มุมมองของเอมิลี่“รูปพวกเขา อยู่ด้วยกัน เปลือยกาย แล้วก็เอากัน” ทุกคำเหมือนกับเศษแก้วที่จะบาดคอเมื่อฉันพูดออกไป “ตลอดเวลานี้ อดัมนอกใจฉันไปกับมีอา” ใบหน้าของโอลิเวียเต็มไปด้วยความตกใจ โกรธ และสุดท้ายก็จบลงที่บางอย่างซึ่งอยู่ระหว่างเห็นอกเห็นใจและโกรธเคือง “ไอ้เวรนั่น! แล้วมีอาทำแบบนี้ได้ไง?” โอลิเวียกล่าวพลางกัดฟันฉันยังไหล่ที่เหนื่อยล้าของตนเอง “ชัดจะตาย เธอไม่เคยตัดใจจากเขาได้ไง เธอยังเคยพูดเลยว่าฉันขโมยเขาไปจากเธอ”“แต่นี่เป็นงานแต่งแบบคลุมถุงชนนะ! เธอเลือกไม่ได้สักหน่อย” โอลิเวียประท้วง “ไปบอกมีอาเถอะ เธอไม่สนใจหรอก เธอแค่อยากให้ฉันเจ็บปวดก็เท่านั้น” ฉันพึมพำ โอลิเวียลุกขึ้นและเดินมาดึงฉันเข้าไปกอดฉันเกร็งตัวอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะละลายไปกับอ้อมกอดของเธอ ขณะที่น้ำตาก็เริ่มจะไหลออกมา ครั้งนี้ฉันไม่อาจกลั้นเอาไว้ได้อีกต่อไป ฉันร้องไห้ราวเขื่อนแตกและสะอึกสะอื้นซบบนไหล่ของโอลิเวีย ร่างกายของฉันสั่นเทิ้มไปด้วยความเศร้าและความโกรธ“ชู่ว ไม่เป็นไร ๆ” โอลิเวียพึมพำ ลูบหลังปลอบฉันเป็นรูปวงกลม “ร้องออกมาให้หมดเลย ฉันจะอยู่กับเธอเอง”ฉันสำลักระหว่างร้องไห้สะอื้น “ฉันขอโทษนะ ฉันไ
มุมมองของเอมิลี่ฉันจ้องมองข้อความของอดัม แล้วจู่ ๆ ก็หัวเราะออกมาอย่างขมขื่น เริ่มจากเป็นเสียงหัวเราะเย้ยหยันเบา ๆ จนกลายเป็นการหัวเราะแบบเต็มเสียงที่ดูเหมือนเสียสติจนคนที่ผ่านไปมาสองสามคนเหลือบมองด้วยหางตา ความกล้าหาญและความไร้สาระของเรื่องนี้มันควรจะได้รับการศึกษาจริงๆ นะ นี่คืออาดัม ผู้ซึ่งกำลังเล่นบทสามีที่รักและภักดีอยู่ โดยที่ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าคำโกหกถูกทำลายไปหมดแล้วโดยเมียน้อยของเขาเอง ถ้าเป็นช่วงชีวิตอื่นที่หมายถึงเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน ฉันคงจะตื่นเต้นดีใจกับข้อความของเขา ฉันคงยิ้มออกมาเพราะความเอาใจใส่ของเขา อาจจะถึงขั้นรู้สึกตื่นเต้นกับการได้กินมื้อค่ำแสนโรแมนติกด้วยซ้ำ ฉันคงกลับบ้านไปเตรียมตัว ทุกข์ใจว่าจะใส่ชุดอะไร จะทำผมทรงไหน ความคิดว่าฉันใกล้จะเป็นภรรยาผู้มีความสุขและไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรทำให้ฉันรู้สึกแย่ไม่รู้ทำไมฉันถึงรู้สึกขอบคุณมีอาแปลก ๆ ถึงฉันจะเกลียดเธอที่มีส่วนในการทรยศครั้งนี้ แต่ฉันก็ปฏิเสธไม่ได้ที่ความต้องการทำลายฉันของเธอให้ประโยชน์กับฉัน ไม่อย่างนั้นฉันคงยังใช้ชีวิตไม่รู้เรื่องรู้ราวโดยปล่อยให้สามีของฉันทำให้ฉันดูโง่เขลาและน่าสมเพชต่อไปอย่างน้อยตอนน
