ลู่สือเยี่ยนมองเธอด้วยสายตาเย็นชา “เอาสิ งั้นก็ให้เขามาเอาเรื่องฉันเลย”เซี่ยหว่านหยุดร้องไห้ตอนนี้ลู่สือเยี่ยนไม่สนใจอะไรแล้วจริง ๆ!เซี่ยหว่านรู้สึกไม่อยากจะยอมแพ้ เธอเสียขาไปข้างหนึ่ง สุดท้ายทำไมกลับกลายเป็นแบบนี้?จะให้เธอยอมได้อย่างไร!ตอนนี้เอง ก็มีคนมาเคาะประตูห้องพักผู้ป่วย“คุณหนูใหญ่”เป็นพ่อบ้านของบ้านเซี่ยหว่าน เขาถือกล่องใบหนึ่งเดินเข้ามาเซี่ยหว่านพูดว่า “นี่คือของขวัญวันเกิดที่พี่รองให้ฉัน ฉันเก็บไว้อย่างดีมาโดยตลอด ไม่เคยแกะเลย”พ่อบ้านยื่นกล่องให้ลู่สือเยี่ยนลู่สือเยี่ยนรับมาเปิดออกดู ก็พบว่าเป็นกล่องดนตรีดูสวยงามประณีต มองแวบเดียวก็รู้ว่าเป็นสิ่งที่เด็กผู้หญิงชอบเขาลุกขึ้นแล้วเดินจากไปเซี่ยหว่านมองแผ่นหลังของเขาที่จากไป สีหน้าย่ำแย่ลงทันที เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วโทรออก“ทำยังไงดีคะ? ตอนนี้ลู่สือเยี่ยนไม่อยากมองหน้า ไม่อยากสนใจฉัน ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป ฉันจะแต่งงานกับเขาได้ยังไง?”อีกฝ่ายพูดว่า “ปล่อยให้เขากินข้าวแล้วลืมเรื่องนี้ไป ไม่ดีกว่าเหรอ? เป้าหมายของเธอไม่ใช่การแต่งงานกับเขาซะหน่อย”เซี่ยหว่านกัดฟัน “แต่ฉันหาโอกาสแบบนั้นไม่ได้เลยค่ะ”
หลินเซียง “...”เธอไม่สนใจซ่งซ่ง แต่หันไปมองเด็กหนุ่มคนนั้น “นายคือ?”สวี่ซิงเย่ได้ยินดังนั้นก็ตกตะลึง จากนั้นก็เกาหัว “คุณจำผมไม่ได้เหรอ? ไม่เป็นไรครับ ผมเป็นพนักงานเสิร์ฟที่นี่ ถ้าคุณต้องการอะไร ก็เรียกผมได้ตลอดครับ”เขาไม่ได้พูดถึงเรื่องที่ช่วยหลินเซียงหลินเซียงมองเด็กหนุ่มตรงหน้า รู้สึกว่าคุ้นหน้ามากแต่สวี่ซิงเย่ก็หันหลังกลับไปแล้วซ่งซ่งส่งเสียง “จุ๊ ๆ” อยู่ด้านข้าง “ทำไมทำหน้าอกหักแบบนั้นล่ะ อย่างกับโดนเธอหลอกให้รักแล้วลืมเลย เซียงเซียง เธอจำเขาไม่ได้จริง ๆ เหรอ?”หลินเซียงมองเธออย่างจนใจ “ระวังคำพูดหน่อย ฉันไม่รู้จักเขาซะหน่อย”ซ่งซ่งส่ายหน้า “ฉันไม่เชื่อ ไม่งั้นหนุ่มหล่อคนนั้นคงไม่มองเธอด้วยสายตาเศร้าแบบนั้นหรอก”หลินเซียง “...”เธอมองออกได้ยังไงว่าสายตาของสวี่ซิงเย่เศร้า?“ไปกันเถอะ ฉันนัดคนไว้แล้ว เราไปส่องเด็กฝึกงานพวกนั้นกัน บางทีอาจจะมีหนุ่มหล่อคนนี้อยู่ในกลุ่มด้วยก็ได้” ซ่งซ่งดึงเธอมุ่งหน้าไปยังห้องส่วนตัวหลินเซียงเข้าไปในห้องส่วนตัวกับเธอเธอนั่งลงบนโซฟา “ตอนนี้เธอจะบอกฉันได้หรือยังว่าเกิดอะไรขึ้น?”ซ่งซ่ง “ฉันหางานใหม่น่ะ ตอนมหาลัยเรียนสาขาออกแบบภายใน ก
