อันที่จริงเอื้องผึ้งเดินทางมาถึงเชียงใหม่ตั้งแต่เมื่อวาน แต่สาเหตุที่เพิ่งได้เจอหน้าเจ้าของไร่กาแฟสุดหล่อก็เพราะว่าเมื่อคืนราชิดไปงานเลี้ยง และต้องอยู่ดื่มสังสรรค์กับเพื่อนๆ จนดึกดื่น กว่าจะกลับมาถึงบ้านก็เที่ยงคืนกว่า เช้ามาจึงได้เจอกัน
“สวัสดีค่ะคุณลุง… ”
เอื้องผึ้งยกมือไหว้ชายร่างสูงใหญ่ด้วยอาการใจเต้นแรง แม้ว่าแพหนวดสีดำหนาเหนือริมฝีปากหยักจะทำให้ชายผู้นี้ดูดุ แต่เวลาเขายิ้มเท่านั้นแหละ
คุณพระ! ริมฝีปากสวยที่ขยับยกขึ้นเป็นรอยยิ้มของเขาราวจะลบล้างสีหม่นเทาเศร้าซึมของโลกใบนี้ได้ในพริบตา
ยิ้มของราชิดมีเสน่ห์เหลือเกิน มันช่างดูอบอุ่น อ่อนหวาน และในเวลาเดียวกันก็แฝงความเร่าร้อนอันประหลาดที่เอื้องผึ้งรู้สึกได้
ไม่รู้สิ… ไม่รู้ว่าทำไมหัวใจของเอื้องผึ้งจึงต้องเต้นแรงอย่างควบคุมไม่ได้ กับการได้เจอหน้าเขา
อาจเป็นเพราะใบหน้าของพ่อเพื่อนคนนี้ช่างหล่อเหลาสะดุดตาเหลือเกิน เสื้อกล้ามสีขาวสะอาดที่เขาสวมใส่ ทำให้มองเห็นผิวสีน้ำตาลเข้มสมชายชาตรีตัดกับเสื้อสีขาว ที่ต้นแขนมีเส้นขนสีดำแกคลุมไปทั่ว เส้นเลือดที่ปูดโปนขึ้นมาจากแขนและหลังมือยิ่งทำให้ราชิดดูเซ็กซี่ อีกทั้งเนื้อตัวก็กำยำไปด้วยมัดกล้าม
นี่กระมังแบบที่หล่อนเคยได้ยินประโยคหนึ่งจากเนื้อเพลงที่ร้องว่า ‘วงกล้ามแขนเป็นมัด… อุ๊ย! น่ากัดแขนเล่นเบาๆ’ หัวไหล่ของเขานูนแน่นไปด้วยมัดกล้าม และที่อกก็ยังมีเส้นขนสีดำเป็นแพแผ่กระจายเลยขึ้นมาจากคอเสื้อ
“สวัสดีจ้ะสาวน้อย… ”
ราชิดกล่าว เขาเองก็ตะลึงมองเอื้องผึ้งไม่ต่างกัน
แม้ว่าที่ผ่านๆ มาอรอนงค์ก็เคยพาเพื่อนสาวหลายคนมาเที่ยวที่ไร่กาแฟแห่งนี้บ่อยๆ แต่ราชิดก็ยังไม่เคยสะดุดตากับผู้หญิงคนไหนเหมือนอย่างที่ได้เจอกับเอื้องผึ้ง
“อุ๊ย… ตะลึงเชียวหรือยัยผึ้ง นี่ขนาดพ่อฉันแก่แล้วนะ นี่ถ้าแกเห็นรูปพ่อฉันตอนหนุ่มๆ แล้วละก็… เชื่อเลยว่าแกจะต้องละลายเพราะความหล่อของพ่อฉัน ตอนหนุ่มๆ อ่ะนะ… พ่อฉันหล่อวัวตายความล้มเชียวแหละแก”
อรอนงค์รีบอวดพ่อ
“เชื่อจ้ะ… ”
เอื้องผึ้งกล่าว ก็จะไม่เชื่อได้ยังไง เพราะว่าเท่าที่เห็นตัวจริงอยู่ต่อหน้าตรงนี้ ราชิดก็ดูหล่อมาก ออร่ายังกับดารา หล่อเหลาชนิดที่ว่าวันเวลาไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลย แม้ว่าอายุใกล้แตะเลขห้าแล้วก็ตาม
