หลังจากที่ทานข้าวกันผู้เป็นพ่อก็มานั่งเล่นและดูทีวีอยู่ที่ห้องรับแขก เพื่อรอเวลาให้อาหารย่อยก่อนที่จะแยกย้ายกันไปพักผ่อน“มีนช่วยนะคะ” อมีนาอาสาช่วยนวลจันทร์เก็บโต๊ะและทำความสะอาดในครัว“ไม่ต้องช่วยหรอก” ถึงแม้จะไม่อยากทำแต่นวลจันทร์ก็ท่องเอาไว้ว่าทำเพื่อเงินไม่ได้ทำเพื่อใครทั้งนั้น ทั้งหมดเพื่อเงินและเพื่อตัวเธอเอง“มาดูทีวีกับพ่อมา” ผู้เป็นพ่อเอ่ยเรียกลูกสาว“ค่ะ” หญิงสาวตอบรับแล้วเดินไปหาคุณพ่อที่ห้องรับแขก“ดูข่าวงานเลี้ยงนี่สิ มีแต่คนรวยๆ ทั้งนั้นเลย” ผู้เป็นพ่อพูดขึ้นเมื่อเห็นคุณหญิงคุณนายในข่าวต่างใส่ชุดสวยๆ เครื่องประดับแพงๆ ไปอวดกันทั้งนั้นอมีนาไม่ได้สนใจอะไรแต่พอได้ยินคำว่างานเลี้ยงเธอก็รีบหันไปมองหน้าจอทีวีทันที เผื่อว่าจะเป็นงานเลี้ยงเดียวกันกับที่คุณชายมาเฟียไปในข่าวเป็นภาพบรรยากาศภายในงานเลี้ยงขนาดใหญ่ ที่ถูกจัดขึ้นที่โรงแรมหรูใจกลางเมือง ดูๆ แล้วคงจะเป็นงานเลี้ยงการกุศลที่ต่างเป็นที่สนใจสำหรับนักธุรกิจมากมายและอมีนาก็บังเอิญเห็นภาพชายหนุ่มที่คุ้นเคยปรากฏอยู่บนหน้าจอ ข้างกายมีภรรยาสาวยืนอยู่ข้างๆ ซึ่งใครๆ ต่างก็บอกว่าทั้งสองคนเหมาะสมกันมาก หัวใจดวงน้อยก็รู้สึกจุกหน่วง
สองอาทิตย์ต่อมาเรื่องราวทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมไม่มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไป ไคล์ตัลยังคงคิดหาวิธีและรอเวลาที่เหมาะสมเพื่อคุยกับตนในครอบครัวให้รู้เรื่องและเข้าใจกันมากขึ้น เขายังคงไปหาอมีนาทุกวันโดยที่ไม่ได้สนใจหรือให้ความสำคัญกับพะแพงภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายเท่าที่ควรหญิงสาวที่เป็นภรรยาถูกสามีละเลยในหน้าที่และยังปล่อยให้เธออยู่คนเดียว ไม่เคยถามไถ่หรือให้ความสนใจกับเธอเลยสักครั้ง ความน้อยใจในฐานะภรรยาก็เริ่มก่อตัวมากขึ้นทุกวันจากความน้อยใจก็เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธแค้นที่ไคล์ตัลให้ความสำคัญกับอมีนามากกว่าเธอที่เป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายตอนแรกเธอคิดว่าจะอยู่ในที่ของตัวเองเงียบๆ แต่เหตุการณ์ทุกอย่างก็ยิ่งบานปลายและมีเรื่องวุ่นวายให้เธอต้องหนักใจและปวดหัวทุกวันพะแพงสั่งให้ลูกน้องตามสืบอยู่นานเพื่อความมั่นใจและตอนนี้เธอก็รู้แล้วว่าไคล์ตัลให้อมีนากับครอบครัวไปอยู่ที่บ้านสวน ที่เขาซื้อเอาไว้โดยที่คนในครอบครัวไม่มีใครรู้เลยสักคน“ตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นกำลังท้องครับ” ลูกน้องรายงานตามที่ไปสืบหาความจริงมา“ท้องงั้นเหรอ?” พะแพงหันไปถามลูกน้องเพื่อความแน่ใจอีกครั้งว่าสิ่งที่เธอได้ยินนั้นเป็นคว
