เมื่อเขาเข้าไปในห้องแล้ว เธอก็รีบเดินกลับมาและรีบวิ่งเข้าห้องของตัวเองทันที
“เป็นเขาหรอกเหรอ”
เธอต้องจำเขาได้แน่นอน เพราะรุ่นพี่คณะวิศวะคนนี้ ค่อนข้างจะเสน่ห์แรง และดังในหมู่สาว ๆ แต่เธอจำไม่ได้เลยว่าเขาเป็นคนแบบนี้
“ไหนบอกว่าเขาเป็นเด็กเนิร์ด ๆ เงียบและรักสงบไม่ใช่เหรอ”
“ตะวัน” หนุ่มคณะวิศวะ ที่แต่งกายถูกระเบียบทุกกระเบียดนิ้ว เขาเป็นคนเงียบ ๆ แม้ว่าจะมีกลุ่มเพื่อนสนิทที่คบหากันอยู่ไม่กี่คน แต่พวกเขาก็โดดเด่น จนที่มหาลัยเรียกพวกเขาว่า “จตุรเทพคณะวิศวะ” เพราะนอกจากความหล่อแล้ว พวกเขายังเรียนเก่งอีกด้วย
“แกว่ายังไงนะ จะ…จตุรเทพวิศวะงั้นเหรอ คนไหนละ”
“คนที่ชื่อตะวัน”
“พี่ตะวัน หล่อนุ่มเหมือนคอร์กเทลมาร์ตินี่น่ะเหรอ”
“นุ่มเหรอ เนตรนี่แกเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า”
เธอนั่งคุยกับกลุ่มเพื่อน ๆ ที่ม้าหินอ่อน หน้าคณะของตัวเอง หลังเลิกเรียนแล้วรุ่นน้องก็เริ่มทยอยกลับ วันนี้พวกเธอเลยแวะนั่งคุยกันก่อนกลับ
“ไม่ผิดนะ พี่ตะวันคนที่หล่อ ๆ เนี้ยบ ๆ หน่อยเป็นลูกชายเจ้าของธุรกิจขายรถยนต์หรู เงียบ นิ่งเหมือนเจ้าชาย”
“เหอะ เจ้าชายกะผีน่ะสิ”
สองคืนก่อน
“อ๊าาส์ ตะวันคะเบาหน่อย รูจะแหกอยู่แล้ว อ๊าาส์…”
เสียงร้องขอชีวิตของอีกฝ่าย เหมือนจะไม่ได้ทำให้คนที่กระแทกอยู่สนใจเลย เพราะคืนนั้นมะปรางแทบจะไม่ได้นอน เสียงของคนที่อยู่ข้างห้องทำให้เธอใจสั่นทั้งคืน ไม่ใช่ว่าอยากรู้ แต่เพราะเธอก็เคยมีแฟนมาก่อน พอได้ยินเสียงแบบนี้ ก็ทำให้รู้สึกเปลี่ยวขึ้นมา จนนอนไม่หลับเท่านั้นเอง
“แม่งเอ๊ย! จะย้ายห้องก็เสียดายค่าประกัน!”
