Share

บทที่ 300

Author: จิ้งซิง
“ทุกอย่าง?”

เป่ยเฉินหยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “รวมถึงชีวิตของเจ้าด้วยหรือ?”

“แน่นอน ท่านธิดาศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่เหมาะกับการตบตีฆ่าฟัน แต่หม่อมฉันแตกต่างออกไป หม่อมฉันสามารถเป็นดาบที่คมที่สุดในมือของท่านอ๋อง เพื่อท่าน...”

“ฉัวะ!”

อันหลันซินยังไม่ทันพูดจบ กระบี่เล่มหนึ่งก็แทงเข้ามาจากด้านข้างรถม้า เกือบจะเฉือนคอของอันหลันซิน

เหงื่อเย็นไหลลงมาบนหน้าผากของอันหลันซินทันที

ข้างนอกรถ เป่ยเฉินหยวนดึงมือกลับ “กระบี่ในมือข้ามีมากมาย ไม่ได้ขาดเจ้า อีกอย่าง อย่าเอาเจ้าไปเปรียบเทียบกับอู๋โยว หากมีครั้งหน้า กระบี่นี้จะไม่แทงพลาดแล้ว”

พูดจบ เป่ยเฉินหยวนก็หันหลังขึ้นม้า เหลือบมองรถม้าด้วยสายตาเย็นชาแวบหนึ่ง แล้วสั่งเกาเย่า

“เผาเสีย”

“พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง!”

อันหลันซินที่แผนการยั่วยวนล้มเหลวตั้งแต่ครั้งแรก ในที่สุดก็ถูกเกาเย่าไล่ลงมาจากรถม้า

และรถม้าคันนั้นก็ถูกเกาเย่าลากไปเผาทิ้งจริงๆ

อันหลันซินที่รู้สึกได้ถึงความรังเกียจอย่างสิ้นเชิง ในใจของนางก็รู้สึกย่ำแย่มาก

แต่นางก็พอจะคาดการณ์ไว้บ้างแล้ว

เพียงแต่คาดไม่ถึงว่าจะถูกรังเกียจอย่างสิ้นเชิงขนาดนี้

แต่ถ้าเขาถูกนางยั่วยวนได้ง่ายเกินไป นา
Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App
Locked Chapter

Kaugnay na kabanata

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 301

    “ท่าน วันนี้มาได้อย่างไร?”เวินซื่อมองอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจเล็กน้อยนางรู้ว่าวันเหมายันมาเยือนของทุกปีในราชสำนักจะมีงานเลี้ยงใหญ่ของเหล่าขุนนาง แต่ปีนี้นางไม่ได้ไปเพราะถึงอย่างไรนางก็ไม่ใช่บุตรสาวภรรยาเอกของจวนเจิ้นกั๋วกงอีกแล้วฝ่าบาททรงส่งคนมาถามนาง แต่นางก็ยังปฏิเสธอย่างสุภาพเนื่องจากออกบวชเป็นชีแล้ว งานเลี้ยงสวดขอพรเหล่านั้นที่ไม่ต้องมีนางอยู่ด้วยก็ไม่จำเป็นต้องไปอยู่แล้วแม้ว่าฝ่าบาทจะบอกว่าไม่เป็นไร แต่ก็หลีกเลี่ยงคำนินทากาเลไม่ได้อยู่แล้วนางไม่อยากเพิ่มความยุ่งยากใจให้ฝ่าบาทเกินไป“งานเลี้ยงสิ้นสุดลงแล้ว เหลือเพียงความสนุกสนานหลังจากร่ำสุรา ช่างน่าเบื่อหน่ายจริง ๆ สู้มาหาท่านดื่มกันสักจอกดีกว่า”เวินซื่อเลิกคิ้วขึ้น “ข้าดื่มสุราไม่ได้”“ข้ารู้ ก็เลยนำชาอย่างดีมาให้ท่านจำนวนหนึ่ง”เป่ยเฉินหยวนชูถ้วยชาขึ้น พลางเชื้อเชิญนาง “ไม่ทราบว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์จะยินดีดื่มกับข้าสักถ้วยหรือไม่?”เวินซื่อไม่ได้เห็นเขามีท่าทีจริงจังขนาดนี้มานานแล้ว จึงอดหัวเราะไม่ได้ “เป็นเกียรติอย่างยิ่ง”สองคนนั่งลงด้วยกันเป่ยเฉินหยวนยื่นน้ำชาที่เพิ่งชงเสร็จเมื่อครู่ หลังจากปล่อยให้เย็นลงเ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 302

