ในดวงตาของข้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและแตกสลาย แต่เขาเพียงแค่ถอนหายใจยาว พูดด้วยน้ำเสียงตำหนิ"ชิงอู๋ หงส์เพลิงอย่างพวกเจ้ามีจินตานสองลูก แม้เจ้าจะขาดไปหนึ่งลูกก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เจ้าก็รู้ว่าบุญคุณที่ชิงเหยาช่วยชีวิตข้าไว้สำคัญกับข้าแค่ไหน ข้าต้องไปช่วยนาง"“เชื่อฟังข้านะ เดี๋ยวข้าจะกลับมาอยู่เป็นเพื่อนเจ้าฉลองวันเกิด”ดาบโค้งจมลึกเข้าไปในอกของข้าทีละนิด ข้าเจ็บปวดจนต้องกรีดร้อง เสียงร้องโหยหวนของข้าก้องไปทั่วตำหนักอี้เฉินเก็บจินตานของข้าใส่ถุง แล้วจูบที่หน้าผากข้าอย่างแผ่วเบาน้ำตาไหลพรั่งพรูออกมาดั่งน้ำท่วม ข้าเจ็บปวดจนอยากตาย ราวกับถูกเฉือนเนื้อเถือหนังทั้งเป็นเมื่อรับรู้ถึงพลังวิญญาณในร่างกายที่ค่อยๆ สูญสลาย พลังวิญญาณที่เดิมพลุ่งพล่านก็พลันสงบนิ่งลงเสียงของข้าสั่นเครือ คิดจะบอกเรื่องที่เมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน ตนเองได้ใช้จินตานลูกหนึ่งช่วยชีวิตเขาให้ฟัง“นี่เป็นจินตานลูกสุดท้ายของข้า เจ้ารีบคืนมันให้ข้าเถอะนะ ไม่อย่างนั้นข้าจะต้องตายจริงๆ....”“เหลวไหล”อี้เฉินใช้ปากจูบปิดปากข้า น้ำตารินไหลออกจากดวงตาของข้า ผสมผสานรวมกับเลือดที่อกจนแยกไม่ออกเขาเอ่ยเสียงแหบพร่า กระซิบเบาๆ
ตำหนักเหยาฉืองดงามอลังการอย่างยิ่งประตูทางเข้าตำหนักมีม่านไข่มุกระย้า ไข่มุกแต่ละเม็ดที่ห้อยลงมาล้วนเป็นไข่มุกราตรีชั้นยอดข้าถึงได้เข้าใจ ไข่มุกราตรีที่อี้เฉินมอบให้ข้าเม็ดนั้น เป็นเพียงแค่ของที่ถูกชิงเหยาคัดทิ้งแล้วเท่านั้นน่าขันที่ข้าทะนุถนอมมันดุจสมบัติล้ำค่าชิงเหยาสวมอาภรณ์ปุยเมฆของรุ้งกินน้ำ ดวงหน้าเปล่งปลั่งสุกใส กำลังนั่งดีดพิณโบราณอยู่ใต้ระเบียงทางเดิน ไม่มีวี่แววของคนป่วยหนักใกล้ตายอย่างที่อี้เฉินบอกสักนิดส่วนอี้เฉินกำลังยืนกอดกระบี่พิงเสาระเบียง อาภรณ์สีขาวของเขาพลิ้วไหวเบาๆ สีหน้าแววตาเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม สายตาจดจ้องเพียงชิงเหยาสายลมเย็นกระจ่างพัดผ่านวูบหนึ่ง กลีบดอกท้อพลันร่วงหล่นช่างเป็นภาพของคู่รักที่งดงามเหลือเกิน รักใคร่กลมกลืนและเงียบสงบข้ามองจนเหม่อลอยเมื่อบทเพลงจบลง ชิงเหยาก็คลี่ยิ้มแล้วหันไปโผกอดอี้เฉิน“เป็นอย่างไรบ้าง? ไพเราะหรือไม่?”อี้เฉินลูบศีรษะของชิงเหยาแล้วกล่าวอย่างอ่อนโยน“พิณที่เจ้าดีด ต้องไพเราะอยู่แล้ว”ชิงเหยาดีใจที่ถูกเอาอกเอาใจ นางเขย่งปลายเท้าขึ้นจูบอี้เฉินแต่เขากลับผงะถอยหลังหลบโดยสัญชาตญาณ เอ่ยปากอย่างกระอักกระอ่วน“นับแต่
