จู่ ๆ ฉันก็นึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้รับการแจ้งเตือนเรื่องการหักเงินในบัญชีเงินฝากเลย ทำไมล่ะ? ฉันรีบตรวจสอบยอดเงินและพบว่ายังมีจำนวนเท่าเดิม ยังไม่มีการหักเงิน ทำไมเขายังไม่ถอนเงินออกไปล่ะ? ฉันไม่อยากคิดเรื่องนี้ให้รกสมอง บัตรธนาคารอยู่ที่เขาแล้ว เขาจะถอนออกมาเมื่อไหร่ก็ได้ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา รถแท็กซี่ก็มาจอดอยู่ที่ว่าการอำเภอ ถึงแม้ว่าฉันจะโอนเงินให้คนขับแท็กซี่แล้ว ก็อดจะกวาดสายตามองหามาร์คไม่ได้ฉันเดินไปยังทางเขาแล้วก้าวเข้าไปยังฝ่ายต้อนรับ บางทีเขาอาจเบื่อที่จะรออยู่ข้างนอก จึงตัดสินใจเข้ามารอในนี้ แต่เขาก็ไม่ได้อยู่ที่นี่เช่นกันฉันกลั้นความโกรธเกรี้ยวที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เอาไว้ สูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วตั้งสติ ก่อนจะหย่อนตัวนั่งบนเก้าอี้ตัวหนึ่งฝ่ายต้อนรับ ฉันพบว่าตัวเองนั่งอยู่ข้าง ๆ คู่รักที่น่ารักคู่หนึ่ง ซึ่งทำให้ฉันสงสัยว่าพวกเขามาที่นี่ทำไมฉันนั่งเคาะเท้าข้างหนึ่งบนพื้นรัว ๆ อยู่ตรงฝ่ายต้อนรับ ปลดล็อคหน้าจอโทรศัพท์เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ แล้วถอนหายใจด้วยความหงุดหงิด และเมื่อฉันมองดูเวลาก็ทำให้ฉันรู้สึกโกรธมากขึ้นตอนนี้เป็นเวลา 8:30 น.! ฉันนั่งรอมาครึ่งชั่วโ
ฉันนั่งแท็กซี่อีกคันหนึ่งมุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์ของตะกูลตอร์เรสพร้อมกับถอนหายใจด้วยความรู้สึกยอมแพ้ ฉันรู้ว่าคุณยายดอริสจะอยู่ที่นั่น คฤหาสน์หลังนี้เป็นของคุณยายมากกว่าจะเป็นของโรสแต่เนื่องจากคุณยายดอริสไม่ค่อยได้อยู่บ้าน นิสัยแสนมีชีวิตชีวาของท่านทำให้ไม่ชอบจะติดแหงกอยู่ที่ใดที่หนึ่ง ท่านไม่ยอมให้อายุหรือความรับผิดชอบมาทำให้โบยบินไปโน่นมานี่ไม่ได้ คฤหาสน์หลังนี้จึงตกอยู่ภายใต้การดูแลของโรสแต่เพียงผู้เดียว เพราะมาร์คก็ไม่ได้พักอยู่นั่น ส่งผลให้โรสมีโอกาสเดินไปเดินมาในบ้าน พร้อมกับตะโกนด่าและออกคำสั่งกับคนอื่น ๆ ซึ่งเป็นลักษณะนิสัยของเธอนั่นแหละเมื่อฉันเดินเข้าไปบริเวณคฤหาสน์ของตระกูลตอร์เรส ก็เห็นรถที่ฉันทิ้งไว้ที่มิลิ บาร์จอดอยู่ในโรงจอดรถ มาร์คน่าจะเป็นคนขับกลับมาไว้ที่นี่ ดีเลย วันนี้ฉันจะได้ขับกลับบ้านไปจิตใจของฉันยังคงหมกหมุ่นอยู่กับการจะได้พบคุณยายและสิ่งที่ท่านจะต้องพูดออกมา แล้วก็มีเสียงแหลมสูงของคุณยายดึงฉันออกไปจากห้วงความคิดนั้น“ซิดนีย์!” ถึงแม้ว่าเสียงของท่านจะฟังดูอ่อนแรง แต่ร่างกายไม่ได้ดูอ่อนแอเลย ฉันเฝ้ามองความสุขและความชื่นชมไหลเวียนอยู่ในตัวฉัน ในขณะที่คุณยายดอริ
