“ผมควรจะถามคุณมากกว่าว่าคุณมาทำอะไรที่นี่ คุณน้ำ!!”“ค่ะคุณหมอ”พยาบาลที่เคาน์เตอร์รีบเดินมาหาพวกเขาทันทีด้วยสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่“คุณหมอคะ คือว่าดิฉันบอกไปแล้วค่ะแต่ผู้ป่วยไม่ยอม เธอบอกจะมารอคุณหมอ….”“คุณมีธุระอะไร”“คุณหมอทำไมเย็นชานักละคะ แพนก็แค่จะมาปรึกษาเรื่องอาการป่วยที่เหลือ”“คุณหมอคะดูท่าทางว่าคุณจะยุ่งอยู่ ถ้าอย่างนั้นรบกวนฝากเอกสารไปกับพี่ ๆ พยาบาลเถอะค่ะ ขอตัว….”หมอภาสดึงแขนของอลิศให้เดินตามเขาเข้ามาและหันไปมองหน้าพี่น้ำพยาบาลอีกครั้ง“คุณพาเธอกลับไป ผมจะขอบอกคุณเป็นครั้งสุดท้ายนะคุณนิรมลที่นี่ห้องพักของแพทย์หากไม่มีธุระอะไรก็ไม่ควรมาพบโดยพลการถ้าคุณยังไม่ฟัง ผมคงต้องพิจารณาเปลี่ยนหมอเจ้าของไข้”“คุณหมอคะ แล้วที่คุณหมอทำอยู่นี่อะไรคะ มือที่จับอยู่นั่นอลิศเป็นคนป่วยของหมอเหรอคะ มาที่นี่เพราะธุระอะไร เธอเองก็ไม่ใช่…”“คนไข้คะ กรุณารักษามารยาทนิดหนึ่งนะคะคุณอลิศเป็นญาติผู้ป่วยห้อง 908 ค่ะ เชิญคุณกลับออกไปด้วยค่ะ เจ้าหน้าที่ห้องยาเรียกคุณมาสองรอบแล้ว”อลิศรู้สึกรำคาญเสียงของแพนมาก ๆ และไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองต้องมาอยู่ที่นี่ตรงนี้และมาเจอเหตุการณ์แบบนี้อีก พี่น้ำพาแพนเ
“ภาสมีแฟนแล้วงั้นเหรอ ว้า...เสียดายจังเลยนะงั้น...อาฝากน้องไปด้วยนะ อลิศก็อย่าไปทำให้พี่เขาเสียเวลาล่ะ รีบไป เถอะ”“พ่อคะ….แบบนี้ทุกทีเลยอลิศโตแล้วนะคะ”“หึ”เธอได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของคุณหมอปากร้ายใจโหดข้าง ๆ นั้นแต่เธอแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินเมื่อเขาหันมาบอกลาพ่อของเธอและเดินมาลากกระเป๋าใบใหญ่ของเธอออกไปที่หน้าห้อง“ถ้าอย่างนั้นขอตัวก่อนนะครับคุณอา”“อืม ๆ รีบไปเถอะ เออจริงสิอลิศถ้าจัดของไม่เสร็จก็ไม่ต้องมานานเป็นเพื่อนพ่อนะ มีแกอยู่ด้วยแล้วพ่อกลัวไม่ได้นอน แกกลับไปจัดการห้องของแกก่อนเถอะนะ…ไว้มาพรุ่งนี้ก็แล้วกัน”“พ่อ…ทำไมเป็นแบบนี้อีกแล้วล่ะคะ ห้องของอลิศไม่ได้รกขนาดนั้น”“แต่แกทิ้งไปตั้งสองเดือน รีบ ๆ กลับไปฉันจะได้พักผ่อนเสียที ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวคืนนี้ให้ตาถนอมมานอนเป็นเพื่อนเอง รีบไป ๆ ไป ๆๆ อาฝากน้องด้วยนะภาส”หมอภาสใช้มือขยับแว่นตาเล็กน้อยและซ่อนรอยยิ้มเอาไว้ด้านหลังเมื่อหันมารับปากคุณพ่อของอลิศ“ครับคุณอา ไม่ต้องห่วงครับผมจะไปส่งอลิศเองครับ คืนนี้ก็พักผ่อนนะครับ”“ขอบใจมาก”อลิศจำใจต้องเดินตามหมอภาสออกมาจากห้องของคุณพ่อ เมื่อเขาปิดประตูและเดินกลับไปที่ลิฟต์เธอก็พยายามจะแย่งกระ
