“ซอจ๋าซอ”“ปล่อยซอเลยนะคะ ปล่อย” ขณะพูดณัฐชยาก็พยายามแกะมือชายหนุ่มให้ออกห่าง แต่ก็ทำไม่ได้ง่ายเลย ติณณ์โน้มใบหน้ามาหอมแก้มแดงปลั่งของเธอไปฟอดใหญ่“โกรธพี่หรือเปล่า พี่จงใจเรียกชื่อซอกับพิณนะครับ ไม่ได้เผลอเรียก”“จงใจเรียกอย่างนั้นเหรอคะ” ณัฐชยาหันขวับมามองชายหนุ่ม ติณณ์จึงส่งยิ้มกลบเกลื่อนความผิดมาก่อน คนเห็นจึงส่งค้อนให้ด้วยความหมั่นไส้“ใช่...พี่อยากรู้ว่าซอจะหึงพี่บ้างหรือเปล่า”“ตอนนี้รู้หรือยังคะ”“รู้แล้วครับ รู้ทุกอย่างแล้ว รู้ด้วยว่าทำไมซอถึงต้องเลิกกับพี่แล้วไปเรียนต่อต่างประเทศทันทีแบบนั้น ซอไม่ได้มีคู่หมั้น ซอรักพี่ จริงไหม” ติณณ์กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น โชคดีแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้สูญเสียณัฐชยาไปจริงๆ“ไม่จริงสักหน่อย ซอไม่ได้...อื้อ” คำปฏิเสธของณัฐชยาถูกติณณ์ปิดกั้นด้วยจูบ ก่อนที่เขาจะถอนจูบออกอย่างอ้อยอิ่ง แต่ก็ยังจุมพิตเบาๆ หลายครั้ง
หลังจบคดีความ ธัญชยาต้องเข้ารับการบำบัด เนื่องจากเธอคลั่งทำร้ายตัวเองและกลายเป็นคนเหม่อลอย กระทั่งวันหนึ่งหญิงสาวลุกขึ้นมาปฏิวัติตัวเองเสียใหม่ ธัญชยาตัดสินใจว่าเธอต้องสู้ต่อ ถ้าเอาแบรดเข้าคุกไม่ได้เธอจะไม่มีวันตายแน่นอน นั่นทำให้หญิงสาวออกจากสถานบำบัดได้เร็วขึ้นธัญชยากับลินดาก็พร้อมที่จะกลับเมืองไทย เธอเจ็บใจอย่างเดียวคือตอนนี้ทางตำรวจยังตามหาตัวแบรดไม่พบ ไม่รู้ไปกบดานหลอกผู้หญิงอยู่ที่ไหน ธัญชยาตั้งใจปกปิดเรื่องเลวร้ายที่เธอพบเจอไว้เป็นความลับ เรื่องนี้ต้องไม่มีคนอื่นรู้ เธอจะเริดๆ เชิดๆ กลับเมืองไทยประหนึ่งไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น กลับไปยังที่ที่เป็นของเธอ“พิณ...แม่กลัวคุณพ่อจะไม่ให้อภัยเรา”“โธ่...คุณแม่ เราพบเจออะไรมาตั้งมาก แค่เรื่องคุณพ่อ เรื่องเล็กน้อยค่ะ” ธัญชยายักไหล่อย่างไม่สนใจ ลินดารู้สึกดีที่บุตรสาวฟื้นฟูสภาพจิตใจที่ถูกทำร้ายได้เร็วขนาดนี้ ทั้งๆ ที่ความเลวร้ายซึ่งได้พบเจอนั้นรุนแรงมาก มนตรียินดีที่ภรรยาและบุตรสาวคนโตกลับมาบ้าน ธัญชยาปรี่เข้าไปกอดบิดาทันที“คุณพ่อ”“ลูกพิณ...หายไปไหนกันมาเป็นนาน