มหาเทพตี้ซื่อลงไปเผชิญด่านเคราะห์ในโลกมนุษย์เมื่อหนึ่งพันปีก่อนช่วงพันปีมานี้ ไม่เคยมีเทพเซียนคนไหนบนสวรรค์เก้าชั้นฟ้าพบเจอเขาเลยแล้วทำไมข้าถึงได้บังเอิญเจอเขาในเวลาแบบนี้ล่ะ?อาจเพราะอ่านความคิดในใจของข้าได้ มหาเทพตี้ซื่อจึงหัวเราะเบาๆ“ข้าเพิ่งกลับมาจากการผ่านด่านเคราะห์ ระหว่างทางผ่านแดนสุญญตาแล้วเห็นเจ้า เป็นเรื่องบังเอิญอย่างยิ่ง”ข้าพูดอะไรไม่ออกความจริงแล้ว ข้ากับมหาเทพตี้ซื่อเป็นคู่อริกันหมื่นปีก่อน ตอนที่ข้าถือกำเนิดขึ้นมา มหาเทพตี้ซื่อกำลังเก็บตัวบำเพ็ญอยู่พอดีเขาเลือกสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้เกาะอู๋ถงเดิมทีตบะของเขาควรจะรุดหน้าเพิ่มพูนอย่างรวดเร็ว แต่เพราะเสียงจักรพรรดิหงส์เพลิงของข้าดังก้องไปถึงสวรรค์เก้าชั้นฟ้า รบกวนความสงบเงียบและทำลายม่านพลัง ขัดขวางการบำเพ็ญเพียรของเขาหลังจากนั้นเป็นต้นมา มหาเทพตี้ซื่อก็ตามรังควานข้าไม่เลิกตอนที่เขาว่างๆ ไม่มีอะไรทำก็จะมาเที่ยวที่เผ่าหงส์เพลิง ทำเอาเผ่าหงส์เพลิงอกสั่นขวัญแขวนไปหมด กลัวว่าจะทำอะไรผิดพลาด จนไปล่วงเกินมหาเทพผู้ยิ่งใหญ่ที่เดาใจยากคนนี้เขายังชอบจับสัตว์เทพบรรพกาลมาปล่อยไว้ข้างเตียงข้าบ่อยๆ
มหาเทพตี้ซื่อพาข้าไปที่คุนหลุนเขาบอกว่าหกวิญญาณปราณจิตของข้ากระจัดกระจายไปในสี่สมุทรแปดดินแดนแล้ว ตามเก็บกลับมาได้ยากข้าต้องอยู่ที่เขาคุนหลุนเพื่อดูดซับพลังวิญญาณแห่งฟ้าดินที่นี่ แล้วค่อยหาวิธีสร้างกายเนื้อขึ้นใหม่ขณะเดียวกันเขาก็ช่วยรักษาแผลให้ข้า แต่มีเงื่อนไขหนึ่งอย่างนั่นคือการให้ข้าเป็นนางกำนัลรับใช้เขาเพราะขัดขืนไม่ได้ ข้าจึงต้องกัดฟันยอมรับเงื่อนไขเทพเซียนล้างแค้นหมื่นปีไม่สาย เมื่อไหร่ที่ข้าปลุกสายเลือดให้ตื่นได้ จะต้องท้าประลองกับมหาเทพตี้ซื่อสามวันสามคืน!ข้าพักอาศัยอยู่ในเขาคุนหลุนทุกวัน เริ่มรู้สึกได้ว่าพลังปราณในร่างกายคืนกลับมาไม่น้อยแล้ววันหนึ่งอากาศดีมาก ข้าเลยแอบหนีออกจากเขาคุนหลุน ได้ยินเซียนน้อยสองคนที่เข้ามาหาสมุนไพรวิเศษคุยกันว่า“เทพอี้เฉินคนนั้นเป็นบ้าไปแล้ว เขาออกตามหาภรรยาทั่วทุกพิภพทั้งสวรรค์นรก”“นั่นสิ ได้ยินว่าถึงขั้นไปขอร้องกับจักรพรรดิสวรรค์ แต่ก็ไม่มีอะไรคืบหน้า”“ไม่ใช่แค่นั้นนะ ข้ายังได้ยินมาอีกว่าเทพอี้เฉินคนนั้นใช้ตบะที่บำเพ็ญมาพันปีของตัวเอง แลกเปลี่ยนคันฉ่องเรียกวิญญาณมาจากเซียนเสวียนซวงด้วย...”ข้าชะงักไปเล็กน้อย อดรู้สึกขบขันไม
