"อ๊ะ?"การเปลี่ยนแปลงที่เกิดอย่างกะทันหัน ทําให้ทุกคนตกใจโดยเฉพาะหลิ่วเยี่ยนหนาน อึ้งอยู่ตรงนั้นเธอก้มหน้ามองแผลเลือดออกที่หน้าอก บนใบหน้าของเธอมีความตกใจ ตกตะลึง สงสัย กลัว และไม่กล้าเชื่อเธอไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะถูกยิงแถมยังกะทันหันขนาดนี้ ไม่มีลางบอกเหตุอะไรเลยหลังจากอึ้งไปสองวินาที พอรู้ตัวเธอก็กรีดร้องออกมา แล้วก็ล้มลงกับพื้นโดยตรง"มีนักฆ่า! หมอบลงเดี๋ยวนี้!"ฉู่เจี๋ยตอบสนองก่อน และตะโกนเสียงดังทันทีทุกคนถึงเหมือนเพิ่งตื่นจากความฝัน รีบหมอบลงกับพื้นในเวลาเดียวกัน นักฆ่าที่สวมหน้ากากหลายคนจู่ๆ ก็เตะเปิดประตูและบุกเข้ามานักฆ่าเหล่านี้ทั้งหมดถือปืนพกเก็บเสียง หลังจากเข้าประตูมาก็ยิงเมื่อเห็นคนอย่างไร้ความปราณี"ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง..."ประกอบกับเสียงปืนดังสนั่น มี2 คนถูกยิงล้มลงกับพื้นทันที"รนหาที่ตาย!"ฉู่เจี๋ยโมโหแล้ว เขาไม่ถอยหลังแล้ว ถีบโต๊ะให้ล้มฟาดใส่นักฆ่าหลายคนฉวยโอกาสที่นักฆ่ากําลังทุลักทุเล เขากระโดดพุ่งตัวไป มือสองข้างจับคอของนักฆ่าสองคน แล้วบีบอย่างแรงมีเสียง "กร๊อบแกร๊บ" สองครั้ง นักฆ่าสองคนก็อ่อนลงกับพื้นโดยตรงหลังจากจัดการสองคนแล้ว ฉู่เจี
"ขวางซืออะไร ผมว่าเป็นหมาบ้าถึงจะใช่""ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ที่วันนี้เจอคุณฉู่ คุณก็ต้องตาย!"หนุ่มสาวหลายคนเริ่มตะโกนขึ้นการแสดงของฉู่เจี๋ยในเมื่อกี้ พวกเขาเห็นอยู่ในสายตามาหมด นักฆ่าที่ถือปืนหลายคน พอเผชิญหน้าครั้งเดียวก็ตายไปแล้วนับประสาอะไรกับเป็นผู้ชายที่มือเปล่าคนหนึ่ง?"เห็นได้ชัดว่าคนนี้เป็นนักสู้ประเภทพลัง ต้องสู้แบบเกินความคาดหมายของเขา จัดการการต่อสู้โดยเร็วที่สุด"ฉู่เจี๋ยกวาดสายตาไปมองขึ้นและลง แล้วตัดสินใจอย่างรวดเร็วเห็นเพียงเข่าทั้งสองข้างของเขางอเล็กน้อย เริ่มสะสมกำลังอย่างช้า ๆจากนั้นก็กระทืบเท้าอย่างแรง ตัวเขาก็ดีดตัวออกไปทันทีเหมือนกระสุนปืนใหญ่ที่ยิงออก"หมัดเร็วสู้สายฟ้า!"ฉู่เจี๋ยตะโกนเสียงดัง กำลังภายในในร่างกายก็ระเบิดออกมาทันที ต่อยไปที่ขวางซืออย่างแรง"บูม!"เกิดเสียงอึก กำปั้นเหล็กของฉู่เจี๋ยชกเข้าที่ท้องขวางซืออย่างแรงแต่ขวางซือไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ ยืนอยู่อย่างเงียบ ๆ นิ่งเหมือนภูเขาราวกับไม่ได้รับการทำร้ายแต่อย่างใด"แค่นี้เหรอ"ขวางซือกอดอก มองลงไปที่ฉู่เจี๋ย ยิ้มอย่างเย็นชา "จั๊กจี้ให้ผมหรือ?""ฮ๊ะ?"ฉู่เจี๋ยถึงกับแข็งทื่อทันทีเขาเบ
