“ไม่เป็นไร”หลินเซียงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “เรื่องเมื่อห้าปีก่อนฉันไม่ถือโทษ เพราะเห็นแก่บุญคุณที่เธอเลี้ยงดูฉันมา แต่หลังจากคืนนั้น บุญคุณก็ถือว่าชดใช้กันหมดแล้ว แต่ครั้งนี้ฉันคงไม่ปล่อยเธอไป เธอกล้าทำอะไรลงไป ก็ต้องกล้ารับผิดชอบ ถ้าเธอบริสุทธิ์ใจจริง เดี๋ยวก็ถูกปล่อยตัวออกมาเอง”ฉีจื่อเหิงเงียบไปหลินเซียงหยิบกระดาษทิชชูมาเช็ดมุมปาก แล้วกล่าวว่า “ฉีจื่อเหิง ฉันแนะนำให้นายออกจากมณฑลอันไปหางานทำข้างนอกเถอะ นายอายุยังน้อย อยู่ที่นี่ไปก็เสียเวลาเปล่า”ฉีจื่อเหิงพูด “เข้าใจแล้ว ฉันจะลองคิดดู”หลังจากวางสาย หลินเซียงกลับไปที่โรงแรมทันที ตั้งใจจะไปที่สถานีตำรวจในอีกสองสามวัน เพื่อสืบถามประวัติของตัวเองต้องทำให้หลิวอวี้เฟินเจ็บปวดบ้างเพื่อหลบเลี่ยงการเจอลู่สือเยี่ยน หลินเซียงจึงไม่ได้ออกไปข้างนอกหลายวันเช้าวันหนึ่ง เธอรับโทรศัพท์จากฉินโหย่วหาน“หลินเซียง คุณคงลืมเรื่องที่สัญญากับผมไว้แล้วใช่ไหม?” เสียงหัวเราะของฉินโหย่วหานดังขึ้นดวงตาของหลินเซียงปรากฏความงุนงง การดื่มน้ำหยุดชะงักพอเห็นว่าเธอไม่พูดอะไรฉินโหย่วหานถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “คืนนี้มีงานเลี้ยง ตอนนั้นคุณสัญญาว่า
ลู่สือเยี่ยนสั่งเสียงเย็นว่า “หลังจากกลับมา ไปบอกให้เธอมารายงานตัวด้วย”ซ่งจั่ว “ครับ”…หลินเซียงออกมาจากสนามบิน เห็นผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาเจ้าของผมสีเทาอมม่วงผมสั้นทันทีใบหน้าของเธอเผยรอยยิ้ม “พี่หาน”ฉินโหย่วหานรับกระเป๋าเดินทางมาจากมือเธออย่างเป็นธรรมชาติ แล้วถามว่า “เหนื่อยไหม? ตอนนี้ยังพอมีเวลาอยู่ ถ้าเหนื่อยก็กลับไปพักผ่อนก่อนได้”หลินเซียงส่ายหัว “ไม่เท่าไหร่ค่ะ ฉันงีบหลับตอนอยู่บนเครื่องบินมาแล้ว”ฉินโหย่วหานเปิดประตูรถให้เธอ “งั้นไปกันเถอะ ไปเปลี่ยนชุดกันก่อน”หลินเซียงพยักหน้า ก้าวขึ้นรถพอถึงที่หมาย ฉินโหย่วหานก็ฝากเธอไว้กับช่างแต่งหน้า ส่วนเขาออกไปรออยู่ที่ห้องรับรองหลินเซียงนั่งอยู่หน้ากระจก แล้วพูดว่า “ไม่ต้องจัดเต็มมากนะคะ ขอแบบเรียบง่ายแต่ดูดีก็พอ”ช่างแต่งหน้ามองใบหน้าที่งดงามของเธอ ตั้งใจจะแต่งให้ออกมาสวยที่สุด แต่เมื่อได้ยินแบบนั้นก็ต้องเปลี่ยนใจกว่าจะเสร็จเรียบร้อย เวลาก็ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงครึ่งฉินโหย่วหานได้ยินเสียง พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นหลินเซียงเดินลงมาจากบันไดอย่างช้า ๆเธอสวมชุดราตรีสีแชมเปญ มีกิมมิคเป็นประกายระยิบระยับ ทรวดทรงเป็นคอวี ไหล่ทั้งสองข