มุมมองของเอมิลี่อาการปวดตุบ ๆ หลังดวงตาปลุกฉันให้ตื่นจากห้วงแห่งความไม่รู้ตัว ฉันร้องครางพลางพลิกตัวตะแคงข้างแล้วซุกหน้าลงกับหมอน อาจเพราะขยับตัวกระทันหัน จึงทำให้ฉันรู้สึกคลื่นไส้มากขึ้น ฉันจึงนอนนิ่ง ๆ พยายามควบคุมให้ท้องไส้สงบลงเศษเสี้ยวความทรงจำบางส่วนแล่นเข้ามาในความคิด… บาร์แห่งหนึ่ง… วิสกี้ที่เผาไหม้ลำคอ… ถ้อยคำโกรธเกรี้ยวที่หลุดออกจากริมฝีปาก การพยายามปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมดเข้าด้วยกันกลับยิ่งทำให้ปวดหัวมากขึ้นฉันลืมตาขึ้นเห็นแสงอาทิตย์ส่องลอดผ่านช่องว่างของผ้าม่านเข้ามา มันสว่างจ้าจนแสบตา ฉันกะพริบตาถี่ ๆ เพื่อให้สายตาค่อย ๆ ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อม ซึ่งไม่นานก็สังเกตเห็นว่าเป็นห้องนอนของตัวเองแต่ฉันมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?สิ่งสุดท้ายที่ฉันจำได้คือ… อะไรนะ? กำลังจะล้ม? แล้วมีคนมารับตัวไว้?ฉันดันตัวเองขึ้นนั่ง รู้สึกเสียใจในทันทีที่เคลื่อนไหวอย่างกะทันหัน เพราะหัวฉันเริ่มหมุนอีกครั้ง ฉันกุมขมับ หายใจเข้าลึก ๆ และพยายามปัดป้องคลื่นความคลื่นไส้อีกระลอกคำถามต่าง ๆ เริ่มวนเวียนอยู่ในความคิด แต่ละคำถามนำมาซึ่งความเจ็บปวดครั้งใหม่ตรงขมับใครเป็นคนพาฉันกลับบ้านกันนะ?
มุมมองของเอมิลี่ภาระที่ฉันแบกรับเอาไว้บนบ่าตลอดวันดูเหมือนจะเบาบางลง เพราะตอนนี้เรื่องมันแดงออกมาหมดแล้ว และฉันก็ได้เผชิญหน้ากับเขาแล้วไม่ต้องสงสัยเลยว่าความเจ็บปวดนั้นยังคงอยู่ รุนแรงและปวดร้าวไม่หาย แต่มันมาพร้อมกับความรู้สึกเป็นอิสระอย่างแรงกล้าสายตาฉันจับจ้องไปยังตู้เสื้อผ้าที่อยู่อีกด้านหนึ่งของห้อง ซึ่งเต็มไปด้วยเสื้อผ้าและรองเท้าแบรนด์เนม ฉันเริ่มคำนวณในใจแล้วว่าต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ในการเก็บข้าวของทั้งหมด ต้องใช้กระเป๋ากี่ใบเพื่อให้แน่ใจว่าฉันจะจากไปโดยที่ไม่ทิ้งอะไรไว้ข้างหลัง?หรือไม่ฉันอาจจะแค่เดินออกไปและทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลัง มันคงง่ายมากที่จะหายตัวไปและเริ่มต้นใหม่ในที่ที่ไม่มีใครรู้จักในฐานะภรรยาของอดัม หรือในฐานะส่วนหนึ่งของชนชั้นสูงในประเทศแต่อีกด้านหนึ่ง สื่อต้องบ้าคลั่งพอที่จะติดตามข่าวการแยกทางของเราอย่างไม่ต้องสงสัย การซุบซิบนินทาและการคาดเดาต่าง ๆ มักจะรออยู่ในมุมหนึ่งเสมอ รอเวลาอันเหมาะสมที่จะแพร่กระจายออกไป 'คู่รักทรงอิทธิพลแยกทาง' จะต้องเป็นพาดหัวข่าวหน้าหนึ่งแน่นอนผู้คนจะพูดคุยกัน พวกเขาทำอย่างนั้นเสมอ ชอบขุดคุ้ยชีวิตคนอื่นเพื่อมองหาความผิดพลาดที่