    “หากข้ากล้าทำเช่นนั้น ข้าก็ไม่ใช่คน ขอให้ฟ้าผ่าลงทัณฑ์ข้า!”เวินฉางอวิ้นยืนรับรองอยู่ข้างนอกอารามสุ่ยเยว่เป็นเวลาครึ่งชั่วยามแล้ว ลำคอแทบแห้งผาก ซือไท่เหล่านั้นถึงผ่อนคลายลง รับปากว่าจะช่วยเข้าไปพูดให้เขาแต่น่าเสียดายเหล่าซือไท่รับปากว่าจะบอกให้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเวินซื่อจะตกลงออกไป“ไม่ไป”แค่สองคำที่มีกลับมาถึงเบื้องหน้าเวินฉางอวิ้นเวินฉางอวิ้นมีหรือจะยอมแพ้ง่าย ๆ เช่นนี้“เหล่าซือไท่ได้โปรดช่วยเกลี้ยกล่อมน้องสาวของข้าอีกครั้ง ข้าแค่อยากเห็นหน้านางเท่านั้น”“ไม่ได้ ธิดาศักดิ์สิทธิ์บอกไปแล้วว่าจะไม่พบท่านก็คือไม่พบท่าน ท่านอย่ามาเสียเวลาที่นี่เลยดีกว่า รีบกลับไปเสียเถอะ”เหล่าซือไท่ที่ไม่ถูกชะตากับจวนเจิ้นกั๋วกงอยู่แล้ว หลังจากส่งต่อคำพูดจบแล้วก็รีบขับไล่เขาทันที ไม่อยากให้เวินฉางอวิ้นอยู่หน้าอารามสุ่ยเยว่ของพวกนางนานไปกว่านี้แม้แต่นิดเดียวแต่พวกนางนึกไม่ถึงว่าวันนี้ขับไล่ไป แต่หลังจากนี้เวินฉางอวิ้นก็มาอีกทุกวันทันทีที่เสร็จงานในช่วงบ่าย ไม่ได้กลับไปที่จวนเจิ้นกั๋วกงด้วยซ้ำก็ตรงมาที่อารามสุ่ยเยว่เลยมาเคาะประตูทุกวัน รบกวนจนเหล่าซือไท่หาความสงบสุขไม่ได้สุดท้ายก็ต้อ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 303

    เวินฉางอวิ้นทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ“ไม่ใช่ขนมอบถั่วเขียวหรือ? ถ้าอย่างนั้นก็เป็นขนมกุ้ยฮวา?”รอยยิ้มบนใบหน้าของเวินซื่อสดใสขึ้น แต่ก็เย็นชาลงเช่นกัน “ขนมกุ้ยฮวา พี่ใหญ่แน่ใจหรือ? คิดว่าเป็นขนมกุ้ยฮวาจริงหรือ? ไม่อย่างนั้นพี่ใหญ่ลองเดาดูอีกครั้ง เพราะถึงอย่างไรทุกครั้งท่านก็เดาแม่นเช่นนี้เสมอ ทำไมไม่ลองดูหน่อยว่า น้องสาวที่น่ารำคาญอย่างข้าผู้นี้ มีของที่ไม่ชอบกินที่สุดมากน้อยแค่ไหนกันแน่?”ใบหน้าของเวินฉางอวิ้นซีดเผือดอีกครั้งในชั่วประเดี๋ยวเดียว“ช่างมันเถอะ ข้าชอบกินอะไรมันเกี่ยวอะไรกับพี่ใหญ่ด้วยเล่า เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ พี่ใหญ่จำไม่ได้ก็เป็นเรื่องปกติ”น้ำเสียงของเวินซื่อเต็มไปด้วยการเย้ยหยัน “เพราะถึงอย่างไรต่อให้ข้าไม่กิน แต่ก็ยังมีคนหนึ่งที่ชอบกินอย่างไรเล่า พี่ใหญ่รีบห่อกลับไปให้น้องสาวสุดที่รักผู้นั้นที่ท่านรักสุดหัวใจเถิด”“ไม่ใช่นะ...น้องห้าเจ้าฟังพี่ใหญ่อธิบายก่อน พี่ใหญ่ไม่ได้ตั้งใจซื้อขนมอบถั่วเขียวที่เจ้าเกลียดมาให้ เพียงแต่ตอนนั้นซื้อไปโดย...จิตใต้สำนึก”เวินฉางอวิ้นร้อนใจจนพูดจาไม่คล่อง พูดถึงตอนท้ายเขาเองยังรู้สึกอับอายยิ่งกว่าเดิมเมื่อคิดดูอย่างรอบคอบ ขนมอบถั