“ค่ะคุณ” ลินดาเอ่ยรับอีกคน ก่อนจะขึ้นไปบนห้องพร้อม ธัญชยา สองแม่ลูกมองหน้ากันแล้วยิ้ม เพราะการกลับมาบ้านดูราบรื่นกว่าที่คิดไว้มาก บ้านหลังอบอุ่นทำให้หวนคิดถึงเรื่องเก่าๆ แต่เมื่ออยู่ตามลำพัง ธัญชยาก็มักจะมีอาการเงียบขรึม ไม่สดใสร่าเริงอย่างแต่ก่อนวันนั้นมื้อค่ำของครอบครัวเพ็ญประเสริฐอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาในรอบหลายเดือนก็ว่าได้ มนตรีจึงมีโอกาสได้บอกทุกคนว่าตอนนี้ติณณ์รับหน้าที่สำคัญอะไรจากครอบครัว พอรู้ว่าชายหนุ่มร่ำรวยมากแค่ไหน เป็นถึงทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลใหญ่ที่เชียงใหม่ ธัญชยาก็หูผึ่งทันที ความคิดที่ต้องการแย่งติณณ์ให้กลับมาเป็นของเธอหวนคืนมาอีกครั้ง ทั้งๆ ที่เพิ่งพูดไปแท้ๆ ว่าเธอนั้นไม่ได้รักชายหนุ่มแม้แต่น้อย แต่ธัญชยาก็ไม่อยากแหวกหญ้าให้งูตื่น เธอต้องค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป มั่นใจว่าติณณ์ต้องรักเธออย่างแต่ก่อนแน่นอนยิ่งได้เห็นติณณ์เอาอกเอาใจณัฐชยามากเท่าไหร่ ธัญชยาก็รู้สึกไม่ชอบใจมากเท่านั้น ชีวิตอันสวยหรูของเธอต้องพังทลายไม่เป็นท่า แต่ชีวิตของณัฐชยากลับมีแต่ความสุข แบบนี้เธอจะยอมไม่ได้ เธอไม่ยอมให้ ณัฐชยามีความสุขมากกว่าเธอ เธอไม่ยอม
ณัฐชยารีบลุกขึ้นจากเตียงในช่วงใกล้รุ่ง เธอยกมือขึ้นปิดปาก เพราะบางสิ่งบางอย่างกำลังไหลย้อนขึ้นมา นั่นทำให้ติณณ์ที่นอนกอดเธออยู่พลอยสะดุ้งรู้สึกตัวไปด้วยอีกคน ก่อนจะรีบก้าวเข้าไปลูบหลังให้ภรรยาที่ตอนนี้โก่งคออาเจียนดูทรมาน“ซอ...ซอครับ เป็นยังไงบ้าง ไปหาหมอหรือเปล่า”“ซอไม่เป็นอะไรค่ะ” แม้ปากจะบอกว่าไม่เป็นอะไร แต่ ณัฐชยาก็ยังคงอาเจียนอย่างต่อเนื่อง ติณณ์หยิบน้ำเปล่ามาส่งให้เธอบ้วนปาก ณัฐชยากลืนน้ำลงคอ แต่เพียงครู่เดียวเธอก็อาเจียนออกมาจนหมดกระเพาะ ใบหน้าสวยซีดเซียว แรงที่จะทรงตัวก็แทบไม่มีณัฐชยาอาเจียนอยู่แบบนั้นเป็นนานก่อนที่อาการจะดีขึ้น ติณณ์เช็ดหน้าเช็ดตาให้เธอ ก่อนจะพยุงกลับไปนั่งบนเตียง มือหนากุมมือบางที่สั่นเทาไว้หลวมๆ สงสารที่เห็นเธอทรมานแบบนี้“ไปหาหมอไหมครับ”“ไม่เป็นไรค่ะ ซอดีขึ้นมากแล้ว อีกเดี๋ยวคงหาย”“แต่หน้าซอซีดมาก พี่ว่าไปหาหมอดีกว่า จะได้รู้ว่าเป็นอะไร” ติณณ์เป็นห่วงณัฐชยามาก เขาแทบอยากเจ็บ อยา
เสียงทะเลาะกัน ของเด็กหญิงฝาแฝดสองคนดูเหมือนจะกลายเป็นเรื่องใหญ่โตมากขึ้น เมื่อคนที่ทำผิดกลับก่อกวน ตุ๊กตาตัวขนาดกลางถูกยื้อยุดฉุดกระชาก คนหนึ่งจับตัวและหัวไว้ อีกคนจับแขนตุ๊กตาไว้มั่น บอกใจว่าไม่มีวันปล่อยมือแน่นอน“พี่พิณ ปล่อยมือตุ๊กตาของซอนะ” เสียงเล็กๆ ของเด็กหญิง ณัฐชยาในวัยเก้าขวบเอ่ยบอกพี่สาวฝาแฝดที่ชื่อว่า...