“การที่เราไม่สามารถแสดงออกซึ่งความรู้สึกของตัวเอง...มันเหมือนกับชีวิตของเราจมอยู่ก้นเหว เราอยากตะโกนแต่ไม่มีใครได้ยิน เราอยากแสดงออก...แต่ไม่มีใครเห็นมันแม้แต่คนเดียว”“คลีฟ...” หัวใจดวงน้อยราวกับเต้นผิดจังหวะ นิตาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เธอคิดว่าตัวเองเจ็บสาหัสและหัวใจของเธอกำลังจะสลายกลายเป็นผง หากทว่าตอนนี้เธอกลับค้นพบบางสิ่งบางอย่างที่แฝงเร้นและลึกล้ำในส่วนลึกของผู้ชายคนหนึ่งซึ่งเคยได้ชื่อว่าเป็นสามีของเธอ บางอย่างที่กำลังเปิดเผยตัวตน แม้มันยังพร่าเลือนและซับซ้อนมากเกินกว่าที่เธอจะเข้าใจหากหญิงสาวกลับรู้สึกได้ว่ามีเพียงเธอเท่านั้นที่กำลังมองเห็น“บางครั้งผมอยากปิดกั้นตัวเองออกจากทุกอย่าง ห่างไกลจากทุกความสัมพันธ์กับทุกคนที่เคยมี...เพราะผมรู้สึกว่านี่...ไม่ใช่ตัวผม”“อยากปิดกั้นตัวเองจากทุกอย่าง...แม้แต่ฉันอย่างนั้นหรือคะ?” นิตาไม่ได้นอนนิ่งเหมือนรูปสลักน้ำแข็งอีกต่อไป หญิงสาวเลื่อนมือเรียวบางขึ้นไปทาบบนหน้ากากที่คลีฟยังใช้มันปกปิดใบหน้าของเขา เธอรู้สึกถึงลมหายใจร้อนที่ผ่อนออกมา มันแทรกซึมเข้าไปในอณูเนื้อของเธอและทำให้เธอรู้สึกร้อนรุ่ม ปรารถนาเหลือเกินที่จะได้ค้นพบสิ่งที่อยู่เบ
“คลีฟ...อือ” นิตารู้สึกว่าตัวเธอกำลังหนักอึ้ง คลีฟกำลังรุกคืบเธอด้วยร่างกายใหญ่โตและหญิงสาวรู้สึกถึงความเร่งเร้ารุนแรงที่คุกรุ่นอยู่ในอารมณ์ของเขา หญิงสาวเริ่มหวาดหวั่น เขาทำเหมือนตัวเองเป็นสัตว์ป่าที่กำลังหิวกระหาย มันทำให้เธอนึกถึงการกระทำของเขาเมื่อตอนหัวค่ำ คลีฟเหมือนระเบิดที่ปลดปล่อยพลังกวาดล้างทุกอย่าง และตอนนี้เธอก็ไม่ต่างจากวัตถุที่อยู่ใกล้รัศมีทำลายของเขา“คลีฟ...” นิตาส่งเสียงผ่านริมฝีปากที่อ้าออกเพราะแรงบีบจากปลายนิ้วแกร่งที่เลื่อนขึ้นมาโอบรัดกรามเล็กบนใบหน้าหวาน ร่างกายของเธอถูกลำตัวหนาใหญ่กดลงไปจนแทบหายใจไม่ออก ชายหนุ่มแทรกปลายลิ้นลงไปในเรียวปากอิ่มที่เผยออ้าเพราะแรงบีบเค้น มันเกิดขึ้นเป็นครั้งที่สอง...ปลายนิ้วแกร่งเลื่อนลงมาที่ลำคอระหง ลำคอของเธอเหมือนมันไม่มีที่ว่างเพราะถูกบีบให้แคบลง เขาจูบเธอ บดบี้ริมฝีปากไปบนกลีบปากบางโดยไม่ประวิงว่ามันยังเป็นรอยช้ำเพราะหลังฝ่ามือของเขา เสียงหอบหายใจของเขาดังอยู่ใกล้หู ราดรดปลายจมูกของหญิงสาวที่ผ่อนลมหายใจออกมาติด ๆ ขัด ๆ เพราะแรงบีบรัดจากปลายนิ้วที่กดกรามของเธอไว้แน่น มืออีกข้างของเขาเลื่อนมากดบนลำคอของเธอเสียงนั้นดังอยู่ข้างในเพรา
