จ้านหยินตัดสายโทรศัพท์ทันทีซางหวู่เหิงไม่ได้โกรธเมื่อถูกเขาตัดสายโทรศัพท์เขาเยาะเย้ยและพูด: "จ้านหยิน ถ้านายมีความกล้าจะไม่เรียกฉันว่าพี่แน่นอน ฉันไม่เชื่อว่าฉันจะจัดการกับนายไม่ได้"หลานจิงเทแก้วน้ำให้เขาและพูดกับ หลังจากได้ยินประโยคสุดท้ายของเขาว่า "ตอนนี้พวกเราเป็นญาติกันแล้ว แล้วทำไมยังเอาแต่พูดเรื่องความสัมพันธ์กัน ไม่ว่าจ้านหยินจะปกปิดตัวตนของเขาด้วยเหตุผลใดก็ตาม เขาก็คือสามีของไห่ถง"“ฉันแข่งขันกับเขามาหลายปีแล้วและเป็นการต่อสู้ที่สูสีมาโดยตลอด ตอนนี้ฉันมีโอกาสที่จะอยู่เหนือเขาแล้ว ถ้าฉันไม่สนุกกับมันสักสองสามวัน มันจะเสียโอกาสนี้ไป”ซางหวู่เหิงหยิบน้ำขึ้นมาจิบเล็กน้อย “ตอนนี้ฉันโกรธจ้านหยินมาก ฉันต้องหาทางเอาคืนเขา ตอนที่เขากลับมาแล้ว และรอเขาชวนฉันไปทานอาหารเย็น ฉันจะโทรหาไห่ถงและให้แน่ใจว่าเขาจะเรียกฉันว่าพี่ต่อหน้าเธอ”“ที่รัก แค่คิดถึงคู่แข่งตัวฉกาจที่เรียกฉันว่าพี่ก็ทำให้ฉันมีความสุขมาก”“ฉันเห็นว่าคุณโกรธจนแทบบ้า”หลานจิงหัวเราะเยาะเขาแล้วพูด: "คนรุ่นเดียวกัน ถ้าจ้านหยินไม่เรียกคุณว่าพี่ คุณจะยังงัดปากเขาและบังคับให้เขาเรียกคุณแบบนั้น?"“ถ้าเขาไม่ทำ ฉันจะบอกไห่
ซูหนานนั่งตัวตรงทันที"เชิญเข้ามาได้"ประตูห้องอ่านหนังสือถูกผลักเปิดออก และบอดี้การ์ดก็เข้ามาพร้อมจดหมายเชิญซูหนานคิดว่ามีคนจะเชิญนายน้อยไปงานเลี้ยง แต่เขาไม่คาดคิดว่าบอดี้การ์ดจะเดินเข้ามาหาเขาแล้วยื่นจดหมายเชิญให้เขา เขาพูดด้วยความเคารพว่า "นายน้อยหนานนี่เป็นจดหมายเชิญที่ส่งมาจากนายน้อยซาง พวกเขาจะจัดงานเลี้ยงเย็นวันพรุ่งนี้และเชิญนายน้อยหนานให้เข้าร่วม""ของฉัน?"ซูหนานรับจดหมายเชิญด้วยความสงสัยและพูดว่า “งานเลี้ยงของตระกูลซาง หวู่เหิงขอให้ใครมาเอามันมาเป็นพิเศษเหรอ? คืนวันพรุ่งนี้จะจัดงานเลี้ยงด่วนขนาดนั้นเลยเหรอ?”เมื่อจัดงานเลี้ยงที่บ้านคนอื่น พวกเขามักจะเชิญล่วงหน้าสองสามวัน และบางคนก็เชิญล่วงหน้ามากกว่าสิบวันเพื่อเตรียมแขกดูเหมือนว่าตระกูลซางจะเตรียมเรื่องนี้ในนาทีสุดท้ายงั้นเหรอ?เมื่อนึกถึงคุณนายซางที่เจอหลานสาวทั้งสองคนของเธอ ซูหนานก็เดาจุดประสงค์ที่แท้จริงของงานเลี้ยงของตระกูลซางได้คุณนายซางอยากแนะนำหลานสาวทั้งสองคนให้รู้จักกับสังคมชั้นสูงของกวนเฉิง?ฮิฮิ จ้านหยินจะคิดยังไงกับเรื่องนี้?“นายน้อยคนโตตระกูลซางยังขอให้ใครสักคนนำข้อความถึงนายน้อยหนานด้วย”"พูดอะ
