แชร์

บทที่ 121

ผู้เขียน: จิ้งซิง
“ท่านลุง น้องเยวี่ยเอ๋อร์ ในที่สุดพวกท่านก็กลับมาแล้ว”

เวินฉางอวิ้นและพวกเขาเงยหน้าขึ้นมอง ถึงได้พบว่าชุยเส้าเจ๋อมาถึงจวนเจิ้นกั๋วกงแล้วไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ กำลังรอพวกเขาอยู่ข้างใน

ชุยเส้าเจ๋อรีบก้าวเข้ามาต้อนรับ พร้อมกับยืนอยู่ข้างกายเวินเยวี่ยทันที ก่อนถามอย่างงุนงง “วันนี้พวกท่านไปไหนมา? ทำไมทุกคนไม่อยู่ในจวนตลอดช่วงบ่าย ฟ้ามืดแล้วถึงเพิ่งกลับมา”

เมื่อได้ยินคำถามของเขา เวินฉางอวิ้นและคนอื่น ๆ ก็นิ่งไปชั่วขณะ

เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่แค่พวกเขาเท่านั้น แม้แต่ชุยเส้าเจ๋ออดีตคู่หมั้นที่เป็นเพื่อนเล่นตั้งแต่เยาว์วัยของเวินซื่อก็ลืมวันนี้ไปอย่างคาดไม่ถึง

เวินจื่อเฉินอ่อนแรงมากกว่าเดิมเล็กน้อย

มีเพียงเวินเยวี่ยที่ตอบเขาอย่างยิ้มแย้มแจ่มใส “บ่ายวันนี้พวกเราไปที่อารามสุ่ยเยว่เพื่อฉลองวันเกิดให้พี่หญิงห้าเจ้าค่ะ”

ทันทีที่ชุยเส้าเจ๋อได้ยินชื่อเวินซื่อ ก็มีสีหน้าไม่พอใจทันที

“ทำไมถึงยังไปฉลองวันเกิดให้นางอีก?”

“ไม่ได้มีแต่พวกเราที่ไป แม้แต่อ๋องผู้สำเร็จราชการแทนก็ไปด้วยนะเจ้าคะ”

เวินเยวี่ยพูดประโยคนี้ที่ดูเหมือนทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ

สีหน้าท่าทางของชุยเส้าเจ๋อเปลี่ยนไปอย่างมาก “อะไรนะ?!
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 122

    “พูดจาเหลวไหล!”เวินจื่อเฉินเดือดดาลเป็นที่สุดเขาจ้องเขม็งไปที่ชุยเส้าเจ๋อ “ร้ายดีอย่างไรน้องห้าก็เป็นอดีตคู่หมั้นของเจ้า ต่อให้พวกเจ้าจะถอนหมั้นกันแล้ว นางก็ยังเป็นน้องสาวลูกพี่ลูกน้องของเจ้าอยู่ เหตุใดเจ้าถึงกุเรื่องเท็จส่งเดชใส่นางเช่นนี้?!”“แล้วท่านจะใส่อารมณ์ทำไมนักหนา ข้าก็แค่คาดเดาไปเรื่อย ไม่ได้บอกว่าต้องใช่เสียหน่อย”ชุยเส้าเจ๋อยังไม่รู้สึกว่าคำพูดของตัวเองมีปัญหาอะไรแต่ครั้งนี้แม้แต่สีหน้าของเวินฉางอวิ้นก็ยังเย็นชาลง“ชุยเส้าเจ๋อ มีบางเรื่องที่เจ้าไม่สามารถคาดเดาส่งเดชได้ เจ้ารู้หรือไม่ว่าการพูดเช่นนี้อาจจะทำลายชื่อเสียงของน้องห้าได้!”“ใช่แล้วพี่เส้าเจ๋อ ท่านอย่าพูดอะไรเลยดีกว่า บุคคลเฉกเช่นท่านอ๋องจะนึกพึงใจพี่หญิงได้อย่างไร?”เวินเยวี่ยห้ามปรามเขาด้วยท่าทีแข็งกร้าวด่าทอชุยเส้าเจ๋อในใจไม่รู้ต่อกี่ครั้งแล้วเจ้าโง่ไม่มีสมองคิด!แม่ชีตัวแสบอย่างเวินซื่อนั่น นางมีอะไรควรค่าให้เป่ยเฉินหยวนพึงใจ?!เวินจื่อเฉินที่อยู่ข้าง ๆ ได้ยินคำพูดของนางก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยเขารู้สึกว่าคำพูดของน้องหกไม่ค่อยถูกต้องนักแม้ว่าอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนจะเป็นบุคคลผู้สูงส่งจริง แต่น้อง