“ได้โปรด...อย่าทำแบบนี้อีกเลยนะคะ” เธอร้องขอและคำตอบที่ได้รับนั้นมีเพียงความเงียบงัน นิตาดึงมือของเขาไปแนบแก้มเปื้อนน้ำตา รู้สึกถึงความเย็นเฉียบจากตัวเขาที่ถ่ายเทผ่านหยดเลือดอุ่นที่ยังไหลออกมาไม่หยุด“ฉันจะทำแผลให้คุณค่ะ...คลีฟ...ฉันจะทำแผลให้คุณ” เสียงแผ่วหวานของหญิงสาวทำให้ใบหน้าคร้ามคมค่อย ๆ คลายความเครียดเข้มลง หากทว่าคลีฟก็ยินยอมให้นิตาทำแผลที่มือซึ่งเต็มไปด้วยเลือดของเขาโดยที่ไม่ยอมกล่าวอะไรออกมาอีกตลอดเวลาที่หญิงสาวล้างและเช็ดแผลใส่ยากระทั่งพันปิดแผลที่หลังมือของเขาด้วยผ้าพัน เธอพยายามกลั้นน้ำตาตลอดเวลาที่ต้องเป็นนางพยาบาลโดยไม่ได้ตั้งใจ หญิงสาวสังเกตเห็นว่าประกายตาของคลีฟหมองลงแต่ก็ยังดูนุ่มนวลกว่าตอนที่อารมณ์ของเขาเครียดจัดถึงขีดสุด แต่ไม่ว่าจะอย่างไรเธอก็รู้ดีว่าทุกอารมณ์ของเขาเหมือนระลอกคลื่นที่เข้ามากระทบความรู้สึกของเธอเสมอ“เสร็จแล้วค่ะ” นิตาซึ่งอยู่ในเสื้อเชิ้ตเพียงตัวเดียวกล่าวขึ้นหลังจากที่ต้องนั่งทำแผลให้คลีฟบนเตียงของเขาเป็นเวลานานกว่าชั่วโมง ภายในห้องนั้นมีเพียงแสงนวลจากโคมไฟที่หัวเตียงสาดส่อง เขาไม่ยอมเปิดไฟสว่างทำให้หญิงสาวต้องใช้ความพยายามเพ่งมองว่ามีเศษกระ
“นีน่า” เสียงของเขาสะท้อนก้องอยู่ในความเงียบ คลีฟค่อย ๆ ลดมือข้างที่มีผ้าพันแผลซึ่งไล้อยู่บนใบหน้าสวยหวานลง “มีอะไรหลายอย่างที่ผมอยากพูด อยากบอก แต่สิ่งที่ผมทำได้คือเก็บมันไว้ข้างใน มันแย่มากใช่มั้ยนีน่าที่ต้องอยู่กับคนที่คาดเดาความคิดและการกระทำของเขาไม่ได้ในแต่ละนาที ผมบอกได้เลยว่ามันจะทำให้คุณทรมานใจจนทนไม่ได้และคุณ...ก็จะเป็นฝ่ายล่าถอยไปเอง”นิตาอ้าปากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ชายหนุ่มกลับหันหลังให้เธอเสียย่างนั้น หญิงสาวได้ยินเสียงระบายลมหายใจหนักก่อนจะตามมาด้วยเสียงทุ้มกังวานของเขา“ถ้าคุณอยากกลับนิวยอร์คคืนนี้...ผมจะให้ไนเจอร์พาคุณไปส่งด้วยเครื่องบินส่วนตัวของผม...คุณสามารถกลับไปทำงานที่ห้างได้ตามปกติ และผมจะจ่ายเงินค่าจ้างให้คุณตามที่ตกลงกันไว้...หนึ่งแสนเหรียญ” คลีฟไม่ยอมหันกลับไปมองร่างอรชรที่นั่งอยู่เบื้องหลังเขา ทุกอย่างราวกับอยู่ในสภาวะสุญญากาศ มันเงียบจนเขารู้สึกถึงความเคว้งคว้างที่หมุนวนอยู่ข้างใน ปราศจากเสียงโต้ตอบใด ๆ แต่แล้วกล้ามเนื้อของเขากลับมีอาการกระตุกเล็กน้อยเมื่อรู้สึกว่ามือเรียวบางเอื้อมมาแตะไหล่กว้างเบา ๆ“คลีฟ...หันกลับมานี่สิคะ” เสียงที่ก้องอยู่ในความสงัดเงียบขอ
“แล้วถ้ามันหมายถึงชีวิตของคุณ” “ฉันยินดีค่ะ” แล้วเรียวปากหนาก็ประกบปิดกลีบปากบางที่เผยอรอรับไว้แน่นและบดคลึงมันอย่างหนักหน่วง ร่างแน่งน้อยถูกมือทั้งสองของชายหนุ่มที่เลื่อนลงมาวางบนแผ่นหลังดันจนชิดบดเบียดกับตัวเขาจนแทบไม่มีที่ว่างให้อากาศไหลผ่าน ลิ้นของเขาโจนจ้วงเข้าไปในอุ้งปากที่เธอเสนอให้ มันทั้งตวัดรัดและดุนดันแทรกด้วยลมหายใจที่กระไอร้อนผ่าวลอดเข้าไปในกลีบปากนุ่ม