หลินเซียงมองคุณย่าลู่ด้วยความประหลาดใจไม่เคยคิดมาก่อนว่าคุณย่าที่เคยใจดีกับเธอ ในระดับที่เรียกว่าเอาใจใส่ กลับคิดร้ายกับเธอแบบนี้ แล้วยังมองเธอด้วยสายตาเย็นชาหลินเซียงรู้สึกเจ็บปวดในใจที่แท้ไม่ใช่แค่ตอนที่ลู่สือเยี่ยนทำร้ายเธอเท่านั้นถึงจะรู้สึกเจ็บปวดการถูกคนที่เคยสนิทสนมทำร้าย ใจก็เจ็บปวดเช่นกันเธอเม้มริมฝีปาก แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาลู่สือเยี่ยน“ฮัลโหล?”ไม่นานปลายสายก็รับ ได้ยินเสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มดังขึ้นหลินเซียงบอกว่า “คุณย่ามีเรื่องจะพูดกับพวกเรา ตอนนี้คุณช่วยมาโรงพยาบาลหน่อย”ลู่สือเยี่ยนถามว่า “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”หลินเซียง “มาถึงเดี๋ยวก็รู้เอง”พูดจบก็วางสายไปเรื่องหย่าควรจะพูดต่อหน้าทั้งสองคนจะดีกว่าบอกกับเธอแค่คนเดียวมีประโยชน์อะไร?เธออยากหย่า แต่ลู่สือเยี่ยนไม่ยอม คุณย่าลู่ก็ไม่เชื่อเธอทำผิดอะไร?ถึงได้ถูกปฏิบัติแบบนี้?หลินเซียงนั่งลงบนโซฟา ก้มหน้าลง ไม่มองคุณย่าลู่อีกนิสัยของเธอค่อนข้างแปลกถ้าคนคนนั้นทำร้ายเธอ ก็ยากที่จะเข้าไปอยู่ในใจเธอได้อีกคุณย่าลู่ไม่ค่อยชอบท่าทางของหลินเซียง จึงจับมือเซี่ยหว่านแล้วคุยต่อ เพราะชอบท่าทางอ่อนโยนขอ
คุณย่าลู่ “จะมีใครทำร้ายเธอได้ยังไง? นั่นเป็นแค่การคาดเดาของเธอเท่านั้น”“เหอะ!”ลู่สือเยี่ยนหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดต่อ “คุณย่าครับ คนคนหนึ่งที่เพิ่งฟื้นขึ้นมาแต่ความจำเสื่อม จะไปอยู่บนถนนได้ยังไง? คนดูแลที่บ้านเราล่ะ? หายหัวไปไหนหมด?”คุณย่าลู่เงียบไปลู่สือเยี่ยนพูดต่อ “ตอนนั้นเธอเป็นคนที่ช่วยผม พาผมกลับบ้าน ถ้าไม่ใช่เธอ วันนี้ย่าก็คงไม่ได้เจอหน้าผมแล้ว”คุณย่าลู่มองหลินเซียง แล้วพูดขึ้นมาทันทีว่า “ความจริงเป็นแค่เรื่องบังเอิญหรือเปล่า ตอนนี้ยังสรุปไม่ได้ ถ้าเกิดเธอรู้ตัวตนของหลานตั้งแต่แรกล่ะ?”“ฉันไม่รู้ค่ะ”หลินเซียงรู้สึกว่าเธอควรจะพูดอะไรสักอย่างเธอมองคุณย่าลู่อย่างสงบ “คุณย่าคะ ฉันไม่รู้ว่าทำไมคุณย่าถึงได้เกลียดฉันขนาดนี้ แต่เมื่อก่อนย่าไม่ใช่แบบนี้ แถมยังชอบฉันมาก ถึงกับบอกเขาว่า ถ้าเขาทำร้ายฉัน คุณย่าจะช่วยฉันตีเขา ฉันยังจำคำพูดพวกนั้นได้อยู่เลย”เธอหายใจออกเบา ๆ แล้วพูดต่อ “แต่แน่นอนค่ะ คุณย่าจำไม่ได้ งั้นก็ไม่สำคัญแล้ว ฉันไม่รู้จักตัวตนของเขาตั้งแต่แรก จนกระทั่งเขาได้ความทรงจำกลับมา แล้วมาเปิดตัวในที่ที่ฉันทำงานอยู่ ฉันถึงได้รู้จักตัวตนของเขา”คุณย่าลู่เงียบไป ใบหน้
