“ครับ เพราะทุกๆ ปีเราจะมีงานสังสรรค์เพื่อพูดคุยว่าปีนั้นๆ เราปลูกอะไรบ้างหรืออะไรที่ปลูกแล้วดีหรือมีปัญหาก็เอาความรู้เหล่านั้นมาแชร์กัน”“ว้าว! ดีจัง” ในความคิดของเบญจามิตรภาพของคนทำฟาร์มที่นี่ช่างน่าทึ่ง แม้ผู้คนจะไม่ได้เฟรนลี่เหมือนเมืองไทยแต่พวกเขาก็พร้อมจะช่วยเหลืออีกฝ่ายเสมอ ที่รู้เพราะเธอสัมผัสมันมาแล้วด้วยตัวเองปริมาณไวน์ในขวดของเบญจาค่อยๆ ลดน้อยลง นั่นเพราะเธอเองก็มีเรื่องให้ฉลอง หญิงสาวนั่งดื่มไวน์อย่างมีความสุขแม้จะกังวลเรื่องปู่แต่เมื่อเห็นคลิปที่เดวิสอัดให้ท่านก็คงเข้าใจคนหนึ่งฉลองให้เรื่องดีๆ ตรงกันข้ามกับอีกคนที่กำลังฉลองให้เรื่องแย่ๆ ทว่าปริมาณไวน์ในขวดของเบญจากลับหายไปมากกว่าของเดวิสเสียอีก เพราะยิ่งมีความสุขเธอก็ยิ่งดื่มรู้ตัวอีกทีไวน์ก็หมดขวดเสียแล้ว“เอ้! ทำไมหมดแล้วละ” น้ำเสียงของคนเริ่มเมาเอ่ยถามขึ้นพร้อมกับหลับตาส่องเข้าไปในขวดไวน์ คำพูดของเธอทำให้เดวิสหันมามองแล้วส่ายหน้าให้“กลับเข้าบ้านกันดีกว่า”&
เบญจารีบลุกขึ้นจากกองฟาง แต่เพราะรีบร้อนมากไปรวมถึงอาการเมาที่ยังคงมีสุดท้ายเธอก็เซถลาจนเกือบล้ม ยังดีที่เดวิสเข้ามาช่วยพยุงไว้ได้ทัน จากนั้นเขาก็พาเธอกลับเข้าบ้านแล้วแยกย้ายพักผ่อนทั้งคู่ต่างทิ้งตัวลงนอนบนเตียง แม้จะง่วงแม้จะอยากหลับแต่พวกเขากลับเอาแต่นอนมองเพดานห้องตัวเองอยู่แบบนั้น เบญจาพลิกตัวไปมาในขณะที่เดวิสนอนยกมือขึ้นก่ายหน้าผาก หัวใจของทั้งคู่เต้นไม่เป็นส่ำบ่งบอกว่าจูบที่เกิดขึ้นมันไม่ได้ฉาบฉวยหรืออยากให้จบเพียงแค่นั้น“ไม่ได้ๆ เราไม่ได้คิดอะไรกับเขา ไม่ได้คิด” เบญจาส่ายหน้าแรงๆ ไล่ความคิดแสนฟุ้งซ่านให้ออกไปจากหัว ก่อนจะคว้าผ้าห่มนวมขึ้นมาคลุมโปงขณะที่เธอกำลังสับสนอยู่นั้นจู่ๆ ก็เกิดข่าวลือขึ้นที่เมืองไทย เพราะการที่เธอหายหน้าหายตาไปอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยแถมตลอดเวลาเกือบหนึ่งเดือนมานี้ก็ไม่เคยไลฟ์สด จึงมีคนกุข่าวขึ้นว่าเธอท้องกับผู้มีอิทธิพลและตอนนี้ก็กำลังหนีอายไปคลอดลูกอยู่ที่ต่างประเทศยิ่งข่าวในโลกออนไลน์ที่รับข่าวสารเพียงสั้นๆ จากนั้นก็กดแชร์ต่อๆ ไปอย่างสนุกมือยิ่งเหมือนลมที่พัดข่าวลือของเบญจาให้กระจายไปเร็วขึ้น แม้ข่าวจะเกิดขึ้นเม
