เพราะชอบ เลยไม่อยากเห็นเขาเจ็บ เลยบังกระสุนให้เขา?หรือว่าเธอมีแนวโน้มว่าจะเป็นมาโซคิสม์จริง ๆ?ที่จริงเขาคอยรังแกเธอมาตลอดโดนขนาดนั้นแท้ ๆ เธอยังชอบเขาอยู่เหรอ?ฟู่จิ่นซิ่วอดไม่ได้ที่จะลูบหน้าตัวเอง และทันใดนั้นก็มั่นใจขึ้นมาการที่ชอบเขาก็เป็นเรื่องปกติเขาวางโทรศัพท์ลง สายตาจับจ้องไปที่ใบหน้าของซ่งซ่งที่หมดสติอยู่ แล้วถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้น่าเสียดายเขาคงไม่สามารถตอบแทนความรู้สึกของเธอได้ซ่งซ่งตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย รู้สึกว่าไหล่ซ้ายเหมือนไม่ใช่ของตัวเองอีกต่อไปเจ็บ!เจ็บมาก!ยาชาล่ะ?ไอ้คนใจร้าย ไม่ให้แม้แต่ยาชากับเธอเลยเหรอ?เอารัดเอาเปรียบกันขนาดนี้เลย?ซ่งซ่งหายใจเข้าลึก เจ็บจนน้ำตาไหล ฟู่จิ่นซิ่วเห็นเธอตื่นขึ้นมาก็พูดว่า “ตอนนี้ห้ามขยับตัว แผลจะเจ็บมาก”ซ่งซ่งนอนอยู่บนเตียง รู้สึกแย่มาก ใบหน้าซีดเผือด ถามอย่างอ่อนแรง “คุณฟู่ ขอถามอย่างเสียมารยาทหน่อยได้ไหมคะ คุณไปทำอะไรที่ผิดศีลธรรมมา ถึงมีคนลอบทำร้ายคุณแบบนี้?”โชคร้ายชะมัดยาก!เธอได้ประสบกับเหตุการณ์ที่เคยเห็นในนิยายและละคร!ฟู่จิ่นซิ่วเห็นเหงื่อที่ผุดขึ้นมาบนหน้าผากเธอ ใจก็อ่อนลงเล็กน้อย พูดว่า “ครั้
“อย่าบอกเรื่องนี้กับหลินเซียงนะ” ซ่งซ่งพูดเสียงอู้อี้ เธอกลัวหลินเซียงจะกังวลใจ“อืม”ฟู่จินซิวนิ่งเฉย ตอบรับคำเดียวเขายังคงคิดถึงเงื่อนไขที่ซ่งซ่งจะขอร้องถ้าหากเธอขอให้เขาแต่งงานด้วยล่ะ?ตัดสินใจยากลำบากจริง ๆทำไมเขาถึงต้องให้สัญญาเงื่อนไขเพิ่มอีกอย่างด้วยนะ?เฮ้อ…นี่มันคือการทำร้ายตัวเองชัด ๆ…หลินเซียงกลับถึงโรงแรม ปรากฏว่าเปลือกตาเธอกระตุกขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ ทำให้รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย เธอจึงยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ความรู้สึกนั้นจะหายไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังมีลางสังหรณ์แปลก ๆ บางอย่างในขณะนั้นเอง เสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น เธอหยิบขึ้นมาดู ปรากฏว่าเป็นสายเรียกเข้าจากลู่สือเยี่ยนเขามาโทรหาเธอทำไมกัน?เธอรู้สึกลังเลที่จะรับสายแต่เมื่อนึกถึงว่าทั้งสองยังไม่ได้หย่ากัน เธอจึงตัดสินใจรับเผื่อว่าเขาจะโทรมาคุยเรื่องหย่าร้าง?ก่อนหน้านี้เขาเคยพูดเรื่องหย่าแล้วครั้งหนึ่งหลินเซียง “ฮัลโหล?”เสียงทุ้มต่ำและมีเสน่ห์ของลู่สือเยี่ยนดังขึ้น “คุณอยู่ไหน? ผมจะให้คนไปรับคุณ คุณย่าท่านอยากเจอ”หลินเซียงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่เขาไม่ได้โทรมาคุยเรื่องหย่าเธอจึงพู