ข้าไม่อยากคุยกับเขาอีกตอนที่ข้าคิดจะหันหลังกลับ ก็พบว่าร่างกายของตัวเองถูกโซ่พันธนาการวิญญาณคล้องไว้ ทำให้ข้าไม่อาจขยับตัวได้“ชิงอู๋ ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาโกรธเคืองข้านะ จิตวิญญาณเจ้ากระจัดกระจายหมดแล้ว เหลือแค่เศษเสี้ยวดวงจิตที่ยังทำให้มีชีวิตอยู่ต่อไป หากยังไม่คิดหาหนทาง เกรงว่าเจ้าจะต้องร่วงหล่นสู่ดินแดนสุญญตาจริงๆ”“หลังจากข้าช่วยชุบชีวิตให้เจ้าได้แล้ว ข้าจะอธิบายให้เจ้าฟังอย่างดี”กล่าวจบ เขาก็สร้างมุทราร่ายคาถาคิดจะพาตัวข้ากลับไป“เทพอี้เฉินช่างยิ่งใหญ่คับฟ้าเสียจริง แม้แต่คนของข้าก็กล้าแตะต้อง”แสงสีทองสายหนึ่งปรากฏออกมา ทำลายเคล็ดวิชาของอี้เฉินจนสิ้นจากนั้นพันธนาการบนร่างข้าก็ถูกคลายออก แสงสีทองกระแสหนึ่งไหลเข้าสู่หน้าผาก ก่อนข้าจะตกลงสู่อ้อมกอดแสนอบอุ่น“ชิงอู๋ ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าห้ามซุกซนไปทั่ว?”มหาเทพตี้ซื่อเอ่ยเสียงเนิบช้า แต่กลับแฝงจิตสังหารเขาโอบกอดข้าไว้ ขณะที่มองกดต่ำอี้เฉินด้วยความหยิ่งยโสใบหน้าของอี้เฉินมืดครึ้มเล็กน้อย แต่ก็ยังทำความเคารพตามธรรมเนียมเขารู้ว่ามหาเทพตี้ซื่อเคยเป็นคู่หมั้นของข้า การพูดการจาของเขายามนี้จึงแฝงความยั่วยุเอาไว้ไม่น้อย“ท
ข้าถูกมหาเทพตี้ซื่อพากลับเขาคุนหลุนเขาจ้องหน้าข้าด้วยสีหน้าอึมครึม ข้าถูกเขาจ้องจนรู้สึกใจแป้ว ทำได้เพียงหมุนตัวไปนั่งเล่นปลาคาร์ปในสระบัวข้างๆเนิ่นนาน เขาก็ถอนหายใจออกมา“ไม่ใช่ว่าข้าอยากจำกัดอิสรภาพของเจ้า แต่เจ้าในตอนนี้ต้องใช้พลังวิญญาณในเขาคุนหลุนมาบำรุงรักษา มิฉะนั้นเศษเสี้ยวจิตวิญญาณสุดท้ายของเจ้าจะสลายเอาได้”ข้ารู้อยู่แล้วล่ะว่าเขาทำเพื่อข้า วันนี้ข้าเป็นคนที่มองผิดเองข้าหันหน้ากลับไปแล้วเอ่ยขอโทษอย่างจริงจัง“ข้าสำนึกผิดแล้ว”สีหน้าของมหาเทพตี้ซื่ออ่อนโยนลงในพริบตา เขาโบกมือเบาๆ ดอกบัวที่อยู่ในสระก็ค่อยๆ ผลิบานออกมา โดยมีแสงสีทองอ่อนๆ โอบล้อม เป็นภาพที่ดูงดงามมากแม้แต่ปลาคาร์ปที่อยู่ในสระยังดูสดใสมีชีวิตชีวาเลยมหาเทพตี้ซื่อยืนประกบด้านหลังข้า กระซิบเบาๆ ว่า“ข้าไม่โทษเจ้า...”“ข้าผิดเอง”ที่ไม่ได้อยู่ข้างกายคอยปกป้องเจ้าให้ดีสมาธิของข้าจดจ่ออยู่ที่ปลาคาร์ปหมดแล้ว เลยไม่ได้ยินสิ่งที่มหาเทพตี้ซื่อพูดเพียงรู้สึกว่าพลังวิญญาณในร่างกายย้อนกลับมาอีกแล้ว ทำให้รู้สึกผ่อนคลายไปทั้งตัวหลังจากนั้นไม่กี่วัน ข้าก็พักอยู่ในเขาคุนหลุนอย่างสงบเสงี่ยมข้าถูกมหาเทพตี้ซื
ตำหนักเหยาฉือชิงเหยาร้องไห้จนน้ำตานองหน้าทุกวันเพราะการจากไปของอี้เฉินแม้แต่ดอกท้อที่เคยบานสะพรั่งก็เหี่ยวเฉาข้าถือกระบี่ปีกหงส์เพลิง ย่างสามขุมเข้าไปในตำหนักบรรทมของชิงเหยานางกำนัลในตำหนักตลอดเส้นทางที่ผ่านมา ล้วนถูกบารมีของข้ากดข่มจนไม่กล้าขยับ พวกเขาหันมองหน้ากันโดยไม่ส่งเสียงอะไรข้าโบกมือหนึ่งครา พิณโบราณที่อยู่ในลานกว้างก็หักเป็นสองท่อนและร่วงตกสู่พื้นทันทีชิงเหยาได้ยินเสียงดังก็คิดว่าอี้เฉินกลับมา นางรีบเช็ดน้ำตาแล้ววิ่งออกมาจากตำหนักบรรทมแต่พอเห็นข้า สีหน้าของนางก็หม่นหมองลงทันที“ทำไมถึงเป็นเจ้าล่ะ?”