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 123

    “ท่าน...อึก! เวินจื่อเฉิน...พู่! ข้า...ข้าเอาท่านตายแน่!”ชุยเส้าเจ๋อก็ถูกต่อยตีจนอดรนทนไม่ไหวเช่นกัน หลังจากฉวยโอกาสตะเกียกตะกายขึ้นมาได้ ก็เปิดฉากตอบโต้กลับทันทีชายกำยำทั้งสองเริ่มวางมวยกันที่หน้าประตูใหญ่ของจวนเจิ้นกั๋วกงเวินฉางอวิ้นและคนอื่น ๆ พยายามห้ามแต่ก็ห้ามไม่อยู่สุดท้ายก็ต้องเรียกคนออกมา องครักษ์เจ็ดถึงแปดนายเข้าไปพร้อมกัน ขวางไว้ฝั่งละคน ถึงจับพวกเขาแยกออกจากกันได้ในที่สุดกระนั้น ทั้งสองก็ยังคงมีท่าทีอยากจะกัดกันจนตายไปข้างเวินฉางอวิ้นกุมหน้าผากด้วยความปวดหัวคุณชายรองแห่งจวนเจิ้นกั๋วกงผู้สูงศักดิ์ วิวาทกับซื่อจื่อแห่งจวนจงหย่งโหวกันข้างถนน ใช้ไม่ได้จริง ๆ“ใครก็ได้ พาจงหย่งโหวซื่อจื่อกลับไปส่งเดี๋ยวนี้!”ก่อนที่องครักษ์จะพาเขาไปส่ง เวินฉางอวิ้นยังกำชับอีกครั้งว่า “หากท่านอาหญิงกับท่านอาถามเข้า พวกเจ้าก็บอกพวกเขาว่ามันเกี่ยวพันถึงอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน หากยังดึงดันซักไซ้ ก็ให้พวกเขามาถามท่านพ่อ”“ขอรับ”หลังจากที่ชุยเส้าเจ๋อถูกพาตัวไป เวินฉางอวิ้นก็มองไปที่น้องชายตัวแสบอีกคน นึกถึงปัญหาที่เขาก่อขึ้นจากการทะเลาะวิวาทในช่วงนี้ แล้วออกคำสั่งด้วยความโกรธเกรี้ยว

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 124

    หลังผ่านคืนนั้นมา เวินจื่อเฉินก็เฝ้าอยู่ในโถงบรรพชนเป็นเวลาสิบกว่าวันเต็ม ๆไม่ว่าจะเป็นเวินเยวี่ย เวินฉางอวิ้น หรือเวินเฉวียนเซิ่งผู้เป็นบิดาของพวกเขาจะไปเรียก เขาก็ไม่ยอมออกมาเวินฉางอวิ้นยังนึกว่าตนลงโทษหนักเกินไป ทำร้ายความเคารพในตัวเองของน้องรองเข้าแล้วแต่เมื่อถามเขา เวินจื่อเฉินก็พูดเพียงว่า “พี่ใหญ่ ไม่ใช่ปัญหาของท่าน แต่เป็นตัวข้าเอง ข้าแค่อยากอยู่เงียบ ๆ คนเดียวสักพัก”ต่อมา เวินฉางอวิ้นและคนอื่น ๆ ก็ไม่ไปรบกวนเขาอีกเพียงแต่ว่าในวันที่สาม ได้นำข่าวไปแจ้งแก่เวินจื่อเฉิน...ชุยเส้าเจ๋อถูกคนทุบตีอีกแล้วซ้ำยังเกิดขึ้นภายในจวนจงหย่งโหวอีกด้วย ถูกคนจับคลุมกระสอบลากออกไปทุบตีตอนที่พบเห็น ชุยเส้าเจ๋อก็ถูกตีจนร่อแร่แล้ว นอนอยู่ในตรอกโดยมีบาดแผลทั่วร่างกายสิ่งที่ทำให้รู้สึกขำขันที่สุดก็คือ ไม่รู้เช่นกันว่าโจรนั้นจงใจหรือไม่ ที่ทุบตีจนฟันของชุยเส้าเจ๋อหลุดออกไปอีกหลายซี่ ตอนนี้ปากของเขาพูดจาอะไรก็มีลดออกมาหมดเมื่อจงหย่งโหวและเวินหย่าลี่รู้เรื่องเข้า ก็เกือบจะสงสัยว่าเป็นฝีมือของเวินจื่อเฉินหรือไม่เพราะเขาเพิ่งต่อยชุยเส้าเจ๋อจนฟันหลุดไปสองซี่ ผลปรากฏว่าอีกสองวันต่อมาชุยเ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 125