ทันทีที่คำพูดนั้นจบลง บรรยากาศภายในรถเยือกเย็นลงอย่างเห็นได้ชัด อากาศที่อึดอัดแผ่กระจายไปทั่ว ราวกับมีลมหนาวพัดมาห่อหุ้มหลินเซียงขนตาที่ยาวของหลินเซียงสั่นไหวลู่สือเยี่ยนไม่พูดอะไร แต่ความเร็วรถกลับเพิ่มขึ้นอย่างไม่รู้ตัวหลินเซียงกำเข็มขัดนิรภัยไว้แน่น คิ้วขมวดเข้าหากัน “ลู่สือเยี่ยน ขับช้า ๆ หน่อย”ตอนนี้เป็นช่วงเวลาเร่งด่วน การที่เขาขับเร็วขนาดนี้ อยากจะพาเธอไปตายหรือไง?แต่เธอยังไม่อยากตาย!“เงียบ!”ลู่สือเยี่ยนไม่อยากได้ยินเสียงของเธอเลยแม้แต่น้อย คำพูดของเธอทำให้เขาอยากจะฆ่าเธอให้ตายเสียเดี๋ยวนี้!หลินเซียงตัวสั่นเล็กน้อยจากการที่เขาตะคอกใส่ เธอมองเขาอย่างงุนงง “ตะคอกทำไมเนี่ย!”สีหน้าของลู่สือเยี่ยนดูไม่ดีเลย ความเร็วรถยิ่งเพิ่มขึ้น!หลินเซียงไม่กล้าพูดอะไรอีก กลัวว่าเขาจะไม่พอใจและขับชนเข้ากับรถคันอื่น แล้วพวกเขาอาจจะตายกันทั้งคู่!ในที่สุด หลังจากที่หวาดเสียวอยู่พักใหญ่ รถของลู่สือเยี่ยนก็จอดอยู่ที่หน้าประตูคฤหาสน์หลังเก่าของตระกูลลู่รปภ.เปิดประตูให้ เขาขับรถเข้าไปหลินเซียงหลับตาลงและพูดว่า “ลู่สือเยี่ยน ในฐานะลูกผู้ชาย ฉันหวังว่าคุณจะทำตามคำพูดของตัวเอง”พ
หลินเซียงรอยยิ้มแข็งค้าง เมื่อลู่สือเยี่ยนพูดว่า “คุณย่า คุณย่าไม่สนใจผมเลย ถ้ามีเหลนแล้ว ย่าก็จะยิ่งไม่ชอบผม ผมเลยไม่อยากมีเจ้าตัวเล็กไงครับ”“ไป ไป ไป! แกกล้าหึงแม้กระทั่งลูกตัวเองงั้นเหรอ? พ่อคนไหนเขาเป็นแบบแกบ้าง? ต้องมีเหลนนะ ฉันจะได้เล่นกับเหลน!” คุณย่าลู่โบกมืออย่างไม่พอใจเมื่อได้ยินลู่สือเยี่ยนพูดลู่สือเยี่ยนยิ้มอย่างจนใจหลินเซียงพูดว่า “คุณย่า วันนี้ท้องฟ้าสวยนะคะ เราออกไปเดินเล่นในสวนกันดีไหมคะ?”“ดีดีดี ไปเดินเล่น ย่าชอบไปเดินเล่นกับเธอ” คุณย่าลู่พยักหน้าอย่างไม่ลังเลหลินเซียงจึงเข็นรถเข็นออกจากวิลล่าลู่สือเยี่ยนไม่ได้ตามออกไป แต่ขึ้นไปชั้นบน เข้าไปในห้องทำงานอวิ๋นหลานออกมาพอดี เห็นเขาแล้วก็ยิ้มให้ “สือเยี่ยน กลับมาแล้วเหรอ เมื่อกี้นี้พ่อเธอเพิ่งพูดถึงเธออยู่เลย รีบเข้าไปเถอะ”“ครับ”ลู่สือเยี่ยนตอบเสียงเรียบในห้องทำงาน บรรยากาศเคร่งเครียดลู่เจิ้งหรงนั่งอยู่บนเก้าอี้หนัง สวมแว่นอ่านเอกสารบางอย่าง“พ่อ มีเรื่องอะไรกับผมหรือเปล่าครับ?”ลู่สือเยี่ยนเดินเข้าไปแล้วถามลู่เจิ้งหรงส่งเอกสารในมือให้เขา “ดูอันนี้หน่อยสิ”ลู่สือเยี่ยนรับมาดู แล้วขมวดคิ้วทันที “ลา
