"คุณนั่งข้างหน้า" น้ำเสียงของลู่สือเยี่ยนเย็นชาลง บ่งบอกถึงความเด็ดขาดที่ไม่อาจปฏิเสธได้ เซี่ยหว่านทำได้เพียงแต่ตอบตกลง "ค่ะ"เมื่อกลับมาถึงเฝ่ยชุ่ยจู เซี่ยหว่านเดินตามออกมาจนถึงหน้าห้องชุด ซ่งจั๋วหยิบเอาคีย์การ์ดออกมาแตะที่ประตู หัวใจของเธอพลันเต้นแรงขึ้นมาทันใดหลังจากเดินเข้าไปแล้ว เซี่ยหว่านก็พูดขึ้นว่า "ที่นี่มีหลายห้องด้วยนี่นา ฉันพักที่นี่ก็ได้ จะได้สะดวกในการดูแลคุณด้วย ดีไหมคะ"แก้มของลู่สือเยี่ยนยังคงแดงระเรื่ออยู่บ้าง เมื่อเข้ามาในห้องชุด เขาก็กวาดตามองไปรอบ ๆ แต่ก็ไม่พบร่างของหลินเซียงเขานั่งลงบนโซฟา หลับตาลงแล้วพูดกับซ่งจั๋วว่า "ไปบอกผู้จัดการให้เปิดห้องเพิ่มอีกห้อง""ครับ" ซ่งจั๋วพยักหน้ารับ แล้วหันไปมองเซี่ยหว่าน "คุณเซี่ย เชิญทางนี้ครับ"แต่เซี่ยหว่านกลับมองไปที่ลู่สือเยี่ยน "สือเยี่ยน ให้ฉันพักที่นี่เถอะ ฉันสัญญาว่าจะไม่รบกวนคุณ ฉันจะทำกับข้าวให้คุณกินด้วย อยู่ดูแลคุณหลังกลับมาจากทำงาน ไม่ดีเหรอ?"ลู่สือเยี่ยนกลับพูดว่า "มันไม่เหมาะสมหรอก"สีหน้าของเซี่ยหว่านแข็งค้างในเมื่อลู่สือเยี่ยนพูดแบบนี้แล้ว ถ้าเธอยังตื๊อต่อไปอีก คงจะทำให้เขารำคาญแน่ เพราะก่อนหน้านี
เธอยกมือขึ้นลูบที่อกข้างซ้ายเบา ๆ รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดร้าวลึกอยู่ภายในเธอหลับตาลงภาพความทรงจำต่าง ๆ นับตั้งแต่ที่เขาฟื้นความทรงจำกลับคืนมา ผุดขึ้นมาในหัวมากมายดูเหมือนว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่ทั้งสองคนได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุขแบบนี้ตอนแรก เธอพยายามหลบหน้าเขาแต่บังเอิญเหลือเกินที่พวกเขากลับต้องมาเจอกันอีกช่วงเวลาเหล่านี้ เหมือนกับเวลาที่ถูกขโมยมามีทั้งการทะเลาะเบาะแว้ง มีทั้งความหวานชื่น และก็มีทั้งความตื่นเต้นหวาดเสียวเธอคิดว่าความทรงจำในช่วงเวลานี้ ต่อให้เวลาผ่านไปนานแค่ไหน เธอก็คงไม่มีวันลืม...ซือเยี่ยนยืนอยู่ตรงมุมตึก มองดูโรงแรมที่ดูทรุดโทรมโทรมแล้วจึงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรหาซ่งจั่ว"มีอะไร"ซือเยี่ยนพูดว่า "คุณหลินพักอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง"เขาหันไปมองลู่สือเยี่ยนที่กำลังประชุมอยู่ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา "อืม รู้แล้ว นายดูแลคุณหลินให้ดีนะ"หลังจากวางสายไป ซ่งจั่วก็รอคอยจังหวะที่จะบอกเรื่องนี้กับลู่สือเยี่ยนการประชุมใกล้จะเสร็จแล้ว หลังจากจบการประชุม ผู้คนภายในห้องก็ทยอยกันเดินออกมาลู่สือเยี่ยนนั่งอยู่บนเก้าอี้ประธาน ยกมือขึ้นนวดขมับแล้วพ
