ฉันเงยหน้าขึ้น คิ้วของเขาขมวดแน่น ความสับสนและกังวลผสมวนกันอยู่ในดวงตาของเขาขณะมองมายังฉันเหมือนเห็นคนสติไม่ดี“อาน่า ไหวนะ?” เขาถามอย่างเป็นห่วง “เอมี่คือใคร?”“ลูกสาวคุณค่ะ”ความห่วงกังวลหายไป คิ้วของเขาเรียบตรง แต่ดวงตาปกคลุมไปด้วยความสับสน“ลูกสาวเหรอ? ผมมีลูกสาวด้วยเหรอ?”ฉันกลืนน้ำลายลงคอ ตั้งแต่วันที่ให้กำเนิดเอมี่ ฉันเคยจินตนาการถึงวันที่ต้องเผชิญหน้ากับเขาแบบนี้มานับพันครั้ง และทุกครั้งก็เต็มไปด้วยความหวาดหวั่น ทุกอย่างดูยิ่งเลวร้ายเมื่อโชคชะตาพลิกกลับให้เขากลายมาเป็นเจ้านาย ฉันมักจะกังวลอยู่เสมอว่าเขาจะรู้ความจริงเข้าแล้วพรากเธอไปจากฉัน แต่หลังจากที่ฉันแต่งงานกับเดนนิส ฉันก็เชื่อมาตลอดว่าไม่มีอะไรต้องกลัวอีกแล้ว แต่ฉันน่าจะรู้ดีกว่านี้ฉันกลืนน้ำลายแล้วพยักหน้า “ค่ะ”สายตาของเขาดูไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ขณะเดียวกันเขาก็อ้าปากค้าง“ผมมีลูกสาวเหรอ?” เขากล่าวซ้ำหลังจากเงียบไปนาน “อาน่า นี่อำกันเล่นหรือเปล่า?”เสียงของฉันสั่น “ฉันมีลูกสาวค่ะ ไอเดน แล้วคุณก็คือพ่อของเด็กคนนั้น”ดวงตาของเขามีความโกรธ ความเจ็บปวด...“ฉันขอโทษจริง ๆ ค่ะ” ฉันกระซิบแผ่ว สายตามองไปยังนิ้วมือต
ไอเดนอาน่าและผมมองไปทางประตูแล้วเห็นชารอนที่ยืนอยู่ด้วยดวงตาเบิกกว้างที่กำลังมองอาน่าอยู่“เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นเนี่ย? ทำไมเธอถึงมาอยู่นี่ได้? เธอพึ่งพูดว่าไงนะ?” เธอถามทุกคำถามพร้อมเดินเข้ามาในห้อง “แล้วไง? ฉันไม่อยากจะรู้ว่าตัวเองได้ยินอะไรละ ช่างเหอะ เธอออกไปเดี๋ยวนี้เลย” เธอผายมือไปทางประตูและดวงตาของอาน่าก็เบิกกว้างเธออ้าปากและปิดลงราวกับไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้แล้วเธอก็หันมาขอความช่วยเหลือจากผมแต่ผมไม่ได้พูดอะไรออกไป รวมถึงไม่ได้ทำอะไรด้วย ผมยังโกรธเธออยู่ และผมอาจจะอยากให้เธอไปให้พ้นหน้าด้วย แบบนั้นผมถึงจะคิดและประมวลผลทุกอย่างได้เหมาะสมสิ่งสำคัญที่สุดคือ ผมต้องการอยู่คนเดียวเพื่อมีเวลาใช้ความคิดเงียบ ๆ ในหัวผมยังเต็มไปด้วยเรื่องที่ว่าตัวเองมีลูกสาวอายุหกขวบ ผู้ได้รับกรรมพันธุ์มาจากผมและชีวิตกำลังยืนอยู่ปากเหวระหว่างความเป็นกับความตายจากโรคที่เธอต้องต่อสู้เพื่อมีชีวิตอยู่“ได้โปรดเถอะนะคะ” เสียงของอาน่าสั่นเครือขณะที่พยายามอธิบายเหตุผลกับชารอน ผมเห็นความรักแบบคนเป็นแม่ออกมาจากดวงตาคู่นี้ ความรักและความห่วงใยที่เธอเคยรังเกียจที่จะมีให้ลูกของเธอ... ลูกของเราผมไม่รู้