“คุณซัน”“เห็นข่าวหรือยัง”“เห็นแล้วค่ะ ฉัน…” ก่อนที่เบญจาจะได้พูดอะไรเดวิสก็ชิงพูดขึ้นเสียก่อน“ผมสั่งให้ทีมกฎหมายที่เมืองไทยช่วยตามสืบแล้วว่าใครปล่อยข่าวพวกนั้น รู้ตัวเมื่อไหร่ผมจะยื่นฟ้องให้” เชฟหนุ่มเอ่ยบอก ทันทีที่รู้เรื่องเขาก็รีบจัดการทุกอย่างทันที เพราะเรื่องแบบนี้ต้องจบให้เร็วเนื่องจากมันกระทบหลายฝ่ายโดยเฉพาะกับเบญจา“ทีมกฎหมาย” คนฟังกะพริบตาปริบๆ “คุณซันมีทีมกฎหมายที่เมืองไทยด้วยหรือคะ”“มีครับ นอกจากที่นี่ผมยังมีธุรกิจเล็กๆ ที่เมืองไทย ของคุณพ่อนะครับ” เบญจาไม่แน่ใจว่าเธอจะเชื่อคำว่าธุรกิจเล็กๆ ของเดวิสได้ไหม ถ้าเล็กจริงชายหนุ่มคงไม่ใช้คำว่าทีมกฎหมายหรอก“ขอบคุณนะคะ บอกตรงๆ ว่าตอนนี้ฉันยังคิดอะไรไม่ออกจริงๆ ว่าจะเริ่มต้นจัดการกับปัญหานี้ยังไง”“ค่อยๆ คิด ว่าแต่คนรักของคุณว่ายังไงบ้าง”“ฉันโทรหาเขาแล้ว แต่เขาไม่สบายเลยไม่อยากกวน”“ถ้ามีอะไรให้ผมช่วยก็บอก ผมยินดี”“ค่ะ&r
โรซี่ที่ยืนฟังทั้งคู่พูดคุยกันถึงกับถอนหายใจออกมาหนักๆ ทำไมลูกชายเธอถึงยังไม่ยอมพูดความในใจออกมาสักที หรือไม่ก็พูดยื้อให้เบญจาอยู่ด้วยกันที่นี่อีกสักหน่อย ทำไมถึงชอบได้ใจร้ายกับความรู้สึกของตัวเองแบบนั้นนะข่าวลือที่เกิดขึ้นกับหลานสาวถึงหูของนพพลเช่นกัน เพราะรู้ว่ามันไม่มีเรื่องไหนจริงนพพลจึงไม่ได้ร้อนอกร้อนใจกลับคิดว่าดีเสียอีก เพราะข่าวนี้อาจพิสูจน์ใจคนได้โดยเฉพาะกับคนใกล้ตัวบางคนที่ทำร้ายเบญจาได้อย่างเลือดเย็นคืนก่อนเดินทางเบญจายังคงไปนั่งคุยกับเจ้าไก่ซิลค์กี้แต่คราวนี้เธอไม่กล้าแตะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพราะกลัวเหตุการณ์ในคืนนั้นเกิดขึ้นซ้ำ เพียงแค่คิดถึงมันใจเธอก็เอาแต่เต้นโครมครามไม่หยุดรวมถึงความรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ เหมือนคนเป็นไข้นี่ก็ด้วย“เอากลับไปเลี้ยงที่ไทยด้วยไหม ผมยกให้”“อยากเอามันกลับไปด้วยอยู่เหมือนกัน แต่ฉันกลัวทำมันตายนะสิ”“งั้นผมจะเลี้ยงให้”“เลี้ยงดีๆ นะคะ อย่าจับมันลงหม้อตุ๋นเชียว”“ตัวเท่านี้ไม่น่าจะอิ่มท้องเท่าไหร่” เดวิสมองไปยังเป้าหมาย ซึ่งคำพูดของชายหนุ