ลู่สือเยี่ยนกล่าวว่า “ผมคิดว่าคุณไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ แล้วมันก็จบไปแล้ว ไม่คิดเลยว่าสองปีต่อมา คุณจะอยากแต่งงานกับผม”เซี่ยหว่านเงยหน้ามองเขาอย่างจริงใจแล้วกล่าวว่า “สือเยี่ยน ก่อนหน้านี้ฉันเอาแต่ใจตัวเองเกินไป ไม่อยากแต่งงานเร็ว ๆ เพื่อผูกมัดตัวเอง แต่ตอนนี้ความคิดของฉันเปลี่ยนไปแล้ว ฉันอยากอยู่กับคุณตลอดไป ฉันอยากสร้างครอบครัวกับคุณนะ”ลู่สือเยี่ยนกล่าวว่า “แต่หว่านหว่าน ตอนนี้ผมแต่งงานแล้ว”เซี่ยหว่านกล่าวว่า “แต่ก่อนหน้านี้คุณบอกว่าคุณจะหย่ากับเธอ”ลู่สือเยี่ยนกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ผมยังคิดไม่ตก รู้สึกโดยสัญชาตญาณว่าคุณเป็นคนช่วยชีวิตผมไว้ ดังนั้นผมควรแต่งงานกับคุณ เพื่อรับผิดชอบต่อคุณ แต่ต่อมาผมคิดได้แล้ว การรับผิดชอบต่อคุณไม่จำเป็นต้องแต่งงานกันก็ได้ ผมสามารถตอบแทนคุณได้ด้วยวิธีอื่น หว่านหว่าน ลืมเรื่องนี้ไปเถอะ”น้ำเสียงของเขาเรียบนิ่ง เหมือนกับหลายครั้งที่เขาเคยพูดกับเธอในอดีตแต่เซี่ยหว่านก็ยังคงฟังออกถึงความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำพูดนั้นตอนนี้เขายังคงอดทนพูดกับเธออย่างใจเย็น ถ้าหากเธอไม่ยอมแพ้และยังคงยื้อยุดฉุดกระชาก ต่อไปเขาจะไม่อารมณ์ดีแบบนี้อีกแล้วเธอรู้จักเขามานาน
เซี่ยหว่านกล่าวด้วยสีหน้าซีดเผือด “วางฉันลงเถอะ ฉันไม่เป็นไร”ซ่งจั่วตอบว่า “ให้ผมอุ้มคุณเถอะ อย่างนี้จะได้ไปถึงโรงพยาบาลเร็วขึ้น คุณหนูเซี่ย ขาของคุณสำคัญกว่านะครับ”เซี่ยหว่านเม้มมริมฝีปาก ไม่พูดอะไรอีกลู่สือเยี่ยนมองซ่งจั่วอย่างเฉยเมย ในดวงตาของเขาปรากฏความชื่นชมเล็กน้อยเมื่อไปถึงโรงพยาบาล แพทย์ตรวจขาของเซี่ยหว่านแล้วบอกว่า “ทุกอย่างปกติดีนะครับ”ใบหน้าของเซี่ยหว่านซีดเผือด “แล้วทำไมฉันถึงรู้สึกเจ็บล่ะคะ?”แพทย์กล่าวว่า “อาจจะเป็นปัญหาทางระบบประสาท อยากไปตรวจที่แผนกประสาทวิทยาหน่อยไหมครับ?”ลู่สือเยี่ยนพูดว่า “ตรวจทุกอย่างเลยก็ได้ครับ”“ได้ครับ”แพทย์รีบไปจัดการเซี่ยหว่านมองลู่สือเยี่ยน “ขอโทษที่ทำให้คุณเป็นห่วง ขาฉันมักจะเจ็บอย่างนี้บ่อยครั้ง แต่ฉันก็ยังไม่ชินสักที”เธอมองขาเทียมของตัวเอง ใบหน้าแสดงความเศร้าหมองนี่เป็นการเตือนลู่สือเยี่ยนว่าขาของเธอหายไปก็เพราะเขา!ไม่ว่ายังไง เขาก็ยังคงติดหนี้เธออยู่!ลู่สือเยี่ยนพูดว่า “ในเมื่อมันยังเจ็บอยู่เรื่อย ๆ คุณไม่เคยตรวจดูเลยเหรอว่าเกิดอะไรขึ้น?”เซี่ยหว่านยิ้มอย่างขมขื่น “ตรวจไปก็ไม่มีอะไร อาจจะเป็นผลมาจากเงาทางจิตใจก