มุมมองของมีอา“นังสารเลว!” ฉันคำรามเมื่อสายถูกตัด แล้วก็โยนโทรศัพท์ลงบนเตียงของโรงแรม“ฉันจะสั่งสอนบทเรียนที่เธอไม่มีวันลืมให้ดู”ฉันเดินวนไปวนมาในห้อง คิดว่าจะทำอย่างไรดีฉันไม่มีวันลืมวันนั้นเมื่อสี่ปีก่อน ตอนที่ฉันได้ยินว่าอดัมและเอมิลี่กำลังจะหมั้นกัน เขากับฉันเพิ่งทะเลาะกันเพราะเรื่องเล็ก ๆ และแยกกันอยู่สองสามวัน เพียงเพื่อให้ฉันได้ยินข่าวร้ายนั้นฉันรู้สึกเหมือนโดนหักหลังเลยเราเคยทะเลาะกันมาก่อน แน่นอน แต่ครั้งนี้ฉันเดินออกไป ประกาศว่าฉันต้องการพื้นที่ส่วนตัว แต่ฉันรู้ว่าเราจะกลับมาคืนดีกันหลังจากนั้นไม่กี่วันแต่แล้วไม่ถึงสัปดาห์ต่อมา ฉันก็ได้รับข่าวที่ทำลายโลกทั้งใบ แฟนฉันกำลังจะแต่งงานกับเพื่อนสนิทของฉันเอง! ฉันแทบตกใจแทบตายเมื่อได้ยินแบบนั้นฉันทนเห็นพวกเขาอยู่ด้วยกันไม่ได้ ดังนั้นฉันจึงหนีไปยุโรป ปารีส โรม ลอนดอน ตระเวนไปยังสถานที่ต่าง ๆ เพียงเพื่อที่ฉันจะได้ลืมความปวดใจ แต่ไม่ว่าฉันจะไปกี่ที่ เข้าร่วมงานปาร์ตี้กี่ครั้ง ดื่มแชมเปญไปกี่แก้ว หรือซื้อชุดสั่งตัดพิเศษจากดีไซเนอร์กี่ชุด มันก็ไม่สามารถเยียวยาได้เป็นเรื่องบังเอิญที่ทำให้ฉันกลับมาอยู่ในวงโคจรของอดัมอีกครั้
มุมมองของมีอาหลายสัปดาห์แล้วตั้งแต่ฉันทิ้งระเบิดลูกเล็ก ๆ ใส่เอมิลี่ แต่ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ฉันคาดหวังว่าเธอจะเก็บกระเป๋าและทิ้งอดัมไปทันทีที่เธอรู้เรื่องระหว่างฉันกับอดัม แต่ไม่ เธอยังอยู่ที่เดิม เล่นบทเป็นแม่บ้าน ทำตัวเป็นภรรยาที่สมบูรณ์แบบน่าโมโหชะมัด เธอไม่มีความเคารพตัวเองเลยเหรอ? หรือว่าเธอแค่สิ้นหวังจนต้องยึดติดกับเขา?ไม่ว่าจะทางใดก็ชัดเจนว่าฉันต้องจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง เอมิลี่ต้องไปให้พ้นทาง และถ้าเธอไม่ยอมไปด้วยตัวเอง ฉันจะทำให้แน่ใจว่าเธอไม่มีทางเลือกฉันเริ่มสะกดรอยตามเธอ และในที่สุดวันนี้ก็มาถึง ฉันมองจากรถที่จอดอยู่ ขณะที่เอมิลี่ออกจากตึกที่ทำงานมาพระเจ้า ฉันเกลียดขี้หน้าเธอจริงเชียวเพราะเธอ อดัมถึงตีตัวออกห่างจากฉันไปเขาเลิกรับสายฉันเลย เธอต้องขู่เขาไวแน่ ๆ อดัมค่อนข้างอ่อนแอเมื่อต้องตัดสินใจเรื่องแบบนี้ แต่ความจริงก็คือเธอกำลังพยายามแย่งเขาไปจากฉันอีกครั้ง!เลือดฉันเดือดพล่านเพียงแค่ได้มองหน้า ฉันก้าวออกจากรถและเดินตรงไปหาเธอ เอมิลี่เห็นฉันเข้าพอดี“นังสารเลว” ฉันคำรามแล้วพุ่งเข้าใส่ เล็งฝ่ามือไปที่คอของเธอแต่ก่อนที่ฉันจะไปถึงตัวเธอ แขนแข็งแรงก็โ