เสียงแตรรถที่พร้อมใจกับบีบดังสนั่นก้องไปทั่วถนน เมื่อจู่ๆ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินฝ่าสัญญาณไฟจราจรตัดหน้ารถที่กำลังขับอยู่บนถนนเสียดื้อๆ ไม่ว่าใครจะบีบแตรเป็นสัญญาณเตือนเท่าไหร่หญิงสาวก็ไม่มีท่าทีสนใจแต่กลับเดินต่อไปเรื่อยๆ ตัดหน้ารถคันแล้วคันเล่ากระทั่งถึงเลนในสุดที่รถส่วนใหญ่ขับมาด้วยความเร็วแต่ก่อนที่เท้าของเบญจาจะก้าวไปถึงเลนนั้น กลับมีใครคนหนึ่งเข้ามารวบตัวเธอไว้แล้วพาออกไปจากกลางถนน เพราะดวงตาเต็มไปด้วยน้ำตาที่กำลังเอ่อเธอจึงมองไม่เห็นว่าเขาเป็นใครกระทั่งได้ยินเสียง“ทำบ้าอะไร”“คุณซัน” น้ำเสียงของเบญจาสั่นเครือ ชายหนุ่มรีบเดินพาเธอออกจากกลางถนนมายังรถยนต์ส่วนตัว น้ำตาที่มันเอ่อมานานในที่สุดก็ไหลอาบแก้มของเบญจาแม้จะไม่มีเสียงสะอื้นทว่าน้ำตาของเธอกลับทำให้เดวิสเจ็บปวดเช่นเดียวกัน หลังจากยืนมองเครื่องบินลำที่จะพาเธอกลับเมืองไทยอยู่นานเขาก็ตัดสินใจได้ว่าควรต้องทำอะไรสักอย่าง พอกลับไปถึงบ้านแม่ก็เตรียมกระเป๋าและหนังสือเดินทางไว้รอ ราวกับรู้ว่าเขาจะทำอะไรโชคดีที่ช่วงนี้เข้าหน้าฝนตกการจองคิวเพื่อมานั่งทานอาหารที่ฟาร์มจึงถูกเลื่
“อ้อ…เมื่อกี้เหมือนฉันจะเห็นร้านบะหมี่อยู่ข้างๆ ร้านสะดวกซื้อ เราไปกินกันไหมคะ เพราะตอนนี้ฉันก็หิวแล้วเหมือนกัน” เอ่ยบอกเสร็จก็ส่งยิ้มให้เขา แม้จะยิ้มไม่สดใสเหมือนเดิมอย่างน้อยรอยยิ้มนี้ก็สลัดความทุกข์ออกไปจากความรู้สึกของเบญจาได้พอสมควร“ครับ” เดวิสเอ่ยรับ ทั้งคู่นั่งกินก๋วยเตี๋ยวกันคนละชามก่อนที่เดวิดจะอาสาไปส่งเธอที่บ้านซึ่งเบญจาก็บอกเส้นทางให้ ขณะนั่งรถอยู่นั้นเธอก็อดที่จะทึ่งกับทักษะการขับรถที่ดีเยี่ยมเกินคาดของอีกคนมาก ออกเดินทางมาได้ครู่ใหญ่ก็ถึงบ้านของเบญจา“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง ขอบคุณความบังเอิญที่คุณไปเจอฉันแล้วช่วยดึงสติไว้” เบญจาคิดว่าทุกอย่างระหว่างเธอกับเดวิสคือความบังเอิญเท่านั้น แต่ชายหนุ่มรู้ว่ามันไม่ใช่ความบังเอิญเขาตั้งใจตามหาเธอต่างหาก“ครับ”“ว่าแต่คืนนี้คุณพักที่ไหน” เบญจามีคำถามในหัวมากมายแต่ถ้าถามออกไปอีกฝ่ายจะคิดว่าเธอก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเขาหรือเปล่า เพราะคิดแบบนั้นเธอจึงได้แต่เก็บคำถามไว้“โรงแรม...ครับ”“จากบ้านฉันไปก
“คำว่าเพื่อนของเรามันคืออะไร”“นี่ๆ ฟังแล้วก็ช่วยตาสว่างได้แล้วนะจ๊ะ เมื่อก่อนฉันคิดกับเธอแบบเพื่อนจริงๆ เป็นห่วงเป็นใยเพื่อนที่แสนดีของเธอไง แต่พอเธอมีแฟนฉันก็อิจฉาจนอยากได้”“บ้า ตรรกะวิบัติ ว่างๆ ก็ช่วยไปเช็กประสาทหน่อยนะ ฉันสงสารคนที่อยู่รอบๆ ตัวเธอ” พูดจบเบญจาก็สะบัดหน้าใส่แสงจันทร์ ไม่เท่านั้นยังปิดประตูรั้วใส่ดังปังก่อนจะเดินเข้าบ้านอย่างไม่สนใจส่วนแสงจันทร์ยืนกัดฟันกรอดๆ ของพวกนี้เธอไม่ต้องกลับมาเอาก็ยังได้แต่ที่ยอมเสียเวลาแวะมาก็เพราะอยากมาเยาะเย้ยเบญจา ไม่คิดว่าเธอจะถูกเบญจาสวนกลับ น่าโมโหชะมัดเบญจาทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาในห้องรับแขกแล้วยกมือขึ้นคลึงระหว่างคิ้วที่เวลานี้ปวดตุบๆ เมื่อไหร่เรื่องบ้าๆ พวกนี้จะจบลงเสียที เธอเหนื่อยและเบื่อจนอยากหนีไปให้ไกล แต่จะไปไหนได้ในเมื่อมีงานต้องรับผิดชอบ พอตั้งสติได้เบญจาก็เข้าออฟฟิศแวะไปโกดังเลี้ยงข้าวลูกน้องแม้เพื่อนเพียงคนเดียวของเธอทำร้ายเธอจนเจ็บปางตาย แต่พนักงานทุกคนกลับส่งยิ้มให้เธอ ภาพที่เห็นท
“อ้อ…เชิญเข้าบ้านก่อนค่ะ” เบญจาผายมือเชื้อเชิญให้ชายหนุ่มเข้าบ้าน แม้ไม่ทันตั้งตัวที่จู่ๆ เดวิสก็มาหาถึงที่บ้านเช่นนี้แต่เบญจาก็เก็บอาการได้เป็นอย่างดี“คุณสบายดีหรือเปล่า”“สบายขึ้นค่ะ ขอโทษที่ไม่ได้คุยด้วยหลายวัน พอดีฉันยุ่งๆ กับงาน” ตอนนี้เบญจาทำใจเรื่องอังกูรและ แสงจันทร์ได้มากแล้ว เรื่องงานแม้จะมีปัญหาแต่ก็ผ่านมันไปได้ส่วนเรื่องเขาเธอยอมรับว่ายังไม่รู้วิธีรับมือ เพราะแบบนั้นจึงเลี่ยงที่จะพูดคุยหรือเจอหน้าแม้จะมั่นใจว่าไม่ได้คิดอะไรกับเดวิส แต่มื่อรู้ว่าอีกฝ่ายคิดยังไงก็อดที่จะสับสนไม่ได้ พอสับสนสมองก็หวนกลับไปคิดถึงเรื่องที่เขาบอกรักลามไปจนถึงจูบแรก ก่อนจะปัดตกความคิดเหล่านั้นแล้วบอกตัวเองซ้ำๆ ว่าเธอยังไม่พร้อมจะรักใครในตอนนี้ ความรักของเธอมันห่วยมันแย่ เธอไม่ต้องการเจอเหตุการณ์เลวร้ายอย่างที่อังกูรและ แสงจันทร์ทำไว้อีก“ผมจะมาบอกว่าพรุ่งนี้ต้องกลับแล้ว” ประโยคที่ได้ยินทำเอาเบญจาอึ้งไปอีกหน ทั้งๆ ที่ไม่พ
เบญจาและนพพลอยู่ที่ฟาร์มเกือบสองอาทิตย์กระทั่งได้เวลากลับเมืองไทย การมาพบเดวิสของเบญจาครั้งนี้ความรู้สึกช่างต่างจากครั้งแรก เธอมาหาเขาด้วยความคิดถึงไม่ได้มาหาด้วยความชังหน้าและอยากถอนหมั้น เวลานี้นอกจากไม่ถอนหมั้นแล้วเธอกับเขายังวางแผนเรื่องแต่งงานอีกด้วยค่ำคืนก่อนวันเดินทางกลับเมืองไทย เบญจานอนอยู่ในอ้อมกอดของเดวิส ทั้งคู่ออกมานั่งดื่มไวน์และมองดาวด้วยกันบนกองฟาง กระทั่งเห็นว่าดึกมากแล้วรวมถึงพรุ่งนี้เธอต้องเดินทางไกลจึงเอ่ยชวนกลับ ซึ่งเบญจาก็ทำตามที่เขาบอกทั้งๆ ที่มีบางอย่างในใจแย้“หลิวคงนอนไม่หลับ”“ผมก็ด้วย” เสียงทุ้มที่ฟังดูจะแหบพร่าของเดวิสเอ่ยบอก เบญจาเม้มริมฝีปากตัวเองแน่นอย่างขบคิด เธอยังไม่อยากกลับไปนอนจริงๆแต่ถึงอย่างนั้น เบญจาก็เดินตามเดวิสมาเงียบๆ กระทั่งถึงหน้าประตูห้องจากนั้นทั้งคู่ก็เอ่ยราตรีสวัสดิ์กันและกัน เดวิสส่งยิ้มให้คนรักแล้วเดินกลับไปที่ห้องนอนตัวเองโดยที่เบญจาเองก็มองตามเขาตลอด ทว่าจังหวะที่จะเอื้อมมือไปเปิดประตูเขาก็เปลี่ยนใจแล้วเดินย้อนกลับไปที่ห้องของเบญจา เม
อังกูรต้องเดินทางไปเวียดนามเร็วกว่ากำหนดเพราะที่นั่นมีปัญหารอให้ชายหนุ่มต้องสะสาง โดยปัญหาทั้งหมดช้องมาศเป็นคนสร้างขึ้นทั้งสิ้น นั่นก็เพื่อให้ดึงให้ลูกชายออกห่างจากแสงจันทร์เร็วที่สุด พอไปถึงอังกูรก็จะยุ่งจนหัวหมุนจะไม่มีเวลาติดต่อกับแสงจันทร์แน่นอนซึ่งแผนของช้องมาศก็กำลังไปได้สวยทีเดียว ความรักของอังกูลและแสงจันทร์กำลังส่อแววล่มเพราะระยะทางที่ไกลกัน เวลาไม่ตรงกัน รวมถึงผู้ใหญ่ไม่ปลื้มแถมคอยสร้างเรื่องบั่นทอนความสัมพันธ์ของทั้งคู่อยู่เรื่อยๆ ส่วนแสงจันทร์ก็แพ้ท้องอย่างหนักแพ้จนหงุดหงิดไปเสียทุกอย่างสำหรับช้องมาศแล้วในเมื่อไม่ชอบว่าที่สะใภ้อย่างแสงจันทร์ก็พร้อมกำจัด ขณะนั้นก็เสาะแสวงหาว่าที่ลูกสะใภ้คนใหม่ ผู้หญิงที่คู่ควรกับอังกูรทุกระเบียบนิ้ว ผู้หญิงที่โปรไฟล์ดี ครอบครัวดี ฐานะดี การศึกษาดี ทุกอย่างเพอร์เฟค ผู้หญิงแบบนั้นต่างหากถึงจะคู่ควรกับลูกชายของเธอ ไม่ใช่ผู้หญิงที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าหวังมาแค่เกาะสูบเลือดสูบเนื้อโดยไม่รู้ว่าระหว่างนั้นอายุครรภ์ของแสงจันทร์ก็ค่อยๆ มากขึ้น เธอแบกหน้าไปฝากครรภ์ไม่ใช่เพราะรักหรือเป็นห่วงลูกในท้องแต่เพราะผลประโยชน์บางอย่างในใจมากก
“ยังครับ”“เอ้า! ลูกคนนี้นี่” โรซี่ส่ายหน้าให้ลูกชายที่ใจเย็นเป็นน้ำแข็ง ได้แต่ภาวนาขอให้ความรักของเดวิสและเบญจาสวยงามเหมือนแสงแดดยามเช้า ทั้งคู่รับรู้เรื่องการหมั้นหมายอย่างกะทันหันอาจต้องการเวลาเพื่อศึกษาอีกฝ่าย หากมั่นใจมากพอความรักก็คงงอกงามส่วนอีกคู่ก็พยายามเปิดตัวสุดฤทธิ์ แม้จะพึ่งคบหากันได้แค่ไม่กี่เดือนแต่แสงจันทร์ก็ออกหน้าออกตา รบเร้าอังกูรให้พาเธอไปพบครอบครัวและก็ทำได้สำเร็จ เพราะชายหนุ่มรับปากกว่าพรุ่งนี้จะพาไป