“หลินเซียง เรามาคุยกันเถอะ”ลู่สือเยี่ยนเดินไปหาเธอ จ้องมองไม่วางตาหลินเซียงถาม “คุยเรื่องอะไร?”ลู่สือเยี่ยนคว้ามือเธอแล้วพาขึ้นไปชั้นบนทันทีแม้หลินเซียงจะขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ขัดขืนเมื่อถึงห้องสวีท ลู่สือเยี่ยนดึงเธอให้นั่งลงบนโซฟาแล้วกล่าวว่า “เกี่ยวกับเรื่องของเรา”ขนตายาวของหลินเซียงสั่นไหว แล้วถามว่า “เราไม่มีอะไรต้องคุยกันแล้ว คุณเซี่ยก็มาหาคุณแล้วนี่ ดังนั้นเราควรไปทำเรื่องหย่ากันเถอะ”สีหน้าของลู่สือเยี่ยนเปลี่ยนไป แต่เขาก็อดทนแล้วบอกว่า“ผมพูดกับเซี่ยหว่านชัดเจนแล้วว่าผมจะไม่แต่งงานกับเธอ คุณพูดถูก การตอบแทนบุญคุณมีหลายวิธี ไม่จำเป็นต้องใช้การแต่งงานเป็นเครื่องแลกเปลี่ยน ดังนั้น ผมเลยตัดสินใจว่าจะไม่แต่งงานกับเธอ”เขาออกแรงบีบมือเธอเล็กน้อย ดวงตาที่มืดมนจ้องมองเธออย่างแน่วแน่ “ทีนี้ เราจะยังหย่ากันอยู่ไหม?”หัวใจของหลินเซียงเต้นแรงขึ้น เหตุการณ์ต่างทั้งหมดที่ผ่านมา ทำให้เธอรู้สึกเหมือนฝัน แม้เธอเคยลังเล แต่ตอนนี้เมื่อได้ยินคำพูดของเขา ความรู้สึกบางอย่างก็เอ่อล้นขึ้นในใจ แต่ก็พยายามข่มมันไว้ เธอพูดว่า “ให้ฉันเวลาคิดสักหน่อย”เมื่อลู่สือเยี่ยนได้ยินแบ
“มีอะไรหรือเปล่า?”ลู่สือเยี่ยนเบี่ยงสายตาไป แล้วพูดเบา ๆ ว่า “ไม่มีอะไร”หลินเซียงรู้สึกงง ๆ จึงกินข้าวเพียงครึ่งชามแล้ววางตะเกียบลง “อิ่มแล้ว”แต่ลู่สือเยี่ยนก็เข็นชามซุปมาวางไว้ตรงหน้าเธอ “ดื่มอันนี้ให้หมด ไม่งั้นผมไม่ให้คุณกลับไปนอน”หลินเซียงขมวดคิ้ว ร่างกายแสดงออกถึงการต่อต้านแต่คำพูดของลู่สือเยี่ยนมีอำนาจเหนือกว่า เธอจึงหยิบช้อนขึ้นมาตักซุปดื่มระหว่างนั้นลู่สือเยี่ยนจ้องมองเธอไม่วางตา สายตาที่ร้อนแรงทำให้เธอรู้สึกอึดอัดเธอถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ แล้วพูดว่า “ฉันยังป่วยอยู่ อย่ามองฉันแบบนี้ได้ไหม?”ลู่สือเยี่ยนหัวเราะเบา ๆ “คุณเองไม่ใช่เหรอที่ยั่วผมก่อน?”เมื่อหลินเซียงได้ยินอย่างนั้น เธอก็เบิกตากว้างทันที “ฉัน… ฉันยั่ว… พูดอะไรบ้า ๆ เนี่ย?”เธอไปยั่วเขาตอนไหน?สายตาของลู่สือเยี่ยนมองไปที่หน้าอกของเธอด้วยแววตาสนใจหลินเซียงก้มลงมอง เมื่อเห็นจุดนูนสองจุดใต้ชุดนอนบาง ๆ ใบหน้าของเธอก็แดงก่ำทันที!เธอรีบปิดหน้าอกตัวเอง แล้วลุกขึ้นยืนให้ตายเถอะ!เธอออกมาโดยลืมสวมเสื้อคลุมไปสนิท!เธอเดินสะลึมสะลือโนบราออกมาและนั่งอยู่ต่อหน้าเขาตลอดเวลา ไม่แปลกที่เขาจะจ้องมองเธอแบบนั้