“ฉันนึกออกแล้ว! นายเป็นคนช่วยฉันไว้!” หลินเซียงมองสวี่ซิงเย่ด้วยสีหน้าดีใจสวี่ซิงเย่ยิ้มเขิน ๆ ก้มหน้าเล็กน้อย “นั่นเป็นสิ่งที่ผมควรทำครับ คุณไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”“ที่ฉันไม่เป็นไรก็เพราะนายเลย” หลินเซียงลุกขึ้น เดินไปหาสวี่ซิงเย่ทันที “ขอเบอร์หน่อยสิ? นายเลิกงานตอนไหน? ฉันขอเลี้ยงข้าวนะ!”สวี่ซิงเย่ค่อนข้างประหลาดใจ ไม่นึกเลยว่าเธอจะตรงไปตรงมาขนาดนี้ เขาส่ายหน้าเล็กน้อย “ไม่ดีกว่าครับ คุณไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”ซ่งซ่งเดินเข้ามา มองเขาด้วยรอยยิ้ม “แค่กินข้าวด้วยกันเอง น้องชายไม่ต้องเขินหรอก อุตส่าห์ช่วยเซียงเซียงของพวกเราไว้ ถือเป็นผู้มีพระคุณของพวกเรา นี่นามบัตรฉัน ต่อไปถ้ามีเรื่องอะไรก็ติดต่อฉันได้”เธอยื่นนามบัตรให้สวี่ซิงเย่โดยตรงสวี่ซิงเย่จำใจรับ สีหน้าเหมือนทำอะไรไม่ถูกซ่งซ่งมองคนอื่น ๆ “พวกนายออกไปได้แล้ว ให้เขาอยู่ต่อคนเดียวพอ”คนที่อยู่ในห้องนั้น นอกจากสวี่ซิงเย่แล้ว ผู้ชายคนอื่น ๆ ก็ทยอยกันออกไปในห้องส่วนตัวเหลือเพียงสามคนซ่งซ่งเรียกสวี่ซิงเย่ให้นั่งลง “น้องชาย นั่งก่อน ไม่ต้องเกร็งนะ พวกเราไม่ใช่คนชอบฉวยโอกาสหรอก”หลินเซียง “...”สวี่ซิงเย่ “...”คนเลวมักจะบอกว่าตั
หลินเซียงออกจากห้องน้ำ ตอนเดินผ่านลิฟต์ ฟู่จิ่นซิ่วที่เพิ่งออกมาจากลิฟต์ก็เห็นเข้าพอดีเขากำลังคุยโทรศัพท์อยู่ เมื่อเห็นร่างของเธอก็เลิกคิ้วเล็กน้อย แล้วจึงพูดว่า “นายเดาซิ ฉันเห็นใครที่แมนชั่นหมายเลข 9?”คนที่คุยปลายสายคือลู่สือเยี่ยน พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “พ่อนายมั้ง?”“ถุย!”ฟู่จิ่นซิ่วสบถ แล้วจึงพูดว่า “พ่อนายมากกว่า! บรรพบุรุษนาย! แม่ยอดขมองอิ่มของนาย!”น้ำเสียงของลู่สือเยี่ยนเย็นชาลงเล็กน้อย “แน่ใจนะว่าไม่ได้มองผิด?”ฟู่จิ่นซิ่วยิ้มเยาะ “ฉันไม่ได้ตาบอดนะเว้ย เธอเดินผ่านหน้าฉันไปโต้ง ๆ ดูแล้วเธอน่าจะเมาแล้วล่ะ แหม ๆ ชีวิตยามราตรีนี่มีสีสันจริง ๆ”ลู่สือเยี่ยนวางสายทันทีฟู่จิ่นซิ่วมองโทรศัพท์มือถือ “เป็นอะไรอีกล่ะ?”แต่เขาก็ยังอยากรู้ว่าหลินเซียงมาดื่มกับใคร จึงเดินไปยังห้องส่วนตัวที่เธอเพิ่งจะออกมาไปเมื่อมาถึงหน้าประตู เสียงเพลงในห้องไม่ได้ดังมาก สามารถมองเห็นเงาคนข้างในผ่านหน้าต่างที่พร่ามัว คนข้างในดูเหมือนไม่เยอะมากฟู่จิ่นซิ่วแง้มประตูเล็กน้อย คนข้างในก็ไม่ทันสังเกตเห็นเขา เขามองเข้าไปข้างในเห็นหลินเซียงนั่งอยู่ข้างชายคนหนึ่ง กำลังชนแก้วดื่มเหล้ากับเขาแหม!ชี