“แหม… สาวๆ เล่นชมกันต่อหน้าแบบนี้เดี๋ยวพ่อก็ตัวลอย”
ราชิดกล่าวอย่างมีอารมณ์ขัน
จากนั้นลูกสาวก็ถือโอกาสปรึกษาบิดาเกี่ยวกับเรื่องที่หล่อนตัดสินใจว่าจะไปฝึกงานในกรุงเทพฯ ด้วยอีกเพียงสัปดาห์ก็จะถึงช่วงเวลาฝึกงานที่จะเริ่มขึ้นในช่วงเทอมแรกของปีสี่
“ก็ตามใจหนู… ถ้าหนูอยากจะไปฝึกงานในกรุงเทพฯ พ่ออนุญาต”
ราชิดไม่ขัด ด้วยเขาเชื่อมั่นในการตัดสินใจของลูกสาวที่ตั้งใจจะไปฝึกงานกับบริษัททำธุรกิจเกี่ยวกับออกแบบตกแต่งภายในชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะว่าอรอนงค์สนใจเกี่ยวกับอินทีเรียดีไซน์มาตั้งแต่ตอนเรียนมัธยม ถ้าได้ฝึกงานกับบริษัทใหญ่ๆ ก็เหมือนกับได้ลงสนามจริง จะได้ประสบการณ์กลับมาไม่น้อย
“แล้วหนูผึ้งล่ะจ๊ะ… ไปฝึกงานที่ไหนจ๊ะ”
สายตาจับจ้องดวงหน้าสวย แอบมองเพื่อนของลูกสาวอย่างให้ความสนใจ
“ของผึ้งต้องฝึกงานเลขาค่ะ… กำลังอยู่ระหว่างตัดสินใจค่ะว่าจะไปกรุงเทพฯ ดีไหม… แต่ถ้าจะต้องไปฝึกงานที่กรุงเทพฯ ผึ้งก็ห่วงยายที่จะต้องอยู่คนเดียว”
หญิงสาวกล่าว บอกถึงสาเหตุที่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะไปฝึกงานที่ไหน
“ตอนนี้หนูอยู่กับยายหรือจ๊ะ”
ราชิดถามด้วยความสนใจ
แต่คนที่ชิงตอบคำถามของเขากลับเป็นลูกสาว
“ใช่ค่ะคุณพ่อ… ทุกวันนี้ผึ้งอยู่กับยายค่ะ”
อรอนงค์เล่าให้บิดาฟังว่าเอื้องผึ้งมียายชราที่ต้องดูแล ด้วยพ่อแม่ของหล่อนเสียชีวิตไปพร้อมกันด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อห้าปีก่อน
ในระหว่างเรียนอยู่ที่เชียงใหม่ เอื้องผึ้งต้องกลับบ้านทุกวันศุกร์เพื่อไปดูแลยายที่ต้องฝากไว้ให้ป้าข้างบ้านอีกคนให้ช่วยดูแล ยังดีที่ลำปางกับเชียงใหม่ไม่ไกลกันนัก
“ถ้าไม่อยากไปฝึกงานไกลๆ… งั้นหนูฝึกงานกับลุงไหมจ๊ะ”
ราชิดเอ่ยชวน เพราะเขามีบริษัทส่งออกกาแฟ มีออฟฟิศอยู่ในเชียงใหม่
เอื้องผึ้งตกใจ! ราวกับว่าราชิดสามารถล่วงรู้เข้ามาในความคิดของหล่อน
“จริงด้วย… งั้นแกฝึกงานกับคุณพ่อนะ เป็นเลขาให้คุณพ่อฉัน แกจะได้ไม่ต้องเดินทางไกล และวันหยุดก็กลับลำปางไปดูแลยายได้ตามปกติ”
อรอนงค์เห็นด้วยกับความคิดของบิดา รีบเชียร์เพื่อนสาวอย่างออกนอกหน้า
“ดีเหมือนกัน… ขอบคุณมากค่ะคุณลุง”
หญิงสาวยกมือไหว้ รู้สึกดีใจที่จะได้ฝึกงานกับพ่อเพื่อนสุดหล่อที่ทำให้หัวใจของเอื้องผึ้งสั่นไหวตั้งแต่
