“เมื่อไหร่คุณจะหย่ากับเธอสักที”ในห้องอาหารส่วนตัว หญิงสาวคนหนึ่งจ้องมองชายตรงหน้า ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความรักใคร่หลินเซียงยืนอยู่นอกห้อง สองมือสองเท้าของเธอเย็นเฉียบ เธอมองดูใบหน้าที่หล่อเหลาและเฉียบคมของชายอีกคนโดยไม่กะพริบตา เช่นเดียวกับผู้หญิงคนนั้น ใบหน้าของเธอซีดเผือดลงทุกขณะนั่นคือสามีของเธอ ลู่สือเยี่ยนเขาเป็นใบ้ ทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟอยู่ในคลับแห่งนี้ วันนี้เธอเลิกงานเร็วกว่ากำหนดจึงมาที่นี่เพื่อกลับบ้านพร้อมเขา ไม่นึกเลยว่าจะเจอเหตุการณ์แบบนี้เข้าผู้ชายซึ่งทำงานประจำอยู่ที่นี่ สวมเครื่องแบบพนักงานเสิร์ฟ ตอนนี้กลับสวมชุดสูทและรองเท้าหนัง ผมตัดสั้นได้รับการจัดแต่งอย่างพิถีพิถัน ท่าทางสง่างามและเย็นชาอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อนเขาเผยอริมฝีปากบาง ตอบกลับด้วยเสียงทุ้มไพเราะ “ไว้ผมจะคุยเรื่องนี้กับเธอโดยเร็วที่สุด”เธอหลับตาลงทันทีและหันหลังกลับเขาพูดได้อย่างคนปกติเสียงของเขาฟังรื่นหูดีจริง ๆแต่ทว่าสิ่งที่เธอไม่คาดคิดก็คือ ประโยคแรกที่เธอได้ยินเขาพูดกลับกลายเป็นการหย่าร้างหลินเซียงตกอยู่ในความสับสน แวบหนึ่งเธอคิดว่าตัวเองน่าจะจำคนผิดชายที่สง่างามและเย็นชาคนนั
ก่อนหน้านี้เธอได้ยินเสียงของเขาเคล้าไปกับเสียงเพลงในคลับ ทำให้ได้ยินไม่ชัดเท่าไหร่แต่ในตอนนี้ เสียงทุ้มลึกราวแม่เหล็กของเขากลับดังเหนือศีรษะของเธอ ชัดเจนจนทิ่มแทงหัวใจของเธออย่างแรง เจ็บปวดจนแทบหายใจไม่ออกที่แท้เขาก็พูดคุยได้เหมือนคนปกติแต่เขากลับไม่บอกเธอเกี่ยวกับเรื่องนี้ทันทีแถมเขายังคิดจะหย่ากับเธอด้วยทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริงทำไมกัน?ทำไมต้องหย่าด้วย?หลินเซียงอยากถามออกไปแทบตาย แต่เธอก็อดกลั้นเอาไว้ถ้าเขาต้องการแบบนั้นจริง ๆ แล้วมันเพราะอะไรกัน?ตลอดทั้งปีที่ผ่านมา เธอไม่เคยทำอะไรให้เขารู้สึกเสียใจเลยสักครั้ง ถึงเขาจะอยากหย่า แต่ก็ควรให้เหตุผลแก่เธอ!หัวใจของหลินเซียงเย็นเฉียบ ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังโหยหาความอบอุ่นจากร่างกายของเขา กอดเขาแน่นกว่าเดิมเล็กน้อย“อืม ฉันได้ยินคุณคุยกับใครบางคน แต่ไม่ได้ยินว่าคุณพูดอะไรบ้าง อาเยี่ยน เสียงของคุณเพราะมากเลย”พูดจบเธอก็จูบแผ่นหลังของเขาอาเยี่ยนนั่นคือชื่อที่เธอเรียกเขา จะเรียกก็ต่อเมื่ออยู่ด้วยกันตามลำพัง ในช่วงที่ใกล้ชิดกันอย่างที่สุดเท่านั้น ทุกครั้งที่เขาได้ยิน เขาจะโต้ตอบเธอด้วยการกระทำที่บ้าคลั่งยิ่งขึ้นแต่ทว่