เธอยิ้มอย่างประจบประแจงดูเสแสร้งมากฟู่จิ่นซิ่วไม่สนใจ นั่งอยู่บนโซฟาอย่างเฉื่อยชา มองเธอใช้นิ้วจับแก้วเหล้า สองขายืนเซไปมา แล้วพูดอย่างไม่เกรงใจ “ถ้าคุณทำเหล้าหกใส่ตัวผม ผมจะให้คุณเลียจนสะอาด”ซ่งซ่ง “...”น่ารังเกียจ!ไอ้บ้านี่เดาความคิดของเธอออก!เธอรีบจับแก้วเหล้าให้มั่น “จะหกได้ไง? ฉันอยากรินเหล้าให้คุณด้วยความจริงใจ ไม่มีเจตนาจะทำเรื่องเลวร้ายแบบนั้นซะหน่อย?”ฟู่จิ่นซิ่วหัวเราะ ไม่ได้แกล้งเธออีก หยิบแก้วเหล้าขึ้นมาชนกับเธอซ่งซ่งเห็นเขายกเหล้าขึ้นดื่ม จึงยกขึ้นดื่มบ้าง แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะดื่มมากไปก่อนหน้านี้หรือเปล่า ตอนที่เธอยกมือขึ้นก็รู้สึกเวียนหัว ทำให้จับแก้วเหล้าไม่มั่น เหล้าหกใส่กางเกงของฟู่จิ่นซิ่วจริง ๆซ่งซ่ง “...”เธอเบิกตากว้างด้วยความตกใจ “ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ!”หน้าของฟู่จิ่นซิ่วมืดครึ้ม วางแก้วเหล้าลงบนโต๊ะอย่างแรง “ซ่งซ่ง คุณนี่มันเหลือเชื่อจริง ๆ!”แก้ตัวยังไม่ทันขาดคำ ก็ทำมันจริง ๆไม่ปล่อยให้เสียเวลาแม้แต่น้อย!ซ่งซ่งหยิบกระดาษทิชชูออกมาเช็ดให้เขา “ขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ เดี๋ยวฉันเช็ดให้จนสะอาดเลย”ฟู่จิ่นซิ่วลุกขึ้นยืน “มาเช็ดตรงนี้!”เขาห
หลินเซียงชะงัก มองสวี่ซิงเย่ด้วยความสับสนเธออยากพูด แต่ในปากมีองุ่นอยู่ จึงได้แต่กินองุ่นก่อน แล้วค่อยพูดและในตอนนี้เอง ก็มีร่างสูงโปร่งคนหนึ่งเดินเข้ามาหลินเซียงหรี่ตา เห็นว่าเป็นลู่สือเยี่ยนโดยไม่รู้ตัว เธอนั่งตัวตรงทันที รีบเคี้ยวองุ่นแล้วกลืนลงคอ ทำไมเขามาอยู่ที่นี่ได้?อ้อ จริงสิ ฟู่จิ่นซิ่วก็อยู่ที่นี่ ลู่สือเยี่ยนตามมาก็ไม่แปลกรอบตัวของลู่สือเยี่ยนเต็มไปด้วยความเย็นชา ดวงตาเรียวจ้องมองหลินเซียงเขม็ง แล้วนั่งลงบนโซฟา“หวานไหม?”หลินเซียงชะงัก เธอดื่มเหล้าเข้าไป สมองมึนงง คิดคำตอบไม่ทัน จึงพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว “หวาน”สีหน้าของลู่สือเยี่ยนเคร่งขรึมลงทันที มีเพียงมุมปากที่เผยรอยยิ้มแปลก ๆ “งั้นก็ดี นายก็เลือกให้ฉันลูกหนึ่งสิ”เขามองสวี่ซิงเย่สวี่ซิงเย่ชะงัก วางจานองุ่นไว้ตรงหน้าเขาโดยตรง “องุ่นพวกนี้รสชาติใช้ได้หมดครับ”สวี่ซิงเย่รู้สึกกดดัน สายตาที่ลู่สือเยี่ยนมองเขานั้นเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า แต่ก็ไม่ได้ลงมือ ทำให้เขาค่อนข้างกระอักกระอ่วนในที่สุดหลินเซียงก็กลืนองุ่นลงคอ ถามว่า “ทำไมคุณมาที่นี่ล่ะ?”ลู่สือเยี่ยนหยิบองุ่นขึ้นมาลูกหนึ่ง มองอย่างไม่ใส่ใจ “ผมมาไม่ได้หรื
“อื้อ!”หลินเซียงไม่ทันตั้งตัว ปากของเธอก็ถูกยัดองุ่นเข้าไปอีกเม็ด!ตอนที่สวี่ซิงเย่เอาองุ่นมาป้อนเธออย่างกะทันหัน เธอรู้สึกงงงวยและตกใจจนไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง แต่ตอนนี้ เธอรู้สึกถึงความอับอายขายหน้าอย่างรุนแรงลู่สือเยี่ยนกำลังทำให้เธออับอาย!เธอคายองุ่นออกมาทันที“ลู่สือเยี่ยน คุณบ้าหรือเปล่า!”เธอพยายามดิ้นรนลุกขึ้นจากตัวเขา ไม่อยากสัมผัสใกล้ชิดแบบนี้กับเขาเลยแต่ลู่สือเยี่ยนไม่ยอมให้เธอลุก เขาเหลือบมององุ่นที่เธอคายออกมา ดวงตาเย็นชาลงทันที “หลินเซียง คุณอยากตายหรือไง?”องุ่นที่ผู้ชายคนอื่นป้อน เธอยอมกิน แต่ที่เขา้อนเธอกลับไม่กินน่าโมโหจริง ๆ!สวี่ซิงเย่ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว กำลังจะดึงหลินเซียงออกจากอ้อมแขนของลู่สือเยี่ยน“คุณชาย ไม่เห็นเหรอว่าเธอไม่เต็มใจ คุณไม่ควรบังคับเธอนะครับ!”ดวงตาของลู่สือเยี่ยนเต็มไปด้วยความโกรธแค้น เขาเหลือบมองมือของสวี่ซิงเย่ที่กำลังจับแขนของหลินเซียง แล้วพูดเสียงเย็นชาว่า “อยากมือขาดก็บอกสิ”เมื่อสายตาของเขาตกอยู่บนมือของสวี่ซิงเย่ สวี่ซิงเย่รู้สึกราวกับว่ามือของเขาหายไปแล้ว!ความโกรธแค้นแผ่กระจายไปทั่วห้องส่วนตัว!หลินเซียงหันไปมองเขา “
เสื้อโค้ตสูทถูกคลุมอยู่บนตัวเธอ กลิ่นหอมที่เข้มข้นและสดชื่นปกคลุมเธอไว้ทั้งหมด“หลินเซียง นี่จะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย ถ้าผมเจอเรื่องแบบนี้อีก อย่าหวังเลยว่าผมจะปล่อยไปง่าย ๆ”ลู่สือเยี่ยนลุกขึ้นยืน มองลงมาที่เธอ ดวงตาของเขาเย็นชาไร้ความอบอุ่นหลินเซียงถูกกลิ่นของเขาปกคลุมไว้ จึงยังไม่พูดอะไรลู่สือเยี่ยนหันหลังเดินออกไปเขาไม่สนใจคำตอบของเธอสิ่งที่เขาพูด เธอต้องทำ มิฉะนั้นเขาจะไม่ปล่อยเธอไว้ส่วนผู้ชายคนนั้น ไม่ควรอยู่ในเมืองอวิ๋นเฉิงอีก!หลินเซียงเดินตามเขาออกจากห้องส่วนตัวอย่างเงียบ ๆ เมื่อเดินเข้าลิฟต์ เธอก็นึกถึงซ่งซ่งขึ้นมาได้ รีบกดปุ่มเปิดประตู“ทำอะไร?”ลู่สือเยี่ยนมองเธออย่างเย็นชาหลินเซียงพูดว่า “ฉันจะไปตามหาซ่งซ่ง”ลู่สือเยี่ยนพูดว่า “เหล่าฟู่ไปส่งเธอกลับบ้านได้”แต่หลินเซียงไม่เชื่อใจฟู่จิ่นซิ่ว เธอจึงดื้อดึงที่จะออกไปหาคนในขณะนั้น โทรศัพท์ของเธอดังขึ้น เธอหยิบขึ้นมาดู เป็นสายจากซ่งซ่ง“ฮัลโหล ซ่งซ่ง?”“เพื่อนรัก กลับบ้านก่อนเถอะ ฉันติดปัญหานิดหน่อย เลยกลับไปที่ห้องไม่ได้” เสียงของซ่งซ่งฟังดูไม่ค่อยดี เหมือนกับกำลังอดทนต่ออะไรบางอย่างหลินเซียงเริ่มก
ซ่งซ่งนอนไม่หลับ พลิกตัวไปมาอยู่บนเตียง ทั้งตื่นเต้นและกังวลใจ เมื่อคิดว่าตัวเองกำลังจะออกจากเมืองอวิ๋น ออกไปจากฟู่จิ่นซิ่ว คนที่น่ารังเกียจนั่น เธอก็รู้สึกตื่นเต้นแทบแย่แทบนับเวลาถอยหลัง“ปัง ปัง ปัง!”แต่ในขณะนั้นเอง เสียงเคาะประตูดังสนั่นก็ดังขึ้นซ่งซ่งตกใจ รีบลุกขึ้นมองออกไปข้างนอก เด็กผู้หญิงก็ตกใจตื่นเช่นกัน “ใครน่ะ?”ในใจของซ่งซ่งมีความรู้สึกไม่ดีแวบเข้ามา หรือว่าเขาจะตามทันแล้ว?เร็วขนาดนี้เลยเหรอ?