หลินเซียงรู้สึกซาบซึ้งใจมากเธอกับคุณย่าลู่ไม่ได้สนิทสนมกันขนาดนั้นแต่คุณย่ากลับชอบเธอมากเห็นเธอแล้วก็มักจะให้ของดี ๆ แก่เธอเสมอหลินเซียงถึงกับเหม่อลอย เป็นไปได้ไหมว่าพ่อแม่ก็รักลูกแบบนี้?เธอไม่เคยสัมผัสความรู้สึกแบบนั้นมาก่อน ลูกของเธอ…ดวงตาของหลินเซียงฉายแววเศร้าเธอยังไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้มีลูกเป็นของตัวเองทุกครั้งที่อยู่กับลู่สือเยี่ยน เขามักจะใช้ถุงยางอนามัยเขาป้องกันความเสี่ยงนี้เสมอเธอไม่เคยคิดมาก แต่คำพูดของคุณย่าลู่ทำให้เธอฉุกใจคิดเขาไม่อยากมีลูก แต่ก็ไม่ยอมหย่าคนคนนี้ช่างขัดแย้งในตัวเองจริง ๆทันใดนั้น คนรับใช้ก็เข้ามาบอกว่าอาหารเย็นเสร็จแล้วหลินเซียงจึงพูดว่า “คุณย่า เราเข้าไปทานข้าวกันเถอะค่ะ”“ดีดีดี”คุณย่าลู่พยักหน้ารับ พร้อมกับมาลัยที่หลุดจากหัว เธอรีบรับไว้แล้วกอดไว้แนบอกหลินเซียงเห็นแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้กลับเข้าไปในวิลล่าหลินเซียงเห็นอวิ๋นหลานและลู่เจิ้งหรงก็ทักทายอย่างสุภาพ“คุณท่านลู่ คุณหญิงลู่”คุณย่าลู่ได้ยินแล้วก็ขมวดคิ้วทันที “ทำไมเรียกคุณลู่ล่ะ? ต้องเรียกคุณพ่อกับป้าอวิ๋นสิ เหมือนสือเยี่ยนไงล่ะ”สีหน้าหลินเซียงเปลี่ยนไปล
เซี่ยหว่านเหลือบมองหลินเซียงเล็กน้อยแต่อวิ๋นหลานทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น พูดว่า “ไปกันเถอะ ไปทานข้าวกัน”ตลอดเวลา หลินเซียงเอาแต่นิ่งเงียบเธอมองเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างเฉยชา อวิ๋นหลานสามารถกลายมาเป็นคุณผู้หญิงของตระกูลลู่ได้ แสดงว่าเธอไม่ใช่คนไร้สมองหรือเล่ห์เหลี่ยมฉากเมื่อครู่หมายความว่าอย่างไรกันแน่?เธอพยายามยุแยงความสัมพันธ์ของเธอกับลู่สือเยี่ยน หรือพยายามทำให้เธออิจฉาเซี่ยหว่าน?ใจเธออดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ยเล็กน้อยทันใดนั้น ลู่สือเยี่ยนก็เดินลงมาจากชั้นบน เมื่อเห็นสีหน้าของเธอ ดวงตาของเขาก็ดูอ่อนลง เดินเข้ามาถามว่า “เป็นอะไรไป?”หลินเซียงมองเขา และพูดว่า “ไม่มีอะไร ไปทานข้าวกันเถอะ”พูดจบ เธอก็ตั้งท่าจะเดินไป แต่ข้อมือของเธอถูกเขาจับไว้เธอเหลือบมองเขาด้วยความสงสัยคิ้วของลู่สือเยี่ยนขมวดเข้าหากัน พูดว่า “หลินเซียง ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นก็บอกผมได้ ลำพังคุณแก้ปัญหาเองไม่ได้หรอก”สีหน้าของหลินเซียงซีดลงเล็กน้อย มองเขาตรงๆ “เรื่องที่เกิดขึ้นกับฉัน ล้วนเกิดจากคุณทั้งนั้น ฉันแก้ปัญหาเองไม่ได้จริง ๆ นั่นแหละ เพราะงั้นเราหย่ากันเถอะ ตัดความสัมพันธ์กับคุณซะ เรื่องยุ่งยากเหล่านั้นก็จะไม่