ห้องจัดเลี้ยงอยู่บนชั้น 7 ประตูลิฟต์เปิดออก ฉินโหย่วหานและหลินเซียงเดินออกมาเนื่องจากตระกูลฉินเพิ่งรับฉินโหย่วหานกลับมา คนที่รู้จักฉินโหย่วหานต่างก็เข้ามาทักทายหลินเซียงยืนอยู่ข้าง ๆ อย่างเงียบสงบทันใดนั้น เธอรู้สึกถึงความเย็นยะเยือกที่ปกคลุมร่างกาย จึงกวาดตามองไปรอบ ๆ และหันกลับไปมองเมื่อเห็นคนที่อยู่ไม่ไกล ดวงตาของเธอเบิกกว้าง!ลู่สือเยี่ยน!เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?หลินเซียงคว้าแขนฉินโหย่วหานไว้ทันทีฉินโหย่วหานมองเธอ ขยับเข้าไปใกล้แล้วถามว่า “เป็นอะไรไป?”“ไม่มีอะไรค่ะ”ขนตายาวของหลินเซียงสั่นไหว พยายามควบคุมอารมณ์ฉินโหย่วหานเห็นว่าอาการเธอดูไม่ปกติ จึงบอกว่า “ถ้ารู้สึกไม่สบายก็ไปนั่งพักได้นะ ตรงนั้นเป็นโซนอาหารว่าง มีอะไรให้กินเล่นเยอะแยะ”หลินเซียงส่ายหัว “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันอยู่ข้าง ๆ คุณแบบนี้ดีกว่า”ได้ยินดังนั้น ริมฝีปากของฉินโหย่วหานพลันเผยรอยยิ้มออกมา “ได้ งั้นคุณต้องคอยอยู่ใกล้ ๆ ผมนะ”หลินเซียงกำลังใจลอย ไม่ได้สังเกตเห็นสีหน้าของฉินโหย่วหานไม่ไกลนักลู่สือเยี่ยนถือแก้วแชมเปญไว้ในมือ คนรอบข้างต่างแวะเวียนเข้ามาทักทาย แต่สายตาของเขากลับจ้องมองไปที่สองคนนั
สายตาของลู่สือเยี่ยนกวาดมองลงไป ก็เห็นสองคนในโซนอาหารว่างหญิงสาวถือจานเล็ก ๆ ทานอาหารทีละนิด แก้มของเธอเปื้อนครีมพอดี แต่ผู้ชายที่อยู่ข้าง ๆ กลับหยิบกระดาษเช็ดหน้ามาเช็ดให้ ภาพนั้นช่างดูกลมกลืนและสวยงามเหมือนกับพวกเขาเป็นสามีภรรยากันอย่างไรอย่างนั้นดวงตาของลู่สือเยี่ยนฉายแววเย็นเยียบทันทีน้ำเสียงของเขาเรียบเฉย “คนจะหย่ากันอยู่แล้ว คงไม่พามาให้คุณหัวเราะเยาะหรอกครับ”สีหน้าของคุณปู่เฉียวไม่ค่อยดีนัก “เธอนี่นะ ทำไมไม่เลิกทำนิสัยเหมือนพ่อไม่รักดีของเธอบ้าง?”ลู่สือเยี่ยนก้มหน้าลงเล็กน้อย แล้วพูดว่า “คุณปู่เฉียว ผมขอตัวก่อนนะครับ”พูดจบ เขาก็ไม่สนใจสีหน้าของคุณปู่เฉียว เดินลงไปด้านล่างทันทีครีมเปื้อนชุดของหลินเซียง เธอถามด้วยความกังวลว่า “พี่หาน ชุดตัวนี้คงไม่ถึงกับพังหรอกใช่ไหม?”ชุดราตรีสวยขนาดนี้ ถ้าต้องมาเสียมูลค่าเพราะเธอคงไม่ดีแน่!ฉินโหย่วหาน “งั้นเราไปทำความสะอาดกันที่นั่นก่อน สบายใจได้ ไม่เป็นไรหรอก”หลินเซียงตามเขาไปหลังฉากกั้น ที่นั่นมีคนน้อย เวลาเช็ดครีมออกจากชุดจะได้ไม่ดึงดูดความสนใจของคนอื่นฉินโหย่วหานหยิบทิชชูเปียกออกมา ค่อย ๆ เช็ดอย่างระมัดระวังหลินเซียง