เสียงครางของผู้หญิง และเสียงขู่ของผู้ชายที่ดังเป็นระยะ ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะแอบฟัง และนี่เป็นเหตุผล ที่เธอไม่อยากให้เพื่อนมานอนค้างที่ห้อง
“อิจฉาแกจังเลย ที่มีเพื่อนข้างห้องหล่อ ๆ แบบนั้น เอาไว้ฉันแวะไปนอนค้างกับแกดีกว่า”
“อย่าเลย ฉัน…”
“ไอ้ทรายแกก็รู้ว่า มะปรางมันโลกส่วนตัวสูง ไม่ชอบอยู่กับใคร แค่ครั้งก่อนมันมีแฟนอย่างไอ้… ว่าแล้วก็มาเชียวนะ”
“จักรกฤษ” อดีตแฟนเก่าของมะปราง เดินมาพร้อมกับสาวคนใหม่ พวกเธอหันไปมองทั้งคู่ที่เดินผ่านไป แต่ตอนนี้มะปรางไม่รู้สึกอะไรแล้ว เพราะเธอทนมานานเกินพอแล้ว กับนิสัยไม่รู้จักพอของเขา
“รู้สึกโชคดีจังแฮะ ที่ไม่ได้อยู่ในจุดที่ต้องทนแล้ว”
“ดีใจกับแกด้วยจริง ๆ”
“ขอบใจมากอันตรา ฉันกลับก่อนดีกว่า เอาไว้โทรหานะ”
“รายงานกลุ่มที่ต้องพรีเซ็น อีกสองวันค่อยนัดกันทำก็แล้วกัน วันนี้ฉันมีนัดไปก่อนละ”
"อ้าวไอ้เนตร ไปเลยเหรอวะ เหลือแกกับฉันแล้วอันตรา"
“แกอยากจะลองคาเฟ่ร้านใหม่ หน้ามหาลัยไม่ใช่เหรอ ไปสิ”
“อันตรา ฉันรักแกที่สุดเลย”
ทรายกับอันตราแยกไปที่ร้านคาเฟ่ของมหาลัย ระหว่างนั้นเธอก็เห็นคนที่พึ่งพูดถึง เดินออกมาจากคณะวิศวะ เพราะทางที่ต้องไปต้องเดินผ่านคณะของพวกเขา
“นั่นพวกเขาแหละ ดูสิมีแต่คนกรี๊ด เลี่ยงไปทางอื่นเหอะอัน”
“ได้สิ”
อันตราหันไปมองพวกเขาอีกครั้ง หนึ่งในนั้นเองก็เหมือนจะจำเธอได้เช่นกัน อันตรารีบเดินหลบเขาไปทันที
“รีบเดินเถอะทราย เดี๋ยวร้านก็ปิดหรอก”
“เออ ๆ แล้วทำไมแกต้องหน้าแดงด้วยละ”
“ไม่มีอะไรรีบไปเถอะ”
คอนโด
มะปรางมาถึงคอนโดแล้ว เธอกดลิฟต์ไปที่ชั้น 8 ตามปกติ แต่เมื่อเดินออกมา ก็เห็นว่ามีผู้หญิงเดินมาก่อนเธอ ซึ่งน่าจะใช้ลิฟต์อีกตัวหนึ่ง
กลิ่นโชยแรงขนาดนี้อาบมาหรือไงยะ
มะปรางบ่นในใจแต่ก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นว่าเธอหยุดอยู่หน้าห้องข้าง ๆ เธอจึงรีบกดรหัสเข้าห้องตัวเองทันที แต่ก็ไม่ทันเพราะเจ้าของห้องข้าง ๆ เปิดประตูออกมาและเห็นเธอเข้าพอดี
“เปิดประตูช้าจังเลยนะคะที่รัก บี๋เข้าไปได้หรือยัง”
มะปรางทันเห็นสายตาของตะวัน ก่อนจะรีบเข้าห้องไปทันที หัวใจเต้นแรงจนมือสั่น กุญแจห้องของเธอ หล่นที่หน้าห้องแต่กลับไม่รู้ตัว
