คุณนายใหญ่ฟู่หัวเราะเยาะหลานสาวตัวเองที่ดูไร้เดียงสา “ถ้าไปอยู่กับแม่ หนูอาจจะไม่มีเงินจ่ายค่าเทอมด้วยซ้ำ!”เธอรู้ว่าโจวโจวยังเด็กเกินกว่าจะคาดเดาได้ว่าตัวเองจะต้องเจอกับอะไรบ้างในอนาคตสายตาที่คุณนายใหญ่ฟู่มองเจียงหว่านเยวี่ย เต็มไปด้วยความเคียดแค้น“ฉันจะรอดูว่าคนที่เรียนจบแค่ปริญญาตรีอย่างแก จะเลี้ยงดูโจวโจวได้ยังไง!”“ตอนนี้โจวโจวยังไม่รู้หรอกว่าชีวิตของเธอกำลังตกต่ำลง เธอกับตูตูถูกกั้นด้วยเหวลึกที่ไม่อาจก้าวข้ามได้แล้ว!”“ไม่ว่าแกจะพยายามแค่ไหน โจวโจวก็ไม่มีทางไปถึงระดับเดียวกับตูตูได้หรอก!”เจียงหว่านเยวี่ยพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “ลูกทั้งสองคนของฉันคลอดออกมาจากท้องเดียวกัน สิ่งที่ตูตูมี โจวโจวก็ต้องมี”“ในเมื่อตระกูลฟู่ไม่สามารถมอบความยุติธรรมให้ได้ ฉันก็จะพาโจวโจวไปเอง จะช่วยให้เธอเติบโตในแบบที่เธอต้องการ!”เจียงหว่านเยวี่ยกำลังจะพาโจวโจวออกไป ก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งถือกระเป๋าเอกสารเดินเข้ามาในหอประชุมชายวัยกลางคนที่เดินนำหน้า สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวราคาถูกกับกางเกงสแล็คสีดำ เจียงหว่านเยวี่ยหรี่ตาลง บังเอิญได้เจอคนรู้จักซะแล้ว“ผู้…ผู้อำนวยการ?” เสียงอาจารย์ใหญ่ดังขึ้นด้วยความตก
ผู้อำนวยการไป๋พูดกับครูใหญ่ว่า “ผมเพิ่งลงจากเครื่องบิน ก็รีบเดินทางจากสนามบินเพื่อมาจัดการเรื่องนี้ ถ้าเธอไม่ลาออก อย่าว่าแต่รับนักเรียนใหม่เลย ผมดูทรงแล้วโรงเรียนฉงเต๋อของพวกคุณคงจะรักษานักเรียนเก่าไว้ไม่อยู่หรอก!”ครูใหญ่หันไปมองคุณนายใหญ่ฟู่ด้วยความร้อนรนคุณนายใหญ่ฟู่ส่งสายตาให้เขา “คุณหลิว พวกเราตระกูลฟู่เป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่ที่สุดของฉงเต๋อนะ…”ครูใหญ่ทำสีหน้าลำบากใจ อันดับแรก เขาไม่อยากเสียการสนับสนุนทางการเงินจากตระกูลฟู่ อันดับสอง เขาไม่อยากขัดใจกระทรวงศึกษาธิการ“แม่ครับ พอได้แล้ว!”เสียงของฟู่หานชวนสามารถทำให้บรรยากาศรอบตัวเย็นเยือกลงได้ “ยังขายหน้าไม่พออีกเหรอ!”เขาพูดกับท่านผู้อำนวยการไป๋ว่า “ตำแหน่งกรรมการบริหารโรงเรียนของแม่ ผมจะรับช่วงต่อเองครับ”บรรยากาศที่ทรงอำนาจของชายคนนี้ ไม่อนุญาตให้ใครปฏิเสธได้ทั้งนั้นสายตาของท่านผู้อำนวยการไป๋กวาดไปมาระหว่างฟู่หานชวนกับเจียงหว่านเยวี่ย เขาหัวเราะ “ผมเชื่อว่าประธานฟู่จะทำได้ดีกว่าแม่ของคุณ”เจียงหว่านเยวี่ยพูดกับโจวโจวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เราไปกันเถอะ”“เจียงหว่านเยวี่ย!” เสียงของฟู่หานชวนดังขึ้นด้านหลังเจียงหว่านเยวี่
