“มีอะไรหรือเปล่า?”ลู่สือเยี่ยนเบี่ยงสายตาไป แล้วพูดเบา ๆ ว่า “ไม่มีอะไร”หลินเซียงรู้สึกงง ๆ จึงกินข้าวเพียงครึ่งชามแล้ววางตะเกียบลง “อิ่มแล้ว”แต่ลู่สือเยี่ยนก็เข็นชามซุปมาวางไว้ตรงหน้าเธอ “ดื่มอันนี้ให้หมด ไม่งั้นผมไม่ให้คุณกลับไปนอน”หลินเซียงขมวดคิ้ว ร่างกายแสดงออกถึงการต่อต้านแต่คำพูดของลู่สือเยี่ยนมีอำนาจเหนือกว่า เธอจึงหยิบช้อนขึ้นมาตักซุปดื่มระหว่างนั้นลู่สือเยี่ยนจ้องมองเธอไม่วางตา สายตาที่ร้อนแรงทำให้เธอรู้สึกอึดอัดเธอถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ แล้วพูดว่า “ฉันยังป่วยอยู่ อย่ามองฉันแบบนี้ได้ไหม?”ลู่สือเยี่ยนหัวเราะเบา ๆ “คุณเองไม่ใช่เหรอที่ยั่วผมก่อน?”เมื่อหลินเซียงได้ยินอย่างนั้น เธอก็เบิกตากว้างทันที “ฉัน… ฉันยั่ว… พูดอะไรบ้า ๆ เนี่ย?”เธอไปยั่วเขาตอนไหน?สายตาของลู่สือเยี่ยนมองไปที่หน้าอกของเธอด้วยแววตาสนใจหลินเซียงก้มลงมอง เมื่อเห็นจุดนูนสองจุดใต้ชุดนอนบาง ๆ ใบหน้าของเธอก็แดงก่ำทันที!เธอรีบปิดหน้าอกตัวเอง แล้วลุกขึ้นยืนให้ตายเถอะ!เธอออกมาโดยลืมสวมเสื้อคลุมไปสนิท!เธอเดินสะลึมสะลือโนบราออกมาและนั่งอยู่ต่อหน้าเขาตลอดเวลา ไม่แปลกที่เขาจะจ้องมองเธอแบบนั้
หลินเซียงตกใจ มองเขาอย่างสงสัย “ไม่ไปเปิดประตูล่ะ มาหาฉันทำไม?”ลู่สือเยี่ยนคว้ามือเธอไว้แล้วพูดว่า “ผมไม่อยากเปิดประตูคนเดียว คุณมาเป็นเพื่อนผมหน่อย”หลินเซียง “???”เธอยังไม่ทันได้ตั้งตัว เขาก็คว้ามือเธอแล้วเดินไปที่ประตูคิดฟุ้งซ่านอะไรของเขาเนี่ย?เธอพยายามดิ้น “ไม่ไป ฉันอยากพักผ่อน”ลู่สือเยี่ยนพูดเสียงเบา “ตอนนี้มันตีอะไรแล้ว ใครมาเคาะประตูเวลานี้? คุณมาดูด้วยกันสิ”เขาไม่พูดก็ไม่เป็นไร แต่พอเขาพูดแบบ เธอถึงกับขนลุกซู่!“ฉันก็กลัวเหมือนกัน ปล่อยฉัน!”หลินเซียงเริ่มหัวเสียแต่ลู่สือเยี่ยนกลับพาเธอไปที่ประตู และเปิดประตูออกทันที มีคนล้มเข้ามาลู่สือเยี่ยนโอบหลินเซียงไว้ เลี่ยงจากคนที่ล้มเข้ามาอย่างว่องไว คนคนนั้นล้มลงไป“สือเยี่ยน…”เสียงอ่อนโยนแฝงด้วยความเศร้าดังขึ้น ลู่สือเยี่ยนกับหลินเซียงมองลงไปที่พื้น พบว่าเซี่ยหว่านกำลังลุกขึ้นอย่างลำบาก ขาเทียมของเธอหลุดออกมา!หลินเซียงเบิกตาโพรงลู่สือเยี่ยนขมวดคิ้วเซี่ยหว่านยืนด้วยขาข้างเดียว มองดูขาเทียมที่หลุดออกมาด้วยความตกใจ จากนั้นก็เต็มไปด้วยความเศร้าและความรู้สึกด้อยค่า“ขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำให้พวกคุณตกใจ