ฉันหัวเราะ "หนูแน่ใจค่ะคุณยายดอริส แค่เอ่ยชื่อคุณยายครั้งเดียว พวกนั้นก็หัวหดกันหมดแล้ว"ท่านพยายามอย่างมากที่จะเบนสายตาออกจากมาร์ค แล้วพึมพำขึ้นมาว่า "ก็ควรจะทำแบบนั้น"มีคนรับใช้คนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับกล่องไวน์สามกล่องวางอยู่ในถาด แล้วอีกคนก็วางแก้วทรงสูงไว้ตรงหน้าเราแต่ละคน แล้วจากนั้นก็รินน้ำส้มให้พวกเราทุกคนความเงียบปกคลุมไปทั่วห้องเมื่อเธอยกแก้วไวน์ขึ้นจิบ เธอเบะปากแล้วจ้องมองพวกเราแต่ละคน "โอ๊ย อย่ามองอย่างเดียวสิ" ท่านชี้ไปที่แก้วของเรา "ดื่มกันให้เต็มที่ไปเลย"พวกเราต่างยกแก้วขึ้นมาดื่มกันอย่างไม่ค่อยเต็มใจนักบรรยากาศตึงเครียดภายในห้องทำให้ฉันรู้ได้เลยว่า คุณยายดอริสกำลังจะขจัดมันออกไป ท่านกำลังจะพูดในเรื่องการหย่าร้าง และไม่ได้แค่พูดนะ ท่านจะต้องพยายามยับยั้งไม่ให้ฉันต้องหย่ากับหลานชายแน่ฉันให้ความเคารพคุณยายดอริสมาก แต่ไม่สามารถยอมทำตามนั้นได้ ฉันไม่สามารถละความพยายามที่จะยุติในเรื่องนี้ แล้วใช้ชีวิตอยู่กับมาร์คได้ ฉันไม่อาจทำร้ายตัวเองอย่างไม่จบสิ้น และไม่อาจใช้ชีวิตแบบนี้ได้อีกต่อไป ทุกครั้งที่ฉันเห็นมาร์คหรือเบลล่า ฉันก็จะนึกถึงภาพของสองคนนั้นนอนทับกันอยู่บนเตี
ฉันกับคุณยายดอริสเดินออกไปจากห้องนั่งเล่น พร้อมกับสายตาที่กำลังจับจ้องของโรสกับมาร์ค และรู้สึกได้ถึงสายตาที่จ้องมองเราอย่างพินิจพิเคราะห์ เมื่อประตูห้องนั้นปิดลงเราเดินออกไปยังลานหน้าบ้านอันเงียบสงบ โดยเดินผ่านลานบ้านเข้าไปในสวน แล้วความเงียบสงบในสวนแห่งนี้ก็โอบล้อมเราไว้ มีแต่เสียงใบไม้พลิ้วไหวและเสียงนกกระพือปีกเบา ๆ ที่ทำลายความความเงียบสงบนั้นเป็นครั้งคราว มีดอกไม้หลากสีสันชูช่ออย่างกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ กลีบดอกไม้พลิ้วไหวอย่างงดงามในสายลมอ่อน ๆ พร้อมกับมีเหล่าผีเสื้อหลากสีสันไม่แพ้กัน ทั้งในขนาดและรูปร่างที่ต่างกัน ต่างบินว่อนไปมาอยู่ในสวน ทำให้พื้นที่แห่งนั้นดูสวยงามราวกับเทพนิยายฉันเดินชมหมู่ดอกไม้และผีเสื้อเหล่านั้นพร้อมกับถอนหายใจเบา ๆ ถ้าชีวิตของฉันมีความเรียบง่ายเหมือนความงามของพวกมันก็คงจะดีไม่น้อยคุณยายดอริสเอามือไขว้กันไว้ทางด้านหลังในระหว่างที่เดินไปตามทางเดินในสวน ฉันรู้สึกเจ็บปวดที่จะต้องปฏิเสธคุณยายดอริส แต่ฉันก็จำเป็นต้องทำ“ซิดนีย์" ในที่สุดคุณยายดอริสก็เรียกชื่อฉัน น้ำเสียงของท่านแสนจะฟังรื่นหู "หนูยังรักมาร์คอยู่ไหม?”ฉันครุ่นคิดกับคำถามของท่าน ฉันรักมา
