การสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญมาก"โอเค"จ้านหยินรู้สึกโล่งใจ“คุณเป็นหวัด ดื่มน้ำอุ่นเยอะๆ และไปหาหมอหลังเลิกงาน เอางี้ไหม ทำไมไม่ไปตอนนี้ล่ะ อย่าผัดวันประกันพรุ่งก่อนที่จะเป็นหนักกว่านี้ มีไข้หรือเปล่า?”จ้านหยินยกมือขึ้นแล้วแตะหน้าผากซึ่งค่อนข้างร้อน ไม่น่าแปลกใจเลยที่ตอนนี้เขารู้สึกรู้สึกเวียนหัวเล็กน้อยแต่เขาไม่ได้บอกความจริงกับไห่ถง “ฉันไม่มีไข้ อุณหภูมิปกติ ไม่ต้องห่วง ฉันสบายดี ฉันจะไปร้านขายยาเพื่อซื้อยาแก้หวัดทีหลัง คุณอยู่ที่บ้านป้าของคุณเป็นยังไงบ้าง?”“ลุงและพวกลูกพี่ลูกน้องปฏิบัติต่อคุณอย่างดีหรือเปล่า?”“ฉันเห็นหน้าและริมฝีปากของคุณแดงนิดหน่อย จ้านหยิน คุณแน่ใจเหรอว่าคุณไม่มีไข้?”ไห่ถงเป็นคนช่างสังเกตมาก“ลุงและลูกพี่ลูกน้องของฉันเยี่ยมมาก เสี่ยวเฟยกับฉันก็เข้ากันได้ทันที จ้านหยิน มันน่าทึ่งมากที่สายสัมพันธ์ทางสายเลือดมันทำงาน เสี่ยวเฟยกับฉันไม่เคยพบกันหรือรู้มาก่อนว่ามีกันและกัน แต่พวกเราเข้ากันได้ดีในการพบกันครั้งแรก”จ้านหยินยิ้ม "ฝากทักทายป้าของคุณด้วย ตอนนี้ฉันไม่สามารถไปเยี่ยมเธอได้ แต่ฉันจะไปกับคุณในช่วงวันหยุดตรุษจีนเพื่อพบเธอ"เขาวางแผนที่จะซื่อสัตย์กับไห่
“เอาล่ะ ยังไงซะ ตอนนี้ฉันก็ปิดเทอมเหมือนกับนักเรียนด้วย ถ้าคุณไม่ฟัง ฉันจะไปจัดการคุณเอง ทำให้คุณมีภรรยาที่เข้มงวดและทำให้ตัวเองขายหน้าต่อหน้าเพื่อนร่วมงาน”รอยยิ้มบนใบหน้าของจ้านหยินกว้างยิ่งขึ้น“ได้ยินคุณพูดแบบนั้นแล้ว ฉันอยากจะจงใจไม่ไปหาหมอเพียงเพื่อให้คุณมาหา”“จ้านหยิน อย่านะ!”จ้านหยินแสร้งทำยอมโดยดี “กลัวแล้ว ฉันไม่กล้าแล้ว”“เอาล่ะ คุยกันพอแล้ว รีบไปโรงพยาบาลเถอะ คุณเป็นผู้ใหญ่แล้วและยังดูแลตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำ”ไห่ถงหยอกล้อเขาแล้ววางสายวิดีโอ โดยไม่ต้องการรบกวนจ้านหยินอีกต่อไป"ถงถง""พี่"ไห่ถงมองพี่เธอที่กำลังเข้ามาใกล้ “หยางหยางหลับแล้วเหรอ?”“ใช่ ตอนที่เขาหลับ ฉันก็ออกไปเดินเล่นเพื่อออกกำลังกาย ตอนนี้ฉันวิ่งวันละ 3 ครั้ง ระวังสิ่งที่ฉันกิน หลีกเลี่ยงของหวาน และกินเนื้อสัตว์น้อยลงในมื้ออาหารเพื่อลดน้ำหนัก”ไห่หลิงหยุดลง และพูดว่า: "ชีวิตแต่งงานกว่าสามปีของฉันสอนฉันว่าผู้หญิงอย่างพวกเราต้องดูแลหุ่นและรักษาความเป็นอิสระทางการเงิน ไม่ควรพึ่งพาผู้ชายมากเกินไป หรือเชื่อคำสัญญาของพวกเขาที่ว่า 'ฉันจะดูแลคุณเอง' ไม่ช้าก็เร็ว ก็จะลงเอยเหมือนฉันตอนนี้”“ผู้ชายเปลี่ยนเมื