ธัญชยา “เรื่องอะไรจะปล่อย อีกอย่างเธอไม่ต้องมาพูดดี เพราะฉันจะเอาตุ๊กตาตัวนี้” แทนที่จะปล่อยมือ แต่ธัญชยากลับยื้อตุ๊กตาจนเธอเกือบจะยึดได้ทั้งตัว ติดแต่แขนตุ๊กตาซึ่งน้องสาวยังจับไว้แน่น “ไม่...ซอไม่ให้ พี่พิณมีตุ๊กตาออกตั้งเยอะ ทำไมต้องมาแย่งตุ๊กตาตัวนี้ของซอด้วย” สีหน้างอง้ำของณัฐชยาเอ่ยตอบกลับไป “ก็ฉันจะเอา”“ซอไม่ให้” “ไม่ให้ใช่ไหม...ดี เอามานี่” เมื่อได้ยินจากปากณัฐชยาว่าไม่ให้แบบนี้แล้ว ธัญชยาก็ยิ่งอยากเอาชนะมากขึ้น ตั้งแต่จำความได้ณัฐชยาหรือใครไม่เคยปฏิเสธความต้องการของธัญชยาคนนี้ได้แม้แต่คนเดียว “พี่พิณ...อย่านะ ปล่อยมือจากตุ๊กตาของซอ” เพราะเห็นรอยขาดตรงแขนตุ๊กตาทำให้ณัฐชยาเอ่ยห้ามพี่สาว แต่ธัญชยากลับไม่เชื่อฟัง เด็กหญิงออกแรงยื้อจนในที่สุดแขนตุ๊กตาก็ขาดจากตัว
ณัฐชยารีบเข้าไปห้าม จึงถูกธัญชยาผลักจนเซถลา ในขณะที่ลินดาได้แต่ยืนดูเท่านั้น “สมน้ำหน้า” ธัญชยาสะแยะยิ้มใส่น้องสาวผู้อ่อนแออย่างสะใจ จากนั้นก็เดินกลับออกไปพร้อมมารดา เพราะลึกๆ เธอไม่ได้ต้องการตุ๊กตาขี้เหร่ตัวนั้นมากมาย แต่หมั่นไส้ที่ณัฐชยาหวงและเห่อ อุ้มไปนั่นไปนี่รอบๆ บ้าน นั่งคุยกับมันราวกับคนบ้า เธอจึงเข้าไปแย่งจนแขนตุ๊กตาขาด พอจังหวะที่ล้มไปนั่งกับพื้นก็ร้องไห้ให้ดัง เพื่อให้มารดาได้ยิน และก็จริง เพราะเมื่อมารดาเข้ามา เธอนั้นชนะใสๆ ต่อให้ผิดมารดาก็จะเข้าข้างบอกว่าเธอถูก เมื่อมารดาและพี่สาวฝาแฝดกลับออกไปแล้ว น้ำตาของความเสียใจ น้อยใจของณัฐชยาก็ไหลอาบแก้ม เธอก้มหยิบตุ๊กตาขึ้นมากอดและพยายามเอาแขนที่ขาดหวังมาต่อให้เป็นเหมือนเดิม แต่พยายามอยู่นานเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผล ณัฐชยานั่งร้องไห้กับตุ๊กตาตัวโปรดและหวงมากที่สุด จนป้าอ้วนแม่บ้านที่เลี้ยงณัฐชยามาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอยต้องเข้ามาดู“คุณหนูซอ อย่าร้องนะคะคนดีของป้า”“ป้าจ๋า” แทนที่จะหยุดร้อง พอเห็นหน้าป้าอ้วน ณัฐชยากลับร้องไห้มากขึ้น อ้อมกอดของป้าอ้วนนั้นอบอุ่นและคอยปกป้องดูแลณัฐชยาเสมอ เพราะเลี้ยงมาตั้งแต่แรกเกิดทำให้ป้าอ้วนรัก ณัฐชยาเหมื
“คุณหนูของป้า อย่าคิดมากนะคะ” คำปลอบโยนของป้าอ้วนฟังดูอบอุ่น ณัฐชยาได้ยินคำปลอบแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆ “ซอไม่ได้คิดมากแล้วนะคะป้า แต่บางทีก็อดไม่ได้จริงๆ” คำตอบที่ได้ยินทำให้ป้าอ้วนส่งยิ้มมา แววตาเอ็นดูมองหญิงสาวที่ตนนั้นรักเหมือนลูกแท้ๆ ก็ไม่ปาน จำได้ว่าแม้ธัญชยากับณัฐชยาจะเป็นฝาแฝด แต่ก็แทบจะไม่มีเค้าโครงความเหมือน ตอนเด็กๆ ณัฐชยานั้นตัวผอมบางผิวคล้ำ เสื้อผ้าไม่เคยมีชุดใหม่ๆ มีเพียงชุดที่พี่สาวไม่ชอบแล้วเท่านั้น ส่วนธัญชยาเป็นเด็กน่ารักน่าชัง ผิวขาวอมชมพูแก้มยุ้ย ลินดาอุ้มไปทางไหนก็มีแต่คนชมชอบ ของใช้ล้วนแต่มียี่ห้อขายตามห้าง กระทั่งทั้งคู่โตเป็นสาวสะพรั่ง ตอนนี้รูปร่าง หน้าตากลับยิ่งเหมือน จนหลายคนแยกไม่ออกว่าใครคือธัญชยาหรือณัฐชยามนตรีเองก็กลัวว่าลูกสาวคนเล็กจะมีปมด้อยเรื่องมารดา จึงมอบความรักให้ณัฐชยามากเช่นกัน แต่ลึกๆ แล้วณัฐชยานั้นอยากได้ความรัก ความห่วงใย การโอบกอด คำชื่นชม รอยยิ้มจากผู้เป็นแม่อยู่ไม่น้อย แต่ในเมื่อไม่ได้ตามที่ต้องการจึงพยายามไม่คิดมาก แค่ได้อยู่ใกล้ๆ ก็มากพอแล้ว “ซอหิวแล้ว ป้าอ้วนมีอะไรให้ซอกินบ้างคะ”“ก๋วยเตี๋ยวลุยสวนเป็นยังไงคะ ของโปรดคุณซอ เดี๋ยวป้ายกมาใ
“คุณแม่ต้องรักพิณคนเดียวนะคะ ห้ามรักยายซอ ไม่งั้นพิณจะไม่รักคุณแม่เหมือนที่พิณไม่รักคุณพ่อ” คำพูดเอาแต่ใจของ ธัญชยา ทำให้อีกคนเจ็บช้ำ นั่นคือน้องสาวฝาแฝดที่ชื่อณัฐชยา เพราะหญิงสาวเองก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของพี่สาวจึงขึ้นมาดู แต่สุดท้ายกลับได้ยินประโยคเสียดแทงความรู้สึกเข้าอย่างจัง เป็นประโยคที่เธอน่าจะชินชา แต่ได้ยินเมื่อไหร่ความเจ็บปวดก็จู่โจมเสียทุกครั้งไป “จ้ะๆ แม่รักพิณคนเดียวอยู่แล้วลูก” ลินดาคว้าลูกรักมากอดแน่น เพราะรักถึงได้ตามใจแบบนี้ แม้จะรู้ว่าผิดแต่ก็ยังทำ เพราะเคยชินและไม่อยากให้ธัญชยาสู้เพื่อนๆ ไม่ได้ พ่อแม่รังแกลูกเป็นยังไง ตอนนี้ลินดากำลังทำแบบนั้นกับธัญชยาจริงๆ ณัฐชยาก้มหน้ามองพื้นแล้วหมุนตัวกลับออกไปจากหน้าห้องพี่สาว ขอบตาร้อนผ่าวเพราะความเสียใจ เมื่อเดินลงไปชั้นล่างเด็กรับใช้อีกคนจึงเข้ามาบอกว่ามีแขกมาขอพบ เมื่อเดินไปหาจึงเห็นว่าเป็นติณณ์ ชายหนุ่มที่เธอกำลังคบหาดูใจอยู่นั่นเอง“พี่ติณ ไหนบอกไปทำกิจกรรมที่ต่างจังหวัดกับบริษัทไงคะ แล้วมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” สีหน้าแปลกใจของณัฐชยาทำให้ชายหนุ่มยิ้ม ติณณ์ไปต่างจังหวัดกับที่บริษัทจริงๆ แต่กำหนดกลับเลื่อนขึ้นมา เขาจึงได้พบ