พะแพงทนต่อความร้อนใจของตัวเองไม่ไหวจึงต้องกลับบ้านเพื่อไปปรึกษาเรื่องราวในใจทั้งหมดกับผู้เป็นพ่อและเธอก็ได้ทำตอบเป็นที่น่าพอใจอยู่ไม่น้อย“เดี๋ยวพ่อจะจัดการให้”ผู้เป็นพ่อรับปากลูกสาวหลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวชีวิตหลังแต่งงานของเธอ ซึ่งเป็นชีวิตหลังแต่งงานที่โดดเดี่ยวไร้ความสุข ทำให้ผู้เป็นพ่อโกรธเคืองชายหนุ่มที่เป็นลูกเขยเป็นอย่างมาก“ขอบคุณนะคะ” พะแพงกอดผู้เป็นพ่อพร้อมรอยยิ้มไม่ว่าเธอจะมีเรื่องอะไรคุณพ่อก็จะคอยช่วยเหลือเธอทุกอย่าง“ทำไมลูกไม่บอกพ่อให้เร็วกว่านี้” คุณพ่อถามลูกสาวด้วยความเป็นห่วง เพราะคิดมาตลอดว่าชีวิตหลังแต่งงานของลูกสาวนั้นมีความสุข ไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะมีปัญหากันแบบนี้“แพงคิดว่าทุกอย่างจะดีขึ้นหนิคะ” พะแพงตอบผู้เป็นพ่อ เธออดทนทุกอย่างมาตลอดและคิดว่าทุกอย่างจะดีขึ้นแต่ทุกอย่างกลับแย่ลงจนเธอทนต่อไปไม่ไหว“ลูกกลับไปรอที่บ้านนะเดี๋ยวพ่อจัดการให้” ผู้เป็นพ่อบอกลูกสาวเพื่อที่จะได้วางแผนและสั่งลูกน้องให้เร่งจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด ใครที่ทำให้พะแพงต้องเสียใจและเจ็บปวดก็ต้องได้รับผลกรรมอย่างสาสม“ค่ะ” พะแพงรับคำคุณพ่อก่อนจะขอตัวกลับบ้านหลังใหญ่ที่ไร้ซึ่งความสุข แต่ตอนนี
“ออกไปด้วยกันนะคะพ่อ!”ประจักรยืนนิ่งด้วยท่าทางคิดหนักไฟลามเข้ามาเรื่อยๆ จนมองไม่เห็นทางเข้าห้อง ในใจได้แต่ภาวนาขอให้นวลจันทร์และเมษาออกไปรออยู่ข้างนอกและขออย่าให้มีใครเป็นอะไรเลย“ออกไปกับมีนนะคะ” อมีนาพูดย้ำขึ้นมาอีกครั้งเพื่อเตือนสติผู้เป็นพ่อ ไม่ใช่ว่าเธอไม่ห่วงแม่เลี้ยงกับน้องสาวต่างแม่ แต่สถานการณ์ตอนนี้ทำให้เธอต้องเอาชีวิตเธอกับพ่อออกไปจากไฟที่กำลังลุกอยู่ตรงนี้ให้ได้ก่อนหญิงสาวกอดผู้เป็นพ่อเอาไว้ไม่ให้เดินเข้าไปข้างในพร้อมทั้งน้ำตา เธอจะเสียคนในครอบครัวไปภายในวันเดียวกันไม่ได้ ถึงยังไงพ่อก็ต้องออกไปกับเธอประจักรมองภาพตรงหน้าด้วยความเสียใจที่เขาไม่สามารถเข้าไปช่วยลูกกับเมียของเขาได้ ถึงแม้จะอยู่ใกล้กันเพียงแค่เอื้อมแต่ไฟที่ลุกอยู่กลับเป็นอุปสรรคทำให้ไม่สามารถเข้าไปได้ความรู้สึกมากมายเกาะกุมอยู่ภายในใจไม่รู้เลยว่าตอนนี้จะต้องรู้สึกยังไง ชั่งเป็นภาพที่บีบหัวใจของอมีนาและพ่อเป็นอย่างมากอมีนาพาผู้เป็นพ่อออกมานอกบ้านได้สำเร็จและปลอดภัย ก่อนจะมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่เจ็บปวดหัวใจ บ้านสวนหลังใหญ่ที่เคยสวยงามตอนนี้มีเพียงแค่ไฟและควัน บางส่วนของบ้านก็พังลงมาจนแทบจะไม่เหลือเค้าโ