“ไปกินข้าวได้แล้ว”อลิศไม่เถียงเขากลับไปสักคำ เธอรู้ว่าเขาไม่ได้แค่ขู่เธอเพราะเธอสัมผัสมาแล้วจากเหตุการณ์บนเตียงเมื่อครู่นี้ที่แทบจะเอาชีวิตไม่รอด เมื่อเขายกข้าวมาให้และสั่งให้เธอกินทันที อลิศแทบจะไม่ได้พูดอะไรกับเขาอีกจนกินเสร็จ“อิ่มแล้วเหรอ ดื่มน้ำผลไม้จะได้สดชื่น”“ขอบคุณ….ค่ะ”เธอต้องลากหางเสียงและพูดดี ๆ เพราะคนตรงหน้าเริ่มมองส่งสายตาดุให้เธออีกครั้ง เมื่อกินเสร็จแล้วเธอเป็นคนเก็บทุกอย่างเอาไปทิ้งและเขาก็ล้างจานที่เหลือ“เอาล่ะ ได้เวลานั่งคุยกันแล้วมานั่งที่ห้องนั่งเล่นก่อนสิ”เขาพาเธอมานั่งโซฟาที่ปกติหลังจากกินข้าวเสร็จและไม่ได้ไปไหนก่อนหน้านั้นอลิศจะใช้เวลาบนโซฟาตัวนี้ดูทีวีและคุยกับเขาเรื่องอื่น ๆ จนถึงเวลาเข้านอนวันนี้เขาให้เธอนั่งที่โซฟา เขานั่งอยู่ที่พื้น และเขาทำแบบนี้ทุกครั้งที่จะพูดกับเธอเมื่อเขารู้ตัวว่าทำผิดกับเธอแม้ว่าจะเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แค่ไหนก็ตาม“ก่อนอื่น…ผมขอโทษที่ผิดนัดและไปไม่ทันดูละครเวทีกับคุณทั้ง ๆ ที่นัดคุณเอาไว้แล้ว เรื่องนี้ผมเป็นคนผิดคุณจะลงโทษผมยังไงก็ได้ผมจะไม่ว่าอะไรคุณเลยสักคำเดียว"อลิศหันหน้าหนีไปทางอื่นแต่หมอภาสไม่ยอมให้เธอได้ทำแบบนั้นเขาจ
อลิศเงยหน้าขึ้มามองเขาแต่เขาดึงเธอเข้าไปกอดจนแน่น เธอเริ่มหายใจไม่ออกและไม่รู้ว่าตอนนี้หมอภาสคิดอะไรอยู่ แต่เธอคงจะหายใจไม่ออกจนตายเสียก่อนถ้าเขาไม่ปล่อย“หมอคะ…อลิศหายใจไม่ออก”“ผมไม่ยอมหรอกนะ ให้ลงโทษผมยังไงผมก็รับได้ทั้งหมดแต่อย่างเดียวที่จะไม่มีวันยอมรับคือคุณจะเลิกกับผม เข้าใจไหมอลิศ”“หมอคะ ปล่อยก่อนค่ะอลิศหายใจไม่ออกแล้ว”เขาแค่คลายมือออกและหันมามองเธอที่นั่งหอบเพราะหายใจไม่ทันอยู่ข้าง ๆ เธอหันมาและใช้มือจับหน้าเขาเอาไว้“ทำไมหมอถึง…ไม่ยอมปล่อยมือล่ะคะ อย่างคุณหมอ…หาคนที่เหมาะสมมากกว่าอลิศได้เยอะแยะ”“ก็เพราะผมไม่ได้ต้องการน่ะสิ ผมต้องการคุณ ผม…คุณไม่เคยรู้เลยสินะว่าผมชอบคุณมานานเท่าไหร่แล้ว”“อะไรนะคะ นี่คุณ….”อลิศถึงกับตกใจและตกใจมากเพราะไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้หลุดออกมาจากปากเขา จะเป็นไปได้ยังไงก็ในเมื่อเขาและเธอพึ่งจะเคยเจอกันที่โรงพยาบาล ไม่สิ…..ไม่ใช่…“หมอคะ…แต่ว่าตอนนั้นคุณหมอไม่เคยแม้แต่จะคุยกับอลิศเลย จนถึงตอนนี้อลิศแทบจะจำเรื่องราวของคุณกับพี่รวิศไม่ได้ เพราะส่วนใหญ่แล้ว…”“เพราะสายตาของอลิศมีเพียงหมอกิตยังไงล่ะ ก็เลยไม่ได้มองมาที่ผมเลย ทั้ง ๆ ที่พวกเรา…อยู่ด้วยกันตล