หลินเซียงตกใจ มองเขาอย่างสงสัย “ไม่ไปเปิดประตูล่ะ มาหาฉันทำไม?”ลู่สือเยี่ยนคว้ามือเธอไว้แล้วพูดว่า “ผมไม่อยากเปิดประตูคนเดียว คุณมาเป็นเพื่อนผมหน่อย”หลินเซียง “???”เธอยังไม่ทันได้ตั้งตัว เขาก็คว้ามือเธอแล้วเดินไปที่ประตูคิดฟุ้งซ่านอะไรของเขาเนี่ย?เธอพยายามดิ้น “ไม่ไป ฉันอยากพักผ่อน”ลู่สือเยี่ยนพูดเสียงเบา “ตอนนี้มันตีอะไรแล้ว ใครมาเคาะประตูเวลานี้? คุณมาดูด้วยกันสิ”เขาไม่พูดก็ไม่เป็นไร แต่พอเขาพูดแบบ เธอถึงกับขนลุกซู่!“ฉันก็กลัวเหมือนกัน ปล่อยฉัน!”หลินเซียงเริ่มหัวเสียแต่ลู่สือเยี่ยนกลับพาเธอไปที่ประตู และเปิดประตูออกทันที มีคนล้มเข้ามาลู่สือเยี่ยนโอบหลินเซียงไว้ เลี่ยงจากคนที่ล้มเข้ามาอย่างว่องไว คนคนนั้นล้มลงไป“สือเยี่ยน…”เสียงอ่อนโยนแฝงด้วยความเศร้าดังขึ้น ลู่สือเยี่ยนกับหลินเซียงมองลงไปที่พื้น พบว่าเซี่ยหว่านกำลังลุกขึ้นอย่างลำบาก ขาเทียมของเธอหลุดออกมา!หลินเซียงเบิกตาโพรงลู่สือเยี่ยนขมวดคิ้วเซี่ยหว่านยืนด้วยขาข้างเดียว มองดูขาเทียมที่หลุดออกมาด้วยความตกใจ จากนั้นก็เต็มไปด้วยความเศร้าและความรู้สึกด้อยค่า“ขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำให้พวกคุณตกใจ
เธอกอดขาเทียมไว้ ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง แต่ก็พยายามทำเป็นเข้มแข็ง แต่ท่าทางที่ดูเหมือนจะล้มได้ทุกเมื่อทำให้คนอื่นรู้สึกสงสาร!หลินเซียงบอกว่า “ฉันจะพาคุณกลับเอง คุณพักอยู่ชั้นไหน?”“ไม่ต้อง”เซี่ยหว่านปฏิเสธทันที ก่อนจะหันไปมองลู่สือเยี่ยน “สือเยี่ยน ลาก่อนนะ”จากนั้นก็กระโดดขาเดียวไปที่ลิฟต์ ด้วยท่าทางที่อ่อนแอและเปราะบางลู่สือเยี่ยนเดินเข้าไปช่วยพยุงแขนเธอไว้ “ผมช่วย”ตาของเซี่ยหว่านแดงขึ้นมาทันที “สือเยี่ยน ไม่ต้องหรอก ค่ะมาเป็น ค่ะ ฉันกลับเองได้…”แต่ลู่สือเยี่ยนไม่พูดอะไร พาเธอเดินไปที่ลิฟต์เซี่ยหว่านจ้องมองเขา น้ำตาไหลลงมา ความรักในดวงตาของเธอเข้มข้นราวกับจะหลอมละลายเขาให้ได้หลินเซียงมองเหตุการณ์นี้อยู่ที่หน้าประตู จะพูดอย่างไรดี?ขาของเซี่ยหว่านขาดเพราะลู่สือเยี่ยน ลู่สือเยี่ยนควรรับผิดชอบต่อเธอเธอเข้าใจเหตุผลดีแต่เธอกลับรู้สึกไม่สบายใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นเซี่ยหว่านโอบกอดขาเทียมแล้วร้องไห้ เธอก็รู้สึกไม่สบายใจยิ่งขึ้นรู้สึกว่าเซี่ยหว่านไม่ได้มีเจตนาดีหลินเซียงก้มหน้าลง รู้สึกว่าตัวเองช่างใจร้าย เซี่ยหว่านถึงขั้นเสียขาไป เธอยังมัวหึงอะไรไร้ส
หลินเซียง “ฮ่า ฮ่า ตลกดี”ลู่สือเยี่ยน “ชอบก็ดีแล้ว”สุดท้ายหลินเซียงอดไม่ได้ที่จะเบ้ปาก ก่อนจะรีบดึงแขนออก แล้วเดินไปที่ประตูลู่สือเยี่ยนรูปร่างสูงใหญ่เดินตามหลังเธอ แม้เธอจะเดินเร็วแค่ไหน เขาก็ยังตามทันได้อย่างไม่ยากเย็น ท่าทางราวกับกำลังเดินเล่นอยู่หลินเซียง “…”ช่วงขายาวนี่มันดีจริง ๆ!คนอื่นที่เห็นเหตุการณ์นี้ต่างพากันงุนงง หวังกงหันไปถามซ่งจั่ว “คุณซ่งครับ นี่มันอะไรกัน?”เกิดอะไรขึ้น?