"นี่..."เมื่อมองดูขวางซือที่ถูกตีจนบินไป ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงต่างเบิกตากว้าง สงสัยว่าตัวเองเห็นผิดเล็กน้อยขวางซือสูงกว่าสองเมตร รูปร่างสูงใหญ่ และกล้ามเนื้อแข็งแรงเหมือนภูเขาส่วนลู่เฉินก็ผอมมาก ราวกับว่าพอลมพัดมาก็จะล้มลงภายใต้รูปร่างที่แตกต่างกันมากเช่นนี้ ถ้าทั้งสองสู้กัน โดยทั่วไปแล้ว ขวางซือจะชนะแน่เลยทําไมตอนนี้ถึงเป็นสถานการณ์ตรงข้ามแล้ว"เชี่ย ผู้ชายคนนี้เป็นใคร? คาดไม่ถึงว่าจะเก่งขนาดนี้?"ทุกคนมองหน้ากัน และตกใจมากแม้แต่คุณฉู่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของขวางซือ หมอที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ ทําไมถึงเอาชนะอีกฝ่ายได้"พี่ลู่เฉิน คุณเก่งจังเลย"หลังจากความตกใจสั้น ๆ มู่หรงเสวี่ยก็เชียร์ทันทีเมื่อกี้ถ้าไม่ใช่ลู่เฉินลงมือทันเวลา กลัวว่าเธอจะเสียชีวิตไปแล้ว"ต่อไปอย่าหุนหันพลันแล่นเกินไป เจอเรื่องแบบนี้ ควรรักษาชีวิตไว้ก่อน" ลู่เฉินเตือนสาวนี่ เพื่อช่วยเพื่อน แม้แต่จะเสียชีวิตก็ไม่สน โง่จริง ๆ"รู้แล้ว!"มู่หรงเสวี่ยยิ้มหวานเขาช่วยเธออีกครั้ง เธอต้องตอบแทนดีๆ"คุณ... คุณเป็นนักสู้ในการฝึกร่างขั้นเซียนเทียนเลยหรือ"ฉู่เจี๋ยลุกขึ้นจากพื้น บนหน้ามีความตกใจเล็กน้อย
"คุณ—!"หลิ่วเยี่ยนหนานเกลียดจนกัดฟัน แต่ก็ทําอะไรไม่ได้ ได้แต่อดทนตอนนี้เธอได้แต่ภาวนาว่าลู่เฉินจะเร็วหน่อยเพราะเธอรู้สึกอย่างเห็นได้ชัดว่าเลือดของเธอกําลังไหลไป และร่างกายของเธออ่อนแอลงเรื่อย ๆสามนาทีต่อมาชายคนที่สองได้รับการรักษาเรียบร้อยแล้วแค่ห้ามเลือดไว้ก็จะได้ไม่ตายในชั่วขณะ"ตอนนี้ถึงตาฉันแล้วใช่ไหม? เร็วเข้า รีบรักษาให้ฉัน"หลิ่วเยี่ยนหนานใจร้อนมาก และเร่งไม่หยุดแต่ลู่เฉินสบาย ๆ ไม่รีบร้อนแม้แต่น้อยเลย เขาเช็ดมือก่อน แล้วบิดขี้เกียจ สุดท้ายยกถ้วยชาขึ้น เริ่มชิมชาอย่างช้า ๆ"เฮ่ย คุณทําอะไรอยู่ ห้ามเลือดให้ฉัยสิ"หลิ่วเยี่ยนหนานเกือบจะเป็นบ้าแล้วเลือดตัวเองจะไหลไปหมดแล้ว อีกฝ่ายยังมีอารมณ์ไปดื่มชาเหรอ?ดื่มเหี่ยอะไร"รีบร้อนอะไร คุณตายไม่ได้หรอก"ลู่เฉินเหลือบมองแวบหนึ่ง ยังคงไม่หวั่นไหว"ตายไม่ได้อะไรเนี่ย? แกไม่เห็นว่ากูถูกยิงเหรอ? แกมันยังมีมนุษยธรรมอยู่ไหม? รีบช่วยกูหน่อยสิ" หลิ่วเยี่ยนหนานโกรธมากพอตื่นเต้น เลือดก็ไหลเร็วขึ้นทําให้เธอตกใจจนรีบหายใจเข้าลึก ๆ หลายครั้งเพื่อควบคุมอารมณ์"หรือว่านี่คือทัศนคติของคุณในการขอร้องคนอื่น?"ลู่เฉินจิบชา ไม