    สีหน้าของจงหย่งโหวแข็งทื่อทันที ก่อนจะรีบหัวเราะกล่าวว่า “ฝีมืออะไรที่ไหนกัน แค่ได้ชาดี ๆ มาหลายกระป๋องเมื่อไม่กี่วันก่อน ถ้าท่านอ๋องชื่นชอบ เดี๋ยวข้าจะให้คนเอาไปส่งให้ท่านที่จวนท่านอ๋อง”ชาถูกส่งให้ท่านแล้ว ตัวท่านก็ไม่จำเป็นต้องมาแล้ว!จงหย่งโหวไม่คิดจะคบค้าสมาคมกับอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนผู้นี้สักนิดประการที่หนึ่งเพราะทางฝั่งจวนเจิ้นกั๋วกงและเป่ยเฉินหยวนเดิมทีก็ไม่ค่อยลงรอยกันอยู่แล้ว ประการที่สองเขามักจะรู้สึกว่า อ๋องผู้สำเร็จราชการแทนผู้นี้ทุกครั้งที่มาเยี่ยมเยียนล้วนมาด้วยเจตนาร้ายคราวก่อนเป็นเช่นนี้ คราวนี้สัญชาตญาณของเขาบอกว่า ก็ยังต้องเป็นเช่นนี้!เขารู้ได้อย่างรวดเร็วตามคาด ตนเองนั้นคาดเดาถูกจริง ๆ“แบบนี้ไม่ค่อยดีกระมัง?”เป่ยเฉินหยวนมองไปที่น้ำชาในถ้วยชาที่อยู่ในมือ พลางถามด้วยรอยยิ้มเบิกบาน “ถ้าเกิดคล้อยหลังไปฮูหยินของท่านวิ่งมาถึงหน้าประตูของจวนอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน บอกว่าข้าเป็นคนขโมยใบชาของท่านไป จะเกิดความเข้าใจผิดกันยกใหญ่”จงหย่งโหวที่ฟังออกว่าคำพูดของเขามีความหมายอื่นแฝงอยู่หนังตากระตุกทันทีเขาฝืนยิ้ม แสร้งทำเป็นถามด้วยความไม่เข้าใจ “เหตุใดท่านอ๋องถึงพูดเ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 126

    จงหย่งโหวมีหรือจะไม่รู้ว่าภรรยาของเขาคนนี้เป็นคนอย่างไร?กับคนอื่นยังดี แต่พอกับหลานสาวคนนั้นของนาง ก็มักจะพูดจาเหน็บแนมจนสุดจะบรรยายจงหย่งโหวก็รู้สึกจนปัญญากับเรื่องนี้เช่นกันเมื่อก่อนยังคิดว่าหากเด็กสองคนหมั้นหมายกัน ก็จะกลายเป็นครอบครัวเดียวกันอยู่ดี ดังนั้นในระหว่างนั้นเขายังเคยประนีประนอมอยู่หลายครั้งเพียงแต่ในพิธีปักปิ่นในเวลาต่อมา การหมั้นหมายได้ถูกยกเลิก จงหย่งโหวก็ไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องเหล่านี้อีกต่อไปแต่ไม่นึกว่าแค่สองครั้งที่ไม่ยุ่งเกี่ยว นังหนูคนนั้นก็มีคนอื่นมาช่วยนางแล้วยังเป็นเป่ยเฉินหยวนที่มาหาถึงหน้าประตูด้วยตัวเองถ้าไม่มีปัญหาอะไรในนั้นจริง ๆ เกรงว่าอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนที่ยุ่งอยู่กับงานปกครองมากมายท่านนี้จะไม่มีทางปรากฏตัวขึ้นที่นี่แน่จงหย่งโหวสูดหายใจเข้าลึก ๆ รวดเดียว “เจ้าหยุดก่อน เจ้ารู้ได้อย่างไรว่ายาหยกหิมะสามขวดนั้นถูกธิดาศักดิ์สิทธิ์เอาไป?”เวินหย่าลี่ที่ยังไม่ตระหนักถึงความร้ายแรงของเรื่องราวได้กล่าวอย่างคิดว่าต้องเป็นเช่นนั้น “หลายวันนั้นนางกับไอ้แก่...กับอาจารย์ของนางมาที่จวนจงหย่งโหวของเรา ถ้าไม่ใช่พวกนางขโมยไปแล้วจะเป็นใครได้อีกเล่า?”ภายใ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 127

    เมื่อฟังมาถึงประโยคสุดท้าย จงหย่งโหวก็หลับตาลงทันทีธิดาศักดิ์สิทธิ์อยู่ในระดับเดียวกับองค์หญิงกล่าวคือ การใส่ร้ายธิดาศักดิ์สิทธิ์เทียบเท่ากับการใส่ร้ายองค์หญิง ไม่อาจลดหย่อนโทษได้เขาอดทอดถอนใจอยู่ในใจไม่ได้ เห็นทีคราวนี้จะหนีไม่พ้นจริง ๆ แล้วเป่ยเฉินหยวนบอกว่าจะสืบก็สืบเลยกองทัพธงดำที่เขาพาได้ปิดล้อมจวนจงหย่งโหวทั้งหมดไว้โดยตรงเวินหย่าลี่ไม่คาดคิดว่าเป่ยเฉินหยวนจะทำให้เรื่องราวใหญ่โตถึงเพียงนี้ความสับสนพรั่งพรูอยู่ในส่วนลึกภายในใจของนางจนไม่อาจบรรยาย “พวกท่านคิดจะทำอะไร ที่นี่คือจวนจงหย่งโหว ต่อให้ท่านเป็นอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน ก็ไม่สามารถข่มเหงจวนจงหย่งโหวของเราเช่นนี้กระมังเพคะ?!”“ไม่สามารถข่มเหงจวนจงหย่งโหวของพวกท่าน ไม่อย่างนั้นตอนนี้ท่านก็เขียนจดหมายสักฉบับ ไปเรียกเจิ้นกั๋วกงผู้เป็นพี่ชายของท่านมาด้วยไหม?”เป่ยเฉินหยวนชำเลืองมองนางแวบหนึ่งสายตาเย็นเยียบทำให้เวินหย่าลี่รู้สึกเกรงกลัวอย่างไม่มีขอบเขตนางกัดฟันอย่างฝืนใจ “เขียนก็เขียน หม่อมฉันจะเรียกพี่ชายของหม่อมฉันมา!”จงหย่งโหวไม่อยากพูดอะไรแม้เพียงสักคำพอดีกัน อันที่จริงหากวันนี้จวนจงหย่งโหวของพวกเขาโชคร้าย