เจียงหว่านเยวี่ยเปิดกล่องของขวัญ ภายในมีสร้อยข้อมือไพลินวางอยู่เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย หยิบสร้อยข้อมือขึ้นมาแล้วถาม "สร้อยข้อมือนี่ยาวเท่าไหร่""14.2"ชายหนุ่มตอบทันควันเจียงหว่านเยวี่ยยิ้ม แต่ในลำคอรู้สึกขมปร่า"นั่นมันขนาดข้อมือของหนานเซิง"เธอยื่นมือออกไปนอกหน้าต่าง สร้อยข้อมือไพลินที่ส่องประกายร่วงหล่นจากฝ่ามือเธอฟู่หานชวนขมวดคิ้วเล็กน้อย ดวงตาคมกริบปรากฏระลอกคลื่นแห่งอารมณ์ "เธออิจฉาหนานเซิง ถึงได้พยายามหาเรื่องฉันนัก""ฉันกับหนานเซิงรู้จักกันมามากกว่ายี่สิบปี ถ้าพวกเราสองคนจะมีอะไรกันจริง เธอไม่มีสิทธิ์แทรกเข้ามาหรอก"คำพูดของฟู่หานชวนราวกับไปสะกิดความทรงจำอันเลือนรางบางอย่างของเจียงหว่านเยวี่ยกระจกมองหลังสะท้อนรอยยิ้มที่แตกสลายของเธอ"คุณยังจำได้ไหมเมื่อสามปีก่อน มีอยู่คืนหนึ่ง คุณออกไปหาเจียงหนานเซิงกะทันหัน ปล่อยให้ฉันไปโรงพยาบาลคนเดียว วันนั้นฉันไข้ขึ้น 39 องศา หมอประจำบ้านก็ลาพัก พวกคนรับใช้ก็เลิกงานหมดแล้ว ฉันหวังว่าเธอจะขับรถไปส่ง..."ในขณะที่เจียงหว่านเยวี่ยเล่า ฟู่หานชวนก็เริ่มนึกออก"เธอก็นั่งแท็กซี่ไปโรงพยาบาลได้ไม่ใช่เหรอ"ทำไมเจียงหว่านเยวี่ยถึงเก็บเรื
“อ๊า!” เจียงหนานเซิงร้องเสียงหลงอยู่ข้างหลังฟู่หานชวนฟู่หานชวนหันกลับไปก็เห็นเจียงหนานเซิงล้มอยู่บนพื้นผมเผ้าของเธอรุงรัง เธอเงยหน้าขึ้น มองฟู่หานชวนด้วยแววตาเว้าวอน“พี่หานชวน...”ภาพความทรงจำที่ไม่อาจลบเลือนได้ผุดขึ้นมาซ้อนทับกับภาพตรงหน้า ฟู่หน่วนซีที่เสียชีวิตไปตอนอายุ 18 ปี ก็เคยร้องเรียกเขาแบบนี้ซ้ำๆ ท่ามกลางกองเพลิงฟู่หานชวนเดินไปหาเจียงหนานเซิงแล้วช่วยพยุงเธอขึ้นมาเจียงหนานเซิงขึ้นรถของฟู่หานชวน พยายามเก็บซ่อนความดีใจที่แทบจะปรากฏออกมาทางแววตา“สร้อยข้อมือเส้นนี้ นายจะเอายังไงต่อ?”เจียงหนานเซิงแบมือออกแล้วถามเขา“ทิ้งไป” เสียงของผู้ชายเย็นชาถึงขีดสุด“ได้เลย!” เจียงหนานเซิงตอบรับอย่างไม่ยี่หระ พร้อมทำท่าทางเหมือนโยนกำไลออกไปนอกหน้าต่างรถแต่เธอบิดข้อมืออย่างว่องไว แอบเก็บกำไลใส่กระเป๋าตัวเองอย่างแนบเนียน*ห้องทำงาน คฤหาสน์ตระกูลฟู่ชายหนุ่มหน้าตาคมคายนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน กำลังอ่านแฟ้มประวัติการรักษาของเจียงหว่านเยวี่ยสายตาของเขาหยุดอยู่ที่คำว่า “ยุติการตั้งครรภ์”ฟู่หานชวนรู้สึกหายใจไม่ออกเหมือนคนกำลังจะจมน้ำเสียงหัวใจของทารกที่เต้นอย่างรวดเร็วและหนักแ