“เป็นลูกคุณแล้วยังไง? จากเรื่องที่เกิดขึ้น เธอโกหกไม่เป็นหรือไง?”“เธอจะโกหกไปทำไม? เด็กคนนั้นเป็นลูกของผม ผมมั่นใจ”“ฉันไม่สนว่าเป็นลูกคุณไหม” เธอตะโกนพลางจ้องผมเสียงสั่นขณะเดียวกันเธอก็ควานหากระเป๋าที่เธอวางไว้บนโซฟา “ฉันไม่สนนะว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ไอเดน คุณห้ามทำแบบนั้น ถ้าคุณทำ คุณจะไม่ชอบสิ่งที่ฉันจะทำเหมือนกัน”จากนั้นเธอก็เดินกระทืบเท้าออกไปแล้วปิดประตูตามหลังเสียงดัง ผมได้แต่หวังว่าเธอจะไม่ตามอาน่าไปเหมือนเมื่อครั้งที่แล้วผมนั่งนิ่งอยู่ตรงนั้นกับระเบิดที่อาน่าเพิ่งโยนใส่อย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ผมไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าควรรู้สึกอย่างไร ดีใจที่มีลูกกับอาน่า? หรือเศร้าและโกรธที่เธอเป็นต้นเหตุให้ผมไม่มีตัวตนอยู่ในชีวิตของลูก? ความรู้สึกของผมสับสนวุ่นวาย ผมรู้สึกไม่แน่ใจเกี่ยวกับเรื่องการมีลูกอีกคนเพื่อช่วยชีวิตอีกคน โดยเฉพาะในเวลานี้ที่ผมพยายามอย่างหนักเพื่อให้ชีวิตคู่ของผมกับชารอนดำเนินต่อไปได้ ผมพยายามลืมอาน่า พยายามเก็บเธอไว้ในอดีต แต่แล้วเธอก็ปรากฏตัวขึ้นทำลายทุกความพยายามของผมทิ้ง และที่แย่ไปกว่านั้น คือ เธอกลับมาพร้อมกับลูกหนึ่งคน และมาเสนอให้มีเพิ่มอีกคนหนึ่งตลอดเวลาที่ผ่
ชารอนฉันมองผ่านแก้วทึบแสงขณะที่โคลงเครื่องดื่มในมือไปมา ตลอดเวลาคำพูดของอนาสตาเซียยังคงดังอยู่ในหัวฉันฉันเย้ยหยันและพึมพำกับตัวเอง “น่าสมเพช”ไอเดนไม่แม้แต่จะปลอบให้ฉันเย็นลง แถมยังไม่ถามหาความยินยอมจากฉันก่อนที่จะคิดหรือกระโจนลงไปในกระบวนการที่เธอพูดออกมาด้วยซ้ำ ก็เหมือนเดิมนั่นแหละ เขาก็ตัดสินใจเรื่องตัวเองโดยไม่เคยสนใจว่าฉันคิดยังไง“น่าสมเพชจริง ๆ ที่ฉันรักคนแบบนี้” เรื่องนี้ไม่เคยรบกวนจิตใจมากมายนัก แต่ครั้งนี้เจ็บจริง ๆ หัวใจเหมือนแตกเป็นสองเสี่ยงจนนับครั้งไม่ถ้วนและครั้งนี้อาจจะไม่มีวันกลับมาติดกันได้ดีดังเดิมจากนั้น ฉันก็รู้ตัวเมื่อได้แต่งงานกับไอเดน ว่าฉันต้องสู้กับความรักของตัวเองในทุกทางเพื่อหาทางให้การแต่งงานนี้ได้ไปต่อ ฉันต้องทำอะไรมากมายเพื่อให้เขามองเห็นฉัน ตลอดมา เธอเป็นเหมือนกลุ่มเมฆฝนที่คอยปกคลุมอยู่เหนือหัวของพวกเรา และรอคอยเวลาอันเหมาะสมที่จะเทลงมาเหมือนฝนห่าใหญ่ฉันเดาว่าตอนนี้คงเป็นเวลาที่เหมาะสมที่ฝนจะเทลงมาแล้วละ ไอเดนมีลูกแล้ว! ฉันไม่รู้ว่าต้องคิดกับเรื่องนี้อย่างไรดี ถ้าเป็นคนอื่นฉันคงทำตัวใจเย็นได้บ้าง แต่นี่เป็นลูกของเขากับผู้หญิงคนที่ฉันไม่ช