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 128

    นั่นคือยาหยกหิมะสามขวดเต็ม ๆต่อให้เขาต้องการนำไปง้อเวินเยวี่ย อย่างน้อยก็ควรทิ้งไว้ให้มารดาอย่างนางสักขวดสิเมื่อใดที่เวินหย่าลี่นึกถึงว่ายาหยกหิมะมากมายขนาดนั้น ตัวเองยังไม่ได้ใช้เลยสักนิด ก็ถูกลูกชายนำไปให้คนอื่นทั้งหมด นางก็เจ็บปวดหัวใจสุดขีดเวินหย่าลี่รู้ว่าลูกชายชอบเวินเยวี่ย แต่ไม่นึกว่ายังไม่ทันได้แต่งงานเข้ามาด้วยซ้ำ ลูกชายตัวเองก็เริ่มแอบช่วยคนนอกหลอกแม่แท้ ๆ แล้วเวินหย่าลี่รู้สึกโกรธอยู่ในใจ แต่ต่อให้โกรธแล้วใครใช้ให้เป็นลูกชายแท้ ๆ ของนางเล่า“ไม่นึกเลยจริง ๆ ที่แท้ก็เป็นเจ้าเด็กนั่น ต้องขอบคุณท่านอ๋อง ในเมื่อสืบสวนกระจ่างแล้ว ที่เหลือก็มอบหมายให้พวกหม่อมฉันก็แล้วกัน ท่านวางใจได้ หม่อมฉันจะสั่งสอนบทเรียนให้เจ้าเด็กนั่นอย่างเต็มที่แน่นอนเพคะ”เป่ยเฉินหยวนเหลือบมองนางด้วยรอยยิ้มที่ดูเสแสร้ง “ท่านสั่งสอนหรือ?ท่านคิดจะสั่งสอนอย่างไร?”เวินหย่าลี่ที่ลงมือตีลูกชายของตัวเองไม่ลงย่อมพูดเพียงว่า “ก็ลงโทษให้เขาคุกเข่าในโถงบรรพชนดีไหมเพคะ?”“ได้สิ”เป่ยเฉินหยวนตอบตกลงอย่างเหนือความคาดหมายเวินหย่าลี่ฉีกยิ้มด้วยความดีใจอีกครั้งทันที นางว่าแล้ว ต่อให้เป็นท่านอ๋องก็เถอะ จะไม่

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 129

    “พี่ใหญ่ ในที่สุดท่านก็มาแล้ว!”ทันทีที่เวินหย่าลี่เห็นเวินเฉวียนเซิ่ง ก็ร้องไห้ออกมาด้วยความคับข้องใจทันที “ถ้าท่านยังไม่มาอีก น้องสาวของท่านรวมถึงหลานชายของท่านกำลังจะถูกตาแก่สารเลวชุยเหลียงเฟิงข่มเหงรังแกแล้ว!”“พูดจาเลอะเทอะอะไร”เวินเฉวียนเซิ่งตำหนิเวินหย่าลี่ก่อนคำหนึ่ง “ตาแก่สารเลวอะไรกัน เหลียงเฟิงเป็นสามีของเจ้า เจ้าเป็นฮูหยินจงหย่งโหวมานานหลายปีแล้ว ยังไม่รู้จักควบคุมอารมณ์ให้สุขุมขึ้นบ้าง”“พี่ใหญ่ ท่านมาช่วยข้าจริงหรือเปล่า?”เวินเฉวียนเซิ่งชำเลืองมองนางอย่างเฉยชา เวินหย่าลี่มีอะไรจะพูดก็ไม่กล้าพูดทันที“ข้ามาช่วยเจ้า แต่จะไม่ปล่อยให้อารมณ์ของเจ้าเป็นใหญ่”พูดจบประโยคนี้ เวินเฉวียนเซิ่งถึงหันไปมองจงหย่งโหว“เหลียงเฟิง น้องสาวของข้าถูกเลี้ยงดูตามใจมาตั้งแต่เด็กในจวนเจิ้นกั๋วกง เจ้าแต่งงานกับนางมาหลายปีแล้ว ควรจะเข้าใจและยอมรับนิสัยใจคอของนางได้แล้ว ทำไมวันนี้ถึงทนไม่ไหวขึ้นมาเล่า? จะให้นางที่อยู่ในฐานะฮูหยินจงหย่งโหวไปก้มหัวขอโทษคนอื่นหรือ?”จงหย่งโหวทำเสียงยิ้มเยาะหากเป็นวันอื่นทั่วไป เขาอาจจะไว้หน้าเวินเฉวียนเซิ่งอยู่บ้างแต่ในวันนี้ เขาทำให้ไม่ได้“คนอื่นหรือ