นั่นทำให้แสงจันทร์ชวนคนรักออกไปฉลองล่วงหน้า“คุณแม่” อังกูรอุทานออกมานั่นเพราะไม่คิดว่าจะบังเอิญพบมารดาที่ร้านอาหาร“มากินข้าวเหรอหนึ่ง”“ครับ”“แล้วนั่นมากับใคร หน้าไม่คุ้นไม่ใช่หนูหลิวนี่” ช้องมาศมองผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ ลูกชายตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า แม้จะไม่พอใจแต่แสงจันทร์ก็ยังคงยิ้มแย้มก่อนจะยกมือไหว้ทักทายพร้อมแนะนำตัว“สวัสดีค่ะคุณแม่ หนูชื่อแสงจันทร์ค่ะ”“ใครถามหล่อน” น้ำเสียงและประโยคดุดันของ  
“อ้อ…เชิญเข้าบ้านก่อนค่ะ” เบญจาผายมือเชื้อเชิญให้ชายหนุ่มเข้าบ้าน แม้ไม่ทันตั้งตัวที่จู่ๆ เดวิสก็มาหาถึงที่บ้านเช่นนี้แต่เบญจาก็เก็บอาการได้เป็นอย่างดี“คุณสบายดีหรือเปล่า”“สบายขึ้นค่ะ ขอโทษที่ไม่ได้คุยด้วยหลายวัน พอดีฉันยุ่งๆ กับงาน” ตอนนี้เบญจาทำใจเรื่องอังกูรและ แสงจันทร์ได้มากแล้ว เรื่องงานแม้จะมีปัญหาแต่ก็ผ่านมันไปได้ส่วนเรื่องเขาเธอยอมรับว่ายังไม่รู้วิธีรับมือ เพราะแบบนั้นจึงเลี่ยงที่จะพูดคุยหรือเจอหน้าแม้จะมั่นใจว่าไม่ได้คิดอะไรกับเดวิส แต่มื่อรู้ว่าอีกฝ่ายคิดยังไงก็อดที่จะสับสนไม่ได้ พอสับสนสมองก็หวนกลับไปคิดถึงเรื่องที่เขาบอกรักลามไปจนถึงจูบแรก ก่อนจะปัดตกความคิดเหล่านั้นแล้วบอกตัวเองซ้ำๆ ว่าเธอยังไม่พร้อมจะรักใครในตอนนี้ ความรักของเธอมันห่วยมันแย่ เธอไม่ต้องการเจอเหตุการณ์เลวร้ายอย่างที่อังกูรและ แสงจันทร์ทำไว้อีก“ผมจะมาบอกว่าพรุ่งนี้ต้องกลับแล้ว” ประโยคที่ได้ยินทำเอาเบญจาอึ้งไปอีกหน ทั้งๆ ที่ไม่พ
“คำว่าเพื่อนของเรามันคืออะไร”“นี่ๆ ฟังแล้วก็ช่วยตาสว่างได้แล้วนะจ๊ะ เมื่อก่อนฉันคิดกับเธอแบบเพื่อนจริงๆ เป็นห่วงเป็นใยเพื่อนที่แสนดีของเธอไง แต่พอเธอมีแฟนฉันก็อิจฉาจนอยากได้”“บ้า ตรรกะวิบัติ ว่างๆ ก็ช่วยไปเช็กประสาทหน่อยนะ ฉันสงสารคนที่อยู่รอบๆ ตัวเธอ” พูดจบเบญจาก็สะบัดหน้าใส่แสงจันทร์ ไม่เท่านั้นยังปิดประตูรั้วใส่ดังปังก่อนจะเดินเข้าบ้านอย่างไม่สนใจส่วนแสงจันทร์ยืนกัดฟันกรอดๆ ของพวกนี้เธอไม่ต้องกลับมาเอาก็ยังได้แต่ที่ยอมเสียเวลาแวะมาก็เพราะอยากมาเยาะเย้ยเบญจา ไม่คิดว่าเธอจะถูกเบญจาสวนกลับ น่าโมโหชะมัดเบญจาทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาในห้องรับแขกแล้วยกมือขึ้นคลึงระหว่างคิ้วที่เวลานี้ปวดตุบๆ เมื่อไหร่เรื่องบ้าๆ พวกนี้จะจบลงเสียที เธอเหนื่อยและเบื่อจนอยากหนีไปให้ไกล แต่จะไปไหนได้ในเมื่อมีงานต้องรับผิดชอบ พอตั้งสติได้เบญจาก็เข้าออฟฟิศแวะไปโกดังเลี้ยงข้าวลูกน้องแม้เพื่อนเพียงคนเดียวของเธอทำร้ายเธอจนเจ็บปางตาย แต่พนักงานทุกคนกลับส่งยิ้มให้เธอ ภาพที่เห็นท