ทนายเฉินสังเกตเห็นว่าเสิ่นอั้นอารมณ์ดีมาก "ลูกค้ารายใหญ่เหรอครับ?""อืม"ทนายเฉินถามด้วยความอยากรู้ "ลูกค้ารายใหญ่แค่ไหนกันครับ ถึงทำให้ท่านประธานมีความสุขขนาดนี้"เสิ่นอั้นพูดว่า "ถ้าชนะคดีนี้ ผมจะกลับบ้านไปแต่งงาน"เหล่าทนายความต่างเบิกตากว้างเสิ่นอั้นเป็นหนุ่มโสดเนื้อหอมชื่อดังในแวดวงสังคมระดับสูงของปักกิ่ง แต่มีอาการแพ้ผู้หญิง เป็นพวกไม่สนใจความรักด้วยหน้าที่การงานของเขา ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชายก็ไม่มีใครกล้าเล่นตุกติกกับเขา เพราะไม่ว่าหญิงหรือชายที่เคยเล่นตุกติกกับเขา ล้วนถูกเขาส่งเข้าศาลหรือสถานีตำรวจทั้งห้องประชุมเต็มไปด้วยความเคลื่อนไหว ลูกค้าและคดีนี้ต้องยิ่งใหญ่ขนาดไหนกันนะ ถึงทำให้เสิ่นอั้นตัดสินใจเปิดหนังสือบทใหม่ให้กับชีวิตตัวเอง?*เจียงหว่านเยวี่ยไม่ต้องรอนานนัก ผู้จัดการของบริษัทหลักทรัพย์หัวไท่ก็โทรมาหาเธอ"ฉันมีเงิน สามร้อยล้านบาท อยากลงทุนในตลาดหุ้นน่ะค่ะ"ผู้จัดการตกใจ "สามร้อยล้านบาทเหรอครับ? งั้นคุณเจียงต้องมาที่บริษัทเราเพื่อเปิดบัญชีด้วยตัวเองนะครับ"เจียงหว่านเยวี่ยพาโจวโจวเข้าไปในตึกของบริษัทหลักทรัพย์หัวไท่ โจวโจวมองไปรอบๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็
“โอเค เข้าใจแล้ว”ฟู่หานชวนกำลังจะวางสาย แต่ก็ถามขึ้นมาอีกอย่างว่า “เจียงหว่านเยวี่ยติดต่อคุณได้ยังไง?”ผู้จัดการหงตอบอย่างนอบน้อมว่า “ทนายความเสิ่นผู้ยิ่งใหญ่เป็นคนแนะนำคุณเจียงให้ผมครับ”ฟู่หานชวนลืมตาขึ้นมา ดวงตาที่แยกสีขาวดำชัดเจนถูกปกคลุมด้วยความมืดมน “เสิ่นอั้น?”ผู้จัดการหงพยักหน้า “ใช่ครับ เป็นเขาเอง”ฟู่หานชวนไม่พูดอะไรอีก ใบหน้าหล่อเหลาของเขามีความเย็นชาแผ่ออกมาอย่างต่อเนื่อง*เมื่อเจียงหว่านเยวี่ยกลับมาถึงบ้าน คนรับใช้ก็เตรียมอาหารเย็นไว้เรียบร้อยแล้วเธอหย่าแล้ว เธอต้องคุยเรื่องนี้กับพ่อแม่ให้เข้าใจเจียงหว่านเยวี่ยพาโจวโจวขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน หลังจากโจวโจวล้างมือเสร็จ เธอก็จูงมือโจวโจวออกมา และบังเอิญเจอกับพ่อแม่เข้าพอดี“ลูกสาวคนโตกลับมาแล้ว~” เจียงเซิ่งถิงมารดาของเธอ กำลังนอนพิงอกของเจียงเซิ่งถิงผู้เป็นบิดาของเธอ ด้วยท่าทางเหมือนเจ้าหญิงถูกอุ้มถังซินเป่ามีใบหน้าดูอ่อนเยาว์กว่าวัย เหมือนอายุเพิ่งจะแค่สามสิบกว่าๆ แต่ความจริงเธออายุสี่สิบหกแล้วหลังจากที่เจียงหว่านเยวี่ยได้รับการยอมรับกลับเข้าสู่ครอบครัวเจียง เธอก็ไม่ค่อยเห็นแม่ของเธอออกไปไหนแม่ของเธอมั
