Share

บทที่ 180

Author: จิ้งซิง
เวินเฉวียนเซิ่งที่รู้สึกถึงอะไรบางอย่างจากคำพูดของเขา สีหน้าก็มืดมนในทันที เอ่ยชื่อแซ่ของเขาพร้อมกับเอ่ยถาม “เวินจื่อเฉิน เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”

“ไม่มีอะไร แค่รู้สึกว่าในเมื่อน้องสาวไม่ได้อยู่ในบ้านหลังนี้แล้ว เช่นนั้นจวนเจิ้นกั๋วกงก็ไม่มีอะไรที่คู่ควรให้ข้าอยู่ต่อ”

เมื่อเอ่ยออกไปเช่นนี้ ไม่ต้องพูดถึงเวินเฉวียนเซิ่งและเวินฉางอวิ้น แม้แต่เวินอวี้จือที่นอนอยู่บนเตียงภายในห้องแล้วเพิ่งตื่นมาได้ไม่นาน ก็อดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้าง

“ปึง!”

เวินเฉวียนเซิ่งโมโหจนตบโต๊ะลุกขึ้นยืน เพราะบุตรชายคนรองของเขา

“เหลวไหล! เจ้าคิดว่าบ้านหลังนี้เป็นที่ที่เจ้าอยากจะมาก็มา อยากจะไปก็ไปหรือไร?!”

“ทำไมจะไปไม่ได้?”

ในเวลานี้ เวินจื่อเฉินตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้ว แววตาของเขามุ่งมั่นเช่นนั้น “น้องสาวข้ายังไปได้ แล้วทำไมข้าจะไปไม่ได้? หรือว่าท่านพ่อจะใช้วิธีข่มขู่ข้าเช่นเดียวกับที่ทำกับน้องห้า ด้วยการตัดชื่อออกจากบันทึกลำดับญาติ?”

เวินจื่อเฉินรู้สึกเจ็บปวดในใจอย่างมาก แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้ว “ไม่เป็นไร จะตัดชื่อก็ตัดไปเถิด”

พอไม่มีสถานะเป็นคนของสกุลเวินแล้ว เขาจะได้ใช้นามสกุลเวินเดียวกับน้องห้า

แม้ว่าน้อง
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App
Comments (4)
goodnovel comment avatar
Silarat
เวิน ไม่น่าใช้ มาเริ่มฟื้นฟู ตระกูล หลาน กัน
goodnovel comment avatar
WLFJ
ยัยเวินเยี่ยจะมาทำร้ายพี่รองไหมเนี่ย
goodnovel comment avatar
Jocky Tagool
ตาสว่างแล้วหนึ่งราย ส่วนที่เหลือก็อยู่อย่างโง่เขลากับพ่อลำเอียงนั่นไปเหอะ
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 181

    ดูเหมือนเขาจะเกิดความยึดติด ต้องการที่จะทนรับความยากลำบากทั้งหมดที่เวินซื่อเคยประสบมาก่อนเขาอยากรู้ว่า น้องสาวของเขามีความรู้สึกอย่างไรกันแน่ในตอนที่เดินบนเส้นทางนี้และแล้วต่อมา เขาก็ได้สัมผัสอย่างรวดเร็วถนนขึ้นเขาที่เป็นโคลนตม ขรุขระ และเป็นโขดหินมากมาย ไม่เพียงแต่ขูดหัวเข่าของเขาจนใกล้จะแตกยับเยิน กระแทกหน้าผากของเขาจนแตก แต่ยังเสียดสีตามขอบมุมของเขาอย่างรุนแรงอีกด้วยเพิ่งผ่านไปได้ไม่ถึงครึ่งทางของการคุกเข่าคำนับ เวินจื่อเฉินก็รู้สึกว่าหัวเข่าและหน้าผากของตัวเองเจ็บปวดราวกับว่าไม่ใช่ของตัวเขาเองอีกต่อไปจากการคุกเข่าโขกศีรษะอย่างคล่องแคล่วในตอนเริ่มต้น จนสุดท้ายแม้แต่ยกขาข้างเดียวยังต้องออกแรงมาก เมื่อก้มตัวลงก็รู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างยิ่งแต่นี่เพิ่งได้เพียงครึ่งทางเท่านั้น!เวินจื่อเฉินเงยหน้ามองขึ้นไปยังถนนขึ้นเขาที่ดูคล้ายจะไม่มีที่สิ้นสุด ในขณะนั้นเอง ใบหน้าของเขาก็เผยความสับสนออกมาภูเขาลูกนี้เหตุใดถึงสูงเช่นนี้?ทั้ง ๆ ที่ในสายตาของเขาเมื่อก่อน ภูเขาหนานลูกนี้เป็นเพียงภูเขาที่ไม่ถือว่าเตี้ยเกินไปแต่ก็ไม่สูงสักเท่าใดแต่ตอนนี้ภูเขาลูกนี้เสมือนหน้าผาที่เขาไม่อาจปีนข้