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 304

    เหลียงหมอมอคือคนเก่าคนแก่ที่อยู่ข้างกายองค์ไทเฮา และไทเฮาก็เจาะจงสั่งให้มาอบรมกฎเกณฑ์แก่เวินเยวี่ยดังนั้นนางจึงตอบปฏิเสธคำร้องขอของเวินเยวี่ยอย่างไม่ลังเล “ขออภัยด้วยคุณหนูหกสกุลเวิน เนื้อตัวของท่านมีกลิ่นอายชนบทมากเกินไป เพื่อให้ท่านได้เรียนรู้กฎเกณฑ์และกลายเป็นผู้สูงศักดิ์ในวังได้โดยเร็ว บ่าวจึงต้องเข้มงวดกับท่านเล็กน้อย”เมื่อได้ยินคำว่า “กลิ่นอายชนบทมากเกินไป” สีหน้าของเวินเยวี่ยก็บึ้งตึงขึ้นมาอย่างทนไม่ไหวทันทีนังแก่นี่กล้าดูหมิ่นนางได้อย่างไร?เวินเยวี่ยกัดฟันด้วยความโกรธ พลางข่มไฟโทสะไว้ “แต่ว่าพระองค์ตกหลุมรักข้าตั้งแต่แรกเห็น หากข้าไม่ทันระวังได้รับบาดเจ็บที่ใบหน้าในขณะที่เรียนรู้กฎเกณฑ์จากท่าน เกรงว่าหมอมอจะลำบากกระมัง?”ลูกไม้ตื้น ๆ แบบเวินเยวี่ยนี้ เหลียงหมอมอเคยเห็นมามากแล้วนางยิ้มเล็กน้อย “คุณหนูหกสกุลเวิน คำพูดของท่านนั้นไม่ถูกต้อง”เวินเยวี่ยไม่แยแส “ตรงไหนที่ไม่ถูกต้อง?”“ไม่มีตรงไหนถูกต้องเลย พระองค์ทรงตกหลุมรักท่านตั้งแต่แรกเห็น ต้องการรับท่านเข้าวังในฐานะพระสนม ดังนั้นถึงให้ท่านเข้ามาเรียนรู้กฎเกณฑ์ในตำหนักของไทเฮา แต่ตอนนี้ท่านไม่เพียงแต่ไม่ตั้งใจเรียนรู

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 305

    จวนเจิ้นกั๋วกงห้องหนังสือ“ท่านพ่อ พี่ใหญ่ ข้าไม่นึกเลยว่าพวกท่านจะปฏิบัติกับน้องหกแบบนี้!”“พวกท่านรู้ดีว่าวังหลังนั่นคือสถานที่อะไร รู้ดีว่าพระองค์เกรงกลัวจวนเจิ้นกั๋วกงของเราแค่ไหน พวกท่านยังกล้าวางใจทิ้งน้องหกไว้ที่นั่นอีก!”“ถ้าน้องหกอยู่ในวังถูกข่มเหงรังแกจะทำอย่างไร? หากพวกเราไม่ได้อยู่ใกล้ตัวนาง ใครจะสามารถปกป้องนางได้?!”“ได้ ได้! ในเมื่อพวกท่านไม่ไปหานาง ถ้าอย่างนั้นข้าจะไป!”“หากรู้ตั้งแต่แรกว่าวันนั้นหลังจากน้องหกตามพวกท่านเข้าวังไปแล้ว จะถูกพวกท่านทิ้งไว้ที่นั่นล่ะก็ ต่อให้ขาข้างนี้ของข้าต้องพิการก็จะตามพวกท่านเข้าวังไปด้วย!”สกุลเวินในเวลานี้เกิดการโต้เถียงใหญ่โตมาสองวันแล้ว เพราะเรื่องที่เวินเยวี่ยเข้าวังพูดให้ถูกก็คือ ส่วนใหญ่เป็นการโวยวายเพียงฝ่ายเดียวของเวินจื่อเยวี่ยเป็นหลักแม้ว่าเวินอวี้จือจะไม่เอะอะโวยวายเหมือนกับเวินจื่อเยวี่ย แต่ทุกครั้งเมื่อเวินจื่อเยวี่ยเสียงดัง โดยพื้นฐานเขาก็ยืนอยู่ข้างเวินจื่อเยวี่ยเสมอส่วนพ่อลูกคู่นี้เวินเฉวียนเซิ่งและเวินฉางอวิ้น ทั้งสองนั้นมีนิสัยใจคอเหมือนกัน ในตอนแรก ๆ ยังสามารถอดทนไว้ได้ อธิบายให้พวกเข้าฟังอย่างใจเย็น ไม่

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 306

    การระเบิดคำถามอย่างกะทันหันของเวินฉางอวิ้น ทำให้ทั้งเวินจื่อเยวี่ยและเวินอวี้จือที่ตั้งใจจะคุยกับเวินจื่อเยวี่ยตกตะลึงไปเวินเฉวียนเซิ่งไม่ได้เอ่ยปาก เพียงแค่ขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางเหลือบมองเวินฉางอวิ้นเวินจื่อเยวี่ยเปิดปาก อยากจะพูดบางอย่างเพื่อโต้แย้ง แต่สุดท้ายก็แค่บ่นด้วยความอึดอัดใจ “นั่นจะโทษตัวนางก็ไม่ได้ และไม่ใช่พวกเราที่บีบบังคับให้นางออกจากจวนเจิ้นกั๋วกงให้ได้นี่”เวินฉางอวิ้นยิ้มเยาะ โยนมาให้เขาแล้ว พลางเอ่ยอย่างราบเรียบ “น้องสาม ดวงตาของเจ้าบอดแล้ว ข้าก็เช่นกัน พวกเราทุกคนก็เช่นเดียวกัน”“มีเพียงน้องรองเท่านั้นที่ได้สติแล้ว เขาเข้าใจทุกอย่าง ดังนั้นจึงไปจากบ้านหลังนี้โดยไม่ยอมหวนกลับเหมือนน้องห้า”“ได้สติอะไร แค่ออกไปเป็นคนโง่เท่านั้นเอง”เวินจื่อเยวี่ยกล่าวอย่างไม่แยแส“พี่ใหญ่ ท่านไม่ได้แอบไปดูหรือ? เขาออกจากจวนเจิ้นกั๋วกงของเรา แม้แต่ที่อยู่อาศัยของตัวเองยังหาไม่ได้ด้วยซ้ำ ทำได้เพียงออกไปสร้างกระท่อมฟางโทรม ๆ เหมือนขอทาน นี่น่ะหรือได้สติอย่างที่พี่ใหญ่ว่า? ข้าว่าเขาเป็นแค่เรื่องขำขันมากกว่า”แต่เวินฉางอวิ้นกลับเหลือบมองเขาด้วยสีหน้าเวทนา“เจ้าบอกว่าน้องรองเสียสติ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 307