ภาพที่เจอสามีเก่าและเมียน้อยขณะซื้อเสื้อผ้าเป็นอย่างไรบ้าง?ไห่หลิงไม่ได้ตอบสนองมากเกินไป ตรงนั้นคือเย่เจียนี เมื่อเธอเห็นพี่น้องไห่หลิงอยู่ในร้าน ปฏิกิริยาตอบรับตามสัญชาตญาณของเธอคือคล้องแขนของโจวหงหลินให้แน่นกลัวคนอื่นไม่รู้ว่าตนเป็นคู่รักกัน"พ่อ"หยางหยางซึ่งไห่ถงอุ้มเอาไว้เรียกพ่อ เมื่อเขาเห็นโจวหงหลินคนในร้านมองดูโจวหงหลินทันทีเมื่อเห็นเย่เจียนีที่สาวและสวยยืนอยู่ข้างโจวหงหลิน แล้วมองไปที่ไห่หลิงซึ่งหยางหยางเรียกว่า "แม่" พนักงานร้านก็มองดูไห่หลิงด้วยความเห็นอกเห็นใจบังเอิญเจอสามีนอกใจขณะซื้อเสื้อผ้า......"หยางหยาง"จากจ้องมองของพนักงาน โจวหงหลินเดินขึ้นไปที่ไห่ถงและเย่เจียนีก็เดินตามหลังไป“หยางหยาง มาให้พ่ออุ้มหน่อย”โจวหงหลินเอื้อมมือออกไปอุ้มหยางหยางไห่ถงไม่ได้ส่งหยางหยางให้เขาโดยตรง เธอวางหยางหยางลงบนพื้นก่อน ปล่อยให้หยางหยางตัดสินใจว่าจะให้พ่อของเขาอุ้มหรือไม่ จากนั้นโจวหงหลินก็นั่งลงแล้วอุ้มลูกชายของเขาขึ้นมาหยางหยางยังเด็กและไม่รู้ว่าพ่อแม่ของเขาหย่าร้างกันเขาไม่ได้มีสนิทกับพ่อแต่เขาก็ไม่ได้ต่อต้านเช่นกัน โจวหงหลินต้องการอุ้มเขา และเขาก็ยอมให้โจวหงหล
ตอนที่ไห่หลิงยังคงเป็นภรรยาของโจวหงหลิน ใช้ชีวิตด้วยการหาเสื้อผ้าให้ใส่และเตรียมอาหารให้อีกตอนนี้กลายเป็นเย่เจียนีที่ใช้ชีวิตแบบนั้นรักแท้ของโจวหงหลินคือเธอหลังจากเอาชนะไห่หลิงและเข้ามาแทนที่เธอได้อย่างง่ายดาย เป็นที่รักของโจวหงหลิน เย่เจียนีแทบรอไม่ไหวที่จะอวดความรักของเธอต่อหน้าไห่หลิงและพยายามยั่วยุเธอไห่หลิงเมินเย่เจียนีและยังคงเลือกเสื้อผ้าขอตัวเองอีกหลายชุดเมื่อเห็นแบบนี้ เย่เจียนีก็อยากจะแย่งมาไห่ถงคว้าข้อมือของเธอแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า "คนแซ่เย่ อย่าคิดว่าพี่ฉันถูกรังแกได้ง่ายๆ พี่ฉันไม่สนใจที่จะทะเลาะกับเธอ แต่ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอมารังแกพี่ฉัน!"เธอเหวี่ยงและผลักเย่เจียนีอย่างแรง ทำให้ถอยหลังออกไปหลายก้าว ก่อนที่จะเข้าสู่อ้อมแขนของโจวหงหลิน“โจวหงหลิน ดูแลคนรักของนายเถอะ อย่ายั่วโมโหฉัน ไม่งั้นฉันจะทุบตีเธอให้ตาย”เย่เจียนี่โกรธจัดและตะโกน: "ไห่ถงสามีของแกรู้ไหมว่าแกหยาบแค่ไหน? ระวังเขาอาจจะทิ้งแกไป"ไห่ถงหัวเราะ “สามีของฉันแตกต่างจากคนทั่วไป เขาชอบความหยาบคายของฉัน!”เมื่อเห็นโจวหงหลินอุ้มหยางหยางและไม่ลุกขึ้นยืนเพื่อเธอ เย่เจียนีก็ตบแขนของโจวหงหลินด้วยความโกรธ
