แชร์

บทที่ 87

ผู้เขียน: จิ้งซิง
เวินซื่อยกเท้าขึ้นเปลี่ยนทิศทางโดยไม่หยุดชะงัก จูงมือม่อโฉวซือไท่ไปทางประตูหลัง

แต่เมื่อเวินจื่อเฉินเห็นว่านางกำลังจะไป รถม้ายังไม่ทันจอดสนิท ก็กระโดดลงมาจากด้านบน

“คุณชายรอง ระวังแผลของท่านด้วยขอรับ!”

เวินจื่อเฉินไม่สนใจสิ่งใด สาวเท้าไล่ตามเวินซื่อด้วยความรีบร้อน แล้วคว้าตัวนางไว้

“น้องห้า! อย่าไป!”

“ปล่อยข้า!”

เวินซื่อหันกลับมาจ้องเขาด้วยความโกรธ

“ได้ๆ ข้าปล่อย ขอแค่เจ้าไม่ไป พี่รองจะไม่แตะต้องเจ้า”

เมื่อเห็นสายตาที่โกรธเกรี้ยวเช่นนั้นของเวินซื่อ เวินจื่อเฉินก็รีบชักมือกลับด้วยความตกใจ

“อย่าเรียกข้า...อย่าเรียกแม่ชีว่าน้องห้า”

เวินซื่อเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา “ข้าเป็นเพียงแม่ชีน้อยของอารามสุ่ยเยว่ มิใช่น้องห้าที่คุณชายรองเวินกล่าว”

เวินจื่อเฉินรู้สึกคอแห้ง แน่นหน้าอกจนรู้สึกอึดอัดอย่างมาก “น้องห้า ขอร้องอย่าพูดเช่นนี้...”

“พี่รอง!”

เวินจื่อเฉินยังพูดไม่จบ ก็มีเงาอีกสองสายปรากฏขึ้นข้างหลังเขา

คือเวินเยวี่ยและเวินจื่อเยวี่ย

“พี่รอง ท่านอย่าลืมคำพูดที่ท่านพ่อเคยบอกกับท่านสิ”

ทันทีที่เวินจื่อเยวี่ยเดินเข้ามา ก็กวาดตามองเวินซื่อด้วยสายตาเย็นชา

สีหน้าของเวินจื่อเฉินแข็งค้าง เขา
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
นมสด คาราเมล.
ไหนบอกว่า1อาทิตย์อ่านไม่พอวันหมดแหละ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 88

    ทันใดนั้น เวินหย่าลี่ก็หัวเราะเยาะแล้วมองไปยังเวินซื่อที่อยู่ข้างๆ “โอ้ หรือว่าเป็นธุระที่จะพูดกับนังเด็กคนนี้?”เวินจื่อเฉินและเวินจื่อเยวี่ยสองพี่น้องยังคงเถียงกันอยู่อย่างนั้นไม่มีใครยอมใคร“พี่รอง คำพูดที่ท่านพ่อกำชับไว้ ถึงอย่างไรก็ต้องพูดไม่ช้าก็เร็ว ยิ่งไปกว่านั้น อาหญิงก็มิใช่คนนอก พูดตรงนี้ย่อมดีกว่าไปพูดข้างนอกกระมัง?”เวินจื่อเยวี่ยกล่าวอย่างเย็นชา“เวินจื่อเยวี่ย เจ้ากล้า!”เวินจื่อเฉินโมโหไม่หยุด เขาฟังออกว่าเวินจื่อเยวี่ยกำลังข่มขู่ หากไม่ให้พูดตรงนี้ ก็จะให้คนข้างนอกได้ฟังเสียเลยเดิมทีเวินซื่อตั้งใจจะเอ่ยปาก แต่ม่อโฉวซือไท่เอ่ยขึ้นมาก่อนนาง กล่าวแทนนางว่า “อมิตตาพุทธ ประสกทั้งหลายหากมีธุระอันใดก็รีบกล่าวมาเถิด หากไม่มีธุระอันใด เช่นนั้นข้าและศิษย์ของข้าก็ขอตัวลาไปก่อน”ขณะพูด นางก็จูงมือเวินซื่อเตรียมตัวจากไปแต่บางคนกลับไม่อยากให้พวกนางจากไปเร็วเช่นนั้น“โธ่ เดี๋ยวก่อน ข้าว่าพวกเจ้าสองคนรีบร้อนไปไหนกันนักล่ะ?”เวินหย่าลี่จงใจก้าวไปข้างหน้า ยื่นมือขวางทั้งสองคนเอาไว้ แล้วมองเวินซื่อและม่อโฉวซือไท่ด้วยสายตาเหยียดหยาม“เวินซื่อ ถึงอย่างไรเมื่อก่อนเจ้าก็เคยเป็นค