หลังจากที่เดินออกมาเป็นเวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงแต่กลับไม่พบผู้คนหรือบ้านพักสักหลัง ทำเอาสองพ่อลูกแทบถอดใจเพราะทั้งเหนื่อยทั้งแดดทั้งหิวน้ำ“ไหวไหมลูก” ประจักรหันไปถามอมีนาด้วยความเป็นห่วงอยู่เสมอและเขาก็คิดมาตลอดทางว่าจะช่วยลูกสาวยังไง ไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็มีแต่ต้นไม้“มีน… ไม่ไหวแล้วค่ะ” หญิงสาวตอบเสียงสั่นด้วยความเหนื่อยล้า เหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นตามกรอบหน้าและร่างกาย“งั้นมีนนั่งรอพ่อตรงนี้ก่อนนะ” เมื่อไม่มีทางเลือกประจักรจึงบอกให้ลูกสาวนั่งรอ เพราะไม่อยากจะเห็นอมีนาเหนื่อยไปมากกว่านี้“พ่อจะไปไหนคะ” หญิงสาวถามด้วยความสงสัย“พ่อจะลองเดินไปอีกสักหน่อย เผื่อมีคนพ่อจะได้รีบพามาช่วยมีน” ประจักรพูดไปตามที่คิดและคิดว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุดในตอนนี้“จะดีเหรอคะ” อมีนาถามย้ำถึงจะรู้สึกเหนื่อยแต่เธอก็ไม่อยากจะนั่งรออยู่กลางป่าคนเดียวแบบนี้“ลูกได้ยินเสียงอะไรไหม?” ผู้เป็นพ่อไม่ได้ตอบคำถามลูกสาว เมื่อหูได้ยินเสียงบางอย่างที่อยู่ไกลพอสมควร“เสียงอะไรคะ มีนไม่เห็นจะได้ยินเลย” อมีนานั่งนิ่งไปชั่วขณะแต่ความเหนื่อยทำให้เธอไม่ได้ยินเสียงอะไร“เหมือนจะเป็นเสียงรถ รอพ่ออยู่ตรงนี้นะ” พูดจบประจักรก็ลุกขึ้นว
คุณชายมาเฟียกลับมาถึงบ้านสวนมือหนายกขึ้นกุมขมับด้วยท่าทางหัวเสีย เมื่อได้เห็นภาพที่อยู่ตรงหน้าเขาแทบจะทนมองต่อไปไม่ไหว บ้านสวนหลังใหญ่ที่เคยสวยงาม ตอนนี้เหลือเพียงซากที่พังลงมาดูยังไงก็ไม่เหมือนบ้านที่เขาเคยอยู่คชารีบเดินตรงไปสอบถามตำรวจและเจ้าหน้าที่ดับเพลิงที่กำลังทำงานกันอยู่ทันที“คนในบ้านมีใครเป็นอะไรไหมครับ” คชาถามเจ้าหน้าด้วยความสงสัย“ต้องขอโทษด้วยนะครับ ตอนที่เจ้าหน้าที่มาถึงไฟก็ไหม้ไปเกือบเก้าสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว ทำให้ไม่สามารถเข้าไปช่วยใครได้และไม่เห็นมีใครออกมาสักคนครับ”เจ้าหน้าที่รายงานไปตามความเป็นจริง เพราะสถานที่เกิดเหตุอยู่ไกล เมื่อได้รับรายงานจากคนสวนที่อยู่ใกล้เคียงเจ้าหน้าที่ก็รีบมาและทำงานกันอย่างเต็มที่ แต่ไฟก็ได้ไหมบ้านไปหมดแล้วไม่สามารถควบคุมหรือเข้าไปช่วยใครได้เลย“ต้องรอให้ไฟดับสนิทเจ้าหน้าที่จึงจะเข้าไปตรวจสอบความเสียหายและหาหลักฐานภายในบ้าน รบกวนเจ้าของบ้านให้ปากคำเพิ่มเติมด้วยนะครับ” ตำรวจนายหนึ่งตอบคชาเพราะตอนนี้ไฟยังไม่ดับสนิทสักเท่าไหร่บางจุดก็ยังมีควันลอยฟุ้งขึ้นมา“ตรวจสอบให้ละเอียดเลยนะครับ เดี๋ยวผมจะเข้าไปติดต่อที่โรงพัก” คชาบอกก่อนจะเดินกลับไปหาเจ้