หลินเซียงมองหน้าเขา “ตอบสิ” ลู่สือเยี่ยนพูดเสียงเรียบ “กินข้าวก่อนเถอะ”เขาผลักเธอออกไป เดินไปที่โต๊ะอาหารแล้ววางอาหารเช้าไว้บนโต๊ะหัวใจของหลินเซียงจมลงสู่ก้นเหวอีกครั้ง จ้องมองแผ่นหลังของเขาสายตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดเธอพยายามห้ามไม่ให้เขาพูดเรื่องหย่าออกมาถึงอย่างนั้นก็เถอะ ท่าทีของเขามันชัดเจนแล้วเขากำลังทำตัวเหินห่างจากเธอ ไม่เอ่ยแม้กระทั่งคำสัญญาจอมปลอมด้วยซ้ำเมื่อก่อน เขาไม่เป็นแบบนี้เลยแม้สักนิด!ตอนแรก เขาตามติดแทบจะสิงร่าง ติดตามไปทุกที่ที่เธอไป มีนิสัยติดเธอมากต่อมา เธอจึงตัดสินใจรับเขาเข้ามาอยู่ในบ้านด้วยกัน และเริ่มสอนวิธีเขียนอ่าน ฝึกภาษามือกับเขา นับจากนั้นเขาก็ยิ่งติดเธองอมแงมขึ้นเรื่อย ๆไม่ว่าเธอจะทำอะไร จะมีสายตาของเขาก็คอยมองตามอยู่เสมอราวกับเธอเป็นโลกทั้งใบของเขา“ลู่สือเยี่ยน คุณไม่ได้จูบอรุณสวัสดิ์ฉันด้วยซ้ำ”หลินเซียงเดินไปหา นี่เป็นข้อตกลงที่พวกเขาทำเป็นกิจวัตรหลังจากยืนยันความสัมพันธ์ลู่สือเยี่ยนผลักแก้วนมถั่วเหลืองไปตรงหน้าเธอ “กินข้าวก่อนเถอะ ไว้ผมค่อยเล่าให้คุณฟังทีหลัง”มือของหลินเซียงกำแน่น “ถ้าฉันไม่กิน คุณจะไม่พูดถึงเรื่องนั้นใช
เมื่อมาถึงบริษัท หลินเซียงเพิ่งนั่งลงที่โต๊ะทำงาน เพื่อนร่วมงานที่อยู่ด้านข้างรีบเข้ามาใกล้และพูดว่า “หลินเซียง เธอรู้หรือยัง? บริษัทของเราถูกซื้อกิจการไปแล้ว! คนซื้อคือนายน้อยสามที่หายตัวไปอย่างลึกลับของตระกูลลู่ ดูเหมือนว่าเขาจะชื่อลู่สือเยี่ยนอะไรนี่แหละ”หลินเซียงตกตะลึง “ชื่ออะไรนะ?”“ลู่สือเยี่ยน ฉันเห็นรูปแล้ว เขาหล่อมากเลย! ว่ากันว่าเขาหายไปตั้งหนึ่งปี เพิ่งกลับมาที่ตระกูลลู่ไม่นาน กลับมาก็เริ่มปรับปรุงบริษัทสาขานี้ทันที บริษัทของเราเลยได้อานิสงส์โดยตรง พระเจ้าช่วย การมีผู้ชายที่หล่อเหลาและอ่อนโยนเป็นเจ้านายแบบนี้ ต่อให้ฉันนอนหลับฝันยังลุกขึ้นมาละเมอยิ้มเลย!”หลินเซียงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาดู ข้อความแรกที่ผุดขึ้นมาบนหน้าฟีด คือข่าวลูกชายคนที่สามของตระกูลลู่ ลู่สือเยี่ยนกลับมาแล้ว หลังจากหายตัวไปเป็นเวลาหนึ่งปีในภาพ ชายคนนั้นสวมชุดสูทสีดำ ตัดผมสั้นแบ่งข้าง ใบหน้าหล่อเหลาและเฉียบคม ดวงตาฟีนิกซ์คมกริบคู่นั้นฉายประกายเย็นเยียบ ทั้งร่างกายเผยให้เห็นสง่าราศีที่สูงส่งและเย็นชาลู่สือเยี่ยน ความจริงแล้วเขาเป็นนายน้อยสามของตระกูลลู่ ตระกูลที่ร่ำรวยอันดับต้น ๆ ของเมืองอวิ๋นเฉิง!