“เจ้ามันแพศยา! ข้าคิดแล้วเชียวว่าเจ้าจะต้องไม่เป็นอะไร แต่เจ้ากลับเสแสร้งทำเหมือนจะเป็นจะตาย จนอี้เฉินปวดใจทนไม่ไหว บีบบังคับให้เขาทอดทิ้งข้า!”ข้ายืนสงบนิ่งอยู่ที่เดิมจู่ๆ ก็รู้สึกว่าตัวเองน่าสมเพชขึ้นมาข้าเป็นถึงองค์หญิงของเผ่าหงส์เพลิง กลับถูกสตรีโง่เขลาเช่นนี้ทำร้ายซ้ำๆ กลายเป็นลูกนกในกำมือของนางข้านั่งลงบนตั่งตัวยาวในลานกว้างของนาง ยื่นมือออกไปหยอกเย้าดอกไอริสที่นางปลูกด้วยตัวเองก่อนจะออกแรงที่ปลายนิ้ว ฉีกกลีบดอกจนขาดสะบั้น ข้าแหงนหน้าขึ้นแล้วเอ่ยอย่าง
ชิงเหยาหันกลับไปอย่างทันควัน พบกับอี้เฉินที่เหมือนคนไร้วิญญาณนางตกใจจนกรีดร้องสุดเสียง น้ำตาไหลพรากออกมา นางแทบจะคลานไปคุกเข่าแทบเท้าของอี้เฉิน สองมือสั่นเทาลูบไล้ใบหน้าของเขา“อี้เฉิน เจ้า ทำไมเจ้าถึงเป็นแบบนี้ล่ะ?”ข้าที่อยู่ข้างหลังจึงเอ่ยเตือนความจำนาง“ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือ? เขาสละตบะทั้งหมดเพื่อชดเชยให้ข้า ตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับคนธรรมดาแล้ว”ชิงเหยาตกตะลึงจนตาค้าง แววตานางเต็มไปด้วยความเจ็บปวด นางผลักอี้เฉินจนล้มลงกับพื้นแล้วกระเสือกกระสนลุกขึ้นยืน“เจ้ารักนางมากขนาดนี้เลยหรือ! เพื่อนางแล้ว เจ้ายอมเสียสละพลังตบะนับหมื่นปีจนหมดสิ้น!”“อี้เฉิน เจ้าทำแบบนี้ไม่รู้สึกผิดต่อข้าบ้างหรือไง! เจ้าไม่สงสารข้าบ้างหรือ!”ชิงเหยาคว้าคอเสื้อของอี้เฉินขึ้นมาแล้วเขย่าร่างเขาอย่างแรงทว่าร่างของคนธรรมดา จะทนรับการกระทำที่รุนแรงของเทพเซียนได้อย่างไรอี้เฉินตกลงพื้นเหมือนเศษผ้าเก่าๆ กระอักเลือดออกมาคำโต“อี้เฉิน! เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม!”ชิงเหยาคุกเข่าแล้วคลานไปหาเขา ร้องไห้ปานใจจะขาด“ข้าไม่ได้ตั้งใจ อี้เฉิน ข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนี้...”ทว่าอี้เฉินกลับไม่ชายตามองนางแม้แต่นิดเดียวเขากำลั
ชิงเหยาหันกลับไปอย่างทันควัน พบกับอี้เฉินที่เหมือนคนไร้วิญญาณนางตกใจจนกรีดร้องสุดเสียง น้ำตาไหลพรากออกมา นางแทบจะคลานไปคุกเข่าแทบเท้าของอี้เฉิน สองมือสั่นเทาลูบไล้ใบหน้าของเขา“อี้เฉิน เจ้า ทำไมเจ้าถึงเป็นแบบนี้ล่ะ?”ข้าที่อยู่ข้างหลังจึงเอ่ยเตือนความจำนาง“ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือ? เขาสละตบะทั้งหมดเพื่อชดเชยให้ข้า ตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับคนธรรมดาแล้ว”ชิงเหยาตกตะลึงจนตาค้าง แววตานางเต็มไปด้วยความเจ็บปวด นางผลักอี้เฉินจนล้มลงกับพื้นแล้วกระเสือกกระสนลุกขึ้นยืน“เจ้ารักนางมากขนาดนี้เลยหรือ! เพื่อนางแล้ว เจ้ายอมเสียสละพลังตบะนับหมื่นปีจนหมดสิ้น!”