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 182

    จนกระทั่งในงานเลี้ยงเมื่อวันก่อน จู่ ๆ คนผู้นี้ก็มาขอโทษนาง ทำให้นางประหลาดใจไม่น้อยหลังจากเวินซื่อครุ่นคิดสักครู่ สุดท้ายก็พยักหน้ากล่าวว่า “เช่นนั้นข้าจะออกไปพบเขาสักหน่อยแล้วกัน”ศิษย์พี่หญิงอู๋ขู่ตบบ่านาง พลางกระซิบว่า “ศิษย์น้องหญิงอู๋โยว ถึงแม้คนผู้นี้ดูคล้ายว่ามาขอโทษ แต่คำพูดของลูกผู้ดีมีเงินเอาแต่เสวยสุขพวกนี้ เจ้าอย่าไปเชื่อให้มากเกินไป จงเตรียมใจระมัดระวัง อย่าให้ถูกใครหลอกเอา”ที่จริงแล้วอู๋ขู่เป็นห่วงว่าเวินซื่อจะถูกหลอกเพราะศิษย์น้องหญิงเล็กของนางยังเด็กอย่างนี้ เพิ่งจะผ่านพิธีปักปิ่นไปได้ไม่นาน ช่วงอายุนี้เป็นช่วงเวลาที่จิตใจอันเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักกำลังแรกแย้ม ถูกผู้ชายชั่วร้ายล่อลวงได้ง่ายดังนั้นนางจึงต้องเตือนสติศิษย์น้องหญิงเอาไว้ ไม่ให้ตกหลุมพรางเด็ดขาด!“จำไว้นะศิษย์น้องหญิง พวกเราเป็นผู้ออกบวช ไม่ว่าผู้ชายเหล่านั้นจะพูดจาไพเราะหวานหูใด ๆ กับเจ้า เจ้าก็อย่าหลงเชื่อทั้งสิ้น จงควบคุมจิตใจตัวเอง อย่ากระทำผิดศีล เข้าใจไหม?”เวินซื่อกลืนไม่เข้าคายไม่ออก“ศิษย์พี่หญิง ท่านคิดมากเกินไปแล้ว”ฉีเซิ่งกับนางเคยมีวาสนาพานพบกันเพียงไม่กี่ครั้ง เมื่อก่อนที่พบกันก็เ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 183

    “อ๋องผู้สำเร็จราชการแทน?!”ฉีเซิ่งที่ได้ยินเสียงและหันกลับมาก็สะดุ้งตกใจกับม้าตัวใหญ่ เมื่อเงยหน้าขึ้นและเห็นว่าเป็นเป่ยเฉินหยวนก็ยิ่งตกใจจนตัวสั่นไปทั้งตัว พลางอุทานด้วยความประหลาดใจ “ท่าน...ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?”เป่ยเฉินหยวนมองลงมาจากที่สูง หลุบตาลงเล็กน้อย “เจ้ายังไม่ได้ตอบคำถามของข้าเลย”ฉีเซิ่งที่หนังศีรษะเกร็งแน่นยิ้มอย่างเก้อเขินทันทีพร้อมกับเอ่ยว่า “กระหม่อมมาที่นี่เพื่อมอบของขวัญวันเกิดให้กับธิดาศักดิ์สิทธิ์พ่ะย่ะค่ะ”เมื่อได้ยินว่าเป็น ‘ของขวัญวันเกิด’ เป่ยเฉินหยวนก็รู้สึกไม่ค่อยพอใจเขาเอ่ยอย่างเย็นชา “วันเกิดของอู๋โยวผ่านมานานขนาดนี้แล้ว เจ้าเพิ่งมาให้ของขวัญวันเกิดตอนนี้หรือ?”ความรู้สึกกดดันอย่างไม่อาจอธิบายบีบคั้นจนทำให้ฉีเซิ่งแทบจะยิ้มไม่ออกแล้ว เขาฝืนแสยะยิ้มมุมปากออกมา “ช้าไปหน่อย ดังนั้นของขวัญแสดงความยินดีชิ้นนี้ก็เป็นของขวัญขอโทษด้วยเช่นกัน เพราะเมื่อก่อนเคยพูดจาล่วงเกินธิดาศักดิ์สิทธิ์ไปบ้าง ดังนั้นจึงได้ขอโอกาสชดเชยสักครั้งจากธิดาศักดิ์สิทธิ์พ่ะย่ะค่ะ”เวินซื่ออ้าปากกำลังจะพูดแต่ก็เงียบไว้ถึงจะเป็นเช่นนั้น แต่นางจำได้ว่าในงานเลี้ยงวันนั้น