“เมื่อไหร่คุณจะหย่ากับเธอสักที”ในห้องอาหารส่วนตัว หญิงสาวคนหนึ่งจ้องมองชายตรงหน้า ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความรักใคร่หลินเซียงยืนอยู่นอกห้อง สองมือสองเท้าของเธอเย็นเฉียบ เธอมองดูใบหน้าที่หล่อเหลาและเฉียบคมของชายอีกคนโดยไม่กะพริบตา เช่นเดียวกับผู้หญิงคนนั้น ใบหน้าของเธอซีดเผือดลงทุกขณะนั่นคือสามีของเธอ ลู่สือเยี่ยนเขาเป็นใบ้ ทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟอยู่ในคลับแห่งนี้ วันนี้เธอเลิกงานเร็วกว่ากำหนดจึงมาที่นี่เพื่อกลับบ้านพร้อมเขา ไม่นึกเลยว่าจะเจอเหตุการณ์แบบนี้เข้าผู้ชายซึ่งทำงานประจำอยู่ที่นี่ สวมเครื่องแบบพนักงานเสิร์ฟ ตอนนี้กลับสวมชุดสูทและรองเท้าหนัง ผมตัดสั้นได้รับการจัดแต่งอย่างพิถีพิถัน ท่าทางสง่างามและเย็นชาอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อนเขาเผยอริมฝีปากบาง ตอบกลับด้วยเสียงทุ้มไพเราะ “ไว้ผมจะคุยเรื่องนี้กับเธอโดยเร็วที่สุด”เธอหลับตาลงทันทีและหันหลังกลับเขาพูดได้อย่างคนปกติเสียงของเขาฟังรื่นหูดีจริง ๆแต่ทว่าสิ่งที่เธอไม่คาดคิดก็คือ ประโยคแรกที่เธอได้ยินเขาพูดกลับกลายเป็นการหย่าร้างหลินเซียงตกอยู่ในความสับสน แวบหนึ่งเธอคิดว่าตัวเองน่าจะจำคนผิดชายที่สง่างามและเย็นชาคนนั
ก่อนหน้านี้เธอได้ยินเสียงของเขาเคล้าไปกับเสียงเพลงในคลับ ทำให้ได้ยินไม่ชัดเท่าไหร่แต่ในตอนนี้ เสียงทุ้มลึกราวแม่เหล็กของเขากลับดังเหนือศีรษะของเธอ ชัดเจนจนทิ่มแทงหัวใจของเธออย่างแรง เจ็บปวดจนแทบหายใจไม่ออกที่แท้เขาก็พูดคุยได้เหมือนคนปกติแต่เขากลับไม่บอกเธอเกี่ยวกับเรื่องนี้ทันทีแถมเขายังคิดจะหย่ากับเธอด้วยทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริงทำไมกัน?ทำไมต้องหย่าด้วย?หลินเซียงอยากถามออกไปแทบตาย แต่เธอก็อดกลั้นเอาไว้ถ้าเขาต้องการแบบนั้นจริง ๆ แล้วมันเพราะอะไรกัน?ตลอดทั้งปีที่ผ่านมา เธอไม่เคยทำอะไรให้เขารู้สึกเสียใจเลยสักครั้ง ถึงเขาจะอยากหย่า แต่ก็ควรให้เหตุผลแก่เธอ!หัวใจของหลินเซียงเย็นเฉียบ ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังโหยหาความอบอุ่นจากร่างกายของเขา กอดเขาแน่นกว่าเดิมเล็กน้อย“อืม ฉันได้ยินคุณคุยกับใครบางคน แต่ไม่ได้ยินว่าคุณพูดอะไรบ้าง อาเยี่ยน เสียงของคุณเพราะมากเลย”พูดจบเธอก็จูบแผ่นหลังของเขาอาเยี่ยนนั่นคือชื่อที่เธอเรียกเขา จะเรียกก็ต่อเมื่ออยู่ด้วยกันตามลำพัง ในช่วงที่ใกล้ชิดกันอย่างที่สุดเท่านั้น ทุกครั้งที่เขาได้ยิน เขาจะโต้ตอบเธอด้วยการกระทำที่บ้าคลั่งยิ่งขึ้นแต่ทว่