“คุณป้า...”คุณนายซางยกมือขึ้น เพื่อบอกว่าไห่หลิงไม่จำเป็นต้องพูดเธอจ้องอย่างเย็นชาที่เย่เจียนี“คะ คุณนายซาง”เย่เจียนีพูดอย่างเชื่องช้าคุณนายซางหันไปหาลูกสาว แล้วพูดว่า "เสี่ยวเฟย โทรหาบอดี้การ์ด แล้วให้พวกเขานำรถหรูทั้งหมดจากโรงรถมา ให้ลูกพี่ลูกน้องของลูกนั่งในรถแต่ละคัน เธอสามารถนั่งรถมูลค่าหลายล้านบาทได้มากเท่าที่เธอต้องการ ”“คุณนายซาง นี่เป็นความเข้าใจผิดจริงๆ ครับ ”โจวหงหลินรีบพยายามทำให้ทุกอย่างราบรื่น“คุณนายซาง พวกเราจะไม่ซื้อเสื้อผ้าอีกต่อไปแล้ว พวกเราจะออไปทันที”เมื่อนึกถึงความยากลำบากในการทำงานของเขา โจวหงหลินก็ไม่กล้าเผชิญหน้ากับคุณนายซางอย่างซึ่งๆ หน้าเขาหยิบเสื้อผ้าจากมือของเย่เจียนี แล้วคืนให้พนักงาน จากนั้นจึงดึงเย่เจียนีไปด้วยอย่างรวดเร็ว ขณะที่พวกเขาจากไปอย่างรีบร้อนเย่เจียนีไม่กล้าทำอะไรต่อหน้าคุณนายซาง ทันทีที่เธอออกจากร้าน เธอก็สะบัดมือของโจวหงหลินออก แล้วเดินไปด้วยความโกรธ พร้อมกับบด่าทอโจวหงหลินขณะที่เดินไป: "เมื่อกี้คุณตายไปแล้วเหรอ? ไม่เห็นฉันถูกสองพี่น้องนั่นรังแกเหรอ? คุณไม่คิดจะพูดอะไรสักคำเลย"“สิ่งที่คุณสนใจก็แค่ลูกชายคนสำคัญของคุณ คุณอย
“แม้ว่าฉันจะให้เงินเธอไปมากกว่าห้าล้าน เธอก็คงเอาไปซื้อบ้าน และใช้เงินทั้งหมดไปแล้ว ตอนนี้ไม่มีงานทำ เว้นแต่ป้าของเธอจะดูแลเธอ แต่เธอจะไม่มีความสุขเท่าพวกเราแน่นอน”เย่เจียนีมีอารมณ์ดีขึ้น"เงินมากกว่าห้าหนึ่งล้านนั้นไม่เพียงพอสำหรับเงินดาวน์บ้านใจกลางเมืองกวนเฉิง เพื่อนของฉันคนหนึ่งเพิ่งซื้อบ้านมือสองขนาดเจ็ดสิบตารางเมตรในพื้นที่ที่เขตการศึกษา บ้านราคาสิบล้านบาท นั่นทำให้ฉันขนลุกมาก”ถ้าเธอไม่แย่งชิงโจวหงหลิน ด้วยรายได้ของเธอเอง เธอจะไม่สามารถซื้อบ้านในเมืองได้โจวหงหลินรู้ด้วยว่าตอนนี้ราคาบ้านสูงอย่างไม่น่าเชื่อโชคดีที่เขาตัดสินใจเร็ว ถ้าเขาซื้อบ้านตอนนี้เขาคงไม่สามารถซื้อบ้านในทำเลที่ดีได้ ไม่ต้องพูดถึงบ้านในเขตการศึกษาด้วย“ฉันได้ยินว่าคุณนายซางเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งมาก เธอไม่ชอบคนอ่อนแอและไร้ความสามารถมากที่สุด ถ้าไห่หลิงไม่สามารถยืนหยัดได้ด้วยตัวเอง คุณนายซางจะไม่ช่วยเธอมากนักหรือให้เงินมากมายกับเธอ ดังนั้นอย่าไปอิจฉาที่เธอมีป้ารวยเลย”“แม้ว่าพ่อแม่จะร่ำรวย แต่พวกเขาก็ไม่ได้ให้อะไรกับลูกมากนัก ไม่ต้องพูดถึงป้าที่เป็นญาติห่างๆ เลย”หลังจากได้รับกำลังใจจากโจวหงหลินแล้ว เย่