หลินเซียงพูดเสียงเรียบว่า “ฉันมาในฐานะคู่ควงของเขา ฉันก็ต้องไปกับเขาสิ”สีหน้าของลู่สือเยี่ยนย่ำแย่เป็นอย่างมาก!ผู้หญิงคนนี้ไม่รู้จักที่ตายจริง ๆ!“หลินเซียง มานี่!”เสียงทุ้มต่ำทรงอำนาจของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา ทั่วร่างกายแผ่รังสีเย็นยะเยือกหลินเซียงไม่ขยับเขยื้อนคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน?สั่งให้เธอไปแล้วเธอต้องไปเหรอ?ลู่สือเยี่ยนจ้องมองเธออย่างเย็นชา “มานี่ เดี๋ยวนี้ แล้วเรื่องก่อนหน้านี้ผมจะถือว่าหายกัน”หลินเซียงหัวเราะเบา ๆ มองเขาแล้วพูดว่า “ฉันไปก็ได้ แต่เราต้องหย่ากันก่อน”พูดจบ อากาศรอบ ๆ ก็เย็นยะเยือก!เธอคนนี้เอาแต่พูดเรื่องหย่าตลอดเวลา!แม้กระทั่งตอนอยู่ต่อหน้าคนอื่น เธอก็ยังพูดออกมาได้อย่างใจเย็นความโกรธลุกโชนในอก ลู่สือเยี่ยนจ้องมองเธอ เหมือนจะมองทะลุร่างของเธอให้ได้!หลินเซียงรู้สึกกลัวเล็กน้อย รู้ว่าถ้าทำให้เขาโกรธทุกอย่างอาจยิ่งเลวร้าย แต่เธอก็ไม่อยากยอมอ่อนข้ออีกต่อไป!เขาทำร้ายเธอขนาดนั้น ทำไมเธอต้องยอมจำนนด้วย?ฉินโหย่วหานมองอยู่ข้าง ๆ ด้วยความสนใจ คนหนึ่งดื้อรั้น อีกคนหนึ่งก็บ้าอำนาจ คนแบบนี้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันได้ยังไง?หย่ากันไปเลยซะยังดีกว่า จ
หลินเซียงถอนมือออกอย่างนุ่มนวล พร้อมกับยิ้มแล้วพูดว่า “เพราะเราเป็นเพื่อนกัน ฉันเลยเป็นห่วงคุณ”ฝ่ามือของฉินโหย่วหานว่างเปล่า พลอยทำให้หัวใจเขารู้สึกว่างเปล่าตามไปด้วย นิ้วมือเขาถูไปมา จากนั้นก็ล้วงมือลงในกระเป๋ากางเกงอย่างเฉยเมย“ไม่เป็นไร เขาทำอะไรผมไม่ได้หรอก”ลู่สือเยี่ยนเพิ่งกลับมาที่ตระกูลลู่ได้ไม่นาน ยังไม่ได้อำนาจบริหารในลู่กรุ๊ป มีแค่ดีเคกรุ๊ปในมือ ยังสร้างคลื่นลมแรงอะไรไม่ได้มากหลินเซียงโล่งใจเล็กน้อย “ถ้าอย่างนั้นก็ดี”ทันใดนั้น เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ฉินโหย่วหานก็ดังขึ้น เขาหยิบขึ้นมาดู ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แล้วพูดกับหลินเซียงว่า “ผมขอไปรับโทรศัพท์ก่อนนะ”“อืม”หลินเซียงพยักหน้า มองเขาเดินไปทางสวนด้านนอกสวนด้านนอกของโรงแรมตกแต่งไว้อย่างสวยงามมาก มีเฉพาะชั้น 7 เท่านั้น แสงไฟสลัว กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกไม้ลอยอยู่รอบ ๆ บรรยากาศดีทีเดียวหลินเซียงหันหลังไป หามุมหนึ่งที่เงียบสงบเพื่อรอพนักงานเสิร์ฟเดินผ่านมา เธอจึงหยิบแชมเปญมาแก้วหนึ่ง มองดูฉากที่ผู้คนกำลังดื่มกินอย่างสนุกสนานในงานเลี้ยงวันเกิดแล้วก็รู้สึกเบื่อหน่ายทุกคนต่างสวมหน้ากากพูดคุยกัน ไม่มีอะไรน่าสน