ท่านพูดขึ้นด้วยเสียงกันสั่นเครือ แล้วยื่นโทรศัพท์คืนให้ฉัน "ไม่ต้องสงสัยเลย" ท่านส่ายหัวอย่างเคร่งขรึม "มาร์คไม่คู่ควรกับหนูเลย" เธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดต่อ "ยายเห็นด้วยกับการหย่าร้างครั้งนี้ ถ้ามันทำให้หนูมีความสุขได้ ก็ขอสนับสนุนอย่างเต็มที่"ฉันถอนหายใจออกมาโดยไม่รู้ตัวว่าได้กลั้นหายใจเอาไว้ และมีความรู้สึกเหมือนได้ยกอะไรหนัก ๆ ออกไปจากอก หลังจากที่แบกรับอย่างนั้นมานาน“ขอบคุณค่ะคุณยาย" ฉันทำหน้าสดใสแล้วหัวเราะเบา ๆ เมื่อรู้สึกว่าน้ำตาได้ไหลลงมาอาบแก้ม ฉันปาดน้ำตาออกแต่มันก็ยังคงไหลลงมาไม่หยุด ในที่สุดฉันก็ปล่อยให้มันไหลไป แล้วดึงคุณยายดอริสเข้ามากอดแน่น ๆ "ท่านเป็นคุณยายที่ดีที่สุดในโลกเลย และหนูรู้สึกขอบคุณคุณยายไปตลอดชีวิตค่ะ"“อย่าร้องไห้ไปเลยลูก หนูพยายามเต็มที่แล้ว" คุณยายดอริสใช้ฝ่ามือนุ่ม ๆ แต่หนักแน่นตบหลับฉันเบา ๆ "หนูเป็นหลานสะใภ้ที่ดีที่สุดของยาย และจะเป็นอย่างนั้นตลอดไปจ้ะ"ฉันยิ้มทั้งน้ำตา "ถึงแม้ว่าเราจะหย่ากันแล้ว แต่หนูสัญญาว่าจะโทรมาหาคุณยายบ่อย ๆ นะคะ"“ต้องโทรมาหายายนะ!”ฉันหัวเราะพร้อมกับทำจมูกฟุตฟิต ฉันรู้สึกสงบสุขและมีความสุขมาก“ยายสงสารมาร์คจังที่
ก็อย่างที่คิดเอาไว้นั่นแหละ ฉันไม่ได้ประหลาดใจอยู่คนเดียว มาร์คทำสีหน้าตกอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งผิดกับตอนที่เขาทำหน้านิ่งอยู่ในตอนแรกโรสแสดงความตกใจอย่างควบคุมไม่อยู่ จึงแสดงออกมาด้วยการโวยวายด้วยเสียงอันดังลั่น "นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย!” แล้วกระเด้งตัวลุกจากที่นั่ง "คุณแม่จะให้แบ่งหุ้นให้มันจริง ๆ เหรอ?” คุณยายดอริสกวาดตามองเธอก่อนจะตอบอย่างใจเย็น "จริงโรส ฉันจะแบ่งหุ้นให้จริง ๆ"“ทำไม?! คุณยายดอริส? ทำไม?” จากนั้นเธอหันมาหาฉันด้วยใบหน้าที่แดงก่ำเพราะความโกรธ "นังแมวขโมย!” เธอก่นด่าด้วยเสียงอันสั่นเครือในขณะจ้องมองฉันตาเขม็ง "แกกล้าดียังไงที่จะเอาหุ้นจากลูกชายของฉันไป! แกไปเป่าหูอะไรคุณยาย? ถึงได้เอาหุ้นของลูกชายฉันไปให้แก?”ฉันใช้สายตากวาดมองความเกรี้ยวกราดของเธออย่างไม่แยแส ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยเหนื่อยเลยใช่ไหม? แม้แต่คนโง่งมยังรู้เลยว่าไม่มีใครสามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการตัดสินใจของคุณยายดอริสได้คุณยายดอริสเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งและมั่นใจในตัวเอง และท่านก็ดูเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ท่านมักจะมีความมั่นใจอย่างมากไม่ว่าจะตัดสินใจในเรื่องอะไรฉันหันกลับมาให้ความสนใจกับการพูดคุยนี้ แล้