ห้าเดือนต่อมาบ้านหลังเล็กที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น ผู้คนภายในหมู่บ้านเริ่มรู้จักและคุ้นชินกันมากขึ้น หลังจากที่ย้ายเข้ามาอยู่บ้านหลังนี้ได้ไม่นาน สองคนพ่อลูกก็ช่วยกันเปิดร้านน้ำปั่นโชคดีที่คนในหมู่บ้านก็ช่วยกันซื้อช่วยกันอุดหนุน ทำให้ขายดีและมีเงินเก็บเพิ่มขึ้นมาบ้าง จากร้านเล็กๆ มีเมนูน้ำขายอยู่ไม่กี่อย่าง ก็เริ่มปรับปรุงและพัฒนาร้านให้ดีและสวยงามมากขึ้น“พ่อช่วยไปส่งน้ำให้มีนหน่อยได้ไหมคะ?” อมีนาหันไปถามพ่อที่กำลังช่วยจัดตกแต่งร้านอยู่“ได้สิลูก”ประจักรตอบตกลงอย่างไม่ลังเล เพราะตอนนี้อมีนาก็ท้องใหญ่ขึ้นมาก จะให้ไปส่งลูกค้าเองก็คงจะไม่ไหว ถึงจะมีมอเตอร์ไซค์คันใหม่ที่พึ่งจะเริ่มผ่อนได้ไม่นานแต่ประจักรก็เป็นคนไปส่งของแทนลูกสาวทุกครั้งนอกจากจะขายน้ำปั่นที่หน้าบ้าน เพื่อเป็นการเรียกลูกค้าก็ต้องมีการรับออเดอร์ทางออนไลน์ และมีพ่อที่คอยออกไปส่งตามออเดอร์ให้ตั้งแต่เปิดร้านน้ำปั่นมายอดขายก็เพิ่มมากขึ้นทุกวันเพราะทำอร่อยและไม่มีคู่แข่ง จึงทำให้ครอบครัวมีเงินเก็บ ส่วนวันไหนที่อมีนาต้องไปตามนัดที่โรงพยาบาลก็ต้องปิดร้าน เพราะต้องใช้เวลานานในการเดินทางไปยังโรงพยาบาลประจำอำเภอเล็กๆ ซึ่งต้องใช้เว
สามเดือนต่อมา“ยังไม่นอนเหรอลูก”ตอนนี้เป็นเวลาเกือบสี่ทุ่มประจักรจึงเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความสงสัยเมื่อเห็นลูกสาวนั่งอยู่ที่ห้องโถ่งของบ้าน“ยังค่ะ” หญิงสาวตอบพร้อมรอยยิ้ม“ทำอะไรอยู่เหรอ” ผู้เป็นพ่อยังคงถามต่อ“มีนกำลังดูอยู่ค่ะว่าเตรียมของครบหรือเปล่า” อมีนาตอบผู้เป็นพ่อเพราะพรุ่งนี้เธอมีนัดที่โรงพยาบาล“ถ้าขาดเหลืออะไรก็โทรมาบอกพ่อได้นะ” ประจักรตั้งใจที่จะไปส่งและกลับมารออยู่ที่บ้านถึงแม้ในใจจะตื่นเต้นแค่ไหนก็ตาม“ค่ะ”“ถ้าเสร็จแล้วก็รีบไปนอนนะ พรุ่งนี้จะได้ไปแต่เช้า” คุณพ่อพูดย้ำกับลูกสาวอีกครั้ง“ค่ะพ่อ”อมีนาตรวจเช็คของภายในกระเป๋าซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อความมั่นใจว่าเธอเตรียมทุกอย่างครบแล้วจริงๆ แต่ความตื่นเต้นก็ทำให้เธอต้องเช็คแล้วเช็คอีกเพราะกลัวว่าจะลืมอะไรสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความดีใจและตื่นเต้น พรุ่งนี้แล้วสินะที่เธอจะได้เห็นหน้าลูกหลังจากที่เฝ้ารอมาตลอดทั้งเก้าเดือนเช้าวันต่อมาวันนี้เป็นวันที่อมีนาปิดร้านแต่เธอกลับตื่นเต้นและตื่นเช้ากว่าทุกวัน เพราะต้องไปแอดมิดผ่าคลอด เนื่อจากเธอท้องลูกแฝดและคุณหมอที่ดูแลก็ประเมินให้ผ่าคลอดเพื่อความปลอดภัยของคุณแม่และลูก“เป็นยังไงบ้างมีน”
อมีนานั่งเงียบอยู่สักพักเพื่อคิดทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้น บางทีเธอก็มีส่วนผิดที่แกล้งพูดให้เขาอยากรู้ จนเขาต้องรีบขับรถมาหาเธอแบบนี้และในครั้งนี้เธอก็มีส่วนผิดไปด้วย จะโทษเขาคนเดียวก็ไม่ได้“มีนมีเรื่องอะไรจะบอกพี่เหรอครับ”หลังจากที่นั่งเงียบและรอให้หญิงสาวใจเย็นลงสักพัก เขาจึงเอ่ยถามขึ้นมาอีกครั้งเพื่อว่าเธอจะยอมบอกหญิงสาวไม่ตอบอะไรมีเพียงความเงียบที่เป็นสิ่งปกคลุมบรรยากาศภายในห้อง