“อี้เฉิน เจ้าทำแบบนี้ไม่รู้สึกผิดต่อข้าบ้างหรือไง! เจ้าไม่สงสารข้าบ้างหรือ!”ชิงเหยาคว้าคอเสื้อของอี้เฉินขึ้นมาแล้วเขย่าร่างเขาอย่างแรงทว่าร่างของคนธรรมดา จะทนรับการกระทำที่รุนแรงของเทพเซียนได้อย่างไรอี้เฉินตกลงพื้นเหมือนเศษผ้าเก่าๆ กระอักเลือดออกมาคำโต“อี้เฉิน! เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม!”ชิงเหยาคุกเข่าแล้วคลานไปหาเขา ร้องไห้ปานใจจะขาด“ข้าไม่ได้ตั้งใจ อี้เฉิน ข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนี้...”ทว่าอี้เฉินกลับไม่ชายตามองนางแม้แต่นิดเดียวเขากำลั
ตำหนักเหยาฉือชิงเหยาร้องไห้จนน้ำตานองหน้าทุกวันเพราะการจากไปของอี้เฉินแม้แต่ดอกท้อที่เคยบานสะพรั่งก็เหี่ยวเฉาข้าถือกระบี่ปีกหงส์เพลิง ย่างสามขุมเข้าไปในตำหนักบรรทมของชิงเหยานางกำนัลในตำหนักตลอดเส้นทางที่ผ่านมา ล้วนถูกบารมีของข้ากดข่มจนไม่กล้าขยับ พวกเขาหันมองหน้ากันโดยไม่ส่งเสียงอะไรข้าโบกมือหนึ่งครา พิณโบราณที่อยู่ในลานกว้างก็หักเป็นสองท่อนและร่วงตกสู่พื้นทันทีชิงเหยาได้ยินเสียงดังก็คิดว่าอี้เฉินกลับมา นางรีบเช็ดน้ำตาแล้ววิ่งออกมาจากตำหนักบรรทมแต่พอเห็นข้า สีหน้าของนางก็หม่นหมองลงทันที“ทำไมถึงเป็นเจ้าล่ะ?”“เจ้ามันแพศยา! ข้าคิดแล้วเชียวว่าเจ้าจะต้องไม่เป็นอะไร แต่เจ้ากลับเสแสร้งทำเหมือนจะเป็นจะตาย จนอี้เฉินปวดใจทนไม่ไหว บีบบังคับให้เขาทอดทิ้งข้า!”ข้ายืนสงบนิ่งอยู่ที่เดิมจู่ๆ ก็รู้สึกว่าตัวเองน่าสมเพชขึ้นมาข้าเป็นถึงองค์หญิงของเผ่าหงส์เพลิง กลับถูกสตรีโง่เขลาเช่นนี้ทำร้ายซ้ำๆ กลายเป็นลูกนกในกำมือของนางข้านั่งลงบนตั่งตัวยาวในลานกว้างของนาง ยื่นมือออกไปหยอกเย้าดอกไอริสที่นางปลูกด้วยตัวเองก่อนจะออกแรงที่ปลายนิ้ว ฉีกกลีบดอกจนขาดสะบั้น ข้าแหงนหน้าขึ้นแล้วเอ่ยอย่าง
ข้าถูกมหาเทพตี้ซื่อพากลับเขาคุนหลุนเขาจ้องหน้าข้าด้วยสีหน้าอึมครึม ข้าถูกเขาจ้องจนรู้สึกใจแป้ว ทำได้เพียงหมุนตัวไปนั่งเล่นปลาคาร์ปในสระบัวข้างๆเนิ่นนาน เขาก็ถอนหายใจออกมา“ไม่ใช่ว่าข้าอยากจำกัดอิสรภาพของเจ้า แต่เจ้าในตอนนี้ต้องใช้พลังวิญญาณในเขาคุนหลุนมาบำรุงรักษา มิฉะนั้นเศษเสี้ยวจิตวิญญาณสุดท้ายของเจ้าจะสลายเอาได้”ข้ารู้อยู่แล้วล่ะว่าเขาทำเพื่อข้า วันนี้ข้าเป็นคนที่มองผิดเองข้าหันหน้ากลับไปแล้วเอ่ยขอโทษอย่างจริงจัง“ข้าสำนึกผิดแล้ว”สีหน้าของมหาเทพตี้ซื่ออ่อนโยนลงในพริบตา เขาโบกมือเบาๆ ดอกบัวที่อยู่ในสระก็ค่อยๆ ผลิบานออกมา โดยมีแสงสีทองอ่อนๆ โอบล้อม เป็นภาพที่ดูงดงามมากแม้แต่ปลาคาร์ปที่อยู่ในสระยังดูสดใสมีชีวิตชีวาเลยมหาเทพตี้ซื่อยืนประกบด้านหลังข้า กระซิบเบาๆ ว่า“ข้าไม่โทษเจ้า...”