ดอริสยิ้มอย่างผู้ชนะแล้วเรียกคนรับใช้คนหนึ่งเข้ามา "ไปเอาแฟ้มสีน้ำตาลที่วางอยู่บนโต๊ะมาให้ฉันหน่อย"ฉันเลิกคิ้ว ท่านวางแผนเรื่องนี้ไว้ตั้งแต่แรกเหรอ? หรืออาจตั้งใจจะยกหุ้นให้ฉันอยู่แล้วก็ได้ ไม่ว่าฉันจะอยู่กับหลานชายของท่านหรือไม่ก็ตาม ซึ่งดูสมเหตุสมผลกว่า เพราะดอริสไม่ใช่คนที่จะตัดสินใจในขณะที่ยังมีอารมณ์คุกรุ่นอยู่แน่คนรับใช้เดินกลับมาพร้อมกับแฟ้มที่ว่านั้น ซึ่งคุณยายสั่งให้เอามาวางไว้ตรงหน้าเธอ แล้วกวักมือเรียกฉัน "มานี่สิ หนูมาเซ็นชื่อตรงนี้นะ" เธอชี้ไปที่จุดต่าง ๆ ในเอกสาร "แล้วก็ตรงนี้ จากนั้นหุ้นพวกนี้ก็เป็นของหนูแล้ว"ฉันเขยิบเข้าไปแล้วหยิบปากกาที่ท่านยื่นให้ อ่านเงื่อนไขต่าง ๆ แล้วเซ็นชื่อลงบนใบโอนหุ้น ฉันรู้สึกว่าโรสจ้องมาที่ฉันเขม็งในขณะกำลังเซ็นชื่อลงไปเมื่อทำทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว ดอริสก็วางเอกสารไว้ข้าง ๆ แล้วยิ้ม "ขอบใจจ้ะ"ฉันส่ายหัว "ไม่ต้องของคุณหรอกค่ะ หนูต่างหากที่ควรจะเป็นฝ่ายขอบคุณ" จากนั้นก็คว้ามือที่บอบบางนั้นมากุมเอาไว้แน่น "ขอบคุณมากเลยค่ะ"เธอพยักหน้าพร้อมกับยิ้ม ฉันปล่อยมือท่านแล้วลุกขึ้นยืน จากนั้นหันไปพูดกับมาร์ค "พรุ่งนี้ฉันจะไปถึงทางเข้าที่ว่าการอ
รถส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดบนถนนลาดยาง เมื่อฉันรู้สึกว่าตัวเองถูกเหวี่ยงไปข้างหน้าในขณะที่เหยียบเบรกอย่างกระทันหัน แล้วรถก็หยุดกึกลงฉันหันไปมองข้าง ๆ แล้วเห็นเบลล่านั่งยอง ๆ อยู่หน้าประตูคฤหาสน์ตอเรส ช่างน่าสงสารเหลือเกินที่เบลล่าไม่สามารถเข้าไปข้างในได้ถ้ามาร์คไม่อนุญาตเธอจะต้องสังเกตเห็นแน่ ๆ ว่าฉันคือคนที่อยู่ในรถ เพราะเธอลุกขึ้นยืนตัวตรงแล้วเดินมาที่รถ เธอเอาฝ่ามือตบลงบนตัวรถ "ลงมาจากรถ!” เธอตะโกนบอก จนทำให้ฉันเกือบหัวเราะออกมาตอนนี้เธอกำลังพยายามใช้สิทธิ์อะไรอยู่เหรอ? หรือว่ามีอำนาจอะไร?ถึงแม้ว่าโรสจะเกลียดฉันมาก และฉันกำลังจะทำเรื่องหย่าร้าง แต่ฉันก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเบลล่าจะมีโอกาสกับมาร์คหรือเปล่า ยกเว้นว่าเธอจะยังคงอยู่ภายใต้เงาของใครก็ตามที่จะได้แต่งงานกับเขาต่อไป โรสจะต้องดูถูกเบลล่าอย่างแน่นอนแบบเเดียวกับที่ทำกับฉัน เพราะเรามาจากพื้นเพเดียวกัน นอกจากนี้ ฉันก็เชื่อใจในตัวคุณยายดอริสหลังจากได้ดูคลิปวิดีโอนั้นแล้วด้วย ฉันแน่ใจว่าเบลล่าได้ทำให้ท่านรู้สึกขยะแขยงเธอขึ้นมาแล้ว ถ้ามาร์คพยายามจะแต่งงานกับเบลล่าล่ะก็ ดอริสจะคัดค้านอย่างหัวชนฝาแน่นอนตระกูลตอร์เรสกับตระกูลของฉันเหมือน