ก่อนที่เธอจะลุกขึ้นเดินไปหยิบอะไรบางอย่างออกมา“มีนมีของจะให้ค่ะ”มือบางยื่นกล่องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ที่ถูกห่อด้วยกระดาษห่อของขวัญสีน้ำเงิน ภายนอกดูเรียบหรูแต่ขนาดกล่องกลับเล็กจนน่าแปลกใจใบหน้าหล่อมองกล่องที่อยู่ตรงหน้าด้วยความสงสัยและแปลกใจในเวลาเดียวกัน แต่ภายในใจเขาก็คิดไปด้วยว่าอะไรจะอยู่ในกล่อง“เปิดดูสิคะ” หญิงสาวเอ่ยบอกพร้อมกับรอยยิ้ม เธอนั่งมองชายหนุ่มที่กำลังแกะกล่องของขวัญอย่างตั้งใจ“มีนท้องใช่ไหม”ทันทีที่แกะออกและได้เห็นแท่งเล็กๆ ที่อยู่ด้านในไคล์ตัลก็เดาได้ทันทีว่าต้องใช่อย่างที่เขาคิดเอาไว้อย่างแน่นอน“ค่ะ พี่ไม่ตื่นเต้นเหรอคะ” หญิงสาวพยักหน้าตอบก่อนจะถามกลับด้วยความแปลกใจ“ไม่ตื่นเต้น แต่พี่
เช้าวันต่อมาเป็นอีกวันที่อมีนาตื่นขึ้นมาแล้วไม่พบชายหนุ่มที่อยู่ข้างกาย มีเพียงกระดาษโน้ตใบเล็กๆ ที่วางอยู่บนโต๊ะเล็กๆ ข้างเตียงนอนมือบางยื่นไปหยิบกระดาษมาอ่าน เพราะคิดว่าคงจะเป็นข้อความจากชายหนุ่มที่เขียนฝากไว้ให้เธออย่างแน่นอน‘วันนี้พี่มีงานด่วน แล้วจะรีบกลับมาหานะครับ’ทันทีที่อ่านจบใบหน้าสวยก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม เพราะเขาเคยบอกเธอเอาไว้ว่าถ้าหากเขามีงานด่วนเขาจะเขียนข้อความเอาไว้จะได้ไม่ต้องรบกวนเวลานอนพักผ่อนของเธอหญิงสาวเก็บกระดาษไว้ในลิ้นชักก่อนจะลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวเพื่อที่จะลงไปเล่นกับไมเนอร์ลูกชายคนเล็กลงมาเล่นกับไมเนอร์ได้สักพักอมีนาก็ขอตัวออกมาซื้อของข้างนอก โดยที่มีคนขับรถพาออกมาเช่นเคย เพราะเป็นคำสั่งของคุณชายที่สั่งเอาไว้ว่าห้ามให้เธอออกไปไหนมาไหนคนเดียวเด็ดขาด“ให้ผมลงไปซื้อให้ไหมครับ” คนขับรถเอ่ยถามเหมือนกับทุกครั้งตามหน้าที่ เพราะข้างนอกอากาศค่อนข้างร้อนมาก“ไม่เป็นไรค่ะ” หญิงสาวปฏิเสธก่อนจะเดินลงจากรถและตรงไปยังร้านขายยาที่อยู่ไม่ไกล“ซื้อที่ตรวจครรภ์หน่อยค่ะ” อมีนาเอ่ยบอกสิ่งที่เธอต้องการอย่างไม่ลังเล“ค่ะ”เมื่อจ่ายเงินเสร็จเรียบร้อยหญิงสาวก็หยิบของใส่ในกระเป๋าส
ห้าวันต่อมาและแล้วก็มาถึงวันที่ทุกคนจะต้องเดินทางกลับ หลังจากที่การเดินทางถูกเลื่อนแล้วเลื่อนอีก เพราะเด็กๆ ติดใจอยากอยู่ต่อ งอแงไม่ยอมกลับ แต่อมีนาก็พูดคุยกับลูกๆ ให้เข้าใจ จนในที่สุดเด็กๆ ก็ยอมกลับแต่โดยดีคฤหาสน์หลังใหญ่กำลังวุ่นวายและทำอาหารรอต้อนรับเจ้าของบ้านหลังจากที่ไปเที่ยวกันนานหลายวัน ก่อนจะเดินทางกลับคุณหญิงได้โทรบอกแม่บ้านจัดเตรียมอาหารไทยเอาไว้ทั้งคาวและหวาน เพราะรู้ดีว่าทุกคนนั้นคิดถึงอาหารไทยมากแค่ไหนเดินทางมาถึงบ้านในช่วงบ่ายเด็กๆ ก็นอนหลับสบายมาตลอดทาง แต่ทว่าหน้าที่ของคนเห็นแม่เมื่อมาถึงบ้านก็ต้องเก็บของออกจากกระเป๋าให้เรียบร้อย“ทำอะไรอยู่ครับ” ชายหนุ่มเอ่ยถามเมื่อเห็นหญิงสาวเดินไปเดินมาอยู่ภายในห้องนอน“มีนเก็บของอยู่ค่ะ” หญิงสาวตอบพร้อมรอยยิ้มบางๆ ถึงจะเหนื่อยแต่ก็มีความสุขที่ได้ทำเพื่อลูกๆ และสามี“เหนื่อยไหมครับ พักก่อนก็ได้นะ” ชายหนุ่มถามด้วยความเป็นห่วง เพราะสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่เธอไม่จำเป็นต้องทำเองด้วยซ้ำ แค่เรียกแม่บ้านมาทำให้ก็จบแล้ว“นิดหน่อยค่ะ”“หิวไหมครับ”หญิงสาวพยักหน้าแทนคำตอบช่วงนี้เธอกินข้าวไม่ค่อยอร่อย ส่วนใหญ่จะเน้นของทานเล่นมากกว่าอาหาร“วัน
หนึ่งอาทิตย์ต่อมาการเดินทางไปทำงานต่างประเทศไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อสำหรับไคล์ตัลอีกต่อไป เพราะการทำงานเป็นแค่เพียงเรื่องเล็กน้อย แต่การได้พาลูกๆ และคนในครอบครัวเที่ยวนั้นเป็นเรื่องสำคัญยิ่งกว่าทำงานเพียงไม่กี่วันแต่อยู่เที่ยวต่อเกือบหนึ่งอาทิตย์ นานๆ จะได้พาลูกมาเที่ยวก็ต้องอยู่เที่ยวนานๆ ให้คุ้มค่ามากที่สุด“สนุกไหมครับ” ไคล์ตัลหันไปถามลูกๆ ที่เดินตามหลัง หลังจากที่พาไปเที่ยวสวนสนุกที่ใหญ่ติดอันดับต้นๆ ของโลก“สนุกครับ” มาร์เวลตอบเสียงดัง“สนุกมากเลยค่ะ” ตามด้วยเสียงของมิราที่ยิ้มกว้างมาแต่ไกล“วันนี้เที่ยวสวนสนุกมาทั้เรางวันแล้ว เรากลับบ้านพักกันก่อนดีกว่านะคะ”“ค่ะ รอไมเนอร์โตก่อนแล้วเราค่อยพาไมเนอร์มาเที่ยวสวนสนุกกันอีกนะคะ” มิราสนุกจนอยากจะมาเที่ยวอีกครั้ง แต่ก็ติดตรงที่ว่าอยู่ไกล คงต้องรอน้องโตก่อนค่อยมาเที่ยวด้วยกันคงจะสนุกมากแน่ๆ“ได้ครับ ไว้พ่อจะพามาอีกนะ” ไคล์ตัลตอบลูกสาว“ถ้าคุณพ่อไปทำงานต่างประเทศแบบนี้อีกชวนมิรากับมาร์เวลไปเป็นเพื่อนได้นะครับ” มาร์เวลรีบเสนอตัวเองกับน้องสาวขึ้นมาทันที วันนี้อากาศหนาวหิมะตก ไมเนอร์ยังเด็กก็เลยต้องรอพี่ๆ อยู่ที่บ้านพัก“ได้ครับ” ไคล์ตัลหัวเร
หนึ่งเดือนต่อมาหลังจากที่ชายหนุ่มไม่ไปทำงานอยู่นานหลายเดือน ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่จะต้องไปทำงานอย่างหนักหน่วงกันแล้ว เนื่องจากบริษัทเติบโตไปในทางที่ดีมากขึ้นและมีคู่ค้าให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก ไคล์ตัลก็เลยต้องได้ออกงานและเดินทางไปพบปะและพูดคุยกับคู่ค้าใหม่ๆ อยู่บ่อยครั้ง“เลิกงานแล้วเหรอคะ” อมีนาเอ่ยถามเมื่อเห็นชายหนุ่มเดินเข้ามาภายในบ้านด้วยสีหน้าและท่าทางที่ดูเศร้าอย่างเห็นได้ชัด“ครับ” ชายหนุ่มยิ้มตอบด้วยรอยยิ้มบางๆ“วันนี้งานเยอะเหรอคะหรือว่ามีปัญหาอะไรหรือเปล่า” อมีนายังคงถามต่อเพราะสีหน้าและท่าทางของไคล์ตัลยังคงแสดงออกอย่างชัดเจนเหมือนกับว่าเขากำลังมีปัญหาอะไรบางอย่าง“เปล่าครับ” ไคล์ตัลปฏิเสธ“แล้วทำไมถึงทำหน้าเคร่งเครียดแบบนี้ด้วยคะ” หญิงสาวยื่นแก้วน้ำดื่มเย็นๆ มาให้ชายหนุ่มได้ดื่ม เพื่อจะทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาบ้าง“พอดีมีงานที่ต่างประเทศที่พี่จะต้องไปเคลียร์ แต่พี่ไม่อยากไป” ร่างหน้าดื่มน้ำเย็นๆ ก่อนจะตอบหญิงสาว“ทำไมถึงไม่อยากไปล่ะคะ” ใบหน้าสวยขมวดคิ้วถามด้วยความสงสัย เพราะถ้าเป็นเรื่องงานเขาไม่น่าจะมีปัญหาอะไร“ถ้าไปก็ต้องไปหลายวัน พี่ไม่อยากห่างลูก” ไคล์ตัลตอบเสียงเบาตั้งแต่มี