“เข้าไปก่อนสิ”
“ได้ค่ะ”
ตะวันเดินออกมา และเก็บกุญแจห้องของเธอ เขาจำเธอได้เพราะเคยขึ้นลิฟต์ตัวเดียวกันเมื่อหลายวันก่อน
“พวงกุญแจกระต่ายน้อยเหรอ น่ารักไม่เบาเลยนี่”
อันตรายืนนิ่งอยู่หน้าห้อง ไม่กล้าเดินตามเขาเข้าไป แต่ภาวิชญ์เปิดประตูค้างเอาไว้ หันมายิ้มแบบกวน ๆ ให้เธอ และผงกหัวไปด้านข้างเชิงบอกว่า “เข้าไปสิยัยเฉิ่ม” ยิ่งทำให้อันตรารู้สึกอายมากขึ้น“อ้าว…นั่นหนูอันใช่ไหม”เมื่อนิลญาหันเป็นเห็นอันตรา ก็รีบเรียกให้เดินเข้ามา เธอจึงต้องรีบเดินมานั่งข้าง ๆ แม่ และทักทายคุณภาษิตและวิชุดา ซึ่งอีกฝ่ายดูพอใจมากที่เจอเธอในวันนี้ แต่ภาวิชญ์ที่นั่งข้าง ๆ แม่ของเขา แสดงอาการน่าเบื่อออกมาชัดเจน“นี่ภีมอย่าลืมทักทายคุณอาสิ”“อ้อ ครับ ๆ สวัสดีครับคุณอาเสกสรรค์ ไม่ได้พบกันนานเลยนะครับ”“ไม่ได้เจอกันนานเลย เดี๋ยวนี้ยังชอบท้าแข่งความเร็วอยู่หรือเปล่า”“โธ่คุณอาก็ชอบแซวผมอยู่เรื่อยเลย ก็เพราะคุณอาเปิดโลกให้ผมนั่นแหละครับ”“ฮ่า ๆ เด็กหนุ่มนี่ดีจริง ๆ”“ครับ ผมชงเหล้าให้คุณอาดีกว่า”“ได้เลย จัดมารู้ใจอยู่แล้วนี่”ภาวิชญ์กับเสกสรรชอบแข่งรถ พวกเขาจึงคุยกันถูกคอ และก่อนหน้านี้ก็เป็นเสกสรรค์ ที่ชักชวนเขาไปลองแข่งรถที่สนาม ซึ่งหลังจากนั้นภาวิชญ์ก็ค้นพบความชอบของเขาเอง เรื่องนี้เขาจึงขอบคุณเสกสรรค์มาก “หนูอันตรา แหมตายจริงไม่เจอกันไม่ถึงปี หนูสวยขึ้นมากเลยนะ”“ขอบคุณค่ะคุ
“อะไรนะคะ! คู่หมั้นเหรอ เมื่อไหร่กัน”“ผมไม่จำเป็นต้องบอกรายละเอียด “คนอื่น” เอาเป็นว่าพวกเราขอตัวก่อนนะครับ ไปเถอะน้องอัน ทำไมตัวเย็นแบบนี้ล่ะ รอเดี๋ยวนะ”ภาวิชญ์ถอดเสื้อสูทของเขา สวมทับให้อันตรา ต่อหน้าคนที่ได้ชื่อว่าเป็น “อดีตคนรัก” อย่างครีม ที่ได้แต่ยืนนิ่ง มองดูเขาแสดงความรักออกนอกหน้า อันตราที่ยืนงง ทำอะไรไม่ได้นอกจากพูดขอบคุณ และปล่อยให้ภาวิชญ์พาเดินเข้าไปด้านใน“ขอโทษด้วยนะ ที่พี่เสียมารยาท โกรธไหม”“เปล่าค่ะ พี่บอกว่าคนนั้น คือรุ่นน้องเหรอคะ”“ใช่ คนที่อยู่กับพี่ในห้องเรียนวันก่อน ที่อันได้ยิน”“คะ? ก็บอกแล้วว่าไม่ได้แอบฟัง แค่ตกใจเสียงประตู ก็เลยเดินไปดู”“เลยทำไอ้นี่ ตกไว้ใช่ไหม”ภาวิชญ์หยิบปากกาของเธอออกมา อันตราคิดว่ามันหายไปแล้วเสียอีก