แต่ซ่งจั่วไม่ตอบคำถามเขา กลับชี้ไปที่แบบแปลนในจุดหนึ่งแล้วถามว่า “ตรงนี้คืออะไรครับ?”หวังกงรีบอธิบายอย่างตั้งใจทันทีแบบนี้ก็ไม่มีใครสนใจลู่สือเยี่ยนและหลินเซียงอีกต่อไปหลังออกจากพื้นที่ก่อสร้าง หลินเซียงเดินไปยังสถานีรถไฟใต้ดินลู่สือเยี่ยนยังคงเดินตามหลังเธอ เสียงฝีเท้าที่หนักแน่นดังขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนเหยียบย่ำอยู่บนหัวใจหลินเซียงรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูกทั้งคู่หย่ากันแล้ว ทำไมเขายังคงรั้งเธอไว้ไม่ปล่อย?เธอหันไปมองเขา “คุณคิดจะทำอะไรกันแน่?”ลู่สือเยี่ยนล้วงมือลงในกระเป๋าเสื้อโค้ต ท่าทางสง่างามแต่ดูผ่อนคลายในเวลาเดียวกัน ได้ยินดังนั้นจึงยิ้มเล็กน้อย และพูดว่า “นั่งรถไฟใต
หลินเซียงหันไปมองทันที พบเพียงอาคารที่กำลังก่อสร้างหลายหลังโดยไม่มีสิ่งอื่นใดแต่สายตาที่มองมานั้นช่างจริงจังเหลือเกินหลินเซียงไม่คิดว่าตัวเองจะรู้สึกผิดพลาดแดดร้อนจัดส่องลงมาบนตัวเธอ เธอกลับรู้สึกหนาวเย็นเล็กน้อยตอนนี้เป็นฤดูใบไม้ร่วงแล้ว เธอจึงรวบเสื้อโค้ตสีเบจที่สวมอยู่แล้วเดินเร็วไปข้างหน้า ที่นี่ไม่ปลอดภัย จึงควรตรวจสอบให้เสร็จแล้วจากไปโดยเร็ว...รถหรูหลายคันจอดอยู่ที่ประตูทางเข้าพื้นที่ก่อสร้าง หัวหน้าคนงานมีสีหน้าอ่อนน้อมถ่อมตน ก่อนจะยื่นหมวกนิรภัยให้“ประธานลู่ครับ ที่นี่อันตราย ทำไมท่านถึงมาเองล่ะครับ?”ลู่สือเยี่ยนรูปร่างสูงโปร่งสง่างาม สวมโค้ตสีดำ ทั้งตัวดูสง่างามและเย็นชา ท่าทางการเคลื่อนไหวทุกอย่างแสดงถึงความสูงส่ง คิ้วเข้มบนใบหน้าหล่อเหลาแผ่พลังอำนาจอันร้ายกาจซ่งจั่วรับหมวกนิรภัยแล้วส่งให้เขาลู่สือเยี่ยนสวมหมวกไปพลางพูดไปพลางว่า “ผมมาไม่ได้เหรอ?”หวังกงถึงกับสะอึกไปครู่หนึ่งลู่สือเยี่ยนดูเหมือนยังหนุ่ม แต่ใครจะคิดว่านิสัยจะเข้าใจยากถึงเพียงนี้แต่ก่อนที่เขาจะพูดอะไรต่อ ลู่สือเยี่ยนก็เดินเข้าไปข้างในแล้วซ่งจั่วยิ้มบาง และพูดว่า “ที่นี่เป็นพื้นที่ที่ด
ไอ้ผู้ชายบ้าคนนี้เป็นหมูหรือไง?กินเก่งขนาดนี้เลยเหรอ?นั่นกับข้าวสองอย่างกับซุปอีกชามเลยนะ!อาหารสำหรับสองวันของเธอถูกเขากินหมดแล้ว!หลินเซียงยิ่งโมโหเข้าไปใหญ่ พรุ่งนี้ต้องไปเปลี่ยนรหัสที่ชั้นล่าง ไม่ให้เขาขึ้นมาได้!แล้วก็เปลี่ยนลูกบิดประตูด้วย!ตอนนี้เธอมีเงินเหลือเฟือ!หลินเซียงโมโหมาก เดินเข้าไปในห้องครัวเพื่อดูสภาพ แล้วก็เห็นกับข้าวที่อุ่นไว้บนเตาความโมโหของหลินเซียงชะงักไปชั่วขณะหึ!เธอยิ้มเยาะ แล้วหยิบกับข้าวที่อุ่นไว้มากินต่อเธอหิวจริง ๆ…วันรุ่งขึ้นหลินเซียงจ้างช่างมาเปลี่ยนลูกบิดประตู เปลี่ยนรหัสลิฟต์ แล้วค่อยไปทำงานวันนี้ซืออวี่มาเร็วมาก แต่กลับดูอิดโรยหลินเซียงถามด้วยความสงสัย “เป็นอะไรคะ? ช่วงนี้นอนไม่หลับเหรอ?”