เจียงหว่านเยวี่ยยิ้มเยาะ “ขยะที่ฉันทิ้งมีเยอะแยะ เธอค่อยๆ เก็บไปละกัน”ถึงเจียงหนานเซิงจะแก้ผ้านอนบนเตียงของฟู่หานชวน ก็ไม่สามารถกระตุ้นความโกรธของเจียงหว่านเยวี่ยได้แม้แต่น้อยเธอได้แต่ยิ้มเยาะมองดูเจียงหนานเซิงพังพินาศเมื่อรู้ว่าสร้อยข้อมือของเจียงหนานเซิงเป็นของที่ฟู่หานชวนให้ เจียงเซิ่งถิงกลับรู้สึกสบายใจ นี่แสดงให้เห็นว่าเจียงหนานเซิงยังคงกุมหัวใจของฟู่หานชวนเอาไว้แน่นบนโต๊ะอาหาร เจียงเซิ่งถิงหันปลายหอกมาทางเจียงหว่านเยวี่ย“คุณฟู่ขอหย่ากับเธอ แน่นอนว่าเธอต้องทำอะไรผิดสักอย่างจนทำให้เขาโกรธ! ฉันขอสั่งให้เธอรีบไปคืนดีกับเขาซะ! บ้านเราไม่ต้อนรับผู้หญิงที่ผ่านการหย่าร้าง! จริงๆ เลย เธอไม่รู้สึกอายบ้างเหรอ? ผู้หญิงอายุสามสิบกว่ามีลูกติด ใครจะไปอยากได้เธอ!”เจียงหว่านเยวี่ยกินข้าวอย่างช้าๆ พร้อมกับคอยดูแลโจวโจวเป็นระยะ“พ่อคะ ไม่คิดจะถามฉันหน่อยเหรอว่าทำไมถึงหย่ากับฟู่หานชวน?”“ทำไม เพราะอะไร? แม้แต่ผู้ชายคนเดียวก็ยังรักษาไว้ไม่ได้! เธอรู้อะไรบ้างไหม การแต่งงานกับตระกูลฟู่ครั้งนั้น ฉันต้องไปอ้อนวอนขอร้องเขาขนาดไหน เธอคงใช้ชีวิตสุขสบายมากเกินไปสินะถึงได้เหลิงแบบนี้!”“พ่อคะ”
“กรี๊ด!!” ถังซินเป่าร้องเสียงหลงด้วยความตกใจสุดขีดในขณะที่โต๊ะกลมถูกพลิกคว่ำ เจียงเซิ่งถิงรีบอุ้มถังซินเป่าถอยหลังหนีไปหลายก้าวเมื่อเจียงหว่านเยวี่ยเห็นดังนั้น เธอก็รีบวิ่งไปอุ้มโจวโจวแล้ววิ่งเข้าครัวซึ่งอยู่ใกล้ที่สุด“ฮือๆ! เซิ่งถิง ฉันกลัว!” ถังซินเป่ากอดคอเจียงเซิ่งถิงแน่นเจียงเซิ่งถิงลูบไหล่ถังซินเป่าเบาๆ “ถังเอ๋อร์อย่ากลัว เดี๋ยวฉันจะตบสั่งสอนพวกเธอสองคนให้หลาบจำเอง!”ถังซินเป่าตัวสั่นเทาเจียงหนานเซิงยิ้มเยาะอย่างสะใจตั้งแต่เจียงหว่านเยวี่ยกลับมาอยู่บ้านตระกูลเจียง ยังไม่เคยโดนเจียงเซิ่งถิงตบเลยนี่เจียงเซิ่งถิงตบตีลูกสาวและหลานสาว ฉากนี้น่าสนใจจริงๆ!“เจียงหว่านเยวี่ย! ออกมานะ!” เจียงเซิ่งถิงเดินไปทางครัวพร้อมกับปลดหัวเข็มขัดเขาดึงเข็มขัดออกมาเหมือนผู้คุมที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดีในตอนนั้นเอง ร่างของเจียงหว่านเยวี่ยก็ปรากฏขึ้นที่หน้าประตูครัวเธอถือมีดปลายแหลมอยู่ในมือเธอให้โจวโจวหลบในครัว ส่วนตัวเองยืนขวางประตูครัวไว้ราวกับขุนศึกที่เฝ้าประตูเมืองดวงตาของเจียงหว่านเยวี่ยแดงก่ำ เมื่อเห็นเข็มขัดในมือของเจียงเซิ่งถิง กลับยิ่งปลุกสัญชาตญาณความเป็นแม่และความ
ฟู่หานชวนเอาแต่ใจตัวเอง ทุกคนต้องทำตามกฎของเขา"แบล็คโฮล บูกัตติ ลา วัวตูร์ นัวร์และแอสตัน มาร์ติน วัลคีรี่"เจียงหว่านเยวี่ยพูดชื่อรถที่เธอต้องการเป็นภาษาอังกฤษ นี่คือรถสามคันที่แพงที่สุดในโรงรถของฟู่หานชวนพริบตานั้น สายตาของชายหนุ่มเปลี่ยนไปทอประกายคมกริบ ราวกับจะทะลุหมวกกันน็อคที่สวมอยู่บนใบหน้าของเจียงหว่านเยวี่ย"เธอรู้ได้ยังไงว่าในโรงรถของฉันมีบูกัตติ ลา วัวตูร์ นัวร์และแอสตัน มาร์ติน วัลคีรี่!"