ลมหายใจของหลินเซียงยังคงหอบถี่ ดวงตาแดงก่ำ แต่ดวงตาคู่นั้นกลับเย็นชา ไร้ซึ่งอารมณ์ใด ๆ อยู่ในนั้นลู่ซื่อเยี่ยนไม่อยากเห็นเธอแสดงท่าทีเยือกเย็นเช่นนี้ แต่เขาก็รู้สึกว่าไม่สามารถทำอะไรได้ สภาพบนเตียงยังคงยุ่งเหยิงอย่างเห็นได้ชัด ระยะห่างระหว่างคนทั้งสองก็หมิ่นเหม่มาก แต่ภายใต้บรรยากาศที่คลุมเครือระหว่างคนทั้งสอง กลับทำให้รู้สึกอึดอัดและเจ็บปวดอย่างประหลาดเวลาผ่านไปนาน ลู่ซื่อเยี่ยนลุกขึ้นแล้วตรงไปที่ห้องน้ำ หลินเซียงหลับตาลง ลมหายใจของเธอกลับมาคงที่เมื่อเธอจัดการตัวเองเสร็จแล้ว เวลาก็สายเกินกว่าจะทำอาหารเช้า เธอหันหลังแล้วเดินออกไปโดยไม่คิดจะรอ เตรียมซื้อซาลาเปาจากร้านอาหารเช้าแทนลู่ซื่อเยี่ยนลงมาจากชั้นบน ข้างนอกมีรถจอดอยู่ หลินเซียงก็เดินมาถึงหน้าประตูอาคารพอดีซือเยี่ยนเป็นคนขับ สีหน้าเคร่งขรึม "ประธานลู่ครับ เมื่อครู่คุณหลินเดินผ่านไปแล้ว"ลู่ซื่อเยี่ยน "แล้วไง"ซือเยี่ยน "จะให้เธอไปด้วยกันไหมครับ?"ลู่ซื่อเยี่ยนนั่งอยู่ที่เบาะหลัง หลับตาลง "นายคิดว่าไงล่ะ?"ซือเยี่ยน "..."ทำไมต้องให้เขาเป็นคนคิดด้วย?เขาเดาความคิดเจ้านายไม่ออกหรอกนะ!ซือเยี่ยนหน้าบึ้ง ขับรถไ
"พวกคุณเข้ามาได้ยังไง"สีหน้าของหลินเซียงย่ำแย่ มือที่สวมถุงมือซักล้างคาไว้ มองพวกเขาด้วยสายตาเย็นชาลู่ซื่อเยี่ยนโบกมือ "พวกคุณออกไปได้แล้ว""ครับ คุณลู่ ต่อไปนี้ถ้ามีอะไรก็สั่งได้เลยนะครับ" ผู้จัดการฝ่ายนิติบุคคลรีบหันหลังเดินออกไปประตูห้องปิดลงอีกครั้งลู่ซื่อเยี่ยนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย "ผมขอให้พวกเขามาเปิดประตูให้"หลินเซียง "ฉันอนุญาตให้คุณเข้ามารึไง?""ก็เพราะคุณไม่ให้ผมเข้า ผมเลยต้องพึ่งให้พวกเขามาเปิดประตูให้" ลู่ซื่อเยี่ยนพูดคำเหล่านี้ด้วยสีหน้าสบาย ๆราวกับว่านี่ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับเขา หลินเซียงกำหมัด "ลู่ซื่อเยี่ยน เมื่อไหร่จะหยุดทำตัวหน้าด้านสักที?"แต่ลู่ซื่อเยี่ยนกลับมองเธอด้วยสายตาอ่อนโยน "ผมแค่กลับบ้านตัวเอง มากล่าวหากันว่าหน้าด้านได้ยังไง?""ที่นี่ไม่ใช่บ้านคุณ!"หลินเซียงจ้องมองเขาด้วยสายตาโกรธเกรี้ยวลู่ซื่อเยี่ยน "แต่เรายังเป็นสามีภรรยากันอยู่ ถึงแม้ว่าบ้านหลังนี้จะโอนเป็นชื่อคุณ แต่ตอนนี้มันก็ยังถือเป็นสินสมรสร่วมของสามีภรรยา"หลินเซียง "..."เธอเม้มริมฝีปากแน่นขึ้นจ้องมองเขาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน "ลู่ซื่อเยี่ยน คุณนี่มันใจ