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 89

    ผู้คนรอบข้างต่างพากันแสดงสีหน้าประหลาดใจมองเวินซื่อ แล้วมองเวินหย่าลี่ที่กำลังเดือดดาล ครู่หนึ่งก็รู้สึกสงสัยว่าคำพูดนั้นเป็นจริงหรือเท็จกันแน่โดยเฉพาะเวินจื่อเฉินและเวินจื่อเยวี่ย อย่างไรเสียมารดาของเวินซื่อก็คือมารดาของพวกเขาเหตุใดพวกเขาถึงไม่เคยได้ยินมารดาพูดถึงเรื่องนี้ แต่เวินซื่อกลับรู้?พวกเขาก็ต้องไม่เคยได้ยินมาก่อนอยู่แล้วเพราะหลานจื่อจวินก็ไม่เคยบอกเวินซื่อเช่นกันเวินซื่อรู้เรื่องนี้ ก็เพราะชาติที่แล้ว ขณะอยู่ที่สกุลเวิน หลังจากที่นางได้รับความอยุติธรรมจากเวินเยวี่ยอีกครั้งจึงแอบหนีไปที่ห้องของมารดา แล้วบังเอิญเห็นสมุดเล่มเล็กๆ ที่มารดาทิ้งเอาไว้ พอเปิดดูถึงได้รู้ว่าสมุดเล่มนั้นที่แท้เป็นสมุดที่มารดาใช้บันทึกความในใจในยามปกตินางได้รู้เรื่องที่สกุลเวินสกุลหลานสองสกุลได้บีบบังคับท่านแม่ให้ช่วยพูดเรื่องแต่งงานให้กับเวินหย่าลี่และได้รู้ความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเวินเฉวียนเซิ่งผู้เป็นบิดาของนางจากในนั้นด้วยในตอนนั้น ในที่สุดนางก็เข้าใจว่าเหตุใดบิดาถึงพาเวินเยวี่ยกลับมาที่สกุลเวิน และเหตุใดบิดาถึงไม่รักและเอ็นดูนางอีกต่อไป...เวินซื่อกำมือแน่น นางเอ่ยขึ้นด้วยสีห

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 90

    นางแทบจะทนรอไม่ไหวแล้วที่จะประกาศชัยชนะของตัวเองเวินจื่อเฉินลูบศีรษะของนางเยวี่ยเอ๋อร์ยังคงใจดีขนาดนี้แต่น้องห้านาง...เวินจื่อเฉินมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเย็นชาของเวินซื่อ ก่อนจะเม้มริมฝีปากด้วยความผิดหวังเวินเยวี่ยรีบเอ่ยขึ้นอย่างอดใจรอไม่ไหว “พี่หญิงห้า แม้ว่าท่านพ่อจะขีดชื่อท่านออกจากบันทึกลำดับญาติแล้ว แต่เนื่องจากก่อนหน้านี้ท่านทำเรื่องที่ทำให้ท่านพ่อผิดหวังมากมาย เพื่อป้องกันมิให้ท่านทำเรื่องที่ทำให้สกุลเวินต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงอีก ท่านพ่อจึงให้พวกเรามาแจ้งกับท่านคำหนึ่ง”“เขาบอกว่า นับจากนี้เป็นต้นไป ห้ามท่านใช้สกุลเวินในการกระทำสิ่งต่างๆ และห้ามท่านใช้สกุล ‘เวิน’ อีก ไม่ว่าท่านจะเปลี่ยนไปใช้หลี่ซื่อ หวังซื่ออะไรก็ตาม ล้วนไม่เกี่ยวข้องกับสกุลเวินอีกต่อไป”หัวใจของเวินซื่อเย็นเยียบในทันทีราวกับภูเขาน้ำแข็งพันปีพังทลายลงสู่กลางใจนางรู้ว่าบิดาของนางท่านนี้เป็นคนไร้หัวใจแต่นางไม่คิดว่าเวินเฉวียนเซิ่งจะไร้หัวใจได้ถึงเพียงนี้!“ฮ่าๆ ในที่สุดก็สมใจเจ้าแล้วสินะ?”เวินหย่าลี่หัวเราะอย่างมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น “ไม่เรียกน้องห้า และไม่เรียกเวินซื่อ ต่อไปนี้เจ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 91