แล้วหญิงสาวก็เริ่มรู้สึกถึงแรงกอดรัดจากแขนแกร่งที่โอบรอบตัวเธอ มันเหมือนทุกครั้งที่คลีฟดำดิ่งลงไปสู่ห้วงแห่งปรารถนาที่ยิ่งล้ำลึกมากเท่าไหร่มันก็เหมือนมีแรงกระตุ้นบางอย่างปลุกเร้าอารมณ์ของเขาให้ยิ่งรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น และเป็นสิ่งที่นิตาได้ประจักษ์ในตอนนี้แล้วว่า...คลีฟกำลังจะกลายเป็นอีกคนที่ไม่ใช่ตัวเขา ปากและลิ้นของเขายังสอดประสานกับเธอแนบแน่น ดูดดื่มและควานหา ตวัดรัดแต่ปราศจากการหยอกเอิน น้ำหนักที่ปลายลิ้นของเขาหน่วงหนักและมันฉกลึกเข้าไปในโพรงปากของเธอมากขึ้นทุกที แล้วนิตาก็รู้สึกว่ามือข้างหนึ่งของเขากำลังเลื่อนมาที่สีข้างของเธออย่างช้า ๆในห้วงเวลานั้นเองหญิงสาวตัดสินใจจับมือของเขาไว้ ประสานมือเรียวบางกับฝ่ามือหนาหนักเ
แต่แล้วเวลากลับผ่านไปโดยที่นิตาไม่ได้รู้สึกถึงความเจ็บปวดใด ๆ บนร่างกายของเธอแม้แต่น้อย เธอยังหายใจได้และไม่ได้รู้สึกอึดอัดหรือมีส่วนใดที่ถูกบีบรัดแม้แต่แห่งเดียว หญิงสาวค่อย ๆ เปิดเปลือกตาขึ้น ภาพแรกที่เห็นคือใบหน้าคร้ามเข้มของคลีฟที่โน้มต่ำลงเกือบชิดใบหน้าของเธอ แขนของเขายืดขึ้นไปอยู่เหนือศีรษะของหญิงสาว กล้ามเนื้อบนต้นแขนแกร่งขมวดเกร็ง คลีฟขย้ำผ้าปูเตียงจนแทบขาดคามือ สิ่งเดียวที่หญิงสาวรับรู้ได้ตอนนี้คือความพยายามของเขาที่จะขจัดอีกตัวตนซึ่งมันสำแดงความดิบเถื่อนราวกับสัตว์ป่าออกไป ใช่...คลีฟเหมือนสัตว์ป่ากระหายเหยื่อเวลาที่เกิดความผันผวนทางอารมณ์อย่างหนัก ถึงตอนนี้นิตาก็ได้ประจักษ์ชัดแก่ใจแล้วว่าสามีของเธอมีหลายอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปและเขาอาจจะฆ่าเธอได้เพราะความหลงลืมในตัวตน“นีน่า...ผมรู้แล้วว่า...ผมจะทำยังไง” เสียงนั้นหอบเหนื่อย ลมหายใจร้อนของเขาเป่ารดอยู่บนปลายจมูกเล็ก ตอนนี้ราวกับว่าคลีฟเพียรสะกดอารมณ์ของซาตานร้ายในตัวเขา “ผมจะจูบคุณ...แต่จะไม่แตะต้องหรือสัมผัสคุณ”“คลีฟคะ...” “พระเจ้า!...ผมหยุดตัวเองไม่ได้ ถ้าขืนผมยังแตะต้องตัวคุณต่อไป ผมไม่อยากจะคิดว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น”“แล้
“ผมคิดว่าผมจะไม่แตะต้องหรือสัมผัสคุณ...ผมอยากจะแค่จูบ...แต่...พระเจ้า...ผมทำไม่ได้”ปลายนิ้วของเขากดลงบนเนินเนื้อขาวอวบอิ่มที่โผล่พ้นสาปเสื้อซึ่งมันแยกจากกันเมื่อกระดุมเม็ดแรกถูกปลดออก เสียงหายใจหอบของหญิงสาวบอกให้รู้ว่าเธอตื่นเต้นมากแค่ไหน เนื้อนิ่มที่อยู่ใต้ปลายนิ้วแกร่งระริกไหวราวกับกลีบดอกไม้ต้องละอองน้ำ นิตาหลับตาลงและวางมือลงข้างลำตัวปล่อยให้คลีฟปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของเขาที่อยู่บนตัวเธอออกจนถึงเม็ดสุดท้าย หญิงสาวไม่กล้าเปิดเปลือกตาแต่รู้สึกว่าสาบเสื้อทั้งสองถูกแยกออกห่างกัน คลีฟจ้องมองเรือนร่างโค้งเว้างดงามชวนฝันใต้เชิ้ตตัวโคร่งที่เปลือยเปล่าพร้อมทั้งหายใจเหมือนหอบขัด มือและร่างกายของเขาขมวดแน่นอีกครั้ง มันสั่นเล็กน้อยด้วยเขากำลังพยายามบังคับความต้องการที่มันพลุ่งพล่านขึ้นมาอย่างยั้งไม่อยู่ ร่างงามของนิตาที่ปราศจากทั้งบราเซียและแพนตี้นั้นดึงดูดสายตาคู่คมและมันเป็นเช่นนั้นเสมอ เนื้อนวลบนผิวงามลื่นละมุนราวพอร์ชเลนเนื้อดี เขาไม่เคยลืมว่าครั้งหนึ่งเคยได้สัมผัสและครอบครองเรือนร่างของหญิงสาวโดยไม่มีสิ่งใดขวางกั้นความปรารถนาระหว่างเธอและเขา และเขาก็ไม่เคยลืมเลือนว่าทุกตารางนิ้วของนิตาหอ
“คลีฟ...โอ...คลีฟ...” “กอดผมนีน่า...ผมรู้ว่าคุณกำลังทรมาน”กายแกร่งบดเบียดด้วยน้ำหนักของร่างกายอันใหญ่โตลงไปบนร่างน้อย นิตาแอ่นร่างขึ้นทำให้ทรวงอกนุ่มเสียดสีกับอกกว้างของเขาอย่างตั้งใจ ใบหน้าหล่อเหลาเลื่อนต่ำลงไปกระทั่งคางของเขาสัมผัสกับเนื้ออิ่ม ความนุ่มนิ่มบนเนินอกอวบสล้างทำให้เขาแทบทนรอไม่ไหวที่จะได้ครอบครองมันด้วยริมฝีปากหยักหนา นิตาร่ำร้องด้วยเสียงครวญผะแผ่วแต่มันยิ่งกระตุ้นเร้าให้ชายหนุ่มลิ้มลองร่างเล็กด้วยปากของเขา ความทรงจำอันแสนหวานยังคงประทับแน่นอยู่ในความรู้สึกของเขาเสมอ คลีฟไม่เคยลืมว่าอัญมณีสีสวยที่แต่งแต้มบนยอดอกอิ่มนั้นหวานฉ่ำแค่ไหน ปากหยักหนาครอบครองและดูดดื่มและพอใบหน้าคร้ามคมเลื่อนต่ำมือของเขาก็เลื่อนลงมาหยุดที่ไหล่บาง หากทว่าเขาเพียงสัมผัสเนื้อนิ่มบนไหล่กลมกลึง เพียงชั่วขณะเท่านั้นที่มือหนาหนักกดลงบนไหล่ของหญิงสาว คลีฟเริ่มควบคุมอารมณ์สั่นไหวของตัวเองได้ เขากลืนกินยอดถันสีสวยของเธอโดยไม่ลงน้ำหนักริมฝีปากขบเม้มอย่างดิบหยาบหรือแม้แต่ขบกัดให้เธอต้องเจ็บปวด ลิ้นหนาเพียงแทรกไซ้และตวัดไปมาบนยอดเนื้อสีชมพูแสนอ่อนนุ่ม ดูดดุนและเม้มเบา ๆ ให้เธอหวามไหวนิตาห่อไหล่ด้วยความซ่า
“ผมจะบอกอะไรให้นะ ที่รัก” เขาเชยคางของเธอขึ้น ดวงหน้าแสนงามเปื้อนด้วยคราบน้ำตาและสาบานได้ว่าเขาจะไม่ยอมให้เธอต้องเสียใจอีกแล้ว“พอผมรู้ว่าไดแอนดราคิดจะทำอะไร ผมก็ตัดสินใจได้ในทันทีเหมือนกันว่าผมต้องทำอะไรบ้าง ผมสั่งแองเจิ้ลให้ส่งเทียบเชิญลูกค้าและแขกคนสำคัญของผมภายในวันนั้น เชิญนักข่าวจากสื่อต่าง ๆ เพื่อให้พวกเขามาร่วมงานแถลงข่าวเปิดห้างใหม่ของเวสเนอร์ ดูเป็นงานที่เร่งรีบไปหน่อยแต่มันเป็นแค่จุดประสงค์รองของผมเท่านั้น ความตั้งใจของผมคือการทำตามความต้องการของไดแอนดรา”“คลีฟ...”