มุมมองของนักเขียนอาน่าถอนหายใจเสียงดังขณะเดินเข้าไปในห้องพักของเดนนิสและนั่งลงข้าง ๆ เขา เธอหยิบหนังสือออกมาและเริ่มอ่านเป็นครั้งคราว เธอจะเปิดโทรศัพท์เพื่อดูจัสตินนอนหลับหรือเล่นรอบบ้านในขณะที่พี่เลี้ยงยุ่งอยู่ หรือแค่ซุกตัวบนโซฟาตัวหนึ่งเพื่ออ่านหนังสือ โดยคอยจับตาดูจัสตินตอนนี้มันกลายเป็นกิจวัตรประจำวันของอาน่าไปแล้วในวันที่เธอพักค้างคืนที่โรงพยาบาล เธอจะออกจากที่นั่นแต่เช้าเพื่อไปดูแลจัสตินและกลับมา ขณะที่เธอนั่งอยู่ข้างๆ เขา นิ้วอุ่นๆ ของเธอประสานกับนิ้วเย็นๆ ที่ยังคงนิ่งของเขา เธอจะอ่านหนังสือเดนนิสยังคงอยู่ในอาการโคม่า และในแต่ละวัน อาน่ารู้สึกว่าความกลัวกำลังเพิ่มขึ้น... กลัวว่าเขาอาจจะยังคงอยู่ในอาการโคม่าจนถึงแก่ชีวิต ทั้งหมดเป็นเพราะเธอคนเดียวเธอต้องการให้เขาลืมตาขึ้นมามองเธอด้วยความรักที่เขามีให้เธอเสมอ เธอต้องการบอกเขาว่าเธอรักเขามากแค่ไหนและรู้สึกขอบคุณที่มีเขาในชีวิตของเธอ แต่ที่สำคัญที่สุด เธอต้องการขอโทษเขาเธอเห็นแก่ตัวมาก คิดว่าความเจ็บปวดของพวกเขาไม่ยิ่งใหญ่เท่าของเธอ... พวกเขาทุกคนรักเอมี่อย่างสุดซึ้ง และพวกเขาทุกคนเจ็บปวดกับการจากไปของเธอจากชีวิตนี้ ห
มุมมองของนักเขียนชารอนถูกตัดสินว่าไม่มีความผิดฐานมีส่วนร่วมโดยตรงในการเสียชีวิตของเอมี่ แต่มีความผิดฐานสมรู้ร่วมคิด เธอโชคดีพอที่จะได้รับการลดหย่อนโทษ จำคุกในระยะเวลาอันสั้น ทนายของเธอทำให้แน่ใจว่ามันจะเป็นเช่นนั้น และทั้งหมดนี้เป็นเพราะพ่อของเธอแม้ว่าพ่อของเธอจะผิดหวังกับทุกสิ่งที่เธอทำ แต่เธอก็เป็นลูกสาวของเขา ทายาทที่น่าเกรงขามเพียงคนเดียวของเขา ไม่มีทางที่เขาจะทอดทิ้งเธอได้ขณะที่เธอรับโทษจำคุก นับถอยหลังสู่วันที่เธอจะได้ออกไปจากที่นั่นในที่สุด เธอได้รับเอกสารหย่าร้างส่งมาให้เธอเธอคิดว่าเช้าวันนั้นหนาวเกินไปสำหรับฤดูกาล ห้องขังเล็กๆ ของเธอรู้สึกเล็กกะทันหัน มันรู้สึกเหมือนมันจะปิดล้อมเธอ และเธอเอามือสอดเข้าไปในช่องประตูเพื่อหายใจเมื่อหนึ่งในผู้คุมมาพาเธอไปเธอนั่งลง ได้รับปากกา และต่อหน้าเธอ บนโต๊ะเหล็ก มีจดหมายหย่าร้างวางอยู่ เหตุผลหลักที่เธอเข้าไปเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมและการกระทำสกปรกเหล่านี้ทั้งหมดคือเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ไอเดนทิ้งเธอ มันน่าเศร้าจริงๆ ที่เธอทำงานอย่างหนักเพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งนี้ แต่กลับถูกโยนใส่อย่างแรงที่ใบหน้าของเธอในตอนท้ายดวงตาปวดหนึบด้วยน้ำตาขณะที่เธ
"หยุด!" เสียงของเธอสั่นเครือขณะที่เธอตะโกนบอกคนขับแท็กซี่แค่นั้นก็เพียงพอให้อาน่าหันกลับมา"ฉันทำอะไรลงไป?" ลมหายใจของเธอสั่นเทาขณะที่เธอเปิดประตูและรีบออกจากแท็กซี่ มือของเธอสั่นเทาขณะที่เธอสะดุดลงบนทางเท้า"เดนนิส!" เธอตะโกนขณะที่เข่าของเธอล้มลงบนพื้นคอนกรีตแข็ง "ได้โปรด อย่า" เธอพูดกระซิบ สายตาของเธอจ้องมองไปที่รถที่พังยับเยิน "เดนนิส ต้องรอดให้ได้นะ"เธอคลานไปที่รถ มองเข้าไปข้างในเพื่อดูเขา แต่ข้างในนั้นมืดมิดและเสียงสะอื้นของเธอก็ดังขึ้น "ทำไมฉันถึงออกมา? ทำไมฉันไม่รอเขา?"