เช้าวันต่อมาหลังจากกิจกรรมปั้มลูกคนสุดท้ายจบลงอมีนาก็หมดแรงและนอนหลับสบายจนลืมเวลาตื่น จนกระทั่งได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกที่เธอตั้งเอาไว้ในเวลาเก้าโมงเช้ามือบางยื่นไปหยิบโทรศัพท์ที่กำลังส่งเสียงดังรบกวนโดยที่เธอเองก็ไม่รู้เลยว่าตอนนี้เป็นเวลากี่โมงแล้ว“พี่ไคล์ตัล” หญิงสาวเอ่ยเรียกชื่อชายหนุ่มในขณะที่เธอนอนหลับตาอยู่และไม่รู้เลยว่าภายในห้องมีใครอยู่หรือเปล่า แต่ปกติในห้องนอนตอนเช้าก็มีแค่เธอกับเขาที่นอนด้วยกันทว่าในห้องกลับเงียบไร้เสียงตอบรับใดๆ อมีนาจึงลุกขึ้นนั่งและมองสำรวจรอบๆ ห้องนอนแต่ก็ไม่เห็นว่าจะมีใครอยู่ในห้อง“หายไปไหนนะ” หญิงสาวบ่นพึมพำกับตัวเองก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลาตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นเวลาที่แสดงอยู่บนหน้าจอ ทำไมวันนี้เธอถึงได้นอนตื่นสายขนาดนี้นะ“สงสัยจะไปทำงานแล้วแน่เลย”อมีนาคิดไปในทางที่ดีเพราะเมื่อวานได้ยินชายหนุ่มบ่นว่าจะต้องไปทำงาน เธอรีบลุกจากเตียงนอนแล้วเดินตรงเข้าไปในห้องน้ำเพื่อที่จะอาบน้ำแต่งตัวทันทีเมื่อทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยอมีนาก็ลงมาหาลูกที่ห้องนั่งเล่น เพราะช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่ไมเนอร์นั่งกำลังเล่นอยู่กับพี่เลี้ยง ส่วนมิราก
หนึ่งปีต่อมาบ้านหลังใหญ่เต็มไปด้วยความสุขและเสียงหัวเราะ มีลูกๆ หลานๆ คอยเติมเต็มความสุขให้กันในครอบครัว“ไมเนอร์นอนหรือยังครับ” ชายหนุ่มเอ่ยถามเสียงเบาเมื่อเห็นว่าหญิงสาวกำลังกล่อมลูกนอนอยู่ แต่เอขก็ไม่มั่นใจว่าลูกหลับหรือยังเพราะมองไม่ค่อยถนัดชู่ววว~อมีนาส่งสัญญาณเพื่อให้อีกฝ่ายเงียบก่อน เพราะลูกกำลังจะเคลิ้มหลับถ้าหากมีเสียงดังรบกวนลูกอาจจะสะดุ้งตื่นขึ้นมาได้คุณแม่คนสวยกล่อมลูกน้อยนอนจนหลับสนิทก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไปหาชายหนุ่มที่ออกไปรออยู่ด้านนอกโชคดีที่อมีนาฝึกไมเนอร์ให้นอนและตื่นเป็นเวลา เธอพาลูกเข้านอนตอนสองทุ่ม ไมเนอร์ก็นอนยาวจนถึงเช้าได้อย่างสบาย ไม่ตื่นมางอแงกลางดึก“มีอะไรคะ” หญิงสาวเอ่ยถามชายหนุ่มที่ยืนรออยู่“พี่มีของจะให้” มือหนาจูงมือหญิงสาวเข้าห้องนอนตัวเองทันทีใบหน้าสวยขมวดคิ้วเป็นปมด้วยความสงสัยและแปลกใจในการกระทำของชายหนุ่ม แต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไรและยอมเดินตามเขาไปอย่างว่าง่าย“ชุดอะไรคะ”เมื่อเปิดดูของที่อยู่ในถุงแบรนด์เนมอมีนาก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจทันที ซึ่งเป็นชุดที่ดูไม่เหมือนชุดเลยสักนิด เนื้อผ้าก็บางโปร่งเวลาที่ใส่ก็คงจะเหมือนกับไม่ได้ใส่ เพราะถ้าใส