“หมอคะ ทำไมคุณถึง…ได้พูดเรื่องแบบนี้ออกมาได้หน้าตาเฉยแบบนี้ล่ะคะ ไม่รู้จักอายบ้างเลย”“มาถึงขนาดนี้แล้ว คุณจะให้ผมอายอีกเหรอ”“แต่อลิศอาย!!”“ว่าแต่…คุณปิดเทอมถึงเมื่อไหร่ล่ะ แล้วเรียนจบแล้วคิดจะทำอะไรต่อ”“ยังไม่ได้คิดเลยค่ะ ทำไมคะ”“ก็…ผมก็จะต้องเตรียมตัวยกสินสอดไปสู่ขอหมั้นหมายจับจองเอาไว้ก่อนน่ะสิ คุณจะให้ผมรออะไรล่ะ”“นี่คุณจะบ้าเหรอคะมาพูดเรื่องแบบนี้ เร็วเกินไปแล้วค่ะ”“จะให้เกิดเหตุการณ์อื่นซ้ำ ๆ แบบครั้งก่อนผมคงทนไม่ไหวหรอกนะ ไม่ผมก็คุณคงเป็นบ้าเข้าสักวัน”“ทำไมคะ คุณหมอคิดอยากจะลาออกจากโรงพยาบาลเหรอคะ”“อืม ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่คิดนะ ที่จริงผมอยากเปิดคลีนิกเล็ก ๆ มากกว่า พอมาคิดถึงเรื่องเวลาส่วนตัวที่หายไปแล้ว ผมว่ามันไม่ค่อยคุ้มค่าสักเท่าไหร่ คุณคิดดูสิแค่ผมเจอคนไข้อย่างเพื่อนคุณเข้าไปสักสองคนผมคงเป็นโรคประสาทตายก่อนแน่ ๆ พอมีคุณอยู่ด้วยแบบนี้ผมก็เลยเริ่มคิดอยากวางแผนเรื่องอนาคต…ร่วมกับคุณ”“อลิศ…ไม่ขัดใจคุณหรอกค่ะ ตอนนี้อลิศรู้เหตุผลทั้งหมดนั่นแล้ว และรู้ว่าต่อจากนี้ไม่มีอะไรทำให้อลิศเข้าใจหมอผิดแล้วค่ะเพราะรู้แล้วว่าหมอรักมั่นคงแค่ไหน”“แค่ไหนล่ะ แล้วรู้จริงเหรอ”“อืม…หมอคะ เม
หมอภาสไม่ได้ตอบเธอเพียงแค่ยิ้มเย็น ๆ ส่งมาให้เท่านั้นและหันไปแจ้งผลตรวจของพ่อเธอต่อ“ผลตรวจปกตินะครับพรุ่งนี้ก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วครับ”“โอ้ ดีใจจริง ๆ เลยไม่ต้องนอนโรงพยาบาล”“พ่อห้ามไปตีกอล์ฟอีกนะคะ ไม่ต้องถามหมอด้วยว่าอีกนานไหมถ้าไม่ไปที่สนามก็ห้าม กลับไปจะเก็บทิ้งให้หมดเลยคอยดู”“แกก็เบา ๆ บ้างอย่าพูดดังขนาดนั้นเป็นอะไรต้องโวยวายตลอดแบบนี้”“นั่นสิอลิศ คุณพิชิตท่านรู้ตัวอยู่หรอกน่าเราน่ะเป็นห่วงเกินไป เอาเวลาไปอ่านหนังสือสอบเทอมสุดท้ายเถอะ”“โอ๊ยพี่อรรถ ก็บอกว่า..อย่าขยี้ผม”“อะแฮ่ม!!”เสียงกระแอมของหมอภาสทำให้ทั้งห้องเงียบลงไปและอลิศก็รีบเดินออกมาห่างอรรถทันทีแต่อรรถดูเหมือนจะยังไม่รู้ตัว เขายังส่ายหน้ายิ้มให้กับเธอแต่อลิศกลับเริ่มรู้สึกกลัวจนไม่กล้ามองหน้าหมอภาสแล้ว“ถ้าอย่างนั้นคืนนี้นอนพักอีกสักคืนจนกว่าน้ำเกลือจะหมดอีกกระปุกนะครับผมสั่งพยาบาลเอาไว้แล้ว ส่วนแผลที่หน้าผากก็เปลี่ยนเป็นแบบกันน้ำพรุ่งนี้ก็ไม่มีปัญหาแล้วครับ”“อ้อ ได้แบบนี้ก็ดีเลยขอบใจนะหมอภาส”“ครับ ถ้าอย่างนั้นญาติคนไข้รบกวนตามหมอมารับเอกสารและเซ็นเพื่อจะออกจากโรงพยาบาลพรุ่งนี้ด้วยนะครับ”“เดี๋ยวผมไปเองครับ”“