เธอกอดขาเทียมไว้ ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง แต่ก็พยายามทำเป็นเข้มแข็ง แต่ท่าทางที่ดูเหมือนจะล้มได้ทุกเมื่อทำให้คนอื่นรู้สึกสงสาร!หลินเซียงบอกว่า “ฉันจะพาคุณกลับเอง คุณพักอยู่ชั้นไหน?”“ไม่ต้อง”เซี่ยหว่านปฏิเสธทันที ก่อนจะหันไปมองลู่สือเยี่ยน “สือเยี่ยน ลาก่อนนะ”จากนั้นก็กระโดดขาเดียวไปที่ลิฟต์ ด้วยท่าทางที่อ่อนแอและเปราะบางลู่สือเยี่ยนเดินเข้าไปช่วยพยุงแขนเธอไว้ “ผมช่วย”ตาของเซี่ยหว่านแดงขึ้นมาทันที “สือเยี่ยน ไม่ต้องหรอก ค่ะมาเป็น ค่ะ ฉันกลับเองได้…”แต่ลู่สือเยี่ยนไม่พูดอะไร พาเธอเดินไปที่ลิฟต์เซี่ยหว่านจ้องมองเขา น้ำตาไหลลงมา ความรักในดวงตาของเธอเข้มข้นราวกับจะหลอมละลายเขาให้ได้หลินเซียงมองเหตุการณ์นี้อยู่ที่หน้าประตู จะพูดอย่างไรดี?ขาของเซี่ยหว่านขาดเพราะลู่สือเยี่ยน ลู่สือเยี่ยนควรรับผิดชอบต่อเธอเธอเข้าใจเหตุผลดีแต่เธอกลับรู้สึกไม่สบายใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นเซี่ยหว่านโอบกอดขาเทียมแล้วร้องไห้ เธอก็รู้สึกไม่สบายใจยิ่งขึ้นรู้สึกว่าเซี่ยหว่านไม่ได้มีเจตนาดีหลินเซียงก้มหน้าลง รู้สึกว่าตัวเองช่างใจร้าย เซี่ยหว่านถึงขั้นเสียขาไป เธอยังมัวหึงอะไรไร้ส
เขาเป็นปีศาจแบบไหนกันแน่? บุญคุณขนาดนี้วางอยู่ตรงหน้า เขากลับเฉยเมย! คนแบบนี้น่ากลัวจริง ๆ!เซี่ยหว่านหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทรออก บอกเล่าเรื่องราวให้คนปลายสายฟัง อีกฝ่ายเงียบไปพักหนึ่ง“ตอนนี้ฉันควรทำยังไงต่อ? ใช้บุญคุณบังคับเขาไม่ได้แล้ว ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว” เซี่ยหว่านพูดด้วยความสับสนอีกฝ่ายพูดช้า ๆ “งั้นก็เริ่มจากหลินเซียงดูสิ เธอคนนั้นกับเขาไม่เหมือนกัน”เซี่ยหว่านกำโทรศัพท์แน่น “จริงเหรอ? เขารักผู้หญิงคนนั้นจริง ๆ เหรอ?”อีกฝ่ายหัวเราะ “รักหรือไม่รัก เธอยังดูไม่ออกอีกเหรอ?”เซี่ยหว่านเริ่มไม่แน่ใจแล้วถ้าเกิดว่าเขากับหลินเซียงก็แค่แสดงละครตบตาล่ะ? ถ้าอย่างนั้นคนคนนี้ก็อันตรายเกินไป!อีกฝ่ายพูดขึ้นอย่างช้า ๆ “ลองพิสูจน์ดูเดี๋ยวก็รู้เอง อย่าลืมล่ะว่าเขาตายยังไง”เซี่ยหว่านใจเย็นลงทันที ดวงตาเต็มไปด้วยความแค้น “ฉันไม่ลืมหรอกค่ะ ฉันจะต้องแก้แค้นแทนเขา!”ขณะที่หลินเซียงกำลังจะหลับ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เธอเปิดดู เป็นลู่สือเยี่ยนที่โทรมาหืม? เขาโทรมาทำไมเอาป่านนี้?หลินเซียงรับสายด้วยความสงสัย “ฮัลโหล?”เสียงเย็นชาของลู่สือเยี่ยนดังขึ้นมา “เปิดประตูหน่อย”หลินเซียงตกใจ