เอาเถอะ ยังไงเขาก็เป็นผู้ฟังที่ดี ฉันเลยสามารถพูดต่อไปได้ “แล้วรู้อะไรไหม ฉันรักเขามากจนเต็มใจที่จะมองข้ามเรื่องทั้งหมดไป ฉันไม่เคยกดดันเขาหรืออะไรเลย” ฉันพรั่งพรูออกมาและนั่นทำให้เราทั้งคู่หัวเราะสนั่นหัวใจดิ่งฮวบลง เมื่อการหัวเราะแบบบ้า ๆ บอ ๆ กลับกลายเป็นความรู้สึกอึมครึม บึ้งตึง โดดเดี่ยว และหิวโหย “แม้แต่ตอนที่เราแต่งงานกันแล้วฉันก็ยังไม่มั่นใจเลย อันที่จริงก่อนหน้านี้ฉันก็พอรู้ความจริงอยู่แล้วล่ะ ฉันรู้ความจริงมาตลอด รู้ว่าเขารักคนอื่น แต่ฉันก็ยังฝืนทำเป็นไม่รู้ ฉันบอกตัวเองว่าทุกอย่างเป็นเพียงอดีตและฉันไม่ต้องไปสนใจก็ได้ ฉันบอกตัวเองว่าสิ่งที่ตัวเองต้องทำกือการมองไปที่อนาตและทำให้ทุกอย่างดีขึ้น ให้เป็นความทรงจำที่ยากจะลืม แต่ฉันว่าฉันคงหลอกตัวเองไปวัน ๆ” ฉันเรอ แต่ครั้งนี้ไม่มีใครหัวเราะอีกแล้ว ดวงตาของเดนนิสเศร้าหมองจนฉันรับรู้ได้ว่าเรื่องของเขาคงจะต่างออกไปจากฉัน เขาคงรักเธอจนสุดหัวใจ“หลายปีก่อนที่เธอจะเลิกกับไอเดน ผมก็มีใจให้อาน่ามาตลอด” เขายิ้ม “เธอเป็นทุกอย่างของผม สำหรับเธอแล้ว ผมยอมเปลี่ยนตัวเองเป็นคนที่ดีขึ้น” เขาอ้าแขนโยยังมีขวดเหล้าอยู่ในมือ “วันนี้ ผมกลายเป็นค
มุมมองของเอมิลี่“ทิ้งอดัมไปซะ”ฉันกะพริบตาด้วยความแน่ใจว่าตัวเองได้ยินผิด คำพูดที่ลอยอยู่ในรถแอสตันมาร์ตินของฉันเหมือนเรื่องตลกร้าย และฉันก็พยายามฝืนตัวเองไม่ให้ลุกไปหากล้องที่ซ่อนไว้อยู่“โทษนะ มีอา เธอกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไรอยู่? นี่คือเหตุผลที่เธอนัดเจอฉันเหรอ?”ดวงตาสีมรกตของมีอาหรี่ลงและริมฝีปากสีแดงสดของเธอก็เม้มเป็นเส้นตรง “ฉันไม่ได้ล้อเล่น เอมิลี่ เธอต้องเลิกกับเขา”ฉันกลอกตาหนักมากจนเกือบจะไมเกรนขึ้น “อ่าฮ้ะ ต่อไปเธอคงบอกให้ฉันขายทรัพย์สินแล้วไปเปิดสถานสงเคราะห์แมวในบาฮามาสล่ะสิ”“นี่ไม่ใช่เรื่องตลกนะ!” มีอาโวยวายมีอา เอมิลี่ โอลิเวีย สามสาวสุดเลิศซึ่งเป็นที่ถูกขนานนามจนใคร ๆ ก็รู้ว่าพวกเราสนิทสนมกันและได้รับการเลี้ยงดูมาด้วยความหรูหราและเตรียมพร้อมกับความสำเร็จมาตั้งแต่อยู่ในเปล เราอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ประถม มีอาเป็นคนมีไหวพริบเฉียบแหลมและชอบทำเรื่องซุกซน โอลิเวียเป็นคนจิตใจดีและมีเสียงหัวเราะน่าดึงดูด และฉัน... ฉันเป็นเหมือนกาวใจที่เชื่อมพวกเราไว้ด้วยกัน หรืออย่างน้อยฉันก็คิดอย่างนั้นทุกอย่างเปลี่ยนไปในตอนที่ความรักชู้สาวของมีอาและอดัมมาถึงจุดจบ ฉันยังจำไ
มุมมองของเอมิลี่“ลงไปจากรถฉันเดี๋ยวนี้” ฉันพูด เธอมองฉันอย่างไม่เชื่อสายตา“ฉันบอกให้ลงไป!” ฉันกรีดร้อง ความสุขุมของฉันแตกสลายเป็นเสี่ยง ๆ มีอาดูเหมือนอยากจะเถียงต่อ แต่คงมีบางอย่างในแววตาของฉันที่เตือนให้เธอหยุด เธอเปิดประตูรถก่อนจะนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วค่อยก้าวออกจากรถไป “ฟังฉันให้ดีนะ เอมิลี่ เขาไม่ได้รักเธอ เลิกเสียเวลาไปกับเขาได้แล้ว...”