“ข้าผิดเอง”ที่ไม่ได้อยู่ข้างกายคอยปกป้องเจ้าให้ดีสมาธิของข้าจดจ่ออยู่ที่ปลาคาร์ปหมดแล้ว เลยไม่ได้ยินสิ่งที่มหาเทพตี้ซื่อพูดเพียงรู้สึกว่าพลังวิญญาณในร่างกายย้อนกลับมาอีกแล้ว ทำให้รู้สึกผ่อนคลายไปทั้งตัวหลังจากนั้นไม่กี่วัน ข้าก็พักอยู่ในเขาคุนหลุนอย่างสงบเสงี่ยมข้าถูกมหาเทพตี้ซื
ข้าไม่อยากคุยกับเขาอีกตอนที่ข้าคิดจะหันหลังกลับ ก็พบว่าร่างกายของตัวเองถูกโซ่พันธนาการวิญญาณคล้องไว้ ทำให้ข้าไม่อาจขยับตัวได้“ชิงอู๋ ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาโกรธเคืองข้านะ จิตวิญญาณเจ้ากระจัดกระจายหมดแล้ว เหลือแค่เศษเสี้ยวดวงจิตที่ยังทำให้มีชีวิตอยู่ต่อไป หากยังไม่คิดหาหนทาง เกรงว่าเจ้าจะต้องร่วงหล่นสู่ดินแดนสุญญตาจริงๆ”“หลังจากข้าช่วยชุบชีวิตให้เจ้าได้แล้ว ข้าจะอธิบายให้เจ้าฟังอย่างดี”กล่าวจบ เขาก็สร้างมุทราร่ายคาถาคิดจะพาตัวข้ากลับไป“เทพอี้เฉินช่างยิ่งใหญ่คับฟ้าเสียจริง แม้แต่คนของข้าก็กล้าแตะต้อง”แสงสีทองสายหนึ่งปรากฏออกมา ทำลายเคล็ดวิชาของอี้เฉินจนสิ้นจากนั้นพันธนาการบนร่างข้าก็ถูกคลายออก แสงสีทองกระแสหนึ่งไหลเข้าสู่หน้าผาก ก่อนข้าจะตกลงสู่อ้อมกอดแสนอบอุ่น“ชิงอู๋ ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าห้ามซุกซนไปทั่ว?”มหาเทพตี้ซื่อเอ่ยเสียงเนิบช้า แต่กลับแฝงจิตสังหารเขาโอบกอดข้าไว้ ขณะที่มองกดต่ำอี้เฉินด้วยความหยิ่งยโสใบหน้าของอี้เฉินมืดครึ้มเล็กน้อย แต่ก็ยังทำความเคารพตามธรรมเนียมเขารู้ว่ามหาเทพตี้ซื่อเคยเป็นคู่หมั้นของข้า การพูดการจาของเขายามนี้จึงแฝงความยั่วยุเอาไว้ไม่น้อย“ท
มหาเทพตี้ซื่อพาข้าไปที่คุนหลุนเขาบอกว่าหกวิญญาณปราณจิตของข้ากระจัดกระจายไปในสี่สมุทรแปดดินแดนแล้ว ตามเก็บกลับมาได้ยากข้าต้องอยู่ที่เขาคุนหลุนเพื่อดูดซับพลังวิญญาณแห่งฟ้าดินที่นี่ แล้วค่อยหาวิธีสร้างกายเนื้อขึ้นใหม่ขณะเดียวกันเขาก็ช่วยรักษาแผลให้ข้า แต่มีเงื่อนไขหนึ่งอย่างนั่นคือการให้ข้าเป็นนางกำนัลรับใช้เขาเพราะขัดขืนไม่ได้ ข้าจึงต้องกัดฟันยอมรับเงื่อนไขเทพเซียนล้างแค้นหมื่นปีไม่สาย เมื่อไหร่ที่ข้าปลุกสายเลือดให้ตื่นได้ จะต้องท้าประลองกับมหาเทพตี้ซื่อสามวันสามคืน!ข้าพักอาศัยอยู่ในเขาคุนหลุนทุกวัน เริ่มรู้สึกได้ว่าพลังปราณในร่างกายคืนกลับมาไม่น้อยแล้ววันหนึ่งอากาศดีมาก ข้าเลยแอบหนีออกจากเขาคุนหลุน ได้ยินเซียนน้อยสองคนที่เข้ามาหาสมุนไพรวิเศษคุยกันว่า“เทพอี้เฉินคนนั้นเป็นบ้าไปแล้ว เขาออกตามหาภรรยาทั่วทุกพิภพทั้งสวรรค์นรก”“นั่นสิ ได้ยินว่าถึงขั้นไปขอร้องกับจักรพรรดิสวรรค์ แต่ก็ไม่มีอะไรคืบหน้า”“ไม่ใช่แค่นั้นนะ ข้ายังได้ยินมาอีกว่าเทพอี้เฉินคนนั้นใช้ตบะที่บำเพ็ญมาพันปีของตัวเอง แลกเปลี่ยนคันฉ่องเรียกวิญญาณมาจากเซียนเสวียนซวงด้วย...”ข้าชะงักไปเล็กน้อย อดรู้สึกขบขันไม