“ในเมื่อไดแอนดรากล้าที่จะเอาเรื่องของผมมาต่อรองกับคุณ ผมก็กล้าพอที่จะเปิดเผยเรื่องราวทุกอย่างด้วยตัวผมเองเช่นกัน ผมเคยบอกคุณแล้วยังไงนีน่าว่าไดแอนดรายังไม่รู้จักผมดีพอ ถ้าเธอรู้จักผมก็จะรู้ว่าผมก็บ้าพอที่จะยอมแลกความเจ็บปวดกับทุกอย่าง”“ฉันรู้ค่ะ คลีฟ...ฉันรู้ค่ะ” “และรู้มั้ยว่า...งานวันนี้ผมตั้งใจจะจัดมันขึ้น...เพื่อคุณ”ชายหนุ่มแนบริมฝีปากบนแก้มของหญิงสาว นิตาเงยหน้ารับจุมพิตของเขาเสมือนว่ามันได้ซับน้ำตาของเธอจนแห้งเหือดไปสิ้น“นีน่า...ผมเคยทำผิดต่อคุณไว้มาก ผมทอดทิ้งคุณ ทำให้คุณเจ็บปวดด้วยคำพูดและการกระทำที่ไ
เขาส่ายหน้า “พี่รักเธอเสมอไดแอนดรา...ถ้าหากเธอจะเข้าใจตัวเองมากกว่านี้ หัวใจของคลีฟไม่ได้เป็นของเธอตั้งแต่แรก ยอมรับเถอะว่าเธอไม่สามารถแทนที่นิต้าได้เพราะนิต้า...คือหัวใจของเขา” ไดแอนดราแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่หากแต่เธอก็ต้องสะกดมันไว้ด้วยนิสัยที่ไม่เคยยอมใครแม้จะผิดหวังก็ต้องไม่แสดงความอ่อนแอให้ใครเห็นแม้แต่พี่ชายตัวเอง ร่างระหงเดินเฉียดไหล่ลอว์สันกลับออกไปจากห้องนั้นในขณะที่ชายหนุ่มหันกลับไปมองชายหญิงทั้งสองที่กอดเกี่ยวกันท่ามกลางแขกเหรื่อและแสงแฟลชจากกล้องของเหล่ากองทัพสื่อที่พร้อมใจกันถ่ายภาพเพื่อจะลงข่าวใหญ่ในวันรุ่งขึ้น หรือไม่ก็อาจจะเป็นอีกไม่กี่นาทีหลังจากนี้ ข่าวเบื้องหลังของประธานใหญ่แห่งเวสเนอร์และภรรยาตัวจริงของเขาจะถูกเผยแพร่ออกไปทางโซเชียลเน็ตเวิร์ค และไม่ว่ามันจะได้รับผลตอบกลับมาในแง่ดีหรือร้าย ลอว์สันก็คิดว่าเพื่อนของเขาคงเตรียมใจรับไว้อย่างดีแล้ว เพราะอย่างน้อยตอนนี้คลีฟก็ไม่ได้โดดเดี่ยวอีกต่อไป เขามี เพื่อน คู่คิดที่จะคอยร่วมเดินไปบนเส้นทางสายใหม่ ซึ่งเป็นเส้นทางที่คลีฟ เวสเนอร์ใช้หัวใจของเขาเลือกเดินForever Romantic นิตายืนมองภาพบรรยากาศอันขมุกขมัว
“ทุกท่านได้ยินไม่ผิดหรอกครับ ผมเคยจดทะเบียนสมรสกับผู้หญิงคนหนึ่งที่เมืองไทยก่อนจะเดินทางกลับมาสหรัฐเพื่อเข้าร่วมรบในสงครามประเทศตะวันออกกลาง และพอหลังจากโดนระเบิดผมต้องรักษาตัวอยู่นานเกือบปีกว่าจะหายเป็นปกติ หลังจากนั้นผมก็เข้ารับตำแหน่งประธานเวสเนอร์ กรุ๊ป ตามเจตจำนงในพินัยกรรมของคุณพ่อบุญธรรมก่อนที่ท่านจะเสียชีวิต ตอนนั้นพอผมรู้ว่าตัวเองป่วยผมก็พยายามตัดใจลืมเธอ ผมไม่ได้กลับไปหาเธอที่เมืองไทยด้วยเหตุผลที่ว่า...ผมไม่อยากทำให้เธอเจ็บปวดเพราะอาการป่วยที่ต้องได้รับการบำบัด เรื่องนี้ไม่เคยมีใครรู้...แต่...ผมอยากบอกว่า ผมไม่ได้ตั้งใจจะทอดทิ้งเธอ...ผู้หญิงที่ผมรักเธอมากที่สุดในชีวิต” เขาก้าวเดินเข้าไปหาหญิงสาวในชุดราตรียาวสีขาวที่ยังนั่งนิ่งท่ามกลางสายตานับร้อยคู่รวมทั้งคนที่นั่งร่วมโต๊ะต่างก็ประหลาดไปตาม ๆ กัน“ผมอาจจะเคยเป็นทหารกล้าในสนามรบ ผมเคยเจอกับยุทธวิธีการโจมตีหลากหลายรูปแบบโดยไม่นึกกลัว แต่ผมกลับเป็นผู้ชายที่แย่ที่สุดสำหรับผู้หญิงคนหนึ่งที่เธอรักผมและยอมทุ่มเททุกอย่างเพื่อผม ผมปล่อยให้เธอต้องอยู่อย่างเดียวดายหลังจากที่เราจดทะเบียนสมรสกันได้แค่เพียงเดือนเดียว ผมจากเธอมาเพราะภาระหน