น้ำเสียงนั้นพยายามชักจูงอย่างอ่อนโยนลมหายใจร้อนผ่าวปะทะใบหูของเธอ เสียงทุ้มต่ำของผู้ชายดังขึ้น “เฉียวหร่าน ลูกสาวคนเดียวของตระกูลเฉียว ฉินโหย่วหานควงคุณมางานแบบนี้ ลองคิดดูสิว่าเขาคิดจะทำอะไร?”เมื่อพูดจบ เขาก็จ้องมองใบหน้าของหลินเซียงเธอมางานเลี้ยงนี้กับฉินโหย่วหาน แต่ฉินโหย่วหานไม่ได้ให้เกียรติเธอเลย!สีหน้าของหลินเซียงเรียบเฉย ไม่ได้ฟังบทสนทนาตรงหน้าอีกต่อไป จากนั้นจึงมองเขาแล้วพูดว่า “คุณเรียกฉันมาเพราะตั้งใจให้ฉันเห็นภาพนี้เหรอ?”คิ้วเข้มของลู่สือเยี่ยนกระตุกเล็กน้อย “หลินเซียง คุณเป็นแค่ไม้กันหมา”“แล้วไง?”น้ำเสียงของหลินเซียงแผ่วเบา ดูไม่ใส่ใจลู่สือเยี่ยนโอบเอวเธอไว้ พูดเสียงเบาว่า “เดี๋ยวไปกับผม”หลินเซียงหัวเราะเยาะออกมาทันที “คุณคิดว่าหลังจากฉันเห็นแล้ว ฉันจะเปลี่ยนใจไปกับคุณแทนงั้นเหรอ?”เมื่อได้ยินแบบนั้น สีหน้าของลู่สือเยี่ยนก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย “หมายความว่ายังไง?”หลินเซียงผลักเขาออก “ฉันบอกแล้ว คืนนี้ฉันเป็นคู่ควงในงานกับพี่หาน ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับคุณ!”พูดจบ เธอก็เดินย้อนกลับไปตามทางเดิม!เธอตกลงกับฉินโหย่วหานว่าจะมาร่วมงานเลี้ยงกับเขาเพื่อเป็นการตอบแท
“เสี่ยวหร่าน”เสียงของฉินโหย่วหานดังขึ้น “คืนนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่เธอ แขกมาร่วมงานกันมากมาย อาจจะมีคนออกมาสูดอากาศข้างนอกก็ได้ เธออย่าไปใส่ใจเขาเลย”เฉียวหร่านมองไปยังตำแหน่งของศาลาและทางเดินในสวน รู้สึกลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็ทำตามคำพูดของฉินโหย่วหาน ยอมเดินกลับไปโดยดี“พี่หาน ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครกันแน่ ทำไมถึงมางานกับพี่ได้?”เสียงของเฉียวหร่านค่อย ๆ เบาลง ร่างกายของหลินเซียงผ่อนคลายความตึงเครียดลงอย่างรวดเร็ว รวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดผลักลู่สือเยี่ยนออกไป แล้วหันหลังวิ่งกลับเข้าไปในห้องจัดเลี้ยงเงาของเธอค่อย ๆ ถูกแสงไฟกลืนกิน ลู่สือเยี่ยนก้มมองนิ้วของตัวเอง เห็นรอยน้ำที่ยังคงเปื้อนอยู่ดวงตาของลู่สือเยี่ยนมืดมน ลูกกระเดือกขยับขึ้นลง เขาหันกลับไปมองเฉียวหร่านและฉินโหย่วหาน จากนั้นก็เดินออกไปหลินเซียงเข้าไปในห้องน้ำทันที แล้วรีบล้างหน้าด้วยน้ำเย็นเพื่อลดความรุ่มร้อนที่เกิดขึ้นเมื่อนึกถึงสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่ เธอก็รู้สึกอับอายและอยากจะตบหน้าลู่สือเยี่ยนแต่เธอตบเขาไม่ได้ผู้ชายคนนี้นับวันยิ่งน่ารังเกียจ!...เมื่อหลินเซียงออกมา คุณปู่เฉียวก็ลงมาจ
ซ่งซ่งนอนไม่หลับ พลิกตัวไปมาอยู่บนเตียง ทั้งตื่นเต้นและกังวลใจ เมื่อคิดว่าตัวเองกำลังจะออกจากเมืองอวิ๋น ออกไปจากฟู่จิ่นซิ่ว คนที่น่ารังเกียจนั่น เธอก็รู้สึกตื่นเต้นแทบแย่แทบนับเวลาถอยหลัง“ปัง ปัง ปัง!”แต่ในขณะนั้นเอง เสียงเคาะประตูดังสนั่นก็ดังขึ้นซ่งซ่งตกใจ รีบลุกขึ้นมองออกไปข้างนอก เด็กผู้หญิงก็ตกใจตื่นเช่นกัน “ใครน่ะ?”