    เวินเยวี่ยฉีกมุมปากด้วยสีหน้าแข็งทื่อ “พี่เส้าเจ๋อ ท่านกำลังพูดจาเหลวไหลอะไรอยู่น่ะ”ไอ้สารเลว!นึกไม่ถึงว่าจะตัดสินใจไปแล้วจริง ๆ ว่าจะมอบตำแหน่งภรรยารองแก่เวินซื่อ!เขาบ้าไปแล้วหรือ? คราวที่แล้วโดนสั่งสอนไปหนึ่งยกยังไม่พอ?เมื่อก่อนเขาพูดชัดเจนว่าชอบนางคนเดียว จะแต่งงานกับนางคนเดียว!ตอนนี้อยากนั่งเสวยสุขท่ามกลางภรรยาเอกกับอนุภรรยาแล้วหรือ?!“ใช่แล้วลูกแม่ เรื่องนี้จะเอามาพูดสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ ในเมื่อเจ้าต้องการแต่งกับเยวี่ยเอ๋อร์ ก็แต่งกับเวินซื่ออีกไม่ได้ ไม่เช่นนั้นต่อให้แม่เห็นด้วย ท่านลุงของเจ้าก็ไม่เห็นด้วย”เวินหย่าลี่ก้าวไปข้างหน้าเพื่อโน้มน้าวชุยเส้าเจ๋อ ทันทีที่มือได้สัมผัสชุยเส้าเจ๋อ ก็ได้ยินเสียงเขาร้อง ‘ซี้ด’“เดี๋ยวนะ เส้าเจ๋อ ขาเจ้าเป็นอะไรไป? เจ้าถูกใครตีมาหรือ?!”จนกระทั่งในเวลานี้เองเวินหย่าลี่ถึงสังเกตเห็นความผิดปกติในที่สุด เมื่อเห็นลูกชายของนางประคองขาเอาไว้ตลอดเวลา หน้าแดงไปหมด นางก็เริ่มเดินเวียนรอบตัวบุตรชายของนางด้วยความร้อนใจและเป็นห่วงทันที ชุยเส้าเจ๋อผลักนางออกไปอย่างรำคาญใจ “ท่านแม่ ท่านไม่ต้องยุ่ง ท่านออกไปก่อน ขอข้าคุยกับเวินซื่อให้จบก่อน”

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 92

    จู๋เยวี่ยที่หลบซ่อนอยู่ในมุมลับ “...”จะให้ปรากฏตัวก็แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้เพราะถึงอย่างไรจากสถานการณ์นี้แค่เห็นก็รู้แล้วว่าไม่สามารถออกไปทำให้เจ้านายเสียเรื่องดังนั้นเมื่อเวินซื่อตะโกนไปรอบ ๆ ก็ไม่มีใครออกมา“ชุยซื่อจื่อ ทีนี้เจ้าเห็นแล้วใช่ไหม ข้าไม่รู้จักจู๋เยวี่ยอะไรนั่นจริง ๆเวินซื่อส่ายหัว ทำท่าทางจริงจังมากม่อโฉวซือไท่ที่ดูอยู่ข้าง ๆ ยังอดเบือนหน้าหนีไม่ได้กลัวว่าตัวเองจะหัวเราะส่งเสียงออกมาชุยเส้าเจ๋อถลึงตาใส่อย่างโกรธเกรี้ยว “เจ้าอย่ามาหลอกข้า! ข้าถูกจู๋เยวี่ยนั่นซ้อมจนบาดเจ็บไปทั้งตัว ขาก็เกือบจะถูกตีจนพิการแล้ว ตอนนี้เจ้ามาบอกว่าไม่รู้จักเช่นนั้นหรือ? เจ้ากำลังหลอกใคร!”“บาดเจ็บไปทั้งตัว? ไหนล่ะ?”เวินซื่อเลิกคิ้วขึ้น “บนตัวชุยซื่อจื่อมีบาดแผลด้วยหรือ?”ชุยเส้าเจ๋อเอ่ยขึ้นทันที “เจ้าดูหน้าข้าสิ! มองบาดแผลบนตัวข้า บนแขนของข้า บน...หือ? บาดแผลของข้าล่ะ?”ชี้ไปที่ใบหน้าของตัวเอง ม้วนแขนเสื้อขึ้นเพื่อเปิดแผลให้นางดู ปรากฏว่ายังพูดไม่ทันจบ ชุยเส้าเจ๋อก็สังเกตเห็นความผิดปกติเขาจดจำได้อย่างชัดเจนว่าตัวเองถูกคนปิดหน้าที่ชื่อจู๋เยวี่ยทุบตีไปทั่วร่างจนถึงตอนนี้เขา

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 93

    หลังจากพูดจบ ชุยเส้าเจ๋อถึงได้รู้ตัวว่าดูเหมือนจะพูดมากเกินไปหน่อยเขามองไปยังเวินซื่อโดยสัญชาตญาณ ราวกับคิดว่านางเจ็บปวดกับคำพูดของตัวเองแต่เวินซื่อกลับไม่มีการแสดงออกใด ๆ“จวนจงหย่งโหววิเศษอะไรเช่นนี้!”ม่อโฉวซือไท่สีหน้าเย็นชาเวินจื่อเฉินโกรธจัดจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันสายตาของเวินเยวี่ยภาคภูมิใจจนสุดจะเปรียบเปรย มองดูเวินซื่อ แล้วมองไปที่ชุยเส้าเจ๋อในที่สุดเจ้าโง่คนนี้ก็รู้ว่าต้องเลือกใครส่วนเวินจื่อเยวี่ยที่อยู่ข้าง ๆ ก็ยิ้มเยาะพูดขึ้นมาประโยคหนึ่ง “ถูกผู้อื่นรังเกียจถึงเพียงนี้ จะโทษใครได้?”“เจ้าสาม เจ้าหุบปากเสีย”เวินจื่อเฉินถลึงตาใส่เขาแต่เวินจื่อเยวี่ยกลับไม่ฟังเขาเลย ซ้ำยังย้อนถามว่า “ข้าพูดผิดไปหรือ? วันนี้นางมาถึงจุดนี้แล้ว ถูกขับไล่ออกจากสกุลเวิน ถูกท่านพ่อถอดแซ่ ถูกถอนหมั้น ถูกหยามหน้า...ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เพราะนางก่อกรรมทำเข็ญมากเกินไปในอดีต สมควรได้รับมันแล้วหรอกหรือ?”“ข้าบอกให้เจ้าหุบปาก!”เวินจื่อเฉินตะคอกด้วยความโกรธออกมาทันที อารมณ์ที่ปะทุขึ้นมาของเขาสยบเวินจื่อเยวี่ยลงได้ในที่สุดแต่เวินจื่อเยวี่ยแค่หุบปากลง เบือนใบหน้าอึมครึมชั่วร้ายออกไปอีกทาง“หยา