ณัฐชยารีบลุกขึ้นจากเตียงในช่วงใกล้รุ่ง เธอยกมือขึ้นปิดปาก เพราะบางสิ่งบางอย่างกำลังไหลย้อนขึ้นมา นั่นทำให้ติณณ์ที่นอนกอดเธออยู่พลอยสะดุ้งรู้สึกตัวไปด้วยอีกคน ก่อนจะรีบก้าวเข้าไปลูบหลังให้ภรรยาที่ตอนนี้โก่งคออาเจียนดูทรมาน“ซอ...ซอครับ เป็นยังไงบ้าง ไปหาหมอหรือเปล่า”“ซอไม่เป็นอะไรค่ะ” แม้ปากจะบอกว่าไม่เป็นอะไร แต่ ณัฐชยาก็ยังคงอาเจียนอย่างต่อเนื่อง ติณณ์หยิบน้ำเปล่ามาส่งให้เธอบ้วนปาก ณัฐชยากลืนน้ำลงคอ แต่เพียงครู่เดียวเธอก็อาเจียนออกมาจนหมดกระเพาะ ใบหน้าสวยซีดเซียว แรงที่จะทรงตัวก็แทบไม่มีณัฐชยาอาเจียนอยู่แบบนั้นเป็นนานก่อนที่อาการจะดีขึ้น ติณณ์เช็ดหน้าเช็ดตาให้เธอ ก่อนจะพยุงกลับไปนั่งบนเตียง มือหนากุมมือบางที่สั่นเทาไว้หลวมๆ สงสารที่เห็นเธอทรมานแบบนี้“ไปหาหมอไหมครับ”“ไม่เป็นไรค่ะ ซอดีขึ้นมากแล้ว อีกเดี๋ยวคงหาย”“แต่หน้าซอซีดมาก พี่ว่าไปหาหมอดีกว่า จะได้รู้ว่าเป็นอะไร” ติณณ์เป็นห่วงณัฐชยามาก เขาแทบอยากเจ็บ อยา
“ค่ะคุณ” ลินดาเอ่ยรับอีกคน ก่อนจะขึ้นไปบนห้องพร้อม ธัญชยา สองแม่ลูกมองหน้ากันแล้วยิ้ม เพราะการกลับมาบ้านดูราบรื่นกว่าที่คิดไว้มาก บ้านหลังอบอุ่นทำให้หวนคิดถึงเรื่องเก่าๆ แต่เมื่ออยู่ตามลำพัง ธัญชยาก็มักจะมีอาการเงียบขรึม ไม่สดใสร่าเริงอย่างแต่ก่อนวันนั้นมื้อค่ำของครอบครัวเพ็ญประเสริฐอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาในรอบหลายเดือนก็ว่าได้ มนตรีจึงมีโอกาสได้บอกทุกคนว่าตอนนี้ติณณ์รับหน้าที่สำคัญอะไรจากครอบครัว พอรู้ว่าชายหนุ่มร่ำรวยมากแค่ไหน เป็นถึงทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลใหญ่ที่เชียงใหม่ ธัญชยาก็หูผึ่งทันที ความคิดที่ต้องการแย่งติณณ์ให้กลับมาเป็นของเธอหวนคืนมาอีกครั้ง ทั้งๆ ที่เพิ่งพูดไปแท้ๆ ว่าเธอนั้นไม่ได้รักชายหนุ่มแม้แต่น้อย แต่ธัญชยาก็ไม่อยากแหวกหญ้าให้งูตื่น เธอต้องค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป มั่นใจว่าติณณ์ต้องรักเธออย่างแต่ก่อนแน่นอนยิ่งได้เห็นติณณ์เอาอกเอาใจณัฐชยามากเท่าไหร่ ธัญชยาก็รู้สึกไม่ชอบใจมากเท่านั้น ชีวิตอันสวยหรูของเธอต้องพังทลายไม่เป็นท่า แต่ชีวิตของณัฐชยากลับมีแต่ความสุข แบบนี้เธอจะยอมไม่ได้ เธอไม่ยอมให้ ณัฐชยามีความสุขมากกว่าเธอ เธอไม่ยอม
หลังจบคดีความ ธัญชยาต้องเข้ารับการบำบัด เนื่องจากเธอคลั่งทำร้ายตัวเองและกลายเป็นคนเหม่อลอย กระทั่งวันหนึ่งหญิงสาวลุกขึ้นมาปฏิวัติตัวเองเสียใหม่ ธัญชยาตัดสินใจว่าเธอต้องสู้ต่อ ถ้าเอาแบรดเข้าคุกไม่ได้เธอจะไม่มีวันตายแน่นอน นั่นทำให้หญิงสาวออกจากสถานบำบัดได้เร็วขึ้นธัญชยากับลินดาก็พร้อมที่จะกลับเมืองไทย เธอเจ็บใจอย่างเดียวคือตอนนี้ทางตำรวจยังตามหาตัวแบรดไม่พบ ไม่รู้ไปกบดานหลอกผู้หญิงอยู่ที่ไหน ธัญชยาตั้งใจปกปิดเรื่องเลวร้ายที่เธอพบเจอไว้เป็นความลับ เรื่องนี้ต้องไม่มีคนอื่นรู้ เธอจะเริดๆ เชิดๆ กลับเมืองไทยประหนึ่งไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น กลับไปยังที่ที่เป็นของเธอ“พิณ...