หลินเซียงอาบน้ำเสร็จออกมา ก็เห็นลู่สือเยี่ยนนั่งอยู่บนโซฟา ซ่งจั่วกำลังรายงานอะไรบางอย่างให้เขาฟังระหว่างนั้น ลู่สือเยี่ยนก็ไอเป็นระยะ ๆหลินเซียงกินข้าวของตัวเอง กินเสร็จแล้วก็พูดว่า “ฉันจะไปจากเทศมณฑลอัน”ลู่สือเยี่ยนเงยหน้าขึ้นมองเธอทันที “เกิดเรื่องมากมายขนาดนี้ คุณยังจะไปอีกเหรอ?”หลินเซียงตอบว่า “อยู่ที่นี่มันอันตราย ออกไปอยู่ที่อื่นน่าจะปลอดภัยกว่า”ลู่สือเยี่ยนจ้องมองเธอเงียบ ๆ “แล้วถ้าผมไม่ให้คุณไปล่ะ?”หลินเซียง “งั้นก็ไม่ไป”ลู่สือเยี่ยนถึงกับพูดไม่ออก ไม่คิดว่าเธอจะตอบตกลงง่ายขนาดนี้ หลินเซียงนั่งอยู่ตรงข้ามเขา และกล่าวว่า “แต่คุณจะให้ฉันอยู่ข้าง ๆ คุณทำไม? ถ้าเกิดคุณโมโหจนตายขึ้นมา คนที่ต้องรับผิดชอบทางกฎหมายก็ไม่พ้นฉัน”ลู่สือเยี่ยนจ้องมองเธออย่างเย็นชา แล้วก็ไอออกมาอย่างแรงใบหน้าซีดเผือดแบบนี้ ดูหล่อเหลาเย้ายวนไปอีกแบบซ่งจั่วบอกว่า “ประธานลู่ อย่าโมโหเลยครับ”แล้วก็หันไปมองหลินเซียง “คุณหลินครับ ประธานลู่เตือนก็เพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของคุณ เรื่องวุ่นวายที่นี่กำลังจะจบแล้ว ถ้าคุณอยากไป ก็ไว้ค่อยกลับไปพร้อมกับประธานลู่ดีกว่า”“ซ่งจั่ว”ลู่สือเยี่ยนเรียก
น่าโมโห! หลินเซียงโกรธจนหน้าอกหายใจไม่ออก ซ่งจั่วยืนอยู่ข้าง ๆ ลังเลแล้วพูดว่า “จริง ๆ แล้ว เรื่องนี้…”“เงียบ!”“เงียบ!”เสียงพูดพร้อมกันดังขึ้น ซ่งจั่วรีบปิดปากเงียบ ไม่กล้าพูดอะไรอีกน่ากลัวมากคนแบบนี้จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขได้ยังไง?หลินเซียงโมโห หัวเราะเยาะ แล้วหันหลังเดินจากไปแต่พอเปิดประตูก็เห็นบอดี้การ์ดหลายคนยืนอยู่ เมื่อเห็นเธอออกมาก็รีบเข้ามาขวางหลินเซียงทำเป็นไม่เห็น เดินตรงไปบอดี้การ์ดหลายคนสีหน้าเปลี่ยน ถ้าไม่หลบให้ก็จะสัมผัสเข้ากับอะไรที่ไม่ควรสัมผัส! และถ้าเป็นแบบนั้น ประธานลู่ก็คงตัดมือพวกเขาแน่!พวกเขารีบถอยหลัง แต่ก็ยังคงยืนขวางหลินเซียงอยู่หลินเซียงรู้ทันทีว่าพวกเขากังวลอะไร จึงยิ่งเดินรุดไปข้างหน้าอย่างไม่ใส่ใจจนกระทั่งพวกเขาไปถึงลิฟต์ด้วยท่าทางแปลก ๆบอดี้การ์ดที่เป็นผู้นำเช็ดเหงื่อที่หน้าผากแล้วพูดว่า “คุณผู้หญิง อย่าทำให้เราลำบากเลยครับ”หลินเซียงบอกว่า “พวกคุณอย่าขวางฉันก็พอ”บอดี้การ์ดพูดว่า “ถ้าคุณไป พวกเราทุกคนต้องตายแน่”หลินเซียงหัวเราะเยาะ “ฉันอยากเห็นเขาฆ่าคนเหมือนกัน คราวนี้จะได้เข้าคุกไปเลย ต่อไปก็จะไม่มีใครมาขวางฉัน
สามวันต่อมาลู่สือเยี่ยนจัดการเรื่องต่าง ๆ ที่นี่เสร็จแล้ว ต่อไปก็จะส่งคนอื่นมาตรวจสอบและเตรียมเซ็นสัญญาลงทุนเขาไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ต่อเดินทางกลับไปยังเมืองอวิ๋นเฉิงบอดี้การ์ดยกสัมภาระของหลินเซียงขึ้นรถลู่สือเยี่ยนคว้ามือเธอไว้ “คิดอะไรอยู่?”