มหาเทพตี้ซื่อลงไปเผชิญด่านเคราะห์ในโลกมนุษย์เมื่อหนึ่งพันปีก่อนช่วงพันปีมานี้ ไม่เคยมีเทพเซียนคนไหนบนสวรรค์เก้าชั้นฟ้าพบเจอเขาเลยแล้วทำไมข้าถึงได้บังเอิญเจอเขาในเวลาแบบนี้ล่ะ?อาจเพราะอ่านความคิดในใจของข้าได้ มหาเทพตี้ซื่อจึงหัวเราะเบาๆ“ข้าเพิ่งกลับมาจากการผ่านด่านเคราะห์ ระหว่างทางผ่านแดนสุญญตาแล้วเห็นเจ้า เป็นเรื่องบังเอิญอย่างยิ่ง”ข้าพูดอะไรไม่ออกความจริงแล้ว ข้ากับมหาเทพตี้ซื่อเป็นคู่อริกันหมื่นปีก่อน ตอนที่ข้าถือกำเนิดขึ้นมา มหาเทพตี้ซื่อกำลังเก็บตัวบำเพ็ญอยู่พอดีเขาเลือกสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้เกาะอู๋ถงเดิมทีตบะของเขาควรจะรุดหน้าเพิ่มพูนอย่างรวดเร็ว แต่เพราะเสียงจักรพรรดิหงส์เพลิงของข้าดังก้องไปถึงสวรรค์เก้าชั้นฟ้า รบกวนความสงบเงียบและทำลายม่านพลัง ขัดขวางการบำเพ็ญเพียรของเขาหลังจากนั้นเป็นต้นมา มหาเทพตี้ซื่อก็ตามรังควานข้าไม่เลิกตอนที่เขาว่างๆ ไม่มีอะไรทำก็จะมาเที่ยวที่เผ่าหงส์เพลิง ทำเอาเผ่าหงส์เพลิงอกสั่นขวัญแขวนไปหมด กลัวว่าจะทำอะไรผิดพลาด จนไปล่วงเกินมหาเทพผู้ยิ่งใหญ่ที่เดาใจยากคนนี้เขายังชอบจับสัตว์เทพบรรพกาลมาปล่อยไว้ข้างเตียงข้าบ่อยๆ
ตำหนักเหยาฉืองดงามอลังการอย่างยิ่งประตูทางเข้าตำหนักมีม่านไข่มุกระย้า ไข่มุกแต่ละเม็ดที่ห้อยลงมาล้วนเป็นไข่มุกราตรีชั้นยอดข้าถึงได้เข้าใจ ไข่มุกราตรีที่อี้เฉินมอบให้ข้าเม็ดนั้น เป็นเพียงแค่ของที่ถูกชิงเหยาคัดทิ้งแล้วเท่านั้นน่าขันที่ข้าทะนุถนอมมันดุจสมบัติล้ำค่าชิงเหยาสวมอาภรณ์ปุยเมฆของรุ้งกินน้ำ ดวงหน้าเปล่งปลั่งสุกใส กำลังนั่งดีดพิณโบราณอยู่ใต้ระเบียงทางเดิน ไม่มีวี่แววของคนป่วยหนักใกล้ตายอย่างที่อี้เฉินบอกสักนิดส่วนอี้เฉินกำลังยืนกอดกระบี่พิงเสาระเบียง อาภรณ์สีขาวของเขาพลิ้วไหวเบาๆ สีหน้าแววตาเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม สายตาจดจ้องเพียงชิงเหยาสายลมเย็นกระจ่างพัดผ่านวูบหนึ่ง กลีบดอกท้อพลันร่วงหล่นช่างเป็นภาพของคู่รักที่งดงามเหลือเกิน รักใคร่กลมกลืนและเงียบสงบข้ามองจนเหม่อลอยเมื่อบทเพลงจบลง ชิงเหยาก็คลี่ยิ้มแล้วหันไปโผกอดอี้เฉิน“เป็นอย่างไรบ้าง? ไพเราะหรือไม่?”อี้เฉินลูบศีรษะของชิงเหยาแล้วกล่าวอย่างอ่อนโยน“พิณที่เจ้าดีด ต้องไพเราะอยู่แล้ว”ชิงเหยาดีใจที่ถูกเอาอกเอาใจ นางเขย่งปลายเท้าขึ้นจูบอี้เฉินแต่เขากลับผงะถอยหลังหลบโดยสัญชาตญาณ เอ่ยปากอย่างกระอักกระอ่วน“นับแต่