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 184

    เขาไม่อยากให้เวินซื่อคิดว่าเขาเป็นคนสารเลวแบบนั้น ดังนั้นเขาจึงต้องอดกลั้นไว้อย่างเต็มที่“วันนี้อากาศดูไม่ค่อยดีเลย เกรงว่าฝนกำลังจะตกแล้ว ท่านอยากเข้าไปก่อนหรือไม่?”เป่ยเฉินหยวนมองไปที่เสื้อคลุมสีฟ้าน้ำทะเลบาง ๆ บนตัวนาง อยากจะถอดเสื้อกันลมของตัวเองออกเพื่อคลุมให้นาง แต่สุดท้ายก็ปล่อยไปเวินซื่อส่ายหน้า ถามถึงจุดประสงค์ในการมาของเขาในวันนี้ “มาหาข้าให้สวดมนต์ให้ท่านฟังหรือ?”เมื่อสองวันก่อนมีเรื่องราวมากมาย ไม่ได้สวดมนต์ให้เป่ยเฉินหยวนฟังสักเท่าใด เวินซื่อค่อนข้างเป็นห่วงเขาเป่ยเฉินหยวนย่อมไม่พลาดความรู้สึกในดวงตาของนาง พลันรู้สึกสบายใจขึ้นมากเขายิ้มพลางส่ายหน้า “วันนี้ช่างเถอะ สองวันนี้สถานการณ์ถือว่าไม่เลว อีกสองวันค่อยมาหาท่านใหม่”วันนี้เขาไม่มีจุดประสงค์ใด ๆ แค่ต้องการเยี่ยมเวินซื่อเท่านั้นแต่ไม่คิดว่าพอมาถึงจะได้เห็นผู้ชายบางคนคอยเอาอกเอาใจอู๋โยวของเขาเจตนาเล็ก ๆ ในดวงตาของเจ้าเด็กนั่น เขาเป็นผู้ชายด้วยกันจะมองไม่ออกได้อย่างไร?เพียงแต่ฉีเซิ่งนั้นยังเด็ก เมื่ออยู่ต่อหน้าเขาก็ยังประหม่า ดังนั้นเป่ยเฉินหยวนจึงมองเขาออก แต่เขากลับยังไม่รู้ความคิดของเป่ยเฉินหยวนไม่

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 185

    ฝนรอบนี้ไม่หนัก แค่ละอองฝนที่โปรยปรายลงมาพร้อมกับลมหนาวโปรยปรายลงมาบนตัวเวินจื่อเฉิน ทำให้เสื้อผ้าของเขาเปียกโชกทีละน้อย พัดหัวใจดวงนั้นของเขาให้เย็นเยียบ“พี่รอง ปีหนึ่งมีสี่ฤดู ผลิร้อนร่วงหนาว ท่ามกลางสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงในหลากหลายฤดูกาลเช่นนี้ ท่านชอบสภาพอากาศแบบไหนมากที่สุด?”ท่ามกลางความมึนงงในหัวของเวินจื่อเฉิน ความทรงจำในวัยเด็กได้ผุดขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุเวลานั้นในครอบครัวมีเพียงเวินซื่อเป็นน้องสาวเพียงคนเดียวนางชอบเกาะติดข้างกายเหล่าพี่ชายเสมอ โดยเฉพาะกับเขาเสมือนผู้ติดตามตัวน้อย ทุกครั้งที่เขากลับบ้าน น้องสาวตัวน้อยจะเข้ามาวนเวียนรอบตัวเขาปากเล็ก ๆ ถามเจื้อยแจ้วไม่หยุด ราวกับมีคำพูดมากมายที่พูดไม่จบอย่างไรอย่างนั้นและในเวลานั้นเขาก็รักและเอ็นดูเวินซื่อน้องสาวคนนี้มาก ไม่ว่านางจะถามอะไร เขาก็จะตอบนางอย่างอดทน ไม่เคยแสดงอาการฉุนเฉียวเลย“แน่นอนว่าที่ชอบมากที่สุดก็คือวันที่อากาศแจ่มใส! ทุกครั้งที่อากาศแจ่มใสพี่รองกับข้าจะสามารถออกไปหาคนมาต่อยตีด้วยได้ ต่อยตีจนรู้สึกสบายไปทั้งตัว!”“ทั้ง ๆ ที่เหงื่อเหม็นเต็มตัวไปหมด พี่รองต่อยตีกลับมาจะมีกลิ่นเหม็น ๆ เสมอ!”

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 186

    ดังนั้นเวินซื่อจึงมีความคิดเกี่ยวกับยาพิษชนิดใหม่ขึ้นมาอย่างรวดเร็วนางได้รวบรวมสมุนไพรกว่าสิบชนิดตามตำราพิษอย่างระมัดระวัง จากนั้นจึงแบ่งสัดส่วนทีละชนิดปั้นยาเม็ดสีดำมืดออกมาได้หนึ่งเม็ดอย่างรวดเร็วทันทีที่ทำเสร็จ เวินซื่อก็รีบหยิบยาเม็ดนั้นบรรจุใส่ขวดหยกขนาดเล็กของสิ่งนี้มีลักษณะเฉพาะที่ตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงกับยาเชื่อฟังที่ได้รับการปรับปรุงก่อนหน้านี้นั่นก็คือยาเชื่อฟังไร้สีไร้กลิ่น ในขณะที่ยาเม็ดนี้มีรสชาติที่เข้มข้นมากและส่วนผสมที่เป็นพิษของมันนั้นไม่ได้อยู่ในเม็ดยา แต่อยู่ในกลิ่นหอมที่เข้มข้นเหล่านี้ทันทีที่เวินซื่อได้กลิ่นเพียงเล็กน้อย นางก็รู้สึกว่าอารมณ์ของตัวเองแปลก ๆ ไปราวกับท้องฟ้ากำลังจะถล่ม หม่นหมองขึ้นมาในทันทีโชคดีที่ยังอยู่ภายในมิติ เวินซื่อสังเกตเห็นว่ามีความผิดปกติก็รีบวิ่งไปที่ริมลำธารเล็ก ๆ แล้วพุ่งลงน้ำอย่างฉับพลัน“ตูม” เวินซื่อถูกน้ำในลำธารที่เปี่ยมไปด้วยพลังวิญญาณห่อหุ้มไว้หลังจากถูกชะล้างด้วยพลังวิญญาณ กลิ่นหอมที่ส่งผลต่ออารมณ์ของนางจึงถูกกำจัดออกไปอย่างหมดสิ้น“มีฤทธิ์ครอบงำจิตใจอย่างแท้จริง เวลาใช้ต้องระวังสักหน่อยแล้ว”ขณะที่เวินซื่อเ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 187