ฉันตบแตรรถเพื่อตัดบทเธอจนกระทั่งเธอลงจากรถไปและกระแทกประตูรถปิด ทันทีที่เธอจากไป ฉันก็เอาหน้าผากซบกับพวงมาลัยและรู้สึกได้ถึงน้ำตาที่เริ่มไหนลงมา ฉันพยายามหอบหายใจผ่านในอกที่อึดอัดของตัวเองรูปที่มีอาเอาให้ดูฉายซ้ำในความคิดของฉัน และทุกครั้งที่นึกถึง ภาพเหล่านั้นก็เหมือนใบมีดที่ทิ่มแทงฉันซ้ำ ๆ ฉันรู้สึกสกปรกและเป็นของใช้แล้วทิ้ง ฉํนอยากจะขดตัวแล้วก็หายไปซะเขาทำแบบนี้ได้อย่างไร? พวกเขาทั้งสองคนหักหลังฉันแบบนี้ได้ยังไง?ฉันคิดถึงสี่ปีที่ผ่านมาและทุก ๆ ช่วงเวลาที่ฉันคอยฟูมฟัก ตอนนี้พวกเขาทำให้ทั้งหมดแปดเปื้อนด้วยเรื่องนี้ วันแต่งงานของเรา ตอนที่อดัมมองมาที่ฉันฉันคิดเอาว่าเขามองอย่างให้เกียรติ ถ้าไม่ใช่มองด้วยความรัก ตอนค่ำคืนอันเงียบสงบเราจ
มุมมองของเอมิลี่“รูปพวกเขา อยู่ด้วยกัน เปลือยกาย แล้วก็เอากัน” ทุกคำเหมือนกับเศษแก้วที่จะบาดคอเมื่อฉันพูดออกไป “ตลอดเวลานี้ อดัมนอกใจฉันไปกับมีอา” ใบหน้าของโอลิเวียเต็มไปด้วยความตกใจ โกรธ และสุดท้ายก็จบลงที่บางอย่างซึ่งอยู่ระหว่างเห็นอกเห็นใจและโกรธเคือง “ไอ้เวรนั่น! แล้วมีอาทำแบบนี้ได้ไง?” โอลิเวียกล่าวพลางกัดฟันฉันยังไหล่ที่เหนื่อยล้าของตนเอง “ชัดจะตาย เธอไม่เคยตัดใจจากเขาได้ไง เธอยังเคยพูดเลยว่าฉันขโมยเขาไปจากเธอ”“แต่นี่เป็นงานแต่งแบบคลุมถุงชนนะ! เธอเลือกไม่ได้สักหน่อย” โอลิเวียประท้วง “ไปบอกมีอาเถอะ เธอไม่สนใจหรอก เธอแค่อยากให้ฉันเจ็บปวดก็เท่านั้น” ฉันพึมพำ โอลิเวียลุกขึ้นและเดินมาดึงฉันเข้าไปกอดฉันเกร็งตัวอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะละลายไปกับอ้อมกอดของเธอ ขณะที่น้ำตาก็เริ่มจะไหลออกมา ครั้งนี้ฉันไม่อาจกลั้นเอาไว้ได้อีกต่อไป ฉันร้องไห้ราวเขื่อนแตกและสะอึกสะอื้นซบบนไหล่ของโอลิเวีย ร่างกายของฉันสั่นเทิ้มไปด้วยความเศร้าและความโกรธ“ชู่ว ไม่เป็นไร ๆ” โอลิเวียพึมพำ ลูบหลังปลอบฉันเป็นรูปวงกลม “ร้องออกมาให้หมดเลย ฉันจะอยู่กับเธอเอง”ฉันสำลักระหว่างร้องไห้สะอื้น “ฉันขอโทษนะ ฉันไ
มุมมองของนักเขียนอาน่าถอนหายใจเสียงดังขณะเดินเข้าไปในห้องพักของเดนนิสและนั่งลงข้าง ๆ เขา เธอหยิบหนังสือออกมาและเริ่มอ่านเป็นครั้งคราว เธอจะเปิดโทรศัพท์เพื่อดูจัสตินนอนหลับหรือเล่นรอบบ้านในขณะที่พี่เลี้ยงยุ่งอยู่ หรือแค่ซุกตัวบนโซฟาตัวหนึ่งเพื่ออ่านหนังสือ โดยคอยจับตาดูจัสตินตอนนี้มันกลายเป็นกิจวัตรประจำวันของอาน่าไปแล้วในวันที่เธอพักค้างคืนที่โรงพยาบาล เธอจะออกจากที่นั่นแต่เช้าเพื่อไปดูแลจัสตินและกลับมา ขณะที่เธอนั่งอยู่ข้างๆ เขา นิ้วอุ่นๆ ของเธอประสานกับนิ้วเย็นๆ ที่ยังคงนิ่งของเขา เธอจะอ่านหนังสือเดนนิสยังคงอยู่ในอาการโคม่า และในแต่ละวัน อาน่ารู้สึกว่าความกลัวกำลังเพิ่มขึ้น... กลัวว่าเขาอาจจะยังคงอยู่ในอาการโคม่าจนถึงแก่ชีวิต ทั้งหมดเป็นเพราะเธอคนเดียวเธอต้องการให้เขาลืมตาขึ้นมามองเธอด้วยความรักที่เขามีให้เธอเสมอ เธอต้องการบอกเขาว่าเธอรักเขามากแค่ไหนและรู้สึกขอบคุณที่มีเขาในชีวิตของเธอ แต่ที่สำคัญที่สุด เธอต้องการขอโทษเขาเธอเห็นแก่ตัวมาก คิดว่าความเจ็บปวดของพวกเขาไม่ยิ่งใหญ่เท่าของเธอ... พวกเขาทุกคนรักเอมี่อย่างสุดซึ้ง และพวกเขาทุกคนเจ็บปวดกับการจากไปของเธอจากชีวิตนี้ ห
มุมมองของนักเขียนชารอนถูกตัดสินว่าไม่มีความผิดฐานมีส่วนร่วมโดยตรงในการเสียชีวิตของเอมี่ แต่มีความผิดฐานสมรู้ร่วมคิด เธอโชคดีพอที่จะได้รับการลดหย่อนโทษ จำคุกในระยะเวลาอันสั้น ทนายของเธอทำให้แน่ใจว่ามันจะเป็นเช่นนั้น และทั้งหมดนี้เป็นเพราะพ่อของเธอแม้ว่าพ่อของเธอจะผิดหวังกับทุกสิ่งที่เธอทำ แต่เธอก็เป็นลูกสาวของเขา ทายาทที่น่าเกรงขามเพียงคนเดียวของเขา ไม่มีทางที่เขาจะทอดทิ้งเธอได้ขณะที่เธอรับโทษจำคุก นับถอยหลังสู่วันที่เธอจะได้ออกไปจากที่นั่นในที่สุด เธอได้รับเอกสารหย่าร้างส่งมาให้เธอเธอคิดว่าเช้าวันนั้นหนาวเกินไปสำหรับฤดูกาล ห้องขังเล็กๆ ของเธอรู้สึกเล็กกะทันหัน มันรู้สึกเหมือนมันจะปิดล้อมเธอ และเธอเอามือสอดเข้าไปในช่องประตูเพื่อหายใจเมื่อหนึ่งในผู้คุมมาพาเธอไปเธอนั่งลง ได้รับปากกา และต่อหน้าเธอ บนโต๊ะเหล็ก มีจดหมายหย่าร้างวางอยู่ เหตุผลหลักที่เธอเข้าไปเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมและการกระทำสกปรกเหล่านี้ทั้งหมดคือเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ไอเดนทิ้งเธอ มันน่าเศร้าจริงๆ ที่เธอทำงานอย่างหนักเพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งนี้ แต่กลับถูกโยนใส่อย่างแรงที่ใบหน้าของเธอในตอนท้ายดวงตาปวดหนึบด้วยน้ำตาขณะที่เธ
"หยุด!" เสียงของเธอสั่นเครือขณะที่เธอตะโกนบอกคนขับแท็กซี่แค่นั้นก็เพียงพอให้อาน่าหันกลับมา"ฉันทำอะไรลงไป?" ลมหายใจของเธอสั่นเทาขณะที่เธอเปิดประตูและรีบออกจากแท็กซี่ มือของเธอสั่นเทาขณะที่เธอสะดุดลงบนทางเท้า"เดนนิส!" เธอตะโกนขณะที่เข่าของเธอล้มลงบนพื้นคอนกรีตแข็ง "ได้โปรด อย่า" เธอพูดกระซิบ สายตาของเธอจ้องมองไปที่รถที่พังยับเยิน "เดนนิส ต้องรอดให้ได้นะ"เธอคลานไปที่รถ มองเข้าไปข้างในเพื่อดูเขา แต่ข้างในนั้นมืดมิดและเสียงสะอื้นของเธอก็ดังขึ้น "ทำไมฉันถึงออกมา? ทำไมฉันไม่รอเขา?"