เธอลุกจากเตียงพูดว่า “ฉันไปดูเอง พวกเธออย่าออกมาล่ะ”เด็กผู้หญิงกังวลใจ “ซ่งซ่ง จะไม่เป็นไรใช่ไหม?”ซ่งซ่งพยักหน้า “ไม่ต้องห่วง ไม่มีอะไรหรอก”เธอสวมเสื้อผ้าออกจากบ้าน “ใคร?”เธอถามอย่างระมัดระวัง“ซ่งซ่ง ฉันเอง รีบออกมาเร็ว!”เสียงของหลินเซียงดังขึ้นที่หน้าประตูซ่งซ่งชะงัก รีบไปเปิดประตู “ที่รัก กลับมาทำไม?”เธอไม่ได้กลับบ้านไปแล้วเหรอ?พอคำนวณเวลาแล้ว ตอนนี้ควรจะถึงเฟิงหลินหย่วนแล้วสิหลินเซียงจับข้อมือเธอ สีหน้ากระวนกระวาย “ฉันเห็นรถของฟู่จิ่นซิ่ว เขาหาเธอเจอแล้ว ไปกันเร็ว!”เมื่อได้ยินดังนั้น ซ่งซ่งก็ตกตะลึง “หาฉันเจอแล้ว? หาฉันเจอได้ยังไง?”การเคลื่อนไหวขอ
หลินเซียงใส่ขนมปังกรอบลงในถุง จัดเตรียมให้เรียบร้อย พลางพูดว่า “เวลาจำกัด ฉันเลยทำแค่อาหารที่เก็บรักษาง่ายและรสชาติใช้ได้ ให้เธอมีอะไรรองท้องระหว่างทาง”เมื่อได้ยินแบบนั้น ซ่งซ่งก็กะพริบตา แล้ววิ่งเข้ามากอดเธอ “ที่รัก ทำไมน่ารักแบบนี้นะ หรือพวกเราหนีไปด้วยกันเลยดีไหม!”หลินเซียงยิ้ม “พอแล้ว ไปล้างหน้าเร็ว ฉันจะไปส่งเธอที่ชานเมือง”รถบัสรอบแรกมาถึงพรุ่งนี้เช้า ซ่งซ่งต้องไปรอตั้งแต่คืนนี้แต่ซ่งซ่งส่ายหน้า “ไม่ต้อง ฉันติดต่อคนไว้แล้ว เธอพักผ่อนที่บ้านเถอะ ฉันไม่เป็นไร”หลินเซียงพูดว่า “ไม่ได้ ถ้าฉันไม่ไปส่งเธอด้วยตัวเอง ฉันไม่สบายใจ”ซ่งซ่งมองสีหน้าจริงจังของเธอ รู้ว่าเธอตัดสินใจแล้ว จึงกอดเธออีกครั้ง “ฮือ ฮือ ไม่อยากจากเธอเลย”หลินเซียงพาเธอไปที่ห้องน้ำ ดูแลเธอขณะล้างหน้าล้างตา ตรวจสอบสิ่งของที่จำเป็นอาหาร เครื่องดื่ม และของใช้ส่วนตัวง่าย ๆ ล้วนเป็นแบบใช้แล้วทิ้งอืม เกือบครบแล้วหลังจากจัดของเสร็จ ทั้งสองคนก็อยู่ด้วยกันอีกพักหนึ่ง ก่อนจะออกเดินทางตอนตีสองเมืองอวิ๋นในยามดึกเงียบสงบ ถนนแทบไม่มีรถสัญจร ผู้คนยิ่งไม่มีหลินเซียงขับรถไปทางชานเมือง ส่วนซ่งซ่งก็พูดถึงความหวังในอน
หลินเซียง “…”แม้ว่าครั้งที่แล้วจะสังเกตเห็นความผิดปกติของคนทั้งสอง แต่เมื่อได้ยินสิ่งที่ซ่งซ่งพูดออกมาในตอนนี้ เธอก็พูดอะไรไม่ออกการที่เรื่องราวพัฒนามาถึงจุดนี้ จริง ๆ แล้วมีร่องรอยให้เห็นฟู่จิ่นซิ่วให้ความสนใจกับซ่งซ่งมากเกินไป และซ่งซ่งก็ไม่ได้ระวังตัวเพียงแต่…ตอนนี้เพิ่งจะคิดได้ จะสายเกินไปหรือเปล่า?หลินเซียงพูดความกังวลของตัวเองออกมาซ่งซ่งเข้ามาใกล้ และกระซิบว่า “ที่รัก ฉันวางแผนไว้แล้ว ฉันจะไม่นั่งเครื่องบินหรือรถไฟ แต่จะนั่งรถบัสไป เป็นรถบัสแบบที่วิ่งตามท้องถนนในชนบท ตราบใดที่ฉันออกจากเมืองอวิ๋นไปได้อย่างปลอดภัย ถึงเขาจะอยากหาฉันก็หาไม่เจอ”หลินเซียงขมวดคิ้ว “แต่แบบนั้นไม่ปลอดภัยนะ”ซ่งซ่ง “ตอนนี้ฉันยังต้องสนใจเรื่องความปลอดภัยอยู่อีกเหรอ? ถ้ายังอยู่ในเมืองอวิ๋น ฉันก็ไม่ปลอดภัยอยู่ดี ฉันเลยต้องคิดแล้วตัดสินใจไปแบบกะทันหัน เขาคงเดาไม่ได้ว่าฉันจะไปเมื่อไหร่”หลินเซียงยังคงรู้สึกไม่ดี เปลี่ยนมาถามว่า “แล้วงานของเธอล่ะ?”ซ่งซ่งพูดว่า “ฉันขอลาออกแล้ว และวันนี้ก็เริ่มส่งใบสมัครงาน สร้างภาพลวงตาว่าฉันแค่อยากเปลี่ยนงานเฉยๆ”เธอวางแผนทุกอย่างไว้แล้ว หลินเซียงไม่รู้จะพูดอะ