ซางหวู่เหิงด่าจ้านหยินในใจหลายคำเมื่อเขารู้ชื่อสามีที่แต่งงานแบบฟ้าแลบของไห่ถงเป็นครั้งแรก เขาไม่แน่ใจว่าเป็นจ้านหยินหรือไม่ แต่ตอนนี้ เมื่อจ้านหยินบอกว่าเขาไปทำธุรกิจ ซางหวู่เหิงก็แน่ใจแล้วว่าจ้านหยินเป็นสามีที่แต่งงานแบบฟ้าแลบของไห่ถง"นายจะกลับเมื่อไหร่?"“คุณอยากชวนฉันดื่มกาแฟขนาดนั้นเลยเหรอ คุณซาง?”“จ้านหยิน หยุดเสแสร้งได้แล้ว ฉันรู้ทุกอย่างแล้ว แหวนแต่งงานที่ไห่ถงสวมนั้นตรงกับของนาายใช่ไหม? ภรรยาที่ไม่เคยเห็นหน้าของนายคือไห่ถงใช่ไหม?”จ้านหยินยังคงเงียบเขาไม่ได้ยืนยันหรือปฏิเสธมันสำหรับซางหวู่เหิง ความเงียบถือเป็นการยอมรับ“พวกนายสองคนไปจดทะเบียนสมรสเมื่อไหร่? ก่อนที่ชื่อของไห่ถงจะกลายเป็นหัวข้อร้อนแรงในอินเตอร์เน็ตหรือเปล่า? นายแต่งงานมาได้สักพักแล้วและก็เงียบเฉยๆ ทำให้เสี่ยวเฟยคลั่งไคล้นาย แม้กระทั่งไปที่ประตูบริษัทเพื่อสารภาพรักในที่สาธารณะ!”“นายปล่อยให้เสี่ยวเฟยกลายเป็นจุดสนใจของคนทั้งเมือง ในขณะที่นายรักษาท่าทางที่สูงส่งและห่างเหิน ปล่อยให้ผู้คนหัวเราะเยาะเสี่ยวเฟยสำหรับความรักที่ไม่สมหวังของเธอ ทั้งที่รู้ว่านายและฉันขัดแย้งกัน แต่ยังคงชอบนาย ทำให้ตัวเธอเองเป็น
จ้านหยินตัดสายโทรศัพท์ทันทีซางหวู่เหิงไม่ได้โกรธเมื่อถูกเขาตัดสายโทรศัพท์เขาเยาะเย้ยและพูด: "จ้านหยิน ถ้านายมีความกล้าจะไม่เรียกฉันว่าพี่แน่นอน ฉันไม่เชื่อว่าฉันจะจัดการกับนายไม่ได้"หลานจิงเทแก้วน้ำให้เขาและพูดกับ หลังจากได้ยินประโยคสุดท้ายของเขาว่า "ตอนนี้พวกเราเป็นญาติกันแล้ว แล้วทำไมยังเอาแต่พูดเรื่องความสัมพันธ์กัน ไม่ว่าจ้านหยินจะปกปิดตัวตนของเขาด้วยเหตุผลใดก็ตาม เขาก็คือสามีของไห่ถง"“ฉันแข่งขันกับเขามาหลายปีแล้วและเป็นการต่อสู้ที่สูสีมาโดยตลอด ตอนนี้ฉันมีโอกาสที่จะอยู่เหนือเขาแล้ว ถ้าฉันไม่สนุกกับมันสักสองสามวัน มันจะเสียโอกาสนี้ไป”ซางหวู่เหิงหยิบน้ำขึ้นมาจิบเล็กน้อย “ตอนนี้ฉันโกรธจ้านหยินมาก ฉันต้องหาทางเอาคืนเขา ตอนที่เขากลับมาแล้ว และรอเขาชวนฉันไปทานอาหารเย็น ฉันจะโทรหาไห่ถงและให้แน่ใจว่าเขาจะเรียกฉันว่าพี่ต่อหน้าเธอ”“ที่รัก แค่คิดถึงคู่แข่งตัวฉกาจที่เรียกฉันว่าพี่ก็ทำให้ฉันมีความสุขมาก”“ฉันเห็นว่าคุณโกรธจนแทบบ้า”หลานจิงหัวเราะเยาะเขาแล้วพูด: "คนรุ่นเดียวกัน ถ้าจ้านหยินไม่เรียกคุณว่าพี่ คุณจะยังงัดปากเขาและบังคับให้เขาเรียกคุณแบบนั้น?"“ถ้าเขาไม่ทำ ฉันจะบอกไห่
ซูหนานนั่งตัวตรงทันที"เชิญเข้ามาได้"ประตูห้องอ่านหนังสือถูกผลักเปิดออก และบอดี้การ์ดก็เข้ามาพร้อมจดหมายเชิญซูหนานคิดว่ามีคนจะเชิญนายน้อยไปงานเลี้ยง แต่เขาไม่คาดคิดว่าบอดี้การ์ดจะเดินเข้ามาหาเขาแล้วยื่นจดหมายเชิญให้เขา เขาพูดด้วยความเคารพว่า "นายน้อยหนานนี่เป็นจดหมายเชิญที่ส่งมาจากนายน้อยซาง พวกเขาจะจัดงานเลี้ยงเย็นวันพรุ่งนี้และเชิญนายน้อยหนานให้เข้าร่วม""ของฉัน?"ซูหนานรับจดหมายเชิญด้วยความสงสัยและพูดว่า “งานเลี้ยงของตระกูลซาง หวู่เหิงขอให้ใครมาเอามันมาเป็นพิเศษเหรอ? คืนวันพรุ่งนี้จะจัดงานเลี้ยงด่วนขนาดนั้นเลยเหรอ?”เมื่อจัดงานเลี้ยงที่บ้านคนอื่น พวกเขามักจะเชิญล่วงหน้าสองสามวัน และบางคนก็เชิญล่วงหน้ามากกว่าสิบวันเพื่อเตรียมแขกดูเหมือนว่าตระกูลซางจะเตรียมเรื่องนี้ในนาทีสุดท้ายงั้นเหรอ?เมื่อนึกถึงคุณนายซางที่เจอหลานสาวทั้งสองคนของเธอ ซูหนานก็เดาจุดประสงค์ที่แท้จริงของงานเลี้ยงของตระกูลซางได้คุณนายซางอยากแนะนำหลานสาวทั้งสองคนให้รู้จักกับสังคมชั้นสูงของกวนเฉิง?ฮิฮิ จ้านหยินจะคิดยังไงกับเรื่องนี้?“นายน้อยคนโตตระกูลซางยังขอให้ใครสักคนนำข้อความถึงนายน้อยหนานด้วย”"พูดอะ
ภาพที่เจอสามีเก่าและเมียน้อยขณะซื้อเสื้อผ้าเป็นอย่างไรบ้าง?ไห่หลิงไม่ได้ตอบสนองมากเกินไป ตรงนั้นคือเย่เจียนี เมื่อเธอเห็นพี่น้องไห่หลิงอยู่ในร้าน ปฏิกิริยาตอบรับตามสัญชาตญาณของเธอคือคล้องแขนของโจวหงหลินให้แน่นกลัวคนอื่นไม่รู้ว่าตนเป็นคู่รักกัน"พ่อ"หยางหยางซึ่งไห่ถงอุ้มเอาไว้เรียกพ่อ เมื่อเขาเห็นโจวหงหลินคนในร้านมองดูโจวหงหลินทันทีเมื่อเห็นเย่เจียนีที่สาวและสวยยืนอยู่ข้างโจวหงหลิน แล้วมองไปที่ไห่หลิงซึ่งหยางหยางเรียกว่า "แม่" พนักงานร้านก็มองดูไห่หลิงด้วยความเห็นอกเห็นใจบังเอิญเจอสามีนอกใจขณะซื้อเสื้อผ้า......"หยางหยาง"จากจ้องมองของพนักงาน โจวหงหลินเดินขึ้นไปที่ไห่ถงและเย่เจียนีก็เดินตามหลังไป“หยางหยาง มาให้พ่ออุ้มหน่อย”โจวหงหลินเอื้อมมือออกไปอุ้มหยางหยางไห่ถงไม่ได้ส่งหยางหยางให้เขาโดยตรง เธอวางหยางหยางลงบนพื้นก่อน ปล่อยให้หยางหยางตัดสินใจว่าจะให้พ่อของเขาอุ้มหรือไม่ จากนั้นโจวหงหลินก็นั่งลงแล้วอุ้มลูกชายของเขาขึ้นมาหยางหยางยังเด็กและไม่รู้ว่าพ่อแม่ของเขาหย่าร้างกันเขาไม่ได้มีสนิทกับพ่อแต่เขาก็ไม่ได้ต่อต้านเช่นกัน โจวหงหลินต้องการอุ้มเขา และเขาก็ยอมให้โจวหงหล