    “ท่านพ่ออีกคน ท่านก็เหมือนกัน ลูกรู้ว่าท่านลำเอียงเข้าข้างน้องหก แต่หัวใจของท่านก็อย่าเอนเอียงจนเกินไป!”เวินฉางอวิ้นจ้องเขม็งใส่บิดาท่านนี้ที่เขาเคยเคารพศรัทธามาโดยตลอดทั้ง ๆ ที่เคยเป็นแบบอย่างที่เขาอยากเดินตาม แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่าอะไร ๆ ล้วนไม่จริง!ตัวตนของน้องหกก็ไม่จริงความรู้สึกของพ่อที่มีต่อแม่ก็ไม่จริงยังมีภาพลักษณ์พี่ชายที่ดีที่สุดในเมืองหลวงของเขา ก็ไม่จริงเช่นกัน!เขาไม่สมควรที่จะเรียกตัวเองแบบนั้น!เมื่อนึกขึ้นมาในตอนนี้ เขารู้สึกเสียใจมากจริง ๆทั้ง ๆ ที่เขาเป็นพี่ชายคนโตของครอบครัวนี้ แต่กลับไม่ห้ามน้องสาวออกบวช และไม่ได้เกลี้ยกล่อมน้องชายที่ออกจากบ้านให้กลับมาบัดนี้เมื่อเขาได้สติในที่สุด ก็ได้สูญเสียน้องห้าและน้องรองไปแล้วเวินฉางอวิ้นมองดูน้องชายสองคนที่เหลืออยู่ในบ้าน มองดูพวกเขาเหมือนกับตัวเองเมื่อก่อนทุกประการ ท่าทางไม่มีสติเลยแม้แต่นิดเดียวเขาอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “น้องสาม น้องสี่ ดูแลครอบครัวนี้ให้ดี หากพวกเจ้ายังไม่ได้สติอีกล่ะก็ ครอบครัวนี้ก็จะแตกแยกจริง ๆ แล้ว!น่าเสียดายที่เวินจื่อเยวี่ยไม่เข้าใจเวินอวี้จือก็ไม่เข้าใจเช่นกันพวกเขามองพี่ใหญ่ท

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 308

    สายตาของเวินเฉวียนเซิ่งถอนกลับจากภายนอกอย่างช้า ๆ เขาเหลือบมองขาของเวินจื่อเยวี่ยอย่างเฉยชา“ยังไม่รู้ว่าเป็นนางจริง ๆ หรือเปล่า แต่คาดเดาว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับนางอย่างตัดไม่ขาด”“ข้ารู้อยู่แล้ว!”เวินจื่อเยวี่ยพูดอย่างโกรธเคือง “เวินซื่อจะไม่ปล่อยน้องหกไปแน่! คราวก่อนก็ใส่ร้ายน้องหกว่าขโมยกระดูกของท่านแม่ไป ตอนนี้แทนที่จะยอมรับผิดกลับเล่นงานฝ่ายตรงข้าม ซ้ำยังกล้าโกหกและร้องเรียนต่อฝ่าบาท ทำให้น้องหกถูกขังไว้ในวัง!”เมื่อได้ยินคำพูดครึ่งแรกของเวินจื่อเยวี่ย เวินเฉวียนเซิ่งก็นิ่งไปเล็กน้อยแต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้พูดอะไรสักอย่าง“ในเมื่อมีความเกี่ยวข้องกับเวินซื่อ ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ไม่ต้องไปหานางอีกหรือ?”เวินอวี้จือขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่ค่อยอยากจะไปพบเวินซื่อสักเท่าใด“ถ้าพวกเจ้าไม่อยากไป ก็สามารถไปหาพี่รองของพวกเจ้าได้”เวินเฉวียนเซิ่งเสนอความคิดให้พวกเขาอย่างเฉยชาเมื่อเวินอวี้จือได้ยินดังนั้น ก็ลูบคางเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรขึ้นมาเวินจื่อเยวี่ยลังเลเล็กน้อย “พี่รองเขาจะตอบตกลงไหม?”ครั้งที่แล้วตอนที่เวินจื่อเฉินออกจากจวนเจิ้นกั๋วกง ก็เอะอะโวยวายกว่าพี่ใหญ่เสียอีกสีหน้ามีแว