เธอเช็ดน้ำตา "ฉันสัญญา" เธอสะอื้น "ฉันจะไม่ไปหาเอมี่อีกแล้ว ฉันสัญญา เดนนิส ได้โปรดออกมา" เธอร้องไห้ขณะที่เธอจำได้เลือนรางว่าเขาบอกเธอว่าเอมี่ได้รับความยุติธรรมแล้ว และไม่จำเป็นต้องไปหาเธออีกต่อไปนี่เป็นความผิดของเธอทั้งหมด เธอควรจะฟังเขา เธอควรจะรอเขาก่อนที่เธอจะออกไป"อาน่า!" ไอเดนตะโกนขณะที่เขารีบออกจากรถ เขารู้สึกโล่งใจที่เห็นอาน่า เขาหารถแท็กซี่หลังจากที่เดนนิสขับออกไปสักพัก และตามเขาไป เมื่อเขาสังเกตเห็นฝูงชนและเห็นว่ามีอุบัติเหตุเกิดขึ้น เขาก็กลัวว่าจะเป็นอาน่า"ให้ตายสิ!" เขาพึมพำขณะหยุดอยู่ต่อ
มุมมองของนักเขียนหลังจากที่ไอเดนได้ยินคำพูดเหล่านั้น เขาไม่ลังเลเลยก่อนที่จะเดินออกจากห้องพิจารณาคดีหัวใจของชารอนแตกสลายเมื่อมองดูไอเดนเดินออกไปอย่างโกรธจัด เขาเกลียดชังเธอมากจนทนดูการพิจารณาคดีของเธอไม่ได้เลยหรือ? น้ำตาไหลลงมาบนใบหน้าของเธอ และเธอรีบเช็ดมันออกก่อนที่พ่อของเธอจะเห็นพ่อของเธอบอกเธอไปก่อนหน้านี้ว่า "พอได้แล้ว ชารอน อย่าร้องไห้เพราะผู้ชายอย่างเขาเลย" แต่นั่นหลังจากที่เขาตำหนิเธอสำหรับทุกสิ่งที่เธอทำ"มีการตัดสินแล้วหรือยัง คุณไอเดน? คุณจะประกันตัวภรรยาของคุณไหม?"คำถามทั้งหมดของพวกเขาไม่ได้เข้าหูไอเดนแม้แต่น้อย เขาไม่ได้สนใจสิ่งใดเลยขณะที่เขาเร่งรีบไปที่รถของเขาและขับออกจากบริเวณศาลระหว่างทางไปโรงพยาบาล เขาโทรหาทีมรักษาความปลอดภัยของเขาที่ตามเขามาทันทีที่เขาขับรถออกไป "อาน่าสตาเซียเพิ่งหนีออกจากโรงพยาบาลบ้า ตามหาเธอ" เขาออกคำสั่ง "ผมจะส่งรูปของเธอให้คุณตอนนี้""ครับ"เขาตัดสาย ขณะที่เขาขับรถ เขาหารูปอาน่าที่ชัดเจนและส่งให้ทีมรักษาความปลอดภัยที่เริ่มตามหาเธอทันทีจากนั้นไอเดนพยายามโทรหาเดนนิส แต่เขาก็ยังไม่รับสายเมื่อมาถึงโรงพยาบาล เขาพบเดนนิสอยู่ข้างนอก เขา
ไอเดนเมื่อเวลาผ่านไป คดีของเอมี่ได้รับความสนใจจากสื่อมากมาย ช่องข่าวทุกช่องมีรูปเด็กผู้หญิงน่าสงสารคนนั้นขณะที่พวกเขาพูดถึงการตายที่ไม่ยุติธรรมของเธอ และทุกคนที่รับผิดชอบต้องถูกลงโทษตามนั้นท่ามกลางทุกสิ่งทุกอย่าง จุดสนใจก็เปลี่ยนจากเอมี่มาเป็นชารอนและผม อย่างไรก็ตาม มีข่าวลือเกี่ยวกับชีวิตแต่งงานของเราและการตั้งครรภ์ปลอมของเธอผมเริ่มได้รับโทรศัพท์จากหมายเลขที่ไม่รู้จักหลายหมายเลข โทรมาถามคำถามไร้สาระทั้งหมดเพื่อต้องการข้อมูลโดยตรงจากแหล่งข่าว ผมต้องเปลี่ยนซิมการ์ดในโทรศัพท์ของผมเป็นซิมที่ผู้ช่วยของผมใช้ หากมีข้อมูลใดๆ เขาก็แค่ส่งต่อมา ผมเบื่อที่จะรับมือกับสายเรียกเข้าที่ไม่หยุดหย่อนเหล่านั้นเมื่อชารอนอาการดีขึ้นและเธอต้องถูกส่งตัวกลับไปที่สถานีตำรวจ พวกเขามาถึงสถานีพร้อมกับกลุ่มนักข่าวที่ทางเข้าตำรวจคุ้มกันเธอขณะพาเธอเข้าไปข้างใน แต่นั่นไม่ได้หยุดนักข่าวจากการตะโกนถามคำถามของพวกเขา"คุณเสแสร้งว่าท้องจริง ๆ เหรอ คุณนายไอเดน?""คุณชารอน คุณยังเป็นผู้หญิงที่แต่งงานแล้วอยู่ไหม?""สามีของคุณอยู่ที่ไหน? เขายังรักคุณอยู่ไหม?""จะมีการหย่าร้างไหม?""คุณมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสีย
เดนนิสอาน่าถูกส่งตัวไปยังศูนย์บำบัดวิกฤตสุขภาพจิต และผมใช้เวลาส่วนใหญ่ของผมที่นั่น แม้ว่าผมจะพยายามแบ่งเวลาอย่างเท่าเทียมกันระหว่างงาน จัสติน และเอมี่ แต่ผมก็พบว่าตัวเองใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่นี่งานเป็นไปด้วยดีอย่างยิ่ง ตอนนี้ผมทำเงินได้มากกว่าที่เคยทำก่อนที่ผมจะถูกหลอก แต่ผมไม่มีความสุข คนที่ผมรักที่สุดอยู่ในบ้านพักผู้ป่วยทางจิต ทุกวันที่ผมไปที่นั่น ผมหวังว่าอาการของเธอจะเริ่มดีขึ้นในไม่ช้า ครึ่งหนึ่งของเวลา เธอดูปกติดี แค่นั่งอยู่คนเดียวด้วยสีหน้าที่เป็นกลาง เธอจะไม่พูดคุยกับใครเป็นเวลาหลายชั่วโมง อีกครึ่งหนึ่งใช้ไปกับการร้องไห้และขอร้องให้ผมพาพวกเราไปหาเอมี่แพทย์บอกว่าเธอดีขึ้น แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นเช่นนั้นสำหรับผมจัสตินทำได้ดีมาก เขาดูเหมือนจะไม่โศกเศร้าอย่างที่ไอเดนแนะนำ มีบางครั้งที่เขาจะร้องไห้และไม่มีอะไรทำให้เขาหยุดได้จนกว่าเขาจะหลับไป แต่ช่วงเวลาเหล่านั้นหายาก และผมคิดว่าเขาแค่คิดถึงแม่ของเขาผมทำให้แน่ใจว่าผมมีเวลาให้เขาเสมอ เหมือนกับที่ผมมีเวลาให้อาน่า ไม่ว่างานจะยุ่งแค่ไหน ผมไม่ต้องการปล่อยเขาไว้กับพี่เลี้ยงทั้งหมด แม้ว่าเธอจะเป็นผู้หญิงที่ดี แต่ผมต้องการให้ไอเดนเติ
ไอเดนนักสืบส่งที่อยู่โรงพยาบาลที่ชารอนถูกนำตัวส่งมาให้กับผมภายในห้อง ชารอนนอนขดตัวอยู่กับตนเองพร้อมกับกุญแจมือที่คล้องอยู่พอจะเอื้อมถึงเธอรีบลุกขึ้นนั่งเมื่อเห็นผมเข้ามาในห้อง "ไอเดน" เธอหายใจออกมา ดวงตาเบิกกว้างด้วยความกลัว"ไม่เพียงแต่คุณจะเป็นอาชญากร แต่ยังเป็นคนโกหกด้วยเหรอ? คนโป้ปด!" ผมพูดออกมาขณะที่สายตาเหลือบไปที่ท้องแบนราบของเธอ ผมหัวเราะเยาะตัวเองขณะทรุดตัวลงบนเก้าอี้ที่หันหน้าเข้าหาเตียงของเธอ ผมรู้สึกหมดแรงจนแทบจะยืนด้วยขาของตัวเองไม่ได้เธอส่ายหัว น้ำตาไหลลงมาบนใบหน้าของเธอ เหมือนกับที่มันไหลลงมาบนใบหน้าของเธอตอนที่เธอถูกจับกุม "มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิด ฉันสาบานได้นะ ฉัน…" เธอพูดไม่ออกและไหล่ของเธอก็สั่นเทาขณะที่เธอร้องไห้หนักขึ้นผมเอียงศีรษะไปด้านข้างและมองเธออยู่ครู่หนึ่ง ผมไม่แปลกใจเลยที่ผมไม่รู้สึกสงสารเธอแม้แต่น้อย "ถ้ามันไม่ใช่อย่างที่ผมคิด แล้วมันคืออะไร? บอกมาสิ""คุณแกล้งทำเป็นท้องมาตั้งหลายเดือน!" เสียงหัวเราะขมขื่นหลุดออกจากริมฝีปากขณะที่ผมส่ายหัว มันยังคงรู้สึกเหมือนเรื่องตลก ผมคงไม่เชื่อนักสืบเลย ถ้าไม่มีสัญญาณทั้งหมดที่ผมมองข้ามไปผมโน้มตัวไปข้างหน้