“ผมคิดว่าตัวเองตายไปแล้ว ได้ยินเสียงเพื่อนทหารด้วยกันตะโกนลั่น และเมื่อรู้สึกตัวอีกทีผมก็ถูกพามารักษาตัวอย่างเร่งด่วนที่นิวยอร์ค เวลาผ่านไปเกือบปี หลังบาดเจ็บสาหัสจากระเบิดผมต้องรักษาบาดแผลภายนอกที่มันค่อย ๆ สมานตัวและหายไปในที่สุด แต่บาดแผลข้างในบาดลึกและเป็นแผลฉกรรจ์ที่ผมมองไม่เห็น ตอนแรกผมละเลยและคิดว่ามันแค่อาการข้างเคียงที่เกิดขึ้นกับใครก็ได้ ก็แค่นอนไม่หลับ เห็นภาพเหตุการณ์ระเบิดแบบเลวร้ายซ้ำ ๆ แต่มันไม่ได้มีเพียงแค่นั้น จนกระทั่งผมตัดสินใจที่จะ...เข้ารับการบำบัดอาการป่วยที่มองไม่เห็นที่ศูนย์เพื่อความเป็นเลิศด้านวีรกรรมแห่งชาติในบีเทสดา” พอเขาพูดจบเสียงภายในห้องนั้นก็อื้ออึงขึ้นมา และคนที่ตระหนกต่อคำสารภาพต่อหน้าสาธารณชนนั้นก็คือนิตาที่มองเขาด้วยสีหน้าที่ไม่อยากเชื่อว่าประธานใหญ่แห่งเวสเนอร์จะกล้าพูด“ผมเข้ารับบำบัดอาการป่วยที่นั่นอยู่เกือบปี ผมเดินทางไปบีเทสดาซึ่งในช่วงระยะเวลานั้นผมก็สานต่องานบริษัทของคุณพ่อบุญธรรมไปพร้อม ๆ กันด้วย และนี่คือหลักฐานการเข้าบำบัดของผมที่นั่น มันเป็นการใช้ศิลปะบำบัดเพื่อช่วยให้อาการป่วยภายในที่คนทั่วไปไม่สามารถมองเห็นได้จากภายนอกผ่อนคลายลง” เสียงอ
ทั้งนักธุรกิจ นักการเมืองรวมไปถึงผู้คนในแวดวงสังคมดัง ๆ และหนึ่งในนั้นคือเจ้าของร่างเล็กบอบบางในชุดราตรียาวสีขาวซึ่งนั่งอยู่ท่ามกลางแขกคนสำคัญที่โต๊ะด้านหน้าเวที นิตารู้สึกประหม่า เธอกุมกระเป๋าคลัชต์ใบเล็กไว้ในมือและบีบมันแน่นตลอดเวลาเหมือนหัวใจของเธอตอนนี้ที่ถูกบีบคั้นด้วยความตึงเครียดภายใน เธอหายใจขัดและตื่นเต้น บอดี้การ์ดของคลีฟพาเธอมานั่งที่โต๊ะเลี้ยงรับรองแขกซึ่งอยู่ชิดขอบเวที หญิงสาวเหลือบมองดูเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาของบุรุษวัยกลางคนซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ และคิดหาทางที่จะออกจากห้องนี้โดยไม่ให้เป็นที่สังเกตของทั้งเชสและไนเจอร์ กระทั่งเสียงรอบ ๆ ห้องนั้นเงียบสงบลงและเสียงทุ้มห้าวของบุรุษคนสำคัญบนเวทีดังขึ้น นิตาเงยหน้ามองร่างสูงใหญ่ซึ่งเขายืนอยู่หลังไมค์โดยไม่ยอมนั่งที่โต๊ะซึ่งเจ้าหน้าที่ได้จัดเอาไว้“สวัสดีครับ ท่านสุภาพบุรุษ สุภาพสตรีและแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ผม...คลีฟ เวสเนอร์ ประธานคณะกรรมการผู้บริหารเวสเนอร์ กรุ๊ป มีความยินดีอย่างยิ่งในวันนี้ที่เรียนเชิญทุกท่านมาเป็นเกียรติให้แก่งานแถลงข่าวการเปิดห้างใหม่ของเวสเนอร์ ซึ่งเราจะดำเนินการอย่างเต็มรูปแบบในอีกสามเดือนข้างหน้า...อาจดูเร็วไป