ในใจของซ่งซ่งมีความรู้สึกไม่ดีแวบเข้ามา หรือว่าเขาจะตามทันแล้ว?เร็วขนาดนี้เลยเหรอ?เธอลุกจากเตียงพูดว่า “ฉันไปดูเอง พวกเธออย่าออกมาล่ะ”เด็กผู้หญิงกังวลใจ “ซ่งซ่ง จะไม่เป็นไรใช่ไหม?”ซ่งซ่งพยักหน้า “ไม่ต้องห่วง ไม่มีอะไรหรอก”เธอสวมเสื้อผ้าออกจากบ้าน “ใคร?”เธอถามอย่างระมัดระวัง“ซ่งซ่ง ฉันเอง รีบออกมาเร็ว!”เสียงของหลินเซียงดังขึ้นที่หน้าประตูซ่งซ่งชะงัก รีบไปเปิดประตู “ที่รัก กลับมาทำไม?”เธอไม่ได้กลับบ้านไปแล้วเหรอ?พอคำนวณเวลาแล้ว ตอนนี้ควรจะถึงเฟิงหลินหย่วนแล้วสิหลินเซียงจับข้อมือเธอ สีหน้ากระวนกระวาย “ฉันเห็นรถของฟู่จิ่นซิ่ว เขาหาเธอเจอแล้ว ไปกันเร็ว!”เมื่อได้ยินดังนั้น ซ่งซ่งก็ตกตะลึง “หาฉันเจอแล้ว? หาฉันเจอได้ยังไง?”การเคลื่อนไหวขอ
หลินเซียงใส่ขนมปังกรอบลงในถุง จัดเตรียมให้เรียบร้อย พลางพูดว่า “เวลาจำกัด ฉันเลยทำแค่อาหารที่เก็บรักษาง่ายและรสชาติใช้ได้ ให้เธอมีอะไรรองท้องระหว่างทาง”เมื่อได้ยินแบบนั้น ซ่งซ่งก็กะพริบตา แล้ววิ่งเข้ามากอดเธอ “ที่รัก ทำไมน่ารักแบบนี้นะ หรือพวกเราหนีไปด้วยกันเลยดีไหม!”หลินเซียงยิ้ม “พอแล้ว ไปล้างหน้าเร็ว ฉันจะไปส่งเธอที่ชานเมือง”รถบัสรอบแรกมาถึงพรุ่งนี้เช้า ซ่งซ่งต้องไปรอตั้งแต่คืนนี้แต่ซ่งซ่งส่ายหน้า “ไม่ต้อง ฉันติดต่อคนไว้แล้ว เธอพักผ่อนที่บ้านเถอะ ฉันไม่เป็นไร”หลินเซียงพูดว่า “ไม่ได้ ถ้าฉันไม่ไปส่งเธอด้วยตัวเอง ฉันไม่สบายใจ”ซ่งซ่งมองสีหน้าจริงจังของเธอ รู้ว่าเธอตัดสินใจแล้ว จึงกอดเธออีกครั้ง “ฮือ ฮือ ไม่อยากจากเธอเลย”หลินเซียงพาเธอไปที่ห้องน้ำ ดูแลเธอขณะล้างหน้าล้างตา ตรวจสอบสิ่งของที่จำเป็นอาหาร เครื่องดื่ม และของใช้ส่วนตัวง่าย ๆ ล้วนเป็นแบบใช้แล้วทิ้งอืม เกือบครบแล้วหลังจากจัดของเสร็จ ทั้งสองคนก็อยู่ด้วยกันอีกพักหนึ่ง ก่อนจะออกเดินทางตอนตีสองเมืองอวิ๋นในยามดึกเงียบสงบ ถนนแทบไม่มีรถสัญจร ผู้คนยิ่งไม่มีหลินเซียงขับรถไปทางชานเมือง ส่วนซ่งซ่งก็พูดถึงความหวังในอน
หลินเซียง “…”แม้ว่าครั้งที่แล้วจะสังเกตเห็นความผิดปกติของคนทั้งสอง แต่เมื่อได้ยินสิ่งที่ซ่งซ่งพูดออกมาในตอนนี้ เธอก็พูดอะไรไม่ออกการที่เรื่องราวพัฒนามาถึงจุดนี้ จริง ๆ แล้วมีร่องรอยให้เห็นฟู่จิ่นซิ่วให้ความสนใจกับซ่งซ่งมากเกินไป และซ่งซ่งก็ไม่ได้ระวังตัวเพียงแต่…ตอนนี้เพิ่งจะคิดได้ จะสายเกินไปหรือเปล่า?หลินเซียงพูดความกังวลของตัวเองออกมาซ่งซ่งเข้ามาใกล้ และกระซิบว่า “ที่รัก ฉันวางแผนไว้แล้ว ฉันจะไม่นั่งเครื่องบินหรือรถไฟ แต่จะนั่งรถบัสไป เป็นรถบัสแบบที่วิ่งตามท้องถนนในชนบท ตราบใดที่ฉันออกจากเมืองอวิ๋นไปได้อย่างปลอดภัย ถึงเขาจะอยากหาฉันก็หาไม่เจอ”หลินเซียงขมวดคิ้ว “แต่แบบนั้นไม่ปลอดภัยนะ”ซ่งซ่ง “ตอนนี้ฉันยังต้องสนใจเรื่องความปลอดภัยอยู่อีกเหรอ? ถ้ายังอยู่ในเมืองอวิ๋น ฉันก็ไม่ปลอดภัยอยู่ดี ฉันเลยต้องคิดแล้วตัดสินใจไปแบบกะทันหัน เขาคงเดาไม่ได้ว่าฉันจะไปเมื่อไหร่”หลินเซียงยังคงรู้สึกไม่ดี เปลี่ยนมาถามว่า “แล้วงานของเธอล่ะ?”