เขาทำแบบนั้นกับเธอได้ยังไง?ความเจ็บปวดรวดร้าวที่เกิดขึ้นในใจทำให้ลมหายใจจิตขัด!เมื่อเห็นน้ำตาในดวงตาของเธอ สายตาของลู่สือเยี่ยนก็อ่อนลง แต่สีหน้าของเขากลับเย็นชาลงกว่าเก่า “ผมมีเหตุผลของตัวเอง และจะไม่บอกคุณด้วย ที่ผมทำก็เพื่อปกป้องคุณเหมือนกัน”“เหอะ!”หลินเซียงหัวเราะเยาะ กลั้นน้ำตา น้ำเสียงเย็นลงเล็กน้อย “ฉันบอกคุณแล้วไง ฉันไม่หย่า อย่าแม้แต่จะคิดเรื่องนี้!”เธอหันหลังกลับและตั้งท่าจะจากไป“คุณคงไม่อยากเสียงานนี้ไปหรอกใช่ไหม?”เสียงเย็นชาของชายคนนั้นดังขึ้นจากด้านหลัง “คุณเป็นเด็กกำพร้า กว่าจะตั้งหลักในเมืองนี้ได้ไม่ใช่เรื่องง่าย งานนี้คงมีความสำคัญต่อคุณมาก”หลินเซียงมองเขาด้วยความโกรธ “คุณจะทำอะไร?”ลู่สือเยี่ยนตอบกลับ “เซ็นใบหย่าซะ แล้วสิ่งที่ผมพูดก่อนหน้านี้จะยังคงอยู่เหมือนเดิม”เขากำลังขู่เธอ!มือของหลินเซียงสั่นเทาด้วยความโกรธ ถ้าไม่ติดที่อยู่ไกลเกินไป เธอคงตบหน้าเขาไปแล้ว!“ลู่สือเยี่ยน คุณมันไร้ยางอาย!”ภายในช่วงเวลาสั้น ๆ เขากลายเป็นคนแบบนี้ไปได้ยังไง?หรือว่าเดิมทีเขาก็เป็นคนโหดเหี้ยมขนาดนี้อยู่แล้ว เพียงแต่ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาเป็นเพียงภาพลวงตา?ลู่สือเยี
ผู้หญิงคนนั้นคือคนที่ถามลู่สือเยี่ยนในห้องอาหารวันนั้นว่าเมื่อไหร่เขาจะหย่าเธอคล้องแขนเขาไว้อย่างสนิทเสน่หาลู่สือเหยียนไม่ได้แสดงท่าทีรังเกียจเลยตอนที่เธอพาเขากลับมาบ้านครั้งแรก แม้ว่าเขาจะสูญเสียความทรงจำไปแล้ว แต่ความทรงจำตามสัญชาตญาณของร่างกายบางส่วนยังคงอยู่ หลังจากที่เขาปรับตัวคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมแล้ว เขาก็เป็นฝ่ายทำความสะอาดบ้านให้เธอ ทุกที่สะอาดอย่างไม่มีที่ติเขาไม่เคยรับของที่คนอื่นมอบให้เลย และก็ไม่กินอาหารจากแผงริมถนนข้างนอกด้วย บางครั้งเขาก็มีนิสัยบางอย่างที่คนธรรมดาทั่วไปไม่มีแต่ตอนนี้ เขากลับปล่อยให้สาวอื่นคล้องแขน แถมทั้งสองยังดูสนิทสนมกันมากนี่เขากำลังบอกเธอทางอ้อม ว่าถึงแม้เธอจะไม่ยอมหย่า เขาก็จะคบกับผู้หญิงคนนั้นอยู่ดีใช่ไหม?หลินเซียงขยำชายเสื้อของตัวเองแน่น หัวใจของเธอเต้นรัว ดวงตาฉายแววแห่งความเจ็บปวดลู่สือเยี่ยน คุณใจร้ายขนาดนี้ได้ยังไง?สร้อยคอที่เธอเลือกมากับมือ เขากลับมอบให้ผู้หญิงคนอื่น!เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา กดหมายเลขของเขา แต่ถูกตัดสายทันทีที่โทรออก ถึงอย่างนั้นก็ยังคงโทรย้ำ ๆ ต่อไปราวกับไม่เชื่อว่าเขาจะไม่รับจนกระทั่งเขารับสาย “มีอะไ