ไอเดนผมได้ยินเธอถอนหายใจยาว จากนั้น “ขอบคุณมากที่มา ฉันซาบซึ้งจริง ๆ”ผมพยักหน้าแข็ง ๆ สายตาจับจ้องอยู่ที่ลูกสาว“เอาล่ะ” เธอเริ่มต้นอย่างเคอะเขิน “เราต้องไปหาหมอ จะได้เริ่มกระบวนการรักษาทันที”ผมถอนหายใจ ใช่ กระบวนการรักษา นั่นคือเหตุผลที่ผมมาที่นี่… เหตุผลที่เธอจำใจบอกผมว่าเธอมีลูกกับผม… เหตุผลเดียวที่ผมได้รับอนุญาตให้รู้จักเลือดเนื้อเชื้อไขตัวเองก็เพราะว่าเธอใกล้ตายผมรู้สึกว่าข้างในเริ่มเดือดพล่านด้วยความโกรธอีกครั้ง ในขณะเดียวกัน ผมก็ยังคงรู้สึกถึงความเจ็บปวดจากการหักหลัง และความเจ็บปวดจากสิ่งที่เธอทำหลังจากมองเอมี่เป็นครั้งสุดท้าย ผมกล้ำกลืนความโกรธทั้งหมดและพยักหน้า “ไปกันเถอะ”เราต้องเริ่มทันที เพื่อการพบหน้ากันกับลูกสาวจะได้ไม่สูญเปล่าในตอนท้ายเธอนำทาง การเดินระยะสั้น ๆ ไปยังห้องทำงานของคุณหมอนั้นเงียบและตึงเครียด แต่เราก็ผ่านมันมาได้“ถึงแล้วค่ะ” เธอพึมพำขณะหยุดอยู่หน้าประตูที่เขียนว่า ‘พบแพทย์’ทันทีที่เราก้าวเข้าไป สายตาหมอก็จับจ้องมาที่ผมด้วยรอยยิ้มมืออาชีพบนใบหน้า เขาชี้ไปยังที่นั่งอีกด้านหนึ่งของโต๊ะทำงานหลังจากเรานั่งลงแล้ว เขาก็จ้องมองมาที่ผมและถามว่า “เ
ไอเดนเสียงสะอื้นน่าสมเพชหยุดลงเมื่อผมรู้สึกว่านิ้วเธอขยับอยู่ในมือผมรีบเช็ดน้ำตาบนใบหน้าและเงยหน้าขึ้น ดวงตาของเธอเบิกกว้าง ขณะที่เธอจ้องมองกลับมาชั่วขณะหนึ่ง ผมก็จ้องมองเช่นกัน เธอตื่นแล้วจริง ๆ หรือว่าผมกำลังเห็นสิ่งที่ตาอยากเห็น?เธอกะพริบตา ผมยิ้ม มือกระชับรอบมือเธอแน่นขึ้นเล็กน้อย มันไม่ใช่ภาพลวงตา เธอตื่นแล้วจริง ๆ“ไง” ผมพูดด้วยเสียงแหบแห้ง“คุณลุงคนให้ปากกา” เธอพูดด้วยเสียงแหบแห้งและสีหน้าเรียบเฉยรอยยิ้มผมกว้างขึ้น “จำได้ด้วยเหรอ”เธอพยักหน้า “หนูชอบปากกาด้ามนั้นมาก ตอนนี้ก็ยังชอบอยู่ ยังอยู่ที่บ้านอยู่เลย เป็นปากกาแท่งโปรดเลยค่ะ”ถึงตอนนี้ผมรู้สึกได้ว่าเริ่มมีน้ำตาคลอเบ้า “ดีจัง” ในเมื่อไม่มีอะไรจะพูด ผมรีบเสริม “ฉันซื้อให้เพิ่มได้นะ ถ้าหนูอยากได้ อยากได้กี่ด้ามล่ะ? หนึ่งโหล? สองโหล? ทั้งแพ็คเลยไหม?”ผมเค้นสมองขณะที่พยายามนึกว่าไปได้ปากกาด้ามนั้นมาจากที่ไหน เพื่อที่ผมจะได้ซื้อมาให้เธอเพิ่มเธอยิ้มอย่างอ่อนโยน “ถึงคุณจะหยาบคาย แต่ก็ใจดี แต่ไม่ต้องกังวลค่ะ หนูไม่อยากทำให้คุณลำบากเกินไป อีกอย่าง หนูไม่คิดว่าแม่จะปล่อยให้หนูขนปากกาที่สะสมจากคนแปลกหน้าไปวางทั่วบ้าน
มุมมองของนักเขียนอาน่าถอนหายใจเสียงดังขณะเดินเข้าไปในห้องพักของเดนนิสและนั่งลงข้าง ๆ เขา เธอหยิบหนังสือออกมาและเริ่มอ่านเป็นครั้งคราว เธอจะเปิดโทรศัพท์เพื่อดูจัสตินนอนหลับหรือเล่นรอบบ้านในขณะที่พี่เลี้ยงยุ่งอยู่ หรือแค่ซุกตัวบนโซฟาตัวหนึ่งเพื่ออ่านหนังสือ โดยคอยจับตาดูจัสตินตอนนี้มันกลายเป็นกิจวัตรประจำวันของอาน่าไปแล้วในวันที่เธอพักค้างคืนที่โรงพยาบาล เธอจะออกจากที่นั่นแต่เช้าเพื่อไปดูแลจัสตินและกลับมา ขณะที่เธอนั่งอยู่ข้างๆ เขา นิ้วอุ่นๆ ของเธอประสานกับนิ้วเย็นๆ ที่ยังคงนิ่งของเขา เธอจะอ่านหนังสือเดนนิสยังคงอยู่ในอาการโคม่า และในแต่ละวัน อาน่ารู้สึกว่าความกลัวกำลังเพิ่มขึ้น... กลัวว่าเขาอาจจะยังคงอยู่ในอาการโคม่าจนถึงแก่ชีวิต ทั้งหมดเป็นเพราะเธอคนเดียวเธอต้องการให้เขาลืมตาขึ้นมามองเธอด้วยความรักที่เขามีให้เธอเสมอ เธอต้องการบอกเขาว่าเธอรักเขามากแค่ไหนและรู้สึกขอบคุณที่มีเขาในชีวิตของเธอ แต่ที่สำคัญที่สุด เธอต้องการขอโทษเขาเธอเห็นแก่ตัวมาก คิดว่าความเจ็บปวดของพวกเขาไม่ยิ่งใหญ่เท่าของเธอ... พวกเขาทุกคนรักเอมี่อย่างสุดซึ้ง และพวกเขาทุกคนเจ็บปวดกับการจากไปของเธอจากชีวิตนี้ ห
มุมมองของนักเขียนชารอนถูกตัดสินว่าไม่มีความผิดฐานมีส่วนร่วมโดยตรงในการเสียชีวิตของเอมี่ แต่มีความผิดฐานสมรู้ร่วมคิด เธอโชคดีพอที่จะได้รับการลดหย่อนโทษ จำคุกในระยะเวลาอันสั้น ทนายของเธอทำให้แน่ใจว่ามันจะเป็นเช่นนั้น และทั้งหมดนี้เป็นเพราะพ่อของเธอแม้ว่าพ่อของเธอจะผิดหวังกับทุกสิ่งที่เธอทำ แต่เธอก็เป็นลูกสาวของเขา ทายาทที่น่าเกรงขามเพียงคนเดียวของเขา ไม่มีทางที่เขาจะทอดทิ้งเธอได้ขณะที่เธอรับโทษจำคุก นับถอยหลังสู่วันที่เธอจะได้ออกไปจากที่นั่นในที่สุด เธอได้รับเอกสารหย่าร้างส่งมาให้เธอเธอคิดว่าเช้าวันนั้นหนาวเกินไปสำหรับฤดูกาล ห้องขังเล็กๆ ของเธอรู้สึกเล็กกะทันหัน มันรู้สึกเหมือนมันจะปิดล้อมเธอ และเธอเอามือสอดเข้าไปในช่องประตูเพื่อหายใจเมื่อหนึ่งในผู้คุมมาพาเธอไปเธอนั่งลง ได้รับปากกา และต่อหน้าเธอ บนโต๊ะเหล็ก มีจดหมายหย่าร้างวางอยู่ เหตุผลหลักที่เธอเข้าไปเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมและการกระทำสกปรกเหล่านี้ทั้งหมดคือเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ไอเดนทิ้งเธอ มันน่าเศร้าจริงๆ ที่เธอทำงานอย่างหนักเพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งนี้ แต่กลับถูกโยนใส่อย่างแรงที่ใบหน้าของเธอในตอนท้ายดวงตาปวดหนึบด้วยน้ำตาขณะที่เธ
"หยุด!" เสียงของเธอสั่นเครือขณะที่เธอตะโกนบอกคนขับแท็กซี่แค่นั้นก็เพียงพอให้อาน่าหันกลับมา"ฉันทำอะไรลงไป?" ลมหายใจของเธอสั่นเทาขณะที่เธอเปิดประตูและรีบออกจากแท็กซี่ มือของเธอสั่นเทาขณะที่เธอสะดุดลงบนทางเท้า"เดนนิส!" เธอตะโกนขณะที่เข่าของเธอล้มลงบนพื้นคอนกรีตแข็ง "ได้โปรด อย่า" เธอพูดกระซิบ สายตาของเธอจ้องมองไปที่รถที่พังยับเยิน "เดนนิส ต้องรอดให้ได้นะ"เธอคลานไปที่รถ มองเข้าไปข้างในเพื่อดูเขา แต่ข้างในนั้นมืดมิดและเสียงสะอื้นของเธอก็ดังขึ้น "ทำไมฉันถึงออกมา? ทำไมฉันไม่รอเขา?"