ไม่คุยกันทั้งคืนเช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากที่ไห่ถงตื่นขึ้นมาแล้ว ก็ไปที่ระเบียงเพื่อรดน้ําดอกไม้และต้นไม้ของเธอก่อน และชื่นชมดอกไม้เหล่านั้นอีกครั้งต้องบอกว่าเมื่อตื่นขึ้นมามองสวนเล็กๆ แห่งนี้ทุกวัน อารมณ์ของก็เบิกบานขึ้น และความไม่พอใจใดๆ ที่มีต่อ จ้านหยินก็หายไป เป็นเพราะสวนเล็กๆ แห่งนี้ ที่ตกแต่งด้วยดอกไม้ที่จ้านหยินซื้อกลับมาหลังจากปรับอารมณ์ได้แล้ว ไห่ถงก็เข้าไปในห้องครัวเพื่อเตรียมอาหารเช้าของพวกเขาทั้งคู่ในไม่ช้า จ้านหยินก็ลุกขึ้นเช่นกัน เขาเดินไปที่ประตูห้องครัว มองไปที่ร่างที่ยุ่งวุ่นวายของไห่ถง แล้วขยับริมฝีปากที่เม้มแน่น "ไห่ถง อรุณสวัสดิ์ครับ"ไห่ถงหันไปมองเขา "อรุณสวัสดิ์ค่ะ"“ผมสามารถช่วยอะไรคุณได้ไหม?”"ไม่ต้องค่ะ ถ้าคุณรู้สึกเบื่อก็ไปช่วยฉันตากเสื้อผ้าแล้วกวาดพื้นหน่อย"จ้านหยินอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง เธอไม่เกรงใจจริงๆแต่ปากเขาตอบเธอกลับว่า: "โอเคครับ"เขาหันหลังเดินจากไปไปช่วยไห่ถงตากเสื้อผ้า และเริ่มทำความสะอาดบ้านหลังใหญ่ขนาดนี้แต่ก็มีแค่คู่สามีภรรยาอาศัยอยู่ ทั้งสองออกไปทำงานตั้งแต่เช้าและกลับมาตอนดึก ที่บ้านสะอาดมาก ก็คือจ้านหยินกวาดพื้น เขากวาดไปทุกซอกทุ
จ้านหยินสงสัยว่ามีบางอย่างผิดปกติกับสายตาของไห่ถง จางเหนียนเซิงนั้นหน้าตาดี แต่สามารถเปรียบเทียบกับเขาได้ไหม?เขาหล่อกว่าจางเหนียนเซิงมากไม่รู้ว่าการมองทุละปุโปร่งของเธอ ให้คำนิยามเขาได้อย่างไร?ทันใดนั้น จ้านหยินก็อยากรู้มากไห่ถงรับสายเรียกเข้าจากจางเหนียนเซิง"พี่ไห่ถง อรุณสวัสดิ์""โทรหาพี่สาวเช้าขนาดนี้ มีเรื่องอะไรเหรอ?""พี่ไห่ถง พี่กินอาหารเช้าหรือยัง ผมจะไปรับพี่ไปทํางานนะ ถือโอกาสเลี้ยงอาหารเช้าพี่ด้วย ไม่งั้นพี่เลี้ยงผมก็ได้"คําพูดของจางเหนียนเซิงมีความคาดหวังเล็กน้อยเมื่อคืนเขาช่วยเหลือกับพี่ไห่ถง วันนี้เขามีข้ออ้างที่จะไปรับพี่ไห่ถงมาเลี้ยงอาหารเช้า"ไม่ต้องล่ะ พี่กินใกล้จะอิ่มแล้ว พี่ทําอาหารเช้ากินเอง เดี๋ยวสามีพี่จะส่งที่ร้าน เธอไม่จําเป็นต้องมาที่นี่หรอก"ไห่ถงไม่รู้เรื่องที่จางเหนียนเซิงแอบชอบเธอ เธอแค่รู้สึกว่าบ้านของตระกูลจางอยู่ไกลจากหมิงหยวนฮวา การ์เด้นมาก ตอนเช้าในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน รถติดง่าย ไม่อยากให้จางเหนียนเซิงวิ่งมาไกลขนาดนั้น สุดท้ายก็ต้องติดอยู่บนถนนความคาดหวังของจางเหนียนเซิงกําลังไปได้ดี แต่เมื่อได้ยินประโยคของไห่ถงว่า "สามีของฉันจะส่ง"