“เผียะ!”หลินเซียงตบหน้าลู่สือเยี่ยน“ฉันไม่มีศักดิ์ศรีงั้นเหรอ? คุณต่างหากที่เลว คุณนอกใจฉันระหว่างแต่งงาน คิดว่าตัวเองเลิศเลอไปกว่าฉันตรงไหน?”ทันใดนั้นม่านตาของลู่สือเยี่ยนก็หดเล็กลง ไม่คาดคิดว่าเธอจะกล้าทำร้ายเขา!เขาถูกทะนุถนอมเหมือนไข่ในหินมาตั้งแต่เด็ก เธอเป็นใครถึงมาทำกับเขาแบบนี้?ชายหนุ่มดุนปลายลิ้นแตะกระพุ้งแก้ม คว้าข้อมือของหลินเซียง จากนั้นก็กดร่างเธอลงบนเตียงทันที“หลินเซียง ผมตามใจคุณมากเกินไปใช่ไหม?”ดวงตาของเขาเย็นชา ออร่าการกดขี่ที่รุนแรงปกคลุมไปรอบบริเวณ กดทับลงที่หลินเซียงซึ่งอยู่ใต้ร่างหลินเซียงตกตะลึง ความกลัวแวบขึ้นมาในใจเธอลืมไปได้ยังไงว่าเขาเป็นถึงนายน้อยสามตระกูลลู่ ถูกเลี้ยงดูอย่างดีมาตั้งแต่เด็ก สถานะของเขาสูงส่งอย่างหาที่เปรียบไม่ได้!เขาต้องไม่เคยถูกกระทำแบบนี้มาก่อนแน่ ๆ ไม่แปลกที่เขาจะโกรธมากแต่เขายังเป็นสามีของเธอ!เขาถูกตบเพราะนอกใจ ก็สมควรแล้วนี่?หลินเซียงพยายามอย่างหนักที่จะเพิกเฉยต่อความกลัว ดวงตาของเธอยังคงแดงก่ำ แต่กลับจ้องเขม็งมองเขาอย่างดื้อรั้น “อาเยี่ยนเขาตามใจฉัน แต่คุณ ลู่สือเยี่ยน คุณชายสามตระกูลลู่ ตามใจฉันเรื่องอะไร? พูดแ
หลินเซียงมองเขา “ฉันปฏิเสธได้ไหมคะ?”ซ่งจั่วยิ้ม “ไม่ได้”หลินเซียงกลอกตา ถือเอกสารไปที่ห้องทำงานของลู่สือเยี่ยนซ่งจั่วจะห้ามก็ห้ามไม่ได้หลินเซียงผลักประตูเข้าไปโดยตรงลู่สือเยี่ยนรูปร่างสูงโปร่งสง่างามยืนอยู่หน้าหน้าต่างบานใหญ่ กำลังคุยโทรศัพท์ เมื่อได้ยินเสียงจึงหันกลับมามอง คิ้วขมวดขึ้นทันที“แค่นี้ก่อน”เขาพูดจบก็วางสายไป“ใครอนุญาตให้คุณเข้ามา?”เขาจ้องหลินเซียงด้วยสายตาเย็นชา น้ำเสียงเย็นเยียบลงไปอีกหลินเซียงวางเอกสารลงบนโต๊ะ “คุณตั้งใจใช่ไหม?”ลู่สือเยี่ยนกวาดตามองเอกสาร พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “นี่ไม่ใช่ภาระงานของคุณอยู่แล้วหรอกเหรอ? ทำไม? ไม่อยากทำสินะ ได้ งั้นคุณก็ไปลาออกซะ มีคนเยอะแยะที่อยากได้งานนี้”หลินเซียงโกรธจัด!ผู้ชายสารเลวคนนี้จงใจกลั่นแกล้งเธอแน่ ๆ!เขากำลังแก้แค้นเรื่องที่เธอตบเขาเมื่อคืน!เมื่อคืนเขาจงใจทรมานเธออย่างหนัก มาวันนี้ก็ให้เธอลงพื้นที่ไปไซต์งานก่อสร้างอีกเมื่อเห็นเธอโกรธแต่พูดอะไรไม่ออก อารมณ์หม่นหมองของลู่สือเยี่ยนในตอนแรกก็ดีขึ้นเล็กน้อย“ไม่มีอะไรแล้วก็เชิญ ครั้งหน้าถ้าจะเข้ามา จำไว้ว่าต้องเคาะประตูก่อน”พูดจบเขาก็หันกลับไปทำงานต
น้ำทะเลเริ่มหนุนแล้วตู้คอนเทนเนอร์ที่อยู่ไกลออกไปดูเหมือนสัตว์ประหลาดที่ตั้งตระหง่านอยู่ในความมืด กลืนกินคนข้างในทีละเล็กทีละน้อยหลินเซียงจ้องมองไปทางนั้นอย่างใจเย็น แต่ความมืดที่อยู่ไกลทำให้เธอไม่สามารถมองเห็นกระบวนการน้ำขึ้นได้อย่างชัดเจนภาพเหตุการณ์ที่เธอถูกขังอยู่ในตู้คอนเทนเนอร์ผุดขึ้นมาในหัว มือและเท้าถูกมัดไว้ ร่างกายเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและขอความช่วยเหลือเฝ้าดูความตายเข้ามาใกล้ แต่เธอทำอะไรไม่ได้เลยเซี่ยหว่าน ตอนนี้เธอคงรู้สึกแบบนี้ใช่ไหม?