หลินเซียงมองมือทั้งสองข้างที่จับกันอยู่ ไม่พูดอะไรลู่สือเยี่ยนมองเธอสักพัก จากนั้นก็พาเธอขึ้นรถเพิ่งออกจากเทศมณฑลอันได้ไม่นาน โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น เขาเหลือบมอง สีหน้าเย็นชาลงทันใดเป็นเจียงเนี่ยนอวี๋นั่นเองที่โทรมา“ฮัลโหล?”เขารับสาย น้ำเสียงเย็นชาไร้ความรู้สึกเจียงเนี่ยนอวี๋พูดว่า “พี่สือเยี่ยน ฉันกำลังจะไปต่างประเทศ พี่จะมาส่งฉันไหม?”ผ่านไปนานขนาดนี้ เจียงเนี่ยนอวี๋ก็ยังไม่ยอมมาขอโทษหลินเซียงทางด้านธุรกิจ ลู่สือเยี่ยนเล่นงานตระกูลเจียงอย่างหนัก ตอนนี้ตระกูลเจียงกำลังตกที่นั่งลำบากเจียงจิ่นหรงทนความหัวรั้นของลูกสาวไม่ไหว จึงต้องส่งเธอไปอยู่ต่างประเทศ เพื่อลดโอกาสในการขอโทษลู่สือเยี่ยนลงลู่สือเยี่ยนน้ำเสียงเย็นชาลงกว่าเดิม “ดูเหมือนว่าตระกูลเจียงอยู่หรือไม่อยู่ก็ไม่มีผลอะไรกับเธอสินะ”เจียงเนี่ยนอวี๋ร้องไห้ “พี่ส
บนเครื่องบิน เธอจึงขอผ้าห่มจากแอร์โฮสเตส! แต่ก็ไม่มีประโยชน์อะไรสาวสวยหันมามองลู่สือเยี่ยน เห็นสีหน้าเขาแย่มาก เหมือนกับว่าคนอื่นไปขโมยเงินเขาไปหลายล้านทันใดนั้นสาวสวยจึงเข้าใจทันทีว่าทำไมผู้หญิงคนก่อนถึงยอมสลับที่นั่งกับเธอ!นั่งติดกับคนแบบนี้ เป็นใครก็คงเครียดจนเป็นโรคจิต สาวสวยจึงลุกขึ้น เก็บของแล้วกลับไปที่ชั้นประหยัดหลินเซียงกำลังนอนหลับก็ถูกปลุกขึ้นมา เธอถอดที่ปิดตาออก เห็นสาวสวยที่เพิ่งจะขอสลับที่นั่งเดินกลับมา“สวัสดีค่ะ ฉันไม่อยากแลกที่นั่งแล้ว ฉันชอบตรงนี้มากกว่า เรากลับไปนั่งที่เดิมกันเถอะค่ะ”หลินเซียงอึ้งไป “ที่นี่เป็นชั้นประหยัด ตรงโน้นนั่งสบายกว่าที่นี่นะคะ”แต่สาวสวยกลับพูดว่า “ฉันชอบที่นี่ค่ะ แล้วที่นี่ก็เป็นที่ของฉันอยู่แล้ว โปรดคืนให้ฉันด้วย”หลินเซียง “…”เธอเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วก็สลับที่นั่งคืนให้สาวสวยพอกลับมาที่ชั้นธุรกิจ ก็เห็นลู่สือเยี่ยนนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยสีหน้าเย็นชา ดวงตาเรียวเล็กสีดำสนิทจ้องมองเธออย่างลึกลับ“กลับมาทำไม?”หลินเซียง “ยุ่งอะไรกับฉันล่ะ”ในที่สุดเธอก็เข้าใจแล้วว่าทำไมสาวสวยถึงยืนยันที่จะกลับไปที่เดิมมีเขานั่งอยู่ข้าง ๆ ด้ว
หลินเซียงได้ยินดังนั้นก็ประหลาดใจเล็กน้อย แล้วพูดว่า “ไม่ต้องแล้วค่ะพี่หาน ฉันกินข้าวเรียบร้อยแล้ว”ฉินโหย่วหานลอกว่า “งั้นไปกินของว่างก็ได้ หลินเซียง ผมดีใจกับคุณจริง ๆ”หลินเซียงกล่าวว่า “งั้นก็รอให้ทุกคนมีเวลาก่อน แล้วเราค่อยไปกินข้าวด้วยกันเถอะค่ะ”นั่นหมายความว่า เธอจะไม่กินข้าวกับฉินโหย่วหานตามลำพังฉินโหย่วหานเงียบไปชั่วขณะครู่ใหญ่จึงพูดว่า “หลินเซียง คุณไม่จำเป็นต้องปฏิเสธความหวังดีของคนอื่นอย่างเด็ดขาด ทุกอย่างควรจะเผื่อลู่ทางไว้บ้าง”ใจของหลินเซียงรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย พูดไม่ออกว่ารู้สึกอย่างไร เธอยิ้มรับ “พี่หาน ฉันรู้ค่ะ”ฉินโหย่วหาน “อืม ถ้าอยากผ่อนคลายก็ไปที่บาร์ของผมได้ เหล้าที่นั่นคุณดื่มได้ไม่อั้น”หลินเซียง “ได้ค่ะ ไว้ฉันจะไปกับซ่งซ่ง แล้วดื่มเหล้าของคุณให้หมดบาร์!”