวจอีกครั้ง บอกว่าวินิจฉัยแล้วถึงจะนอนที่โรงพยาบาลได้""ตอนนี้แกกับพี่สาวอาศัยอยู่ที่ไหน พวกเราไปบ้านที่พวกแกเคยอยู่ แ
ไห่ถงรู้ดีว่าญาติเธอจากชนบทนั้นจะไม่ยอมแพ้ พอคิดถึงว่าเขาไม่รู้ว่าพวกเธอสองพี่น้องอาศัยอยู่ที่ไหน ในเมืองใหญ่ขนาดนี้คงเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขาที่จะตามหาสองพี่น้อง หลังจากโกรธไปครั้งหนึ่งแล้ว จึงไม่อยากสนใจมันอีก เพื่อไม่ให้กระทบต่ออารมณ์ในการไปกินข้าวเย็นบ้านพี่สาวบทสนทนาระหว่างปู่และหลาน จ้านหยินฟังด้วยหูและเก็บไว้ในใจเขาให้ซูหนานช่วยตรวจสอบข้อมูลของทุกคนในตระกูลไห่แล้ว และเชื่อว่าจะรู้เรื่องในภายหลังทั้งคู่มาถึงชั้นล่างของบ้านไห่หลิงและบังเอิญเห็นไห่หลิงลงไปทิ้งขยะที่ชั้นล่าง"พี่คะ"ไห่ถงมีความสุขมากที่ได้พบพี่สาวของเธอ และเดินไปหาพี่สาวก่อน"ถงถง พวกเธอมาแล้ว"ท่าทางเหนื่อยล้าของไห่หลิงหายไป เมื่อเห็นน้องสาวและสามีของเธอ เธอเห็นจ้านหยินลงจากรถพร้อมถุงใบใหญ่และใบเล็ก เธอก็บ่นกับน้องสาวว่า "ไม่ใช่ว่าเราเป็นคนนอก ฉันขอให้คุณมาทานอาหารเย็น แล้วซื้ออะไรมามากมาย เสียเงินไปเยอะเลย”"พี่ ผลไม้นิดหน่อยเท่านั้นเองครับ"จ้านหยินเรียกพี่สาวอย่างสนิทสนม ไห่หลิงยิ่งดูน้องเขยคนนี้ยิ่งชอบ เขาเป็นคนซื่อสัตย์และใจดี แม้ว่าจะไม่มาก แต่ก็มีน้ำใจกับน้องสาวของเธอถ้าไห่ถงรู้ว่าพี่สาวประเมิ
ลูกชายคนเล็กขอพี่สะใภ้โจวเดินตามหลังมาและร้องไห้ "จะเอาเครื่องบินในมือของหยางหยาง"โจวหยางรีบซ่อนเครื่องบินของเล่นของเขาไปข้างหน้าทันที และยังหันหน้ามองลูกพี่ลูกน้องอย่างประหม่า ร้องเรียกว่า "แม่อุ้ม แม่อุ้ม"ไห่หลิงอุ้มลูกชายขึ้น"ไห่หลิง ให้หยางหยางเอาเครื่องบินมาให้เสี่ยวเป่าเล่นก่อน เสี่ยวเป่ามาที่นี่ในฐานะแขกนะ หยางหยางควรให้เสี่ยวเป่าเล่นก่อน"พี่สะใภ้โจวเดินเข้ามา ช่วยเช็ดน้ำตาให้ลูกชายคนเล็กก่อน แล้วลุกขึ้นเอื้อมมือไปแย่งเครื่องบินของเล่นจากโจวหยาง แต่โจวหยางกลับไม่ยอมปล่อยมือ พี่สะใภ้โจวยังออกแรงแย่งมา เมื่อเหลือบไปเห็นไห่ถงและสามี และจ้านหยินก็ยังถือถุงใบเล็กใบใหญ่ไว้ในมืออีก เธอรับชักมือกลับทันทีเธอยิ้มและทักทายไห่ถง "ไห่ถงไม่ได้เจอกันนานเลย