ซืออวี่หาว “ใช่แล้ว สองวันนี้ยุ่งมาก ฮอร์โมนแปรปรวนหมด ไม่สวยแล้ว”หลินเซียงหัวเราะ “งั้นก็กลับไปพักผ่อนเถอะค่ะ”ซืออวี่ส่ายหัว “ไม่ อยู่ที่นี่ก็พักได้”หลินเซียง “…”สุดยอดเลยเธอดึงเก้าอี้นั่งลง มีนมกล่องหนึ่งอยู่ตรงหน้า พอมองขึ้นไปก็เห็นสวี่ซิงเย่ยิ้มเขินอายเล็กน้อย“ผมซื้อนมมา แต่ลืมไปว่าตัวเองแพ้นม ถ้าคุณไม่รังเกียจก็ช่วยผมดื่มใ
หลินเซียงโมโหจนอยากจะเตะคน!“ปล่อย!”ลู่สือเยี่ยนก้มมองเธอ เดินเข้าไปพร้อมกับพูดว่า “ไม่ปล่อย ถ้าปล่อยเดี๋ยวคุณก็ตีผมสิ”หลินเซียงมองเขาด้วยความโมโห ไม่ใช่แค่ “เดี๋ยวก็” แต่เป็น “แน่ ๆ!”ผู้ชายคนนี้น่าทุบจริงๆ!เขาเดินสำรวจไปรอบ ๆ บ้านก็ไม่พบผู้ชายแปลกหน้าคนไหน ความเย็นชาของลู่สือเยี่ยนก็ลดลง เขาโอบหลินเซียงไปที่ห้องครัว เมื่อเห็นกับข้าวบนโต๊ะอาหารก็เลิกคิ้วเล็กน้อยเขาบีบเอวเธอเบา ๆ กระซิบว่า “คุณไม่ได้บอกว่าไม่ได้ทำกับข้าวหรือไง?”หลินเซียง “ฉันแค่ไม่อยากให้คุณเข้ามา ไม่อยากให้คุณกิน ฟังไม่ออกหรือไง?”ลู่สือเยี่ยน “ฟังออก แต่ผมไม่ทำตาม”หลินเซียง “…”น่าโมโหมาก!ผู้ชายคนนี้หน้าด้านจริง ๆ!เมื่อเห็นสีหน้าบึ้งตึงของเธอ อารมณ์ของลู่สือเยี่ยนกลับดีขึ้นโดยไม่รู้ตัว เขาปล่อยเธอ แล้วดึงเก้าอี้มานั่งข้าง ๆ หยิบตะเกียบขึ้นมากินช้อนส้อมนั้นเป็นของหลินเซียงข้าวในนั้น เธอกินไปคำหนึ่งแล้วด้วยซ้ำเมื่อเห็นท่าทางที่ไม่เกรงใจของเขา หลินเซียงกอดอก ถามว่า “ลู่สือเยี่ยน คุณหมายความว่ายังไง?”“หืม?”ลู่สือเยี่ยนกินข้าวไปด้วย เงยหน้ามองเธอ เหมือนกับว่าไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าเธอหมายความว่าอ
หลินเซียงได้ยินดังนั้นก็ประหลาดใจเล็กน้อย แล้วพูดว่า “ไม่ต้องแล้วค่ะพี่หาน ฉันกินข้าวเรียบร้อยแล้ว”ฉินโหย่วหานลอกว่า “งั้นไปกินของว่างก็ได้ หลินเซียง ผมดีใจกับคุณจริง ๆ”หลินเซียงกล่าวว่า “งั้นก็รอให้ทุกคนมีเวลาก่อน แล้วเราค่อยไปกินข้าวด้วยกันเถอะค่ะ”นั่นหมายความว่า เธอจะไม่กินข้าวกับฉินโหย่วหานตามลำพังฉินโหย่วหานเงียบไปชั่วขณะครู่ใหญ่จึงพูดว่า “หลินเซียง คุณไม่จำเป็นต้องปฏิเสธความหวังดีของคนอื่นอย่างเด็ดขาด ทุกอย่างควรจะเผื่อลู่ทางไว้บ้าง”ใจของหลินเซียงรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย พูดไม่ออกว่ารู้สึกอย่างไร เธอยิ้มรับ “พี่หาน ฉันรู้ค่ะ”ฉินโหย่วหาน “อืม ถ้าอยากผ่อนคลายก็ไปที่บาร์ของผมได้ เหล้าที่นั่นคุณดื่มได้ไม่อั้น”หลินเซียง “ได้ค่ะ ไว้ฉันจะไปกับซ่งซ่ง แล้วดื่มเหล้าของคุณให้หมดบาร์!”ฉินโหย่วหาน “ยินดีเลย”ทั้งสองคนคุยกันสักพัก แล้ววางสายหลินเซียงนั่งอยู่บนโซฟา มองเพดานที่สวยงาม รู้สึกอยากดื่มขึ้นมาจริง ๆแต่ซ่งซ่งยุ่งกลับมากเธอเดินไปเปิดตู้เย็นแล้วถึงกับอึ้งไปเห็นว่าในตู้เย็นเต็มไปด้วยวัตถุดิบสดใหม่ เป็นของที่เธอชอบทั้งนั้น มือที่จับขอบประตูตู้เย็นของเธอกำแน่นขึ้นค