ฉินโหย่วหาน “ยินดีเลย”ทั้งสองคนคุยกันสักพัก แล้ววางสายหลินเซียงนั่งอยู่บนโซฟา มองเพดานที่สวยงาม รู้สึกอยากดื่มขึ้นมาจริง ๆแต่ซ่งซ่งยุ่งกลับมากเธอเดินไปเปิดตู้เย็นแล้วถึงกับอึ้งไปเห็นว่าในตู้เย็นเต็มไปด้วยวัตถุดิบสดใหม่ เป็นของที่เธอชอบทั้งนั้น มือที่จับขอบประตูตู้เย็นของเธอกำแน่นขึ้นค
ไฟถนนสว่างไสว ส่องสว่างครึ่งใบหน้าของลู่สือเยี่ยน คิ้วและดวงตาที่ลึกซึ้งของเขาถูกบดบังด้วยความมืดในรถ ทำให้มองไม่เห็นสีหน้าของเขาในตอนนี้เขาถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “งั้นคืนนี้คุณมีที่อยู่ไหม?”หลินเซียงตอบ “ฉันไปหาซ่งซ่งก็ได้ หรือไปพักโรงแรมก็ได้ เมืองอวิ๋นเฉิงออกจะใหญ่ขนาดนี้ แล้วฉันก็รวยขนาดนี้ จะไม่มีที่อยู่ได้ยังไง”“เหอะ!”ไม่รู้ว่าประโยคไหนทำให้ลู่สือเยี่ยนหัวเราะ เขาหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดว่า “เฟิงหลินหย่วนโอนกลับเป็นชื่อของคุณแล้ว คืนนี้คุณกลับไปที่นั่นก็ได้”หลินเซียงประหลาดใจ “ทำเรื่องเร็วขนาดนั้นเลยเหรอ?”ลู่สือเยี่ยน “ผมยังใจดีพาคุณไปส่งได้ด้วยนะ”หลินเซียง “ไม่ต้อง”พูดจบเธอก็หันหลังเดินจากไปลู่สือเยี่ยนพูดตามหลังเธอ “เราหย่ากันแล้ว กลัวว่าผมจะจับคุณกินเหรอ?”หลินเซียงไม่หันกลับมา “เราไม่มีความสัมพันธ์กันแล้ว ควรรักษาระยะห่างไว้บ้าง อย่าให้คนเข้าใจผิด แล้วมาโทษฉัน สร้างความเดือดร้อนให้ฉันอีก”ลู่สือเยี่ยนไม่พูดอะไรอีก ดวงตาที่มืดมนจ้องมองแผ่นหลังที่ผอมบางของเธอ จนกระทั่งเธอขึ้นรถกระจกรถของเขาค่อย ๆ เลื่อนขึ้น สีหน้าเปลี่ยนไปทันที เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาฟู่จิ่น
เซี่ยหว่านถือกล่องข้าวเดินเข้าไปในห้องทำงานซ่งจั่วเห็นดังนั้น รีบพูดว่า “คุณเซี่ย ข้างในมีแขกอยู่ คุณรอสักครู่แล้วค่อยเข้าไปดีไหมครับ?”เซี่ยหว่านมองเขา สีหน้าของเขาดูมีพิรุธเล็กน้อย แววตาของเธอฉายประกายบางอย่างก่อนพูดขึ้น “เที่ยงแล้ว จะมีแขกที่ไหนอีก?”พูดจบ เธอก็เดินเข้าไปในห้องทำงานทันทีซ่งจั่วมองดูแผ่นหลังของเธอพลางขมวดคิ้ว แต่ไม่ได้ขัดขวางเซี่ยหว่านผลักประตูห้องทำงานเข้าไป เห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ ลู่สือเยี่ยน กำลังก้มลงพูดอะไรบางอย่างกับเขา ท่าทางของทั้งสองคนดูสนิทสนมกันมากเซี่ยหว่านเห็นภาพนั้น ดวงตาของเธอก็ลุกวาวไปด้วยความโกรธทันที!