ญานิศามองหน้าหมอภาสสลับกับมองที่อลิศที่ยังก้มกินบลูเบอร์รี่ชีสเค้กของเธอต่อโดยไม่ได้สนใจนิศาแม้แต่นิดเดียวและหมอภาสยังไม่ลืมที่จะเอื้อมไปเช็ดปากให้เธออีกครั้ง“หล่นหมดแล้ว”“นี่หมายความว่ายังไงกันคะหมอภาส”“หมายความว่ายังไงของคุณคืออะไรงั้นเหรอ คุณต้องการให้ผมพูดอะไรกันแน่แล้วคุณมาที่นี่อีกทำไมกัน”“หรือว่าเรื่องวันนั้นเป็นพวกคุณที่รวมหัวกันทำให้นิศาถูกไล่ออก”“ทำตัวเองทั้งนั้นยังมีหน้ามาโทษคนอื่นอีก”อลิศพูดขึ้นมาโดยไม่มองหน้านิศา เธอยังกล้าตักเค้กให้หมอภาสกินต่อหน้าเธออีกด้วยเขาเองก็รับมาอย่างเสียไม่ได้เมื่อถูกอลิศถลึงตาใส่“เธอว่าอะไรนะยัยเด็กฝึกงาน”“ก็ว่าตามที่เห็นค่ะ คุณเภสัชที่บกพร่องต่อหน้าที่จนโดนไล่ออก”“แก!!”“หยุดนะ!! ญานิศา ถ้าคุณจะมาสร้างความวุ่นวายในนี้ล่ะก็ผมคงต้องเรียกเจ้าหน้าที่มาลากตัวคุณออกไป”หมอภาสพยักหน้าให้กับพนักงานที่ยืนมองอยู่ พนักงานคนนั้นเดินออกจากร้านไปเพื่อเรียก รปภ ทันที เขาดึงแขนอลิศขึ้นมาเพื่อจะพาเธอเดินออกไป“หากว่าคุณไม่มีธุระ ผมกับ…”“คู่หมั้นค่ะ พวกเราขอตัวก่อนนะคะ”“อะไรนะ คู่หมั้น!! หมอภาสนี่หมายความว่ายังไงคะ คุณไม่ยอมรับสัญญาหมั้นที่ทางบ้านของ
“เอาเถอะ จากนี้ก็ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวกับเราแล้วล่ะ เธอป่วยก็ต้องรักษาต่อไป ถ้าไม่ได้กลับเข้ามาก็ไม่เดือดร้อนแล้วล่ะ”“ใช่หมอภาสพูดถูกเลย เออว่าแต่คุณพ่อของอลิศอาการเป็นยังไงบ้างล่ะภาส”“พรุ่งนี้ก็ออกจากโรงพยาบาลแล้ว นายเตรียมตัวไปงานเลี้ยงหรือยัง รวิศบอกว่าให้นายเคลียร์งานให้เรียบร้อย มันย้ำมาสามรอบ”“ไอ้หมอนี่จริง ๆ เลยนะ ยังย้ำมากับนายอีก ฉันไปแน่นอนวันนั้นจอยว่างพอดีจะพาจอยไปด้วย นายเองก็เคลียร์งานด้วยก็แล้วกันแล้วว่าแต่ว่า…คุณลุงรู้หรือยัง เรื่องนายกับอลิศน่ะ”“หึ เธอยังไม่ยอมให้บอก”“ปัดโธ่ไอ้เพื่อนบื้อ เรื่องแบบนี้จะรอทำไมโน่นดูอย่างผมสิครับ ดูนิ้วแฟนผมเสียก่อน”“อะไรนะ…นี่คุณ!!”“ไม่ใช่แค่แหวนเพชรที่นิ้วนะ ผมพึ่งพาจอยไปตรวจครรภ์มาแล้วก็ลงไปเจอพวกคุณนั่นแหละ รีบ ๆ เข้า ถ้าไม่ยอมก็รวบหัวรวบหางไปเลย”“จะบ้าเหรอ!!”“เอ๊า ก็จริงใจเสียอย่าง แหวนเพชรน่ะต้องเตรียมให้พร้อม เก็บติดตัวเอาไว้เลยได้โอกาสเมื่อไหร่ก็จะได้ควักมาง่าย ๆ”“คุณไปแอบขอกันเมื่อไหร่”หมอภาสถามเชิงกระซิบเพราะเห็นว่าอลิศกับจอยกำลังยืนคุยกันอย่างออกรสด้านในห้องที่โต๊ะทำงานของเขา“เดือนที่แล้วนี่เอง พออาการจอยออกผมก็เลยรี
วันถัดมา“ไม่เอา ๆ เพชรน้ำไม่งามเลย ต้องเอาใหญ่ ๆ หน่อย ไม่เอา ๆ ไม่มีอันไหนสวยเลย”“คุณ คนแต่งน่ะตาภาสกับอลิศนะ ทำอย่างกับคุณจะแต่งเสียเอง”“ไม่ได้ค่ะ คุณก็รู้นี่คะงานหมั้นนี่สำคัญนะจะให้น้อยหน้าได้ยังไง ทั้งร้านนี่เอาไว้ใส่เล่น ๆ อ่ะได้ แต่ให้สวมจริง อลิศ…แม่คิดว่าคงต้องสั่งทำใหม่นะลูก หนูรอได้ไหม”“คุณแม่ครับ…”“แกหุบปากไปเลย นะอลิศนะตามใจแม่สักเรื่องหนึ่งนะลูก”“เอ่อ…พี่ภาสคะ อลิศคิดว่า….”