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 94

    เวินซื่อหลุบตาลงมองเวินจื่อเฉินที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้านาง ดวงตากระตุกเล็กน้อย ก่อนจะเบือนสายตาออกไปคนอื่น ๆ ก็มองไปที่เวินจื่อเฉินด้วยความประหลาดใจเช่นกันเวินจื่อเยวี่ยถึงกับขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ “พี่รอง?”“เจ้าสาม ยังจำคำพูดที่ท่านพ่อต้องการให้พวกเราถ่ายทอดได้ใช่ไหม?”เวินจื่อเฉินคุกเข่าลงข้างหนึ่ง ตัวตรงเรียบร้อย เขาพูดโดยไม่เหลียวหลัง “พวกเจ้าเพิ่งพูดกับน้องห้าชัดเจนว่าอย่ากระทำการในนามของสกุลเวินอีกต่อไป ซ้ำยังบอกนางด้วยว่าห้ามใช้แซ่เวินอีก ดังนั้นตอนนี้น้องห้าจึงมายืนอยู่ตรงหน้าพวกเราในฐานะธิดาศักดิ์สิทธิ์ ที่ควรสำเหนียกตัวตนให้ดีไม่ใช่พวกเราหรอกหรือ?”คำพูดของเวินจื่อเฉินทำให้ทั้งเวินจื่อเยวี่ยและเวินเยวี่ยเป็นใบ้พูดไม่ออก ไม่มีใครสามารถโต้แย้งได้หลังจากนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เวินจื่อเยวี่ยก็ค่อย ๆ หันร่างไป ก่อนจะคุกเข่าลงต่อเวินซื่อ“เวินจื่อเยวี่ย...คำนับธิดาศักดิ์สิทธิ์”แตกต่างจากการสีหน้าท่าทางที่เด็ดเดี่ยวของเวินจื่อเฉินเวลาที่เวินจื่อเยวี่ยพูดนั้นสายตายิ่งเยือกเย็นราวกับจุ่มลงในน้ำแข็ง“ทำไม พวกเจ้าทั้งสามไม่ยอมรับสถานะของธิดาศักดิ์สิทธิ์หรือ?”เป่ยเฉินหยวน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 95

    “ธิดาศักดิ์สิทธิ์ เป็นข้าน้อยที่ตามใจมากเกินไป จึงทำให้ลูกชายของข้าน้อยเอาแต่ใจและไม่รู้จักคิดถึงเพียงนี้ ธิดาศักดิ์สิทธิ์โปรดให้อภัยด้วย ต่อไปข้าน้อยจะอบรมสั่งสอนอย่างเข้มงวด ไม่สร้างปัญหาใด ๆ แก่องค์ธิดาศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไป”น้ำเสียงของจงหย่งโหวจริงจังซ้ำยังแฝงการตำหนิตัวเองเล็กน้อยเห็นได้ชัดว่าเขาตระหนักดีว่า ภรรยาและบุตรชายของตัวเองทำกับเวินซื่อเกินไปเพียงใดเมื่อเห็นจงหย่งโหวแสดงท่าทีเช่นนี้ออกมา ต่อให้เวินซื่อจะเกลียดชังชุยเส้าเจ๋อมากสักแค่ไหนก็ตาม นางก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเพราะหากจะว่าไปแล้ว เมื่อก่อนนี้คนที่ดีกับนางมากที่สุดในจวนจงหย่งโหว ก็เป็นท่านโหวผู้นี้ที่ปกติดูไม่เป็นมิตรนัก แต่ในเวลาส่วนตัวกลับเป็นมิตรเป็นอย่างมาก“ท่านโหวลุกขึ้นเถิด ความผิดของผู้อื่นไม่เกี่ยวกับท่าน ข้าเองก็ไม่เคยนึกตำหนิท่านโหวมาก่อนเลย ดังนั้นท่านโหวไม่จำเป็นต้องตำหนิตัวเอง”“สำหรับชุยซื่อจื่อ...”เวินซื่อเหลือบมองชุยเส้าเจ๋อที่ใบหน้ายังคงเต็มไปด้วยความอัปยศและขุ่นเคือง นางเอ่ยอย่างราบเรียบ “ข้ากับเขามีอุปสรรคด้านการสื่อสาร ไม่สามารถพูดคุยแลกเปลี่ยนกันได้ รบกวนท่านโหวช่วยบอกเขาว่า ต่อไปอย่าใช้คำว

บทล่าสุด

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 550

    ถึงขั้นเอาอีกฝ่ายมาข่มขู่เวินจื่อเยวี่ย ทำให้เวินจื่อเยวี่ยต้องเลือกระหว่างนางและหลินเนี่ยนฉือแล้วนางสารเลวที่ยังไม่เดินผ่านประตูเข้ามาจะเอาอะไรมาเทียบกับนาง!เวินเยวี่ยโกรธจัดจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ในเสี้ยววินาทีที่ก้มศีรษะลง สายตาอาบยาพิษช่างน่าสะพรึงกลัว“ยุแยงตะแคงรั่ว?”เวินซื่อแค่รู้สึกว่าคำพูดของเวินจื่อเยวี่ยน่าขบขันมาก “มีเพียงคนที่มีหัวใจเท่านั้นถึงจะรู้สึกว่าใคร ๆ ก็เป็นเช่นนี้”นางเหลือบมองเวินเยวี่ยแวบหนึ่งอย่างเฉยชา ก่อนจะเอ่ยอย่างไม่แยแส “ท่านคิดว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้จะใช้พวกท่านไปก่อกวนความสงบของนางหรือ? ฝันไปเถอะ พวกท่านยังไม่คู่ควร”“เหอะ พูดเสียน่าฟัง ถ้าไม่ใช่เพราะจดหมายที่เจ้าเขียนไปฟ้อง หลินเนี่ยนฉืออยู่ที่อู๋โจวอยู่ดี ๆ จะเข้ามาที่เมืองหลวงทำไม? แล้วยังต้องการถอนหมั้นกับข้าอีก?!”ถึงตอนนี้เวินจื่อเยวี่ยยังคงเชื่อว่าเวินซื่อไปพูดอะไรกับหลินเนี่ยนฉือ ถึงทำให้หลินเนี่ยนฉือทำเช่นนั้น“ท่านคิดว่าข้อมูลในใต้หล้านี้มีสิ่งใดที่สามารถปิดบังได้อย่างนั้นหรือ? จวนเจิ้นกั๋วกงของพวกท่านได้ทำเรื่องที่น่าอับอายขายขี้หน้า ไร้ยางอายมาไม่น้อย แพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงตั้งน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 549

    อูฐผอมซูบยังตัวใหญ่กว่าม้าการจะทำลายจวนเจิ้นกั๋วกงอันใหญ่โตแห่งนี้โดยอาศัยแมลงเพียงไม่กี่ตัว มันเป็นไปไม่ได้เลยแน่นอน มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้อย่างสิ้นเชิงเพียงแต่ราคาที่ต้องจ่ายนั้นสูงเกินไปอย่างเช่นการหมั้นหมายระหว่างจวนเจิ้นกั๋วกงและสกุลหลินเมื่อจวนเจิ้นกั๋วกงถูกกล่าวหาว่าสมคบคิดกับชาวต่างเผ่า เวินเฉวียนเซิ่งจะต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อชำระล้างให้หลุดพ้นจากข้อกล่าวหานี้และวิธีการที่ดีที่สุดก็ต้องเป็นการดึงผู้คนให้เข้ามาพัวพันมากขึ้นสกุลหลินที่ยังมีการหมั้นหมายกับจวนเจิ้นกั๋วกงเป็นกลุ่มแรกที่รับศึกหนัก โดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างหลินเนี่ยนฉือและเวินซื่อ และจะกลายเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เวินเฉวียนเซิ่งดึงสกุลหลินให้ลงมาพัวพันด้วยดังนั้นก่อนจะยุติการหมั้นหมายระหว่างหลินเนี่ยนฉือและเวินจื่อเยวี่ย เวินซื่อยังไม่สามารถทำอะไรบุ่มบ่ามได้ทว่า ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถแตะต้องจวนเจิ้นกั๋วกงได้ แต่การมีเวินเยวี่ยเพียงคนเดียวก็ไม่ใช่เรื่องที่เสียหาย“หมั้น...หมั้นหมาย?”ในขณะนี้ เสียงที่สับสนของเวินเยวี่ยก็ดังขึ้นจากทางด้านหลังของ เวินจื่อเยวี่ย“พี่สาม ท่านหมั้นกับใครตั้