บรรยากาศในลิฟต์ค่อนข้างแปลกประหลาดมีความเย็นชาปะปนกับความผ่อนคลาย บรรยากาศที่กดดันแผ่ซ่านไปทั่ว แต่เมื่อปะทะกับฉินโหย่วหานและหลินเซียง มันก็หายไปความรู้สึกแปลกประหลาดที่อธิบายไม่ได้ ทำให้รู้สึกอึดอัดลิฟต์เคลื่อนขึ้นไปอย่างราบรื่น ไม่นานประตูลิฟต์ก็เปิดออก ลู่สือเยี่ยนก้าวออกไปด้วยสีหน้าเย็นชาเป็นอย่างมากฉินโหย่วหานมองตามแผ่นหลังของเขา เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยด้วยความประหลาดใจ เขาไม่ทำอะไรเลย นี่ไม่เหมือนนิสัยปกติของเขาหรือว่าเขาจะยอมปล่อยหลินเซียงแล้วจริง ๆ?ประตูลิฟต์ปิดลง สายตาของฉินโหย่วหานจับจ้องไปที่ใบหน้าของหลินเซียง แต่เห็นเธอมองประตูลิฟต์อย่างเหม่อลอยไม่ใช่สิ่งที่เธอมองน่าจะเป็นลู่สือเยี่ยนเพียงแต่ตอนนี้ประตูลิฟต์ปิดลง บดบังสายตาของเธอไว้ในดวงตาของฉินโหย่วหานมีความเย็นชาเพิ่มขึ้น เขาถามว่า “คิดอะไรอยู่?”ขนตาของหลินเซียงสั่นเล็กน้อย “ฉันแค่คิดว่า ในเรื่องนี้ เขากำลังรับบทบาทเป็นอะไร”ฉินโหย่วหานกล่าวว่า “ไม่ว่าเขาจะแสดงบทบาทไหน ก็ไม่เกี่ยวกับพวกเราแล้ว”หลินเซียงเหม่อลอยไปครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า “คุณพูดถูก”เธอและลู่สือเยี่ยนหย่ากันแล้วดังนั้นจึงไม่มีความเกี่
ฉินโหย่วหานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “บอกเรื่องที่คุณรู้ทั้งหมดให้ผมฟังหน่อย”หลินเซียงพยักหน้า เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เขาฟังอย่างละเอียดครู่หนึ่ง ฉินโหย่วหานก็หัวเราะเบา ๆหลินเซียงมองเขา “เป็นอะไรไป?”ฉินโหย่วหานพูดว่า “หลินเซียง ผมขอเดาแบบบ้า ๆ เลยนะ”“พูดมาก่อนค่ะ” หลินเซียงมองเขาอย่างจริงจัง ในดวงตาเต็มไปด้วยความสงสัยฉินโหย่วหานจอดรถข้างทาง เอามือวางบนพวงมาลัย บนใบหน้าหล่อเหลาและอ่อนโยนปรากฏรอยยิ้มขบขัน “คุณว่ามีความเป็นไปได้ไหม ที่มีคนปลอมตัวเป็นจ้าวข่ายไปทำเรื่องพวกนั้น แล้วโยนความผิดให้เขา?”เมื่อได้ยินดังนั้น ดวงตาของหลินเซียงก็เบิกกว้างขึ้นเรื่อย ๆ มือของเธอกำขนมปังกรอบแน่นความเป็นไปได้นี้ เธอไม่เคยคิดถึงมาก่อน!เมื่อคิดดูให้ดี ไม่ว่าจะเป็นวิดีโอหรือรูปถ่ายที่ลู่สือเยี่ยนให้เธอดู ‘จ้าวข่าย’ คนนั้นสวมหมวกและหน้ากากตลอดเวลา มองจากรูปร่างก็คิดว่าเป็นจ้าวข่ายได้ไม่ยากแต่ถ้าไม่ใช่ล่ะ?ถ้าเป็นแค่คนที่มีรูปร่างคล้ายกับจ้าวข่ายมาก ๆ ล่ะ?เมื่อนึกถึงห้องใต้ดินที่มืดมิด จ้าวข่ายที่ล้มลุกคลุกคลานอยู่บนพื้น พยายามอธิบายด้วยความเจ็บปวดเขาพูดมาตลอดว่าเขาไม่ได้ขโมย เ