เธอเช็ดน้ำตา "ฉันสัญญา" เธอสะอื้น "ฉันจะไม่ไปหาเอมี่อีกแล้ว ฉันสัญญา เดนนิส ได้โปรดออกมา" เธอร้องไห้ขณะที่เธอจำได้เลือนรางว่าเขาบอกเธอว่าเอมี่ได้รับความยุติธรรมแล้ว และไม่จำเป็นต้องไปหาเธออีกต่อไปนี่เป็นความผิดของเธอทั้งหมด เธอควรจะฟังเขา เธอควรจะรอเขาก่อนที่เธอจะออกไป"อาน่า!" ไอเดนตะโกนขณะที่เขารีบออกจากรถ เขารู้สึกโล่งใจที่เห็นอาน่า เขาหารถแท็กซี่หลังจากที่เดนนิสขับออกไปสักพัก และตามเขาไป เมื่อเขาสังเกตเห็นฝูงชนและเห็นว่ามีอุบัติเหตุเกิดขึ้น เขาก็กลัวว่าจะเป็นอาน่า"ให้ตายสิ!" เขาพึมพำขณะหยุดอยู่ต่อ
มุมมองของนักเขียนหลังจากที่ไอเดนได้ยินคำพูดเหล่านั้น เขาไม่ลังเลเลยก่อนที่จะเดินออกจากห้องพิจารณาคดีหัวใจของชารอนแตกสลายเมื่อมองดูไอเดนเดินออกไปอย่างโกรธจัด เขาเกลียดชังเธอมากจนทนดูการพิจารณาคดีของเธอไม่ได้เลยหรือ? น้ำตาไหลลงมาบนใบหน้าของเธอ และเธอรีบเช็ดมันออกก่อนที่พ่อของเธอจะเห็นพ่อของเธอบอกเธอไปก่อนหน้านี้ว่า "พอได้แล้ว ชารอน อย่าร้องไห้เพราะผู้ชายอย่างเขาเลย" แต่นั่นหลังจากที่เขาตำหนิเธอสำหรับทุกสิ่งที่เธอทำ"มีการตัดสินแล้วหรือยัง คุณไอเดน? คุณจะประกันตัวภรรยาของคุณไหม?"คำถามทั้งหมดของพวกเขาไม่ได้เข้าหูไอเดนแม้แต่น้อย เขาไม่ได้สนใจสิ่งใดเลยขณะที่เขาเร่งรีบไปที่รถของเขาและขับออกจากบริเวณศาลระหว่างทางไปโรงพยาบาล เขาโทรหาทีมรักษาความปลอดภัยของเขาที่ตามเขามาทันทีที่เขาขับรถออกไป "อาน่าสตาเซียเพิ่งหนีออกจากโรงพยาบาลบ้า ตามหาเธอ" เขาออกคำสั่ง "ผมจะส่งรูปของเธอให้คุณตอนนี้""ครับ"เขาตัดสาย ขณะที่เขาขับรถ เขาหารูปอาน่าที่ชัดเจนและส่งให้ทีมรักษาความปลอดภัยที่เริ่มตามหาเธอทันทีจากนั้นไอเดนพยายามโทรหาเดนนิส แต่เขาก็ยังไม่รับสายเมื่อมาถึงโรงพยาบาล เขาพบเดนนิสอยู่ข้างนอก เขา
ไอเดนเมื่อเวลาผ่านไป คดีของเอมี่ได้รับความสนใจจากสื่อมากมาย ช่องข่าวทุกช่องมีรูปเด็กผู้หญิงน่าสงสารคนนั้นขณะที่พวกเขาพูดถึงการตายที่ไม่ยุติธรรมของเธอ และทุกคนที่รับผิดชอบต้องถูกลงโทษตามนั้นท่ามกลางทุกสิ่งทุกอย่าง จุดสนใจก็เปลี่ยนจากเอมี่มาเป็นชารอนและผม อย่างไรก็ตาม มีข่าวลือเกี่ยวกับชีวิตแต่งงานของเราและการตั้งครรภ์ปลอมของเธอผมเริ่มได้รับโทรศัพท์จากหมายเลขที่ไม่รู้จักหลายหมายเลข โทรมาถามคำถามไร้สาระทั้งหมดเพื่อต้องการข้อมูลโดยตรงจากแหล่งข่าว ผมต้องเปลี่ยนซิมการ์ดในโทรศัพท์ของผมเป็นซิมที่ผู้ช่วยของผมใช้ หากมีข้อมูลใดๆ เขาก็แค่ส่งต่อมา ผมเบื่อที่จะรับมือกับสายเรียกเข้าที่ไม่หยุดหย่อนเหล่านั้นเมื่อชารอนอาการดีขึ้นและเธอต้องถูกส่งตัวกลับไปที่สถานีตำรวจ พวกเขามาถึงสถานีพร้อมกับกลุ่มนักข่าวที่ทางเข้าตำรวจคุ้มกันเธอขณะพาเธอเข้าไปข้างใน แต่นั่นไม่ได้หยุดนักข่าวจากการตะโกนถามคำถามของพวกเขา"คุณเสแสร้งว่าท้องจริง ๆ เหรอ คุณนายไอเดน?""คุณชารอน คุณยังเป็นผู้หญิงที่แต่งงานแล้วอยู่ไหม?""สามีของคุณอยู่ที่ไหน? เขายังรักคุณอยู่ไหม?""จะมีการหย่าร้างไหม?""คุณมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสีย
เดนนิสอาน่าถูกส่งตัวไปยังศูนย์บำบัดวิกฤตสุขภาพจิต และผมใช้เวลาส่วนใหญ่ของผมที่นั่น แม้ว่าผมจะพยายามแบ่งเวลาอย่างเท่าเทียมกันระหว่างงาน จัสติน และเอมี่ แต่ผมก็พบว่าตัวเองใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่นี่งานเป็นไปด้วยดีอย่างยิ่ง ตอนนี้ผมทำเงินได้มากกว่าที่เคยทำก่อนที่ผมจะถูกหลอก แต่ผมไม่มีความสุข คนที่ผมรักที่สุดอยู่ในบ้านพักผู้ป่วยทางจิต ทุกวันที่ผมไปที่นั่น ผมหวังว่าอาการของเธอจะเริ่มดีขึ้นในไม่ช้า ครึ่งหนึ่งของเวลา เธอดูปกติดี แค่นั่งอยู่คนเดียวด้วยสีหน้าที่เป็นกลาง เธอจะไม่พูดคุยกับใครเป็นเวลาหลายชั่วโมง อีกครึ่งหนึ่งใช้ไปกับการร้องไห้และขอร้องให้ผมพาพวกเราไปหาเอมี่แพทย์บอกว่าเธอดีขึ้น แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นเช่นนั้นสำหรับผมจัสตินทำได้ดีมาก เขาดูเหมือนจะไม่โศกเศร้าอย่างที่ไอเดนแนะนำ มีบางครั้งที่เขาจะร้องไห้และไม่มีอะไรทำให้เขาหยุดได้จนกว่าเขาจะหลับไป แต่ช่วงเวลาเหล่านั้นหายาก และผมคิดว่าเขาแค่คิดถึงแม่ของเขาผมทำให้แน่ใจว่าผมมีเวลาให้เขาเสมอ เหมือนกับที่ผมมีเวลาให้อาน่า ไม่ว่างานจะยุ่งแค่ไหน ผมไม่ต้องการปล่อยเขาไว้กับพี่เลี้ยงทั้งหมด แม้ว่าเธอจะเป็นผู้หญิงที่ดี แต่ผมต้องการให้ไอเดนเติ
ไอเดนนักสืบส่งที่อยู่โรงพยาบาลที่ชารอนถูกนำตัวส่งมาให้กับผมภายในห้อง ชารอนนอนขดตัวอยู่กับตนเองพร้อมกับกุญแจมือที่คล้องอยู่พอจะเอื้อมถึงเธอรีบลุกขึ้นนั่งเมื่อเห็นผมเข้ามาในห้อง "ไอเดน" เธอหายใจออกมา ดวงตาเบิกกว้างด้วยความกลัว"ไม่เพียงแต่คุณจะเป็นอาชญากร แต่ยังเป็นคนโกหกด้วยเหรอ? คนโป้ปด!" ผมพูดออกมาขณะที่สายตาเหลือบไปที่ท้องแบนราบของเธอ ผมหัวเราะเยาะตัวเองขณะทรุดตัวลงบนเก้าอี้ที่หันหน้าเข้าหาเตียงของเธอ ผมรู้สึกหมดแรงจนแทบจะยืนด้วยขาของตัวเองไม่ได้เธอส่ายหัว น้ำตาไหลลงมาบนใบหน้าของเธอ เหมือนกับที่มันไหลลงมาบนใบหน้าของเธอตอนที่เธอถูกจับกุม "มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิด ฉันสาบานได้นะ ฉัน…" เธอพูดไม่ออกและไหล่ของเธอก็สั่นเทาขณะที่เธอร้องไห้หนักขึ้นผมเอียงศีรษะไปด้านข้างและมองเธออยู่ครู่หนึ่ง ผมไม่แปลกใจเลยที่ผมไม่รู้สึกสงสารเธอแม้แต่น้อย "ถ้ามันไม่ใช่อย่างที่ผมคิด แล้วมันคืออะไร? บอกมาสิ""คุณแกล้งทำเป็นท้องมาตั้งหลายเดือน!" เสียงหัวเราะขมขื่นหลุดออกจากริมฝีปากขณะที่ผมส่ายหัว มันยังคงรู้สึกเหมือนเรื่องตลก ผมคงไม่เชื่อนักสืบเลย ถ้าไม่มีสัญญาณทั้งหมดที่ผมมองข้ามไปผมโน้มตัวไปข้างหน้