“เอาตามนี้แหละ มาเธอมาจดสิ่งที่ฉันบอก ส่วนเธอวัดขนาดนิ้วให้พวกเขาด้วย ภาสเลือกแหวนที่ดูดีหน่อยเอาให้น้องไปใส่เล่น ๆ ก่อน เดี๋ยววงจริงค่อยเปิดตัวพร้อมงานหมั้น”“ถ้าอย่างนั้นเลือกแล้วผมพาอลิศไปเลยนะครับมีธุระต่ออีก”“เออ ๆ จะไปไหนก็ไปวันนี้อนุญาตแม่จะต้องสั่งของอีกเยอะเลย มานี่ ๆ เธอไปเรียกคุณธิวามาหน่อย เจ้าของร้านของพวกเธอน่ะ ฉันจะต้องสั่งงานที่พิเศษหน่อย”หมอภาสได้โอกาสเมื่อพวกเขาเลือกแหวนหมั้นที่เอามาสวมเป็นการชั่วคราวไปก่อนสองวงเสร็จแล้วก็รีบพาอลิศออกมาทันที ตอนเช้าเขาตั้งใจว่าจะออกมากับอลิศสองคนใครจะคิดว่าแม่รู้แผนของเขาโดยการมาดักรอกินข้าวเช้าด้วยและให้คุณพ่อเขาขับรถตามมา แต่เย็นนี้พวกเขาม
“แม่ครับเดี๋ยวก่อนนะครับแม่ใจเย็น ๆ ก่อนนะแล้วฟังผม”หมอภาสหันไปมองคุณแม่และเริ่มควบคุมสถานการณ์เพราะดูแล้วแม่ของเขาจะใจร้อนกว่าใครในที่นี้เลย“ก็พูดมาสิ”“คือผมขออลิศกับคุณอาแล้ว ส่วนเวลาที่นัดทานข้าวผมก็แค่รอให้คุณพ่อคุณแม่บินกลับมาก่อนแล้วนัดเวลาคุณอาพิชิตอีกครั้งเพราะท่านเองก็พึ่งออกจากโรงพยาบาลและยังต้องทำงานด้วย เรื่องเวลาคุยกันได้ครับส่วนเรื่องแหวน ผมจะพาอลิศไปวันพรุ่งนี้อยู่แล้ว เรื่องเรือนหอก็เหมือนกัน”หมอภาสอธิบายทุกอย่างให้แม่เขาฟัง นับว่าเป็นการอธิบายที่ครบถ้วน สมบูรณ์แบบและน่าทึ่งมากสำหรับอลิศที่ได้แต่นั่งฟังเพราะมันทั้งสั้นและได้ใจความ คุณแม่ของเขาเริ่มนิ่งลงจนพ่อของหมอภาสเริ่มพูดขึ้นมา“คุณก็เป็นแบบนี้ทุกที ผมบอกแล้วไงว่าภาสมันไม่พลาดหรอกคุณก็ไม่ไว้ใจลูก เห็นไหมละเขาทำจนหมดแล้วเหลือแค่ให้คุณจัดงานแต่งให้เท่านั้นแหละ”“ก็ใครจะไปรู้ล่ะลูกคุณมันต่างจากคุณที่ไหน มีอะไรมันก็ไม่เคยพูด จะแต่งเมียทั้งทีพวกเรายังรู้เป็นคนสุดท้ายเลยไม่ใช่เหรอ”“แม่ครับ ถ้าผมยังไม่มั่นใจมีเหรอที่จะบอกแม่ได้ ไม่ใช่ไปแอบจับคู่มั่ว ๆ ให้ผมเหมือนครั้งก่อนนั้นอีก ผมเกือบสิ้นอาชีพเลยนะครับอย่าทำอีกนะคร
หมอภาสหันมามองหน้าคนที่เขาพึ่งจะเรียกเธอว่า “แม่” ที่หันไปมองลูกชายตัวเองสลับกับมองอลิศที่ยกผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวเอาไว้ เธอไม่เคยรู้สึกอับอายขนาดนี้มาก่อนเลย หมอภาสเดินเข้ามานั่งข้าง ๆ เธอ“ผมไม่ได้จะปิดบังแต่ขอเวลาให้ผมกับเมียอาบน้ำก่อนจะไปพบไม่ได้เหรอครับทำไมต้องรีบขนาดนั้น”“จะไม่ให้ฉันรีบได้ยังไง!!”อลิศเริ่มกลัวเสียงที่แผดดังขึ้นเรื่อย ๆ ของคนตรงหน้าที่พุ่งเข้ามานั่งจนชิดเธอ แม้ว่าหมอภาสจะห้ามและยกมือขึ้นมากันแต่ก็ถูกเธอปัดออกไปก็ตาม“ดูสิ รังแกน้องจนช้ำไปหมด นิสัยเสียเชียวนะแก!!”