“สือเยี่ยน ใครน่ะ?”ลู่สือเยี่ยนสีหน้าเปลี่ยนไป เหลือบมองเซี่ยหว่าน “ทำไมไม่เคาะประตู?”เซี่ยหว่านกำกล่องข้าวแน่น เดินเข้าไปอีกสองก้าวแล้วพูดว่า “สือเยี่ยน อย่าลืมเรื่องที่คุณย่าพูดนะ”ลู่สือเยี่ยนหันไปมองผู้หญิงคนนั้น และบอกว่า “นั่งรอก่อน”เจียงอินอินมองเซี่ยหว่าน รู้สึกได้ถึงความเป็นศัตรูของเซี่ยหว่านที่มีต่อตัวเอง เธอเลิกคิ้วเล็กน้อยเธอรู้จักเซี่ยหว่านก่อนหน้านี้ลู่สือเยี่ยนเคยจะหย่ากับหลินเซียงเพื่อเซี่ยหว่านที่แท้เป็
ใครบ้างโตขึ้นมาได้โดยไม่ต้องเอาบางอย่างเข้าแลก?คุณย่าลู่มองเขาด้วยสายตาแปลกประหลาด ครู่ใหญ่จึงถอนหายใจเบาๆ “ก็ได้ ฉันไม่บังคับให้เธอกับหว่านหว่านแต่งงานกันทันทีหรอก แต่สถานะว่าที่คู่หมั้นของหลานกับเธอนั้นเปลี่ยนไม่ได้ แล้วฉันก็ยอมรับแค่เธอคนเดียวเท่านั้นเป็นหลานสะใภ้”ลู่สือเยี่ยน “สะใภ้ของหลานคนไหน?”คุณย่าลู่ขมวดคิ้ว “ตอนนี้ฉันมีหลานชายแค่เธอคนเดียว!”ลู่สือเยี่ยน “งั้น ถ้าตระกูลลู่มีหลานชายเพิ่มอีกคน เธอก็ไม่ต้องแต่งงานกับผมแล้วใช่ไหมครับ?”“แก!”คุณย่าลู่โกรธจนตัวสั่น เครื่องตรวจจับการเต้นของหัวใจเริ่มส่งเสียงดัง สีหน้ายิ่งซีดลงไปเรื่อย ๆลู่สือเยี่ยนลุกขึ้นยืน “จากนี้ไปงานผมจะยุ่งมาก จะไม่มาทำให้คุณย่าปวดหัวอีก พูดตามตรงแล้ว ตอนที่คุณย่าสติเลอะเลือนเพ้อเจ้อยังน่ารักซะกว่า”พูดจบก็ไม่มองสีหน้าของคุณย่าลู่ เดินจากไปทันทีหมอและพยาบาลวิ่งเข้ามาเป็นกลุ่ม ตรวจสอบอาการของคุณย่าลู่ ช่วยปรับความดันโลหิตให้เธอตอนที่เซี่ยหว่านเข้ามา เห็นคุณย่าลู่หน้าซีด กำลังหายใจหอบ“คุณย่าลู่ เป็นไปคะ?”เธอปรี่เข้าไป วางมือทาบอกของคุณย่าลู่ ถามด้วยความเป็นห่วงคุณย่าลู่เห็นเธอเข้ามาก็คว้ามื
ซ่งซ่ง “สบายใจได้เลย ไอ้บ้านั่นแกล้งฉันไม่ลงหรอก พอฉันเบื่อก็จะถีบหัวส่งเอง”หลินเซียงรู้สึกไม่ค่อยดีกลัวที่สุดคือซ่งซ่งจะเล่นจนพลาด ทำให้ฟู่จิ่นซิ่วน้อยใจ เขาอาจจะเลวร้ายกว่าลู่สือเยี่ยนเสียอีกหลินเซียงบอกความกังวลของเธอ “ยังไงก็ระวังตัวด้วยนะ”ซ่งซ่ง “ได้ ๆ รู้แล้ว”หลินเซียง “งั้นฉันไม่รบกวนเวลาทำงานแล้ว ไปก่อนนะ บาย”“จุ๊บ จุ๊บ”…หลินเซียงกลับไปที่สตูดิโอโดยตรงสภาพจิตใจของเธอเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงสวี่ซิงเย่เป็นคนแรกที่สังเกตเห็น จึงถามด้วยรอยยิ้มว่า “เรื่องอะไรทำให้คุณมีความสุขขนาดนี้ครับ?”หลินเซียงประหลาดใจ “เห็นได้ชัดขนาดนั้นเลยเหรอ?”สวี่ซิงเย่พยักหน้า “ชัดแจ๋วเลย ก่อนหน้านี้คุณทำงานไม่เคยยิ้ม วันนี้ยิ้มตลอดเวลา”หลินเซียงลูบหน้า แล้วพูดว่า “อืม ปิดการขายได้น่ะ เซ็นสัญญาเสร็จเรียบร้อย ใกล้จะรวยแล้ว ก็เลยมีความสุข”สวี่ซิงเย่ “งั้นก็ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ”“ขอบคุณ”หลินเซียงยิ้มเล็กน้อย แล้วหันไปเปิดคอมพิวเตอร์เธอมองไปรอบ ๆ ออฟฟิศ พบว่าวันนี้ซืออวี่ไม่ได้มา แต่เธอก็ไม่ได้ใส่ใจ แล้วเริ่มทำงานทันทีที่โรงพยาบาลลู่สือเยี่ยนโยนใบหย่าลงตรงหน้าคุณย่าลู่ ดึ