ไอเดนผมตกใจกับคำพูดของเขา เดนนิสรู้แล้วเหรอ?เดนนิสก็มีส่วนร่วมในการสอบสวนด้วย เขาแค่ไม่ได้กระตือรือร้นเท่าผม ดังนั้นมันไม่น่าแปลกใจที่เขาจะได้ยินเรื่องนี้ นอกจากนี้ มันเป็นคดีของลูกสาวเขาด้วย เขาจึงมีสิทธิ์ที่จะรู้แต่ผมเลือกที่จะเพิกเฉยต่อคำพูดที่รุนแรงของเขา ผมยังคงสับสนกับข่าวที่ว่าอนาอยู่ในโรงพยาบาลจิตเวชในขณะนี้ มันเป็นไปได้อย่างไร? เขาปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? ผมอยากจะตะโกนใส่เขา แต่ผมก็สงบสติอารมณ์ ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของผมตั้งแต่แรก... และของชารอน"แล้วเธออยู่ที่โรงพยาบาลไหน?" มันฟังดูไม่จริง ผมรู้ว่าเธอรักเอมี่มาก แต่ผมไม่คิดว่ามันจะส่งผลกระทบต่อเธอมากขนาดนี้เดนนิสหันมาหาผม คิ้วของเขาขมวดลึกขณะที่เขาขมวดคิ้ว "อยากรู้ไปทำไม? จะได้เอาไปบอกภรรยานายหรือไง?"ให้ตายสิ! ผมรู้สึกว่ามือกำแน่นโดยอัตโนมัติผมหายใจเข้าลึกๆ "ฉันโทรหาพวกนาย แต่ไม่มีใครรับสาย อาน่าก็ปิดโทรศัพท์อีก ฉันก็แค่เป็นห่วง..." ผมพูดเสียงแผ่วและไหล่สั่น “ฉันก็เลยตัดสินใจมาดูเธอนี่ไง"“ตอนนี้นายก็รู้แล้วนะว่าเธออยู่ไหน งั้นเชิญออกไปได้แล้ว”เขามีสิทธิ์ทุกประการที่จะขอให้ผมออกจากบ้านและชีวิต แต่ผ
ไอเดน"ไม่เป็นไรแล้วค่ะ" ชารอนพูดขณะที่เธอโอบแขนรอบไหล่ "คุณต้องหยุดโทษตัวเองเรื่องนี้ได้แล้ว ที่รัก มันไม่ใช่ความผิดของคุณ และการทุ่มเทตัวเองให้กับการสอบสวนทั้งหมดนี้ก็ไม่ได้ช่วยอะไรด้วยเลย""ผมต้องหาตัวคนผิดมาให้ได้ ชารอน ผมต้องหาว่าใครทำเรื่องนี้ นี่เป็นสิ่งเดียวที่ผมทำเพื่อลูกสาวผมได้ ซึ่งจะทำให้ความรู้สึกผิดนี้ทุเลาลง" "ถ้ามันเป็นวิธีเดียว คุณก็ควรทำอยู่แล้ว" เธอให้กำลังใจ "ฉันจะคอยดูแลให้พ่อช่วยในคดีนี้ด้วย ฉันสัญญา"พ่อของเธอโทรหาผมครั้งหนึ่งเพื่อแสดงความเสียใจกับการจากไปของลูกสาวผม ซึ่งไม่ได้เป็นอะไรกับลูกสาวเขาเลย และเขาฟังดูไม่พอใจนัก ผมประหลาดใจด้วยซ้ำที่เธอจะบอกเรื่องนั้นกับพ่อของเธอ ผมสงสัยว่าเขาอยากจะช่วยเปิดโปงฆาตกรของเด็กที่ไม่ใช่ลูกของเขาในทางใดทางหนึ่งหรือไม่ แต่ผมเก็บเรื่องนั้นไว้กับตัวเอง"ขอบคุณครับ" ผมบอกเธอแทนเธอโอบกอดผมครึ่งหนึ่ง และคราวนี้ไม่ได้ผละออกทันที ในวันแบบนี้เองที่เธอไม่ได้กระโดดหนีจากผมเหมือนผมติดเชื้อเมื่อใดก็ตามที่ผมพยายามสัมผัสเธอ"แล้วคุณจะยิ้มให้ฉันไหม?" เธอยิ้มขณะที่ดึงผิวแก้มของผมเพื่อพยายามทำให้ผมยิ้มเมื่อผมเอามือของเธอออก เธอก็แสร้