แม่กลัวคุณพ่อจะไม่ให้อภัยเรา”“โธ่...คุณแม่ เราพบเจออะไรมาตั้งมาก แค่เรื่องคุณพ่อ เรื่องเล็กน้อยค่ะ” ธัญชยายักไหล่อย่างไม่สนใจ ลินดารู้สึกดีที่บุตรสาวฟื้นฟูสภาพจิตใจที่ถูกทำร้ายได้เร็วขนาดนี้ ทั้งๆ ที่ความเลวร้ายซึ่งได้พบเจอนั้นรุนแรงมาก มนตรียินดีที่ภรรยาและบุตรสาวคนโตกลับมาบ้าน ธัญชยาปรี่เข้าไปกอดบิดาทันที“คุณพ่อ”“ลูกพิณ...หายไปไหนกันมาเป็นนาน
“ซอจ๋าซอ”“ปล่อยซอเลยนะคะ ปล่อย” ขณะพูดณัฐชยาก็พยายามแกะมือชายหนุ่มให้ออกห่าง แต่ก็ทำไม่ได้ง่ายเลย ติณณ์โน้มใบหน้ามาหอมแก้มแดงปลั่งของเธอไปฟอดใหญ่“โกรธพี่หรือเปล่า พี่จงใจเรียกชื่อซอกับพิณนะครับ ไม่ได้เผลอเรียก”“จงใจเรียกอย่างนั้นเหรอคะ” ณัฐชยาหันขวับมามองชายหนุ่ม ติณณ์จึงส่งยิ้มกลบเกลื่อนความผิดมาก่อน คนเห็นจึงส่งค้อนให้ด้วยความหมั่นไส้“ใช่...พี่อยากรู้ว่าซอจะหึงพี่บ้างหรือเปล่า”“ตอนนี้รู้หรือยังคะ”“รู้แล้วครับ รู้ทุกอย่างแล้ว รู้ด้วยว่าทำไมซอถึงต้องเลิกกับพี่แล้วไปเรียนต่อต่างประเทศทันทีแบบนั้น ซอไม่ได้มีคู่หมั้น ซอรักพี่ จริงไหม” ติณณ์กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น โชคดีแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้สูญเสียณัฐชยาไปจริงๆ“ไม่จริงสักหน่อย ซอไม่ได้...อื้อ” คำปฏิเสธของณัฐชยาถูกติณณ์ปิดกั้นด้วยจูบ ก่อนที่เขาจะถอนจูบออกอย่างอ้อยอิ่ง แต่ก็ยังจุมพิตเบาๆ หลายครั้ง
“คุณซอเกิดอะไรขึ้นกันคะ ทำไมถึงมานั่งร้องไห้แบบนี้”“เขาไม่รักซอ เขารักพี่พิณ เขาเรียกชื่อพี่พิณทั้งๆ ที่อยู่กับซอ” ณัฐชยาสะอึกสะอื้นเอ่ยตอบ ป้าอ้วนยกมือขึ้นปาดน้ำตาให้คนที่เธอรักและเอ็นดูราวกับลูกแท้ๆ ก็ไม่ปาน ติณณ์ตามหาณัฐชยาไปทั่วบ้าน กระทั่งเห็นเธออยู่กับป้าอ้วนจึงยืนมองอยู่ห่างๆ เขาได้ยินทั้งสองคุยกันไม่ถนัดนัก แต่อาการร้องไห้และเสียใจของณัฐชยาที่แสดงออกต้องเป็นเรื่องไม่น่ายินดีแน่ ซึ่งดูเหมือนเขาจะเป็นต้นเหตุด้วยคืนนั้นณัฐชยาขอนอนกับป้าอ้วนที่ห้อง เมื่อเห็นว่าเธอหลับ ป้าอ้วนจึงเดินออกมา เพราะมั่นใจว่ามีใครบางคนรออยู่นอกห้อง และเมื่อเปิดประตูก็เห็นติณณ์ยืนรออยู่ก่อนแล้วจริงๆ“ซอเป็นยังไงบ้างครับ”“หลับไปแล้วค่ะ” ป้าอ้วนลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ “ป้าขอคุยอะไรกับคุณติณสักครู่ได้ไหมคะ”“ได้สิครับ” ใช่ว่าป้าอ้วนเท่านั้นที่มีเรื่องจะพูด ติณณ์เองก็เช่นเดียวกัน แต่ก่อนจะพูดอะไรออกไป ป้าอ้วนก็ขอถอนหายใจสลับสูดอากาศเข