หลินเซียงพยายามลดทอนการมีตัวตนของตัวเอง ตอนนี้พอคุณย่าลู่พูดกับเธอ เธอรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย“คุณย่า ลองชิมขาไก่ดูสิคะ?” หลินเซียงใช้ตะเกียบกลางคีบกับข้าวให้คุณย่าลู่“ได้ เดี๋ยวย่าจะลองชิม” ความสนใจของคุณย่าลู่ถูกเบี่ยงเบนไปทันทีสายตาของลู่สือเยี่ยนจ้องมองหลินเซียงอย่างลึกซึ้ง แต่เธอมองเพียงคุณย่าลู่ แม้แต่สายตาที่เกินความจำเป็นก็ไม่ได้ส่งมาถึงเขาอวิ๋นหลานพูดว่า “พวกเธอไม่ได้กลับมาที่นี่นานแล้ว คืนนี้พักที่นี่เถอะ คุณย่าคิดถึงพวกเธอมาก”คุณย่าลู่พยักหน้า “ใช่ พักที่นี่เถอะ คืนนี้พวกเธอต้องพักที่นี่นะ”สีหน้าของหลินเซียงเปลี่ยนไป พลางมองไปที่ลู่สือเยี่ยน รอให้เขาปฏิเสธ ความสัมพันธ์ของพวกเขาในตอนนี้ไม่เหมาะที่จะพักอยู่ด้วยกันแต่ใครจะรู้ ลู่สือเยี่ยนกลับพยักหน้ารับเบา ๆ “ได้ครับ”คิ้วของเธอขมวดเข้าหากันทันทีเขาหมายความว่ายังไง?ไม่เห็นเหรอว่าเธอส่งสัญญาณให้เขา?คุณย่าลู่จับมือเธอ พูดด้วยรอยยิ้ม “เซียงเซียง เธอกับสือเยี่ยนต้องพยายามหน่อย รีบให้ย่าได้อุ้มเหลนเร็ว ๆ ย่าจะให้แม่ครัวทำซุปบำรุงร่างกายให้ ก่อนนอนต้องดื่มให้หมด”หลินเซียงพยักหน้ายิ้มเล็กน้อย “ค่ะ คุณย่า”คุณย่า
ลู่สือเยี่ยนเหมือนจะรู้ทันความคิดของหลินเซียง จึงพูดว่า “แค่คืนเดียวเอง คุณกลัวอะไร”หลินเซียงตอบ “ฉันไม่ได้กลัว แค่คิดว่าด้วยความสัมพันธ์ของเราตอนนี้ คงไม่เหมาะสมที่จะอยู่ด้วยกัน”ได้ยินดังนั้น สีหน้าของลู่สือเยี่ยนก็เปลี่ยนไป “ความสัมพันธ์แบบไหนล่ะ”หลินเซียง “ก็ความสัมพันธ์ที่กำลังจะหย่าขาดจากกันน่ะสิ”แต่ทันทีที่หลินเซียงพูดจบ ลู่สือเยี่ยนก็เดินเข้ามาหาเธอ ดวงตาคมกริบและลึกลับราวกับมีน้ำแข็งปกคลุมหลินเซียงก็ระแวงขึ้นมาทันที “คุณจะทำอะไร?”ลู่สือเยี่ยนหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ มองเธอด้วยสายตาที่หนักแน่น “งั้นคำว่า ‘ขอคิดดูก่อน’ ที่คุณพูดไปนั่นหมายความว่ายังไง”คิดมาหลายวันแล้ว ยังคงตัดสินใจจะหย่ากับเขาอยู่ดีเหรอหลินเซียงก้มหน้าลงเล็กน้อย ขนตายาวสั่นไหวเล็กน้อย แล้วพูดว่า “ลู่สือเยี่ยน ฉันคิดอย่างจริงจังแล้ว เราสองคนคงกลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้แล้วล่ะ ชีวิตแต่งงานควรทำให้คนรู้สึกอุ่นใจและผ่อนคลาย แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมา ฉันไม่เคยรู้สึกแบบนั้นเลย ฉันเชื่อว่าคุณก็คงไม่รู้สึกถึงมันเหมือนกัน ดังนั้นเราควรแยกทางกันดีกว่า บางทีมันอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับเราทั้งคู่”ขณะที่เธอพูดคำเหล่า
หลินเซียงได้ยินดังนั้นก็ประหลาดใจเล็กน้อย แล้วพูดว่า “ไม่ต้องแล้วค่ะพี่หาน ฉันกินข้าวเรียบร้อยแล้ว”ฉินโหย่วหานลอกว่า “งั้นไปกินของว่างก็ได้ หลินเซียง ผมดีใจกับคุณจริง ๆ”หลินเซียงกล่าวว่า “งั้นก็รอให้ทุกคนมีเวลาก่อน แล้วเราค่อยไปกินข้าวด้วยกันเถอะค่ะ”นั่นหมายความว่า เธอจะไม่กินข้าวกับฉินโหย่วหานตามลำพังฉินโหย่วหานเงียบไปชั่วขณะครู่ใหญ่จึงพูดว่า “หลินเซียง คุณไม่จำเป็นต้องปฏิเสธความหวังดีของคนอื่นอย่างเด็ดขาด ทุกอย่างควรจะเผื่อลู่ทางไว้บ้าง”ใจของหลินเซียงรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย พูดไม่ออกว่ารู้สึกอย่างไร เธอยิ้มรับ “พี่หาน ฉันรู้ค่ะ”ฉินโหย่วหาน “อืม ถ้าอยากผ่อนคลายก็ไปที่บาร์ของผมได้ เหล้าที่นั่นคุณดื่มได้ไม่อั้น”หลินเซียง “ได้ค่ะ ไว้ฉันจะไปกับซ่งซ่ง แล้วดื่มเหล้าของคุณให้หมดบาร์!”ฉินโหย่วหาน “ยินดีเลย”ทั้งสองคนคุยกันสักพัก แล้ววางสายหลินเซียงนั่งอยู่บนโซฟา มองเพดานที่สวยงาม รู้สึกอยากดื่มขึ้นมาจริง ๆแต่ซ่งซ่งยุ่งกลับมากเธอเดินไปเปิดตู้เย็นแล้วถึงกับอึ้งไปเห็นว่าในตู้เย็นเต็มไปด้วยวัตถุดิบสดใหม่ เป็นของที่เธอชอบทั้งนั้น มือที่จับขอบประตูตู้เย็นของเธอกำแน่นขึ้นค
ไฟถนนสว่างไสว ส่องสว่างครึ่งใบหน้าของลู่สือเยี่ยน คิ้วและดวงตาที่ลึกซึ้งของเขาถูกบดบังด้วยความมืดในรถ ทำให้มองไม่เห็นสีหน้าของเขาในตอนนี้เขาถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “งั้นคืนนี้คุณมีที่อยู่ไหม?”หลินเซียงตอบ “ฉันไปหาซ่งซ่งก็ได้ หรือไปพักโรงแรมก็ได้ เมืองอวิ๋นเฉิงออกจะใหญ่ขนาดนี้ แล้วฉันก็รวยขนาดนี้ จะไม่มีที่อยู่ได้ยังไง”“เหอะ!”ไม่รู้ว่าประโยคไหนทำให้ลู่สือเยี่ยนหัวเราะ เขาหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดว่า “เฟิงหลินหย่วนโอนกลับเป็นชื่อของคุณแล้ว คืนนี้คุณกลับไปที่นั่นก็ได้”หลินเซียงประหลาดใจ “ทำเรื่องเร็วขนาดนั้นเลยเหรอ?”ลู่สือเยี่ยน “ผมยังใจดีพาคุณไปส่งได้ด้วยนะ”หลินเซียง “ไม่ต้อง”พูดจบเธอก็หันหลังเดินจากไปลู่สือเยี่ยนพูดตามหลังเธอ “เราหย่ากันแล้ว กลัวว่าผมจะจับคุณกินเหรอ?”หลินเซียงไม่หันกลับมา “เราไม่มีความสัมพันธ์กันแล้ว ควรรักษาระยะห่างไว้บ้าง อย่าให้คนเข้าใจผิด แล้วมาโทษฉัน สร้างความเดือดร้อนให้ฉันอีก”ลู่สือเยี่ยนไม่พูดอะไรอีก ดวงตาที่มืดมนจ้องมองแผ่นหลังที่ผอมบางของเธอ จนกระทั่งเธอขึ้นรถกระจกรถของเขาค่อย ๆ เลื่อนขึ้น สีหน้าเปลี่ยนไปทันที เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาฟู่จิ่น
เซี่ยหว่านถือกล่องข้าวเดินเข้าไปในห้องทำงานซ่งจั่วเห็นดังนั้น รีบพูดว่า “คุณเซี่ย ข้างในมีแขกอยู่ คุณรอสักครู่แล้วค่อยเข้าไปดีไหมครับ?”เซี่ยหว่านมองเขา สีหน้าของเขาดูมีพิรุธเล็กน้อย แววตาของเธอฉายประกายบางอย่างก่อนพูดขึ้น “เที่ยงแล้ว จะมีแขกที่ไหนอีก?”พูดจบ เธอก็เดินเข้าไปในห้องทำงานทันทีซ่งจั่วมองดูแผ่นหลังของเธอพลางขมวดคิ้ว แต่ไม่ได้ขัดขวางเซี่ยหว่านผลักประตูห้องทำงานเข้าไป เห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ ลู่สือเยี่ยน กำลังก้มลงพูดอะไรบางอย่างกับเขา ท่าทางของทั้งสองคนดูสนิทสนมกันมากเซี่ยหว่านเห็นภาพนั้น ดวงตาของเธอก็ลุกวาวไปด้วยความโกรธทันที!