    “เจ้าค่ะ”หลังจากที่ม่อโฉวซือไท่พยักหน้าตอบตกลง ก็ถามนางด้วยความลังเล“เจ้า...เจ้าจะไปดูเขาหน่อยหรือไม่?”ในขณะนี้เขายังอยู่ข้างนอกประตู รู้ว่าเขามีไข้ แต่ม่อโฉวซือไท่ก็ไม่ได้ให้คนเคลื่อนย้ายเขาเข้ามาทันทีเด็กเหล่านี้เป็นลูกของจื่อจวินไม่ผิดแน่ แต่จะพูดอย่างไร นางก็โปรดปรานศิษย์รักของนางมากกว่าอยู่ดีหากศิษย์ไม่ยอมตอบตกลง เดิมทีนางก็คิดที่จะปล่อยเลยตามเลย แต่ไม่นึกว่าศิษย์ของนางจะปล่อยวางได้เร็วขนาดนี้ถ้าเวินซื่อไม่ตกลงที่จะไปม่อโฉวซือไท่ย่อมไม่บังคับอยู่แล้วหลังจากส่งคนไปส่งจดหมายถึงจวนเจิ้นกั๋วกงในเมืองหลวง ม่อโฉวซือไท่ก็ให้คนเคลื่อนย้ายเวินจื่อเฉินเข้ามาในวิหารของอารามสุ่ยเยว่นางคิดว่าอันที่จริงอีกประเดี๋ยวก็จะมีคนมารับกลับไปอยู่แล้ว ปล่อยไว้ในวิหารจะสะดวกกว่าดังนั้นจึงเริ่มรักษาเวินจื่อเฉินที่นี่เลยแต่เมื่อนางทำให้ไข้สูงของเวินจื่อเฉินลดลงได้แล้ว ก็ไม่เห็นมีใครจากจวนเจิ้นกั๋วกงมาเลยสักคนในขณะที่ท้องฟ้าภายนอกค่อย ๆ มืดลง นางจะโยนเวินจื่อเฉินออกไปนอกประตูก็ไม่ได้ แต่จะปล่อยไว้ในวิหารตลอดก็ไม่ได้อีก ดังนั้นสุดท้ายก็จัดห้องใหม่ให้เขาได้พักฟื้นเวลาเที่ยงคืน ร่างผอม

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 188

    ขณะที่เวินจื่อเฉินถูกขับออกจากอารามสุ่ยเยว่ ในอกยังมียาถุงหนึ่งซุกไว้ขับลมเย็นและทาบาดแผลภายนอกเวินจื่อเฉินกอดยาถุงนั้นไว้แน่น ขณะที่หันหลังกลับกำลังจะไปก็ได้ยินเสียงของเวินฉางอวิ้น“น้องรอง!”ไม่ได้พบกันหนึ่งวัน เวินฉางอวิ้นไม่นึกว่าน้องชายจะหมดสารรูปเช่นนี้เขาคว้าร่มจากมือเด็กรับใช้มา แล้วรีบก้าวเข้าไปหาเวินจื่อเฉินหลังจากดึงน้องชายเข้ามาใต้ร่มแล้ว เวินฉางอวิ้นก็ตวาดอย่างโกรธจัด “สองวันที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นกับเจ้า? มีอะไรก็ปรึกษากับข้าดี ๆ ก่อนมิได้หรือ ดูสภาพเจ้าตอนนี้สิ ทั้งกระด้างกระเดื่องกับท่านพ่อ ทั้งหนีออกจากบ้าน หนีออกมาหนึ่งวันหนึ่งคืนโดยไม่เอาอะไรติดตัวมาเลย ไม่เข้าท่าเลยสักนิด! เจ้าคิดว่าตัวเองยังเป็นเด็กอายุสามขวบอยู่อีกหรือ?!”“ไม่ใช่หนีออกจากบ้าน”เวินจื่อเฉินแก้ไขคำพูดของเวินฉางอวิ้นให้ถูกต้องอย่างใจเย็น“เลิกพูดจาเหลวไหลได้แล้ว”เวินฉางอวิ้นเกลี้ยกล่อมปากเปียกปากแฉะด้วยความหวังดี “หรือว่าเจ้าอยากสละตำแหน่งคุณชายสามแห่งจวนเจิ้นกั๋วกง แล้ววิ่งไปเป็นประชาชนคนธรรมดาข้างนอกจริง ๆ“ประชาชนคนธรรมดามีอะไรไม่ดีหรือ?”เวินจื่อเฉินหอบยาไว้ในอก เขายิ้มบาง ๆ “พี่ให