นี่คือสามีของเธอเหรอ? หล่อและสง่างามจริงๆ"เขาไม่เพียงแต่หล่อเท่านั้น แต่นิสัยและพฤติกรรมของเขายังดีกว่าน้องชายที่เป็นผู้จัดการในบริษัทใหญ่หลายขุมพี่สะใภ้โจวแอบอิจฉาไห่ถงในใจ"พี่โจว ไม่ได้เจอกันนานเลย คนนี้คือสามีของฉันค่ะ แซ่จ้าน"พี่สะใภ้โจวกำลังยุ่งอยู่กับการทักทายจ้านหยินจ้านหยินพยักหน้าเบาๆ ไม่พูดอะไรและท่าทางดูเย็นชาม
จ้านหยินค่อนข้างรักความสะอาด คิดว่าเด็กเล็กมือสกปรกและทําให้ของเล่นใหม่สกปรก ก่อนที่จะมอบของเล่นใหม่ให้อีกฝ่ายอย่างใจกว้างเด็กสองคนเลิกทะเลาะกันแล้ว บรรยากาศของผู้ใหญ่ก็ผ่อนคลายลงเช่นกันแม้ว่าจ้านหยินจะไม่พูดอะไร แต่แววตาและสีหน้าของเขาทำให้ตระกูลโจวรู้ว่าสามีของไห่ถงไม่ควรล้อเล่นด้วยแม่โจวรู้สึกว่าไห่ถงไม่ใช่คนง่ายๆ มาตั้งแต่แรก และตอนนี้เธอก็ได้พบผู้ชายที่ไม่ควรไปหาเรื่องด้วย เธอรู้ว่าลูกสะใภ้ของเธอและไห่ถงมีความรักอย่างลึกซึ้ง และเธอก็รู้ถึงพฤติกรรมของลูกชายเธอด้วยเธอต้องหาโอกาสเตือนลูกชายของเธอว่าอย่าทำอะไรจนเกินไป ถึงแม้ว่าไห่หลิงจะต้องดูแลลูกตลอดเวลาและไม่สามารถหาเงินได้ แต่เธอก็ให้กำเนิดหลานชายคนโตของตระกูลโจว ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ โดยปราศจากความพยายาม ดังนั้นไห่หลิงจึงต้องไว้หน้าบ้างโจวหงหลินกลับบ้านมาอย่างรวดเร็วหลังจากที่เขากลับมาก็นั่งพักสักครู่หนึ่ง แล้วไห่หลิงก็เรียกทุกคนไปเพื่อทานอาหารไห่ถงเดินตามพี่สาวเข้าไปในครัวเพื่อเสิร์ฟอาหาร เมื่อเธอเห็นอาหารทะเลหลายชนิด เธอจึงกระซิบกับพี่สาวว่า "พี่ จ้านหยิน และฉันไม่ใช่คนนอก เรามากินข้าวที่บ้าน ไม่จำเป็นต้องซื้ออาหารทะ
“ไห่หลิง หงหลินต้องไปทำงานทุกวัน เขายุ่งและเหนื่อยกับงาน เขาหาเงินมาเลี้ยงครอบครัว ทั้งเลี้ยงเธอและหยางหยาง เธอเป็นภรรยาของเขาและควรดูแลเขาให้ดี จะให้หงหลินทำงานบ้านได้อย่างไร?"“หงหลินบอกจะใช้ระบบหารครึ่งกับเธอเพียงเพราะเขาไม่อยากให้เธอใช้เงินฟุ่มเฟือยแค่นั้นเอง สามีภรรยาจะอยู่ด้วยกันด้วยจะคิดเล็กคิดน้อยแบบนี้ได้ยังไง? รีบไปทำความสะอาดโต๊ะและอย่าทำให้หงหลินโกรธ เขาเหนื่อยมากพอกับทำงานข้างนอกแล้ว เธอต้องมีน้ำใจและเกรงใจเขาบ้างนะ”พี่โจวคล้อยตามคําพูดของแม่เธอว่า "ก็คือเธอไม่ได้ไปทํางาน แค่อยู่บ้านดูแลหยางหยาง ค่ากิน ค่าเสื้อผ้า ค่าบ้านล้วนเป็นเงินของหงหลิน คุณยังคิดจะให้หงหลินทํางานบ้านอีกเหรอ?"