เธอเช็ดน้ำตา "ฉันสัญญา" เธอสะอื้น "ฉันจะไม่ไปหาเอมี่อีกแล้ว ฉันสัญญา เดนนิส ได้โปรดออกมา" เธอร้องไห้ขณะที่เธอจำได้เลือนรางว่าเขาบอกเธอว่าเอมี่ได้รับความยุติธรรมแล้ว และไม่จำเป็นต้องไปหาเธออีกต่อไปนี่เป็นความผิดของเธอทั้งหมด เธอควรจะฟังเขา เธอควรจะรอเขาก่อนที่เธอจะออกไป"อาน่า!" ไอเดนตะโกนขณะที่เขารีบออกจากรถ เขารู้สึกโล่งใจที่เห็นอาน่า เขาหารถแท็กซี่หลังจากที่เดนนิสขับออกไปสักพัก และตามเขาไป เมื่อเขาสังเกตเห็นฝูงชนและเห็นว่ามีอุบัติเหตุเกิดขึ้น เขาก็กลัวว่าจะเป็นอาน่า"ให้ตายสิ!" เขาพึมพำขณะหยุดอยู่ต่อ
มุมมองของนักเขียนหลังจากที่ไอเดนได้ยินคำพูดเหล่านั้น เขาไม่ลังเลเลยก่อนที่จะเดินออกจากห้องพิจารณาคดีหัวใจของชารอนแตกสลายเมื่อมองดูไอเดนเดินออกไปอย่างโกรธจัด เขาเกลียดชังเธอมากจนทนดูการพิจารณาคดีของเธอไม่ได้เลยหรือ? น้ำตาไหลลงมาบนใบหน้าของเธอ และเธอรีบเช็ดมันออกก่อนที่พ่อของเธอจะเห็นพ่อของเธอบอกเธอไปก่อนหน้านี้ว่า "พอได้แล้ว ชารอน อย่าร้องไห้เพราะผู้ชายอย่างเขาเลย" แต่นั่นหลังจากที่เขาตำหนิเธอสำหรับทุกสิ่งที่เธอทำ"มีการตัดสินแล้วหรือยัง คุณไอเดน? คุณจะประกันตัวภรรยาของคุณไหม?"คำถามทั้งหมดของพวกเขาไม่ได้เข้าหูไอเดนแม้แต่น้อย เขาไม่ได้สนใจสิ่งใดเลยขณะที่เขาเร่งรีบไปที่รถของเขาและขับออกจากบริเวณศาลระหว่างทางไปโรงพยาบาล เขาโทรหาทีมรักษาความปลอดภัยของเขาที่ตามเขามาทันทีที่เขาขับรถออกไป "อาน่าสตาเซียเพิ่งหนีออกจากโรงพยาบาลบ้า ตามหาเธอ" เขาออกคำสั่ง "ผมจะส่งรูปของเธอให้คุณตอนนี้""ครับ"เขาตัดสาย ขณะที่เขาขับรถ เขาหารูปอาน่าที่ชัดเจนและส่งให้ทีมรักษาความปลอดภัยที่เริ่มตามหาเธอทันทีจากนั้นไอเดนพยายามโทรหาเดนนิส แต่เขาก็ยังไม่รับสายเมื่อมาถึงโรงพยาบาล เขาพบเดนนิสอยู่ข้างนอก เขา
ไอเดนเมื่อเวลาผ่านไป คดีของเอมี่ได้รับความสนใจจากสื่อมากมาย ช่องข่าวทุกช่องมีรูปเด็กผู้หญิงน่าสงสารคนนั้นขณะที่พวกเขาพูดถึงการตายที่ไม่ยุติธรรมของเธอ และทุกคนที่รับผิดชอบต้องถูกลงโทษตามนั้นท่ามกลางทุกสิ่งทุกอย่าง จุดสนใจก็เปลี่ยนจากเอมี่มาเป็นชารอนและผม อย่างไรก็ตาม มีข่าวลือเกี่ยวกับชีวิตแต่งงานของเราและการตั้งครรภ์ปลอมของเธอผมเริ่มได้รับโทรศัพท์จากหมายเลขที่ไม่รู้จักหลายหมายเลข โทรมาถามคำถามไร้สาระทั้งหมดเพื่อต้องการข้อมูลโดยตรงจากแหล่งข่าว ผมต้องเปลี่ยนซิมการ์ดในโทรศัพท์ของผมเป็นซิมที่ผู้ช่วยของผมใช้ หากมีข้อมูลใดๆ เขาก็แค่ส่งต่อมา ผมเบื่อที่จะรับมือกับสายเรียกเข้าที่ไม่หยุดหย่อนเหล่านั้นเมื่อชารอนอาการดีขึ้นและเธอต้องถูกส่งตัวกลับไปที่สถานีตำรวจ พวกเขามาถึงสถานีพร้อมกับกลุ่มนักข่าวที่ทางเข้าตำรวจคุ้มกันเธอขณะพาเธอเข้าไปข้างใน แต่นั่นไม่ได้หยุดนักข่าวจากการตะโกนถามคำถามของพวกเขา"คุณเสแสร้งว่าท้องจริง ๆ เหรอ คุณนายไอเดน?""คุณชารอน คุณยังเป็นผู้หญิงที่แต่งงานแล้วอยู่ไหม?""สามีของคุณอยู่ที่ไหน? เขายังรักคุณอยู่ไหม?""จะมีการหย่าร้างไหม?""คุณมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสีย
เดนนิสอาน่าถูกส่งตัวไปยังศูนย์บำบัดวิกฤตสุขภาพจิต และผมใช้เวลาส่วนใหญ่ของผมที่นั่น แม้ว่าผมจะพยายามแบ่งเวลาอย่างเท่าเทียมกันระหว่างงาน จัสติน และเอมี่ แต่ผมก็พบว่าตัวเองใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่นี่งานเป็นไปด้วยดีอย่างยิ่ง ตอนนี้ผมทำเงินได้มากกว่าที่เคยทำก่อนที่ผมจะถูกหลอก แต่ผมไม่มีความสุข คนที่ผมรักที่สุดอยู่ในบ้านพักผู้ป่วยทางจิต ทุกวันที่ผมไปที่นั่น ผมหวังว่าอาการของเธอจะเริ่มดีขึ้นในไม่ช้า ครึ่งหนึ่งของเวลา เธอดูปกติดี แค่นั่งอยู่คนเดียวด้วยสีหน้าที่เป็นกลาง เธอจะไม่พูดคุยกับใครเป็นเวลาหลายชั่วโมง อีกครึ่งหนึ่งใช้ไปกับการร้องไห้และขอร้องให้ผมพาพวกเราไปหาเอมี่แพทย์บอกว่าเธอดีขึ้น แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นเช่นนั้นสำหรับผมจัสตินทำได้ดีมาก เขาดูเหมือนจะไม่โศกเศร้าอย่างที่ไอเดนแนะนำ มีบางครั้งที่เขาจะร้องไห้และไม่มีอะไรทำให้เขาหยุดได้จนกว่าเขาจะหลับไป แต่ช่วงเวลาเหล่านั้นหายาก และผมคิดว่าเขาแค่คิดถึงแม่ของเขาผมทำให้แน่ใจว่าผมมีเวลาให้เขาเสมอ เหมือนกับที่ผมมีเวลาให้อาน่า ไม่ว่างานจะยุ่งแค่ไหน ผมไม่ต้องการปล่อยเขาไว้กับพี่เลี้ยงทั้งหมด แม้ว่าเธอจะเป็นผู้หญิงที่ดี แต่ผมต้องการให้ไอเดนเติ
ไอเดนนักสืบส่งที่อยู่โรงพยาบาลที่ชารอนถูกนำตัวส่งมาให้กับผมภายในห้อง ชารอนนอนขดตัวอยู่กับตนเองพร้อมกับกุญแจมือที่คล้องอยู่พอจะเอื้อมถึงเธอรีบลุกขึ้นนั่งเมื่อเห็นผมเข้ามาในห้อง "ไอเดน" เธอหายใจออกมา ดวงตาเบิกกว้างด้วยความกลัว"ไม่เพียงแต่คุณจะเป็นอาชญากร แต่ยังเป็นคนโกหกด้วยเหรอ? คนโป้ปด!" ผมพูดออกมาขณะที่สายตาเหลือบไปที่ท้องแบนราบของเธอ ผมหัวเราะเยาะตัวเองขณะทรุดตัวลงบนเก้าอี้ที่หันหน้าเข้าหาเตียงของเธอ ผมรู้สึกหมดแรงจนแทบจะยืนด้วยขาของตัวเองไม่ได้เธอส่ายหัว น้ำตาไหลลงมาบนใบหน้าของเธอ เหมือนกับที่มันไหลลงมาบนใบหน้าของเธอตอนที่เธอถูกจับกุม "มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิด ฉันสาบานได้นะ ฉัน…" เธอพูดไม่ออกและไหล่ของเธอก็สั่นเทาขณะที่เธอร้องไห้หนักขึ้นผมเอียงศีรษะไปด้านข้างและมองเธออยู่ครู่หนึ่ง ผมไม่แปลกใจเลยที่ผมไม่รู้สึกสงสารเธอแม้แต่น้อย "ถ้ามันไม่ใช่อย่างที่ผมคิด แล้วมันคืออะไร? บอกมาสิ""คุณแกล้งทำเป็นท้องมาตั้งหลายเดือน!" เสียงหัวเราะขมขื่นหลุดออกจากริมฝีปากขณะที่ผมส่ายหัว มันยังคงรู้สึกเหมือนเรื่องตลก ผมคงไม่เชื่อนักสืบเลย ถ้าไม่มีสัญญาณทั้งหมดที่ผมมองข้ามไปผมโน้มตัวไปข้างหน้