วินาทีแรกที่ได้สบตา โดยหารู้ไม่ว่านี่คือ ‘ลิขิต’ แห่งชะตาสวาทที่กำลังดึงดูดให้ ‘สาวน้อย’ กับ ‘หนุ่มใหญ่’ เจ้าของไร่กาแฟได้โคจรมาพบกันอีกสองสัปดาห์ต่อมาเอื้องผึ้งได้มาฝึกงานที่ไร่กาแฟของราชิดตามความตั้งใจ ขณะที่อรอนงค์ไปฝึกงานที่กรุงเทพฯ ตามสายงานที่ทั้งสองร่ำเรียนมาต่างกัน“ผึ้ง… เป็นไงบ้างวะ”ตอนเช้าวันศุกร์ อรอนงค์กรอกเสียงมาจากต้นสาย โทรมาจากบริษัทฝึกงานที่กรุงเทพฯ“โอเคมากจ้ะเพื่อน… แล้วแกล่ะอรเป็นไงบ้างเจ้านายดุไหม”เอื้องผึ้งกรอกเสียงกลับไปหาเพื่อนสาว“เจ้านายใจดีว่ะ… ไม่ดุ เรื่องงานไม่มีปัญหา… แต่แม่งรถติดฉิบ… ”อรอนงค์บ่นอุบ ตอนนี้ได้รู้แล้วว่าการที่ต้องมาใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพฯ ทำให้หล่อนคิดถึงเชียงใหม่เหลือเกิน“นี่แหละที่ฉันสองจิตสองใจที่จะไปกรุงเทพฯ”เอื้องผึ้งว่า“แล้วแกล่ะ… ป๋าบอสของฉันดุไหมวะ”อรอนงค์ถามถึงบิดาของตน“คุณลุงใจดีมาก… น่ารัก”เอื้องผึ้งตอบ“นั่นแน่ะ… พูดแบบนี้แสดงว่าแกหลงรักพ่อฉันเข้าแล้วสินะ”คำพูดที่ได้ยินทำเอาเอื้องผึ้งเขิน ถึงกับไปไม่เป็นกันเลยทีเดียว“แล้วนี่ป๋าบอสมาหรือยัง”อรอนงค์ถาม“โน่นแนะ… พูดถึงก็มาพอดี”เอื้องผึ้งตอบพลางเหลือบมองออกไปยังหน้าต
เอื้องผึ้งอุทานในใจ เมื่อกายหนาของบอสแนบชิดเข้ามาทางด้านหลัง และกลิ่นโคโลญจน์อ่อนๆ จากร่างกายของเขาทำเอาหล่อนถึงกับมือสั่น กาแฟหกออกมานอกถ้วย“ว้าย… ”หญิงสาวอุทาน!ทำให้ราชิดต้องรีบขยับออกมา คลายกอดจากเอวคอดเหมือนรู้ว่าเป็นความผิดของเขาที่ทำให้หญิงหล่อนมือสั่นราชิดรีบคว้าทิชชู่มาเช็ดกาแฟที่หก“หนูผึ้งจ๋า… ลุงขอถามอะไรหน่อยได้ไหม”ราชิดเริ่มเปิดประเด็นที่ตัวเองครุ่นคิดมาตลอดสัปดาห์ “คุณลุงอยากถามอะไรคะ”“หนูมีแฟนหรือยังจ๊ะ… อยู่มหาลัยมีหนุ่มๆ มาจีบบ้างไหมจ๊ะ”โคแก่ลองโยนหินถามทาง ก็หญ้าอ่อนตรงหน้านี้เสน่ห์แรงนัก“ก็มีหนุ่มๆ มาจีบเยอะค่ะ… แต่หนูไม่สนใจใคร ช่วงนี้ขอโฟกัสไปที่เรื่องเรียนอย่างเดียวค่ะ”หญิงสาวตอบ คนที่รอฟังคำตอบแอบยิ้มดีใจ“มีหนุ่มๆ มาจีบแต่หนูไม่ชอบ… แล้วถ้าคนแก่อย่างลุงจะขอจีบบ้างล่ะ… อิอิ… พอจะมีหวังไหมเอ่ย”ทั้งสุ้มเสียง รอยยิ้ม และสีหน้ากรุ้มกริ่มของราชิดไม่ได้บอกว่าเขาพูดเล่น“คุณลุงอ่ะ… แกล้งพูดเล่นอีกแล้ว”หญิงสาวว่า แต่ประโยคที่ได้ยินก็ทำเอาหล่อนใจเต้น ไม่รู้ว่าทำไมจึงต้องหวั่นไหวกับคำพูดของราชิด “แล้วหนูมีผู้ชายในสเปคไหมจ๊ะ”“มีค่ะ… หนูชอบผู้ใหญ่ค่ะ อบอุ่นดี”
เวลาราวๆ สี่ทุ่มครึ่ง เอื้องผึ้งที่นอนอยู่บนเตียง ทอดสายตามายังโซฟาหนังสีเทาตรงมุมห้อง มีร่างกำยำของราชิดนอนเหยียดยาวอยู่บนโซฟา ด้วยส่วนสูงที่เกินร้อยแปดสิบเซนติเมตรและโครงร่างใหญ่มาก ทำให้ปลายเท้าของราชิดเลยออกมาจากปลายโซฟา“คุณลุงคะ… ถ้านอนไม่สบายก็ขึ้นมานอนบนเตียงด้วยกันเถอะนะคะ”เอื้องผึ้งรู้สึกสงสาร“เอ่อ… มันจะดีหรือจ๊ะหนู”ราชิดใจเต้นแรงกับคำชวนของหล่อน“ไม่เป็นไรค่ะ… เดี๋ยวหนูเอาหมอนกั้นกลางไว้”เอื้องผึ้งกล่าวพลางคว้าหมอนสีขาวใบใหญ่มาวางไว้กลางเตียง ก่อนที่ราชิดจะขยับขึ้นมานอนบนเตียง เคียงคู่กับหล่อนที่นอนอยู่คนละฟากเวลาผ่านไปครู่ใหญ่ๆเสียงพลิกกายเบาๆ ของหญิงสาวทำให้ราชิดรู้ว่าหล่อนยังไม่หลับ และเขาเองก็ยังไม่หลับ“นอนไม่หลับหรือจ๊ะหนู… ”ราชิดถาม“ค่ะ… สงสัยว่าจะแปลกที่น่ะค่ะ แล้วคืนนี้อากาศก็หนาวมาก… หนูรู้สึกหนาวมากค่ะ”หญิงสาวบอกไปตามที่รู้สึก ราชิดชันศอกลุกขึ้นนั่ง เอาผ้าห่มของตัวเองมาห่มให้หญิงสาวอีกผืน ไม่แปลกที่คืนนี้อากาศหนาวมาก เพราะว่าเป็นช่วงที่อุณหภูมิพีคสุดของฤดู “อุ่นขึ้นไหมจ๊ะ… ”“ค่ะ… ว่าแต่คุณลุงเอาผ้าห่มมาให้หนูแบบนี้คุณลุงก็หนาวแย่สิคะ”“ก็นิดหน่อยจ้ะ…
“กลัวค่ะ… แต่ของคุณลุงใหญ่ขนาดนี้หนูคงไม่ไหว… กลัวฉีกค่ะ… หนูนึกไม่ออกว่ามันจะเข้าไปได้ยังไง”ด้วยยังไม่เคยโดนเปิดบริสุทธิ์มาก่อน เอื้องผึ้งเอ่ยออกมาอย่างไร้เดียงสา ประโยคที่ได้ยินยิ่งทำให้หนุ่มใหญ่รู้สึกตื่นเต้น“ลุงขอถามตรงๆ นะ… หนูเคยใช้นิ้วช่วยตัวเองใช่ไหมจ๊ะ”“เคยค่ะ… ”“แล้วชอบไหม… เสียวไหมจ๊ะ ลุงหมายถึงการใช้นิ้วสอดใส่”“ก็เสียวค่ะ… ”ถามอะไรเนี่ย… แต่ก็ตอบ“งั้นถ้าลองของจริงหนูจะเสียวกว่าใช้นิ้วเป็นร้อยเท่า… จะรู้สึกฝืดแน่นกว่า ลองนะจ๊ะ”ราชิดพยายามหว่านล้อม“กลัวค่ะ… ”เพียงแค่ได้ยินที่เขาพูด… หญิงสาวก็หนีบหน้าขาแน่น“กลัวหรือจ๊ะ”“ค่ะ… กลัว… ไม่รู้สิ… มันน่ากลัวเหมือนกันนะคะ เมื่อต้องมีสิ่งแปลกปลอมสอดใส่เข้ามาในร่างกาย”“แต่มันคือสิ่งแปลกปลอมที่ธรรมชาติได้สรรค์สร้างให้มาคู่กัน… ”ราชิดยังไม่ละความพยายาม“ไม่ต้องกลัวนะคะ… เดี๋ยวลุงจะทำเบาๆ ที่สุด ลุงจะสอนทุกอย่างที่ผู้หญิงกับผู้ชายเขาทำกัน”ราชิดขยับลุกขึ้นนั่ง จัดท่าทางให้สาวน้อยขยับมาเอนหลังในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนพิงหมอนสองใบที่วางซ้อนกันไว้ตรงพนักหัวเตียง“ถอดเสื้อออกนะคะ”มือใหญ่ของราชิดค่อยๆ เอื้อมมาเลิกชายเสื้อยืดสีชมพูของ
นิยายเซตนี้ประกอบด้วย หลงสวาทพ่อเพื่อน และผัวเก่าทะลวงกามนวนิยายสำหรับผู้ใหญ่เท่านั้นผู้เขียน กาสะลองไม่อนุญาตให้สแกนหนังสือหรือคัดลอกเนื้อหาส่วนใดส่วนหนึ่งของหนังสือเว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของหนังสือเท่านั้นนิยายเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องที่สมมติขึ้นไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องจริงแต่อย่างใด ชื่อบุคคลและสถานที่ที่ปรากฏในเนื้อเรื่อง ไม่มีเจตนาอ้างอิงหรือก่อให้เกิดความเสียหายใดๆ……….นิยายเรื่องนี้… ไม่มีแก่นสารสารัตถะอะไรนักหนาทั้งเรื่องขับเคลื่อนด้วยอารมณ์อันมืดดำของมนุษย์ดำเนินเรื่องด้วยตัณหาราคะสุดร้อนแรงท่านใดที่ไม่ชอบโปรดหลีกเลี่ยง*เราเตือนท่านแล้ว*‘เอื้องผึ้ง’ หล่อนเป็นเพียงเด็ก ‘ฝึกงาน’ ที่เข้ามาฝึกงานเพราะอยากได้ประสบการณ์แต่กลับโดน ‘ราชิด’ ผู้ชายวัยคราวพ่อสอนงานให้อย่างละเอียดในทุกกระบวนท่าของกามกามาที่เขาช่ำชองและชอบเป็นชีวิตจิตใจหญิงสาวไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าการเข้ามาฝึกงานกับผู้ชายเซ็กส์จัดคนนี้จะทำให้ชีวิตของหล่อนเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล . . . . . . . . . . . .“ขอลุงดูให้ชัดๆ นะจ๊ะ… ลุงอยากเห็นของดี ลุงอยากเห็นซูชิของหนูว
“กลัวค่ะ… แต่ของคุณลุงใหญ่ขนาดนี้หนูคงไม่ไหว… กลัวฉีกค่ะ… หนูนึกไม่ออกว่ามันจะเข้าไปได้ยังไง”ด้วยยังไม่เคยโดนเปิดบริสุทธิ์มาก่อน เอื้องผึ้งเอ่ยออกมาอย่างไร้เดียงสา ประโยคที่ได้ยินยิ่งทำให้หนุ่มใหญ่รู้สึกตื่นเต้น“ลุงขอถามตรงๆ นะ… หนูเคยใช้นิ้วช่วยตัวเองใช่ไหมจ๊ะ”“เคยค่ะ… ”“แล้วชอบไหม… เสียวไหมจ๊ะ ลุงหมายถึงการใช้นิ้วสอดใส่”“ก็เสียวค่ะ… ”ถามอะไรเนี่ย… แต่ก็ตอบ“งั้นถ้าลองของจริงหนูจะเสียวกว่าใช้นิ้วเป็นร้อยเท่า… จะรู้สึกฝืดแน่นกว่า