"ไปให้พ้น!"หลินเซียงจ้องมองเขาด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว ดวงตาคู่สวยของเธอแดงก่ำ!เขาเห็นเธอเป็นอะไร?เป็นเครื่องมือระบายความใคร่ของเขางั้นเหรอ?ความโกรธและความอับอายค่อย ๆ ก่อตัวและแพร่กระจายอยู่ทั่วหัวใจหลินเซียงรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก ไม่อยากให้เขาแตะต้องเธอเลยแม้แต่น้อยลมหายใจร้อนระอุพ่นรดต้นคอ ผิวเนียนนุ่มค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่ออ่อน ๆ ชวนให้หลงใหลลมหายใจของลู่ซื่อเยี่ยนหนักหน่วงและลึกล้ำ นัยน์ตาสีดำของเขายังคงเต็มไปด้วยความปรารถนาที่ไม่สามารถระงับได้ เมื่อเห็นสายตาที่เย็นชาและเต็มไปด้วยความเกลียดชังของเธอ การกระทำทั้งหมดของเขาก็หยุดลงทันทีเขารู้สึกไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็นเธอเกลียดเขา?ทำไมเธอถึงเกลียดเขาได้?เมื่อก่อนเธอไม่ได้รักเขามากกว่าอะไรทั้งหมดหรอกเหรอ?ชั่วขณะหนึ่ง ลมหายใจของทั้งสองหยุดชะงัก ประสานเข้าด้วยกัน แต่กลับไม่สามารถสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นได้ ราวกับเป็นน้ำนิ่งหลินเซียงผลักเขาออกอย่างแรง ลุกขึ้นจากเตียงพร้อมจัดเสื้อผ้าของตัวเอง น้ำเสียงของเธอเย็นชาอย่างยิ่ง "ลู่ซื่อเยี่ยน คุณชอบหาเศษหาเลยเอาจากคนอื่นแบบนี้ เซี่ยหว่านรู้หรือเปล่า? ถ้าเธอรู้ คิ
หลังจากทานข้าวเสร็จ หลินเซียงก็เก็บกวาดห้องครัวให้เรียบร้อย จากนั้นก็ไปที่ห้องนอนเล็กเพื่ออาบน้ำและเตรียมตัวเข้านอนเธอหลับฝันดีตลอดทั้งคืนวันรุ่งขึ้นเมื่อเธอออกจากห้องนอนเล็ก ลู่ซื่อเยี่ยนก็ไม่อยู่ที่นี่แล้วหลินเซียงยืนอยู่ในห้องนั่งเล่นพลางครุ่นคิด สงสัยเธอคงต้องเปลี่ยนกุญแจใหม่อย่างน้อยคราวหน้าถ้าเขาเข้ามาไม่ได้ เขาก็จะไม่วิ่งโร่ไปหาฝ่ายนิติบุคคลอีกพูดแล้วก็ต้องทำทันที หลินเซียงติดต่อช่างโดยไม่รอช้า ไม่นานช่างเปลี่ยนกุญแจก็เข้ามาจัดการเรียบร้อยคราวนี้เธอเปลี่ยนเป็นล็อกประตูที่สแกนด้วยรหัสลายนิ้วมือซึ่งมีเพียงเธอและซ่งซ่งเท่านั้นที่รู้รหัสคนอื่นอยากเข้ามางั้นเหรอ?ไม่มีทาง!หลังจากช่างจากไป เธอก็มองดูที่ล็อกประตูชุดใหม่ด้วยความพึงพอใจ จากนั้นก็ส่งข้อความหาซ่งซ่งหลินเซียง [ที่รัก นี่คือรหัสล็อกประตูบ้านใหม่ฉันนะ จำไว้ให้ดี]ทันใดนั้น โทรศัพท์จากซ่งซ่งก็ดังขึ้น "เดี๋ยวนี้ไฮเทคใหญ่แล้วนะ"หลินเซียงเปิดประตูแล้วเดินเข้าไป พร้อมกับพูดว่า "หลังจากนี้เวลาเธอมาไม่ต้องเคาะประตูแล้ว ดีจะตาย""ดีเลย ดีเลย" เสียงของซ่งซ่งอ่อนระโหยโรยแรง ฟังดูเหมือนเพิ่งตื่นนอนหลินเซีย
หลินเซียงชะงักไปเล็กน้อย "หมายความว่ายังไง?"ซ่งซ่งเบ้ปาก "ก็ครอบครัวของผู้ชายเฮงซวยนั่นเป็นห่วงเขาจริง ๆ จะปล่อยให้เขาหายตัวตั้งเป็นปีแล้วไม่ตามหาหรือ? หรือว่ารอให้เขาฟื้นความทรงจำซะก่อนแล้วค่อยตามหา? เซียงเซียง เดี๋ยวนี้มันยุคบิ๊กดาต้าแล้วนะ จะหาตัวผู้ใหญ่คนหนึ่งไม่ใช่เรื่องยากเลย"ริมฝีปากของหลินเซียงเม้มเข้าหากันเล็กน้อยซ่งซ่ง "ช่างเถอะ ไม่พูดถึงมันแล้ว น่ารำคาญ"คำสุดท้ายของแป้งทอดถูกกินคำเดียวหมด ซ่งซ่งหรี่ตามองอย่างพึงพอใจ "อร่อยมาก อยากกินทุกวันเลย"หลินเซียง "ได้สิ จ่ายตังค์มมาด้วย"ซ่งซ่งตัดพ้อ "เธอไม่รักฉันแล้ว"หลินเซียง “รักสิ แต่อย่ามาขวางช่องทางการทำมาหากินของฉัน""..."เมื่อมาถึงห้างสรรพสินค้ามองไปไกล ๆ ก็เห็นฉินโหย่วหานรออยู่ที่นั่นก่อนแล้ว ผมสีฟ้าของเขาดูโดดเด่นมาก บวกกับใบหน้าหล่อเหลา เขาเหมือนพระเอกที่หลุดออกมาจากโลกอนิเมะความมีเสน่ห์ของเขาแผ่ซ่านไปทั่ว ริมฝีปากยกขึ้นเล็กน้อยเป็นรอยยิ้มแบบขี้เล่นอย่างไร้กังวล ทำให้สาว ๆ ที่เดินผ่านไปมาต้องเหลียวหลังมองตลอด "คุณฉิน รอนานไหมคะ?"หลินเซียงและซ่งซ่งเดินเข้าไปถามด้วยความเกรงใจเล็กน้อยฉินโหย่วหานยิ้ม "ไ
เธอเบือนหน้าหนี ก่อนจะเดินออกจากร้านขายเสื้อผ้าผู้ชายร้านนี้ไปโดยไม่พูดอะไร แล้วตรงไปที่ร้านเสื้อผ้าแนวสตรีทอีกร้านหนึ่งโดยไม่พูดอะไร เมื่อฉินโหย่วหานออกมาจากห้องลองเสื้อแต่กลับไม่เห็นใคร เขาก็ชะงักไปชั่วครู่ “ไปไหนกัน?"ซ่งซ่งพูดด้วยความประหลาดใจ "คุณฉิน ไม่คิดเลยว่าคุณใส่สูทแล้วจะหล่อขนาดนี้ คนหล่อ ต่อให้ใส่ผ้าขี้ริ้วก็ยังดูเหมือนนายแบบ"ฉินโหย่วหานตอบกลับอย่างเรียบ ๆ "ขอบคุณสำหรับคำชมครับ"ซ่งซ่งพูด "เซียงเซียงอยู่ร้านฝั่งตรงข้ามค่ะ"ฉินโหย่วหานมองสูทที่ตัวเองใส่อยู่ ตาเป็นประกายวูบหนึ่ง จากนั้นก็กลับไปเปลี่ยน แล้วเดินไปที่ร้านเสื้อผ้าแนวสตรีทฝั่งตรงข้ามเมื่อมาถึง หลินเซียงก็เลือกเสร็จแล้ว เธอพูดกับฉินโหย่วหาน "คุณฉิน ชุดนี้เหมาะกับสไตล์ของคุณเลยนะคะ"ฉินโหย่วหานยิ้มมุมปาก "แต่ผมว่าสูทชุดนั้นก็ดูดีเหมือนกัน"หลินเซียง "คุณชอบใส่สูทมากกว่าเหรอ?"ฉินโหย่วหาน "ก็ได้ทั้งสองแบบ"หลินเซียง "งั้นลองชุดนี้ดูอีกทีนะคะ"ฉินโหย่วหาน "ได้ครับ"ซ่งซ่งเดินเข้ามาอย่างช้า ๆ มองไปที่ใบหน้าของหลินเซียง แล้วก็เข้ามาใกล้พร้อมกับกระซิบกระซาบ "เมื่อกี้น่าเสียดายที่เธอไม่เห็นเหรอ ฉินโหย่วหาน
"คุณฉิน ชุดนี้เป็นยังไงบ้างคะ?"หลินเซียงถาม ขณะมองฉินโหย่วหานถ่ายรูปอยู่ ฉินโหย่วหานยิ้ม มุมปากยกขึ้น ใบหน้าหล่อเหลาเจือความเจ้าเล่ห์ "ดูดีมาก""งั้นเอาชุดนี้แหละค่ะ"หลินเซียงหยิบบัตรเครดิตออกมาเพื่อจ่ายเงินฉินโหย่วหานไม่ขัดขวาง สายตาที่ดูลึกลับจับจ้องอยู่บนตัวเธอพอจ่ายเงินเสร็จ โทรศัพท์ของหลินเซียงก็ดังขึ้น เธอหยิบออกมาดู และเห็นว่าเป็นโทรศัพท์จากหัวหน้าแผนก"สวัสดีค่ะ หัวหน้า"เสียงของผู้จัดการแผนกฟังดูแปลก ๆ "หลินเซียง ตอนนี้เธอว่างหรือเปล่า? มีเอกสารชุดหนึ่งข้อมูลไม่ถูกต้อง วานกลับมาตรวจสอบให้หน่อยได้ไหม? ข้อมูลเกี่ยวกับการเงินค่อนข้างสำคัญน่ะ"หลินเซียงขมวดคิ้ว "ฉันเป็นคนดูแลเหรอคะ?"