บทล่าสุด

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 309

    “เสียใจอะไร?”เวินจื่อเฉินขมวดคิ้ว มองดูทั้งสองด้วยความไม่เข้าใจ “ตอนนี้ข้ามีชีวิตที่ดีมาก”แม้ว่าจะตัดขาดจากความรุ่งโรจน์และมั่งคั่งของจวนเจิ้นกั๋วกงแล้ว ใช้ชีวิตเหน็ดเหนื่อยขึ้นเล็กน้อย ยุ่งขึ้นเล็กน้อยแต่ชีวิตแบบนี้กลับทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายทางจิตใจอย่างที่ไม่เคยได้เจอมานานโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากถูกงูพิษกัดในครั้งนั้น เขาสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า ท่าทีของน้องสาวที่มีต่อเขาผ่อนคลายลงบ้างแล้วแม้ว่าเขาจะยังไปพบน้องสาวไม่ได้ แต่สิ่งของที่เขาส่งไปที่อารามสุ่ยเยว่ก็ไม่เคยถูกส่งคืนมาเวินจื่อเฉินรู้สึกว่าหากเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อย ๆ สักวันหนึ่งน้องสาวจะให้อภัยเขาดังนั้นเขาจึงไม่เสียใจ“พวกเจ้ามาหาข้าด้วยธุระอันใด? รีบบอกมาเร็ว อย่าทำให้ข้าเสียเวลาทำงานอีกเลย”ค่าจ้างของเขาในวันนี้จะคิดเป็นชั่วยามหากทำงานน้อยลง ค่าจ้างก็จะถูกคนอื่นหักไปเวินจื่อเฉินยังต้องการหาเงินให้มากขึ้นเพื่อซื้อขนมอบให้น้องสาว ไม่อยากให้ค่าจ้างของตัวเองถูกหักไปเวินจื่อเยวี่ยมองดูเวินจื่อเฉินในสภาพเช่นนี้ ก่อนจะพูดด้วยความรู้สึกรังเกียจ “ข้าว่านะพี่รอง ท่านดูสิว่าตอนนี้ท่านอยู่ในสภาพไหน? ผมคลุกฝุ่น

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 308

    สายตาของเวินเฉวียนเซิ่งถอนกลับจากภายนอกอย่างช้า ๆ เขาเหลือบมองขาของเวินจื่อเยวี่ยอย่างเฉยชา“ยังไม่รู้ว่าเป็นนางจริง ๆ หรือเปล่า แต่คาดเดาว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับนางอย่างตัดไม่ขาด”“ข้ารู้อยู่แล้ว!”เวินจื่อเยวี่ยพูดอย่างโกรธเคือง “เวินซื่อจะไม่ปล่อยน้องหกไปแน่! คราวก่อนก็ใส่ร้ายน้องหกว่าขโมยกระดูกของท่านแม่ไป ตอนนี้แทนที่จะยอมรับผิดกลับเล่นงานฝ่ายตรงข้าม ซ้ำยังกล้าโกหกและร้องเรียนต่อฝ่าบาท ทำให้น้องหกถูกขังไว้ในวัง!”เมื่อได้ยินคำพูดครึ่งแรกของเวินจื่อเยวี่ย เวินเฉวียนเซิ่งก็นิ่งไปเล็กน้อยแต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้พูดอะไรสักอย่าง“ในเมื่อมีความเกี่ยวข้องกับเวินซื่อ ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ไม่ต้องไปหานางอีกหรือ?”เวินอวี้จือขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่ค่อยอยากจะไปพบเวินซื่อสักเท่าใด“ถ้าพวกเจ้าไม่อยากไป ก็สามารถไปหาพี่รองของพวกเจ้าได้”เวินเฉวียนเซิ่งเสนอความคิดให้พวกเขาอย่างเฉยชาเมื่อเวินอวี้จือได้ยินดังนั้น ก็ลูบคางเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรขึ้นมาเวินจื่อเยวี่ยลังเลเล็กน้อย “พี่รองเขาจะตอบตกลงไหม?”ครั้งที่แล้วตอนที่เวินจื่อเฉินออกจากจวนเจิ้นกั๋วกง ก็เอะอะโวยวายกว่าพี่ใหญ่เสียอีกสีหน้ามีแว