ที่แท้ก็ตกตอนที่เธอกำลังเก็บของหนีนั่นเอง“เอาคืนมานะคะ”“ได้สิ แต่ต้องช่วยพี่ก่อน”“ช่วย… ให้ช่วยอะไร”“ก็ได้ยินแล้วนี่ เมื่อกี้นี้พี่ประกาศชัดเจน”“อะไรนะคะ แต่ว่าเราพึ่งคุยกันว่าจะไม่…”“ไม่ถึงขนาดนั้น เอาเป็นว่าให้พี่พูดเอง”“แต่ว่า…”"มาเถอะน่า"“อย่าเอาแต่ใจตัวเองสิคะ”ภาวิชญ์ดึงอันตราเข้ามาในห้องว่าง และดันเธอไปติดผนังอีกครั้ง ตรงน
“มึงบ่นอะไรของมึงวะภาวิชญ์”“เปล่า ไม่รีบกลับเหรอ”“ไปสิ วันนี้มีนัด”ตะวันแยกตัวกลับไปทันที ส่วนคนอื่น ๆ ก็แยกกลับไปเช่นกัน เขากับก้องภพว่าจะไปสนามแข่ง ก็เลยกลับพร้อมกัน“มึงเป็นอะไรไป ทำไมเอาแต่ยิ้ม”“เปล่านี่ เออนี่ไอ้ก้อง”“ว่าไง”“มึงเคยคบใครเป็นแฟนจริงจังไหมวะ”“เชี่ยย อะไรเข้าสิงมึงวะ จู่ ๆ ถามอะไรน่าขนลุกแบบนี้ มึงอย่าบอกนะว่าอินกับ “คู่หมั้น” ที่พ่อแม่มึงเลือกให้”“ก็ไม่ขนาดนั้น แค่คิดว่า… ก็น่าสนใจดี”“น่าสนใจเหรอ ขั้นไหนล่ะ น่าสนใจของมึงมันน่ากลัวนะ ขนาดลากขึ้นเตียง ขย่มแล้วแยกย้าย หรือว่าอยากสานต่อ”“ไม่รู้สิ ไปเถอะ คืนนี้กูอยากแข่งรถ อยากปลดปล่อยสักหน่อย”“ไปสิ มัวรออะไรอยู่ล่ะ”ภาวิชญ์ลองโทรหาอันตรา ซึ่งเธอไม่รับสายเขา ตอนแรกคิดว่าเธออาจจะไม่ได้เมมเบอร์เขาไว้ ก็เลยตัดสินใจทักแชตข้อความเข้าไป เธอเปิดอ่านแต่ก็ไม่ได้ตอบ“อะไรวะ ไม่ใช่บล็อกฉันไปแล้วล่ะอันตรา เล่นแบบนี้ก็สนุกสิสาวน้อย เห็นเงียบ ๆ แบบนี้ เล่นลูกไม้แกล้งเมินเป็นกับเขาด้วยเหรอ”วันถัดมา / คณะวิศวะ“นั่นไง ไอ้ตะวันมาแล้ว”ตะวันเดินลงจากรถ เขาเดินมาด้วยอารมณ์ที่ดีเกินเหตุ เขาถึงกับยิ้มควงกุญแจและผิวปากเข้ามา “อาร
คณะวิศวะ“โชคร้ายจริง ๆ ทำไมต้องโดนใช้เอาของมาเก็บให้อาจารย์ด้วยนะ”“เอามานี่เถอะ รีบกลับไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวเราเอาไปเอง”“จะดีเหรออัน ไปด้วยกันเถอะ”“ไม่เป็นไร พอดีเราจะแวะไปที่นั่นอยู่แล้ว อีกอย่างของแค่ซองเดียวเอง นุ่นกลับไปก่อนเถอะ”“งั้นเราไปก่อนนะ ขอบใจมากนะอัน”“รีบไปเถอะ”“อันตรา” นักศึกษาคณะมนุษยศาสตร์ปีสอง เธอและเพื่อนในคลาส ถูกอาจารย์ใช้ ให้นำเอกสารมาส่งที่คณะวิศวะ ซึ่งอยู่ห่างจากคณะของเธอพอสมควร อันตราเป็นคนเงียบขรึม เด็กเนิร์ดที่เรียนดี เป็นที่รักของอาจารย์ ดังนั้นไม่ว่าเรื่องอะไร อาจารย์ก็มักจะวานเธอบ่อย ๆ เพราะความมีน้ำใจ อันตราจึงไม่ค่อยปฏิเสธ“ห้องไหนนะ อ้อ ห้องนี้เอง”เธอเปิดเข้าไป และนำเอกสารไปวางบนโต๊ะของอาจารย์ ที่แจ้งอยู่หน้าซอง และกำลังเดินออกจากห้อง ก็ได้ยินเสียงแปลก ๆ ตรงสุดทางเดินปึง!