หัวหน้าแผนก "ใช่ ใช่แล้ว"หลินเซียงรู้สึกสงสัย เมื่อวานก่อนเลิกงาน เธอตรวจสอบไฟล์ข้อมูลแล้วว่าไม่มีข้อผิดพลาดถึงได้ส่งไป แล้วทำไมถึงยังผิดพลาดอยู่อีก?"ได้ค่ะ ฉันจะกลับไปตรวจสอบเดี๋ยวนี้"ผู้จัดการตอบ "โอเค ไม่ต้องกังวลนะ ฉันไม่ให้เธอทำงานฟรี ครั้งนี้ถือว่าเป็นการทำงานล่วงเวลา มีค่าล่วงเวลาให้""ขอบคุณค่ะ หัวหน้า" หลินเซียงตอบก่อนจะวางสายหลังจากวางสายแล้ว เธอมองไปที่ฉินโหย่วหานและ
ใบหน้าของหลินเซียงเย็นชาในทันทีดูเหมือนว่าซ่งซ่งจะเดาถูกการที่เธอถูกบังคับให้กลับมาทำงานล่วงเวลาครั้งนี้ เป็นฝีมือของลู่สือเยี่ยนอย่างแน่นอนซ่งจั่วพยายามเพิกเฉยต่อสายตาเย็นชาของเธอ แล้วยื่นเอกสารให้ "คุณหลิน เอกสารชุดนี้มีข้อมูลไม่ถูกต้อง รบกวนตรวจสอบใหม่อีกทีนะครับ" หลินเซียงหยิบเอกสารมา แล้วพูดอย่างเย็นชา "ถ้าไม่มีจุดไหนที่คุณบอกว่าไม่ถูกต้อง พวกเราจะหมางใจกันเปล่า ๆ นะคะ"ซ่งจั่ว "..."ตอนนี้เขารู้สึกไม่สบายใจเอามาก ๆ!"เอ่อ... คุณหลินครับ ประธานลู่เป็นคนบอก ไม่ใช่ผม" ซ่งจั่วรีบพูด พยายามปัดความรับผิดชอบหลินเซียงมองเขาอย่างเย็นชา "คุณกับเขาต่างกันตรงไหน?"ซ่งจั่ว "..."เขาเดินกลับไปที่ห้องทำงานส่วนตัวของประธานบริษัทด้วยใบหน้าเศร้าหมอง รู้สึกเหมือนฟ้าจะถล่มลงมาลำบากใจต่อทั้งสองฝ่าย!การเป็นผู้ช่วยท่านประธานชักจะยากเกินไปแล้ว!เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาซือเยี่ยนซ่งจั่ว [นายคิดยังไงกับตำแหน่งผู้ช่วยเหรอ?]ซือเยี่ยน [ไม่มีความคิด ผมเป็นแค่บอดี้การ์ด]ซ่งจั่ว [บางทีนายควรจะมีความเห็นบ้างนะ]ซือเยี่ยน [ไม่มี]ซ่งจั่ว [...]ซือเยี่ยน [อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่า
คุณย่าลู่ “จะมีใครทำร้ายเธอได้ยังไง? นั่นเป็นแค่การคาดเดาของเธอเท่านั้น”“เหอะ!”ลู่สือเยี่ยนหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดต่อ “คุณย่าครับ คนคนหนึ่งที่เพิ่งฟื้นขึ้นมาแต่ความจำเสื่อม จะไปอยู่บนถนนได้ยังไง? คนดูแลที่บ้านเราล่ะ? หายหัวไปไหนหมด?”คุณย่าลู่เงียบไปลู่สือเยี่ยนพูดต่อ “ตอนนั้นเธอเป็นคนที่ช่วยผม พาผมกลับบ้าน ถ้าไม่ใช่เธอ วันนี้ย่าก็คงไม่ได้เจอหน้าผมแล้ว”คุณย่าลู่มองหลินเซียง แล้วพูดขึ้นมาทันทีว่า “ความจริงเป็นแค่เรื่องบังเอิญหรือเปล่า ตอนนี้ยังสรุปไม่ได้ ถ้าเกิดเธอรู้ตัวตนของหลานตั้งแต่แรกล่ะ?”