ซ่งซ่งพูดว่า “ฉันขอลาออกแล้ว และวันนี้ก็เริ่มส่งใบสมัครงาน สร้างภาพลวงตาว่าฉันแค่อยากเปลี่ยนงานเฉยๆ”เธอวางแผนทุกอย่างไว้แล้ว หลินเซียงไม่รู้จะพูดอะ
บรรยากาศในลิฟต์ค่อนข้างแปลกประหลาดมีความเย็นชาปะปนกับความผ่อนคลาย บรรยากาศที่กดดันแผ่ซ่านไปทั่ว แต่เมื่อปะทะกับฉินโหย่วหานและหลินเซียง มันก็หายไปความรู้สึกแปลกประหลาดที่อธิบายไม่ได้ ทำให้รู้สึกอึดอัดลิฟต์เคลื่อนขึ้นไปอย่างราบรื่น ไม่นานประตูลิฟต์ก็เปิดออก ลู่สือเยี่ยนก้าวออกไปด้วยสีหน้าเย็นชาเป็นอย่างมากฉินโหย่วหานมองตามแผ่นหลังของเขา เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยด้วยความประหลาดใจ เขาไม่ทำอะไรเลย นี่ไม่เหมือนนิสัยปกติของเขาหรือว่าเขาจะยอมปล่อยหลินเซียงแล้วจริง ๆ?ประตูลิฟต์ปิดลง สายตาของฉินโหย่วหานจับจ้องไปที่ใบหน้าของหลินเซียง แต่เห็นเธอมองประตูลิฟต์อย่างเหม่อลอยไม่ใช่สิ่งที่เธอมองน่าจะเป็นลู่สือเยี่ยนเพียงแต่ตอนนี้ประตูลิฟต์ปิดลง บดบังสายตาของเธอไว้ในดวงตาของฉินโหย่วหานมีความเย็นชาเพิ่มขึ้น เขาถามว่า “คิดอะไรอยู่?”ขนตาของหลินเซียงสั่นเล็กน้อย “ฉันแค่คิดว่า ในเรื่องนี้ เขากำลังรับบทบาทเป็นอะไร”ฉินโหย่วหานกล่าวว่า “ไม่ว่าเขาจะแสดงบทบาทไหน ก็ไม่เกี่ยวกับพวกเราแล้ว”หลินเซียงเหม่อลอยไปครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า “คุณพูดถูก”เธอและลู่สือเยี่ยนหย่ากันแล้วดังนั้นจึงไม่มีความเกี่
ฉินโหย่วหานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “บอกเรื่องที่คุณรู้ทั้งหมดให้ผมฟังหน่อย”หลินเซียงพยักหน้า เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เขาฟังอย่างละเอียดครู่หนึ่ง ฉินโหย่วหานก็หัวเราะเบา ๆหลินเซียงมองเขา “เป็นอะไรไป?”ฉินโหย่วหานพูดว่า “หลินเซียง ผมขอเดาแบบบ้า ๆ เลยนะ”“พูดมาก่อนค่ะ” หลินเซียงมองเขาอย่างจริงจัง ในดวงตาเต็มไปด้วยความสงสัยฉินโหย่วหานจอดรถข้างทาง เอามือวางบนพวงมาลัย บนใบหน้าหล่อเหลาและอ่อนโยนปรากฏรอยยิ้มขบขัน “คุณว่ามีความเป็นไปได้ไหม ที่มีคนปลอมตัวเป็นจ้าวข่ายไปทำเรื่องพวกนั้น แล้วโยนความผิดให้เขา?”เมื่อได้ยินดังนั้น ดวงตาของหลินเซียงก็เบิกกว้างขึ้นเรื่อย ๆ มือของเธอกำขนมปังกรอบแน่นความเป็นไปได้นี้ เธอไม่เคยคิดถึงมาก่อน!เมื่อคิดดูให้ดี ไม่ว่าจะเป็นวิดีโอหรือรูปถ่ายที่ลู่สือเยี่ยนให้เธอดู ‘จ้าวข่าย’ คนนั้นสวมหมวกและหน้ากากตลอดเวลา มองจากรูปร่างก็คิดว่าเป็นจ้าวข่ายได้ไม่ยากแต่ถ้าไม่ใช่ล่ะ?ถ้าเป็นแค่คนที่มีรูปร่างคล้ายกับจ้าวข่ายมาก ๆ ล่ะ?เมื่อนึกถึงห้องใต้ดินที่มืดมิด จ้าวข่ายที่ล้มลุกคลุกคลานอยู่บนพื้น พยายามอธิบายด้วยความเจ็บปวดเขาพูดมาตลอดว่าเขาไม่ได้ขโมย เ