"ย่าป่วยเป็นมะเร็งตับ แต่โชคดีที่เป็นระยะแรก"ไห่จื้อหมิงพูดทางโทรศัพท์ว่า "หมอแนะนําให้ไปรักษาที่โรงพยาบาลในเมือง พวกคุณสองพี่น้องอยู่ใจกลางเมืองและรู้เรื่องในเมืองดี คุณช่วยย่าไปรับบัตรคิวหาหมอและจัดการทุกอย่างหน่อย อีกสักพักพวกเราจะออกเดินทางและส่งย่าไปโรงพยาบาลในเมือง""พอย่ามาถึงแล้วจะได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลได้ทันที ได้ยินว่าต้องวางเงินมัดจําล่วงหน้าก่อน คุณจำไว้ว่าต้องจ่ายเงินมัดจําไปก่อน แม้ว่าพ่อแม่ของคุณจะไม่อยู่แล้ว แต่ปู่กับย่าก็เป็นญาติของพวกคุณ หลายปีมานี้พวกคุณก็ไม่เคยส่งเสียค่าเลี้ยงดู ตอนนี้ย่าป่วย พวกคุณสองคนก็จัดการค่ารักษาพยาบาลของย่า คิดเสียว่าชดเชยค่าเลี้ยงดูตลอดหลายปีนี้แล้วกัน"หลังจากฟังลูกพี่ลูกน้องจัดแจง ไห่ถงก็หน้าเขียวเธอสูญเสียพ่อแม่เมื่อตอนอายุสิบขวบ เงินประกันที่ได้มาก็แลกมาด้วยชีวิตของพ่อแม่รวมเป็น 6 ล้านบาท ปู่กับย่าต้องขอแบ่งแม้จะสมเหตุสมผลเพราะพวกเขาเป็นพ่อแม่ของพ่อเธอ ปีนั้นสองพี่น้องยังเด็กอยู่จึงแบ่งเงินประกันให้ปู่กับย่าของเธอมากกว่าจำนวนที่พวกเขาสมควรได้รับอีกเธอรู้มากกว่านั้นอีกว่าหลังจากนั้นปู่กับย่าแบ่งเงินชดเชย 3,000,000 บาทให้ก
ทั้งคู่กินอาหารเช้าเสร็จอย่างเงียบๆ จากนั้นจ้านหยินก็ส่งไห่ถงไปทำงานเมื่อทั้งคู่ลงมาชั้นล่างด้วยกัน กลุ่มบอดี้การ์ดที่รอชั้นล่างก็เห็น ทุกคนต่างแกล้งทำเป็นคนสัญจรผ่านไปมาและแยกย้ายกระจายกันไปไห่ถงเห็นรถหรูหลายคันจอดอยู่ชั้นล่าง หนึ่งในนั้นคือโรลส์-รอยซ์และพูดกับจ้านหยินว่า "หมู่บ้านของเราเป็นหมู่บ้านระดับไฮโซเหรอเนี่ย ไม่คิดว่าจะได้เห็นโรลส์-รอยซ์ที่นี่"มีเงินซื้อรถหรูแพงขนาดนี้น่าไปอาศัยที่คฤหาสน์หลังใหญ่นะหรือเป็นเพราะสะดวกไปทำงานหรือส่งลูกไปโรงเรียนจึงมาเช่าบ้านที่นี่หรือเปล่า?เธอไม่เข้าใจโลกของคนรวยจ้านหยินส่งเสียงอืมก่อนตอบกลับ "หลายคนถึงเป็นคนรวยแต่ก็ทำตัวติดดิน"ไห่ถงคิดในใจว่าขับโรลส์-รอยซ์ นี่เรียกติดดินเหรอ?จ้านหยินขับรถตงเฟิงของเขาอย่างใจเย็นและส่งภรรยาของเขาไปทำงานเมื่อเขาจากไป กลุ่มบอดี้การ์ดก็มารวมตัวกัน พวกเขาต่างมองหน้ากันไปมาสุดท้ายทุกคนเห็นพ้องกันว่าควรขับรถตามคุณชายใหญ่ไปอย่างลับๆ หลังจากคุณชายใหญ่ไปส่งคุณนายแล้ว ก็ค่อยแวะรับคุณชายใหญ่พาไปบริษัทไห่ถงจะรู้ได้อย่างไรว่าผู้ชายข้างตัวเธอเป็นคนรวยที่แอบทำตัวซุ่ม เขามีรถยนต์หรูหราอย่างโรลส์-รอยซ์ แต่กล