“ฉันไม่รู้ค่ะ”หลินเซียงรู้สึกว่าเธอควรจะพูดอะไรสักอย่างเธอมองคุณย่าลู่อย่างสงบ “คุณย่าคะ ฉันไม่รู้ว่าทำไมคุณย่าถึงได้เกลียดฉันขนาดนี้ แต่เมื่อก่อนย่าไม่ใช่แบบนี้ แถมยังชอบฉันมาก ถึงกับบอกเขาว่า ถ้าเขาทำร้ายฉัน คุณย่าจะช่วยฉันตีเขา ฉันยังจำคำพูดพวกนั้นได้อยู่เลย”เธอหายใจออกเบา ๆ แล้วพูดต่อ “แต่แน่นอนค่ะ คุณย่าจำไม่ได้ งั้นก็ไม่สำคัญแล้ว ฉันไม่รู้จักตัวตนของเขาตั้งแต่แรก จนกระทั่งเขาได้ความทรงจำกลับมา แล้วมาเปิดตัวในที่ที่ฉันทำงานอยู่ ฉันถึงได้รู้จักตัวตนของเขา”คุณย่าลู่เงียบไป ใบหน้
หลินเซียงมองคุณย่าลู่ด้วยความประหลาดใจไม่เคยคิดมาก่อนว่าคุณย่าที่เคยใจดีกับเธอ ในระดับที่เรียกว่าเอาใจใส่ กลับคิดร้ายกับเธอแบบนี้ แล้วยังมองเธอด้วยสายตาเย็นชาหลินเซียงรู้สึกเจ็บปวดในใจที่แท้ไม่ใช่แค่ตอนที่ลู่สือเยี่ยนทำร้ายเธอเท่านั้นถึงจะรู้สึกเจ็บปวดการถูกคนที่เคยสนิทสนมทำร้าย ใจก็เจ็บปวดเช่นกันเธอเม้มริมฝีปาก แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาลู่สือเยี่ยน“ฮัลโหล?”ไม่นานปลายสายก็รับ ได้ยินเสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มดังขึ้นหลินเซียงบอกว่า “คุณย่ามีเรื่องจะพูดกับพวกเรา ตอนนี้คุณช่วยมาโรงพยาบาลหน่อย”ลู่สือเยี่ยนถามว่า “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”หลินเซียง “มาถึงเดี๋ยวก็รู้เอง”พูดจบก็วางสายไปเรื่องหย่าควรจะพูดต่อหน้าทั้งสองคนจะดีกว่าบอกกับเธอแค่คนเดียวมีประโยชน์อะไร?เธออยากหย่า แต่ลู่สือเยี่ยนไม่ยอม คุณย่าลู่ก็ไม่เชื่อเธอทำผิดอะไร?ถึงได้ถูกปฏิบัติแบบนี้?หลินเซียงนั่งลงบนโซฟา ก้มหน้าลง ไม่มองคุณย่าลู่อีกนิสัยของเธอค่อนข้างแปลกถ้าคนคนนั้นทำร้ายเธอ ก็ยากที่จะเข้าไปอยู่ในใจเธอได้อีกคุณย่าลู่ไม่ค่อยชอบท่าทางของหลินเซียง จึงจับมือเซี่ยหว่านแล้วคุยต่อ เพราะชอบท่าทางอ่อนโยนขอ
หลังจากออกจากโรงพยาบาล ลู่สือเยี่ยนมองเธอ “อย่าคิดมาก คุณย่าแค่ลืมความทรงจำไปสองปีเท่านั้นเอง”หลินเซียงมองเขา แล้วถามว่า “แล้วถ้าคุณย่ายืนกรานจะให้คุณแต่งงานกับเซี่ยหว่านล่ะ?”ลู่สือเยี่ยนมองเธออย่างลึกซึ้ง “หลินเซียง เธอควรเลิกคิดเรื่องนี้นะ เพราะผมไม่หย่ากับคุณแน่”หลินเซียงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ แล้วพูดว่า “จริง ๆ แล้ว เราหย่ากันก็ไม่เลวนะ ฉัน…”“หยุด!”ลู่สือเยี่ยนมองเธอด้วยความหงุดหงิด “ฟังที่ผมพูดไม่รู้เรื่องเหรอ? ถ้าพูดถึงเรื่องหย่าอีก ผมจับคุณขังไว้แน่!”ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ รอบตัวเต็มไปด้วยออร่าเย็นชาหลินเซียงหยุดชะงัก ไม่พูดต่อเพราะเขาทำได้จริงเมื่อหันหลังเดินไป ใบหน้าเล็ก ๆ นั้นเย็นชายิ่งกว่าเก่าลู่สือเยี่ยนมองตามหลังเธอไป ริมฝีปากบางเม้มเป็นเส้นตรงเขาเปิดประตูแล้วก้าวขึ้นรถ สีหน้ามืดครึ้มอย่างที่สุดในขณะนั้น เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์เขาดังขึ้น เขาหยิบขึ้นมาดู เป็นสายจากซืออวี่“พูดมา!”ซืออวี่ตกใจกับน้ำเสียงเย็นชาของเขา ก่อนจะกลืนน้ำลายอึกใหญ่ “พี่ใหญ่ ฉันสืบได้เรื่องบ้างแล้ว แต่คนคนนั้นฉลาดเป็นกรด ปกปิดตัวตนได้ดีมาก รู้แค่ว่าเป็นผู้ชาย”ลู่สือเยี