หลินเซียงหรี่ตาลงเล็กน้อย ไม่มองต่อในขณะนั้น โทรศัพท์มือถือก็ยื่นมาตรงหน้าเธอ“หืม?”หลินเซียงมองไปที่ฉินโหย่วหานด้วยความสงสัยรอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาของฉินโหย่วหาน “ผมติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้บนตู้คอนเทนเนอร์นั้นด้วย คุณจะได้เห็นท่าทีที่สิ้นหวังทั้งหมดของเซี่ยหว่าน”เขามองเข้าไปในดวงตาของหลินเซียง “อยากดูไหม?”หลินเซียงประหลาดใจมาก ไม่คิดว่าเขาจะทำแบบนี้ฉินโหย่วหานพูดว่า “ไม่ต้องแปลกใจ ผมแค่รู้สึกว่า ถ้าไม่ได้เห็นกับตาว่าคนที่เคยทำร้ายตัวเองได้รับโทษ แล้วโทษนั้นจะมีความหมายอะไร?”สายตาของเขาเหม่อลอยไปชั่วขณะ
ซ่งซ่งหงุดหงิดเล็กน้อย ก่อนจะเอามือขยี้ผมในขณะนั้น โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นอีกครั้ง เป็นสายจากประธานบริษัทซ่งซ่งสูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะรับโทรศัพท์ “สวัสดีค่ะ?”“ซ่งซ่ง ทางคุณฟู่แจ้งมาว่าแบบมีปัญหา แถมยังบอกว่าคุณไม่ยอมรับโทรศัพท์เขา เธออยากจะทำให้สตูดิโอของเราพังทั้งบริษัทเลยหรือไง? รีบโทรกลับหาคุณฟู่เดี๋ยวนี้เลย…”“ฉันจะลาออก”ซ่งซ่งพูดอย่างเรียบเฉยอีกฝ่ายชะงักไป “ว่าไงนะ? จะลาออก? ล้อเล่นหรือเปล่า? เธอคงรู้นะว่าการลาออกของเธอจะส่งผลอะไรบ้าง?”ซ่งซ่ง “อืม ฉันรู้ค่ะ แต่ผลที่ตามมาทั้งหมด ฉันจะรับผิดชอบเอง”อีกฝ่ายยิ่งงงเข้าไปใหญ่ “เธอเป็นบ้าไปแล้วหรือไง? แค่ทำโปรเจกต์นี้เสร็จ รายได้ของเธอจะมหาศาลเลยนะ”ซ่งซ่งแสยะยิ้ม “แต่ถ้าทำไม่เสร็จล่ะคะ? ฟู่จิ่นซิ่วคอยหาเรื่องฉันอยู่ตลอด ฉันเหนื่อยแล้ว ไม่อยากเล่นกับเขาต่อแล้วค่ะ”“เธอ…” อีกฝ่ายคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็พูดอะไรไม่ออกซ่งซ่งพูดอย่างใจเย็น “แค่นี้นะคะ สวัสดีค่ะ”พูดจบก็วางสายทันทีอยู่ไปก็ไม่มีความหมายไปดีกว่าออกจากเมืองอวิ๋นไปซะแต่เธอต้องคิดให้ดีว่าจะพูดเรื่องนี้กับหลินเซียงอย่างไรคนอย่างฟู่จิ่นซิ่ว เธอไม่กล้ามีเรื่อ
สีหน้าของสวีซินหรานดูไม่ดีขึ้นมาทันที “เธอหมายความว่ายังไง?”หลินเซียงหัวเราะเบา ๆ “ฟังไม่ออกเหรอ? ฉันกำลังเยาะเย้ยเธอไง เห็นเรื่องพวกนั้นแล้ว ที่เธอทำได้ก็แค่นั่งอยู่ในออฟฟิศแล้ววิจารณ์คนอื่น อย่างมากเข้าหน่อยก็เป็นนักเลงคีย์บอร์ดในอินเทอร์เน็ต เธอมีความสามารถอื่นอีกไหม?”สวีซินหรานลุกขึ้นยืนทันที สีหน้าของเธอดูแย่มาก “หลินเซียง เธอคิดว่าฉันกลัวเธอเหรอ? ตอนนี้เธอไม่มีที่พึ่งแล้ว!”“อ้อ แล้วไง?” สีหน้าของหลินเซียงยังคงเรียบเฉย “อยากจะฆ่าฉันเหรอ?”