ไห่หลิงออกมาจากห้องครัว เดินไปที่มอเตอร์ไซค์ของเล่นเด็กและอุ้มลูกชายขึ้นมา พูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ว่า "ฉันไม่มีงานทํา ไม่มีรายได้ เลี้ยงลูกอยู่บ้าน อาศัยหงหลินหาเลี้ยง แต่เขากลับต้องการใช้ระบบ หารครึ่งกับฉัน นี่หมายความว่าอะไรคะ?""ได้ค่ะ งั้นจะเอาระบบหารครึ่ง ก็เอาระบบหารครึ่งไม่ว่าจะเป็นของใช้ในบ้านหรืองานบ้าน ก็ต้องใช้ระบบ หารครึ่ง ต่างคนต่างทําของตัวเอง พวกคุณบอกว่าฉันอยู่บ้านเลี้ยงลูกมั
พี่โจวพูดต่อ "ที่นี่อยู่ไม่ไกลจากโรงเรียน จะบอกว่าเป็นบ้านอยู่ในเขตการศึกษาก็ไม่แปลก"“โดยปกติแล้วให้ไห่หลิงดูแลเด็กสองคน ซักผ้าและทำอาหารให้พวกเขา ค่าอาหาร…”โจวหงหลินรับพูด "พี่ นั่นคือหลานสาวแท้ๆ ของผม ไม่ต้องจ่ายค่าอาหาร ผมช่วยหาคนมาช่วยเด็กสองคนทําเรื่องการย้ายโรงเรียน แล้วย้ายมาที่นี่ ทุกวันจะไปโรงเรียนก็ให้ไห่หลิงไปรับไปส่ง ยังไงเธออยู่บ้านว่างๆ "พี่โจวและสามีมีความสุขมาก เมื่อเห็นว่าน้องชายเห็นด้วยทันทีแม่โจวกลับเตือนลูกชายว่า "หงหลิน เรื่องนี้แกต้องปรึกษากับไห่หลิงให้ดี ไม่ว่ายังไงกับบ้านหลังนี้ เธอก็มีส่วนรวมด้วย"จากนั้นเธอก็พูดกับลูกสาวว่า “ได้ยินมาว่าไม่ใช่จะมาเรียนประถมที่นี่ แล้วสามารถมาที่เข้าเรียนมัธยมต้นได้เลย แกต้องย้ายทะเบียนบ้านมาที่นี่ บ้านที่แกอยู่ตอนนี้ไม่ถือเป็นชนบทแต่เป็นชานเมือง โรงเรียนรอบๆ บริเวณก็ไม่เลว ตอนนั้นแกสองพี่น้องก็เรียนโรงเรียนเหล่านั้น ก็เข้ามหาวิทยาลัยดีๆ ทั้งคู่ไม่ใช่เหรอ?”คนแก่แบบเธอรู้สึกว่าตราบใดที่ลูกเรียนหนังสือเก่ง เรียนโรงเรียนไหนก็ไม่ต่างกัน"ใช่แล้ว แม่เตือนฉันก่อน หงหลิน เอาแบบนี้ไหม ฉันจะย้ายทะเบียนบ้านของลูกสองคนไปยังทะเบ