ไอเดนผมตกใจกับคำพูดของเขา เดนนิสรู้แล้วเหรอ?เดนนิสก็มีส่วนร่วมในการสอบสวนด้วย เขาแค่ไม่ได้กระตือรือร้นเท่าผม ดังนั้นมันไม่น่าแปลกใจที่เขาจะได้ยินเรื่องนี้ นอกจากนี้ มันเป็นคดีของลูกสาวเขาด้วย เขาจึงมีสิทธิ์ที่จะรู้แต่ผมเลือกที่จะเพิกเฉยต่อคำพูดที่รุนแรงของเขา ผมยังคงสับสนกับข่าวที่ว่าอนาอยู่ในโรงพยาบาลจิตเวชในขณะนี้ มันเป็นไปได้อย่างไร? เขาปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? ผมอยากจะตะโกนใส่เขา แต่ผมก็สงบสติอารมณ์ ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของผมตั้งแต่แรก... และของชารอน"แล้วเธออยู่ที่โรงพยาบาลไหน?" มันฟังดูไม่จริง ผมรู้ว่าเธอรักเอมี่มาก แต่ผมไม่คิดว่ามันจะส่งผลกระทบต่อเธอมากขนาดนี้เดนนิสหันมาหาผม คิ้วของเขาขมวดลึกขณะที่เขาขมวดคิ้ว "อยากรู้ไปทำไม? จะได้เอาไปบอกภรรยานายหรือไง?"ให้ตายสิ! ผมรู้สึกว่ามือกำแน่นโดยอัตโนมัติผมหายใจเข้าลึกๆ "ฉันโทรหาพวกนาย แต่ไม่มีใครรับสาย อาน่าก็ปิดโทรศัพท์อีก ฉันก็แค่เป็นห่วง..." ผมพูดเสียงแผ่วและไหล่สั่น “ฉันก็เลยตัดสินใจมาดูเธอนี่ไง"“ตอนนี้นายก็รู้แล้วนะว่าเธออยู่ไหน งั้นเชิญออกไปได้แล้ว”เขามีสิทธิ์ทุกประการที่จะขอให้ผมออกจากบ้านและชีวิต แต่ผ
ไอเดน"ไม่เป็นไรแล้วค่ะ" ชารอนพูดขณะที่เธอโอบแขนรอบไหล่ "คุณต้องหยุดโทษตัวเองเรื่องนี้ได้แล้ว ที่รัก มันไม่ใช่ความผิดของคุณ และการทุ่มเทตัวเองให้กับการสอบสวนทั้งหมดนี้ก็ไม่ได้ช่วยอะไรด้วยเลย""ผมต้องหาตัวคนผิดมาให้ได้ ชารอน ผมต้องหาว่าใครทำเรื่องนี้ นี่เป็นสิ่งเดียวที่ผมทำเพื่อลูกสาวผมได้ ซึ่งจะทำให้ความรู้สึกผิดนี้ทุเลาลง" "ถ้ามันเป็นวิธีเดียว คุณก็ควรทำอยู่แล้ว" เธอให้กำลังใจ "ฉันจะคอยดูแลให้พ่อช่วยในคดีนี้ด้วย ฉันสัญญา"พ่อของเธอโทรหาผมครั้งหนึ่งเพื่อแสดงความเสียใจกับการจากไปของลูกสาวผม ซึ่งไม่ได้เป็นอะไรกับลูกสาวเขาเลย และเขาฟังดูไม่พอใจนัก ผมประหลาดใจด้วยซ้ำที่เธอจะบอกเรื่องนั้นกับพ่อของเธอ ผมสงสัยว่าเขาอยากจะช่วยเปิดโปงฆาตกรของเด็กที่ไม่ใช่ลูกของเขาในทางใดทางหนึ่งหรือไม่ แต่ผมเก็บเรื่องนั้นไว้กับตัวเอง"ขอบคุณครับ" ผมบอกเธอแทนเธอโอบกอดผมครึ่งหนึ่ง และคราวนี้ไม่ได้ผละออกทันที ในวันแบบนี้เองที่เธอไม่ได้กระโดดหนีจากผมเหมือนผมติดเชื้อเมื่อใดก็ตามที่ผมพยายามสัมผัสเธอ"แล้วคุณจะยิ้มให้ฉันไหม?" เธอยิ้มขณะที่ดึงผิวแก้มของผมเพื่อพยายามทำให้ผมยิ้มเมื่อผมเอามือของเธอออก เธอก็แสร้