สวีซินหรานกัดฟัน รู้สึกโกรธมาก ผู้หญิงคนนี้เมื่อก่อนไม่เคยพูดอะไร แต่พักหลังมานี้ไม่รู้เป็นอะไร พอเธอเยาะเย้ย หลินเซียงก็ตอบโต้กลับทันที!แถมเธอก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินเซียงเลย!หลินเซียงเบนสายตา “เอาเวลาไปพัฒนาผลงานของตัวเองดีกว่า อิจฉาคนอื่นไม่ได้ทำให้เธอดีขึ้นหรอกนะ แต่มันจะทำให้เธออัปลักษณ์มากขึ้น”“เธอ!”สวีซินหรานอยากจะพุ่งเข้าไป แต่ถูกคนสองคนห้ามไว้ทันทีบรรยากาศในออฟฟิศตึงเครียดขึ้นทันทีแต่หลินเซียงกลับไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ ก่อนจะเริ่มทำงานของเธอต่อไปสวีซินหรานถูกกดให้นั่งลงบนเก้าอี้ มองหลินเซียงด้วยสายตาอาฆาต รอก่อนเถอะ สั
"อืม ค่ะ"หลินเซียงพยักหน้า เดินไปที่ลิฟต์โดยตรงเพื่อรอซืออวี่กลับมาเธอก้มลงมองโทรศัพท์ และในขณะนั้นเอง ประตูลิฟต์ก็เปิดออก พร้อมกับเสียงประหลาดใจที่ดังขึ้น"คุณผู้หญิง?"หลินเซียงเงยหน้าขึ้น เห็นซ่งจั่วเดินออกมาจากลิฟต์ บนใบหน้ามีร่องรอยของความดีใจ "คุณมาเยี่ยมท่านประธานลู่เหรอครับ?"สีหน้าของหลินเซียงเรียบเฉย ก่อนจะส่ายหน้า "เปล่าค่ะ"ซ่งจั่วชะงัก เอื้อมมือลูบจมูกตัวเอง เห็นได้ชัดว่าหลินเซียงมีท่าทีเย็นชา เขายิ้มอย่างอึดอัด แล้วพูดกับตัวเองว่า "ท่านประธานลู่ได้รับบาดเจ็บสาหัส พักอยู่ชั้นนี้เหมือนกัน คุณผู้หญิงจะไม่เข้าไปเยี่ยมหน่อยเหรอครับ?"หลินเซียงมองเขาอย่างใจเย็นแล้วพูดว่า "ซ่งจั่ว ฉันกับลู่สือเยี่ยนหย่ากันแล้วนะคะ""หือ?" ซ่งจั่วชะงัก แล้วก็เข้าใจความหมายของเธอ ยิ้มอย่างรู้สึกผิด "ขอโทษครับ คุณหลิน"สีหน้าของหลินเซียงจึงผ่อนคลายลงเล็กน้อยแต่ซ่งจั่วก็ยังไม่ยอมไปไหน ยังคงยืนอยู่ข้าง ๆ เธอหลินเซียงถามว่า "มีอะไรอีกหรือเปล่า?"ซ่งจั่วกัดฟันแล้วพูดว่า "คุณหลินครับ อย่างน้อยพวกคุณก็เคยเป็นสามีภรรยากัน ท่านประธานลู่ได้รับบาดเจ็บ คุณจะไม่เข้าไปดูหน่อยเหรอ?"คิ้วที่สวยงา
"สวัสดีครับคุณหลิน ผมชื่อเฉินลู่""ผมชื่อเฉินเจียง"เมื่อทั้งสองพูดจบ บรรยากาศก็ตกอยู่ในความเงียบงันอย่างน่าประหลาดหลินเซียง "หมดแล้วเหรอ?"เฉินลู่และเฉินเจียงมองหน้ากัน เฉินลู่พูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง ว่า "หมดแล้วครับ"หลินเซียงหัวเราะออกมา แล้วถามว่า "พวกคุณถนัดอะไรบ้าง? ต้องการค่าจ้างเท่าไหร่?"เฉินลู่และเฉินเจียงมองหน้ากันอีกครั้ง แล้วมองไปที่ฉินโหย่วหานพร้อมกันฉินโหย่วหานยกมือนวดหน้าผากอย่างจนปัญญาแล้วพูดว่า "พวกนายนั่งลงก่อน"เฉินลู่และเฉินเจียงนั่งลงทันทีฉินโหย่วหานจึงแนะนำสถานการณ์ของพวกเขาอย่างง่าย ๆ แล้วพูดในที่สุดว่า "เรื่องค่าจ้าง เธอจะให้เท่าไหร่ก็ได้"หลินเซียงส่ายหน้าแล้วพูดว่า "ให้เท่าไหร่ก็ได้ไม่ได้ พวกเขาต้องคุ้มครองความปลอดภัยของฉัน แต่รอบตัวฉันไม่ปลอดภัยเท่าไหร่ นี่ถือเป็นงานที่อันตรายมาก คุณจ่ายค่าจ้างให้พวกเขาเท่าไหร่ล่ะ ฉันจะให้สองเท่า"ฉินโหย่วหานเลิกคิ้ว "ใจป้ำขนาดนี้เลยเหรอ? งั้นผมขอสมัครเป็นบอดี้การ์ดให้คุณด้วยได้ไหม?"เฉินลู่และเฉินเจียงรู้สึกประหม่าขึ้นมาทันทีไม่จริงน่า?พี่หานจะมาแย่งงานพวกเขาหรือ?อย่างนั้นไม่ได้!ถ้าหลินเซียงจ้างพวกเขา