เสียงเหมือนประตูกระแทกกับอะไรสักอย่าง เธอจึงเดินไปดูใกล้ ๆ แต่ยิ่งเข้าไปใกล้เท่าไหร่ ก็ได้ยินเสียงแปลก ๆ ลอดออกมา ซึ่งเป็นเสียงเหมือนคนกระซิบกันอยู่ข้างใน ประตูสั่นอีกครั้งพร้อมกับเสียง“อย่านะคะ ไม่อย่างนั้นเค้กจะ…อ๊ะ! พี่ภาวิชญ์!”“ภาวิชญ์” เธอคุ้นกับชื่อนี้ แต่ไม่รู้ว่าจะใช่คนท
“มึงบ่นอะไรของมึงวะภาวิชญ์”“เปล่า ไม่รีบกลับเหรอ”“ไปสิ วันนี้มีนัด”ตะวันแยกตัวกลับไปทันที ส่วนคนอื่น ๆ ก็แยกกลับไปเช่นกัน เขากับก้องภพว่าจะไปสนามแข่ง ก็เลยกลับพร้อมกัน“มึงเป็นอะไรไป ทำไมเอาแต่ยิ้ม”“เปล่านี่ เออนี่ไอ้ก้อง”“ว่าไง”“มึงเคยคบใครเป็นแฟนจริงจังไหมวะ”“เชี่ยย อะไรเข้าสิงมึงวะ จู่ ๆ ถามอะไรน่าขนลุกแบบนี้ มึงอย่าบอกนะว่าอินกับ “คู่หมั้น” ที่พ่อแม่มึงเลือกให้”“ก็ไม่ขนาดนั้น แค่คิดว่า… ก็น่าสนใจดี”“น่าสนใจเหรอ ขั้นไหนล่ะ น่าสนใจของมึงมันน่ากลัวนะ ขนาดลากขึ้นเตียง ขย่มแล้วแยกย้าย หรือว่าอยากสานต่อ”“ไม่รู้สิ ไปเถอะ คืนนี้กูอยากแข่งรถ อยากปลดปล่อยสักหน่อย”“ไปสิ มัวรออะไรอยู่ล่ะ”ภาวิชญ์ลองโทรหาอันตรา ซึ่งเธอไม่รับสายเขา ตอนแรกคิดว่าเธออาจจะไม่ได้เมมเบอร์เขาไว้ ก็เลยตัดสินใจทักแชตข้อความเข้าไป เธอเปิดอ่านแต่ก็ไม่ได้ตอบ“อะไรวะ ไม่ใช่บล็อกฉันไปแล้วล่ะอันตรา เล่นแบบนี้ก็สนุกสิสาวน้อย เห็นเงียบ ๆ แบบนี้ เล่นลูกไม้แกล้งเมินเป็นกับเขาด้วยเหรอ”วันถัดมา / คณะวิศวะ“นั่นไง ไอ้ตะวันมาแล้ว”ตะวันเดินลงจากรถ เขาเดินมาด้วยอารมณ์ที่ดีเกินเหตุ เขาถึงกับยิ้มควงกุญแจและผิวปากเข้ามา “อาร
“อะไรนะคะ! คู่หมั้นเหรอ เมื่อไหร่กัน”“ผมไม่จำเป็นต้องบอกรายละเอียด “คนอื่น” เอาเป็นว่าพวกเราขอตัวก่อนนะครับ ไปเถอะน้องอัน ทำไมตัวเย็นแบบนี้ล่ะ รอเดี๋ยวนะ”ภาวิชญ์ถอดเสื้อสูทของเขา สวมทับให้อันตรา ต่อหน้าคนที่ได้ชื่อว่าเป็น “อดีตคนรัก” อย่างครีม ที่ได้แต่ยืนนิ่ง มองดูเขาแสดงความรักออกนอกหน้า อันตราที่ยืนงง ทำอะไรไม่ได้นอกจากพูดขอบคุณ และปล่อยให้ภาวิชญ์พาเดินเข้าไปด้านใน“ขอโทษด้วยนะ ที่พี่เสียมารยาท โกรธไหม”“เปล่าค่ะ พี่บอกว่าคนนั้น คือรุ่นน้องเหรอคะ”“ใช่ คนที่อยู่กับพี่ในห้องเรียนวันก่อน ที่อันได้ยิน”“คะ? ก็บอกแล้วว่าไม่ได้แอบฟัง แค่ตกใจเสียงประตู ก็เลยเดินไปดู”“เลยทำไอ้นี่ ตกไว้ใช่ไหม”ภาวิชญ์หยิบปากกาของเธอออกมา อันตราคิดว่ามันหายไปแล้วเสียอีก ที่แท้ก็ตกตอนที่เธอกำลังเก็บของหนีนั่นเอง“เอาคืนมานะคะ”“ได้สิ แต่ต้องช่วยพี่ก่อน”“ช่วย… ให้ช่วยอะไร”“ก็ได้ยินแล้วนี่ เมื่อกี้นี้พี่ประกาศชัดเจน”“อะไรนะคะ แต่ว่าเราพึ่งคุยกันว่าจะไม่…”“ไม่ถึงขนาดนั้น เอาเป็นว่าให้พี่พูดเอง”“แต่ว่า…”"มาเถอะน่า"“อย่าเอาแต่ใจตัวเองสิคะ”ภาวิชญ์ดึงอันตราเข้ามาในห้องว่าง และดันเธอไปติดผนังอีกครั้ง ตรงน
อันตรายืนนิ่งอยู่หน้าห้อง ไม่กล้าเดินตามเขาเข้าไป แต่ภาวิชญ์เปิดประตูค้างเอาไว้ หันมายิ้มแบบกวน ๆ ให้เธอ และผงกหัวไปด้านข้างเชิงบอกว่า “เข้าไปสิยัยเฉิ่ม” ยิ่งทำให้อันตรารู้สึกอายมากขึ้น“อ้าว…นั่นหนูอันใช่ไหม”เมื่อนิลญาหันเป็นเห็นอันตรา ก็รีบเรียกให้เดินเข้ามา เธอจึงต้องรีบเดินมานั่งข้าง ๆ แม่ และทักทายคุณภาษิตและวิชุดา ซึ่งอีกฝ่ายดูพอใจมากที่เจอเธอในวันนี้ แต่ภาวิชญ์ที่นั่งข้าง ๆ แม่ของเขา แสดงอาการน่าเบื่อออกมาชัดเจน“นี่ภีมอย่าลืมทักทายคุณอาสิ”“อ้อ ครับ ๆ สวัสดีครับคุณอาเสกสรรค์ ไม่ได้พบกันนานเลยนะครับ”“ไม่ได้เจอกันนานเลย เดี๋ยวนี้ยังชอบท้าแข่งความเร็วอยู่หรือเปล่า”“โธ่คุณอาก็ชอบแซวผมอยู่เรื่อยเลย ก็เพราะคุณอาเปิดโลกให้ผมนั่นแหละครับ”“ฮ่า ๆ เด็กหนุ่มนี่ดีจริง ๆ”“ครับ ผมชงเหล้าให้คุณอาดีกว่า”“ได้เลย จัดมารู้ใจอยู่แล้วนี่”ภาวิชญ์กับเสกสรรชอบแข่งรถ พวกเขาจึงคุยกันถูกคอ และก่อนหน้านี้ก็เป็นเสกสรรค์ ที่ชักชวนเขาไปลองแข่งรถที่สนาม ซึ่งหลังจากนั้นภาวิชญ์ก็ค้นพบความชอบของเขาเอง เรื่องนี้เขาจึงขอบคุณเสกสรรค์มาก “หนูอันตรา แหมตายจริงไม่เจอกันไม่ถึงปี หนูสวยขึ้นมากเลยนะ”“ขอบคุณค่ะคุ