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 307

    “ท่านพ่ออีกคน ท่านก็เหมือนกัน ลูกรู้ว่าท่านลำเอียงเข้าข้างน้องหก แต่หัวใจของท่านก็อย่าเอนเอียงจนเกินไป!”เวินฉางอวิ้นจ้องเขม็งใส่บิดาท่านนี้ที่เขาเคยเคารพศรัทธามาโดยตลอดทั้ง ๆ ที่เคยเป็นแบบอย่างที่เขาอยากเดินตาม แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่าอะไร ๆ ล้วนไม่จริง!ตัวตนของน้องหกก็ไม่จริงความรู้สึกของพ่อที่มีต่อแม่ก็ไม่จริงยังมีภาพลักษณ์พี่ชายที่ดีที่สุดในเมืองหลวงของเขา ก็ไม่จริงเช่นกัน!เขาไม่สมควรที่จะเรียกตัวเองแบบนั้น!เมื่อนึกขึ้นมาในตอนนี้ เขารู้สึกเสียใจมากจริง ๆทั้ง ๆ ที่เขาเป็นพี่ชายคนโตของครอบครัวนี้ แต่กลับไม่ห้ามน้องสาวออกบวช และไม่ได้เกลี้ยกล่อมน้องชายที่ออกจากบ้านให้กลับมาบัดนี้เมื่อเขาได้สติในที่สุด ก็ได้สูญเสียน้องห้าและน้องรองไปแล้วเวินฉางอวิ้นมองดูน้องชายสองคนที่เหลืออยู่ในบ้าน มองดูพวกเขาเหมือนกับตัวเองเมื่อก่อนทุกประการ ท่าทางไม่มีสติเลยแม้แต่นิดเดียวเขาอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “น้องสาม น้องสี่ ดูแลครอบครัวนี้ให้ดี หากพวกเจ้ายังไม่ได้สติอีกล่ะก็ ครอบครัวนี้ก็จะแตกแยกจริง ๆ แล้ว!น่าเสียดายที่เวินจื่อเยวี่ยไม่เข้าใจเวินอวี้จือก็ไม่เข้าใจเช่นกันพวกเขามองพี่ใหญ่ท

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 306

    การระเบิดคำถามอย่างกะทันหันของเวินฉางอวิ้น ทำให้ทั้งเวินจื่อเยวี่ยและเวินอวี้จือที่ตั้งใจจะคุยกับเวินจื่อเยวี่ยตกตะลึงไปเวินเฉวียนเซิ่งไม่ได้เอ่ยปาก เพียงแค่ขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางเหลือบมองเวินฉางอวิ้นเวินจื่อเยวี่ยเปิดปาก อยากจะพูดบางอย่างเพื่อโต้แย้ง แต่สุดท้ายก็แค่บ่นด้วยความอึดอัดใจ “นั่นจะโทษตัวนางก็ไม่ได้ และไม่ใช่พวกเราที่บีบบังคับให้นางออกจากจวนเจิ้นกั๋วกงให้ได้นี่”เวินฉางอวิ้นยิ้มเยาะ โยนมาให้เขาแล้ว พลางเอ่ยอย่างราบเรียบ “น้องสาม ดวงตาของเจ้าบอดแล้ว ข้าก็เช่นกัน พวกเราทุกคนก็เช่นเดียวกัน”“มีเพียงน้องรองเท่านั้นที่ได้สติแล้ว เขาเข้าใจทุกอย่าง ดังนั้นจึงไปจากบ้านหลังนี้โดยไม่ยอมหวนกลับเหมือนน้องห้า”“ได้สติอะไร แค่ออกไปเป็นคนโง่เท่านั้นเอง”เวินจื่อเยวี่ยกล่าวอย่างไม่แยแส“พี่ใหญ่ ท่านไม่ได้แอบไปดูหรือ? เขาออกจากจวนเจิ้นกั๋วกงของเรา แม้แต่ที่อยู่อาศัยของตัวเองยังหาไม่ได้ด้วยซ้ำ ทำได้เพียงออกไปสร้างกระท่อมฟางโทรม ๆ เหมือนขอทาน นี่น่ะหรือได้สติอย่างที่พี่ใหญ่ว่า? ข้าว่าเขาเป็นแค่เรื่องขำขันมากกว่า”แต่เวินฉางอวิ้นกลับเหลือบมองเขาด้วยสีหน้าเวทนา“เจ้าบอกว่าน้องรองเสียสติ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 305

    จวนเจิ้นกั๋วกงห้องหนังสือ“ท่านพ่อ พี่ใหญ่ ข้าไม่นึกเลยว่าพวกท่านจะปฏิบัติกับน้องหกแบบนี้!”“พวกท่านรู้ดีว่าวังหลังนั่นคือสถานที่อะไร รู้ดีว่าพระองค์เกรงกลัวจวนเจิ้นกั๋วกงของเราแค่ไหน พวกท่านยังกล้าวางใจทิ้งน้องหกไว้ที่นั่นอีก!”“ถ้าน้องหกอยู่ในวังถูกข่มเหงรังแกจะทำอย่างไร? หากพวกเราไม่ได้อยู่ใกล้ตัวนาง ใครจะสามารถปกป้องนางได้?!”“ได้ ได้! ในเมื่อพวกท่านไม่ไปหานาง ถ้าอย่างนั้นข้าจะไป!”“หากรู้ตั้งแต่แรกว่าวันนั้นหลังจากน้องหกตามพวกท่านเข้าวังไปแล้ว จะถูกพวกท่านทิ้งไว้ที่นั่นล่ะก็ ต่อให้ขาข้างนี้ของข้าต้องพิการก็จะตามพวกท่านเข้าวังไปด้วย!”สกุลเวินในเวลานี้เกิดการโต้เถียงใหญ่โตมาสองวันแล้ว เพราะเรื่องที่เวินเยวี่ยเข้าวังพูดให้ถูกก็คือ ส่วนใหญ่เป็นการโวยวายเพียงฝ่ายเดียวของเวินจื่อเยวี่ยเป็นหลักแม้ว่าเวินอวี้จือจะไม่เอะอะโวยวายเหมือนกับเวินจื่อเยวี่ย แต่ทุกครั้งเมื่อเวินจื่อเยวี่ยเสียงดัง โดยพื้นฐานเขาก็ยืนอยู่ข้างเวินจื่อเยวี่ยเสมอส่วนพ่อลูกคู่นี้เวินเฉวียนเซิ่งและเวินฉางอวิ้น ทั้งสองนั้นมีนิสัยใจคอเหมือนกัน ในตอนแรก ๆ ยังสามารถอดทนไว้ได้ อธิบายให้พวกเข้าฟังอย่างใจเย็น ไม่