ไฟถนนสว่างไสว ส่องสว่างครึ่งใบหน้าของลู่สือเยี่ยน คิ้วและดวงตาที่ลึกซึ้งของเขาถูกบดบังด้วยความมืดในรถ ทำให้มองไม่เห็นสีหน้าของเขาในตอนนี้เขาถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “งั้นคืนนี้คุณมีที่อยู่ไหม?”หลินเซียงตอบ “ฉันไปหาซ่งซ่งก็ได้ หรือไปพักโรงแรมก็ได้ เมืองอวิ๋นเฉิงออกจะใหญ่ขนาดนี้ แล้วฉันก็รวยขนาดนี้ จะไม่มีที่อยู่ได้ยังไง”“เหอะ!”ไม่รู้ว่าประโยคไหนทำให้ลู่สือเยี่ยนหัวเราะ เขาหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดว่า “เฟิงหลินหย่วนโอนกลับเป็นชื่อของคุณแล้ว คืนนี้คุณกลับไปที่นั่นก็ได้”หลินเซียงประหลาดใจ “ทำเรื่องเร็วขนาดนั้นเลยเหรอ?”ลู่สือเยี่ยน “ผมยังใจดีพาคุณไปส่งได้ด้วยนะ”หลินเซียง “ไม่ต้อง”พูดจบเธอก็หันหลังเดินจากไปลู่สือเยี่ยนพูดตามหลังเธอ “เราหย่ากันแล้ว กลัวว่าผมจะจับคุณกินเหรอ?”หลินเซียงไม่หันกลับมา “เราไม่มีความสัมพันธ์กันแล้ว ควรรักษาระยะห่างไว้บ้าง อย่าให้คนเข้าใจผิด แล้วมาโทษฉัน สร้างความเดือดร้อนให้ฉันอีก”ลู่สือเยี่ยนไม่พูดอะไรอีก ดวงตาที่มืดมนจ้องมองแผ่นหลังที่ผอมบางของเธอ จนกระทั่งเธอขึ้นรถกระจกรถของเขาค่อย ๆ เลื่อนขึ้น สีหน้าเปลี่ยนไปทันที เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาฟู่จิ่น
เซี่ยหว่านถือกล่องข้าวเดินเข้าไปในห้องทำงานซ่งจั่วเห็นดังนั้น รีบพูดว่า “คุณเซี่ย ข้างในมีแขกอยู่ คุณรอสักครู่แล้วค่อยเข้าไปดีไหมครับ?”เซี่ยหว่านมองเขา สีหน้าของเขาดูมีพิรุธเล็กน้อย แววตาของเธอฉายประกายบางอย่างก่อนพูดขึ้น “เที่ยงแล้ว จะมีแขกที่ไหนอีก?”พูดจบ เธอก็เดินเข้าไปในห้องทำงานทันทีซ่งจั่วมองดูแผ่นหลังของเธอพลางขมวดคิ้ว แต่ไม่ได้ขัดขวางเซี่ยหว่านผลักประตูห้องทำงานเข้าไป เห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ ลู่สือเยี่ยน กำลังก้มลงพูดอะไรบางอย่างกับเขา ท่าทางของทั้งสองคนดูสนิทสนมกันมากเซี่ยหว่านเห็นภาพนั้น ดวงตาของเธอก็ลุกวาวไปด้วยความโกรธทันที!“สือเยี่ยน ใครน่ะ?”ลู่สือเยี่ยนสีหน้าเปลี่ยนไป เหลือบมองเซี่ยหว่าน “ทำไมไม่เคาะประตู?”เซี่ยหว่านกำกล่องข้าวแน่น เดินเข้าไปอีกสองก้าวแล้วพูดว่า “สือเยี่ยน อย่าลืมเรื่องที่คุณย่าพูดนะ”ลู่สือเยี่ยนหันไปมองผู้หญิงคนนั้น และบอกว่า “นั่งรอก่อน”เจียงอินอินมองเซี่ยหว่าน รู้สึกได้ถึงความเป็นศัตรูของเซี่ยหว่านที่มีต่อตัวเอง เธอเลิกคิ้วเล็กน้อยเธอรู้จักเซี่ยหว่านก่อนหน้านี้ลู่สือเยี่ยนเคยจะหย่ากับหลินเซียงเพื่อเซี่ยหว่านที่แท้เป็