ลองนะจ๊ะ”ราชิดพยายามหว่านล้อม“กลัวค่ะ… ”เพียงแค่ได้ยินที่เขาพูด… หญิงสาวก็หนีบหน้าขาแน่น“กลัวหรือจ๊ะ”“ค่ะ… กลัว… ไม่รู้สิ… มันน่ากลัวเหมือนกันนะคะ เมื่อต้องมีสิ่งแปลกปลอมสอดใส่เข้ามาในร่างกาย”“แต่มันคือสิ่งแปลกปลอมที่ธรรมชาติได้สรรค์สร้างให้มาคู่กัน… ”ราชิดยังไม่ละความพยายาม“ไม่ต้องกลัวนะคะ… เดี๋ยวลุงจะทำเบาๆ ที่สุด ลุงจะสอนทุกอย่างที่ผู้หญิงกับผู้ชายเขาทำกัน”ราชิดขยับลุกขึ้นนั่ง จัดท่าทางให้สาวน้อยขยับมาเอนหลังในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนพิงหมอนสองใบที่วางซ้อนกันไว้ตรงพนักหัวเตียง“ถอดเสื้อออกนะคะ”มือใหญ่ของราชิดค่อยๆ เอื้อมมาเลิกชายเสื้อยืดสีชมพูของ
เวลาราวๆ สี่ทุ่มครึ่ง เอื้องผึ้งที่นอนอยู่บนเตียง ทอดสายตามายังโซฟาหนังสีเทาตรงมุมห้อง มีร่างกำยำของราชิดนอนเหยียดยาวอยู่บนโซฟา ด้วยส่วนสูงที่เกินร้อยแปดสิบเซนติเมตรและโครงร่างใหญ่มาก ทำให้ปลายเท้าของราชิดเลยออกมาจากปลายโซฟา“คุณลุงคะ… ถ้านอนไม่สบายก็ขึ้นมานอนบนเตียงด้วยกันเถอะนะคะ”เอื้องผึ้งรู้สึกสงสาร“เอ่อ… มันจะดีหรือจ๊ะหนู”ราชิดใจเต้นแรงกับคำชวนของหล่อน“ไม่เป็นไรค่ะ… เดี๋ยวหนูเอาหมอนกั้นกลางไว้”เอื้องผึ้งกล่าวพลางคว้าหมอนสีขาวใบใหญ่มาวางไว้กลางเตียง ก่อนที่ราชิดจะขยับขึ้นมานอนบนเตียง เคียงคู่กับหล่อนที่นอนอยู่คนละฟากเวลาผ่านไปครู่ใหญ่ๆเสียงพลิกกายเบาๆ ของหญิงสาวทำให้ราชิดรู้ว่าหล่อนยังไม่หลับ และเขาเองก็ยังไม่หลับ“นอนไม่หลับหรือจ๊ะหนู… ”ราชิดถาม“ค่ะ… สงสัยว่าจะแปลกที่น่ะค่ะ แล้วคืนนี้อากาศก็หนาวมาก… หนูรู้สึกหนาวมากค่ะ”หญิงสาวบอกไปตามที่รู้สึก ราชิดชันศอกลุกขึ้นนั่ง เอาผ้าห่มของตัวเองมาห่มให้หญิงสาวอีกผืน ไม่แปลกที่คืนนี้อากาศหนาวมาก เพราะว่าเป็นช่วงที่อุณหภูมิพีคสุดของฤดู “อุ่นขึ้นไหมจ๊ะ… ”“ค่ะ… ว่าแต่คุณลุงเอาผ้าห่มมาให้หนูแบบนี้คุณลุงก็หนาวแย่สิคะ”“ก็นิดหน่อยจ้ะ…
เอื้องผึ้งอุทานในใจ เมื่อกายหนาของบอสแนบชิดเข้ามาทางด้านหลัง และกลิ่นโคโลญจน์อ่อนๆ จากร่างกายของเขาทำเอาหล่อนถึงกับมือสั่น กาแฟหกออกมานอกถ้วย“ว้าย… ”หญิงสาวอุทาน!