บรรยากาศรอบตัวฟู่หานชวนช่างกดดัน ถ้าเป็นคนอื่นคงกลัวจนขาสั่นไปแล้วเจียงหว่านเยวี่ยอยู่กับเขามานาน บรรยากาศกดดันของเขาไม่มีผลกับเธออีกต่อไป"ในเมื่อประธานฟู่สามารถสร้างรถแข่งที่สมบูรณ์แบบอย่าง แบล็คโฮลได้ ก็ต้องเป็นคนรักรถแน่นอน ฉันเดาว่ารถสปอร์ตสมรรถนะสูงสองคันนี้ต้องอยู่ในโรงรถของคุณ ประธานฟู่ ยอมยกให้ฉันไหมคะ"คำอธิบายของลูน่าก็ฟังดูสมเหตุสมผล ในฐานะนักแข่งรถมืออาชีพ เธอสามารถเดาได้ว่าในโรงรถของฟู่หานชวนมีรถสปอร์ตอะไรบ้างอย่างไรก็ตาม สายตาลึกล้ำของชายหนุ่มจับจ้องที่ลูน่า "เธอรู้จักฉันดีนะ"เขารู้สึกประหลาดใจว่าเขากับลูน่าเหมือนเคยรู้จักกันมาก่อนฟู่หานชวนอยากถอดหมวกกันน็อค
เจียงหนานเซิงขี่มอเตอร์ไซค์มาหลายปี แต่นี่เป็นครั้งแรกที่รู้สึกถึงความอ่อนด้อยและความห่างชั้น!เธอกับลูน่าไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเลยนี่คือการถล่มและบดขยี้เจียงหนานเซิงฝ่ายเดียวจากลูน่าตูตูมองดูลูน่าอยู่นาน ก่อนจะสังเกตเห็นเจียงหนานเซิง เขากอดอกพองแก้มพูดอย่างไม่พอใจ"พี่เซิงขี่ช้าจัง! อืดพอๆ กับเต่าเลย!"ฟู่หานชวนนั่งอยู่บนเก้าอี้ เขายังคงสวมชุดแข่งอยู่ ช่วงบนชุดแข่งถูกรูดซิปเปิดออก เผยให้เห็นหน้าอกที่แข็งแรงเคลื่อนไหวตามจังหวะการหายใจสายตาลึกล้ำของเขาจับจ้องไปที่เงาร่างของลูน่าไม่เคยมีใครดึงดูดความสนใจของเขาได้ขนาดนี้ บางทีนี่อาจเป็นเสน่ห์ของกีฬาเอ็กซ์ตรีม ที่ทำให้คนไม่อาจละสายตาไปได้เจียงหว่านเยวี่ยวิ่งครบสามรอบเป็นคนแรก เธอหยุดที่เส้นชัยและส่งสัญญาณให้เสิ่นอั้นเสิ่นอั้นสั่งให้คนไปติดต่อเจ้าหน้าที่ประจำห้องควบคุมเสียงของเจ้าหน้าที่ดังขึ้นข้างหูเจียงหนานเซิง "คุณเจียง คุณลูน่าเสร็จสิ้นการแข่งขันแล้ว กรุณาลงจากรถและวิ่งไปที่เส้นชัยตามข้อตกลงด้วยครับ"เจียงหนานเซิงตามหลังเจียงหว่านเยวี่ยถึงหนึ่งรอบครึ่ง นั่นหมายความว่าเธอต้องวิ่งเกือบห้ากิโลเมตร!แต่เจียงหนานเซิงไม่
สาวนักแข่งอันดับหนึ่งของประเทศจีนอย่างลูน่า ก็มีดีแค่นี้เองเหรอคืนนี้ เธอจะเอาชนะลูน่าให้ได้พรุ่งนี้ ชื่อเสียงของเธอจะต้องโด่งดังแน่นอน!โค้งแรกกำลังจะมาถึง"ฟิ้ว!"มอเตอร์ไซค์สีดำคันหนึ่งพุ่งผ่านเจียงหนานเซิงไปอย่างง่ายดาย ทิ้งห่างไปไกลลิบเจียงหนานเซิงถึงกับงงทำไมชั่วพริบตาเดียวลูน่าถึงได้นำหน้าเธอไปแล้วล่ะ?เจียงหนานเซิงเร่งความเร็วสุดกำลัง พยายามไล่ตาม แต่เมื่อผ่านโค้งต่อๆ มา ระยะห่างระหว่างทั้งสองคนก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ!"โอ้โห! ลูน่าเข้าโค้งโดยไม่ลดความเร็วเลย!""เจ๋งมาก! ทั้งที่นี่เป็นครั้งแรกที่เธอวิ่งในสนามนี้ ยังไม่ได้วอร์มอัพด้วยซ้ำ!""