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 548

    “ท่าน…!”เวินเยวี่ยลมแทบจับเมื่อได้ยินที่เวินซื่อพูดนางข่มไฟโทสะเอาไว้ “ธิดาศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่คนของกองทัพธงดำเสียหน่อย ให้ท่านมาทำการค้นหา ไม่น่าจะเหมาะสมกระมัง?”เวินเยวี่ยฝืนยิ้ม “ท้ายที่สุดแล้วบุญคุณความแค้นระหว่างพี่หญิงห้ากับเยวี่ยเอ๋อร์นั้นเป็นที่ประจักษ์ชัดแจ้งกันทั่วทุกคน ถ้าเกิด…”ประโยคสุดท้ายนี้ไม่ได้พูดออกมาทั้งหมด แต่ก็สามารถเข้าใจทุกอย่างที่ควรเข้าใจถ้าเกิดเวินซื่อเข้าไปวางกลอุบายบางอย่างเพื่อใส่ร้ายนางแล้วจะทำเช่นไร?เวินซื่อหันหน้าไปเผชิญหน้ากับเวินเยวี่ย รอยยิ้มเล็ก ๆ เผยออกมาบนใบหน้าอันบริสุทธิ์ผุดผ่องและงดงามของนาง “ข้าไม่ต่ำช้าไร้ยางอายเหมือนเจ้า”ใบหน้าของเวินเยวี่ยสลดลงเพราะดำด่าของนางทันทีแต่วินาทีต่อมาก็ได้ยินเวินซื่อพูดว่า “แต่ว่านี่มันก็เป็นปัญหาจริง ๆ ในเมื่อคุณหนูหกสกุลเวินเป็นกังวลเช่นนี้ เช่นนั้นข้าธิดาศักดิ์สิทธิ์ก็ขอยืนค้นหาอยู่ที่ประตูแล้วกัน”ยืนค้นหาอยู่ที่ประตูหรือ?แล้วจะค้นหาอย่างไร?ขณะที่เวินเยวี่ยและคนอื่น ๆ กำลังงุนงง เวินซื่อก็พลิกฝ่ามือ ก่อนจะหยิบขวดหยกขวดหนึ่งออกมาจากกลางฝ่ามือของนางฉางเสี่ยวหานก้าวเข้าไปรับขวดหยกจากมือของเว

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 547

    “เหลวไหลสิ้นดี!”แววอันตรายฉายผ่านดวงตาอันคมกริบของเวินเฉวียนเซิ่งในทันใดเขาจ้องไปที่รถม้าที่เวินซื่อนั่งอยู่ สายตามองทะลุช่องว่างของม่านหน้าต่าง พลางชี้ตรงไปที่เวินซื่อ “เวินซื่อ เจ้ารู้ไหมว่าเจ้ากำลังทำอะไรอยู่? เจ้ากำลังใส่ร้ายขุนนางในราชสำนักซึ่งเป็นความผิดร้ายแรง!”“หากเจ้าไม่สามารถแสดงหลักฐานใด ๆ ได้ ต่อให้เจ้าจะเคยเป็นลูกสาวของข้า ข้าก็จะไม่ปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ เด็ดขาด!”“เจิ้นกั๋วกงไม่จำเป็นต้องใจร้อนขู่ขวัญเช่นนี้”ว่าแล้วเวินซื่อก็ยกมือขึ้นเปิดม่านรถแล้ว เดินออกมาจากด้านในอย่างช้า ๆเสี่ยวหานก้าวไปข้างหน้าอย่างมีไหวพริบ ทำตามสาวใช้เหล่านั้น เอื้อมมือออกไปช่วยประคองธิดาศักดิ์สิทธิ์ของนางลงจากรถม้าช้า ๆหลังจากลงสู่พื้นและยืนได้อย่างมั่นคงแล้ว เวินซื่อก็เงยหน้าขึ้นมองเวินเฉวียนเซิ่งผ่านกองทัพธงดำ นางยิ้มเล็กน้อย “ถ้าธิดาศักดิ์สิทธิ์ไม่มีหลักฐาน วันนี้จะกล้านำกองกำลังไปปิดล้อมจวนเจิ้นกั๋วกงของท่านได้อย่างไร”การทำงานตามคำสั่งส่วนตัวของอ๋องผู้สำเร็จราชการเป็นเรื่องหนึ่ง แต่การทำงานตามพระราชโองการของฝ่าบาทก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งเวินซื่อยกมือขึ้น รับพระราชโองการจากมือของกองทัพ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 546

    ให้อ๋องผู้สำเร็จราชการแทนมาหนุนหลังนางแล้วอย่างไรต่อ เขาไม่เชื่อว่า อ๋องผู้สำเร็จราชการแทนผู้สง่างามจะบังคับเขาให้ถอนหมั้นได้อย่างนั้นหรือ!เมื่อเวินเฉวียนเซิ่งได้ยินเวินจื่อเยวี่ยพูด ก็มองเขาแวบหนึ่งอย่างเย็นชา “เจ้าควรคิดหาวิธีช่วยพี่ใหญ่ของเจ้าก่อนดีกว่า ถ้าครั้งนี้พี่ใหญ่ของเจ้าตาย ก็อย่าได้คิดเรื่องหมั้นหมายเลย ข้าเวินเฉวียนเซิ่ง ไม่มีลูกชายที่ใจไม้ไส้ระกำอย่างเจ้า”ใบหน้าของเวินจื่อเยวี่ยขรึมลงทันทีเขารู้ว่าลูกชายคนโปรดของบิดาไม่ใช่เขา แต่เป็นพี่ใหญ่ที่บิดาเลี้ยงดูอย่างสุดชีวิตจิตใจแต่เขานึกไม่ถึงว่ามาถึงขั้นนี้แล้ว บิดาจะยังโหดร้ายถึงเพียงนี้ เอาการหมั้นหมายของเขามาข่มขู่เขาเวินจื่อเยวี่ยไม่ได้พูดอะไรอีกแต่ในขณะนี้ พ่อบ้านนั้นพูดด้วยสีหน้าขมขื่น “ท่านกั๋วกง คุณชายสาม ครั้งนี้ผู้ที่นำกองทัพธงดำมาไม่ใช่ท่านอ๋องขอรับ”เมื่อได้ยินคำพูดนี้เวินเฉวียนเซิ่งก็หันกลับไปหาพ่อบ้าน “ไม่ใช่เป่ยเฉินหยวนหรอกหรือ? แล้วใครล่ะ?”นอกจากฮ่องเต้น้อยและเป่ยเฉินหยวนเองแล้ว ยังมีใครอีกที่สามารถระดมกองทัพธงดำ ถึงขั้นกล้าปิดล้อมจวนเจิ้นกั๋วกงของเขาได้?ขณะที่เวินเฉวียนเซิ่งกำลังครุ่นคิดในหัวว