“อ้อ…เมื่อกี้เหมือนฉันจะเห็นร้านบะหมี่อยู่ข้างๆ ร้านสะดวกซื้อ เราไปกินกันไหมคะ เพราะตอนนี้ฉันก็หิวแล้วเหมือนกัน” เอ่ยบอกเสร็จก็ส่งยิ้มให้เขา แม้จะยิ้มไม่สดใสเหมือนเดิมอย่างน้อยรอยยิ้มนี้ก็สลัดความทุกข์ออกไปจากความรู้สึกของเบญจาได้พอสมควร“ครับ” เดวิสเอ่ยรับ ทั้งคู่นั่งกินก๋วยเตี๋ยวกันคนละชามก่อนที่เดวิดจะอาสาไปส่งเธอที่บ้านซึ่งเบญจาก็บอกเส้นทางให้ ขณะนั่งรถอยู่นั้นเธอก็อดที่จะทึ่งกับทักษะการขับรถที่ดีเยี่ยมเกินคาดของอีกคนมาก ออกเดินทางมาได้ครู่ใหญ่ก็ถึงบ้านของเบญจา“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง ขอบคุณความบังเอิญที่คุณไปเจอฉันแล้วช่วยดึงสติไว้” เบญจาคิดว่าทุกอย่างระหว่างเธอกับเดวิสคือความบังเอิญเท่านั้น แต่ชายหนุ่มรู้ว่ามันไม่ใช่ความบังเอิญเขาตั้งใจตามหาเธอต่างหาก“ครับ”“ว่าแต่คืนนี้คุณพักที่ไหน” เบญจามีคำถามในหัวมากมายแต่ถ้าถามออกไปอีกฝ่ายจะคิดว่าเธอก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเขาหรือเปล่า เพราะคิดแบบนั้นเธอจึงได้แต่เก็บคำถามไว้“โรงแรม...ครับ”“จากบ้านฉันไปก
เสียงแตรรถที่พร้อมใจกับบีบดังสนั่นก้องไปทั่วถนน เมื่อจู่ๆ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินฝ่าสัญญาณไฟจราจรตัดหน้ารถที่กำลังขับอยู่บนถนนเสียดื้อๆ ไม่ว่าใครจะบีบแตรเป็นสัญญาณเตือนเท่าไหร่หญิงสาวก็ไม่มีท่าทีสนใจแต่กลับเดินต่อไปเรื่อยๆ ตัดหน้ารถคันแล้วคันเล่ากระทั่งถึงเลนในสุดที่รถส่วนใหญ่ขับมาด้วยความเร็วแต่ก่อนที่เท้าของเบญจาจะก้าวไปถึงเลนนั้น กลับมีใครคนหนึ่งเข้ามารวบตัวเธอไว้แล้วพาออกไปจากกลางถนน เพราะดวงตาเต็มไปด้วยน้ำตาที่กำลังเอ่อเธอจึงมองไม่เห็นว่าเขาเป็นใครกระทั่งได้ยินเสียง“ทำบ้าอะไร”“คุณซัน” น้ำเสียงของเบญจาสั่นเครือ ชายหนุ่มรีบเดินพาเธอออกจากกลางถนนมายังรถยนต์ส่วนตัว น้ำตาที่มันเอ่อมานานในที่สุดก็ไหลอาบแก้มของเบญจาแม้จะไม่มีเสียงสะอื้นทว่าน้ำตาของเธอกลับทำให้เดวิสเจ็บปวดเช่นเดียวกัน หลังจากยืนมองเครื่องบินลำที่จะพาเธอกลับเมืองไทยอยู่นานเขาก็ตัดสินใจได้ว่าควรต้องทำอะไรสักอย่าง พอกลับไปถึงบ้านแม่ก็เตรียมกระเป๋าและหนังสือเดินทางไว้รอ ราวกับรู้ว่าเขาจะทำอะไรโชคดีที่ช่วงนี้เข้าหน้าฝนตกการจองคิวเพื่อมานั่งทานอาหารที่ฟาร์มจึงถูกเลื่