Pinakabagong kabanata

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 550

    ถึงขั้นเอาอีกฝ่ายมาข่มขู่เวินจื่อเยวี่ย ทำให้เวินจื่อเยวี่ยต้องเลือกระหว่างนางและหลินเนี่ยนฉือแล้วนางสารเลวที่ยังไม่เดินผ่านประตูเข้ามาจะเอาอะไรมาเทียบกับนาง!เวินเยวี่ยโกรธจัดจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ในเสี้ยววินาทีที่ก้มศีรษะลง สายตาอาบยาพิษช่างน่าสะพรึงกลัว“ยุแยงตะแคงรั่ว?”เวินซื่อแค่รู้สึกว่าคำพูดของเวินจื่อเยวี่ยน่าขบขันมาก “มีเพียงคนที่มีหัวใจเท่านั้นถึงจะรู้สึกว่าใคร ๆ ก็เป็นเช่นนี้”นางเหลือบมองเวินเยวี่ยแวบหนึ่งอย่างเฉยชา ก่อนจะเอ่ยอย่างไม่แยแส “ท่านคิดว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้จะใช้พวกท่านไปก่อกวนความสงบของนางหรือ? ฝันไปเถอะ พวกท่านยังไม่คู่ควร”“เหอะ พูดเสียน่าฟัง ถ้าไม่ใช่เพราะจดหมายที่เจ้าเขียนไปฟ้อง หลินเนี่ยนฉืออยู่ที่อู๋โจวอยู่ดี ๆ จะเข้ามาที่เมืองหลวงทำไม? แล้วยังต้องการถอนหมั้นกับข้าอีก?!”ถึงตอนนี้เวินจื่อเยวี่ยยังคงเชื่อว่าเวินซื่อไปพูดอะไรกับหลินเนี่ยนฉือ ถึงทำให้หลินเนี่ยนฉือทำเช่นนั้น“ท่านคิดว่าข้อมูลในใต้หล้านี้มีสิ่งใดที่สามารถปิดบังได้อย่างนั้นหรือ? จวนเจิ้นกั๋วกงของพวกท่านได้ทำเรื่องที่น่าอับอายขายขี้หน้า ไร้ยางอายมาไม่น้อย แพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงตั้งน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 549

    อูฐผอมซูบยังตัวใหญ่กว่าม้าการจะทำลายจวนเจิ้นกั๋วกงอันใหญ่โตแห่งนี้โดยอาศัยแมลงเพียงไม่กี่ตัว มันเป็นไปไม่ได้เลยแน่นอน มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้อย่างสิ้นเชิงเพียงแต่ราคาที่ต้องจ่ายนั้นสูงเกินไปอย่างเช่นการหมั้นหมายระหว่างจวนเจิ้นกั๋วกงและสกุลหลินเมื่อจวนเจิ้นกั๋วกงถูกกล่าวหาว่าสมคบคิดกับชาวต่างเผ่า เวินเฉวียนเซิ่งจะต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อชำระล้างให้หลุดพ้นจากข้อกล่าวหานี้และวิธีการที่ดีที่สุดก็ต้องเป็นการดึงผู้คนให้เข้ามาพัวพันมากขึ้นสกุลหลินที่ยังมีการหมั้นหมายกับจวนเจิ้นกั๋วกงเป็นกลุ่มแรกที่รับศึกหนัก โดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างหลินเนี่ยนฉือและเวินซื่อ และจะกลายเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เวินเฉวียนเซิ่งดึงสกุลหลินให้ลงมาพัวพันด้วยดังนั้นก่อนจะยุติการหมั้นหมายระหว่างหลินเนี่ยนฉือและเวินจื่อเยวี่ย เวินซื่อยังไม่สามารถทำอะไรบุ่มบ่ามได้ทว่า ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถแตะต้องจวนเจิ้นกั๋วกงได้ แต่การมีเวินเยวี่ยเพียงคนเดียวก็ไม่ใช่เรื่องที่เสียหาย“หมั้น...หมั้นหมาย?”ในขณะนี้ เสียงที่สับสนของเวินเยวี่ยก็ดังขึ้นจากทางด้านหลังของ เวินจื่อเยวี่ย“พี่สาม ท่านหมั้นกับใครตั้