“สือเยี่ยน ใครน่ะ?”ลู่สือเยี่ยนสีหน้าเปลี่ยนไป เหลือบมองเซี่ยหว่าน “ทำไมไม่เคาะประตู?”เซี่ยหว่านกำกล่องข้าวแน่น เดินเข้าไปอีกสองก้าวแล้วพูดว่า “สือเยี่ยน อย่าลืมเรื่องที่คุณย่าพูดนะ”ลู่สือเยี่ยนหันไปมองผู้หญิงคนนั้น และบอกว่า “นั่งรอก่อน”เจียงอินอินมองเซี่ยหว่าน รู้สึกได้ถึงความเป็นศัตรูของเซี่ยหว่านที่มีต่อตัวเอง เธอเลิกคิ้วเล็กน้อยเธอรู้จักเซี่ยหว่านก่อนหน้านี้ลู่สือเยี่ยนเคยจะหย่ากับหลินเซียงเพื่อเซี่ยหว่านที่แท้เป็
ใครบ้างโตขึ้นมาได้โดยไม่ต้องเอาบางอย่างเข้าแลก?คุณย่าลู่มองเขาด้วยสายตาแปลกประหลาด ครู่ใหญ่จึงถอนหายใจเบาๆ “ก็ได้ ฉันไม่บังคับให้เธอกับหว่านหว่านแต่งงานกันทันทีหรอก แต่สถานะว่าที่คู่หมั้นของหลานกับเธอนั้นเปลี่ยนไม่ได้ แล้วฉันก็ยอมรับแค่เธอคนเดียวเท่านั้นเป็นหลานสะใภ้”ลู่สือเยี่ยน “สะใภ้ของหลานคนไหน?”คุณย่าลู่ขมวดคิ้ว “ตอนนี้ฉันมีหลานชายแค่เธอคนเดียว!”ลู่สือเยี่ยน “งั้น ถ้าตระกูลลู่มีหลานชายเพิ่มอีกคน เธอก็ไม่ต้องแต่งงานกับผมแล้วใช่ไหมครับ?”“แก!”คุณย่าลู่โกรธจนตัวสั่น เครื่องตรวจจับการเต้นของหัวใจเริ่มส่งเสียงดัง สีหน้ายิ่งซีดลงไปเรื่อย ๆลู่สือเยี่ยนลุกขึ้นยืน “จากนี้ไปงานผมจะยุ่งมาก จะไม่มาทำให้คุณย่าปวดหัวอีก พูดตามตรงแล้ว ตอนที่คุณย่าสติเลอะเลือนเพ้อเจ้อยังน่ารักซะกว่า”พูดจบก็ไม่มองสีหน้าของคุณย่าลู่ เดินจากไปทันทีหมอและพยาบาลวิ่งเข้ามาเป็นกลุ่ม ตรวจสอบอาการของคุณย่าลู่ ช่วยปรับความดันโลหิตให้เธอตอนที่เซี่ยหว่านเข้ามา เห็นคุณย่าลู่หน้าซีด กำลังหายใจหอบ“คุณย่าลู่ เป็นไปคะ?”เธอปรี่เข้าไป วางมือทาบอกของคุณย่าลู่ ถามด้วยความเป็นห่วงคุณย่าลู่เห็นเธอเข้ามาก็คว้ามื
ซ่งซ่ง “สบายใจได้เลย ไอ้บ้านั่นแกล้งฉันไม่ลงหรอก พอฉันเบื่อก็จะถีบหัวส่งเอง”หลินเซียงรู้สึกไม่ค่อยดีกลัวที่สุดคือซ่งซ่งจะเล่นจนพลาด ทำให้ฟู่จิ่นซิ่วน้อยใจ เขาอาจจะเลวร้ายกว่าลู่สือเยี่ยนเสียอีกหลินเซียงบอกความกังวลของเธอ “ยังไงก็ระวังตัวด้วยนะ”ซ่งซ่ง “ได้ ๆ รู้แล้ว”หลินเซียง “งั้นฉันไม่รบกวนเวลาทำงานแล้ว ไปก่อนนะ บาย”“จุ๊บ จุ๊บ”…หลินเซียงกลับไปที่สตูดิโอโดยตรงสภาพจิตใจของเธอเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงสวี่ซิงเย่เป็นคนแรกที่สังเกตเห็น จึงถามด้วยรอยยิ้มว่า “เรื่องอะไรทำให้คุณมีความสุขขนาดนี้ครับ?”หลินเซียงประหลาดใจ “เห็นได้ชัดขนาดนั้นเลยเหรอ?”