หลินเซียงมองหน้าเขา “ตอบสิ” ลู่สือเยี่ยนพูดเสียงเรียบ “กินข้าวก่อนเถอะ”เขาผลักเธอออกไป เดินไปที่โต๊ะอาหารแล้ววางอาหารเช้าไว้บนโต๊ะหัวใจของหลินเซียงจมลงสู่ก้นเหวอีกครั้ง จ้องมองแผ่นหลังของเขาสายตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดเธอพยายามห้ามไม่ให้เขาพูดเรื่องหย่าออกมาถึงอย่างนั้นก็เถอะ ท่าทีของเขามันชัดเจนแล้วเขากำลังทำตัวเหินห่างจากเธอ ไม่เอ่ยแม้กระทั่งคำสัญญาจอมปลอมด้วยซ้ำเมื่อก่อน เขาไม่เป็นแบบนี้เลยแม้สักนิด!ตอนแรก เขาตามติดแทบจะสิงร่าง ติดตามไปทุกที่ที่เธอไป มีนิสัยติดเธอมากต่อมา เธอจึงตัดสินใจรับเขาเข้ามาอยู่ในบ้านด้วยกัน และเริ่มสอนวิธีเขียนอ่าน ฝึกภาษามือกับเขา นับจากนั้นเขาก็ยิ่งติดเธองอมแงมขึ้นเรื่อย ๆไม่ว่าเธอจะทำอะไร จะมีสายตาของเขาก็คอยมองตามอยู่เสมอราวกับเธอเป็นโลกทั้งใบของเขา“ลู่สือเยี่ยน คุณไม่ได้จูบอรุณสวัสดิ์ฉันด้วยซ้ำ”หลินเซียงเดินไปหา นี่เป็นข้อตกลงที่พวกเขาทำเป็นกิจวัตรหลังจากยืนยันความสัมพันธ์ลู่สือเยี่ยนผลักแก้วนมถั่วเหลืองไปตรงหน้าเธอ “กินข้าวก่อนเถอะ ไว้ผมค่อยเล่าให้คุณฟังทีหลัง”มือของหลินเซียงกำแน่น “ถ้าฉันไม่กิน คุณจะไม่พูดถึงเรื่องนั้นใช
เมื่อมาถึงบริษัท หลินเซียงเพิ่งนั่งลงที่โต๊ะทำงาน เพื่อนร่วมงานที่อยู่ด้านข้างรีบเข้ามาใกล้และพูดว่า “หลินเซียง เธอรู้หรือยัง? บริษัทของเราถูกซื้อกิจการไปแล้ว! คนซื้อคือนายน้อยสามที่หายตัวไปอย่างลึกลับของตระกูลลู่ ดูเหมือนว่าเขาจะชื่อลู่สือเยี่ยนอะไรนี่แหละ”หลินเซียงตกตะลึง “ชื่ออะไรนะ?”“ลู่สือเยี่ยน ฉันเห็นรูปแล้ว เขาหล่อมากเลย! ว่ากันว่าเขาหายไปตั้งหนึ่งปี เพิ่งกลับมาที่ตระกูลลู่ไม่นาน กลับมาก็เริ่มปรับปรุงบริษัทสาขานี้ทันที บริษัทของเราเลยได้อานิสงส์โดยตรง พระเจ้าช่วย การมีผู้ชายที่หล่อเหลาและอ่อนโยนเป็นเจ้านายแบบนี้ ต่อให้ฉันนอนหลับฝันยังลุกขึ้นมาละเมอยิ้มเลย!”หลินเซียงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาดู ข้อความแรกที่ผุดขึ้นมาบนหน้าฟีด คือข่าวลูกชายคนที่สามของตระกูลลู่ ลู่สือเยี่ยนกลับมาแล้ว หลังจากหายตัวไปเป็นเวลาหนึ่งปีในภาพ ชายคนนั้นสวมชุดสูทสีดำ ตัดผมสั้นแบ่งข้าง ใบหน้าหล่อเหลาและเฉียบคม ดวงตาฟีนิกซ์คมกริบคู่นั้นฉายประกายเย็นเยียบ ทั้งร่างกายเผยให้เห็นสง่าราศีที่สูงส่งและเย็นชาลู่สือเยี่ยน ความจริงแล้วเขาเป็นนายน้อยสามของตระกูลลู่ ตระกูลที่ร่ำรวยอันดับต้น ๆ ของเมืองอวิ๋นเฉิง!