ติณณ์และณัฐชยากลับลงมากรุงเทพฯ เนื่องจากชายหนุ่มต้องกลับมายื่นเรื่องลาออกและเคลียร์งานที่บริษัทให้เรียบร้อย ก่อนที่ติณณ์จะตัดสินใจขึ้นไปเชียงใหม่เพื่อสานงานของครอบครัวต่อ การมาของบุตรสาวและบุตรเขยทำให้มนตรีหายเหงาได้บ้าง เพราะบ้านหลังใหญ่ตอนนี้ช่างดูเงียบเหงา ลินดาและธัญชยานั้นไม่รู้หายไปไหน ติดต่อก็ไม่ได้ มนตรีรู้สึกห่วง แต่ก็ได้แค่รอเท่านั้นวันนี้แขกคนสำคัญที่มาหาณัฐชยาถึงบ้านคือแขกที่ไม่ใช่ใครอื่น นั่นคือไรอันนั่นเอง ชายหนุ่มตัดสินใจมาเมืองไทยด้วยสองเหตุผล หนึ่งคือมาพักผ่อน สองคือมาหาณัฐชยานั่นเอง แต่ดูเหมือนเหตุผลที่สองจะมีเปอร์เซ็นต์ที่มากกว่า ณัฐชยาต้อนรับชายหนุ่มด้วยความยินดี“นั่งก่อนสิไรอัน”“ขอบคุณครับ”“มาได้ยังไง” เสียงหวานๆ ที่ไรอันแสนจะคิดถึงเอ่ยถาม ชายหนุ่มนั่งมองหน้าณัฐชยาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบกลับไป“พอดีผมมีแผนมาเที่ยวที่เมืองไทย ก็เลยแวะมาหาซอ สบายดีไหม สีหน้าดูสดชื่นขึ้นนะ”“ซอสบายดี ไรอันล่ะ เป็นยังไงบ้าง&rd
“อะไรนะ!” เสียงอุทานตกใจของลินดาดังขึ้น ใจนั้นเต้นแรง เพราะไม่คิดว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นกับบุตรสาวและตัวเธอได้“แม่...เราต้องหนี หนีเดี๋ยวนี้”“หนีไปทางไหนลูก แม่ยังมองไม่เห็นทางเลย ข้างนอกมีคนคุมเต็มไปหมด” ลินดาเองก็หวาดกลัวไม่แพ้กัน เพียงก้าวแรกที่เธอก้าวมายังที่แห่งนี้ ลินดารู้สึกเย็นวูบทั่วแผ่นหลัง ไม่ปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูก ต่อให้อยากหนีแต่ก็คงทำอะไรไม่ได้ เพราะภายนอกนั้นมีชายฉกรรจ์คอยดูแลอยู่ตั้งมากสองแม่ลูกกอดคอกันร้องไห้ ก่อนที่ธัญชยาจะเล่าให้มารดาฟังว่าเธอนั้นต้องพบเจออะไรมาบ้าง ลินดาแทบอกแตกตายยามที่ได้รู้ความจริง ความเลวทรามของแบรดไม่สมควรที่จะให้อภัยแม้แต่น้อย แต่อยู่ๆ ธัญชยาก็สะดุ้งแล้วรีบหลบอยู่หลังมารดาเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู คนที่เปิดเข้ามาคืออลันนั่นเอง“อย่าทำอะไรพวกเรา” ลินดากอดธัญชยาไว้แนบอกอย่างหวงแหน อลันมองหน้าเธอแล้วยิ้มออกมา ผู้หญิงคนนี้ช่างดูสวยแม้จะดูมีอายุแล้วก็ตาม ชักอยากจะรู้เสียแล้วว่าลีลาเธอจะเด็ดเท่า ธัญชยาผู้เป็นบุตรสาวหรือไม่