สวี่ซิงเย่พยักหน้า “ชัดแจ๋วเลย ก่อนหน้านี้คุณทำงานไม่เคยยิ้ม วันนี้ยิ้มตลอดเวลา”หลินเซียงลูบหน้า แล้วพูดว่า “อืม ปิดการขายได้น่ะ เซ็นสัญญาเสร็จเรียบร้อย ใกล้จะรวยแล้ว ก็เลยมีความสุข”สวี่ซิงเย่ “งั้นก็ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ”“ขอบคุณ”หลินเซียงยิ้มเล็กน้อย แล้วหันไปเปิดคอมพิวเตอร์เธอมองไปรอบ ๆ ออฟฟิศ พบว่าวันนี้ซืออวี่ไม่ได้มา แต่เธอก็ไม่ได้ใส่ใจ แล้วเริ่มทำงานทันทีที่โรงพยาบาลลู่สือเยี่ยนโยนใบหย่าลงตรงหน้าคุณย่าลู่ ดึ
หลินเซียงรู้สึกสงสัยเล็กน้อย “ทำไมจดล็อบบี้ไม่ได้เหรอคะ?”เจ้าหน้าที่กล่าวว่า “คุณผู้หญิง วันนี้ที่ล็อบบี้คนเยอะ เชิญทั้งสองท่านไปชั้นบนดีกว่า”หลินเซียงเหลือบมองไปที่เคาน์เตอร์รับเรื่องหย่า เห็นว่าคนแน่นจริง ๆอย่างนี้นี่เอง สมัยนี้การแต่งงานส่วนใหญ่คงไปกันไม่รอดสินะ?เธอไม่คิดอะไรมาก รีบตามเจ้าหน้าที่ขึ้นไปชั้นบนในห้องทำงานของนายทะเบียน ทั้งสองคนกรอกเอกสารเพิ่มเติม แล้วก็เข้าสู่เรื่องการแบ่งทรัพย์สินลู่สือเยี่ยนหยิบสัญญาฉบับหนึ่งให้เธอ “นี่คือค่าชดเชยให้คุณ”หลินเซียงรับมาดู พอเห็นชื่อบางชื่อ ดวงตาของเธอก็เบิกกว้างบ้านที่เฟิงหลินหย่วน เขากลับยกให้เธอบ้านหลังนั้นเธอขายไปแล้วไม่ใช่เหรอ?เขาซื้อคืนมาเมื่อไหร่?หรือว่าเป็นอีกหลังหนึ่ง?นั่นเป็นบ้านหลังใหญ่หลังแรกที่เขาให้เธอ มีความทรงจำดี ๆ เธอยังคงชอบมันอยู่เธอมองลงไปด้านล่าง ยังมีค่าชดเชยการหย่าอีกห้าสิบล้านเยี่ยมไปเลย เธอกลายเป็นมหาเศรษฐีแล้วลู่สือเยี่ยนจ้องมองเธออย่างลึกซึ้ง “มีอะไรสงสัยไหม?”หลินเซียงส่ายหัว “ไม่มีค่ะ”จากนั้นก็ถึงขั้นตอนการเซ็นชื่อไม่นาน นายทะเบียนก็มอบใบหย่าให้ทั้งสองคนแต่ลู่สือเยี่ยนไม
หลินเซียงกลับไปที่สตูดิโอสวี่ซิงเย่เห็นสีหน้าที่ผิดปกติของเธอ จึงถามว่า “หลินเซียง คุณไม่สบายหรือเปล่าครับ?”หลินเซียงส่ายหัว “เปล่า อาจจะแค่พักผ่อนไม่เพียงพอ”สวี่ซิงเย่กังวลเล็กน้อย “ยังมีอะไรที่ยังทำไม่เสร็จอยู่ไหมครับ? ให้ผมช่วยก็ได้ ผมจะช่วยคุณเอง”หลินเซียง “ไม่มีแล้ว ขอบคุณมาก”สวี่ซิงเย่ยังอยากจะพูดอะไรอีก ซืออวี่ก็เดินเข้ามา “เสี่ยวสวี่ ออกไปข้างนอกกับฉันหน่อย!”สวี่ซิงเย่พยักหน้า “ได้ครับ”ช่วงนี้ ซืออวี่มักจะพาสวี่ซิงเย่ออกไปข้างนอก เขามีความสามารถ แถมยังดื่มเหล้าเก่ง ถนัดการเข้าร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ทางธุรกิจมากมาย ด้วยความสามารถของเขาทำให้ดึงดูดทรัพยากรได้มาก ตอนนี้เริ่มทำแบบร่างโครงการด้วยตัวเองแล้วหลินเซียงมองตามพวกเขาออกไป ในใจเกิดความสงสัยเล็กน้อยช่วงนี้งานเลี้ยงเยอะเกินไปหรือเปล่า?ก่อนหน้านี้ไม่เห็นจะเป็นแบบนี้เลยสวี่ซินหรานพูดขึ้นมาทันที “หึ ก่อนหน้านี้บอสมักจะพาเธอออกไป ให้ความสำคัญกับเธอมาก ตอนนี้เป็นไงล่ะ ดูเหมือนความสามารถของสวี่ซิงเย่จะโดดเด่นกว่าเธอนะ”หลินเซียง “งั้นเธอมีดีอะไรบ้างล่ะ?”สวี่ซินหรานอึ้ง ไม่คิดว่าเธอจะโต้กลับหลินเซียงมองเธออย่