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 304

    เหลียงหมอมอคือคนเก่าคนแก่ที่อยู่ข้างกายองค์ไทเฮา และไทเฮาก็เจาะจงสั่งให้มาอบรมกฎเกณฑ์แก่เวินเยวี่ยดังนั้นนางจึงตอบปฏิเสธคำร้องขอของเวินเยวี่ยอย่างไม่ลังเล “ขออภัยด้วยคุณหนูหกสกุลเวิน เนื้อตัวของท่านมีกลิ่นอายชนบทมากเกินไป เพื่อให้ท่านได้เรียนรู้กฎเกณฑ์และกลายเป็นผู้สูงศักดิ์ในวังได้โดยเร็ว บ่าวจึงต้องเข้มงวดกับท่านเล็กน้อย”เมื่อได้ยินคำว่า “กลิ่นอายชนบทมากเกินไป” สีหน้าของเวินเยวี่ยก็บึ้งตึงขึ้นมาอย่างทนไม่ไหวทันทีนังแก่นี่กล้าดูหมิ่นนางได้อย่างไร?เวินเยวี่ยกัดฟันด้วยความโกรธ พลางข่มไฟโทสะไว้ “แต่ว่าพระองค์ตกหลุมรักข้าตั้งแต่แรกเห็น หากข้าไม่ทันระวังได้รับบาดเจ็บที่ใบหน้าในขณะที่เรียนรู้กฎเกณฑ์จากท่าน เกรงว่าหมอมอจะลำบากกระมัง?”ลูกไม้ตื้น ๆ แบบเวินเยวี่ยนี้ เหลียงหมอมอเคยเห็นมามากแล้วนางยิ้มเล็กน้อย “คุณหนูหกสกุลเวิน คำพูดของท่านนั้นไม่ถูกต้อง”เวินเยวี่ยไม่แยแส “ตรงไหนที่ไม่ถูกต้อง?”“ไม่มีตรงไหนถูกต้องเลย พระองค์ทรงตกหลุมรักท่านตั้งแต่แรกเห็น ต้องการรับท่านเข้าวังในฐานะพระสนม ดังนั้นถึงให้ท่านเข้ามาเรียนรู้กฎเกณฑ์ในตำหนักของไทเฮา แต่ตอนนี้ท่านไม่เพียงแต่ไม่ตั้งใจเรียนรู

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 303

    เวินฉางอวิ้นทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ“ไม่ใช่ขนมอบถั่วเขียวหรือ? ถ้าอย่างนั้นก็เป็นขนมกุ้ยฮวา?”รอยยิ้มบนใบหน้าของเวินซื่อสดใสขึ้น แต่ก็เย็นชาลงเช่นกัน “ขนมกุ้ยฮวา พี่ใหญ่แน่ใจหรือ? คิดว่าเป็นขนมกุ้ยฮวาจริงหรือ? ไม่อย่างนั้นพี่ใหญ่ลองเดาดูอีกครั้ง เพราะถึงอย่างไรทุกครั้งท่านก็เดาแม่นเช่นนี้เสมอ ทำไมไม่ลองดูหน่อยว่า น้องสาวที่น่ารำคาญอย่างข้าผู้นี้ มีของที่ไม่ชอบกินที่สุดมากน้อยแค่ไหนกันแน่?”ใบหน้าของเวินฉางอวิ้นซีดเผือดอีกครั้งในชั่วประเดี๋ยวเดียว“ช่างมันเถอะ ข้าชอบกินอะไรมันเกี่ยวอะไรกับพี่ใหญ่ด้วยเล่า เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ พี่ใหญ่จำไม่ได้ก็เป็นเรื่องปกติ”น้ำเสียงของเวินซื่อเต็มไปด้วยการเย้ยหยัน “เพราะถึงอย่างไรต่อให้ข้าไม่กิน แต่ก็ยังมีคนหนึ่งที่ชอบกินอย่างไรเล่า พี่ใหญ่รีบห่อกลับไปให้น้องสาวสุดที่รักผู้นั้นที่ท่านรักสุดหัวใจเถิด”“ไม่ใช่นะ...น้องห้าเจ้าฟังพี่ใหญ่อธิบายก่อน พี่ใหญ่ไม่ได้ตั้งใจซื้อขนมอบถั่วเขียวที่เจ้าเกลียดมาให้ เพียงแต่ตอนนั้นซื้อไปโดย...จิตใต้สำนึก”เวินฉางอวิ้นร้อนใจจนพูดจาไม่คล่อง พูดถึงตอนท้ายเขาเองยังรู้สึกอับอายยิ่งกว่าเดิมเมื่อคิดดูอย่างรอบคอบ ขนมอบถั