เขาทำแบบนั้นกับเธอได้ยังไง?ความเจ็บปวดรวดร้าวที่เกิดขึ้นในใจทำให้ลมหายใจจิตขัด!เมื่อเห็นน้ำตาในดวงตาของเธอ สายตาของลู่สือเยี่ยนก็อ่อนลง แต่สีหน้าของเขากลับเย็นชาลงกว่าเก่า “ผมมีเหตุผลของตัวเอง และจะไม่บอกคุณด้วย ที่ผมทำก็เพื่อปกป้องคุณเหมือนกัน”“เหอะ!”หลินเซียงหัวเราะเยาะ กลั้นน้ำตา น้ำเสียงเย็นลงเล็กน้อย “ฉันบอกคุณแล้วไง ฉันไม่หย่า อย่าแม้แต่จะคิดเรื่องนี้!”เธอหันหลังกลับและตั้งท่าจะจากไป“คุณคงไม่อยากเสียงานนี้ไปหรอกใช่ไหม?”เสียงเย็นชาของชายคนนั้นดังขึ้นจากด้านหลัง “คุณเป็นเด็กกำพร้า กว่าจะตั้งหลักในเมืองนี้ได้ไม่ใช่เรื่องง่าย งานนี้คงมีความสำคัญต่อคุณมาก”หลินเซียงมองเขาด้วยความโกรธ “คุณจะทำอะไร?”ลู่สือเยี่ยนตอบกลับ “เซ็นใบหย่าซะ แล้วสิ่งที่ผมพูดก่อนหน้านี้จะยังคงอยู่เหมือนเดิม”เขากำลังขู่เธอ!มือของหลินเซียงสั่นเทาด้วยความโกรธ ถ้าไม่ติดที่อยู่ไกลเกินไป เธอคงตบหน้าเขาไปแล้ว!“ลู่สือเยี่ยน คุณมันไร้ยางอาย!”ภายในช่วงเวลาสั้น ๆ เขากลายเป็นคนแบบนี้ไปได้ยังไง?หรือว่าเดิมทีเขาก็เป็นคนโหดเหี้ยมขนาดนี้อยู่แล้ว เพียงแต่ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาเป็นเพียงภาพลวงตา?ลู่สือเยี
ผู้หญิงคนนั้นคือคนที่ถามลู่สือเยี่ยนในห้องอาหารวันนั้นว่าเมื่อไหร่เขาจะหย่าเธอคล้องแขนเขาไว้อย่างสนิทเสน่หาลู่สือเหยียนไม่ได้แสดงท่าทีรังเกียจเลยตอนที่เธอพาเขากลับมาบ้านครั้งแรก แม้ว่าเขาจะสูญเสียความทรงจำไปแล้ว แต่ความทรงจำตามสัญชาตญาณของร่างกายบางส่วนยังคงอยู่ หลังจากที่เขาปรับตัวคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมแล้ว เขาก็เป็นฝ่ายทำความสะอาดบ้านให้เธอ ทุกที่สะอาดอย่างไม่มีที่ติเขาไม่เคยรับของที่คนอื่นมอบให้เลย และก็ไม่กินอาหารจากแผงริมถนนข้างนอกด้วย บางครั้งเขาก็มีนิสัยบางอย่างที่คนธรรมดาทั่วไปไม่มีแต่ตอนนี้ เขากลับปล่อยให้สาวอื่นคล้องแขน แถมทั้งสองยังดูสนิทสนมกันมากนี่เขากำลังบอกเธอทางอ้อม ว่าถึงแม้เธอจะไม่ยอมหย่า เขาก็จะคบกับผู้หญิงคนนั้นอยู่ดีใช่ไหม?หลินเซียงขยำชายเสื้อของตัวเองแน่น หัวใจของเธอเต้นรัว ดวงตาฉายแววแห่งความเจ็บปวดลู่สือเยี่ยน คุณใจร้ายขนาดนี้ได้ยังไง?สร้อยคอที่เธอเลือกมากับมือ เขากลับมอบให้ผู้หญิงคนอื่น!เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา กดหมายเลขของเขา แต่ถูกตัดสายทันทีที่โทรออก ถึงอย่างนั้นก็ยังคงโทรย้ำ ๆ ต่อไปราวกับไม่เชื่อว่าเขาจะไม่รับจนกระทั่งเขารับสาย “มีอะไ