ไห่ถงหยิบโน้ตเล็ก ๆ ออกมาแล้วดูเป็นอย่างแรกในโน๊ตเขียนไว้ว่า: ""นี่คือปากกาบันทึกเสียงสองอัน ฟังเสียงที่อัดไว้เมื่อไม่มีใครอยู่ด้วย ซูหนาน"สิ่งนี้ถูกส่งมาหาเธอจากซูหนานปากกาบันทึกเสียง?เนื้อหาอะไรที่ถูกบันทึกถึงคนอื่นจะต้องไม่ได้ยิน?ไห่ถงอยากรู้เป็นอย่างมากเนื่องจากซูหนานขอให้เธอฟังคนเดียว เธอทำได้เพียงรอจนถึงหลังอาหารเย็นจึงจะฟังในห้องของเธอได้“ถงถง มันคืออะไร ใครส่งมาให้น่ะ”คุณนายซางถามด้วยความกังวลไห่ถงเก็บโน้ตกลับเข้าไปในถุงแล้วพูดว่า "มันเป็นปากกาที่ฉันต้องใช้ค่ะ ป้าเหลียงเป็นคนส่งมาให้ฉัน"คุณนายซางตอบโอ้ และไม่ได้ถามอะไรอีกหลังจากถูกกระตุ้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น ไห่ถงก็ทานอาหารเย็นเสร็จ และขึ้นไปชั้นบนกับพี่เธอ ซึ่งบอกว่าเธอจะช่วยหยางหยางอาบน้ำสองพี่น้องมีห้องติดกันคุณนายซางจัดเป็นพิเศษให้สองพี่น้องค่อยอยู่ด้วยกัน ในสภาพแวดล้อมที่แปลกใหม่เมื่อกลับไปที่ห้องของเธอเอง ไห่ถงก็ปิดประตู เปิดถุงดำอย่างรวดเร็ว และหยิบปากกาบันทึกเสียงสองอันที่อยู่ข้างในออกมาจากนั้นเธอก็นั่งลงหน้าโซฟาและเริ่มฟังเนื้อหาที่บันทึกไว้บนปากกาเมื่อได้ยินเสียงของเย่เจียนีและโจวหงห
จ้านหยินฝืนยิ้มแล้วพูดว่า "ตอนนี้ภรรยากำลังพยายามดูแลฉันอยู่หรือเปล่า? ฉันไม่หิวและไม่อยากกินอะไร ฉันรีบทำงาน เพื่อให้งานเสร็จเร็วเพื่อจะได้กลับไปอยู่กับคุณนะ"“แม้ว่าคุณจะอยากกลับมา แต่ก็ต้องดูแลสุขภาพของตัวเองด้วย คุณพักอยู่ที่โรงแรมหรือที่ไหนกัน? หากคุณไม่อยากอาหาร ให้ทำโจ๊กและทานอะไรเบาๆ”“จ้านหยินรับโทรศัพท์แล้วให้ฉันดูว่าตอนนี้อาการคุณเป็นยังไงบ้าง”จ้านหยินไม่ขยับไห่ถงโกรธ “จ้านหยิน ฉันจะนับถึงสาม ถ้าคุณไม่ให้ฉันเห็นหน้า ฉันจะไม่คุยกับคุณตลอดทั้งปี จะไม่รับสายหรือตอบกลับข้อความของคุณ หนึ่ง .."เธอเพิ่งนับถึงหนึ่งเมื่อใบหน้าของจ้านหยินปรากฏบนวิดีโอเขาดูอึดอัดมาก ใบหน้าที่ปกติจะเคร่งครัดและเย็นชากลับแดงก่ำผิดปกติ ไห่ถงสะดุ้งและถามเขาซ้ำแล้วซ้ำอีกว่า "คุณไม่ได้ไปหาหมอเหรอ? คุณน่าจะมีไข้สูง จ้านหยิน คุณกำลังทำให้ฉันกังวลแทบตาย!"จ้านหยินประคองศีรษะด้วยมือและพูด: "ฉันกินยามาแล้ว ยาแก้หวัดที่ซื้อจากร้านขายยาไม่ได้ผลมากนัก ... บางทีมันอาจจะกินไม่ถูกอัน ใช่ไหม?"“คุณยังอยู่ที่บริษัทหรือเปล่า?”"ฉันอยู่ในบริษัท แต่ไม่ใช่ในออฟฟิศ ในอพาร์ตเมนต์ ที่นี่มีอพาร์ทเมนท์หลายห้องสำหรับก