สองวันต่อมา“เก็บของเสร็จหรือยังลูก” คุณหญิงเดินเข้ามาถามเมื่อวันนี้อมีนาจะได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว“เสร็จแล้วครับ กำลังรอมีนเปลี่ยนชุดอยู่ครับ” ไตล์ตัลตอบคุณแม่ ไม่นานอมีนาก็เดินออกมาจากห้องน้ำในชุดเดรสยาวคลุมเข่า“งั้นแม่ลงไปรอข้างล่างนะ จะไปจ่ายค่าโรงพยาบาลให้” คุณหญิงบอกพร้อมรอยยิ้มก่อนจะเดินออกไป“คุณแม่ท่านใจดีกับมีนมากเลยนะคะ” อมีนาอดที่จะท้วงขึ้นมาไม่ได้และรู้สึกเกรงใจที่คุณหญิงทำทุกอย่างให้เธอขนาดนี้“ก็คุณแม่รักและเอ็นดูมีนไง” ไคล์ตัลกอดหญิงสาวแล้วช่วยพยุงเธอเดินมายังรถเข็นเนื่องจากแผลผ่าคลอดยังไม่ค่อยหายดีเท่าไหร่และอมีนาก็ยังรู้สึกเจ็บแปล๊บๆ อยู่บ้าง เจ้าหน้าที่จึงมาช่วยเข็นรถให้เธอนั่ง“มีน…” เสียงใครบางคนเรียกอมีนาขึ้นมาในระหว่างที่มายืนรออยู่ที่หน้าห้องกุมารเวชกรรม“เพียงดาว” อมีนายิ้มกว้างออกมาเมื่อได้เห็นเพื่อนรักอย่างเพียงดาวหลังจากที่ไม่ได้เจอและไม่ได้ติดต่อกันมานานหลายปี“สวัสดีค่ะคุณชาย” เพียงดาวยกมือขึ้นไหว้อดีตเจ้านายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ เพื่อนรัก“มาทำอะไรเหรอ” อมีนาถามเพื่อนรักด้วยความสงสัยเพราะตรงนี้เป็นตึกเด็กและเธอก็มายืนรอรับลูกชายกลับบ้าน“พาหลานมาหาหมอน่ะ
วันต่อมาหลังจากที่เมื่อวานทุกคนได้เห็นหน้าสมาชิกใหม่ก็ดีใจและตื่นเต้นกันใหญ่ ทำเอามิรากับมาร์เวลไม่อยากกลับบ้าน เพราะอยากจะเล่นกับน้องมากกว่า แต่ทุกคนก็ช่วยกันพูดให้เด็กๆ เข้าใจจนยอมกลับบ้านกันได้“ทำไมใส่ชุดนี้กันล่ะ” คุณตาถามขึ้นมาเมื่อเห็นว่าเด็กๆ ไม่ได้ใส่ชุดนักเรียนทั้งๆ ที่วันนี้ไม่ใช่วันหยุด“มาร์เวลจะไปหาน้องครับ” มาร์เวลตอบขึ้นมาก่อนใคร“แต่วันนี้ต้องไปโรงเรียนนะครับ” คุณตาพยายามพูดด้วยเหตุผล“ไม่ไปครับ มาร์เวลอยากไปหาน้อง” มาร์เวลยังคงยืนยันคำตอบเดิม“มิราก็อยากไปหาน้องค่ะ” ตามมาด้วยเสียงของมิรา“งั้นเราไปหาน้องกันนะ ย่าไลน์บอกคุณครูให้แล้วว่าวันนี้มิรากับมาร์เวลไม่ไปโรงเรียน” คุณย่าพูดขึ้นมาอย่างอารมณ์ดี สรุปว่าวันนี้ทุกคนจะต้องไปที่โรงพยาบาลกันหมด“เย้ๆ ไปหาน้องกันครับ” มาร์เวลกับมิรากระโดดดีใจกันยกใหญ่ที่จะได้ไปหาน้องคุณตาได้แต่ส่ายหน้าไปมาให้กับท่าทางของคุณย่ากับหลานๆ ที่ดูตามใจกันสุดๆ ไม่ว่าหลานจะพูดอะไรก็ตามใจทุกอย่างใช้เวลาไม่นานทุกคนก็เดินทางมาถึงโรงพยาบาล ก่อนจะมุ่งตรงไปยังห้องวีไอพีที่เคยมาเมื่อวาน โดยที่มีมิรากับมาร์เวลเดินนำทางอยู่ตลอด“มาร์เวลกับมิรามาหาน้องแ