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 548

    “ท่าน…!”เวินเยวี่ยลมแทบจับเมื่อได้ยินที่เวินซื่อพูดนางข่มไฟโทสะเอาไว้ “ธิดาศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่คนของกองทัพธงดำเสียหน่อย ให้ท่านมาทำการค้นหา ไม่น่าจะเหมาะสมกระมัง?”เวินเยวี่ยฝืนยิ้ม “ท้ายที่สุดแล้วบุญคุณความแค้นระหว่างพี่หญิงห้ากับเยวี่ยเอ๋อร์นั้นเป็นที่ประจักษ์ชัดแจ้งกันทั่วทุกคน ถ้าเกิด…”ประโยคสุดท้ายนี้ไม่ได้พูดออกมาทั้งหมด แต่ก็สามารถเข้าใจทุกอย่างที่ควรเข้าใจถ้าเกิดเวินซื่อเข้าไปวางกลอุบายบางอย่างเพื่อใส่ร้ายนางแล้วจะทำเช่นไร?เวินซื่อหันหน้าไปเผชิญหน้ากับเวินเยวี่ย รอยยิ้มเล็ก ๆ เผยออกมาบนใบหน้าอันบริสุทธิ์ผุดผ่องและงดงามของนาง “ข้าไม่ต่ำช้าไร้ยางอายเหมือนเจ้า”ใบหน้าของเวินเยวี่ยสลดลงเพราะดำด่าของนางทันทีแต่วินาทีต่อมาก็ได้ยินเวินซื่อพูดว่า “แต่ว่านี่มันก็เป็นปัญหาจริง ๆ ในเมื่อคุณหนูหกสกุลเวินเป็นกังวลเช่นนี้ เช่นนั้นข้าธิดาศักดิ์สิทธิ์ก็ขอยืนค้นหาอยู่ที่ประตูแล้วกัน”ยืนค้นหาอยู่ที่ประตูหรือ?แล้วจะค้นหาอย่างไร?ขณะที่เวินเยวี่ยและคนอื่น ๆ กำลังงุนงง เวินซื่อก็พลิกฝ่ามือ ก่อนจะหยิบขวดหยกขวดหนึ่งออกมาจากกลางฝ่ามือของนางฉางเสี่ยวหานก้าวเข้าไปรับขวดหยกจากมือของเว

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 547

    “เหลวไหลสิ้นดี!”แววอันตรายฉายผ่านดวงตาอันคมกริบของเวินเฉวียนเซิ่งในทันใดเขาจ้องไปที่รถม้าที่เวินซื่อนั่งอยู่ สายตามองทะลุช่องว่างของม่านหน้าต่าง พลางชี้ตรงไปที่เวินซื่อ “เวินซื่อ เจ้ารู้ไหมว่าเจ้ากำลังทำอะไรอยู่? เจ้ากำลังใส่ร้ายขุนนางในราชสำนักซึ่งเป็นความผิดร้ายแรง!”“หากเจ้าไม่สามารถแสดงหลักฐานใด ๆ ได้ ต่อให้เจ้าจะเคยเป็นลูกสาวของข้า ข้าก็จะไม่ปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ เด็ดขาด!”“เจิ้นกั๋วกงไม่จำเป็นต้องใจร้อนขู่ขวัญเช่นนี้”ว่าแล้วเวินซื่อก็ยกมือขึ้นเปิดม่านรถแล้ว เดินออกมาจากด้านในอย่างช้า ๆเสี่ยวหานก้าวไปข้างหน้าอย่างมีไหวพริบ ทำตามสาวใช้เหล่านั้น เอื้อมมือออกไปช่วยประคองธิดาศักดิ์สิทธิ์ของนางลงจากรถม้าช้า ๆหลังจากลงสู่พื้นและยืนได้อย่างมั่นคงแล้ว เวินซื่อก็เงยหน้าขึ้นมองเวินเฉวียนเซิ่งผ่านกองทัพธงดำ นางยิ้มเล็กน้อย “ถ้าธิดาศักดิ์สิทธิ์ไม่มีหลักฐาน วันนี้จะกล้านำกองกำลังไปปิดล้อมจวนเจิ้นกั๋วกงของท่านได้อย่างไร”การทำงานตามคำสั่งส่วนตัวของอ๋องผู้สำเร็จราชการเป็นเรื่องหนึ่ง แต่การทำงานตามพระราชโองการของฝ่าบาทก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งเวินซื่อยกมือขึ้น รับพระราชโองการจากมือของกองทัพ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 546

    ให้อ๋องผู้สำเร็จราชการแทนมาหนุนหลังนางแล้วอย่างไรต่อ เขาไม่เชื่อว่า อ๋องผู้สำเร็จราชการแทนผู้สง่างามจะบังคับเขาให้ถอนหมั้นได้อย่างนั้นหรือ!เมื่อเวินเฉวียนเซิ่งได้ยินเวินจื่อเยวี่ยพูด ก็มองเขาแวบหนึ่งอย่างเย็นชา “เจ้าควรคิดหาวิธีช่วยพี่ใหญ่ของเจ้าก่อนดีกว่า ถ้าครั้งนี้พี่ใหญ่ของเจ้าตาย ก็อย่าได้คิดเรื่องหมั้นหมายเลย ข้าเวินเฉวียนเซิ่ง ไม่มีลูกชายที่ใจไม้ไส้ระกำอย่างเจ้า”ใบหน้าของเวินจื่อเยวี่ยขรึมลงทันทีเขารู้ว่าลูกชายคนโปรดของบิดาไม่ใช่เขา แต่เป็นพี่ใหญ่ที่บิดาเลี้ยงดูอย่างสุดชีวิตจิตใจแต่เขานึกไม่ถึงว่ามาถึงขั้นนี้แล้ว บิดาจะยังโหดร้ายถึงเพียงนี้ เอาการหมั้นหมายของเขามาข่มขู่เขาเวินจื่อเยวี่ยไม่ได้พูดอะไรอีกแต่ในขณะนี้ พ่อบ้านนั้นพูดด้วยสีหน้าขมขื่น “ท่านกั๋วกง คุณชายสาม ครั้งนี้ผู้ที่นำกองทัพธงดำมาไม่ใช่ท่านอ๋องขอรับ”เมื่อได้ยินคำพูดนี้เวินเฉวียนเซิ่งก็หันกลับไปหาพ่อบ้าน “ไม่ใช่เป่ยเฉินหยวนหรอกหรือ? แล้วใครล่ะ?”นอกจากฮ่องเต้น้อยและเป่ยเฉินหยวนเองแล้ว ยังมีใครอีกที่สามารถระดมกองทัพธงดำ ถึงขั้นกล้าปิดล้อมจวนเจิ้นกั๋วกงของเขาได้?ขณะที่เวินเฉวียนเซิ่งกำลังครุ่นคิดในหัวว