ฟ้าค่อยๆมืดลงไปในขณะนี้ ภายในร้านจี๋เสียงเมื่อเทียบกับความคึกคักในตอนกลางวัน ร้านจี๋เสียงในตอนกลางคืนเงียบสงบเป็นพิเศษประการแรกคือสถานที่ค่อนข้างห่างไกล ประการที่สองคือร้านอาหารมีกฎ กลางคืนไม่เปิด“ฟิ้วววว!”ในเวลานี้ ร่างสูงใหญ่คนหนึ่งจู่ๆ ก็ปีนกำแพงเข้ามาตรงไปที่ห้องส่วนตัวบนชั้นสองอย่างรู้ลู่ทางดีเมื่อไปถึงประตู เงาคนก็เคาะประตูเบา ๆ"เข้ามา"ภายในห้องที่มืดสนิท มีเสียงบารมีดังมาเงาคนเปิดประตูอย่างระมัดระวัง พอเข้าไปแล้วก็คุกเข่าลงข้างหนึ่งโดยตรง ทําความเคารพต่อฉากกั้นห้อง “ขวางซือขอเข้าพบทูตพิเศษ”"คุณบาดเจ็บแล้วเหรอ?"หลังฉากกั้นห้อง เสียงดังขึ้นอีกครั้ง"ทูตพิเศษครับ ภารกิจล้มเหลวเลย เพิ่งได้เจอคนเก่งคนหนึ่ง เกือบจะตายแล้ว" ขวางซือก้มหน้าลง บนหน้าเต็มไปด้วยความยําเกรงแขนที่ได้รับบาดเจ็บของเขายังมีเลือดไหลลงอยู่ในคืนที่เงียบสงบ เสียงมันจะโดดเด่นเล็กน้อย"ภารกิจล้มเหลว คุณยังกล้ากลับมาหรือ?"เสียงหลังฉากกั้นห้อง จู่ ๆ ก็เย็นเฉียบขึ้นความกดดันที่น่ากลัวค่อยๆ ทะลักออกมา"ทูตพิเศษครับ! โปรดให้โอกาสผมอีกครั้ง ผมสัญญาว่าจะทำภารกิจให้สำเร็จ!"ขวางซือกลัวจนตัว
"คุณลู?""คุณหวง?"เมื่อมองไปที่ชายอ้วนที่อยู่ตรงหน้า ลู่เฉินก็อดไม่ได้ที่จะแปลกใจเล็กน้อยเพราะเขาพบว่าทูตพิเศษที่อยู่เบื้องหลังขวางซือ คือหวงซานทงที่ขายคัมภีร์สาวหยกก่อนหน้านี้"คุณลู่ ไม่คิดว่าพวกเราจะมีวาสนาขนาดนี้ ถึงได้เจอกันด้วยแบบนี้"หวงซานทงยิ้มให้ เปลี่ยนความเย็นชาและน่ากลัวในเมื่อกี้ กลายเป็นภาพลักษณ์พระสังกัจจายน์อีกดูไม่เป็นอันตรายและใจดีมาก"คุณหวง คุณนั้นทำตัวคมในฝักจริง ๆนะ"ลู่เฉินหรี่ตาลง "ได้ยินมาว่าในรายชื่อดำมีทูตพิเศษสามคน แต่ละคนเก่งกาจ มีอํานาจทุกอย่าง ไม่คิดว่าคุณจะเป็นหนึ่งในนั้น""แค่ทำมาหากินเท่านั้น ไม่คุ้มค่าที่จะพูดถึงเลย"หวงซานทงยิ้ม ใช้มือเดียวทำท่าเชิญ "คุณลู่ เชิญนั่งครับ"ลู่เฉินไม่เกรงใจ นั่งลงอย่างสบายๆ"คุณลู่ วันนี้ท่านเอาชนะท่านจื่อหยาง ชื่อเสียงของการฝึกร่างขั้นจงซือหนุ่ม เรียกได้ว่าดังไปทั่วโลกเลย น่าชื่นชมมาก"หวงซานทงต้มให้ชาอุ่น และเทสองถ้วย"คุณหวงรู้ข่าวรวดเร็วจริง ๆ เวลาครึ่งวันก็รู้ดีขนาดนี้แล้ว" ลู่เฉินยกถ้วยน้ําชาขึ้นมาจิบ"ฮ่าฮ่า เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ถ้าผมไม่รู้ ทูตพิเศษก็จะไร้ผลแล้ว" รอยยิ้มของหวงซานทงไม่ได้เปลี่ยน"
"หนอนบ่อนไส้คนนี้ ซ่อนไว้ลึกมาก ยังไม่มีช่องโหว่ในตอนนี้"หวงซานทงส่ายหัวและพูดต่อ "สิ่งเดียวที่แน่ใจได้คือบุคคลนี้มีอํานาจมากในตระกูลหวงฝู่ ไม่ใช่สี่คนที่โดดเด่นของตระกูลหวงฝู่ ก็คือทายาทโดยตรงในตระกูล"สี่คนที่โดดเด่นของตระกูลหวงฝู่ได้แก่ ชุน เซี่ย ชิว ตง ซึ่งเป็นลูกชาย 4 คนของหวงฝู่หลงเถิงในมือแต่ละคนมีทรัพยากรมหาศาล และมีความทะเยอทะยาน มีความคิดร้ายมากมาย"พูดมานานอย่างนี้ คุณนี่ก็เท่ากับไม่ได้พูดอะไรเลยไม่ใช่เหรอ"ลู่เฉินขมวดคิ้ว "ตระกูลหวงฝู่มีคนมากมายขนาดนั้น ผมจะไปหาหนอนบ่อนไส้ที่ไหนในชั่วขณะหนึ่ง"เขาเคยสงสัยมาก่อน