คุณย่าลู่ขู่จะตาย! สีหน้าของลู่สือเยี่ยนเปลี่ยนไปทันทีเซี่ยหว่านรีบเข้าไป พร้อมกับร้องไห้พูดว่า “คุณย่าลู่ค่ะ อย่าพูดอย่างนั้นเลย ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าสุขภาพของคุณแล้วค่ะ เราไปตรวจกันก่อนดีไหมคะ?”คุณย่าลู่มองเธอด้วยความปลื้มปิติ “หว่านหว่าน เธอนี่เป็นเด็กดีจริง ๆ ตระกูลลู่เป็นหนี้เธอมากเกินไปแล้ว ถ้าฉันไม่ทำอะไรสักอย่าง สู้ตายไปยังไม่เจ็บช้ำเท่า”เซี่ยหว่านร้องไห้จนพูดไม่ออก!สถานการณ์ตึงเครียดขึ้นมาทันทีลู่สือเยี่ยนไม่ยอม คุณย่าลู่ก็ยิ่งหน้าซีดลงเรื่อย ๆ เธอจับจ้องราวกับจะคาดคั้นรอการตัดสินใจของเขาหลินเซียงเดินเข้าไป มองลู่สือเยี่ยนแล้วพูดว่า “เราไปหย่ากันก่อนเถอะ สุขภาพของย่าสำคัญกว่า”คุณย่าลู่มองลู่สือเยี่ยนด้วยความกระวนกระวายลู่สือเยี่ยนหันไปมองหลินเซียงอย่างรวดเร็ว กระตุกมุมปาก “ผลลัพธ์ที่เป็นอยู่ตอนนี้ คุณคงพอใจแล้วใช่ไหม?”หลินเซียงเม้มริมฝีปาก พูดว่า “แต่สุขภาพของย่าสำคัญกว่า”ลู่สือเยี่ยนพยักหน้า “ได้ หย่าก็หย่า”คุณย่าลู่ก็โล่งใจขึ้นมาทันที นอนลงบนเตียงแล้วหลับไปหมอและพยาบาลพาคุณย่าลู่ไปห้องตรวจเซี่ยหว่านเช็ดน้ำตาบนใบหน้า มองลู่สือเยี่ยนแล้วพูดว่า “สือเยี่
คุณย่าลู่ “จะมีใครทำร้ายเธอได้ยังไง? นั่นเป็นแค่การคาดเดาของเธอเท่านั้น”“เหอะ!”ลู่สือเยี่ยนหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดต่อ “คุณย่าครับ คนคนหนึ่งที่เพิ่งฟื้นขึ้นมาแต่ความจำเสื่อม จะไปอยู่บนถนนได้ยังไง? คนดูแลที่บ้านเราล่ะ? หายหัวไปไหนหมด?”คุณย่าลู่เงียบไปลู่สือเยี่ยนพูดต่อ “ตอนนั้นเธอเป็นคนที่ช่วยผม พาผมกลับบ้าน ถ้าไม่ใช่เธอ วันนี้ย่าก็คงไม่ได้เจอหน้าผมแล้ว”คุณย่าลู่มองหลินเซียง แล้วพูดขึ้นมาทันทีว่า “ความจริงเป็นแค่เรื่องบังเอิญหรือเปล่า ตอนนี้ยังสรุปไม่ได้ ถ้าเกิดเธอรู้ตัวตนของหลานตั้งแต่แรกล่ะ?”“ฉันไม่รู้ค่ะ”หลินเซียงรู้สึกว่าเธอควรจะพูดอะไรสักอย่างเธอมองคุณย่าลู่อย่างสงบ “คุณย่าคะ ฉันไม่รู้ว่าทำไมคุณย่าถึงได้เกลียดฉันขนาดนี้ แต่เมื่อก่อนย่าไม่ใช่แบบนี้ แถมยังชอบฉันมาก ถึงกับบอกเขาว่า ถ้าเขาทำร้ายฉัน คุณย่าจะช่วยฉันตีเขา ฉันยังจำคำพูดพวกนั้นได้อยู่เลย”เธอหายใจออกเบา ๆ แล้วพูดต่อ “แต่แน่นอนค่ะ คุณย่าจำไม่ได้ งั้นก็ไม่สำคัญแล้ว ฉันไม่รู้จักตัวตนของเขาตั้งแต่แรก จนกระทั่งเขาได้ความทรงจำกลับมา แล้วมาเปิดตัวในที่ที่ฉันทำงานอยู่ ฉันถึงได้รู้จักตัวตนของเขา”คุณย่าลู่เงียบไป ใบหน้