Latest chapter

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 310

    ขวานในมือของเวินจื่อเฉินชะงักงันในทันใดไม่ใช่เพราะประโยคสุดท้ายของเวินอวี้จือแต่เป็นเพราะเขานึกขึ้นได้อย่างฉับพลัน หากเวินเยวี่ยได้ขึ้นเป็นสนมจริง ด้วยอุปนิสัยของนาง คงไม่มีวันปล่อยน้องสาวของเขาไปเด็ดขาดแม้ว่าอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนจะยินดีให้ท้ายน้องสาวของเขา แต่การสนับสนุนเช่นนี้จะอยู่ต่อไปได้นานแค่ไหน?หากต่อไปฝ่าบาทก็ยืนอยู่ข้างเวินเยวี่ย อ๋องผู้สำเร็จราชการแทนที่เป็นฝ่ายปกป้องราชสำนักอยู่แล้ว จะปกป้องน้องสาวของเขาต่อไปหรือไม่?เวินจื่อเฉินนึกถึงความเป็นไปได้นั้น ต่อให้มีความเป็นไปได้น้อยมาก ก็ต้องปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่าหากถึงเวลานั้นจริง ๆ เขาที่กลายเป็นสามัญชนแล้วจะปกป้องน้องสาวได้อย่างไรอีก?เวินจื่อเฉินก็รู้สึกหนาวสั่นทั้งตัวในทันใดเขาวางขวานลง แล้วหมุนตัวมองไปทางเวินอวี้จือ “ที่พวกเจ้าบอกว่าฝ่าบาทต้องการรับเวินเยวี่ยเข้าวังเป็นสนมนั้นเป็นเรื่องจริงหรือ?”“เป็นความจริงแน่นอน!”เวินจื่อเยวี่ยยืนขึ้นพร้อมกับกล่าวว่า “เรื่องนี้ฝ่าบาทตรัสเองในงานเลี้ยงใหญ่ในวันเหมายันด้วยพระองค์เอง ถึงกับให้นางอยู่ในวังเพื่อเรียนรู้กฎระเบียบ รอให้นางเรียนรู้กฎระเบียบเสร็จสิ้นแล้วจะแต่งตั้

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 309

    “เสียใจอะไร?”เวินจื่อเฉินขมวดคิ้ว มองดูทั้งสองด้วยความไม่เข้าใจ “ตอนนี้ข้ามีชีวิตที่ดีมาก”แม้ว่าจะตัดขาดจากความรุ่งโรจน์และมั่งคั่งของจวนเจิ้นกั๋วกงแล้ว ใช้ชีวิตเหน็ดเหนื่อยขึ้นเล็กน้อย ยุ่งขึ้นเล็กน้อยแต่ชีวิตแบบนี้กลับทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายทางจิตใจอย่างที่ไม่เคยได้เจอมานานโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากถูกงูพิษกัดในครั้งนั้น เขาสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า ท่าทีของน้องสาวที่มีต่อเขาผ่อนคลายลงบ้างแล้วแม้ว่าเขาจะยังไปพบน้องสาวไม่ได้ แต่สิ่งของที่เขาส่งไปที่อารามสุ่ยเยว่ก็ไม่เคยถูกส่งคืนมาเวินจื่อเฉินรู้สึกว่าหากเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อย ๆ สักวันหนึ่งน้องสาวจะให้อภัยเขาดังนั้นเขาจึงไม่เสียใจ“พวกเจ้ามาหาข้าด้วยธุระอันใด? รีบบอกมาเร็ว อย่าทำให้ข้าเสียเวลาทำงานอีกเลย”ค่าจ้างของเขาในวันนี้จะคิดเป็นชั่วยามหากทำงานน้อยลง ค่าจ้างก็จะถูกคนอื่นหักไปเวินจื่อเฉินยังต้องการหาเงินให้มากขึ้นเพื่อซื้อขนมอบให้น้องสาว ไม่อยากให้ค่าจ้างของตัวเองถูกหักไปเวินจื่อเยวี่ยมองดูเวินจื่อเฉินในสภาพเช่นนี้ ก่อนจะพูดด้วยความรู้สึกรังเกียจ “ข้าว่านะพี่รอง ท่านดูสิว่าตอนนี้ท่านอยู่ในสภาพไหน? ผมคลุกฝุ่น