แต่ไม่มีหลักฐาน"อย่าเพิ่งใจร้อนนะคุณลู่ ต้องรู้ว่าหนอนบ่อนไส้เป็นใคร จริง ๆ แล้วไม่ใช่เรื่องยาก แต่ต้องให้คุณเสี่ยงหน่อย" หวงซานทงกล่าวด้วยรอยยิ้มที่มีความหมายลึกซึ้ง"โอ้ คุณหวงมีแผนดีอะไร?" ลู่เฉินเริ่มสนใจทันที"พูดว่าเป็นแผนดีไม่ได้หรอก แค่ให้คุณเป็นเหยื่อล่อเท่านั้น"หวงซานทงใส่นิ้วชี้ลงในชาแล้วเขียนคําไม่กี่บรรทัดบนโต๊ะหลังจากอ่านเสร็จ ลู่เฉินก็พยักหน้าอย่างครุ่นคิด "เป็นวิธีหนึ่งจริง ๆ แต่ไม่รู้ว่าจะได้ผลหรือไม่""พยายามทำให้ดีที่สุด แล้วผลลัพธ
"อะไรนะ? ไม่มีการเคลื่อนไหวแล้วเหรอ?"ในลานบ้านแห่งหนึ่งของตระกูลหวงฝู่ หวงฝู่ชิวฟังรายงานของผู้ใต้บังคับบัญชา อดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลก "คุณแน่ใจเหรอ?""จริงแน่นอนครับ!"ผู้ใต้บังคับบัญชาพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า "เราเฝ้ามาทั้งวัน คนของแก๊งฉีหลิงทั้งหมดหดตัวอยู่ในวิลล่าเฟิงหยวี่ ไม่เคยออกไปไหนเลย""เด็กคนนี้ทําอะไรอยู่?" หวงฝู่ชิวครุ่นคิดในกี่วันนี้ ลู่เฉินหาทุกวิธีทางเพื่อเก็บข้อมูล สำรวจต่างๆ ตอนนี้จู่ ๆ ก็ไม่มีการเคลื่อนไหวแล้ว ทําให้คนสงสัยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้"คุณเฝ้าต่อไป ถ้ามีข่าวอะไร ก็รีบกลับมารายงายทันที" หวงฝู่ชิวสั่ง"ครับ!"ผู้ใต้บังคับบัญชาได้ตอบรับและจากไปอย่างรวดเร็ววันที่สามสาวกของแก๊งฉีหลิงยังคงไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรยังคงลุ่มหลงในความฟุ้งเฟ้อ สำมะเลเทเมาทุกวันถ้าไม่ฝึก ก็กินดื่ม เล่นอย่างสนุก มีความสุขมากบรรยากาศภายในวิลล่าเฟิงหยวี่ยิ่งคึกคักมาก ไม่ได้ดูเหมือนมีภัยพิบัติครั้งใหญ่จะมาถึงเลยสถานการณ์อย่างนี้ตกอยู่ในหูของหวงฝู่ชิวก็ยิ่งสงสัยมากขึ้นแล้ว"แม่งเอ้ย ไอ้เด็กคนนี้คงไม่ได้ละทิ้งหรอกมั้ง? รู้ว่าตัวเองต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย เลยวางแผนตา
กระโดดขึ้นไปกลางอากาศ แล้วก็หยุดกะทันหันแสงแดดส่องลงมา เสื้อเกราะสีทองของเหลยว่านจุนส่องแสงประกาย และสะดุดตาเป็นพิเศษ"ดาบนี้เรียกว่าโพ่หยวีนกวน ผมเคยเก็บตัวมาสามปี ถึงจะเรียนรู้เทคนิคนี้ให้ได้""จนถึงตอนนี้ ยังไม่เคยแสดงต่อหน้าคนนอกเลย""วันนี้ จะเป็นเกียรติในชีวิตของคุณที่สามารถตายด้วยดาบนี้ของผม!""ดูดาบผมสิ!"พูดจบ ดาบทองของเหลยว่านจุนก็สั่นอย่างกะทันหัน ตัวเขาก็กลายเป็นแสงสีทองที่แสบตา พุ่งลงมาอย่างรวดเร็วโมเมนตัมของมันยิ่งใหญ่เหมือนแม่น้ำไหลลง ไม่สามารถหยุดยั้งได้และอยู่ยงคงกระพัน"ดาบที่เร็วมาก ลมดาบที่น่ากลัวมาก""โอ้พระเจ้า นี่คือการลงโทษจากพระเจ้าหรือ น่ากลัวเกินไป!"