หลินเซียงรู้สึกสงสัยเล็กน้อย “ทำไมจดล็อบบี้ไม่ได้เหรอคะ?”เจ้าหน้าที่กล่าวว่า “คุณผู้หญิง วันนี้ที่ล็อบบี้คนเยอะ เชิญทั้งสองท่านไปชั้นบนดีกว่า”หลินเซียงเหลือบมองไปที่เคาน์เตอร์รับเรื่องหย่า เห็นว่าคนแน่นจริง ๆอย่างนี้นี่เอง สมัยนี้การแต่งงานส่วนใหญ่คงไปกันไม่รอดสินะ?เธอไม่คิดอะไรมาก รีบตามเจ้าหน้าที่ขึ้นไปชั้นบนในห้องทำงานของนายทะเบียน ทั้งสองคนกรอกเอกสารเพิ่มเติม แล้วก็เข้าสู่เรื่องการแบ่งทรัพย์สินลู่สือเยี่ยนหยิบสัญญาฉบับหนึ่งให้เธอ “นี่คือค่าชดเชยให้คุณ”หลินเซียงรับมาดู พอเห็นชื่อบางชื่อ ดวงตาของเธอก็เบิกกว้างบ้านที่เฟิงหลินหย่วน เขากลับยกให้เธอบ้านหลังนั้นเธอขายไปแล้วไม่ใช่เหรอ?เขาซื้อคืนมาเมื่อไหร่?หรือว่าเป็นอีกหลังหนึ่ง?นั่นเป็นบ้านหลังใหญ่หลังแรกที่เขาให้เธอ มีความทรงจำดี ๆ เธอยังคงชอบมันอยู่เธอมองลงไปด้านล่าง ยังมีค่าชดเชยการหย่าอีกห้าสิบล้านเยี่ยมไปเลย เธอกลายเป็นมหาเศรษฐีแล้วลู่สือเยี่ยนจ้องมองเธออย่างลึกซึ้ง “มีอะไรสงสัยไหม?”หลินเซียงส่ายหัว “ไม่มีค่ะ”จากนั้นก็ถึงขั้นตอนการเซ็นชื่อไม่นาน นายทะเบียนก็มอบใบหย่าให้ทั้งสองคนแต่ลู่สือเยี่ยนไม
หลินเซียงกลับไปที่สตูดิโอสวี่ซิงเย่เห็นสีหน้าที่ผิดปกติของเธอ จึงถามว่า “หลินเซียง คุณไม่สบายหรือเปล่าครับ?”หลินเซียงส่ายหัว “เปล่า อาจจะแค่พักผ่อนไม่เพียงพอ”สวี่ซิงเย่กังวลเล็กน้อย “ยังมีอะไรที่ยังทำไม่เสร็จอยู่ไหมครับ? ให้ผมช่วยก็ได้ ผมจะช่วยคุณเอง”หลินเซียง “ไม่มีแล้ว ขอบคุณมาก”สวี่ซิงเย่ยังอยากจะพูดอะไรอีก ซืออวี่ก็เดินเข้ามา “เสี่ยวสวี่ ออกไปข้างนอกกับฉันหน่อย!”สวี่ซิงเย่พยักหน้า “ได้ครับ”ช่วงนี้ ซืออวี่มักจะพาสวี่ซิงเย่ออกไปข้างนอก เขามีความสามารถ แถมยังดื่มเหล้าเก่ง ถนัดการเข้าร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ทางธุรกิจมากมาย ด้วยความสามารถของเขาทำให้ดึงดูดทรัพยากรได้มาก ตอนนี้เริ่มทำแบบร่างโครงการด้วยตัวเองแล้วหลินเซียงมองตามพวกเขาออกไป ในใจเกิดความสงสัยเล็กน้อยช่วงนี้งานเลี้ยงเยอะเกินไปหรือเปล่า?ก่อนหน้านี้ไม่เห็นจะเป็นแบบนี้เลยสวี่ซินหรานพูดขึ้นมาทันที “หึ ก่อนหน้านี้บอสมักจะพาเธอออกไป ให้ความสำคัญกับเธอมาก ตอนนี้เป็นไงล่ะ ดูเหมือนความสามารถของสวี่ซิงเย่จะโดดเด่นกว่าเธอนะ”หลินเซียง “งั้นเธอมีดีอะไรบ้างล่ะ?”สวี่ซินหรานอึ้ง ไม่คิดว่าเธอจะโต้กลับหลินเซียงมองเธออย่