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 308

    สายตาของเวินเฉวียนเซิ่งถอนกลับจากภายนอกอย่างช้า ๆ เขาเหลือบมองขาของเวินจื่อเยวี่ยอย่างเฉยชา“ยังไม่รู้ว่าเป็นนางจริง ๆ หรือเปล่า แต่คาดเดาว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับนางอย่างตัดไม่ขาด”“ข้ารู้อยู่แล้ว!”เวินจื่อเยวี่ยพูดอย่างโกรธเคือง “เวินซื่อจะไม่ปล่อยน้องหกไปแน่! คราวก่อนก็ใส่ร้ายน้องหกว่าขโมยกระดูกของท่านแม่ไป ตอนนี้แทนที่จะยอมรับผิดกลับเล่นงานฝ่ายตรงข้าม ซ้ำยังกล้าโกหกและร้องเรียนต่อฝ่าบาท ทำให้น้องหกถูกขังไว้ในวัง!”เมื่อได้ยินคำพูดครึ่งแรกของเวินจื่อเยวี่ย เวินเฉวียนเซิ่งก็นิ่งไปเล็กน้อยแต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้พูดอะไรสักอย่าง“ในเมื่อมีความเกี่ยวข้องกับเวินซื่อ ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ไม่ต้องไปหานางอีกหรือ?”เวินอวี้จือขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่ค่อยอยากจะไปพบเวินซื่อสักเท่าใด“ถ้าพวกเจ้าไม่อยากไป ก็สามารถไปหาพี่รองของพวกเจ้าได้”เวินเฉวียนเซิ่งเสนอความคิดให้พวกเขาอย่างเฉยชาเมื่อเวินอวี้จือได้ยินดังนั้น ก็ลูบคางเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรขึ้นมาเวินจื่อเยวี่ยลังเลเล็กน้อย “พี่รองเขาจะตอบตกลงไหม?”ครั้งที่แล้วตอนที่เวินจื่อเฉินออกจากจวนเจิ้นกั๋วกง ก็เอะอะโวยวายกว่าพี่ใหญ่เสียอีกสีหน้ามีแว

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 307

    “ท่านพ่ออีกคน ท่านก็เหมือนกัน ลูกรู้ว่าท่านลำเอียงเข้าข้างน้องหก แต่หัวใจของท่านก็อย่าเอนเอียงจนเกินไป!”เวินฉางอวิ้นจ้องเขม็งใส่บิดาท่านนี้ที่เขาเคยเคารพศรัทธามาโดยตลอดทั้ง ๆ ที่เคยเป็นแบบอย่างที่เขาอยากเดินตาม แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่าอะไร ๆ ล้วนไม่จริง!ตัวตนของน้องหกก็ไม่จริงความรู้สึกของพ่อที่มีต่อแม่ก็ไม่จริงยังมีภาพลักษณ์พี่ชายที่ดีที่สุดในเมืองหลวงของเขา ก็ไม่จริงเช่นกัน!เขาไม่สมควรที่จะเรียกตัวเองแบบนั้น!เมื่อนึกขึ้นมาในตอนนี้ เขารู้สึกเสียใจมากจริง ๆทั้ง ๆ ที่เขาเป็นพี่ชายคนโตของครอบครัวนี้ แต่กลับไม่ห้ามน้องสาวออกบวช และไม่ได้เกลี้ยกล่อมน้องชายที่ออกจากบ้านให้กลับมาบัดนี้เมื่อเขาได้สติในที่สุด ก็ได้สูญเสียน้องห้าและน้องรองไปแล้วเวินฉางอวิ้นมองดูน้องชายสองคนที่เหลืออยู่ในบ้าน มองดูพวกเขาเหมือนกับตัวเองเมื่อก่อนทุกประการ ท่าทางไม่มีสติเลยแม้แต่นิดเดียวเขาอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “น้องสาม น้องสี่ ดูแลครอบครัวนี้ให้ดี หากพวกเจ้ายังไม่ได้สติอีกล่ะก็ ครอบครัวนี้ก็จะแตกแยกจริง ๆ แล้ว!น่าเสียดายที่เวินจื่อเยวี่ยไม่เข้าใจเวินอวี้จือก็ไม่เข้าใจเช่นกันพวกเขามองพี่ใหญ่ท

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 306

    การระเบิดคำถามอย่างกะทันหันของเวินฉางอวิ้น ทำให้ทั้งเวินจื่อเยวี่ยและเวินอวี้จือที่ตั้งใจจะคุยกับเวินจื่อเยวี่ยตกตะลึงไปเวินเฉวียนเซิ่งไม่ได้เอ่ยปาก เพียงแค่ขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางเหลือบมองเวินฉางอวิ้นเวินจื่อเยวี่ยเปิดปาก อยากจะพูดบางอย่างเพื่อโต้แย้ง แต่สุดท้ายก็แค่บ่นด้วยความอึดอัดใจ “นั่นจะโทษตัวนางก็ไม่ได้ และไม่ใช่พวกเราที่บีบบังคับให้นางออกจากจวนเจิ้นกั๋วกงให้ได้นี่”เวินฉางอวิ้นยิ้มเยาะ โยนมาให้เขาแล้ว พลางเอ่ยอย่างราบเรียบ “น้องสาม ดวงตาของเจ้าบอดแล้ว ข้าก็เช่นกัน พวกเราทุกคนก็เช่นเดียวกัน”“มีเพียงน้องรองเท่านั้นที่ได้สติแล้ว เขาเข้าใจทุกอย่าง ดังนั้นจึงไปจากบ้านหลังนี้โดยไม่ยอมหวนกลับเหมือนน้องห้า”“ได้สติอะไร แค่ออกไปเป็นคนโง่เท่านั้นเอง”เวินจื่อเยวี่ยกล่าวอย่างไม่แยแส“พี่ใหญ่ ท่านไม่ได้แอบไปดูหรือ? เขาออกจากจวนเจิ้นกั๋วกงของเรา แม้แต่ที่อยู่อาศัยของตัวเองยังหาไม่ได้ด้วยซ้ำ ทำได้เพียงออกไปสร้างกระท่อมฟางโทรม ๆ เหมือนขอทาน นี่น่ะหรือได้สติอย่างที่พี่ใหญ่ว่า? ข้าว่าเขาเป็นแค่เรื่องขำขันมากกว่า”แต่เวินฉางอวิ้นกลับเหลือบมองเขาด้วยสีหน้าเวทนา“เจ้าบอกว่าน้องรองเสียสติ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 305