“ตกใจมากใช่ไหม?” ซ่งจั่วมองสีหน้าตกตะลึงของเขาแล้วยิ้มขมขื่น“แหงล่ะ พวกเราทุกคนคิดว่าเซี่ยหว่านเป็นคนช่วยท่านประธานลู่จริง ๆ ถือว่าเธอเป็นผู้มีบุญคุณอย่างมาก แต่ต่อมาพวกเราก็รู้ความจริง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของตัวเอง เธอทำได้ทุกวิถีทาง”ซ่งจั่วเก็บแท็บเล็ต “ซือเยี่ยน สิ่งที่นายยึดมั่นมานานผิดทั้งหมด”“ทำไมเป็นแบบนี้?” ซือเยี่ยนพึมพำกับตัวเอง “ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้?”ลู่สือเยี่ยนมองเขาอย่างเย็นชา “อยู่กับฉันมานานขนาดนี้ หัวคิดไม่มีความก้าวหน้าเลยสักนิด”ซือเยี่ยนตัวสั่น มองลู่สือเยี่ยนด้วยสายตาอ้อนวอน “ท่านประธานลู่ครับ ผมรู้ตัวแล้วว่าผิด ผมสำนึกผิดจริง ๆ ได้โปรดให้โอกาสผมอีกครั้ง…”เสียงของเขาเริ่มสั่นเครือ ตัวสั่นสะท้านอย่างรุนแรงเพราะเขารู้ว่าลู่สือเยี่ยนจะไม่ให้โอกาสเขาอีกลู่สือเยี่ยนมองเขาอย่างเย็นชา แล้วพูดกับซ่งจั่วว่า “ตัดเอ็นข้อมือข้อเท้าเขาซะ แล้วเอาไปทิ้งที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำ”“ครับ”ซ่งจั่วรู้สึกสงสาร แต่นี่เป็นคำสั่งของลู่สือเยี่ยนลู่สือเยี่ยนหันหลังเดินจากไปซือเยี่ยนมองตามลู่สือเยี่ยนที่จากไปด้วยสีหน้าสิ้นหวัง ในดวงตาเต็มไปด้วยความเสียใจ!…หลินเซียงออกมา
สวีซินหรานหยิบโทรศัพท์ออกมากดโทรออก ในระหว่างนั้น สายตาของเธอมองไปยังหลินเซียงที่อยู่ไม่ไกลนัก ในดวงตาปรากฏความเคียดแค้น“ฮัลโหล คุณเซี่ย ช่วยฉันหน่อยได้ไหม? ฉันอยากฆ่าหลินเซียง นังสารเลวนั่น!”…ซืออวี่สังเกตเห็นความผิดปกติของหลินเซียงเธอเย็นชามาก ไม่สนใจอะไรเลย แต่ก็ยังคงทำงานที่ได้รับมอบหมายได้เป็นอย่างดีซืออวี่บอกข่าวนี้กับลู่สือเยี่ยนในขณะนั้น ลู่สือเยี่ยนกำลังดูสิ่งที่ซ่งจั่วได้มาจากการสืบสวน คิ้วขมวดแน่นฉินโหย่วหานจับเซี่ยหว่านขังไว้ในตู้คอนเทนเนอร์ ถือเป็นการแก้แค้นแทนหลินเซียง แต่สิ่งนี้เกี่ยวข้องอะไรกับการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของเธอกัน?ลู่สือเยี่ยนพูดเสียงต่ำ “จับตาดูซือเยี่ยนไว้ เขาดูไม่ปกติ”ซ่งจั่วชะงัก “คงไม่ใช่มั้งครับ เขาคอยปกป้องคุณหลินมาตลอดไม่ใช่เหรอ?”ลู่สือเยี่ยนพูดอย่างเย็นชา “บอกให้ไปก็ไป ทำไมต้องพูดมาก?”ซ่งจั่ว “ครับ”การตรวจสอบพฤติกรรมของซือเยี่ยนเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขา แต่เมื่อเขาเห็นสิ่งที่ได้จากการตรวจสอบ เขาก็ตกใจมากช่วงเย็น ซ่งจั่วก็นำหลักฐานที่ได้มาส่งให้ลู่สือเยี่ยนเขามองลู่สือเยี่ยนอย่างหวาดหวั่น มือที่กำแน่นมีเหงื่อออกลู่สือเยี่ย