“แล้วแม่ไม่อยากได้หลานหรือไง ทำเป็นพูดมากใครกันล่ะที่บอกผมว่าให้รีบ ๆ มีลูกน่ะ ทีนี้จะมาบ่นทำไม”“หุบปากแกไปเลย ออกไปอยู่กับพ่อแกไป”“ไม่!! แม่จะพูดอะไรกับอลิศผมก็จะนั่งฟังด้วย”“ไอ้หมาหวงก้าง!!”อลิศเริ่มปรับความรู้สึกไม่ถูกแล้วเมื่อฟังหมอภาสและคุณแม่ของเขาเถียงกันแต่สุดท้าย คุณแม่ของเขาก็หันมาจับมือเธอและมองเธอให้ชัดโดยที่อลิศรู้สึกอายมากเมื่อต้องมาพบกันครั้งแรกด้วยสภาพที่เธอเป็นแบบนี้“หนูสวยมากลูกสาวคุณแม่ สวยจนนึกไม่ถึงว่าแม่จะได้หนูมาเป็นลูกสาว”“ลูกสะใภ้!! ครับแม่ ไม่ใช่ลูกสาว”“หุบปากแกไปเลย!!”อล
มือของอลิศจับที่แท่งแกร่งตรงหน้าและค่อย ๆ รูดขึ้นลงตามจังหวะ หมอภาสที่นั่งคุกเข่าอยู่แทบจะทนไม่ได้เมื่อถูกแฟนสาวตรงหน้าใช้ปากกับส่วนนี้ของเขาเป็นครั้งแรก“อลิศ …..อย่านะ อาาา!!!”ยิ่งหมอภาสร้องครางดังเท่าไหร่ อลิศก็ยิ่งได้ใจมากขึ้นเธอรูดจนหัวที่บานออกมาเกือบจะพุ่งชนหน้าของเธอ ลิ้นนุ่มของเธอจึงไล้เลียไปที่ยอดปลายบานนั้นทันที หมอภาสที่ไม่เคยถูกปลุกเร้าอารมณ์แบบนี้มาก่อนมีหรือจะทนความเสียวแบบนี้ไหว เขาทรุดลงแต่อลิศยังไม่ยอมหยุด เธอค่อย ๆ อมมันเข้าไปและรวบเข้าไปจนสุดโคน“อาา…อลิศ ผมเสียว….อาาา”เธอใช้ปากรูดขึ้นลงตามจังหวะสลับกับดูดและโลมเลียจนหมอภาสเริ่มไขว่คว้าหาที่จับเอาไว้ให้มั่น เสียงนิ้วมือหนาที่จิกไปที่โซฟาหนังหรูหรานั้นยิ่งทำให้อลิศรู้สึกเหมือนกับผู้ชนะ“อลิศ ผมจะ…แตก ถอยออกมาก่อน”อลิศไม่พูดอะไรแต่เธอไม่ยอมห่างเจ้าลำเอ็นแข็งตึงตรงหน้านั้นและยังอมเอาไว้ในปาก นิ้วเรียวยาวเอื้อมมากระตุ้นเขาเพิ่มที่ยอดหน้าอกสีเข้มของหมอภาส เธอรู้สึกว่าขนอ่อนของเขาลุกขึ้นชูชันอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน“อาา อลิศ ถ้าคุณไม่ออกผมจะแตกใส่ปากคุณนะ!!”“รีบมาสิคะที่รัก แตกมาได้เลย”“อาาา อลิศ!!!”เพียงแค่สิ
แพนเดินกลับไปแล้วพร้อมกับรอยยิ้มและเธอยังเช็ดน้ำตาให้อลิศด้วย อลิศเองก็เดินกลับออกมาและก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าเพื่อน ๆ นักศึกษาทั้งรุ่นน้องรุ่นพี่ต่างก็หันไปมองหนุ่มหล่อที่สวมแว่นกับเสื้อเชิ้ตลำลองสีฟ้ากางเกงสแลคและยืนพิงรถยุโรปหรูของเขาอยู่“หมอภาส”หมอภาสยกมือถือขึ้นเป็นสัญญาณและเดินเข้ามาหาเธอ คนรอบ ๆ ต่างมองทั้งคู่เมื่อหมอภาสเดินมารับแฟนสาวที่พึ่งเดินออกมาจากหน้าคณะของเธอ“ทำไมไม่รับโทรศัพท์ล่ะครับ”“เอ่อ…เมื่อกี้คงอยู่ในกระเป๋าน่ะค่ะก็เลยไม่ทันได้เห็น หมอ…เลิกงานแล้วเหรอคะไหนบอกว่าวันนี้มีผ่าตัดใหญ่ไงล่ะคะ แล้วนี่มาที่นี่ดูสิตกเป็นเป้าสายตาเลย”“ทำไมล่ะ ก็แค่มารับคุณเองนะ ใครจะมองเขามีตาก็มองไปสิไม่เห็นต้องสนใจเลย”“คุณก็เป็นเสียแบบนี้แหละ รีบกลับกันไหมคะอลิศเสร็จธุระแล้ว ว่าแต่นิว…”“กลับไปแล้วล่ะ พอเห็นว่าผมมารับคุณเธอก็ขอตัวกลับทันที เห็นบอกว่ามีนัดกับคุณแม่น่ะ”“ถ้าอย่างนั้นกลับกันเถอะค่ะ คนเริ่มมองกันใหญ่แล้ว”“เสร็จธุระแล้วใช่ไหม งั้นก็กลับกันเถอะ”เขาเปิดประตูรถให้เธอขึ้นไปนั่งและเดินอ้อมมาที่คนขับ สายตาของนักศึกษายังไม่หยุดมองคู่รักที่สวยหล่อและดูเหมาะสมกันเป็นที่สุดระหว่