ใครบ้างโตขึ้นมาได้โดยไม่ต้องเอาบางอย่างเข้าแลก?คุณย่าลู่มองเขาด้วยสายตาแปลกประหลาด ครู่ใหญ่จึงถอนหายใจเบาๆ “ก็ได้ ฉันไม่บังคับให้เธอกับหว่านหว่านแต่งงานกันทันทีหรอก แต่สถานะว่าที่คู่หมั้นของหลานกับเธอนั้นเปลี่ยนไม่ได้ แล้วฉันก็ยอมรับแค่เธอคนเดียวเท่านั้นเป็นหลานสะใภ้”ลู่สือเยี่ยน “สะใภ้ของหลานคนไหน?”คุณย่าลู่ขมวดคิ้ว “ตอนนี้ฉันมีหลานชายแค่เธอคนเดียว!”ลู่สือเยี่ยน “งั้น ถ้าตระกูลลู่มีหลานชายเพิ่มอีกคน เธอก็ไม่ต้องแต่งงานกับผมแล้วใช่ไหมครับ?”“แก!”คุณย่าลู่โกรธจนตัวสั่น เครื่องตรวจจับการเต้นของหัวใจเริ่มส่งเสียงดัง สีหน้ายิ่งซีดลงไปเรื่อย ๆลู่สือเยี่ยนลุกขึ้นยืน “จากนี้ไปงานผมจะยุ่งมาก จะไม่มาทำให้คุณย่าปวดหัวอีก พูดตามตรงแล้ว ตอนที่คุณย่าสติเลอะเลือนเพ้อเจ้อยังน่ารักซะกว่า”พูดจบก็ไม่มองสีหน้าของคุณย่าลู่ เดินจากไปทันทีหมอและพยาบาลวิ่งเข้ามาเป็นกลุ่ม ตรวจสอบอาการของคุณย่าลู่ ช่วยปรับความดันโลหิตให้เธอตอนที่เซี่ยหว่านเข้ามา เห็นคุณย่าลู่หน้าซีด กำลังหายใจหอบ“คุณย่าลู่ เป็นไปคะ?”เธอปรี่เข้าไป วางมือทาบอกของคุณย่าลู่ ถามด้วยความเป็นห่วงคุณย่าลู่เห็นเธอเข้ามาก็คว้ามื
ซ่งซ่ง “สบายใจได้เลย ไอ้บ้านั่นแกล้งฉันไม่ลงหรอก พอฉันเบื่อก็จะถีบหัวส่งเอง”หลินเซียงรู้สึกไม่ค่อยดีกลัวที่สุดคือซ่งซ่งจะเล่นจนพลาด ทำให้ฟู่จิ่นซิ่วน้อยใจ เขาอาจจะเลวร้ายกว่าลู่สือเยี่ยนเสียอีกหลินเซียงบอกความกังวลของเธอ “ยังไงก็ระวังตัวด้วยนะ”ซ่งซ่ง “ได้ ๆ รู้แล้ว”หลินเซียง “งั้นฉันไม่รบกวนเวลาทำงานแล้ว ไปก่อนนะ บาย”“จุ๊บ จุ๊บ”…หลินเซียงกลับไปที่สตูดิโอโดยตรงสภาพจิตใจของเธอเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงสวี่ซิงเย่เป็นคนแรกที่สังเกตเห็น จึงถามด้วยรอยยิ้มว่า “เรื่องอะไรทำให้คุณมีความสุขขนาดนี้ครับ?”หลินเซียงประหลาดใจ “เห็นได้ชัดขนาดนั้นเลยเหรอ?”สวี่ซิงเย่พยักหน้า “ชัดแจ๋วเลย ก่อนหน้านี้คุณทำงานไม่เคยยิ้ม วันนี้ยิ้มตลอดเวลา”หลินเซียงลูบหน้า แล้วพูดว่า “อืม ปิดการขายได้น่ะ เซ็นสัญญาเสร็จเรียบร้อย ใกล้จะรวยแล้ว ก็เลยมีความสุข”สวี่ซิงเย่ “งั้นก็ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ”“ขอบคุณ”หลินเซียงยิ้มเล็กน้อย แล้วหันไปเปิดคอมพิวเตอร์เธอมองไปรอบ ๆ ออฟฟิศ พบว่าวันนี้ซืออวี่ไม่ได้มา แต่เธอก็ไม่ได้ใส่ใจ แล้วเริ่มทำงานทันทีที่โรงพยาบาลลู่สือเยี่ยนโยนใบหย่าลงตรงหน้าคุณย่าลู่ ดึ