    จวนเจิ้นกั๋วกงห้องหนังสือ“ท่านพ่อ พี่ใหญ่ ข้าไม่นึกเลยว่าพวกท่านจะปฏิบัติกับน้องหกแบบนี้!”“พวกท่านรู้ดีว่าวังหลังนั่นคือสถานที่อะไร รู้ดีว่าพระองค์เกรงกลัวจวนเจิ้นกั๋วกงของเราแค่ไหน พวกท่านยังกล้าวางใจทิ้งน้องหกไว้ที่นั่นอีก!”“ถ้าน้องหกอยู่ในวังถูกข่มเหงรังแกจะทำอย่างไร? หากพวกเราไม่ได้อยู่ใกล้ตัวนาง ใครจะสามารถปกป้องนางได้?!”“ได้ ได้! ในเมื่อพวกท่านไม่ไปหานาง ถ้าอย่างนั้นข้าจะไป!”“หากรู้ตั้งแต่แรกว่าวันนั้นหลังจากน้องหกตามพวกท่านเข้าวังไปแล้ว จะถูกพวกท่านทิ้งไว้ที่นั่นล่ะก็ ต่อให้ขาข้างนี้ของข้าต้องพิการก็จะตามพวกท่านเข้าวังไปด้วย!”สกุลเวินในเวลานี้เกิดการโต้เถียงใหญ่โตมาสองวันแล้ว เพราะเรื่องที่เวินเยวี่ยเข้าวังพูดให้ถูกก็คือ ส่วนใหญ่เป็นการโวยวายเพียงฝ่ายเดียวของเวินจื่อเยวี่ยเป็นหลักแม้ว่าเวินอวี้จือจะไม่เอะอะโวยวายเหมือนกับเวินจื่อเยวี่ย แต่ทุกครั้งเมื่อเวินจื่อเยวี่ยเสียงดัง โดยพื้นฐานเขาก็ยืนอยู่ข้างเวินจื่อเยวี่ยเสมอส่วนพ่อลูกคู่นี้เวินเฉวียนเซิ่งและเวินฉางอวิ้น ทั้งสองนั้นมีนิสัยใจคอเหมือนกัน ในตอนแรก ๆ ยังสามารถอดทนไว้ได้ อธิบายให้พวกเข้าฟังอย่างใจเย็น ไม่

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 304

    เหลียงหมอมอคือคนเก่าคนแก่ที่อยู่ข้างกายองค์ไทเฮา และไทเฮาก็เจาะจงสั่งให้มาอบรมกฎเกณฑ์แก่เวินเยวี่ยดังนั้นนางจึงตอบปฏิเสธคำร้องขอของเวินเยวี่ยอย่างไม่ลังเล “ขออภัยด้วยคุณหนูหกสกุลเวิน เนื้อตัวของท่านมีกลิ่นอายชนบทมากเกินไป เพื่อให้ท่านได้เรียนรู้กฎเกณฑ์และกลายเป็นผู้สูงศักดิ์ในวังได้โดยเร็ว บ่าวจึงต้องเข้มงวดกับท่านเล็กน้อย”เมื่อได้ยินคำว่า “กลิ่นอายชนบทมากเกินไป” สีหน้าของเวินเยวี่ยก็บึ้งตึงขึ้นมาอย่างทนไม่ไหวทันทีนังแก่นี่กล้าดูหมิ่นนางได้อย่างไร?เวินเยวี่ยกัดฟันด้วยความโกรธ พลางข่มไฟโทสะไว้ “แต่ว่าพระองค์ตกหลุมรักข้าตั้งแต่แรกเห็น หากข้าไม่ทันระวังได้รับบาดเจ็บที่ใบหน้าในขณะที่เรียนรู้กฎเกณฑ์จากท่าน เกรงว่าหมอมอจะลำบากกระมัง?”ลูกไม้ตื้น ๆ แบบเวินเยวี่ยนี้ เหลียงหมอมอเคยเห็นมามากแล้วนางยิ้มเล็กน้อย “คุณหนูหกสกุลเวิน คำพูดของท่านนั้นไม่ถูกต้อง”เวินเยวี่ยไม่แยแส “ตรงไหนที่ไม่ถูกต้อง?”“ไม่มีตรงไหนถูกต้องเลย พระองค์ทรงตกหลุมรักท่านตั้งแต่แรกเห็น ต้องการรับท่านเข้าวังในฐานะพระสนม ดังนั้นถึงให้ท่านเข้ามาเรียนรู้กฎเกณฑ์ในตำหนักของไทเฮา แต่ตอนนี้ท่านไม่เพียงแต่ไม่ตั้งใจเรียนรู