โรซี่ที่ยืนฟังทั้งคู่พูดคุยกันถึงกับถอนหายใจออกมาหนักๆ ทำไมลูกชายเธอถึงยังไม่ยอมพูดความในใจออกมาสักที หรือไม่ก็พูดยื้อให้เบญจาอยู่ด้วยกันที่นี่อีกสักหน่อย ทำไมถึงชอบได้ใจร้ายกับความรู้สึกของตัวเองแบบนั้นนะข่าวลือที่เกิดขึ้นกับหลานสาวถึงหูของนพพลเช่นกัน เพราะรู้ว่ามันไม่มีเรื่องไหนจริงนพพลจึงไม่ได้ร้อนอกร้อนใจกลับคิดว่าดีเสียอีก เพราะข่าวนี้อาจพิสูจน์ใจคนได้โดยเฉพาะกับคนใกล้ตัวบางคนที่ทำร้ายเบญจาได้อย่างเลือดเย็นคืนก่อนเดินทางเบญจายังคงไปนั่งคุยกับเจ้าไก่ซิลค์กี้แต่คราวนี้เธอไม่กล้าแตะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพราะกลัวเหตุการณ์ในคืนนั้นเกิดขึ้นซ้ำ เพียงแค่คิดถึงมันใจเธอก็เอาแต่เต้นโครมครามไม่หยุดรวมถึงความรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ เหมือนคนเป็นไข้นี่ก็ด้วย“เอากลับไปเลี้ยงที่ไทยด้วยไหม ผมยกให้”“อยากเอามันกลับไปด้วยอยู่เหมือนกัน แต่ฉันกลัวทำมันตายนะสิ”“งั้นผมจะเลี้ยงให้”“เลี้ยงดีๆ นะคะ อย่าจับมันลงหม้อตุ๋นเชียว”“ตัวเท่านี้ไม่น่าจะอิ่มท้องเท่าไหร่” เดวิสมองไปยังเป้าหมาย ซึ่งคำพูดของชายหนุ
“คุณซัน”“เห็นข่าวหรือยัง”“เห็นแล้วค่ะ ฉัน…” ก่อนที่เบญจาจะได้พูดอะไรเดวิสก็ชิงพูดขึ้นเสียก่อน“ผมสั่งให้ทีมกฎหมายที่เมืองไทยช่วยตามสืบแล้วว่าใครปล่อยข่าวพวกนั้น รู้ตัวเมื่อไหร่ผมจะยื่นฟ้องให้” เชฟหนุ่มเอ่ยบอก ทันทีที่รู้เรื่องเขาก็รีบจัดการทุกอย่างทันที เพราะเรื่องแบบนี้ต้องจบให้เร็วเนื่องจากมันกระทบหลายฝ่ายโดยเฉพาะกับเบญจา“ทีมกฎหมาย” คนฟังกะพริบตาปริบๆ “คุณซันมีทีมกฎหมายที่เมืองไทยด้วยหรือคะ”“มีครับ นอกจากที่นี่ผมยังมีธุรกิจเล็กๆ ที่เมืองไทย ของคุณพ่อนะครับ” เบญจาไม่แน่ใจว่าเธอจะเชื่อคำว่าธุรกิจเล็กๆ ของเดวิสได้ไหม ถ้าเล็กจริงชายหนุ่มคงไม่ใช้คำว่าทีมกฎหมายหรอก“ขอบคุณนะคะ บอกตรงๆ ว่าตอนนี้ฉันยังคิดอะไรไม่ออกจริงๆ ว่าจะเริ่มต้นจัดการกับปัญหานี้ยังไง”“ค่อยๆ คิด ว่าแต่คนรักของคุณว่ายังไงบ้าง”“ฉันโทรหาเขาแล้ว แต่เขาไม่สบายเลยไม่อยากกวน”“ถ้ามีอะไรให้ผมช่วยก็บอก ผมยินดี”“ค่ะ&r