“ผมเต็มใจเสมอ นิต้า...ขอให้บอกมา ไม่ว่าผมจะอยู่ที่ไหน แค่คุณบอกหรือแค่คิดถึงผมก็ยินดีที่จะตามไปช่วยเหลือคุณ”หญิงสาวเกือบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ หากเธอต้องเข้มแข็ง อย่าให้ลอว์สันจับสังเกตและเห็นความผิดปกติในตอนนี้ เพราะหากเขารู้คลีฟก็จะต้องรู้สิ่งที่เธอคิดด้วย“ฉันขอเข้าไปในงานก่อนนะคะ อีกเดี๋ยวคลีฟคงเดินทางมาถึงแล้ว” “ตามสบายนิต้า แล้วเดี๋ยวผมจะตามไป” ลอว์สันกล่าวด้วยรอยยิ้ม เขามองตามร่างเล็กในชุดราตรียาวแสนสวยเดินเข้าไปในกลุ่มคนที่แทบไม่มีใครสังเกตว่านิตาคือใครและมีหน้าที่อะไรในงานแถลงข่าวใหญ่ครั้งนี้ แม้จะรู้สึกแปลกใจหากลอว์สันก็ไม่ได้เปิดปากถามว่าเหตุใด เธอจึงไม่เดินทางมาที่งานพร้อมสามีของเธอ ชายหนุ่มกำลังจะก้าวตามไปหากก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นใครคนหนึ่งยืนนิ่งอยู่ที่ซุ้มดอกไม้อีกด้านของสถานที่จัดงานซึ่งเต็มไปด้วยแขกเหรื่อมากมาย“ไดแอนดรา” เขาเรียกน้องสาวคนเดียวซึ่งวันนี้เธออยู่ในชุดกระโปรงรัดรูปผ้าทวีดสีชมพูขับผิวขาวของเซเลบสาวให้เปล่งปลั่งหากก็เป็นความงามของเธอตามปกติอยู่แล้ว ไดแอนดราหันมามองพี่ชายของเธอพร้อมรอยยิ้มมุมปากที่สำหรับลอว์สันเขาไม่ได้รู้สึกไปเองว่ามันไม่ใช่รอยยิ้มที่ม
คริสตัลก้าวห่างจากหญิงสาวและโน้มใบหน้าต่ำเพื่อพิศดูความงามบนใบหน้าแสนสวยใต้กรอบเรือนผมสีน้ำตาลที่ถูกมวยไว้ด้านหลัง นิตาเหมือนเทพธิดาผู้งดงามอย่างแท้จริง เขาไล้ปลายนิ้วไปตามสันกรามเล็กของหญิงสาว“บอกแล้วยังไงว่าโครงหน้าของเธอน่ะเป็นโครงหน้าที่ธรรมชาติมากและฉันก็ชอบผู้หญิงหน้าตาแบบนี้ด้วย อยากรู้จังว่าถ้าเธอสวมชุดแต่งงานจะสวยขนาดไหน” คำพูดนั้นทำให้หญิงสาวอึ้งไปชั่วขณะลมหายใจ นิตายิ้มกลบเกลื่อนให้กับความคิดอันแท้จริง...จะไม่มีวันนั้น ไม่มีวันที่เธอจะได้สวมชุดแต่งงานเพื่อเดินเข้าสู่ประตูวิวาห์กับประธานใหญ่แห่งเวสเนอร์ หญิงสาวรู้ดีว่ามันจะเป็นเพียงภาพฝัน เธอจะเก็บมันไว้ การรอคอยในสิ่งที่ไม่มีวันมาถึงชั่วชีวิต“อืม...ดูเหมือนใกล้ถึงเวลาที่ท่านประธานจะมาถึงแล้วนะ เมื่อกี๊ตอนออกไปฉันเห็นนักข่าวกับพวกคนดังในแวดวงธุรกิจและสังคมนิวยอร์คมากันเยอะเลยล่ะ ฉันคิดว่านี่เป็นงานที่สำคัญมากสำหรับท่านประธาน แต่...ถามอะไรหน่อยเถอะนิต้า ทำไมเธอไม่มาพร้อมท่านล่ะ”“คุณก็รู้นะคะคริสตัลว่าฉันน่ะ ไม่ชินกับการที่ต้องอยู่ต่อหน้าคนมาก ๆ...ฉันบอกคลีฟแล้วค่ะว่าอยากดูเขาอยู่ห่าง ๆ อาจจะมุมไหนสักมุมหนึ่งในงาน”“โอเค...