ทั้งครอบครัวมารวมตัวกันเพื่อกินแตงโมและดูทีวีอยู่พักหนึ่งก่อนที่บ้านโจวจะเข้าไปในห้องนอน เพื่อพักผ่อนพวกเขาจะอยู่ที่นี่สักสองสามวันตอนนี้ไห่ถงย้ายออกไปแล้ว ยังมีห้องว่างอีกห้อง ซึ่งเพียงพอให้ครอบครัวโจวอยู่ได้ในเมื่อไม่มีไห่ถงช่วยทำงานบ้าน ไห่หลิงต้องดูแลลูก ซื้อกับข้าว และยังต้องทำอาหารอีก บ้านหลังนี้จึงไม่รู้สึกสะอาดและเป็นระเบียบอีกต่อไปก่อนเข้าห้อง พี่โจวเรียกน้องชายของเธอด้วยเสียงเบาๆ และพูดกับเขาว่า "ไห่ถงและสามีซื้อของมามากมาย เมื่อกี้ไห่หลิงโกรธจึงถือของทั้งหมดไปในห้อง ฉันแอบเห็นในถุงมีแต่ของดีๆ ทั้งนั้นเลย"“มีบุหรี่ดีๆ และเหล้าดีๆ แกไปหยิบเอามาให้พี่เขยหน่อย ไห่หลิงไม่สูบบุหรี่และดื่ม พี่เขยมักจะไม่ค่อยได้สูบบุหรี่ดีๆ ยังมีพ่ออีกไม่ค่อยจะเคยได้กินเหล้าดีๆ แกไปเอาเหล้าให้พ่อด้วย”โจวหงหลินหัวเราะเบา ๆ ก่อนแล้วพูดว่า "พี่ ดูพูดเข้า ถ้าชอบก็แค่เอาไป แต่ตอนนี้รีบไปช่วยลูกอาบน้ำก่อนแล้วพาเข้านอน คืนวันพรุ่งนี้ผมจะไม่ไปพบปะสังสรรค์กับลูกค้า เดี๋ยวจะพาพวกพี่ไปขับรถเที่ยว”"โอเค"พี่โจวยิ้มแล้วเดินกลับห้องไปอย่างพึงพอใจโจวหงหลินผลักประตูเปิดเข้าไปข้างใน หยางหยางหลับไปแล
เธอพูดอย่างเย็นชาว่า "โจวหงหลิน ตอนนี้ฉันแลลูกของเราอยู่ที่บ้าน คุณคิดว่าฉันเป็นคนไร้ประโยชน์ที่รู้แต่เรื่องกิน รู้จักแค่ใช้เงิน และไม่สามารถหาเงินได้ นั่นก็เป็นลูกชายที่ฉันคลอดออกมา ฉันจะทนอยู่เพื่อความสุขของลูกชายของฉัน”“แต่ลูกสองคนของพี่สาวคุณไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน มันไม่ใช่ความรับผิดชอบของฉัน ฉันช่วยเธอดูแลลูกไม่ได้! ยังมีอีกคุณให้เธอย้ายชื่อลูกๆ มาไว้ที่ทะเบียนบ้านนี้ ใครที่จะได้รับผลกระทบรู้ไหม? ก็คือหยางหยางลูกเราที่จะไม่มีโอกาสได้เข้าเรียนในโรงเรียน”"ใบรับรองทรัพย์สินโอนให้เป็นชื่อพี่สาวคุณ ใบรับรองนั้นเดิมไม่มีชื่อฉันอยู่แล้ว คุณต้องโอนชื่อเจ้าของบ้าน มันก็เป็นเรื่องของคุณ แต่ถ้าในอนาคตจะเอาบ้านคืนไม่ได้ ก็เป็นเรื่องของคุณอีก แต่ก่อนที่คุณจะโอนบ้านให้พี่สาวของคุณ คุณต้องเอาค่าตกแต่งบ้านที่ฉันออกเงินไป มาคืนให้ฉัน"“ฉันกลัวว่าเมื่อถึงตอนนั้นบ้านหลังนี้จะกลายเป็นของพี่สาวคุณ เงินที่ฉันออกค่าตกแต่งไปจะได้คืนสักสลึงเดียว”สีหน้าของโจวหงหลินมืดลงทันที“ผมสัญญาว่าจะให้เงินค่าใช้จ่ายกับคุณมากขึ้น โอเคใช่ไหม? ยังไงคุณก็อยู่บ้านทำอาหารให้ลูกอยู่แล้ว คุณแค่เพิ่มดูแล อีกหนึ่งหรือสองเ