คุณย่าลู่ขู่จะตาย! สีหน้าของลู่สือเยี่ยนเปลี่ยนไปทันทีเซี่ยหว่านรีบเข้าไป พร้อมกับร้องไห้พูดว่า “คุณย่าลู่ค่ะ อย่าพูดอย่างนั้นเลย ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าสุขภาพของคุณแล้วค่ะ เราไปตรวจกันก่อนดีไหมคะ?”คุณย่าลู่มองเธอด้วยความปลื้มปิติ “หว่านหว่าน เธอนี่เป็นเด็กดีจริง ๆ ตระกูลลู่เป็นหนี้เธอมากเกินไปแล้ว ถ้าฉันไม่ทำอะไรสักอย่าง สู้ตายไปยังไม่เจ็บช้ำเท่า”เซี่ยหว่านร้องไห้จนพูดไม่ออก!สถานการณ์ตึงเครียดขึ้นมาทันทีลู่สือเยี่ยนไม่ยอม คุณย่าลู่ก็ยิ่งหน้าซีดลงเรื่อย ๆ เธอจับจ้องราวกับจะคาดคั้นรอการตัดสินใจของเขาหลินเซียงเดินเข้าไป มองลู่สือเยี่ยนแล้วพูดว่า “เราไปหย่ากันก่อนเถอะ สุขภาพของย่าสำคัญกว่า”คุณย่าลู่มองลู่สือเยี่ยนด้วยความกระวนกระวายลู่สือเยี่ยนหันไปมองหลินเซียงอย่างรวดเร็ว กระตุกมุมปาก “ผลลัพธ์ที่เป็นอยู่ตอนนี้ คุณคงพอใจแล้วใช่ไหม?”หลินเซียงเม้มริมฝีปาก พูดว่า “แต่สุขภาพของย่าสำคัญกว่า”ลู่สือเยี่ยนพยักหน้า “ได้ หย่าก็หย่า”คุณย่าลู่ก็โล่งใจขึ้นมาทันที นอนลงบนเตียงแล้วหลับไปหมอและพยาบาลพาคุณย่าลู่ไปห้องตรวจเซี่ยหว่านเช็ดน้ำตาบนใบหน้า มองลู่สือเยี่ยนแล้วพูดว่า “สือเยี่
คุณย่าลู่ “จะมีใครทำร้ายเธอได้ยังไง? นั่นเป็นแค่การคาดเดาของเธอเท่านั้น”“เหอะ!”ลู่สือเยี่ยนหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดต่อ “คุณย่าครับ คนคนหนึ่งที่เพิ่งฟื้นขึ้นมาแต่ความจำเสื่อม จะไปอยู่บนถนนได้ยังไง? คนดูแลที่บ้านเราล่ะ? หายหัวไปไหนหมด?”คุณย่าลู่เงียบไปลู่สือเยี่ยนพูดต่อ “ตอนนั้นเธอเป็นคนที่ช่วยผม พาผมกลับบ้าน ถ้าไม่ใช่เธอ วันนี้ย่าก็คงไม่ได้เจอหน้าผมแล้ว”คุณย่าลู่มองหลินเซียง แล้วพูดขึ้นมาทันทีว่า “ความจริงเป็นแค่เรื่องบังเอิญหรือเปล่า ตอนนี้ยังสรุปไม่ได้ ถ้าเกิดเธอรู้ตัวตนของหลานตั้งแต่แรกล่ะ?”“ฉันไม่รู้ค่ะ”หลินเซียงรู้สึกว่าเธอควรจะพูดอะไรสักอย่างเธอมองคุณย่าลู่อย่างสงบ “คุณย่าคะ ฉันไม่รู้ว่าทำไมคุณย่าถึงได้เกลียดฉันขนาดนี้ แต่เมื่อก่อนย่าไม่ใช่แบบนี้ แถมยังชอบฉันมาก ถึงกับบอกเขาว่า ถ้าเขาทำร้ายฉัน คุณย่าจะช่วยฉันตีเขา ฉันยังจำคำพูดพวกนั้นได้อยู่เลย”เธอหายใจออกเบา ๆ แล้วพูดต่อ “แต่แน่นอนค่ะ คุณย่าจำไม่ได้ งั้นก็ไม่สำคัญแล้ว ฉันไม่รู้จักตัวตนของเขาตั้งแต่แรก จนกระทั่งเขาได้ความทรงจำกลับมา แล้วมาเปิดตัวในที่ที่ฉันทำงานอยู่ ฉันถึงได้รู้จักตัวตนของเขา”คุณย่าลู่เงียบไป ใบหน้