ธัญชยาเหมือนตกนรกในทุกวันที่มีลมหายใจ เธอแทบไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวัน เพราะถูกขังอยู่แค่ในห้องเท่านั้นเพื่อรองรับอารมณ์ดิบเถื่อนของอลัน รวมถึงชายอีกหลายคนที่เข้าหา ธัญชยารู้สึกขยะแขยงตัวเอง คิดสั้นถึงขั้นอยากฆ่าตัวตาย แต่ก็ไม่รู้จะใช้วิธีไหนดี ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงเปิดประตู ธัญชยามักผวาหวาดกลัวเช่นในครั้งนี้“ตื่นแล้วเหรอจ๊ะพิณ” น้ำเสียงที่ธัญชยาแสนจะรังเกียจเอ่ยถาม ตอนนี้เธอรังเกียจอลันมาก แม้แต่เงาของเขาก็ยังรังเกียจไปด้วย“ไอ้คนสารเลว” ริมฝีปากที่ยังคงเหลือความช้ำจากการถูกทำร้ายเอ่ยขึ้น แววตาของธัญชยาจับจ้องไปยังอลันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ“ฉันชอบคำนี้จริงๆ ฟังแล้วรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก” แทนที่จะสำนึกหรือรู้สึกอะไรบ้าง แต่อลันกลับมึน ตีหน้านิ่ง ยิ่งทำให้ธัญชยารู้สึกโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ“คนอย่างแกไม่ตายดีแน่ ฉันจะจับแกเข้าคุก ไอ้แบรดผู้ชายสารเลวนั่นก็ด้วย” อลันยักไหล่ให้คำพูดของธัญชยา ก่อนจะส่งสัญญาณให้ชายที่เขารู้จักสามคนเข้ามาในห้อง ธัญชยาถอยหลังหนีทันที ในสมองตอน
เหตุการณ์ลอบยิงติณณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ใช่ว่าจะมีแค่ผลเสีย เพราะผลดีก็มากเช่นกัน คุณหญิงวาสนาได้รู้ถึงจิตใจของคนที่ยากแท้หยั่งถึงมากแค่ไหน จึงสั่งให้ลูกน้องไปตามสืบข่าวว่าใครกันแน่ที่กล้าส่งมือปืนเหล่านั้นมาลอบฆ่าติณณ์หลานชายเพียงคนเดียวที่เธอเพิ่งจะได้พบหน้า และนั่นทำให้ทนายจอมพลยอมปริปากบอกความผิดที่ได้ก่อไว้ทั้งหมด“ว่าอะไรนะทนายจอมพล” คุณหญิงวาสนามองหน้าทนายส่วนตัวที่ทำงานด้วยกันมาหลายปีอย่างผิดหวัง เพราะคิดไม่ถึงว่าคนใกล้ตัวจะทำแบบนี้ได้“ผมผิดไปแล้วครับคุณหญิง ผมไม่ได้ตั้งใจจะบอกที่อยู่ของคุณนัยนาและคุณติณณ์ให้คุณเจริญรู้ แต่เหตุการณ์มันบังคับจริงๆ”“เอาเถอะ ต่อให้เอาผิดคุณทนายก็คงไม่มีประโยชน์ คนอย่างเจริญทำได้ทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว ครอบครัวทนายจอมพลไม่มีใครได้รับอันตรายก็ดีมากแล้ว”“ผมกราบขอโทษอีกครั้งครับ ต่อไปผมจะไม่ให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกแล้ว” ขณะพูดทนายจอมพลก็ยกมือไหว้พร้อมกับกราบขอโทษคุณหญิงวาสนาอีกครั้ง เขารู้ว่าทำผิดมาก หากติณณ์ได้รับอันตรายร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิต ทนายจอมพลยั