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 545

    “เสี่ยวหาน ให้ข้าดูหน้าเจ้าหน่อยสิ”หลังจากขับไล่เวินเฉวียนเซิ่งและเวินจื่อเยวี่ยออกไปแล้ว เวินซื่อก็ดึงฉางเสี่ยวหานเข้ามา“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ตบไม่โดนหน้า ข้าหลบได้นิดหน่อย แค่ตบโดนหัวเท่านั้น”ถึงกระนั้น การตบของเวินจื่อเยวี่ยก็หนักหน่วงมาก จนศีรษะของฉางเสี่ยวหานถึงกับสั่นคลอนในตอนนั้น ใช้เวลาสักพักกว่าจะตอบสนองได้“เจ้าไม่ต้องกังวล การตบครั้งนี้ข้าจะต้องเอาคืนเขาอย่างแรงแน่นอน”สีหน้าของเวินซื่อเคร่งขรึมลง น้ำเสียงไม่พอใจเป็นอย่างยิ่งฉางเสี่ยวหานลุกขึ้นกล่าวว่า “ไม่ ๆ ๆ ไม่ต้องหรอกธิดาศักดิ์สิทธิ์ เมื่อครู่ท่านช่วยตบคืนแทนเสี่ยวหานแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำอะไรอีกเจ้าค่ะ”ฉางเสี่ยวหานรู้จักคนในเมืองหลวงน้อยมาก แต่หลังจากติดตามเวินซื่อมาเป็นเวลานาน ก็ได้เรียนรู้เรื่องต่าง ๆ มากขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดที่ธิดาศักดิ์สิทธิ์พูดกับสองพ่อลูกคู่นั้นเมื่อครู่ ก็ย่อมสามารถคาดเดาตัวตนของพวกเขาได้อย่างง่ายดายคนหนึ่งคืออดีตบิดาของธิดาศักดิ์สิทธิ์ อีกคนคืออดีตพี่ชายของธิดาศักดิ์สิทธิ์ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขานั้นย่ำแย่มากพออยู่แล้ว หากธิดาศักดิ์สิทธิ์ต้องทะเลาะกับพี่ชายหนักขึ้นด้วยเรื่

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 544

    เขาขบริมฝีปากล่างแน่น กัดปากของตัวเองแตกเหมือนไม่รู้สึกตัว ปล่อยให้เลือดไหลลงจากมุมปากช้า ๆ“หลินเนี่ยนฉือล่ะ?”เวินจื่อเยวี่ยเอ่ยปากถามขึ้นทันใด“ข้าอยากพบนาง”“นางไม่อยากพบท่าน”เวินซื่อเอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบ“ข้าบอกว่าข้าอยากพบนาง!”เวินจื่อเยวี่ยตวาดลั่นอย่างฉุนเฉียวขึ้นมาทันใด พลางปัดมือของจางเสี่ยวหานออกมือของจางเสี่ยวหานถูกตีเจ็บ ตกใจสะดุ้งโหยง เมื่อนางรู้ตัวก็เอื้อมมือออกไปอีกครั้ง คว้าเพียงหนังสือถอนหมั้นฉบับนั้นไว้ส่วนจี้หยกก็ร่วงลงสู่พื้นดัง “ตุ้บ” ตามมาด้วยเสียงแตกหักดังขึ้น จี้หยกแยกออกเป็นสองส่วนทันทีเวินจื่อเยวี่ยที่ยังอยู่ในอาการฉุนเฉียวเมื่อได้ยินเสียงนี้อย่างกะทันหัน ก็ก้มหน้าลงมอง เกิดความสับสนขึ้นโดยพลันเขารีบเก็บจี้หยกขึ้นมา เมื่อมองดูรอยแตกหักนั้น ก็ไม่อาจยับยั้งไฟโทสะที่อัดอั้นอยู่เต็มอกไว้ได้ เพียงชั่วครู่ก็ระเบิดอารมณ์ใส่ฉางเสี่ยวหาน...“ใครให้เจ้าทำของของข้าพัง! เจ้าอยากตายหรือไง?!”“อะไรนะ? ไม่ใช่ข้า เป็นท่านต่างหากที่ปัดมือของข้าเอง...”“สาวใช้ต่ำต้อยอย่างเจ้ายังกล้าเถียงอีก!”เวินจื่อเยวี่ยลุกพรวดขึ้น สีหน้ามีรอยพยายาท ยกมือขึ้นตบหน้าฉางเส