เมื่อเขาเข้าไปในห้องแล้ว เธอก็รีบเดินกลับมาและรีบวิ่งเข้าห้องของตัวเองทันที “เป็นเขาหรอกเหรอ”เธอต้องจำเขาได้แน่นอน เพราะรุ่นพี่คณะวิศวะคนนี้ ค่อนข้างจะเสน่ห์แรง และดังในหมู่สาว ๆ แต่เธอจำไม่ได้เลยว่าเขาเป็นคนแบบนี้“ไหนบอกว่าเขาเป็นเด็กเนิร์ด ๆ เงียบและรักสงบไม่ใช่เหรอ”“ตะวัน” หนุ่มคณะวิศวะ ที่แต่งกายถูกระเบียบทุกกระเบียดนิ้ว เขาเป็นคนเงียบ ๆ แม้ว่าจะมีกลุ่มเพื่อนสนิทที่คบหากันอยู่ไม่กี่คน แต่พวกเขาก็โดดเด่น จนที่มหาลัยเรียกพวกเขาว่า “จตุรเทพคณะวิศวะ” เพราะนอกจากความหล่อแล้ว พวกเขายังเรียนเก่งอีกด้วย“แกว่ายังไงนะ จะ…จตุรเทพวิศวะงั้นเหรอ คนไหนละ”“คนที่ชื่อตะวัน”“พี่ตะวัน หล่อนุ่มเหมือนคอร์กเทลมาร์ตินี่น่ะเหรอ”“นุ่มเหรอ เนตรนี่แกเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า”เธอนั่งคุยกับกลุ่มเพื่อน ๆ ที่ม้าหินอ่อน หน้าคณะของตัวเอง หลังเลิกเรียนแล้วรุ่นน้องก็เริ่มทยอยกลับ วันนี้พวกเธอเลยแวะนั่งคุยกันก่อนกลับ “ไม่ผิดนะ พี่ตะวันคนที่หล่อ ๆ เนี้ยบ ๆ หน่อยเป็นลูกชายเจ้าของธุรกิจขายรถยนต์หรู เงียบ นิ่งเหมือนเจ้าชาย”“เหอะ เจ้าชายกะผีน่ะสิ”สองคืนก่อน“อ๊าาส์ ตะวันคะเบาหน่อย รูจะแหกอยู่แล้ว อ๊าาส์…”เสียงร้
คณะวิศวะ“โชคร้ายจริง ๆ ทำไมต้องโดนใช้เอาของมาเก็บให้อาจารย์ด้วยนะ”“เอามานี่เถอะ รีบกลับไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวเราเอาไปเอง”“จะดีเหรออัน ไปด้วยกันเถอะ”“ไม่เป็นไร พอดีเราจะแวะไปที่นั่นอยู่แล้ว อีกอย่างของแค่ซองเดียวเอง นุ่นกลับไปก่อนเถอะ”“งั้นเราไปก่อนนะ ขอบใจมากนะอัน”“รีบไปเถอะ”“อันตรา” นักศึกษาคณะมนุษยศาสตร์ปีสอง เธอและเพื่อนในคลาส ถูกอาจารย์ใช้ ให้นำเอกสารมาส่งที่คณะวิศวะ ซึ่งอยู่ห่างจากคณะของเธอพอสมควร อันตราเป็นคนเงียบขรึม เด็กเนิร์ดที่เรียนดี เป็นที่รักของอาจารย์ ดังนั้นไม่ว่าเรื่องอะไร อาจารย์ก็มักจะวานเธอบ่อย ๆ เพราะความมีน้ำใจ อันตราจึงไม่ค่อยปฏิเสธ“ห้องไหนนะ อ้อ ห้องนี้เอง”เธอเปิดเข้าไป และนำเอกสารไปวางบนโต๊ะของอาจารย์ ที่แจ้งอยู่หน้าซอง และกำลังเดินออกจากห้อง ก็ได้ยินเสียงแปลก ๆ ตรงสุดทางเดินปึง!เสียงเหมือนประตูกระแทกกับอะไรสักอย่าง เธอจึงเดินไปดูใกล้ ๆ แต่ยิ่งเข้าไปใกล้เท่าไหร่ ก็ได้ยินเสียงแปลก ๆ ลอดออกมา ซึ่งเป็นเสียงเหมือนคนกระซิบกันอยู่ข้างใน ประตูสั่นอีกครั้งพร้อมกับเสียง“อย่านะคะ ไม่อย่างนั้นเค้กจะ…อ๊ะ! พี่ภาวิชญ์!”“ภาวิชญ์” เธอคุ้นกับชื่อนี้ แต่ไม่รู้ว่าจะใช่คนท