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 303

    เวินฉางอวิ้นทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ“ไม่ใช่ขนมอบถั่วเขียวหรือ? ถ้าอย่างนั้นก็เป็นขนมกุ้ยฮวา?”รอยยิ้มบนใบหน้าของเวินซื่อสดใสขึ้น แต่ก็เย็นชาลงเช่นกัน “ขนมกุ้ยฮวา พี่ใหญ่แน่ใจหรือ? คิดว่าเป็นขนมกุ้ยฮวาจริงหรือ? ไม่อย่างนั้นพี่ใหญ่ลองเดาดูอีกครั้ง เพราะถึงอย่างไรทุกครั้งท่านก็เดาแม่นเช่นนี้เสมอ ทำไมไม่ลองดูหน่อยว่า น้องสาวที่น่ารำคาญอย่างข้าผู้นี้ มีของที่ไม่ชอบกินที่สุดมากน้อยแค่ไหนกันแน่?”ใบหน้าของเวินฉางอวิ้นซีดเผือดอีกครั้งในชั่วประเดี๋ยวเดียว“ช่างมันเถอะ ข้าชอบกินอะไรมันเกี่ยวอะไรกับพี่ใหญ่ด้วยเล่า เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ พี่ใหญ่จำไม่ได้ก็เป็นเรื่องปกติ”น้ำเสียงของเวินซื่อเต็มไปด้วยการเย้ยหยัน “เพราะถึงอย่างไรต่อให้ข้าไม่กิน แต่ก็ยังมีคนหนึ่งที่ชอบกินอย่างไรเล่า พี่ใหญ่รีบห่อกลับไปให้น้องสาวสุดที่รักผู้นั้นที่ท่านรักสุดหัวใจเถิด”“ไม่ใช่นะ...น้องห้าเจ้าฟังพี่ใหญ่อธิบายก่อน พี่ใหญ่ไม่ได้ตั้งใจซื้อขนมอบถั่วเขียวที่เจ้าเกลียดมาให้ เพียงแต่ตอนนั้นซื้อไปโดย...จิตใต้สำนึก”เวินฉางอวิ้นร้อนใจจนพูดจาไม่คล่อง พูดถึงตอนท้ายเขาเองยังรู้สึกอับอายยิ่งกว่าเดิมเมื่อคิดดูอย่างรอบคอบ ขนมอบถั

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 302

    “หากข้ากล้าทำเช่นนั้น ข้าก็ไม่ใช่คน ขอให้ฟ้าผ่าลงทัณฑ์ข้า!”เวินฉางอวิ้นยืนรับรองอยู่ข้างนอกอารามสุ่ยเยว่เป็นเวลาครึ่งชั่วยามแล้ว ลำคอแทบแห้งผาก ซือไท่เหล่านั้นถึงผ่อนคลายลง รับปากว่าจะช่วยเข้าไปพูดให้เขาแต่น่าเสียดายเหล่าซือไท่รับปากว่าจะบอกให้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเวินซื่อจะตกลงออกไป“ไม่ไป”แค่สองคำที่มีกลับมาถึงเบื้องหน้าเวินฉางอวิ้นเวินฉางอวิ้นมีหรือจะยอมแพ้ง่าย ๆ เช่นนี้“เหล่าซือไท่ได้โปรดช่วยเกลี้ยกล่อมน้องสาวของข้าอีกครั้ง ข้าแค่อยากเห็นหน้านางเท่านั้น”“ไม่ได้ ธิดาศักดิ์สิทธิ์บอกไปแล้วว่าจะไม่พบท่านก็คือไม่พบท่าน ท่านอย่ามาเสียเวลาที่นี่เลยดีกว่า รีบกลับไปเสียเถอะ”เหล่าซือไท่ที่ไม่ถูกชะตากับจวนเจิ้นกั๋วกงอยู่แล้ว หลังจากส่งต่อคำพูดจบแล้วก็รีบขับไล่เขาทันที ไม่อยากให้เวินฉางอวิ้นอยู่หน้าอารามสุ่ยเยว่ของพวกนางนานไปกว่านี้แม้แต่นิดเดียวแต่พวกนางนึกไม่ถึงว่าวันนี้ขับไล่ไป แต่หลังจากนี้เวินฉางอวิ้นก็มาอีกทุกวันทันทีที่เสร็จงานในช่วงบ่าย ไม่ได้กลับไปที่จวนเจิ้นกั๋วกงด้วยซ้ำก็ตรงมาที่อารามสุ่ยเยว่เลยมาเคาะประตูทุกวัน รบกวนจนเหล่าซือไท่หาความสงบสุขไม่ได้สุดท้ายก็ต้อ

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status