“ฉัน...เอ้อ...”“ผมอยากให้คุณอยู่ที่นั่น นีน่า” คลีฟประคองใบหน้ารูปไข่ไว้ในอุ้งมือทั้งสอง “ผมอยากให้คุณมองเห็นความสำเร็จของผมหลังจากที่ผมสามารถพาเวสเนอร์ กรุ๊ปข้ามผ่านเวลาที่ยากลำบากมาได้ตอนที่คุณพ่อบุญธรรมของผมจากไป...นี่เป็นลมหายใจสุดท้ายของท่าน และผมจะสร้างมันใหม่ให้ยิ่งใหญ่มากกว่าในยุคสมัยที่ท่านทำไว้”“จะไม่มีใครแม้แต่คนเดียวที่เข้าใจ ทุกคนจะต้องคิดว่าเขาผิดปกติ เป็นคนโรคจิตเพราะเคยผ่านวิกฤติเลวร้ายในสงครามมาก่อน ทุกคนจะรังเกียจเขา ไม่อยากอยู่ใกล้ เวสเนอร์ กรุ๊ปต้องย่อยยับเพราะภูมิหลังที่ไม่โสภาของเขา ฉันไม่อยากคิดเลยว่าถ้าหากเรื่องนี้ถูกเปิดเผยให้คนภายนอกได้รับรู้...”เสียงของไดแอนดราก้องขึ้นมาในหูของหญิงสาว มันยังอื้ออึงและกระชากความรู้สึกของนิตาให้ดิ่งลงต่ำ เสียงนั้นราวคมมีดกรีดหัวใจของเธอออกเป็นล้านชิ้น คลีฟกำลังก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดในหน้าที่การงานโดยปราศจากสิ่งใดขวางกั้น แล้วเธอยังจะเห็นแก่ตัวเหนี่ยวรั้งความรุ่งโรจน์ของเขาไว้ในโลกอันน่าเศร้าของตัวเองอย่างนั้นหรือ“คลีฟ...”“ผมรู้ที่รัก...ผมรู้ว่าคุณต้องอยู่ที่นั่น อยู่เคียงข้างผม เพราะคุณสัญญาแล้วว่าคุณจะไม่จากผมไปไหนอีก อย่า
“นี่เป็นตั๋วเครื่องบินกลับเมืองไทยพร้อมด้วยเงินสดหนึ่งแสนเหรียญ เป็นเงินส่วนตัวของฉันที่คิดว่าเธอจะเก็บมันไว้ใช้ได้อย่างเหลือเฟือที่เมืองไทย ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเครื่องจะออกจากสนามบินนิวยอร์คคืนพรุ่งนี้ตอนสองทุ่ม ฉันคิดว่าเธอทำถูกแล้วกับการแลกชีวิตของเธอเพื่ออนาคตของคนที่เธอรักด้วยการ...เดินทางกลับบ้านโดยสวัสดิภาพ...นิต้า” ไดแอนดราหยิบกระเป๋าคลัชต์ของเธอก่อนลุกขึ้นเดินออกไปจากที่นั้นปล่อยให้นิตานั่งนิ่งอยู่ท่ามกลางบรรยากาศอันเงียบงันหากทว่าข้างในของเธอกลับอึงอนไปด้วยเสียงแห่งความเจ็บช้ำซึ่งไม่มีวันที่ใครจะได้ยิน ไปจากเขา...เพื่อให้คลีฟมีชีวิตอยู่อย่างปกติสุขได้ในสังคม...ไดแอนดราบีบบังคับเธอเป็นครั้งที่สอง หากแต่ครั้งนี้ผู้หญิงคนนั้นได้ยื่นข้อเสนอที่เธออาจปฏิเสธได้ยากยิ่ง หาใช่จำนวนเงินในเช็คใบนี้ แต่เป็นชีวิตของผู้ชายที่เธอรักมากที่สุด นิตารู้สึกหนักอึ้งราวแบกโลกไว้ทั้งโลกบนบ่าเล็ก ๆ ...หรือนี่คือสิ่งที่เธอควรตัดสินใจ ไปจากชีวิตของคลีฟแลกกับการที่เขาจะได้มีชีวิตอย่างคนปกติทั่วไป มันอาจทำให้เขามีความสุขจริง ๆ อย่างที่ไดแอนดราพูดก็เป็นได้ นิตาหยิบซองกระดาษสีขาวบนโต๊ะขึ้นมากุมไว้ เธอ