“ตกใจมากใช่ไหม?” ซ่งจั่วมองสีหน้าตกตะลึงของเขาแล้วยิ้มขมขื่น“แหงล่ะ พวกเราทุกคนคิดว่าเซี่ยหว่านเป็นคนช่วยท่านประธานลู่จริง ๆ ถือว่าเธอเป็นผู้มีบุญคุณอย่างมาก แต่ต่อมาพวกเราก็รู้ความจริง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของตัวเอง เธอทำได้ทุกวิถีทาง”ซ่งจั่วเก็บแท็บเล็ต “ซือเยี่ยน สิ่งที่นายยึดมั่นมานานผิดทั้งหมด”“ทำไมเป็นแบบนี้?” ซือเยี่ยนพึมพำกับตัวเอง “ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้?”ลู่สือเยี่ยนมองเขาอย่างเย็นชา “อยู่กับฉันมานานขนาดนี้ หัวคิดไม่มีความก้าวหน้าเลยสักนิด”ซือเยี่ยนตัวสั่น มองลู่สือเยี่ยนด้วยสายตาอ้อนวอน “ท่านประธานลู่ครับ ผมรู้ตัวแล้วว่าผิด ผมสำนึกผิดจริง ๆ ได้โปรดให้โอกาสผมอีกครั้ง…”เสียงของเขาเริ่มสั่นเครือ ตัวสั่นสะท้านอย่างรุนแรงเพราะเขารู้ว่าลู่สือเยี่ยนจะไม่ให้โอกาสเขาอีกลู่สือเยี่ยนมองเขาอย่างเย็นชา แล้วพูดกับซ่งจั่วว่า “ตัดเอ็นข้อมือข้อเท้าเขาซะ แล้วเอาไปทิ้งที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำ”“ครับ”ซ่งจั่วรู้สึกสงสาร แต่นี่เป็นคำสั่งของลู่สือเยี่ยนลู่สือเยี่ยนหันหลังเดินจากไปซือเยี่ยนมองตามลู่สือเยี่ยนที่จากไปด้วยสีหน้าสิ้นหวัง ในดวงตาเต็มไปด้วยความเสียใจ!…หลินเซียงออกมา
สวีซินหรานหยิบโทรศัพท์ออกมากดโทรออก ในระหว่างนั้น สายตาของเธอมองไปยังหลินเซียงที่อยู่ไม่ไกลนัก ในดวงตาปรากฏความเคียดแค้น“ฮัลโหล คุณเซี่ย ช่วยฉันหน่อยได้ไหม? ฉันอยากฆ่าหลินเซียง นังสารเลวนั่น!”…ซืออวี่สังเกตเห็นความผิดปกติของหลินเซียงเธอเย็นชามาก ไม่สนใจอะไรเลย แต่ก็ยังคงทำงานที่ได้รับมอบหมายได้เป็นอย่างดีซืออวี่บอกข่าวนี้กับลู่สือเยี่ยนในขณะนั้น ลู่สือเยี่ยนกำลังดูสิ่งที่ซ่งจั่วได้มาจากการสืบสวน คิ้วขมวดแน่นฉินโหย่วหานจับเซี่ยหว่านขังไว้ในตู้คอนเทนเนอร์ ถือเป็นการแก้แค้นแทนหลินเซียง แต่สิ่งนี้เกี่ยวข้องอะไรกับการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของเธอกัน?ลู่สือเยี่ยนพูดเสียงต่ำ “จับตาดูซือเยี่ยนไว้ เขาดูไม่ปกติ”ซ่งจั่วชะงัก “คงไม่ใช่มั้งครับ เขาคอยปกป้องคุณหลินมาตลอดไม่ใช่เหรอ?”ลู่สือเยี่ยนพูดอย่างเย็นชา “บอกให้ไปก็ไป ทำไมต้องพูดมาก?”ซ่งจั่ว “ครับ”การตรวจสอบพฤติกรรมของซือเยี่ยนเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขา แต่เมื่อเขาเห็นสิ่งที่ได้จากการตรวจสอบ เขาก็ตกใจมากช่วงเย็น ซ่งจั่วก็นำหลักฐานที่ได้มาส่งให้ลู่สือเยี่ยนเขามองลู่สือเยี่ยนอย่างหวาดหวั่น มือที่กำแน่นมีเหงื่อออกลู่สือเยี่ย