คุณย่าลู่ “จะมีใครทำร้ายเธอได้ยังไง? นั่นเป็นแค่การคาดเดาของเธอเท่านั้น”“เหอะ!”ลู่สือเยี่ยนหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดต่อ “คุณย่าครับ คนคนหนึ่งที่เพิ่งฟื้นขึ้นมาแต่ความจำเสื่อม จะไปอยู่บนถนนได้ยังไง? คนดูแลที่บ้านเราล่ะ? หายหัวไปไหนหมด?”คุณย่าลู่เงียบไปลู่สือเยี่ยนพูดต่อ “ตอนนั้นเธอเป็นคนที่ช่วยผม พาผมกลับบ้าน ถ้าไม่ใช่เธอ วันนี้ย่าก็คงไม่ได้เจอหน้าผมแล้ว”คุณย่าลู่มองหลินเซียง แล้วพูดขึ้นมาทันทีว่า “ความจริงเป็นแค่เรื่องบังเอิญหรือเปล่า ตอนนี้ยังสรุปไม่ได้ ถ้าเกิดเธอรู้ตัวตนของหลานตั้งแต่แรกล่ะ?”“ฉันไม่รู้ค่ะ”หลินเซียงรู้สึกว่าเธอควรจะพูดอะไรสักอย่างเธอมองคุณย่าลู่อย่างสงบ “คุณย่าคะ ฉันไม่รู้ว่าทำไมคุณย่าถึงได้เกลียดฉันขนาดนี้ แต่เมื่อก่อนย่าไม่ใช่แบบนี้ แถมยังชอบฉันมาก ถึงกับบอกเขาว่า ถ้าเขาทำร้ายฉัน คุณย่าจะช่วยฉันตีเขา ฉันยังจำคำพูดพวกนั้นได้อยู่เลย”เธอหายใจออกเบา ๆ แล้วพูดต่อ “แต่แน่นอนค่ะ คุณย่าจำไม่ได้ งั้นก็ไม่สำคัญแล้ว ฉันไม่รู้จักตัวตนของเขาตั้งแต่แรก จนกระทั่งเขาได้ความทรงจำกลับมา แล้วมาเปิดตัวในที่ที่ฉันทำงานอยู่ ฉันถึงได้รู้จักตัวตนของเขา”คุณย่าลู่เงียบไป ใบหน้
หลินเซียงมองคุณย่าลู่ด้วยความประหลาดใจไม่เคยคิดมาก่อนว่าคุณย่าที่เคยใจดีกับเธอ ในระดับที่เรียกว่าเอาใจใส่ กลับคิดร้ายกับเธอแบบนี้ แล้วยังมองเธอด้วยสายตาเย็นชาหลินเซียงรู้สึกเจ็บปวดในใจที่แท้ไม่ใช่แค่ตอนที่ลู่สือเยี่ยนทำร้ายเธอเท่านั้นถึงจะรู้สึกเจ็บปวดการถูกคนที่เคยสนิทสนมทำร้าย ใจก็เจ็บปวดเช่นกันเธอเม้มริมฝีปาก แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาลู่สือเยี่ยน“ฮัลโหล?”ไม่นานปลายสายก็รับ ได้ยินเสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มดังขึ้นหลินเซียงบอกว่า “คุณย่ามีเรื่องจะพูดกับพวกเรา ตอนนี้คุณช่วยมาโรงพยาบาลหน่อย”ลู่สือเยี่ยนถามว่า “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”หลินเซียง “มาถึงเดี๋ยวก็รู้เอง”พูดจบก็วางสายไปเรื่องหย่าควรจะพูดต่อหน้าทั้งสองคนจะดีกว่าบอกกับเธอแค่คนเดียวมีประโยชน์อะไร?เธออยากหย่า แต่ลู่สือเยี่ยนไม่ยอม คุณย่าลู่ก็ไม่เชื่อเธอทำผิดอะไร?ถึงได้ถูกปฏิบัติแบบนี้?หลินเซียงนั่งลงบนโซฟา ก้มหน้าลง ไม่มองคุณย่าลู่อีกนิสัยของเธอค่อนข้างแปลกถ้าคนคนนั้นทำร้ายเธอ ก็ยากที่จะเข้าไปอยู่ในใจเธอได้อีกคุณย่าลู่ไม่ค่อยชอบท่าทางของหลินเซียง จึงจับมือเซี่ยหว่านแล้วคุยต่อ เพราะชอบท่าทางอ่อนโยนขอ
หลังจากออกจากโรงพยาบาล ลู่สือเยี่ยนมองเธอ “อย่าคิดมาก คุณย่าแค่ลืมความทรงจำไปสองปีเท่านั้นเอง”หลินเซียงมองเขา แล้วถามว่า “แล้วถ้าคุณย่ายืนกรานจะให้คุณแต่งงานกับเซี่ยหว่านล่ะ?”ลู่สือเยี่ยนมองเธออย่างลึกซึ้ง “หลินเซียง เธอควรเลิกคิดเรื่องนี้นะ เพราะผมไม่หย่ากับคุณแน่”หลินเซียงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ แล้วพูดว่า “จริง ๆ แล้ว เราหย่ากันก็ไม่เลวนะ ฉัน…”“หยุด!”ลู่สือเยี่ยนมองเธอด้วยความหงุดหงิด “ฟังที่ผมพูดไม่รู้เรื่องเหรอ? ถ้าพูดถึงเรื่องหย่าอีก ผมจับคุณขังไว้แน่!”ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ รอบตัวเต็มไปด้วยออร่าเย็นชาหลินเซียงหยุดชะงัก ไม่พูดต่อเพราะเขาทำได้จริงเมื่อหันหลังเดินไป ใบหน้าเล็ก ๆ นั้นเย็นชายิ่งกว่าเก่าลู่สือเยี่ยนมองตามหลังเธอไป ริมฝีปากบางเม้มเป็นเส้นตรงเขาเปิดประตูแล้วก้าวขึ้นรถ สีหน้ามืดครึ้มอย่างที่สุดในขณะนั้น เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์เขาดังขึ้น เขาหยิบขึ้นมาดู เป็นสายจากซืออวี่“พูดมา!”ซืออวี่ตกใจกับน้ำเสียงเย็นชาของเขา ก่อนจะกลืนน้ำลายอึกใหญ่ “พี่ใหญ่ ฉันสืบได้เรื่องบ้างแล้ว แต่คนคนนั้นฉลาดเป็นกรด ปกปิดตัวตนได้ดีมาก รู้แค่ว่าเป็นผู้ชาย”ลู่สือเยี
วันรุ่งขึ้น ทั้งสองคนไปที่โรงพยาบาลคุณย่าลู่ทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว อวิ๋นหลานนั่งคุยกับเธออยู่“คุณย่าครับ”ลู่สือเยี่ยนเดินเข้าไปเรียกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนคุณย่าลู่เห็นเขา ใบหน้าที่แก่ชราพลันมีรอยยิ้ม“สือเยี่ยน เธอมาแล้ว” คุณย่าลู่จับมือเขาไว้ มองใบหน้าหล่อเหลาของเขาแล้วพูดขึ้นมาทันทีว่า “สือเยี่ยน ทำไมดูเปลี่ยนไปจังเลย? ดูเหมือนจะโตขึ้นมากเลยนะ”ริมฝีปากบางของลู่สือเยี่ยนโค้งเป็นรอยยิ้ม “โตขึ้นแล้วไม่ดีเหรอครับ?”คุณย่าลู่พยักหน้า “ดี แน่นอนว่าดี แต่ฉันยังชอบเธอตอนเด็ก ๆ ที่ไร้เดียงสามากกว่า เอาแต่วิ่งตามหลังพี่ชายตลอดเวลา แล้วยังทำหน้าบึ้งใส่เขา มีแต่พี่ชายที่ตามใจ ถ้าเป็นคนอื่นคงตีเธอไปแล้ว”รอยยิ้มที่มุมปากของลู่สือเยี่ยนแข็งทื่อไปชั่วขณะคุณย่าลู่สังเกตเห็นหลินเซียงในตอนนี้ จึงถามว่า “แล้วเธอล่ะ มายังไง?”ลู่สือเยี่ยนบอกว่า “ย่าครับ เธอเป็นภรรยาผม หลินเซียง”หลินเซียงมองคุณย่าลู่ “คุณย่า”คิ้วของคุณย่าลู่ขมวดเข้าหากันทันที เธอปล่อยมือลู่สือเยี่ยน “ก่อนหน้านี้เธอบอกว่าจะแต่งงานกับหว่านหว่านไม่ใช่เหรอ? ฉันเห็นว่าเด็กคนนั้นก็ใช้ได้นะ ทำไมถึงแต่งงานกับคนอื่นล่ะ?”ท่าทีนั้
ใบหน้าของลู่สือเยี่ยนแสดงออกถึงความซับซ้อนเล็กน้อย เขาพูดอย่างสงบว่า “เรื่องนี้ยังบอกไม่ได้ ต้องรอผลตรวจของแพทย์”หลินเซียงพยักหน้า ตอนนี้คงทำได้แค่นี้ลู่เจิ้งหรงมองหลินเซียงด้วยสายตาไม่เป็นมิตร แล้วพูดกับลู่สือเยี่ยนว่า “อาการของย่าแกดูเหมือนจะดีขึ้น ความคิดของผู้ใหญ่ แกคงรู้ดี น่าจะอยากเห็นแกแต่งงานกับหว่านหว่าน ตอนนั้นแกเป็นคนพาหว่านหว่านไปหาท่านเอง ตอนนี้ถ้าท่านขอร้อง แกก็ปฏิเสธไม่ได้”อวิ๋นหลานกล่าวว่า “เจิ้งหรง แต่สือเยี่ยนกับหลินเซียงรักกันดี ทำแบบนี้ไม่ค่อยดีหรอกมั้ง?”“เหอะ!” ลู่เจิ้งหรงหัวเราะเยาะ “รักกันดี? หลินเซียงไม่ใช่เหรอที่อยากหย่ามาตลอด? ใช้โอกาสนี้หย่ากันไปซะสิ ไม่ต้องมีใครขัดขวางใคร!”อวิ๋นหลานมองหลินเซียงด้วยความกังวล กลัวว่าเธอจะเสียใจแต่หลินเซียงเหมือนไม่ได้ยิน ยืนอยู่มุมห้อง ก้มหน้าลง ปากสวยเม้มเป็นเส้นตรงลู่สือเยี่ยนไม่ได้สนใจคำพูดของลู่เจิ้งหรงเลยเขาตามหาลู่จิ้นหนานจนแทบคลั่ง ยังมีเวลาสนใจเรื่องของเขากับหลินเซียงอีกเหรอ?ดูเหมือนว่าเขาควรหาอะไรให้อีกฝ่ายทำบ้าง!ประมาณสองชั่วโมงผ่านไปผลการตรวจของคุณย่าลู่ออกมาแล้วแพทย์ถือรายงานผลการตรวจแล้วพูด