ทำให้ราชิดต้องรีบขยับออกมา คลายกอดจากเอวคอดเหมือนรู้ว่าเป็นความผิดของเขาที่ทำให้หญิงหล่อนมือสั่นราชิดรีบคว้าทิชชู่มาเช็ดกาแฟที่หก“หนูผึ้งจ๋า… ลุงขอถามอะไรหน่อยได้ไหม”ราชิดเริ่มเปิดประเด็นที่ตัวเองครุ่นคิดมาตลอดสัปดาห์ “คุณลุงอยากถามอะไรคะ”“หนูมีแฟนหรือยังจ๊ะ… อยู่มหาลัยมีหนุ่มๆ มาจีบบ้างไหมจ๊ะ”โคแก่ลองโยนหินถามทาง ก็หญ้าอ่อนตรงหน้านี้เสน่ห์แรงนัก“ก็มีหนุ่มๆ มาจีบเยอะค่ะ… แต่หนูไม่สนใจใคร ช่วงนี้ขอโฟกัสไปที่เรื่องเรียนอย่างเดียวค่ะ”หญิงสาวตอบ คนที่รอฟังคำตอบแอบยิ้มดีใจ“มีหนุ่มๆ มาจีบแต่หนูไม่ชอบ… แล้วถ้าคนแก่อย่างลุงจะขอจีบบ้างล่ะ… อิอิ… พอจะมีหวังไหมเอ่ย”ทั้งสุ้มเสียง รอยยิ้ม และสีหน้ากรุ้มกริ่มของราชิดไม่ได้บอกว่าเขาพูดเล่น“คุณลุงอ่ะ… แกล้งพูดเล่นอีกแล้ว”หญิงสาวว่า แต่ประโยคที่ได้ยินก็ทำเอาหล่อนใจเต้น ไม่รู้ว่าทำไมจึงต้องหวั่นไหวกับคำพูดของราชิด “แล้วหนูมีผู้ชายในสเปคไหมจ๊ะ”“มีค่ะ… หนูชอบผู้ใหญ่ค่ะ อบอุ่นดี”
วินาทีแรกที่ได้สบตา โดยหารู้ไม่ว่านี่คือ ‘ลิขิต’ แห่งชะตาสวาทที่กำลังดึงดูดให้ ‘สาวน้อย’ กับ ‘หนุ่มใหญ่’ เจ้าของไร่กาแฟได้โคจรมาพบกันอีกสองสัปดาห์ต่อมาเอื้องผึ้งได้มาฝึกงานที่ไร่กาแฟของราชิดตามความตั้งใจ ขณะที่อรอนงค์ไปฝึกงานที่กรุงเทพฯ ตามสายงานที่ทั้งสองร่ำเรียนมาต่างกัน“ผึ้ง… เป็นไงบ้างวะ”ตอนเช้าวันศุกร์ อรอนงค์กรอกเสียงมาจากต้นสาย โทรมาจากบริษัทฝึกงานที่กรุงเทพฯ“โอเคมากจ้ะเพื่อน… แล้วแกล่ะอรเป็นไงบ้างเจ้านายดุไหม”เอื้องผึ้งกรอกเสียงกลับไปหาเพื่อนสาว“เจ้านายใจดีว่ะ… ไม่ดุ เรื่องงานไม่มีปัญหา… แต่แม่งรถติดฉิบ… ”อรอนงค์บ่นอุบ ตอนนี้ได้รู้แล้วว่าการที่ต้องมาใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพฯ ทำให้หล่อนคิดถึงเชียงใหม่เหลือเกิน“นี่แหละที่ฉันสองจิตสองใจที่จะไปกรุงเทพฯ”เอื้องผึ้งว่า“แล้วแกล่ะ… ป๋าบอสของฉันดุไหมวะ”อรอนงค์ถามถึงบิดาของตน“คุณลุงใจดีมาก… น่ารัก”เอื้องผึ้งตอบ“นั่นแน่ะ… พูดแบบนี้แสดงว่าแกหลงรักพ่อฉันเข้าแล้วสินะ”คำพูดที่ได้ยินทำเอาเอื้องผึ้งเขิน ถึงกับไปไม่เป็นกันเลยทีเดียว“แล้วนี่ป๋าบอสมาหรือยัง”อรอนงค์ถาม“โน่นแนะ… พูดถึงก็มาพอดี”เอื้องผึ้งตอบพลางเหลือบมองออกไปยังหน้าต