“เมื่อดาบนี้ใช้ออกมา จะไม่มีใครหยุดยั้งได้ การฝึกร่างขั้นจงซือหนุ่ม ถึงตายก็ยังได้รับเกียรติ”ดาบที่น่าตกใจของเหลยว่านจุนทําให้เกิดความโกลาหลเหล่านักสู้ต่างสะเทือนใจแสงสีทองนั้นพราวเหมือนดวงอาทิตย์ ทําให้คนไม่สามารถต้านทานได้แม้แต่น้อยดาบนั้นตกลงมาเหมือนวันสิ้นโลกมาถึงมากพอที่จะทำลายทุกอย่าง!"ชางฉง!"ในขณะที่เหลยว่านจุนออกดาบ ลู่เฉินก็เคลื่อนไหวอย่างกะทันหันเห็นเพียงว่าเขาตบเบาๆ ดาบสีดำท
เมื่อที่เกิดเหตุสงบเหล่านักสู้ที่อยู่ด้านล่างเวที รู้สึกแต่หลังเย็นและหวาดกลัวคลื่นกระทบของการโจมตีเมื่อกี้นั้นน่ากลัวเกินไปหากไม่ได้เตรียมการมานานและหลบได้ทัน เกรงว่าจะถูกประแทกจนได้รับบาดเจ็บสาหัสทันทีถึงกระนั้น พลังทําลายล้างที่น่ากลัวนั้นยังคงทําให้คนกลัวในใจ"ไม่เลว ความแข็งแกร่งของคุณแข็งแกร่งกว่าตอนที่อยู่ในป่าดำเลย"เหลยว่านจุนแบกมือข้างเดียวไว้ด้านหลัง และยิ้มเบา ๆ ดูเหมือนว่าชัยชนะอยู่ในมือแล้ว "น่าเสียดายที่คุณยังคงต้องตายในวันนี้""เหลยว่านจุน มีความสามารถจริง ๆ อะไร ก็ใช้ออกมาเลย มิฉะนั้นคุณจะไม่มีโอกาสแล้ว"ลู่เฉินยืนตัวตรงอย่างช้า ๆ สายตายังคงเย็นชาการโจมตีเมื่อกี้นั้น ทำให้เขารู้ว่าความแข็งแกร่งของเหลยว่านจุนเป็นยังไงถ้าไม่มีอะไรที่เกินความคาดคิด อีกฝ่ายใกล้จะมาถึงการฝึกร่างขั้นจงซือใหญ่แล้วโชคดีที่ยังไม่ได้ทะลุไปอย่างเต็มที่เพราะเวลา ไม่งั้นจะรับมืออย่างลำบาก"ฮึ่ม! คุณไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาจริง ๆ"เหลยว่านจุนหรี่ตาเล็กน้อย โมเมนตัมเพิ่มขึ้นอีกครั้ง เสื้อคลุมทั้งตัวไม่มีลมพัดแต่ปลิวอยู่ และส่งเสียงด้วย "คุณต้องดูความแข็งแกร่งที่แท้จริงของผมไม่ใช่
การฝึกร่างขั้นจงซือก็มีคนที่แข็งแกร่งกว่าหรืออ่อนแอกว่า ช่องว่างของดินแดนเล็ก ๆ แต่ละระดับจะยากที่จะข้ามได้"หัวหน้าอู๋ประเมินคนนี้สูงเกินไปแล้ว"เจี่ยงซิวเจินส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม "ถ้าผมมองไม่ผิด หลังจากหัวหน้าเหลยเก็บตัวครั้งนี้ ความแข็งแกร่งได้ก้าวไปอีกขั้นหนึ่ง จัดการกับลู่เฉิน ใช้สามท่าก็สามารถจัดการได้แล้ว""อ้อ เหรอ"อู๋หงต๋ายักคิ้ว ค่อนข้างประหลาดใจเหลยว่านจุนได้ประสบความสําเร็จอย่างมากในการฝึกร่างขั้นจงซือเมื่อหลายปีก่อน หากมีความก้าวหน้าอีก เขาจะใกล้มาถึงการฝึกร่างขั้นจงซือใหญ่แล้สไม่ใช่หรือถ้าเป็นเช่นนั้น สำนักงานเจิ้นอู่ก็ต้องประเมินมูลค่าของเขาใหม่แล้ว"ลู่เฉิน คุณไม่ควรมาท้าทายผม ตอนอยู่ในป่าดำ ผมเคยให้โอกาสคุณแล้ว ไม่คิดว่าคุณจะยังเอาไข่มากระทบหินอีก วันนี้ ไม่มีใครช่วยคุณได้แล้ว"เหลยว่านจุนยังคงเข้าใกล้ต่อไป โมเมนตัมที่น่ากลัวในตอนแรกก็เพิ่มขึ้นอีกครั้งราวกับคลื่นสึนามิกวาดมา"แกร็บ แกร็บ...” ภายใต้การบีบอัดอย่างรุนแรง ออร่าที่เกิดขึ้นรอบ ๆ ลู่เฉินก็เริ่มมีรอยแตกทีละรอยเกิดขึ้นเหมือนกระจกขนาดใหญ่ที่กําลังจะแตกรอยแตกแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว และหนาแน่นขึ้นเรื