ตอนที่ไห่หลิงยังคงเป็นภรรยาของโจวหงหลิน ใช้ชีวิตด้วยการหาเสื้อผ้าให้ใส่และเตรียมอาหารให้อีกตอนนี้กลายเป็นเย่เจียนีที่ใช้ชีวิตแบบนั้นรักแท้ของโจวหงหลินคือเธอหลังจากเอาชนะไห่หลิงและเข้ามาแทนที่เธอได้อย่างง่ายดาย เป็นที่รักของโจวหงหลิน เย่เจียนีแทบรอไม่ไหวที่จะอวดความรักของเธอต่อหน้าไห่หลิงและพยายามยั่วยุเธอไห่หลิงเมินเย่เจียนีและยังคงเลือกเสื้อผ้าขอตัวเองอีกหลายชุดเมื่อเห็นแบบนี้ เย่เจียนีก็อยากจะแย่งมาไห่ถงคว้าข้อมือของเธอแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า "คนแซ่เย่ อย่าคิดว่าพี่ฉันถูกรังแกได้ง่ายๆ พี่ฉันไม่สนใจที่จะทะเลาะกับเธอ แต่ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอมารังแกพี่ฉัน!"เธอเหวี่ยงและผลักเย่เจียนีอย่างแรง ทำให้ถอยหลังออกไปหลายก้าว ก่อนที่จะเข้าสู่อ้อมแขนของโจวหงหลิน“โจวหงหลิน ดูแลคนรักของนายเถอะ อย่ายั่วโมโหฉัน ไม่งั้นฉันจะทุบตีเธอให้ตาย”เย่เจียนี่โกรธจัดและตะโกน: "ไห่ถงสามีของแกรู้ไหมว่าแกหยาบแค่ไหน? ระวังเขาอาจจะทิ้งแกไป"ไห่ถงหัวเราะ “สามีของฉันแตกต่างจากคนทั่วไป เขาชอบความหยาบคายของฉัน!”เมื่อเห็นโจวหงหลินอุ้มหยางหยางและไม่ลุกขึ้นยืนเพื่อเธอ เย่เจียนีก็ตบแขนของโจวหงหลินด้วยความโกรธ
“คุณป้า...”คุณนายซางยกมือขึ้น เพื่อบอกว่าไห่หลิงไม่จำเป็นต้องพูดเธอจ้องอย่างเย็นชาที่เย่เจียนี“คะ คุณนายซาง”เย่เจียนีพูดอย่างเชื่องช้าคุณนายซางหันไปหาลูกสาว แล้วพูดว่า "เสี่ยวเฟย โทรหาบอดี้การ์ด แล้วให้พวกเขานำรถหรูทั้งหมดจากโรงรถมา ให้ลูกพี่ลูกน้องของลูกนั่งในรถแต่ละคัน เธอสามารถนั่งรถมูลค่าหลายล้านบาทได้มากเท่าที่เธอต้องการ ”“คุณนายซาง นี่เป็นความเข้าใจผิดจริงๆ ครับ ”โจวหงหลินรีบพยายามทำให้ทุกอย่างราบรื่น“คุณนายซาง พวกเราจะไม่ซื้อเสื้อผ้าอีกต่อไปแล้ว พวกเราจะออไปทันที”เมื่อนึกถึงความยากลำบากในการทำงานของเขา โจวหงหลินก็ไม่กล้าเผชิญหน้ากับคุณนายซางอย่างซึ่งๆ หน้าเขาหยิบเสื้อผ้าจากมือของเย่เจียนี แล้วคืนให้พนักงาน จากนั้นจึงดึงเย่เจียนีไปด้วยอย่างรวดเร็ว ขณะที่พวกเขาจากไปอย่างรีบร้อนเย่เจียนีไม่กล้าทำอะไรต่อหน้าคุณนายซาง ทันทีที่เธอออกจากร้าน เธอก็สะบัดมือของโจวหงหลินออก แล้วเดินไปด้วยความโกรธ พร้อมกับบด่าทอโจวหงหลินขณะที่เดินไป: "เมื่อกี้คุณตายไปแล้วเหรอ? ไม่เห็นฉันถูกสองพี่น้องนั่นรังแกเหรอ? คุณไม่คิดจะพูดอะไรสักคำเลย"“สิ่งที่คุณสนใจก็แค่ลูกชายคนสำคัญของคุณ คุณอย