วันรุ่งขึ้น ทั้งสองคนไปที่โรงพยาบาลคุณย่าลู่ทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว อวิ๋นหลานนั่งคุยกับเธออยู่“คุณย่าครับ”ลู่สือเยี่ยนเดินเข้าไปเรียกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนคุณย่าลู่เห็นเขา ใบหน้าที่แก่ชราพลันมีรอยยิ้ม“สือเยี่ยน เธอมาแล้ว” คุณย่าลู่จับมือเขาไว้ มองใบหน้าหล่อเหลาของเขาแล้วพูดขึ้นมาทันทีว่า “สือเยี่ยน ทำไมดูเปลี่ยนไปจังเลย? ดูเหมือนจะโตขึ้นมากเลยนะ”ริมฝีปากบางของลู่สือเยี่ยนโค้งเป็นรอยยิ้ม “โตขึ้นแล้วไม่ดีเหรอครับ?”คุณย่าลู่พยักหน้า “ดี แน่นอนว่าดี แต่ฉันยังชอบเธอตอนเด็ก ๆ ที่ไร้เดียงสามากกว่า เอาแต่วิ่งตามหลังพี่ชายตลอดเวลา แล้วยังทำหน้าบึ้งใส่เขา มีแต่พี่ชายที่ตามใจ ถ้าเป็นคนอื่นคงตีเธอไปแล้ว”รอยยิ้มที่มุมปากของลู่สือเยี่ยนแข็งทื่อไปชั่วขณะคุณย่าลู่สังเกตเห็นหลินเซียงในตอนนี้ จึงถามว่า “แล้วเธอล่ะ มายังไง?”ลู่สือเยี่ยนบอกว่า “ย่าครับ เธอเป็นภรรยาผม หลินเซียง”หลินเซียงมองคุณย่าลู่ “คุณย่า”คิ้วของคุณย่าลู่ขมวดเข้าหากันทันที เธอปล่อยมือลู่สือเยี่ยน “ก่อนหน้านี้เธอบอกว่าจะแต่งงานกับหว่านหว่านไม่ใช่เหรอ? ฉันเห็นว่าเด็กคนนั้นก็ใช้ได้นะ ทำไมถึงแต่งงานกับคนอื่นล่ะ?”ท่าทีนั้
ใบหน้าของลู่สือเยี่ยนแสดงออกถึงความซับซ้อนเล็กน้อย เขาพูดอย่างสงบว่า “เรื่องนี้ยังบอกไม่ได้ ต้องรอผลตรวจของแพทย์”หลินเซียงพยักหน้า ตอนนี้คงทำได้แค่นี้ลู่เจิ้งหรงมองหลินเซียงด้วยสายตาไม่เป็นมิตร แล้วพูดกับลู่สือเยี่ยนว่า “อาการของย่าแกดูเหมือนจะดีขึ้น ความคิดของผู้ใหญ่ แกคงรู้ดี น่าจะอยากเห็นแกแต่งงานกับหว่านหว่าน ตอนนั้นแกเป็นคนพาหว่านหว่านไปหาท่านเอง ตอนนี้ถ้าท่านขอร้อง แกก็ปฏิเสธไม่ได้”อวิ๋นหลานกล่าวว่า “เจิ้งหรง แต่สือเยี่ยนกับหลินเซียงรักกันดี ทำแบบนี้ไม่ค่อยดีหรอกมั้ง?”“เหอะ!” ลู่เจิ้งหรงหัวเราะเยาะ “รักกันดี? หลินเซียงไม่ใช่เหรอที่อยากหย่ามาตลอด? ใช้โอกาสนี้หย่ากันไปซะสิ ไม่ต้องมีใครขัดขวางใคร!”อวิ๋นหลานมองหลินเซียงด้วยความกังวล กลัวว่าเธอจะเสียใจแต่หลินเซียงเหมือนไม่ได้ยิน ยืนอยู่มุมห้อง ก้มหน้าลง ปากสวยเม้มเป็นเส้นตรงลู่สือเยี่ยนไม่ได้สนใจคำพูดของลู่เจิ้งหรงเลยเขาตามหาลู่จิ้นหนานจนแทบคลั่ง ยังมีเวลาสนใจเรื่องของเขากับหลินเซียงอีกเหรอ?ดูเหมือนว่าเขาควรหาอะไรให้อีกฝ่ายทำบ้าง!ประมาณสองชั่วโมงผ่านไปผลการตรวจของคุณย่าลู่ออกมาแล้วแพทย์ถือรายงานผลการตรวจแล้วพูด