ภายใต้เสียงตะโกนของเหลยว่านจุน ใบไม่ต้องรับผิดชอบก็ส่งมาทั้งสองคนไม่ได้พูดเรื่องไร้สาระ เซ็นชื่อบนใบไม่ต้องรับผิดชอบและพิมพ์ลายนิ้วมือติดต่อกันการดวลกันสังเวียน จะเป็นหรือจะตายนั้นกำหนดโดยโชคชะตามาตลอด แต่โดยทั่วไปแล้วถ้าไม่มีความเกลียดชังอย่างลึกซึ้ง ฝ่ายชนะจะออมมือ นี่เป็นกฎที่ไม่ได้เขียนไว้แต่หลังจากเซ็นใบไม่ต้องรับผิดชอบแล้ว กฎนี้ก็ถูกทําลายแล้วไม่ได้ออมมือ ไม่มีทางถอย มีแค่สู้ชีวิตจะอยู่หรือตาย ไม่มีทางเลือกอื่น"ลู่เฉิน นี่เป็นการตัดสินใจที่โง่ที่สุดในชีวิตของคุณ"หลังจากเซ็นชื่อเสร็จแล้ว โมเมนตัมของเหลยว่านจุนก็เปลี่ยนไปแล้วจากการสง่างามกลายเป็นคนเฉียบคม และมีบารมีแรงกดดันที่เหมือนภูเขาถูกปล่อยออกจากร่างกายเขา และปกคลุมทั้งที่เกิดเหตุทันทีหลังจากนั้น เหล่านักสู้ที่อยู่ด้านล่างเวทีรู้สึกเพียงว่าร่างกายหนักขึ้น เหมือนมีก้อนหินที่มองไม่เห็นก้อนหนึ่งกดลงบนไหล่ของพวกเขา แม้แต่การหายใจก็เริ่มถี่ขึ้นคนที่อ่อนแอ ยิ่งหอบและเหงื่อออกเต็มหัว"แรงกดดันจากการฝึกร่างขั้นจงซือที่น่ากลัว หรือว่านี่ก็คือความแข็งแกร่งที่แท้จริงของหัวหน้าพันธมิตรศิลปะการต่อสู้หรือ"ทุกคนสั่นใ
นี่อะไรกันเนี่ยไม่ใช่เพื่อตำแหน่งและอำนาจ เพื่อสร้างชื่อเสียงไปทั่วโลก ถึงมาท้าทายหัวหน้าพันธมิตรศิลปะการต่อสู้หรือทำไมจะฟังดูเหมือนเป็นการแก้แค้นระหว่างทั้งสองคน มีความแค้นอะไรหรือ"พวกบ้าที่ใจกล้า คุณกล้าดูถูกหัวหน้าพันธมิตรอย่างโจ่งแจ้ง เป็นบาปชั่วร้ายที่ให้อภัยไม่ได้จริง ๆ"เหลยเชียนฉงลุกขึ้นและตําหนิเสียงดังสมาชิกของพันธมิตรศิลปะการต่อสู้ ก็เต็มไปด้วยความขุ่นเคืองในใจและตะโกนไม่หยุดเหลยว่านจุน เป็นหน้าเป็นตาของทั้งพันธมิตรศิลปะการต่อสู้ ถูกใส่ร้ายในที่สาธารณะ ย่อมจะทนไม่ได้"ได้แล้ว เงียบหน่อย"เหลยว่านจุนยกมือขึ้นอย่างช้า ๆ หยุดเสียงอึกทึกครึกโครมของสมาชิกพันธมิตรศิลปะการต่อสู้ แล้วก็พูดอย่างไม่เปลี่ยนสีหน้าว่า "ลู่เฉิน ความยุติธรรมอยู่ในใจคน ที่ผมทําสิ่งต่าง ๆ จะเปิดเผยเสมอ คุณคิดว่าการพูดพล่อย ๆ ไม่กี่คําจะทําให้ชื่อเสียงของผมเสื่อมเสียได้หรือ""ใส่ร้ายเหรอ ฮึ่ม..."ลู่เฉินส่งเสียงฮื่มอย่างเย็นชา "คุณเขียนด้วยมือ ลบด้วยเท้า กระทำสิ่งที่ฝ่าฝืนกฎเกณฑ์ของอาจารย์และศีลของบรรพบุรุษ สู้สัตว์ไม่ได้ด้วยซ้ำ คนหน้าซื่อใจคดอย่างคุณ ต้องถูกทุกคนลงโทษเลย""กําเริบเสิบสาน!"