เขามองซ่งจั่วอย่างเย็นชา “เธอเป็นอะไรไป?”ซ่งจั่วทำหน้างง “ผม ผมไม่รู้ครับ”ตอนเจอหลินเซียงที่โรงพยาบาลก่อนหน้านี้ เธอยังไม่เป็นแบบนี้ แต่หลินเซียงตอนนี้ เรียกได้ว่าเย็นชาและไม่เป็นมิตรอย่างมากช่วงนี้เกิดอะไรขึ้นกับเธอ?ลู่สือเยี่ยนพูดเสียงเย็น “ไปสืบมาให้ชัดเจน”“ครับ” ซ่งจั่วพยักหน้าลู่สือเยี่ยนไม่ออกไป แต่ไปที่ชั้นใต้ดิน ราวกับนึกอะไรขึ้นมาได้จึงพูดว่า “เรียกซือเยี่ยนมาพบฉัน”“ครับ”ดีเค กรุ๊ปทันทีที่ลู่สือเยี่ยนเข้าไปในห้องส่วนตัวของประธาน ซือเยี่ยนก็เคาะประตูห้อง“เข้ามา”ซือเยี่ยนเปิดประตูเข้าไป สีหน้าค่อนข้างเกร็ง “ท่านประธานลู่”ลู่สือเยี่ยนนั่งลงบนเก้าอี้ ถามด้วยเสียงเย็นชา “นายติดตามหลินเซียงมาตลอด เห็นความผิดปกติของเธอบ้างไหม?”ดวงตาของซือเยี่ยนกะพริบเล็กน้อย เมื่อคืนเขาไม่ได้ติดตามหลินเซียงตลอดเวลา แต่เรื่องก่อนหน้านี้ก็ยังพอจะตอบคำถามได้“ฉินโหย่วหานไปรับคุณหลิน แล้วทั้งสองคนไปที่ชายหาด ที่เดียวกับที่ที่คุณหลินถูกจับตัวไปครั้งก่อน” ซือเยี่ยนเริ่มเล่าเมื่อได้ยินดังนั้น ลู่สือเยี่ยนก็หรี่ตาลงเล็กน้อย “พวกเขาไปที่นั่นทำไม?”ซือเยี่ยน “ผม ผมไม่ทราบครับ ผมอย
สีหน้าของหลินเซียงชะงักไปเล็กน้อย นิ้วที่กำโทรศัพท์แน่นขึ้น เสียงพูดแห้งผาก “ฉันเหมือนจะไม่เคยพูดว่าเขารักฉันนี่คะ”เซี่ยซือซือถอนหายใจ “หลินเซียง พวกเราแพ้แล้ว”หลินเซียงหลับตาลง “ขอโทษนะคะ คุณเซี่ย แผนการฉันดันไปดึงคุณลงมาซวยด้วย ถ้ามันสร้างความเสียหายอะไรให้คุณ คุณบอกฉันได้เลย”เซี่ยซือซือหัวเราะขมขื่น “ไม่ ไม่มีอะไรเสียหาย ฉันเต็มใจร่วมมือกับคุณเอง ไม่ว่าผลที่ตามมาจะเป็นยังไง ฉันก็ต้องรับผิดชอบ”หลินเซียงพูดอะไรไม่ออก เพราะพวกเขาไม่เคยคิดว่าเรื่องราวจะดำเนินไปในทิศทางนี้ไม่เคยคิดเลยว่าลู่สือเยี่ยนจะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเซี่ยหว่านทำไมกัน?คำถามนี้ เธอคิดไม่ตกมาตลอดทำไมเขาต้องช่วยเซี่ยหว่าน?ในใจของหลินเซียง ตอนนี้มีความรู้สึกอยากจะไปหาลู่สือเยี่ยน ถามเขาว่านี่มันหมายความว่ายังไงกันแน่เสียงของเซี่ยซือซือดังขึ้น “หลินเซียง ฉันขอจัดการเรื่องของตัวเองก่อน มีความคืบหน้าอะไร เราค่อยติดต่อกันใหม่”“ค่ะ”หลังจากวางสายหลินเซียงยังคงอยู่ในสภาพเหม่อลอยไม่รู้ทำไม เสียงของเซี่ยซือซือถึงดังก้องอยู่ในหูเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่าลู่สือเยี่ยนรักเธอจริงเหรอ?เคยรักจริง ๆ บ้างหรือเปล่า?