เสียงของคุณย่าลู่ดังขึ้น ทุกคนในห้องนั่งเล่นต่างก็ตกตะลึง!สีหน้าของลู่สือเยี่ยนตึงเครียดขึ้น เขาคุกเข่าครึ่งตัวอยู่ข้างหน้าคุณย่าลู่แล้วถามว่า “คุณย่าครับ ตอนนี้คุณย่าจำอะไรได้แล้วเหรอครับ?”คุณย่าลู่เอามือลูบหัวเขา “ย่าต้องจำได้อยู่แล้วสิ ย่ายังไม่แก่จนความจำเลอะเลือนซะหน่อย ก่อนหน้านี้เธอบอกว่าจะแต่งงานกับหว่านหว่าน แล้วทำไมวันนี้ถึงไม่พาเธอมาด้วย?”ลู่สือเยี่ยนรู้สึกถึงความผิดปกติอย่างรวดเร็ว เขาชี้ไปที่หลินเซียงแล้วถามว่า “แล้วคุณย่าจำเธอได้ไหมครับ?”คุณย่าลู่มองตามนิ้วมือของเขาไป แล้วส่ายหัว “ไม่รู้จัก เธอเป็นใคร? คนใช้ใหม่ของบ้านเราเหรอ?”หลินเซียงได้ยินคำพูดของเธอ เหมือนกับถูกตบหน้าอย่างแรง ก่อนหน้านี้ตอนที่คุณย่าลู่ความจำเสื่อม เธอมักจะคิดว่าเซี่ยหว่านเป็นคนใช้ของบ้านตระกูลลู่ และยังดีกับหลินเซียงเป็นพิเศษแต่ตอนนี้กลับกัน!ลู่สือเยี่ยนลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า “ผมจะพาคุณย่าไปโรงพยาบาลครับ”คุณย่าลู่ขมวดคิ้ว ใบหน้าที่แก่ชราเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ “ไปโรงพยาบาลทำไม? ย่ารู้สึกว่าย่าสบายดีนะ”ลู่สือเยี่ยน “ตรวจร่างกายคุณย่านิดหน่อย เชื่อผมเถอะครับ”คุณย่าลู่ก็ยังไม่ค่อยเต็มใจ
หลังจากที่ลู่สือเยี่ยนพูดจบ เขาก็ไม่ได้วางสาย ได้ยินเสียงเขาเปิดประตูรถลงจากรถ ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าที่เร่งรีบหลินเซียงกำโทรศัพท์แน่น ยื่นมือไปกดปุ่มปิดประตูอีกครั้งครั้งนี้ประตูลิฟต์ปิดลง หัวใจที่สั่นไหวก็ค่อยผ่อนคลายลงอย่างเฉียบพลัน"ประตูลิฟต์ปิดแล้ว" หลินเซียงพูด ตอนนี้เธอเพิ่งรู้ว่าขาของตัวเองอ่อนแรงแค่ไหน!ลู่สือเยี่ยนพูดว่า "อย่าออกจากลิฟต์ก่อนถึงชั้นหนึ่งนะ""อืม"หลินเซียงตอบ ยังไม่วางสายโชคดีที่ลิฟต์มาถึงชั้นหนึ่งอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ไม่มีใครทำงานล่วงเวลาในตึกแล้วเมื่อประตูลิฟต์เปิดออก หลินเซียงก็เห็นลู่สือเยี่ยนยืนอยู่ที่ประตู เธอวิ่งออกไปทันที!ลู่สือเยี่ยนกอดเธอไว้พลางปลอบเบา ๆ "ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมจะตรวจสอบให้ชัดเจน"ด้วยกลิ่นอายที่สดชื่นของเขา หลินเซียงจึงผ่อนคลายลง ตามมาด้วยความหวาดกลัวอย่างรุนแรง!จมูกของเธอรู้สึกแสบร้อน น้ำตาเกือบไหล แต่เธอก็อดทนไว้!ลู่สือเยี่ยนประกองกอดเธอแล้วออกจากอาคารพอก้าวขึ้นรถ ความอบอุ่นจากเครื่องทำความร้อนทำให้ร่างกายที่เย็นเยือกเริ่มอุ่นขึ้นลู่สือเยี่ยนจับมือเธอ ถามว่า "คุณเห็นใครหรือเปล่า?"หลินเซียงส่ายหัว "ไม่มีนะ"แล้วถา