อันที่จริงเอื้องผึ้งเดินทางมาถึงเชียงใหม่ตั้งแต่เมื่อวาน แต่สาเหตุที่เพิ่งได้เจอหน้าเจ้าของไร่กาแฟสุดหล่อก็เพราะว่าเมื่อคืนราชิดไปงานเลี้ยง และต้องอยู่ดื่มสังสรรค์กับเพื่อนๆ จนดึกดื่น กว่าจะกลับมาถึงบ้านก็เที่ยงคืนกว่า เช้ามาจึงได้เจอกัน“สวัสดีค่ะคุณลุง… ”เอื้องผึ้งยกมือไหว้ชายร่างสูงใหญ่ด้วยอาการใจเต้นแรง แม้ว่าแพหนวดสีดำหนาเหนือริมฝีปากหยักจะทำให้ชายผู้นี้ดูดุ แต่เวลาเขายิ้มเท่านั้นแหละคุณพระ! ริมฝีปากสวยที่ขยับยกขึ้นเป็นรอยยิ้มของเขาราวจะลบล้างสีหม่นเทาเศร้าซึมของโลกใบนี้ได้ในพริบตายิ้มของราชิดมีเสน่ห์เหลือเกิน มันช่างดูอบอุ่น อ่อนหวาน และในเวลาเดียวกันก็แฝงความเร่าร้อนอันประหลาดที่เอื้องผึ้งรู้สึกได้ไม่รู้สิ… ไม่รู้ว่าทำไมหัวใจของเอื้องผึ้งจึงต้องเต้นแรงอย่างควบคุมไม่ได้ กับการได้เจอหน้าเขาอาจเป็นเพราะใบหน้าของพ่อเพื่อนคนนี้ช่างหล่อเหลาสะดุดตาเหลือเกิน เสื้อกล้ามสีขาวสะอาดที่เขาสวมใส่ ทำให้มองเห็นผิวสีน้ำตาลเข้มสมชายชาตรีตัดกับเสื้อสีขาว ที่ต้นแขนมีเส้นขนสีดำแกคลุมไปทั่ว เส้นเลือดที่ปูดโปนขึ้นมาจากแขนและหลังมือยิ่งทำให้ราชิดดูเซ็กซี่ อีกทั้งเนื้อตัวก็กำยำไปด้วยมัดกล้ามนี่กร
นิยายเซตนี้ประกอบด้วย หลงสวาทพ่อเพื่อน และผัวเก่าทะลวงกามนวนิยายสำหรับผู้ใหญ่เท่านั้นผู้เขียน กาสะลองไม่อนุญาตให้สแกนหนังสือหรือคัดลอกเนื้อหาส่วนใดส่วนหนึ่งของหนังสือเว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของหนังสือเท่านั้นนิยายเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องที่สมมติขึ้นไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องจริงแต่อย่างใด ชื่อบุคคลและสถานที่ที่ปรากฏในเนื้อเรื่อง ไม่มีเจตนาอ้างอิงหรือก่อให้เกิดความเสียหายใดๆ……….นิยายเรื่องนี้… ไม่มีแก่นสารสารัตถะอะไรนักหนาทั้งเรื่องขับเคลื่อนด้วยอารมณ์อันมืดดำของมนุษย์ดำเนินเรื่องด้วยตัณหาราคะสุดร้อนแรงท่านใดที่ไม่ชอบโปรดหลีกเลี่ยง*เราเตือนท่านแล้ว*‘เอื้องผึ้ง’ หล่อนเป็นเพียงเด็ก ‘ฝึกงาน’ ที่เข้ามาฝึกงานเพราะอยากได้ประสบการณ์แต่กลับโดน ‘ราชิด’ ผู้ชายวัยคราวพ่อสอนงานให้อย่างละเอียดในทุกกระบวนท่าของกามกามาที่เขาช่ำชองและชอบเป็นชีวิตจิตใจหญิงสาวไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าการเข้ามาฝึกงานกับผู้ชายเซ็กส์จัดคนนี้จะทำให้ชีวิตของหล่อนเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล . . . . . . . . . . . .“ขอลุงดูให้ชัดๆ นะจ๊ะ… ลุงอยากเห็นของดี ลุงอยากเห็นซูชิของหนูว