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 543

    เวินจื่อเยวี่ยมองเวินเฉวียนเซิ่งอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ท่านพ่อ พูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?”เวินจื่อเยวี่ยเงียบไปครู่หนึ่ง “เจ้าน่าจะเข้าใจ เจ้าสาม”“ข้าไม่เข้าใจ!”เวินจื่อเยวี่ยตวาดออกมาทันใด พลางจ้องมองไปที่บิดาของเขาอย่างไม่ละสายตาเวินเฉวียนเซิ่งถอนหายใจอีกครั้ง “แค่การหมั้นหมายเท่านั้น พ่อรู้ว่าเจ้าไม่เต็มใจยอมรับ แต่พี่ใหญ่ของเจ้ามีเวลาเหลือไม่มากแล้ว ถ้ายังไม่เอายากลับไปอีก เขาจะต้องตายในไม่ช้า”“เจ้าสาม เจ้าจะทนเห็นพี่ใหญ่ของเจ้าตายไปได้จริงหรือ?”เวินจื่อเยวี่ยที่ได้ยินคำพูดประโยคนี้ของเขาได้ถามด้วยเสียงอันสั่นเครือเล็กน้อย “ก็เลยต้องเสียสละการหมั้นของข้าเพื่อช่วยพี่ใหญ่อย่างนั้นหรือ? ทั้ง ๆ ที่เรายังมีวิธีอื่นอีก แต่ท่านก็ยังยืนกรานที่จะขอร้องเวินซื่อ?!”“ยังมีวิธีอื่นอีกหรือ?”สีหน้าของเวินเฉวียนเซิ่งเย็นชาลง น้ำเสียงแย่มาก “ไม่ว่าจะเป็นบัวหิมะก็ดี เห็ดหลินจือสีม่วงอายุหนึ่งร้อยปีก็ดี หรือหญ้าฝรั่นที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนด้วยซ้ำก็ดี เจ้าคิดว่ามีสิ่งไหนหาง่ายบ้าง?!”“หากพี่ใหญ่ของเจ้ายังยืดเวลาได้อีกครึ่งค่อนเดือน พ่อก็จะไม่รีบร้อนเช่นนี้! แต่นี่พี่ใหญ่ของเจ้าอาจตายได้

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 542

    นางมองเวินเฉวียนเซิ่งอย่างเย็นชา “ท่านไม่มีคุณสมบัตินี้ตั้งนานแล้ว”“เวินซื่อ! จงระวังท่าทีในการพูดจาของเจ้าด้วย แม้ว่าตอนนี้เจ้าจะเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์แล้ว แต่ความสัมพันธ์พ่อลูกของเจ้ากับพ่อจะไม่มีทางเปลี่ยนแปลง อย่าลืมว่ายังมีเลือดของสกุลเวินไหลเวียนอยู่ในตัวเจ้า”“ใครบอกว่าเปลี่ยนแปลงไม่ได้?”เวินซื่อยิ้มเยาะ “ความสัมพันธ์นี้จะเปลี่ยนไปในไม่ช้า แต่ตอนนี้ขอวกกลับเข้าประเด็นก่อน ท่านเจิ้นจั๋วกง ท่านยังไม่ได้บอกตัวเลือกของท่านเลย ท่านวางแผนที่จะเลือกใครกันแน่?”ล้มเหลวในการเล่นกับอารมณ์ ล้มเหลวในการข่มขู่กลับมาสู่เงื่อนไขข้อแรกสุดอีกครั้ง สายตาของเวินเฉวียนเซิ่งเย็นชาลงระดับหนึ่งในทันใดเวินซื่อดูเหมือนจะมองไม่เห็นเลย เร่งรัดเขาด้วยอารมณ์ที่ดีมาก“ข้ามีเวลาไม่มากนัก ท่านเจิ้นจั๋วกงรีบตัดสินใจโดยเร็วที่สุดเถอะ มิฉะนั้นก็จะไม่มีการเจรจาใด ๆ อีกแล้ว”นางหันไปมองเวินเฉวียนเซิ่งด้วยรอยยิ้มตาหยี “‘พี่ใหญ่แสนดี’ ของข้าก็น่าจะมีเวลาไม่เพียงพอใช่ไหม?”“ถุย!”เวินจื่อเยวี่ยถ่มน้ำลายใส่นางอย่างรุนแรง “พี่ใหญ่ไม่มีน้องสาวที่ชั่วร้ายอย่างเจ้า!”“ถูกต้อง ข้าชั่วร้าย แต่ก็เทียบไม่ได้กับเว

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status