ไอเดนผมตกใจกับคำพูดของเขา เดนนิสรู้แล้วเหรอ?เดนนิสก็มีส่วนร่วมในการสอบสวนด้วย เขาแค่ไม่ได้กระตือรือร้นเท่าผม ดังนั้นมันไม่น่าแปลกใจที่เขาจะได้ยินเรื่องนี้ นอกจากนี้ มันเป็นคดีของลูกสาวเขาด้วย เขาจึงมีสิทธิ์ที่จะรู้แต่ผมเลือกที่จะเพิกเฉยต่อคำพูดที่รุนแรงของเขา ผมยังคงสับสนกับข่าวที่ว่าอนาอยู่ในโรงพยาบาลจิตเวชในขณะนี้ มันเป็นไปได้อย่างไร? เขาปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? ผมอยากจะตะโกนใส่เขา แต่ผมก็สงบสติอารมณ์ ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของผมตั้งแต่แรก... และของชารอน"แล้วเธออยู่ที่โรงพยาบาลไหน?" มันฟังดูไม่จริง ผมรู้ว่าเธอรักเอมี่มาก แต่ผมไม่คิดว่ามันจะส่งผลกระทบต่อเธอมากขนาดนี้เดนนิสหันมาหาผม คิ้วของเขาขมวดลึกขณะที่เขาขมวดคิ้ว "อยากรู้ไปทำไม? จะได้เอาไปบอกภรรยานายหรือไง?"ให้ตายสิ! ผมรู้สึกว่ามือกำแน่นโดยอัตโนมัติผมหายใจเข้าลึกๆ "ฉันโทรหาพวกนาย แต่ไม่มีใครรับสาย อาน่าก็ปิดโทรศัพท์อีก ฉันก็แค่เป็นห่วง..." ผมพูดเสียงแผ่วและไหล่สั่น “ฉันก็เลยตัดสินใจมาดูเธอนี่ไง"“ตอนนี้นายก็รู้แล้วนะว่าเธออยู่ไหน งั้นเชิญออกไปได้แล้ว”เขามีสิทธิ์ทุกประการที่จะขอให้ผมออกจากบ้านและชีวิต แต่ผ
ไอเดน"ไม่เป็นไรแล้วค่ะ" ชารอนพูดขณะที่เธอโอบแขนรอบไหล่ "คุณต้องหยุดโทษตัวเองเรื่องนี้ได้แล้ว ที่รัก มันไม่ใช่ความผิดของคุณ และการทุ่มเทตัวเองให้กับการสอบสวนทั้งหมดนี้ก็ไม่ได้ช่วยอะไรด้วยเลย""ผมต้องหาตัวคนผิดมาให้ได้ ชารอน ผมต้องหาว่าใครทำเรื่องนี้ นี่เป็นสิ่งเดียวที่ผมทำเพื่อลูกสาวผมได้ ซึ่งจะทำให้ความรู้สึกผิดนี้ทุเลาลง" "ถ้ามันเป็นวิธีเดียว คุณก็ควรทำอยู่แล้ว" เธอให้กำลังใจ "ฉันจะคอยดูแลให้พ่อช่วยในคดีนี้ด้วย ฉันสัญญา"พ่อของเธอโทรหาผมครั้งหนึ่งเพื่อแสดงความเสียใจกับการจากไปของลูกสาวผม ซึ่งไม่ได้เป็นอะไรกับลูกสาวเขาเลย และเขาฟังดูไม่พอใจนัก ผมประหลาดใจด้วยซ้ำที่เธอจะบอกเรื่องนั้นกับพ่อของเธอ ผมสงสัยว่าเขาอยากจะช่วยเปิดโปงฆาตกรของเด็กที่ไม่ใช่ลูกของเขาในทางใดทางหนึ่งหรือไม่ แต่ผมเก็บเรื่องนั้นไว้กับตัวเอง"ขอบคุณครับ" ผมบอกเธอแทนเธอโอบกอดผมครึ่งหนึ่ง และคราวนี้ไม่ได้ผละออกทันที ในวันแบบนี้เองที่เธอไม่ได้กระโดดหนีจากผมเหมือนผมติดเชื้อเมื่อใดก็ตามที่ผมพยายามสัมผัสเธอ"แล้วคุณจะยิ้มให้ฉันไหม?" เธอยิ้มขณะที่ดึงผิวแก้มของผมเพื่อพยายามทำให้ผมยิ้มเมื่อผมเอามือของเธอออก เธอก็แสร้