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 545

    “เสี่ยวหาน ให้ข้าดูหน้าเจ้าหน่อยสิ”หลังจากขับไล่เวินเฉวียนเซิ่งและเวินจื่อเยวี่ยออกไปแล้ว เวินซื่อก็ดึงฉางเสี่ยวหานเข้ามา“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ตบไม่โดนหน้า ข้าหลบได้นิดหน่อย แค่ตบโดนหัวเท่านั้น”ถึงกระนั้น การตบของเวินจื่อเยวี่ยก็หนักหน่วงมาก จนศีรษะของฉางเสี่ยวหานถึงกับสั่นคลอนในตอนนั้น ใช้เวลาสักพักกว่าจะตอบสนองได้“เจ้าไม่ต้องกังวล การตบครั้งนี้ข้าจะต้องเอาคืนเขาอย่างแรงแน่นอน”สีหน้าของเวินซื่อเคร่งขรึมลง น้ำเสียงไม่พอใจเป็นอย่างยิ่งฉางเสี่ยวหานลุกขึ้นกล่าวว่า “ไม่ ๆ ๆ ไม่ต้องหรอกธิดาศักดิ์สิทธิ์ เมื่อครู่ท่านช่วยตบคืนแทนเสี่ยวหานแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำอะไรอีกเจ้าค่ะ”ฉางเสี่ยวหานรู้จักคนในเมืองหลวงน้อยมาก แต่หลังจากติดตามเวินซื่อมาเป็นเวลานาน ก็ได้เรียนรู้เรื่องต่าง ๆ มากขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดที่ธิดาศักดิ์สิทธิ์พูดกับสองพ่อลูกคู่นั้นเมื่อครู่ ก็ย่อมสามารถคาดเดาตัวตนของพวกเขาได้อย่างง่ายดายคนหนึ่งคืออดีตบิดาของธิดาศักดิ์สิทธิ์ อีกคนคืออดีตพี่ชายของธิดาศักดิ์สิทธิ์ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขานั้นย่ำแย่มากพออยู่แล้ว หากธิดาศักดิ์สิทธิ์ต้องทะเลาะกับพี่ชายหนักขึ้นด้วยเรื่

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 544

    เขาขบริมฝีปากล่างแน่น กัดปากของตัวเองแตกเหมือนไม่รู้สึกตัว ปล่อยให้เลือดไหลลงจากมุมปากช้า ๆ“หลินเนี่ยนฉือล่ะ?”เวินจื่อเยวี่ยเอ่ยปากถามขึ้นทันใด“ข้าอยากพบนาง”“นางไม่อยากพบท่าน”เวินซื่อเอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบ“ข้าบอกว่าข้าอยากพบนาง!”เวินจื่อเยวี่ยตวาดลั่นอย่างฉุนเฉียวขึ้นมาทันใด พลางปัดมือของจางเสี่ยวหานออกมือของจางเสี่ยวหานถูกตีเจ็บ ตกใจสะดุ้งโหยง เมื่อนางรู้ตัวก็เอื้อมมือออกไปอีกครั้ง คว้าเพียงหนังสือถอนหมั้นฉบับนั้นไว้ส่วนจี้หยกก็ร่วงลงสู่พื้นดัง “ตุ้บ” ตามมาด้วยเสียงแตกหักดังขึ้น จี้หยกแยกออกเป็นสองส่วนทันทีเวินจื่อเยวี่ยที่ยังอยู่ในอาการฉุนเฉียวเมื่อได้ยินเสียงนี้อย่างกะทันหัน ก็ก้มหน้าลงมอง เกิดความสับสนขึ้นโดยพลันเขารีบเก็บจี้หยกขึ้นมา เมื่อมองดูรอยแตกหักนั้น ก็ไม่อาจยับยั้งไฟโทสะที่อัดอั้นอยู่เต็มอกไว้ได้ เพียงชั่วครู่ก็ระเบิดอารมณ์ใส่ฉางเสี่ยวหาน...“ใครให้เจ้าทำของของข้าพัง! เจ้าอยากตายหรือไง?!”“อะไรนะ? ไม่ใช่ข้า เป็นท่านต่างหากที่ปัดมือของข้าเอง...”“สาวใช้ต่ำต้อยอย่างเจ้ายังกล้าเถียงอีก!”เวินจื่อเยวี่ยลุกพรวดขึ้น สีหน้ามีรอยพยายาท ยกมือขึ้นตบหน้าฉางเส