นี่แหละฝีมือของนักแข่งหญิงอันดับหนึ่งของประเทศจีน น่ากลัวจริงๆ!"เจียงหนานเซิงกัดฟันกรอด เมื่อไล่ตามเจียงหว่านเยวี่ยไม่ทัน เธอจึงต้องพึ่งความช่วยเหลือจากเพื่อนๆบนอัฒจันทร์ ขวดน้ำดื่มถูกโยนลงมาบนสนามแข่งในการขับขี่ด้วยความเร็วสูง แม้แต่ก้อนหินเล็กๆ บนถนนก็สามารถทำให้เกิดอุบัติเหตุได้มอเตอร์ไซค์คันใหญ่พุ่งผ่านมา ผู้ชมยังไม่ทันตั้งตัว ทุกคนคิดว่ารถของเจียงหว่านเยวี่ยจะต้องขับเหยียบขวดน้ำใบนั้น และจะต้องเกิดอุบัติเหตุอย่างแน่นอ
เมื่อได้ยินคำพูดของตูตู เจียงหนานเซิงก็หัวเราะเบาๆ อย่างไม่ใส่ใจ ฟู่หานชวนก็ไม่ได้สนใจคำพูดของลูกชายเช่นกันตูตูมองตามเงาร่างของลูน่าอย่างงงงวย นี่ต้องเป็นความเข้าใจผิดของเขาแน่ๆ!การเข้าใจผิดว่าลูน่าเป็นแม่ที่จุกจิกเรื่องมากของเขานั้น ถือเป็นการดูถูกลูน่า!!เมื่อเหล่าลูกคนรวยได้ยินว่าเจียงหนานเซิงจะแข่งรถบิ๊กไบค์กับลูน่า พวกเขาต่างก็เสนอรถของตัวเองให้ลูน่า"ลูน่า ขี่รถฉันสิ!""ลูน่า ขี่ของฉัน ขี่ของฉัน!"กลุ่มลูกคนรวยที่ล้อมรอบเธออยู่นี้ เจียงหว่านเยวี่ยรู้จักหน้าทุกคน หากเธอถอดหมวกกันน็อคออก คนพวกนี้คงไม่กระตือรือร้นกับเธอขนาดนี้พวกเขาเป็นเพื่อนสนิทของเจียงหนานเซิง ตอนที่เจียงหว่านเยวี่ยกลับมาบ้านตระกูลเจียงตอนอายุ 18 ปี เพื่อนๆ ของเจียงหนานเซิงต่างก็เป็นศัตรูกับเธอหลังจากนั้น เธอก็กลายเป็นคุณนายฟู่ ตามหลักแล้วพวกเขาควรจะเกรงใจฟู่หานชวนและไม่รังแกเจียงหว่านเยวี่ยมากนัก แต่ท่าทีของฟู่หานชวนเป็นตัวกำหนดท่าทีของลูกหลานตระกูลใหญ่เหล่านี้ที่มีต่อเจียงหว่านเยวี่ยเจียงหนานเซิงเข็นรถคู่ใจของตัวเองออกมา เมื่อเห็นเพื่อนสนิทในอดีตล้อมรอบลูน่าอยู่ สายตาที่เธอมองไปยังลูน่าก็มีแต่ความเ
คุณชายน้อยที่ได้รับการอบรมเลี้ยงดูอย่างดีจากตระกูลฟู่ ซึ่งเคยพบเจอผู้ใหญ่และสถานการณ์สำคัญมามากมาย แต่เมื่อเขายืนอยู่ข้างประตูรถ โซลาร์ คราวน์และกล่าวทักทายลูน่า หัวใจของตูตูกลับเต้นรัวด้วยความตื่นเต้นอย่างไรก็ตาม คนที่นั่งอยู่ในรถก็ไม่ได้ตอบสนอง"ลูน่า?"ตูตูเขย่งปลายเท้า เงยหน้าขึ้น มองเข้าไปในรถด้วยความอยากรู้เจียงหนานเซิงลงมาจากรถ เมื่อเห็นสองพ่อลูกตระกูลฟู่ยืนอยู่ข้างประตูรถโซลาร์ คราวน์ หัวใจของเธอก็รู้สึกถึงภัยคุกคามทันทีเจียงหนานเซิงเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว "ลูน่าใช่ไหม ได้ยินชื่อเสียงของคุณมานาน ได้ยินว่าคุณขี่มอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์เป็นด้วย ฉันก็เป็นนักบิดเหมือนกัน เราลองประลองฝีมือกันแบบตัวต่อตัวดูไหม?"