เสียงของคุณย่าลู่ดังขึ้น ทุกคนในห้องนั่งเล่นต่างก็ตกตะลึง!สีหน้าของลู่สือเยี่ยนตึงเครียดขึ้น เขาคุกเข่าครึ่งตัวอยู่ข้างหน้าคุณย่าลู่แล้วถามว่า “คุณย่าครับ ตอนนี้คุณย่าจำอะไรได้แล้วเหรอครับ?”คุณย่าลู่เอามือลูบหัวเขา “ย่าต้องจำได้อยู่แล้วสิ ย่ายังไม่แก่จนความจำเลอะเลือนซะหน่อย ก่อนหน้านี้เธอบอกว่าจะแต่งงานกับหว่านหว่าน แล้วทำไมวันนี้ถึงไม่พาเธอมาด้วย?”ลู่สือเยี่ยนรู้สึกถึงความผิดปกติอย่างรวดเร็ว เขาชี้ไปที่หลินเซียงแล้วถามว่า “แล้วคุณย่าจำเธอได้ไหมครับ?”คุณย่าลู่มองตามนิ้วมือของเขาไป แล้วส่ายหัว “ไม่รู้จัก เธอเป็นใคร? คนใช้ใหม่ของบ้านเราเหรอ?”หลินเซียงได้ยินคำพูดของเธอ เหมือนกับถูกตบหน้าอย่างแรง ก่อนหน้านี้ตอนที่คุณย่าลู่ความจำเสื่อม เธอมักจะคิดว่าเซี่ยหว่านเป็นคนใช้ของบ้านตระกูลลู่ และยังดีกับหลินเซียงเป็นพิเศษแต่ตอนนี้กลับกัน!ลู่สือเยี่ยนลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า “ผมจะพาคุณย่าไปโรงพยาบาลครับ”คุณย่าลู่ขมวดคิ้ว ใบหน้าที่แก่ชราเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ “ไปโรงพยาบาลทำไม? ย่ารู้สึกว่าย่าสบายดีนะ”ลู่สือเยี่ยน “ตรวจร่างกายคุณย่านิดหน่อย เชื่อผมเถอะครับ”คุณย่าลู่ก็ยังไม่ค่อยเต็มใจ
หลังจากที่ลู่สือเยี่ยนพูดจบ เขาก็ไม่ได้วางสาย ได้ยินเสียงเขาเปิดประตูรถลงจากรถ ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าที่เร่งรีบหลินเซียงกำโทรศัพท์แน่น ยื่นมือไปกดปุ่มปิดประตูอีกครั้งครั้งนี้ประตูลิฟต์ปิดลง หัวใจที่สั่นไหวก็ค่อยผ่อนคลายลงอย่างเฉียบพลัน"ประตูลิฟต์ปิดแล้ว" หลินเซียงพูด ตอนนี้เธอเพิ่งรู้ว่าขาของตัวเองอ่อนแรงแค่ไหน!ลู่สือเยี่ยนพูดว่า "อย่าออกจากลิฟต์ก่อนถึงชั้นหนึ่งนะ""อืม"หลินเซียงตอบ ยังไม่วางสายโชคดีที่ลิฟต์มาถึงชั้นหนึ่งอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ไม่มีใครทำงานล่วงเวลาในตึกแล้วเมื่อประตูลิฟต์เปิดออก หลินเซียงก็เห็นลู่สือเยี่ยนยืนอยู่ที่ประตู เธอวิ่งออกไปทันที!ลู่สือเยี่ยนกอดเธอไว้พลางปลอบเบา ๆ "ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมจะตรวจสอบให้ชัดเจน"ด้วยกลิ่นอายที่สดชื่นของเขา หลินเซียงจึงผ่อนคลายลง ตามมาด้วยความหวาดกลัวอย่างรุนแรง!จมูกของเธอรู้สึกแสบร้อน น้ำตาเกือบไหล แต่เธอก็อดทนไว้!ลู่สือเยี่ยนประกองกอดเธอแล้วออกจากอาคารพอก้าวขึ้นรถ ความอบอุ่นจากเครื่องทำความร้อนทำให้ร่างกายที่เย็นเยือกเริ่มอุ่นขึ้นลู่สือเยี่ยนจับมือเธอ ถามว่า "คุณเห็นใครหรือเปล่า?"หลินเซียงส่ายหัว "ไม่มีนะ"แล้วถา