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 543

    เวินจื่อเยวี่ยมองเวินเฉวียนเซิ่งอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ท่านพ่อ พูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?”เวินจื่อเยวี่ยเงียบไปครู่หนึ่ง “เจ้าน่าจะเข้าใจ เจ้าสาม”“ข้าไม่เข้าใจ!”เวินจื่อเยวี่ยตวาดออกมาทันใด พลางจ้องมองไปที่บิดาของเขาอย่างไม่ละสายตาเวินเฉวียนเซิ่งถอนหายใจอีกครั้ง “แค่การหมั้นหมายเท่านั้น พ่อรู้ว่าเจ้าไม่เต็มใจยอมรับ แต่พี่ใหญ่ของเจ้ามีเวลาเหลือไม่มากแล้ว ถ้ายังไม่เอายากลับไปอีก เขาจะต้องตายในไม่ช้า”“เจ้าสาม เจ้าจะทนเห็นพี่ใหญ่ของเจ้าตายไปได้จริงหรือ?”เวินจื่อเยวี่ยที่ได้ยินคำพูดประโยคนี้ของเขาได้ถามด้วยเสียงอันสั่นเครือเล็กน้อย “ก็เลยต้องเสียสละการหมั้นของข้าเพื่อช่วยพี่ใหญ่อย่างนั้นหรือ? ทั้ง ๆ ที่เรายังมีวิธีอื่นอีก แต่ท่านก็ยังยืนกรานที่จะขอร้องเวินซื่อ?!”“ยังมีวิธีอื่นอีกหรือ?”สีหน้าของเวินเฉวียนเซิ่งเย็นชาลง น้ำเสียงแย่มาก “ไม่ว่าจะเป็นบัวหิมะก็ดี เห็ดหลินจือสีม่วงอายุหนึ่งร้อยปีก็ดี หรือหญ้าฝรั่นที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนด้วยซ้ำก็ดี เจ้าคิดว่ามีสิ่งไหนหาง่ายบ้าง?!”“หากพี่ใหญ่ของเจ้ายังยืดเวลาได้อีกครึ่งค่อนเดือน พ่อก็จะไม่รีบร้อนเช่นนี้! แต่นี่พี่ใหญ่ของเจ้าอาจตายได้

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 542

    นางมองเวินเฉวียนเซิ่งอย่างเย็นชา “ท่านไม่มีคุณสมบัตินี้ตั้งนานแล้ว”“เวินซื่อ! จงระวังท่าทีในการพูดจาของเจ้าด้วย แม้ว่าตอนนี้เจ้าจะเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์แล้ว แต่ความสัมพันธ์พ่อลูกของเจ้ากับพ่อจะไม่มีทางเปลี่ยนแปลง อย่าลืมว่ายังมีเลือดของสกุลเวินไหลเวียนอยู่ในตัวเจ้า”“ใครบอกว่าเปลี่ยนแปลงไม่ได้?”เวินซื่อยิ้มเยาะ “ความสัมพันธ์นี้จะเปลี่ยนไปในไม่ช้า แต่ตอนนี้ขอวกกลับเข้าประเด็นก่อน ท่านเจิ้นจั๋วกง ท่านยังไม่ได้บอกตัวเลือกของท่านเลย ท่านวางแผนที่จะเลือกใครกันแน่?”ล้มเหลวในการเล่นกับอารมณ์ ล้มเหลวในการข่มขู่กลับมาสู่เงื่อนไขข้อแรกสุดอีกครั้ง สายตาของเวินเฉวียนเซิ่งเย็นชาลงระดับหนึ่งในทันใดเวินซื่อดูเหมือนจะมองไม่เห็นเลย เร่งรัดเขาด้วยอารมณ์ที่ดีมาก“ข้ามีเวลาไม่มากนัก ท่านเจิ้นจั๋วกงรีบตัดสินใจโดยเร็วที่สุดเถอะ มิฉะนั้นก็จะไม่มีการเจรจาใด ๆ อีกแล้ว”นางหันไปมองเวินเฉวียนเซิ่งด้วยรอยยิ้มตาหยี “‘พี่ใหญ่แสนดี’ ของข้าก็น่าจะมีเวลาไม่เพียงพอใช่ไหม?”“ถุย!”เวินจื่อเยวี่ยถ่มน้ำลายใส่นางอย่างรุนแรง “พี่ใหญ่ไม่มีน้องสาวที่ชั่วร้ายอย่างเจ้า!”“ถูกต้อง ข้าชั่วร้าย แต่ก็เทียบไม่ได้กับเว

Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status