ฟู่หานชวนแพ้ลูน่า เจียงหนานเซิงจึงอยากช่วยเขาเอาชนะอีกฝ่ายลูน่าเป็นนักแข่งรถมืออาชีพ เจียงหนานเซิงรู้ว่าเธอขี่มอเตอร์ไซค์เป็นแต่คิดว่าทักษะการขี่มอเตอร์ไซค์ของลูน่าคงไม่ถึงระดับมืออาชีพและหลังจากการแข่งออฟโรด พลังงานของลูน่าถูกใช้ไปมาก ถ้าเธอมาแข่งกับตัวเองอีกรอบ เจียงหนานเซิงคิดว่าโอกาสที่จะชนะลูน่ามีสูงหญิงสาวที่นั่งอยู่ในรถยังคงไม่ตอบสนองเจียงหนานเซิงพูดอย่างไ
เมื่อโซลาร์ คราวน์มาถึงเส้นชัย เจียงหว่านเยวี่ยยังรู้สึกงุนงงอยู่เธอจับพวงมาลัยด้วยมือทั้งสองข้าง ยังไม่ได้สติกลับมา"ลูน่า! คุณชนะแล้ว!!"เจียงหว่านเยวี่ยหันหน้าไปมองอย่างตกตะลึง เธอเห็นเสิ่นอั้นถอดหมวกกันน็อคออก ดวงตาคมเฉี่ยวของเขาเปล่งประกายระยิบระยับราวกับดวงดาวเขายื่นมือมาถอดหมวกกันน็อคของเจียงหว่านเยวี่ยออก ผมดำสลวยของหญิงสาวสยายลงมาดั่งผ้าไหมเจียงหว่านเยวี่ยพยายามสงบลมหายใจที่รุนแรงจนอกกระเพื่อม จากการเล่นกีฬาพาดโผนขั้นสุดเมื่อครู่นี้เธอเงยหน้าขึ้น เห็นในดวงตาสีคริสตัลของเสิ่นอั้นสะท้อนภาพเพียงเธอคนเดียว"ลูน่า ยินดีต้อนรับกลับมาครับ!" ในสายตาของเสิ่นอั้น เธอคือสมบัติล้ำค่า"คุณคือแชมป์ในใจผมเสมอ!" น้ำเสียงของเสิ่นอั้นฟังดูมั่นใจ เขายังไม่หายจากความรู้สึกตื่นเต้นของการขับรถอันโฉบเฉี่ยว หน้าอกของเขายังคงขยับขึ้นลง อุณหภูมิในรถเริ่มสูงขึ้นเจียงหว่านเยวี่ยจ้องมองเขา เอ่ยถามอย่างจริงจัง "ตั้งแต่ฉันเห็นโซลาร์ คราวน์ ฉันก็สงสัยมาตลอด คุณเสิ่นรู้ได้ยังไงคะว่าฉันคือลูน่า?"ก่อนที่เจียงหว่านเยวี่ยจะได้กลับมาเป็นคนตระกูลเจียง เธอใช้ชื่อลู่หว่านเยวี่ย ใบขับขี่แข่งรถของเธอก็ใ
เสิ่นอั้นทบทวนเส้นทางออฟโรดทั้งหมดในหัว เขายิ้มมุมปาก แววตาเป็นประกายวาววับ"เส้นทางข้างหน้าเป็นทางเรียบ ลูน่า คุณเหยียบให้มิดเลย!"โซลาร์ คราวน์ ที่ไม่ได้เปิดไฟหน้าพุ่งทะยานในความมืด เธอเชื่อใจเสิ่นอั้นอย่างสมบูรณ์ จนในที่สุดก็ทะลุผ่านความมืดออกมาเห็นแสงสว่างเสียงรถแข่งดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ผู้คนที่รออยู่ที่เส้นชัยต่างพยายามชะเง้อคอมองหลังจากรถแข่งเข้าสู่เขตแบล็กเอาต์แล้ว จอภาพใหญ่ด้านหลังอัฒจันทร์ก็มืดสนิทสิ่งนี้สร้างความระทึกให้กับทุกคนไม่มีใครรู้ว่ารถคันไหนจะเป็นคันแรกที่พุ่งออกมาจากเขตแบล็กเอาต์ กลับเข้าสู่เส้นทางปกติตูตูยืนเกาะราวกั้น จ้องมองไปยังที่ไกลๆ ท่ามกลางสายลมหนาวทันใดนั้น รถแข่งสีดำคันหนึ่งก็ปรากฏในสายตาของทุกคน จอภาพใหญ่สว่างขึ้นพร้อมกัน เสียงเชียร์และกรีดร้องดังกึกก้องจากอัฒจันทร์เป็นรถโซลาร์ คราวน์!โซลาร์ คราวน์พุ่งออกมาจากเขตแบล็กเอาต์ในตำแหน่งที่หนึ่งและคันที่ขับตามหลังรถโซลาร์ คราวน์มาติดๆ ก็คือแบล็คโฮลที่ขับโดยฟู่หานชวน"ลูน่า! พ่อ!!"ตูตูตะโกนสุดเสียงด้วยความตื่นเต้น เขาพนมมือสวดภาวนาในใจหวังว่าทั้งพ่อและลูน่าจะได้ที่หนึ่ง!แสงสว่างสะท้อนใ