ไห่ถงรับปากพี่สาวและตกลงไปทานอาหารเย็นพร้อมกับจ้านหยินในตอนเย็นหลังจากสองพี่น้องคุยกันจบ จ้านหยินก็ถามว่า "คุณกับญาติที่ชนบทมีความสัมพันธ์ไม่ดีมากเลยหรือ?""ใช่ค่ะ แย่มาก"ไห่ถงไม่ปิดบังและไม่ได้โกหก เธอพูดว่า "ตอนฉันอายุสิบขวบ พ่อแม่ของฉันก็ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์และเสียชีวิตทั้งคู่ ญาติฝั่งพ่อและแม่ของฉันไม่มีใครรับดูแลเราสองคนพี่น้องเลย""แต่พอได้เงินประกันของพ่อแม่ฉันมา ก็ต้องเอามาแบ่งให้พวกเขา พวกพี่ๆ น้องๆ ลุงเหล่านี้ไม่มีสิทธิ์มาแบ่งแต่ก็ยุยงให้คนแก่ออกหน้า พ่อของฉันเป็นลูกคนที่สี่ ปู่กับย่าไม่สนใจเขาเท่าไร ปู่ย่าชอบพวกลุงๆ อาๆ ของฉันมากกว่า"“เมื่อเห็นว่าพวกเขาต้องแบ่งเงินกันหลายคน เพื่อให้ได้ส่วนแบ่งมากขึ้น พวกเขาจึงพูดในตอนนั้นว่าจะไม่ขอรับเงินหรือความช่วยเหลือใดๆ จากพี่สาวของฉันเมื่อแก่เฒ่า ดังนั้นพวกเขาจึงขอเงิน 3,000,000 บาทไปและลงนามในข้อตกลง พ่อแม่ของฉันมีบ้าน 2 ชั้นที่เพิ่งสร้างก่อนจะเสียชีวิต ปู่กับย่าก็เอามาอาศัยอยู่เอง และบอกว่าเพราะพ่อแม่ของฉันจากไปแล้วบ้านก็ต้องเป็นของพวกเขา”“เขาบอกว่าฉันกับพี่เป็นผู้หญิงทั้งคู่ โตขึ้นไปก็จะแต่งงานเข้าบ้านคนอื่น ไม่สามารถแ
เขาก็คิดว่าไห่ถงไม่ควรให้เงินแม้แต่บาทเดียวจะดีกว่าให้เงินแล้วจะโดนด่าว่าอกตัญญู ไม่ให้เงินก็โดนด่าว่าอกตัญญู งั้นก็ไม่ให้เลยดีกว่าตอนนั้นสองพี่น้องยังไม่บรรลุนิติภาวะ ญาติพี่น้องเพิกเฉยต่อพวกเธออย่างใจร้ายใจดำ ไม่เพียงแต่แบ่งเงินประกันไปจํานวนมาก แต่ยังยึดครองทรัพย์สินด้วย ถ้าไม่ใช่ป้าคนโตรู้คิดบ้าง ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับสองพี่น้องไห่ถงรู้สึกว่าที่จ้านหยินพูดมีเหตุผล หลังจากคิดไปคิดมาก็พูดว่า "คุณจ้าน คุณพูดถูกค่ะ ฉันจะฟังคุณจะไม่ให้เงินแม้แต่บาทเดียวและไม่สนใจว่าพวกเขาจะว่าอะไรฉัน"ในปีนั้นพวกเขาทําเรื่องเช่นนั้น ยังไม่กลัวคนอื่นจะว่าอะไรเลยแล้วเธอต้องกลัวปากคนไปทำไม?ใครจะมาบอกกับเธอว่าปู่กับย่าอายุเยอะแล้วและเป็นปู่กับย่าแท้ๆ เธอจะด่ากลับอย่างแน่นอน หากใครมาเป็นเธอแล้วต้องเจอกับเรื่องแบบนั้น หากทำใจไม่ถือโทษตอบแทนคนทำร้ายด้วยความเมตตาได้ ตอนนั้นก็ค่อยมาว่าเธอแล้วกันไม่เจอกับตัวก็ไม่มีทางรู้สิ่งที่เธอเกลียดที่สุดคือเอาศีลธรรมมาเที่ยวตำหนิคนอื่นไม่นานจ้านหยินก็ส่งไห่ถงที่หน้าประตูโรงเรียนมัธยมต้นกวนเฉิงเวลานี้นักเรียนเข้าเรียนแล้ว ร้านค้ารอบโรงเรียนจึงไม่มีคนเ