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 302

    “หากข้ากล้าทำเช่นนั้น ข้าก็ไม่ใช่คน ขอให้ฟ้าผ่าลงทัณฑ์ข้า!”เวินฉางอวิ้นยืนรับรองอยู่ข้างนอกอารามสุ่ยเยว่เป็นเวลาครึ่งชั่วยามแล้ว ลำคอแทบแห้งผาก ซือไท่เหล่านั้นถึงผ่อนคลายลง รับปากว่าจะช่วยเข้าไปพูดให้เขาแต่น่าเสียดายเหล่าซือไท่รับปากว่าจะบอกให้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเวินซื่อจะตกลงออกไป“ไม่ไป”แค่สองคำที่มีกลับมาถึงเบื้องหน้าเวินฉางอวิ้นเวินฉางอวิ้นมีหรือจะยอมแพ้ง่าย ๆ เช่นนี้“เหล่าซือไท่ได้โปรดช่วยเกลี้ยกล่อมน้องสาวของข้าอีกครั้ง ข้าแค่อยากเห็นหน้านางเท่านั้น”“ไม่ได้ ธิดาศักดิ์สิทธิ์บอกไปแล้วว่าจะไม่พบท่านก็คือไม่พบท่าน ท่านอย่ามาเสียเวลาที่นี่เลยดีกว่า รีบกลับไปเสียเถอะ”เหล่าซือไท่ที่ไม่ถูกชะตากับจวนเจิ้นกั๋วกงอยู่แล้ว หลังจากส่งต่อคำพูดจบแล้วก็รีบขับไล่เขาทันที ไม่อยากให้เวินฉางอวิ้นอยู่หน้าอารามสุ่ยเยว่ของพวกนางนานไปกว่านี้แม้แต่นิดเดียวแต่พวกนางนึกไม่ถึงว่าวันนี้ขับไล่ไป แต่หลังจากนี้เวินฉางอวิ้นก็มาอีกทุกวันทันทีที่เสร็จงานในช่วงบ่าย ไม่ได้กลับไปที่จวนเจิ้นกั๋วกงด้วยซ้ำก็ตรงมาที่อารามสุ่ยเยว่เลยมาเคาะประตูทุกวัน รบกวนจนเหล่าซือไท่หาความสงบสุขไม่ได้สุดท้ายก็ต้อ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 301

    “ท่าน วันนี้มาได้อย่างไร?”เวินซื่อมองอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจเล็กน้อยนางรู้ว่าวันเหมายันมาเยือนของทุกปีในราชสำนักจะมีงานเลี้ยงใหญ่ของเหล่าขุนนาง แต่ปีนี้นางไม่ได้ไปเพราะถึงอย่างไรนางก็ไม่ใช่บุตรสาวภรรยาเอกของจวนเจิ้นกั๋วกงอีกแล้วฝ่าบาททรงส่งคนมาถามนาง แต่นางก็ยังปฏิเสธอย่างสุภาพเนื่องจากออกบวชเป็นชีแล้ว งานเลี้ยงสวดขอพรเหล่านั้นที่ไม่ต้องมีนางอยู่ด้วยก็ไม่จำเป็นต้องไปอยู่แล้วแม้ว่าฝ่าบาทจะบอกว่าไม่เป็นไร แต่ก็หลีกเลี่ยงคำนินทากาเลไม่ได้อยู่แล้วนางไม่อยากเพิ่มความยุ่งยากใจให้ฝ่าบาทเกินไป“งานเลี้ยงสิ้นสุดลงแล้ว เหลือเพียงความสนุกสนานหลังจากร่ำสุรา ช่างน่าเบื่อหน่ายจริง ๆ สู้มาหาท่านดื่มกันสักจอกดีกว่า”เวินซื่อเลิกคิ้วขึ้น “ข้าดื่มสุราไม่ได้”“ข้ารู้ ก็เลยนำชาอย่างดีมาให้ท่านจำนวนหนึ่ง”เป่ยเฉินหยวนชูถ้วยชาขึ้น พลางเชื้อเชิญนาง “ไม่ทราบว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์จะยินดีดื่มกับข้าสักถ้วยหรือไม่?”เวินซื่อไม่ได้เห็นเขามีท่าทีจริงจังขนาดนี้มานานแล้ว จึงอดหัวเราะไม่ได้ “เป็นเกียรติอย่างยิ่ง”สองคนนั่งลงด้วยกันเป่ยเฉินหยวนยื่นน้ำชาที่เพิ่งชงเสร็จเมื่อครู่ หลังจากปล่อยให้เย็นลงเ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status