หมอภาสจับเธอเปลี่ยนท่าเป็นดันหลังไปชิดกำแพงและกางขาเธอออกและเข้ากระแทกไปเอง เขาจูบเพื่อไม่ให้เสียงของอลิศดังออกไปแต่กลับยิ่งทำให้พวกเขาทนเสียวได้ไม่นาน และเสียงกระแทกของกล้ามเนื้อใต้ฝักบัวก็ดังจนทั้งคู่เกินจะทนไหว“อาา….อลิศ!!”เธอกอดคอเขาแน่นเพราะกลัวตก เมื่อค่อย ๆ ดันตัวลงมาจากผนังห้องน้ำ น้ำรักของทั้งคู่ที่พ่นเข้าไปก็ล้นออกมาจนหมอภาสต้องล้างตัวให้เธอใหม่“ฮัดชิ้ว!!”“กินข้าวเย็นแล้วก็กินยาแก้หวัดหน่อยเถอะ”“เพราะใครกันล่ะ”“อย่าโทษผมคนเดียวสิ ไม่ใช่คุณเหรอที่ยั่วผมก่อน”“หมอ นี่คุณ….”“ครับ ๆ รีบกินข้าวเถอะเดี๋ยวผมไปเตรียมยาให้”หมอภาสตักข้าวต้มที่แม่บ้านทำเอาไว้ให้พวกเขาวางไว้ที่ตรงหน้าของเธอและเดินไปที่ตู้ยาและเตรียมยาแก้หวัดให้เธอ เขาไม่โง่เถียงหรือมีปัญหากับเธอตอนนี้แน่เพราะไม่อยากถูกไล่ออกมานอนห้องของรวิศที่เมื่อก่อนเขามักจะมาอาศัยนอนบ่อย ๆ แต่วันนี้เขาต้องนอนห้องของเธอเท่านั้น“ยาครับ”“ทำไมมันเยอะนักล่ะคะหมอ”“ก็…ยาแก้ปวด ยาแก้หวัดน่ะอย่างละสองเม็ดก็เลยเยอะ รีบกินข้าวเถอะกินยาแล้วจะได้ไปพักผ่อน ผมจะไปดูคุณอาสักหน่อย”“ได้ค่ะ”หมอภาสหันไปหอมแก้มเธอและลุกไปดูพ่อของอลิศในห้องขอ
อลิศหันหน้ามามองหมอภาสที่พูดออกมา รวิศเองก็แทบจะไม่เชื่อหูตัวเองแต่ก็พยักหน้าเข้าใจเพื่อนในทันที เขาคงอยากให้อลิศพร้อมก่อนแล้วค่อยพาเธอไปที่บ้านของเขา“เอ่อ…งั้นก็ขับตามมาก็แล้วกันนะ”“โอเค เจอกันที่บ้านนายเลย”“โอเค”อลิศยิ้มออกมาได้แล้วเมื่อเธอไม่ต้องไปที่บ้านหมอภาสในวันนี้และยังได้กลับไปที่บ้านเพื่อดูแลพ่อ แม้ว่าเธอจะรู้ว่าถึงอย่างไรก็หนีไม่พ้นที่จะต้องไปอยู่ดีก็ตาม“ขอบคุณนะคะหมอภาส”“ผมไม่อยากกดดันคุณ ผมเข้าใจแต่ว่า…อย่านานเกินไปนักจะได้ไหม”“ค่ะ อลิศสัญญาว่าจะไม่นานแน่นอนค่ะ แค่ตอนนี้อลิศยังเป็นห่วงคุณพ่ออยู่เท่านั้นเอง”“เป็นห่วงคุณอาหรือว่ากลัวกันแน่”“หมอคะอย่าแซวสิคะ นั่นก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งค่ะ”“ไปกันเถอะ รีบขับตามรวิศไปเดี๋ยวรถจะติด”“ได่ค่ะ”อลิศคล้องแขนเขาเดินกลับเข้าไปด้านในโรงพยาบาลเพื่อรอเขาเปลี่ยนชุดและรีบลงมาที่ลานจอดรถและขับกลับไปที่บ้านของอลิศในทันทีบ้านของอลิศ“ตามสบายนะภาสไม่ต้องเกรงใจหรอก ไม่ได้มาที่นี่นานเลยสินะ”“ครับ ยังไม่เปลี่ยนไปเลยนะครับ”“ก็มีอาอยู่คนเดียว รวิศก็ไปนอนคอนโดใกล้ ๆ โรงงาน อลิศก็ไปนอนหอพักบ้างคอนโดบ้างเพราะติดเรียนแล้วตอนนี้ก็ติดแฟนอีก อีก