หลินเซียงรู้สึกใจสั่นระรัวเสียงน้ำไหลในห้องน้ำดังขึ้น หลินเซียงจึงโล่งใจเล็กน้อยเธอค่อย ๆ ผ่อนคลายและกอดตัวเองขณะกำลังจะหลับ เตียงข้าง ๆ ก็ยุบลงไป ร่างกายของลู่สือเยี่ยนที่ยังเปียกชื้นจากน้ำ เข้ามากอดเธอแน่น หลินเซียงไม่ขยับหรือดิ้นรน ลู่สือเยี่ยนจูบที่ไหล่เธอเบา ๆ "ราตรีสวัสดิ์ ที่รัก"ขนตาของหลินเซียงกระตุกเล็กน้อย แต่เธอก็ยังไม่ตอบสนองอะไร…วันรุ่งขึ้น หลินเซียงไปทำงานก็พบว่าสวี่ซิงเย่มาถึงแล้ว เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาด ดูสดใสและมีเสน่ห์ เป็นหนุ่มน้อยที่สดใสสวี่ซินหรานกำลังคุยกับเขาอยู่และสวี่ซิงเย่ก็ตอบด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นเธอมาถึง สวี่ซิงเย่รีบลุกขึ้นยืนและเดินมาหาเธอ "คุณหลิน อรุณสวัสดิ์ครับ!"หลินเซียงยิ้มบาง "ตอนนี้เราเป็นเพื่อนร่วมงานกันแล้ว นายเรียกฉันว่าหลินเซียงก็ได้"สวี่ซิงเย่เกาจมูกด้วยความเขินอายเล็กน้อย "หลินเซียง""อืม อรุณสวัสดิ์ค่ะ" หลินเซียงพยักหน้าเล็กน้อยสวี่ซินหรานนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย "ถ้าไม่รู้ว่าเธอแต่งงานแล้ว ฉันนึกว่าพวกเธอเป็นแฟนกันซะอีก"เมื่อได้ยินแบบนั้น สวี่ซิงเย่ขมวดคิ้ว พูดว่า "อย่าพูดอย่างนั้นเลยครับ ผมกั
“ลู่สือเยี่ยน คุณเป็นอะไรมากไหม?”หลินเซียงรู้สึกงงกับเขา!เธอไม่ได้ทำอะไรเลย แต่เขากลับจะยัดเยียดให้เธอไปเปิดห้องกับผู้ชายคนอื่น?เขาเป็นบ้าหรือเปล่า?ลู่สือเยี่ยนจ้องมองเธออย่างเงียบ ๆ แล้วพูดว่า “หลินเซียง ห้ามรับของจากผู้ชายคนอื่น และห้ามชอบผู้ชายคนอื่นด้วย ถ้าผมรู้ คุณอาจไม่ตาย แต่ผู้ชายคนนั้นต้องตายแน่!”เขาเตือนอย่างจริงจังด้วยความเคร่งขรึม ดวงตาของเขาแสดงความต้องการครอบครองเธออย่างไม่มีปิดบังหลินเซียงกัดริมฝีปาก มองเขาด้วยสายตาซับซ้อนถ้าเป็นก่อนหน้านี้ เขาแสดงออกแบบนี้เธอคงดีใจมาก!แต่หลังจากผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มาแล้ว เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนี้ เธอกลับไม่รู้สึกอะไร!เธอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย “ตอนนี้ฉันไปอาบน้ำได้แล้วใช่ไหม? ทำงานมาทั้งวัน เหนื่อยมากจริง ๆ”ลู่สือเยี่ยนมองเธออีกสักพัก แล้วปล่อยเธอไปหลินเซียงเดินไปที่ห้องน้ำลู่สือเยี่ยนเรียกคนใช้มาเก็บเค้กเมื่อหลินเซียงออกมา เธอก็เห็นเขานั่งอยู่บนโซฟา บนโต๊ะมีขี้ผึ้งวางอยู่“ทายา”เมื่อเห็นเธอหันมามอง เขาพูดเสียงต่ำหลินเซียงกัดริมฝีปาก แล้วพูดว่า “ฉันทาเองได้”พูดจบ เธอก็เดินไปหยิบขี้ผึ้งแต่ลู่สือเยี่ยนมือไวกว่