หลังจากจ้านหยินกลับมาที่บริษัทแล้ว ก่อนเข้าห้องทํางานก็สั่งเลขาว่า "ช่วยแจ้งหัวหน้าผู้ช่วยพิเศษมาพบผมหน่อย"เลขารีบโทรหาหัวหน้าผู้ช่วยพิเศษซูหนาน "หัวหน้าซู ประธานจ้านต้องการพบคุณค่ะ ให้คุณขึ้นไปชั้นบนทันที"ซูหนานไม่ได้ถามอะไรแค่ตอบรับและวางสายไม่กี่นาทีต่อมา ซูหนานมาเคาะห้องทำงานของประธานและเดินเข้าไปจ้านหยินกําลังจัดการกับเอกสารอยู่ เมื่อเห็นเขาเข้ามา ชายหนุ่มก็วางปากกาลงและเชิญให้เข้ามา"มีเรื่องด่วนเหรอ"ซูหนานและจ้านหยินเป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน ความสามารถของเขาจ้านหยินจึงรู้ดี ซูหนานยังไม่ทันเรียนจบก็ถูกจ้านหยินทำสัญญาจ้างงานไว้ล่วงหน้าและกลายเป็นบุคลากรชั้นนำของจ้านซื่อกรุ๊ป หลังจากประสบความสำเร็จเขาก็ค่อยๆ กลายเป็นผู้ช่วยพิเศษของจ้านหยิน และได้รับความไว้วางใจอย่างมากจากจ้านหยิน"ก็ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนอะไรหรอก แค่เรื่องส่วนตัวอยากคุยกับนายลำพัง"หลังจากที่ซูหนานนั่งลง เขาก็ยิ้มและพูดว่า "นายบอกทางโทรศัพท์ก็ได้นี่"แม้ว่าจะเป็นหัวหน้าผู้ช่วยพิเศษ แต่บางครั้งจ้านหยินก็ขอให้เขาจัดการเรื่องส่วนตัวให้ ซูหนานเคยชินแล้ว"นายช่วยฉันตรวจสอบเรื่องหนึ่งได้ไหม?""ดูที่นายพูดสิ ฉัน
"ซูหนาน!"จ้านหยินค่อนข้างโกรธเขาแค่ทำเพื่อรักษาหน้าของตัวเองเท่านั้นจริงๆไห่ถงเป็นภรรยาของเขา หากไห่ถงถูกรังแก มันคือการตบหน้าของจ้านหยินและเขาจะไม่ยอมให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น"ได้ๆ ไม่หัวเราะนายแล้ว นายทําเพื่อศักดิ์ศรีและเพื่อหน้าตาของตัวเอง ได้ฉันจะช่วยนายตรวจสอบเอง ภรรยาของนายชื่อไห่ถงใช่ไหม จริงๆ แล้วนายสามารถขอให้ลู่ตงหมิงช่วยได้นะ ฉันเป็นผู้ช่วยพิเศษของนายก็จริงแต่รับผิดชอบเรื่องของบริษัทเป็นหลัก ปกติยุ่งมากไม่มีแม้แต่เวลาดื่มน้ำสักแก้ว แค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ยังให้ฉันทําอีก"จ้านหยินลุกขึ้นไปเทน้ำแก้วหนึ่งให้เขา "งั้นตอนนี้ดื่มน้ำสักแก้วก่อน กลัวว่าจะยุ่งจนไม่มีเวลาดื่มน้ำสักแก้วน่ะ""ฉันเข้ามานั่งตั้งนานขนาดนี้ แต่เพิ่งคิดจะเทน้ำให้เนี่ยนะ""ฉันคิดว่านายไม่ได้หิวน้ำนี่ เพราะถ้านายหิวน้ำก็เทดื่มเองได้ เราสองคนมีความสัมพันธ์กันอย่างไร นายเคยทำตัวมีมารยาทต่อหน้าฉันด้วยเหรอ?"ซูหนานหัวเราะคิกคัก"ปากของตงหมิงไม่เก็บความลับได้เหมือนนาย"“นั่นก็จริง บางครั้งลู่ตงหมิงก็พูดมากเกินไป”ซูหนานอึ้งอยู่พักหนึ่ง"จําไว้ว่าช่วยฉันหาข้อมูลของทุกคนในตระกูลไห่ให้ชัดเจน" หลังจ