หลินเซียงรู้สึกใจสั่นระรัวเสียงน้ำไหลในห้องน้ำดังขึ้น หลินเซียงจึงโล่งใจเล็กน้อยเธอค่อย ๆ ผ่อนคลายและกอดตัวเองขณะกำลังจะหลับ เตียงข้าง ๆ ก็ยุบลงไป ร่างกายของลู่สือเยี่ยนที่ยังเปียกชื้นจากน้ำ เข้ามากอดเธอแน่น หลินเซียงไม่ขยับหรือดิ้นรน ลู่สือเยี่ยนจูบที่ไหล่เธอเบา ๆ "ราตรีสวัสดิ์ ที่รัก"ขนตาของหลินเซียงกระตุกเล็กน้อย แต่เธอก็ยังไม่ตอบสนองอะไร…วันรุ่งขึ้น หลินเซียงไปทำงานก็พบว่าสวี่ซิงเย่มาถึงแล้ว เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาด ดูสดใสและมีเสน่ห์ เป็นหนุ่มน้อยที่สดใสสวี่ซินหรานกำลังคุยกับเขาอยู่และสวี่ซิงเย่ก็ตอบด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นเธอมาถึง สวี่ซิงเย่รีบลุกขึ้นยืนและเดินมาหาเธอ "คุณหลิน อรุณสวัสดิ์ครับ!"หลินเซียงยิ้มบาง "ตอนนี้เราเป็นเพื่อนร่วมงานกันแล้ว นายเรียกฉันว่าหลินเซียงก็ได้"สวี่ซิงเย่เกาจมูกด้วยความเขินอายเล็กน้อย "หลินเซียง""อืม อรุณสวัสดิ์ค่ะ" หลินเซียงพยักหน้าเล็กน้อยสวี่ซินหรานนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย "ถ้าไม่รู้ว่าเธอแต่งงานแล้ว ฉันนึกว่าพวกเธอเป็นแฟนกันซะอีก"เมื่อได้ยินแบบนั้น สวี่ซิงเย่ขมวดคิ้ว พูดว่า "อย่าพูดอย่างนั้นเลยครับ ผมกั
“ลู่สือเยี่ยน คุณเป็นอะไรมากไหม?”หลินเซียงรู้สึกงงกับเขา!เธอไม่ได้ทำอะไรเลย แต่เขากลับจะยัดเยียดให้เธอไปเปิดห้องกับผู้ชายคนอื่น?เขาเป็นบ้าหรือเปล่า?ลู่สือเยี่ยนจ้องมองเธออย่างเงียบ ๆ แล้วพูดว่า “หลินเซียง ห้ามรับของจากผู้ชายคนอื่น และห้ามชอบผู้ชายคนอื่นด้วย ถ้าผมรู้ คุณอาจไม่ตาย แต่ผู้ชายคนนั้นต้องตายแน่!”เขาเตือนอย่างจริงจังด้วยความเคร่งขรึม ดวงตาของเขาแสดงความต้องการครอบครองเธออย่างไม่มีปิดบังหลินเซียงกัดริมฝีปาก มองเขาด้วยสายตาซับซ้อนถ้าเป็นก่อนหน้านี้ เขาแสดงออกแบบนี้เธอคงดีใจมาก!แต่หลังจากผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มาแล้ว เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนี้ เธอกลับไม่รู้สึกอะไร!เธอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย “ตอนนี้ฉันไปอาบน้ำได้แล้วใช่ไหม? ทำงานมาทั้งวัน เหนื่อยมากจริง ๆ”ลู่สือเยี่ยนมองเธออีกสักพัก แล้วปล่อยเธอไปหลินเซียงเดินไปที่ห้องน้ำลู่สือเยี่ยนเรียกคนใช้มาเก็บเค้กเมื่อหลินเซียงออกมา เธอก็เห็นเขานั่งอยู่บนโซฟา บนโต๊ะมีขี้ผึ้งวางอยู่“ทายา”เมื่อเห็นเธอหันมามอง เขาพูดเสียงต่ำหลินเซียงกัดริมฝีปาก แล้วพูดว่า “ฉันทาเองได้”พูดจบ เธอก็เดินไปหยิบขี้ผึ้งแต่ลู่สือเยี่ยนมือไวกว่