แพนเดินออกไปจากห้องพร้อมกับน้ำตาที่ยังไม่หยุดไหล แต่อลิศเองก็ไม่ได้ตามเธอไปอีกเพราะหากไม่เด็ดขาดก็จะไม่จบเพียงเท่านี้ สิ่งที่ควรพูดเธอก็พูดไปหมดแล้ว เหลือแค่ว่าเพื่อนของเธอจะคิดได้หรือไม่เท่านั้น“เฮ้อ….ทีนี้คงหมดแล้วใช่ไหม”อลิศหันมามองหน้าต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดที่ยืนขยับแว่นตาอยู่ข้างหลังเธอ“อะไร มองแบบนี้คุณจะโทษผมเหรอ ผมบอกไว้ก่อนเลยนะว่าผมแค่ทำตามหน้าที่ ผมไม่ได้ให้ความหวังอะไรกับใครเลยสักคน”“เหนื่อยขนาดนี้…เปลี่ยนใจตอนนี้ทันไหมคะ”หมอภาสเดินมารวบตัวเธอเข้าไปจนชิด หน้าของเธอแทบจะชนเข้ากับกรอบแว่นตาของเขา“คิดจะหนีตอนนี้เหรอ คิดว่าเป็นไปได้หรือยังไง”“หมอคะ ถ้าเป็นตอนที่ยังฝึกงานอยู่สายตาแบบนี้อลิศอาจจะยังกลัวอยู่นะคะ แต่ตอนนี้….”จูบของเขาทำให้เธอหยุดพูดทันที มันทั้งหนักหน่วงเรียกร้อง และต้องการเธอมากกว่าครั้งไหน ๆ ลิ้นหนาที่โจมตีเข้ามาทันทีโดยที่เธอยังไม่ทันได้ตั้งรับทำเอาเธอแทบจะหมดแรงทรุดไปกับพื้น“แค่จูบยังจะละลายเลยแล้วแบบนี้น่ะเหรอที่คิดจะหนี ฝันไปเถอะชาตินี้ผมไม่มีทางปล่อยคุณไปแน่อลิศ”“หมอ!! โรคจิต รุนแรงเกินไปแล้ว”“หืม…คุณบอกว่าผมโรคจิตงั้นเหรอ”อลิศที่เดินถอยออกมาเพ
หมอภาสประคองอลิศเดินหันกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานและหยิบกระดาษเปียกกับสเปรย์แอลกอฮอล์มา เขานั่งคุกเข่าและถอดรองเท้าของอลิศออกมาต่อหน้าสายตาของพยาบาลทั้งสองและ…..แพนที่ยืนดูอยู่ตรงนั้น“หมอคะ อลิศทำเองก็ได้”“อยู่เฉย ๆ ผมจะฆ่าเชื้อโรคให้”“หมอภาสคะ!!”“คุณเงียบก่อน ไม่เห็นเหรอว่าผมทำอะไรอยู่เสร็จจากเช็ดเชื้อโรคจากรองเท้าแฟนผมแล้วผมค่อยคุยกับคุณ”เมื่อเช็ดเสร็จแล้วเขาก็สวมรองเท้ากลับให้กับอลิศและเดินไปล้างมือ แพนที่ยืนโกรธจนตัวสั่นหันมามองทั้งคู่ อลิศเองเมื่อเห็นแบบนี้ก็คิดว่าเธออาจจะทำรุนแรงเกินไปเพราะหมอภาสเองก็ดูเหมือนจะไม่สนใจแพนเลย“แพนมีธุระ….”“ไม่ใช่เรื่องของแก!!”แต่แพนก็ยังไม่ทิ้งนิสัยเดิม ซึ่งอลิศที่มองไปแล้วรู้สึกผิดที่แอบเห็นใจเธอเมื่อครู่ หมอภาสเช็ดมือและเดินกลับมาแล้ว เขายืนอยู่ที่หน้าโต๊ะทำงานที่มีอลิศนั่งอยู่โดยที่เขาไม่ให้เธอลุกขึ้นมา“พวกคุณออกไปเถอะ ไม่มีอะไรแล้ว”""ค่ะคุณหมอ""พยาบาลทั้งสองเดินกลับออกไปพร้อมกับปิดประตูอีกครั้ง หมอภาสเช็ดมือและโยนทิชชูนั้นทิ้งลงถังขยะและหันมามองแพน“เอาล่ะ คุณมีธุระอะไรกับผมอีกถึงได้มาบุกรุกห้องพักส่วนตัวของแพทย์แบบนี้ ผมจะให้โอกาสคุณพูด