ในดวงตาของข้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและแตกสลาย แต่เขาเพียงแค่ถอนหายใจยาว พูดด้วยน้ำเสียงตำหนิ"ชิงอู๋ หงส์เพลิงอย่างพวกเจ้ามีจินตานสองลูก แม้เจ้าจะขาดไปหนึ่งลูกก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เจ้าก็รู้ว่าบุญคุณที่ชิงเหยาช่วยชีวิตข้าไว้สำคัญกับข้าแค่ไหน ข้าต้องไปช่วยนาง"“เชื่อฟังข้านะ เดี๋ยวข้าจะกลับมาอยู่เป็นเพื่อนเจ้าฉลองวันเกิด”ดาบโค้งจมลึกเข้าไปในอกของข้าทีละนิด ข้าเจ็บปวดจนต้องกรีดร้อง เสียงร้องโหยหวนของข้าก้องไปทั่วตำหนักอี้เฉินเก็บจินตานของข้าใส่ถุง แล้วจูบที่หน้าผากข้าอย่างแผ่วเบาน้ำตาไหลพรั่งพรูออกมาดั่งน้ำท่วม ข้าเจ็บปวดจนอยากตาย ราวกับถูกเฉือนเนื้อเถือหนังทั้งเป็นเมื่อรับรู้ถึงพลังวิญญาณในร่างกายที่ค่อยๆ สูญสลาย พลังวิญญาณที่เดิมพลุ่งพล่านก็พลันสงบนิ่งลงเสียงของข้าสั่นเครือ คิดจะบอกเรื่องที่เมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน ตนเองได้ใช้จินตานลูกหนึ่งช่วยชีวิตเขาให้ฟัง“นี่เป็นจินตานลูกสุดท้ายของข้า เจ้ารีบคืนมันให้ข้าเถอะนะ ไม่อย่างนั้นข้าจะต้องตายจริงๆ....”“เหลวไหล”อี้เฉินใช้ปากจูบปิดปากข้า น้ำตารินไหลออกจากดวงตาของข้า ผสมผสานรวมกับเลือดที่อกจนแยกไม่ออกเขาเอ่ยเสียงแหบพร่า กระซิบเบาๆ
ในวันเกิดของข้า อี้เฉินเสาะหาไข่มุกราตรีที่ส่องประกายงดงามที่สุด จากทะเลตะวันออกมาเป็นของขวัญให้ข้านี่เป็นครั้งแรกที่เขาอยู่ร่วมฉลองวันเกิดกับข้าตลอดเวลาที่ผ่านมาพอถึงวันเกิดข้า ชิงเหยาก็จะใช้ข้ออ้างว่าไม่สบายและเรียกตัวเขาไปตลอด ทิ้งข้าอยู่เพียงลำพังข้าประคองไข่มุกราตรีเม็ดนั้นขึ้นมาด้วยความยินดี ก่อนจะโผเข้ากอดอี้เฉินเขาประกบปากจุมพิตข้าอย่างร้อนแรง ระหว่างที่ริมฝีปากของเราประสานกัน มีโอสถเม็ดหนึ่งถูกดันเข้ามาในปากข้าจากนั้น ข้าก็รู้สึกร้อนผะผ่าวไปทั่วร่างกาย อ่อนแอไร้เรี่ยวแรง คลับคล้ายคลับคลาจะกลับสู่ร่างจริงตอนแรกข้าคิดว่านี่เป็นรสนิยมส่วนตัวของอี้เฉิน จึงปล่อยให้เขาอุ้มข้าไปที่เตียง แล้วโอบกอดข้าจากทางด้านหลัง“ทำไมสามีถึงรีบร้อนเพียงนี้ล่ะ ข้าไม่หนีไปไหนหรอก”อี้เฉินใช้คาถาถอดอาภรณ์บนร่างข้าออก ลมหายใจหนักหน่วงเป่ารดข้างใบหูของข้าข้าครางเสียงต่ำในลำคอ ยังไม่ทันจะได้จะได้ปล่อยกายปล่อยใจไปกับห้วงอารมณ์ มีดโค้งเล่มหนึ่งก็ปักลงบนอกของข้าบรรยากาศร้อนรุ่มภายในตำหนักบรรทมแปรเปลี่ยนเป็นหนาวเหน็บทันทีไอเหมันต์ขุมหนึ่งแผ่ออกมาจากด้านหลังของข้า มีดโค้งเล่มนั้นกดลึกเข้าไ