"ถึงแล้วหรือ?"เมื่อได้ยินอย่างนั้น หลายคนก็มองตามสายตาของเจี่ยงซิวเจินไปทันทีได้เห็นว่าหลังคาของสํานักงานใหญ่พันธมิตรศิลปะการต่อสู้ มีเงาสีขาวหนึ่งกระโดดลงมาอย่างกะทันหันเงามนุษย์แกว่งไปแกว่งมาตามลม เบาเหมือนไม่มีอะไร เหมือนขนนกสีขาว"มาแล้ว หัวหน้าเหลยมาแล้ว"เมื่อมองดูเงามนุษย์ที่ตกลงมาจากท้องฟ้า ทั้งสนามสู้ก็ฮือฮาขึ้นมาทันทีเหลยว่านจุน หัวหน้าพันธมิตรศิลปะการต่อสู้ได้ปรากฏตัวในที่สุดท่ามกลางสายตาของทุกคน เหลยว่านจุนในชุดขาว แบกมือทั้งสองข้างไว้ข้างหลัง เสื้อผ้าปลิว เท้าเหยียบบนลม ราวกับเป็นเทพเจ้าตกลงมาบนโลกลอยละลิ่วลงมาด้วยอารมณ์ที่ลึกลับและสูงส่งไม่มีบารมีที่บีบบังคับ ไม่มีออร่าที่แข็งแกร่ง มีแค่ความศักดิ์สิทธิ์ที่ทําให้คนไม่กล้ามองตรง ๆ และไม่สามารถดูหมิ่นได้ในขณะนี้ เหลยว่านจุนเป็นเหมือนแสงที่สว่างที่สุดในโลกนี้ส่องบนแผ่นดิน สลายความมืดทำให้คนเคารพจากใจ"ขอต้อนรับหัวหน้าเหลยเก็บตัวออกมา"ในเวลานี้ เหลยเชียนฉงลุกขึ้นก่อน และทําความเคารพ"ขอต้อนรับหัวหน้าเหลยเก็บตัวออกมา"เหล่าสาวกพันธมิตรศิลปะการต่อสู้จํานวนมากที่อยู่ข้างหลังเขาก็พากันลุกขึ้น และตะโกนพร้
"น้อง ตราบใดที่คุณเข้าร่วมสำนักงานเจิ้นอู่ ผมสามารถตัดสินใจได้ อนุญาตให้คุณขึ้นตำแหน่งผู้ที่คอยปรนนิบัติหัวหน้า!" อู๋หงต๋าเสนอเงื่อนไขที่ดีในสำนักงานเจิ้นอู่ ตำแหน่งผู้ที่คอยปรนนิบัติหัวหน้า อยู่เหนือผู้จัดการด้วยซ้ำเพิ่งเข้าร่วมก็ขึ้นสองระดับติดต่อกัน นี่เป็นการเลื่อนตําแหน่งเกินมาตรฐานแล้ว"ขอโทษครับ ผมยังคงไม่สนใจ"ลู่เฉินส่ายหัวอีกครั้งการปฏิเสธซ้ำๆทําให้อู๋หงต๋าขมวดคิ้วเขาไว้หน้ามากพอแล้ว ไม่คิดว่าเด็กตรงหน้านี้จะไม่รู้จักชั่วดีขนาดนี้"ไม่ใช่มั้ง ขนาดตําแหน่งผู้ที่คอยปรนนิบัติหัวหน้าของสำนักงานเจิ้นอู่ก็ไม่เอา เด็กคนนี้คิดอะไรอยู่?""มันเป็นเรื่องดีมากที่ได้รับความสำคัญจากสำนักงานเจิ้นอู่ เด็กคนนี้ไม่ซาบซึ้งเลยเหรอ ไม่รู้จักชั่วดีจริง ๆ""ฮึ่ม! การฝึกร่างขั้นจงซือหนุ่มอะไร ต่อหน้าสำนักงานเจิ้นอู่ เป็นไก่อ่อนทั้งนั้น"นักสู้ที่อิจฉาบางคน ต่างวิจารณ์ขึ้นการชักชวนของสำนักงานเจิ้นอู่ได้รับการยกย่องว่าเป็นเกียรติยศสูงสุดจากนักสู้มากมายแต่ลู่เฉินกลับปฏิเสธหลายครั้ง ไม่ได้เห็นสำนักงานเจิ้นอู่ในสายตาเลย หยิ่งผยองจริง ๆ"น้อง ถ้าพลาดโอกาสนี้ไปจะไม่มาอีก คุณแน่ใจนะว่าจะไม่