"เหยียบเต็มสปีด เลี้ยวซ้าย""เลี้ยวขวาสามครั้ง ทางลาดลงเขาข้างหน้า ลดความเร็วลง!"แม้เจียงหว่านเยวี่ยจะพยายามจดจำเส้นทางออฟโรดผ่านแผนที่นำทางให้ได้มากที่สุด แต่ในฐานะนักแข่ง เธอไม่มีเวลามาคิดอะไรมากขณะที่เคลื่อนตัวด้วยความเร็วระดับนี้ในตอนนี้ เสิ่นอั้นคือสมองของเธอเสิ่นอั้นออกคำสั่งสั้นกระชับ สร้างแบบจำลองสามมิติของเส้นทางออฟโรดอันซับซ้อนบนภูเขาจงซิ่วในสมองของเขาเขาเหมือนผู้ควบคุมที่มองเห็นภาพรวมทั้งหมดบนกระดานหมากรุก คอยชี้นำทิศทางให้เจียงหว่านเยวี่ย"หานชวน! สู้ๆ!"เจียงหนานเซิงสังเกตเห็นว่าฟู่หานชวนเร่งความเร็วขึ้น เธอตะโกนด้วยความตื่นเต้นแผนที่นำทางที่ผู้นำทางใช้ เธอลืมไปนานแล้วว่าทิ้งไว้ที่ไหนเธอนั่งที่เบาะข้างคนขับ ทำหน้าที่เพียงเป็นเพื่อนร่วมทางของฟู่หานชวนเท่านั้นฟู่หานชวนก็ไม่ต้องการให้เจียงหนานเซิงเป็นผู้นำทางให้เขา เขาเชื่อมั่นในการตัดสินใจของตัวเองเสมอสนามแข่งรถบนภูเขาจงซิ่ว ฟู่หานชวนก็มีส่วนร่วมในการวางแผนและออกแบบ เขารู้สภาพเส้นทางที่ซับซ้อนในสนามดีกว่าใครแบล็กโฮลวิ่งคู่ขนานกับรถแข่งคันอื่นๆ รถในกลุ่มที่สองถูกโซลาร์ คราวน์ทิ้งห่างไว้ข้างหลังโซลาร์ คร
เจียงหนานเซิงนั่งอยู่ในรถของฟู่หานชวน เธอยิ้มมุมปากอย่างสงบนิ่ง มองไปยังรถแข่งสองคันที่กำลังไล่ตามโซลาร์ คราวน์เหล่าคุณชายลูกเศรษฐีที่เข้าร่วมการแข่งขัน พวกเขาก็มีกลยุทธ์ร่วมกันในเมื่อมีคนเข้าร่วมแข่งขันมากมาย หากต้องการชัยชนะ รถบางคันก็ต้องเสียสละภายใต้หมวกกันน็อคหนักอึ้ง ดวงตาอันแจ่มชัดของเจียงหว่านเยวี่ยปราศจากความกังวลและความกลัวเธอเปลี่ยนเกียร์อย่างคล่องแคล่ว ล้อด้านขวายกลอยขึ้นจากพื้น!เสิ่นอั้นรู้สึกได้ว่าระดับสายตาของตนพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว!เขาเบิกตากว้าง หัวใจเต้นรัวในอกดังก้องกังวานนี่คือ การตะแคงขับ!ล้อหน้าและหลังด้านขวาของรถแข่งลอยพ้นจากพื้นโดยสิ้นเชิง รถทั้งคันพุ่งไปข้างหน้าด้วยมุมเอียง 45 องศาคนขับรถที่ตั้งใจจะบีบ โซลาร์ คราวน์ เริ่มรู้สึกถึงเงาดำที่ทอดคลุมเหนือตัวเขาคุณชายที่นั่งเบาะข้างคนขับหันหน้าไปมอง เห็นช่วงล่างสีดำของรถที่ข้างหน้าต่าง!ราวกับสัตว์ร้ายที่ซ่อนตัวในหนองน้ำ กำลังอ้าปากกว้างใส่พวกเขา!ยางสีดำหมุนอยู่เหนือหลังคารถของพวกเขา ดั่งดาบที่แขวนอยู่เหนือศีรษะพวกเขาตกอยู่ในปากเสือแล้ว ล้อของรถกับหลังคารถของพวกเขาอาจชนกันได้ทุกเมื่อ!"เชี