เขามองซ่งจั่วอย่างเย็นชา “เธอเป็นอะไรไป?”ซ่งจั่วทำหน้างง “ผม ผมไม่รู้ครับ”ตอนเจอหลินเซียงที่โรงพยาบาลก่อนหน้านี้ เธอยังไม่เป็นแบบนี้ แต่หลินเซียงตอนนี้ เรียกได้ว่าเย็นชาและไม่เป็นมิตรอย่างมากช่วงนี้เกิดอะไรขึ้นกับเธอ?ลู่สือเยี่ยนพูดเสียงเย็น “ไปสืบมาให้ชัดเจน”“ครับ” ซ่งจั่วพยักหน้าลู่สือเยี่ยนไม่ออกไป แต่ไปที่ชั้นใต้ดิน ราวกับนึกอะไรขึ้นมาได้จึงพูดว่า “เรียกซือเยี่ยนมาพบฉัน”“ครับ”ดีเค กรุ๊ปทันทีที่ลู่สือเยี่ยนเข้าไปในห้องส่วนตัวของประธาน ซือเยี่ยนก็เคาะประตูห้อง“เข้ามา”ซือเยี่ยนเปิดประตูเข้าไป สีหน้าค่อนข้างเกร็ง “ท่านประธานลู่”ลู่สือเยี่ยนนั่งลงบนเก้าอี้ ถามด้วยเสียงเย็นชา “นายติดตามหลินเซียงมาตลอด เห็นความผิดปกติของเธอบ้างไหม?”ดวงตาของซือเยี่ยนกะพริบเล็กน้อย เมื่อคืนเขาไม่ได้ติดตามหลินเซียงตลอดเวลา แต่เรื่องก่อนหน้านี้ก็ยังพอจะตอบคำถามได้“ฉินโหย่วหานไปรับคุณหลิน แล้วทั้งสองคนไปที่ชายหาด ที่เดียวกับที่ที่คุณหลินถูกจับตัวไปครั้งก่อน” ซือเยี่ยนเริ่มเล่าเมื่อได้ยินดังนั้น ลู่สือเยี่ยนก็หรี่ตาลงเล็กน้อย “พวกเขาไปที่นั่นทำไม?”ซือเยี่ยน “ผม ผมไม่ทราบครับ ผมอย
สีหน้าของหลินเซียงชะงักไปเล็กน้อย นิ้วที่กำโทรศัพท์แน่นขึ้น เสียงพูดแห้งผาก “ฉันเหมือนจะไม่เคยพูดว่าเขารักฉันนี่คะ”เซี่ยซือซือถอนหายใจ “หลินเซียง พวกเราแพ้แล้ว”หลินเซียงหลับตาลง “ขอโทษนะคะ คุณเซี่ย แผนการฉันดันไปดึงคุณลงมาซวยด้วย ถ้ามันสร้างความเสียหายอะไรให้คุณ คุณบอกฉันได้เลย”เซี่ยซือซือหัวเราะขมขื่น “ไม่ ไม่มีอะไรเสียหาย ฉันเต็มใจร่วมมือกับคุณเอง ไม่ว่าผลที่ตามมาจะเป็นยังไง ฉันก็ต้องรับผิดชอบ”หลินเซียงพูดอะไรไม่ออก เพราะพวกเขาไม่เคยคิดว่าเรื่องราวจะดำเนินไปในทิศทางนี้ไม่เคยคิดเลยว่าลู่สือเยี่ยนจะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเซี่ยหว่านทำไมกัน?คำถามนี้ เธอคิดไม่ตกมาตลอดทำไมเขาต้องช่วยเซี่ยหว่าน?ในใจของหลินเซียง ตอนนี้มีความรู้สึกอยากจะไปหาลู่สือเยี่ยน ถามเขาว่านี่มันหมายความว่ายังไงกันแน่เสียงของเซี่ยซือซือดังขึ้น “หลินเซียง ฉันขอจัดการเรื่องของตัวเองก่อน มีความคืบหน้าอะไร เราค่อยติดต่อกันใหม่”“ค่ะ”หลังจากวางสายหลินเซียงยังคงอยู่ในสภาพเหม่อลอยไม่รู้ทำไม เสียงของเซี่ยซือซือถึงดังก้องอยู่ในหูเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่าลู่สือเยี่ยนรักเธอจริงเหรอ?เคยรักจริง ๆ บ้างหรือเปล่า?