"คุ้นตา?"เฉินหยวนเวยสงสัยเล็กน้อย "หรือว่าหัวหน้าอู๋เคยเห็นการฝึกร่างขั้นจงซือลู่มาก่อน""ผมอาจจะดูผิดแล้วมั้ง"อู๋หงต๋าสัมผัสเคราของตัวเอง ครุ่นคิดไปครู่หนึ่ง แต่ก็จําไม่ได้ด้วยความทรงจําของเขา ตราบใดที่เป็นนักสู้ที่ยอดเยี่ยม แทบจะเห็นแวบหนึ่งก็ลืมไม่ได้เลยอีกฝ่ายอายุยังน้อย ก็สามารถเป็นการฝึกร่างขั้นจงซือได้ ในทั่วประเทศหลง จะเป็นคนที่หายากอัจฉริยะแบบนี้ ตามเหตุผลแล้ว ตราบใดที่เขาเคยเห็น ก็ไม่สามารถลืมได้แต่ตอนนี้ที่เขาจำไม่ได้ ก็พิสูจน์ว่าทั้งสองฝ่ายไม่รู้จักกัน"หัวหน้าอู๋ ท่านเดินทางมาไกล คงเหนื่อยแล้วแน่นอน กรุณาไปนั่งพักผ่อนด้วยครับ" เฉินหยวนเวยทำท่าเชิญด้วยมือเดียว"ไม่ต้องรีบ ผมจะไปพบการฝึกร่างขั้นจงซือหนุ่มคนนี้หน่อย"หลังจากบอกประโยคนี้ไป อู๋หงต๋าก็เดินตรงขึ้นสังเวียนเมื่อเห็นฉากนี้ เฉินหยวนเวยอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ในไม่ช้าก็กลับมาเป็นปกติเหตุผลที่สําคัญที่สุดที่สำนักงานเจิ้นอู่แข็งแกร่งจนทำให้ผู้คนพูดถึงก็จะเปลี่ยนสีหน้า ก็คือรับสมัครผู้มีความสามารถมากมายไม่ว่าจะเป็นคนชั่ยหรือคนดี ตราบใดที่มีความสามารถ ตราบใดที่มีทักษะที่โดดเด่น ตราบใดที่แข็ง
"ลู่เฉิน คุณต้องสู้อย่างยอดเยี่ยม สร้างชื่อเสียงไปทั่วโลก ให้ผู้คนเห็นว่าอะไรเรียกว่าไม่มีใครเทียบได้ อยู่ยงคงกระพัน!"มองดูด้านหลังที่ตั้งตรงนั้น จั่วซินเยว่พึมพํากับตัวเอง ในดวงตาที่สวยงามเต็มไปด้วยความรักและความนับถือผู้ชายตัวโต ก็ควรจะถือดาบยาว ทำคุณงามความดีชั่วนิรันดร์ แม้ข้างหน้าจะลำบาก ก็ยังก้าวไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญและไม่เกรงกลัวนี่แหละ ถึงจะเป็นผู้ชายจริงๆ"กล้าท้าทายหัวหน้าพันธมิตรศิลปะการต่อสู้ วันนี้ก็คือวันตายของคุณ!"หยางเจี๋ยมีสีหน้ามืดมน และแอบสาปแช่งเขาแค่หวังว่าทันทีที่ลู่เฉินขึ้นไปบนเวที ก็ถูกเหลยว่านจุนต่อยจนตาย"ฮึ่ม! จะตายไม่ช้าก็เร็ว แค่มีชีวิตอยู่อีกกี่นาทีเท่านั้น"เหลยเชียนฉงยิ้มอย่างดุเดือด สายตาดุร้ายมาก"ศิษย์พี่ลู่ ต้องปลอดภัยเลยนะ"หลินหรง พนมมือไหว้ แอบสวดมนต์"แม่งเอ้ย เด็กคนนี้กล้าขึ้นไปจริง ๆ เขาคงไม่คิดว่าตัวเองทําได้จริง ๆ เหรอ"เถาหยางขมวดคิ้ว ในดวงตาเต็มไปด้วยความอิจฉาและความเกลียดชังเขาไม่เข้าใจ ทั้งๆที่เป็นเพื่อนวัยเดียวกัน ทําไมลู่เฉินถึงกลายเป็นการฝึกร่างขั้นจงซือ แต่เขาไม่ได้ฝ่าฟันไปถึงการฝึกร่างขั้นเซียนเทียนด้วยซ้ำทำไมล่