ฟู่จิ่นซิวขบเม้มติ่งหูของเธอ "นี่ลงโทษที่คุณมายั่วโมโหผม"ซ่งซ่งกัดไหล่ของเขาทันที สิ่งที่ตามมาทำให้เธอถึงกับสบถด่าไม่ออกคนคนนี้มันร้ายกาจเกินไปแล้ว!…หลินเซียงนอนหลับสบายตลอดคืนอาจเป็นเพราะมีซ่งซ่งอยู่ข้าง ๆ เธอจึงรู้สึกสบายใจมากเธอลืมตาขึ้นแล้วพูดว่า "ซ่งซ่ง ตื่นได้แล้ว ฉันจะทำบะหมี่ให้กิน อยากกินบะหมี่อะไร?"เธอพูดพลางลุกขึ้น แต่เมื่อมองไปข้าง ๆ กลับไม่เห็นซ่งซ่งหายไปไหน?หลินเซียงตกใจ รีบใส่รองเท้าออกไปตามหาแต่ซ่งซ่งไม่อยู่ในห้องเธอรีบหยิบโทรศัพท์ออกมากดโทรตาม แต่โทรศัพท์ของซ่งซ่งกลับดังอยู่ในห้องนอนสีหน้าของหลินเซียงดูไม่ดีทันที!เกิดอะไรขึ้น?ซ่งซ่งไปไหน?ทำไมไม่พกโทรศัพท์ไปด้วย?ในสังคมปัจจุบัน พรวดพราดออกจากบ้านโดยไม่เอาเงินสดไปยังได้ แต่ขาดโทรศัพท์ไม่ได้เด็ดขาดแล้วซ่งซ่งออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่?ทำไมเธอถึงจำอะไรไม่ได้เลย?ขณะที่หลินเซียงกำลังคิดอยู่ จู่ ๆ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นหลินเซียงรีบไปเปิดประตู เห็นซ่งซ่งยืนอยู่หน้าประตูด้วยสีหน้าเหนื่อยล้า ดูอ่อนแรงเหมือนถูกสูบพลังไปจนหมด"ซ่งซ่ง เธอไปไหนมา?" หลินเซียงจับมือเธอถามซ่งซ่งยกยิ้มแล้วพูดว่า "เม
"ฟู่จิ่นซิ่ว ทำอะไร? ปล่อยฉัน!"ซ่งซ่งดิ้นไม่หยุด เอื้อมมือไปข่วนหน้าฟู่จิ่นซิ่ว แต่ก็เอื้อมไม่ถึง!ฟู่จิ่นซิ่วหนีบเธอมาที่ชั้นล่าง จากนั้นก็มาที่หน้าประตูห้องห้องหนึ่ง ใส่รหัสลายนิ้วมือ เปิดประตูแล้วเดินเข้าไป ก่อนจะโยนซ่งซ่งลงบนโซฟา!"อ๊ะ!"ซ่งซ่งอุทานออกมาเล็กน้อย จากนั้นก็ถูกเขากดลงกับเบาะ!เธอเบิกตาโต "ทำอะไร?"ฟู่จิ่นซิ่วมองเธอจากด้านบน "ครั้งหนึ่งก็แล้ว สองครั้งก็แล้ว นี่ครั้งที่สาม ซ่งซ่ง คิดว่าผมใจดีมากหรือไง?"ซ่งซ่งรู้สึกถึงอันตรายอย่างไม่มีเหตุผล กลืนน้ำลายอึกใหญ่ ไม่ดิ้นรนอีกต่อไป พยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเอง และพยายามไม่ให้เขาอารมณ์เสียเพิ่ม"ฟู่จิ่นซิ่ว ฉันล้อเล่นเอง ทำไมต้องทำกันขนาดนี้ด้วย?"ฟู่จิ่นซิ่วพูดอย่างเย็นชา "รู้ไหมว่าการล้อเล่นแบบนี้มีผลร้ายแรงแค่ไหน?"ซ่งซ่งเบะปาก "ถึงจะไม่ใช่เรื่องล้อเล่น แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณมิทราบ? เซียงเซียงกับคนเลวอย่างลู่สือเยี่ยนหย่ากันแล้ว เธอจะอยู่กับใครมันก็เป็นอิสระของเธอ"ฟู่จิ่นซิ่วเกือบจะพูดออกไปว่าใบหย่าเป็นของปลอม แต่เมื่อคิดดูแล้ว เขาก็อดทนไว้ช่างเถอะหลอกได้เท่าไหร่ก็เอาเท่านั้นตอนนี้เขาต้องคิดบัญชีกับผู้หญ
ซ่งซ่งรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ปกติเธอเป็นคนตื่นง่ายมาก เสียงเคาะประตูดังขนาดนั้นกลับปลุกเธอไม่ได้?หรือเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์?ซ่งซ่งไม่คิดมากอีกต่อไป หาวแล้วเดินออกไปมองผ่านตาแมวที่ประตู เมื่อเห็นคนข้างนอก เธอก็หรี่ตาลงเล็กน้อยทำไมถึงเป็นเขา?"ปัง ปัง ปัง!"ในขณะที่กำลังคิดอยู่ คนข้างนอกก็เริ่มเคาะประตูอีกครั้งซ่งซ่งเปิดประตูทันที เห็นฟู่จิ่นซิ่วที่ยังคงยกมือขึ้น ทำท่าทางจะเคาะประตูต่อไปถ้าเธอเปิดประตูช้ากว่านี้สองวินาที ฝ่ามือของเขาอาจจะโดนตัวเธอแล้ว"ดึกดื่นป่านนี้ มาเคาะประตูทำซากอะไร? เป็นอะไรมากหรือเปล่า!"ซ่งซ่งพูดอย่างไม่พอใจฟู่จิ่นซิ่วลดมือลง มองเธอ "มีแค่คุณเหรอที่อยู่ที่นี่?"ซ่งซ่งหาว "ไม่ใช่ฉัน แล้วจะเป็นใคร?"เธอหรี่ตาลง เหมือนนึกอะไรออกแล้วพูดว่า "อ้อ แล้วก็มีฉินโหย่วหานอีกคน"ฟู่จิ่นซิ่วที่ถอนหายใจไปแล้ว เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ คิ้วก็ขมวดเข้าหากันทันที "คุณว่าฉินโหย่วหานนอนอยู่ที่นี่?"ซ่งซ่ง "เกี่ยวอะไรกับคุณล่ะ?"ฟู่จิ่นซิ่วยกมือขึ้นนวดระหว่างคิ้ว รู้สึกว่าเรื่องราวกำลังยุ่งยากมากถ้าฉินโหย่วหานมีความสัมพันธ์กับหลินเซียงจริง...ลู่สือเยี่ยนอาจจะอา
ฟู่จิ่นซิ่วรีบดึงเขาไว้ "สือเยี่ยน อย่าบ้าไปหน่อยเลย แผลนายยังไม่หาย แถมยังหย่ากับหลินเซียงแล้ว ในเมื่อตัดสินใจปล่อยมือแล้ว ก็มองไปข้างหน้าสิ!"ฟู่จิ่นซิ่วไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมลู่สือเยี่ยนถึงยึดติดกับหลินเซียงนักทั้งที่ตอนแรก ลู่สือเยี่ยนออกจะรังเกียจหลินเซียงมาก เพราะเธอได้เห็นด้านที่น่าอับอายที่สุดของเขาเธอได้เห็นเขาในตอนที่ความจำเสื่อม เป็นใบ้ หรือแม้กระทั่งเป็นคนปัญญาอ่อนนั่นคือสิ่งที่ลู่สือเยี่ยนไม่อยากหวนคิดถึงมากที่สุดหลังจากที่ฟื้นความทรงจำกลับมา!ดังนั้น ในตอนแรกเขาถึงได้ยืนกรานที่จะหย่ากับหลินเซียง!แต่ตอนนี้ เขากลับยืนกรานจะพัวพันกับเธอต่อไป!บ้าไปแล้ว!เส้นเลือดบนหน้าผากของลู่สือเยี่ยนปูดโปน เขาจ้องมองฟู่จิ่นซิ่วด้วยความโกรธถึงที่สุดแล้วพูดว่า "ฉันกับหลินเซียงไม่ได้หย่ากัน เธอยังเป็นภรรยาที่ถูกต้องของฉัน!"เมื่อได้ยินดังนั้น ฟู่จิ่นซิ่วก็ถึงกับอึ้งไป "นายว่า...อะไรนะ?"การดิ้นรนเมื่อครู่ทำให้แผลบนร่างกายของลู่สือเยี่ยนปริออก กลิ่นคาวเลือดจาง ๆ ฟุ้งกระจายในอากาศ เขาแสยะยิ้มแล้วพูดด้วยสายตาที่เย็นชาอย่างที่สุดว่า "ถ้าฉันไม่ให้ใบหย่ากับเธอ เธอคงจะอาละวาดกับฉันไป