“ขอรับคุณหนู ข้าจะทำบัญชีรายจ่ายมาให้คุณหนูดูเสียก่อนที่จะออกไปดูที่ดินรอบ ๆ เมืองนะขอรับ”
“ได้สิ ขอบใจเจ้ามาก เจ้าไปทำงานเถอะ มีอันใดสงสัยค่อยมาถามข้าอีกที”
“ขอรับคุณหนู เช่นนั้นข้าขอตัวก่อนขอรับ”
หลังพูดคุยกับต้าเจียงรู้เรื่องแล้วหนิงชิงก็ค่อยสบายใจขึ้นหน่อย นางเห็นว่าต้าเจียงอายุมากที่สุดในหมู่บ่าวไพร่และเคยอยู่ในจวนใหญ่มาก่อน นางจึงอยากให้โอกาสเขาในการทำงานเพิ่มมากขึ้น เพราะหนิงชิงไม่คิดที่จะมีร้านเพียงร้านเดียว นางอยากขยายกิจการของนางให้ครอบคลุมทั่วทั้งแคว้นสำหรับร้านขายของแปลกของนาง เวลาที่นางคิดสิ่งใดได้ นางก็จะได้ส่งคำสั่งให้แต่ละสาขาผลิตออกมานั่นเอง แต่กว่าที่นางจะขยายสาขาได้นางจะต้องจัดการเรื่องของน้องสาวให้เสร็จสิ้นเสียก่อน
ต้าเจียงนั่งเขียนบัญชีค่าใช้จ่ายที่เขาประมาณเอาไว้ ที่ดินที่จะปลูกสมุนไพรหากว่าใช้คนห้าคนในการดูแลเขาจะซื้อประมาณ 10 หมู่เท่านั้นเพื่อการดูแลอย่างทั่วถึง เขาเคย
หลังจากตรวจสอบสภาพงานที่ทุกคนทำแล้วหนิงชิงเห็นว่าไม่มีอันใดต้องแก้ไข นางให้น้องสาวเขียนป้ายติดหน้าร้านเรื่องราคารับซื้อสมุนไพรและราคาขายสมุนไพรให้ชัดเจน เพื่อที่คนผ่านไปมาจะได้ส่งข่าวบอกกันได้และเป็นมาตรฐานราคาของร้านค้านั่นเอง หากสมุนไพรที่มีราคาแพงให้นางไม่ต้องเขียนลงไป เพียงแต่บอกว่าราคายุติธรรมเท่านั้นก็พอ เพราะไม่สามารถกำหนดราคาสมุนไพรหายากได้ง่าย ๆ ไม่ว่าจะเป็นที่โรงหมอหรือที่เมืองอื่นก็ไม่มีใครกำหนดราคาซื้อขายเหมือนร้านของน้องสาวนางด้วยนั่นเอง ทำให้หนิงชิงคิดเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นการโปรโมทร้านค้า ส่วนต้าเจียงที่มีงานมากขึ้นก็ให้ลูกชายช่วยทำบัญชีร้านค้าแทนตนเอง เขาสอนลูกไว้นานแล้วเรื่องทำบัญชีเพียงแต่ยังไม่เคยให้ลูกชายลองทำดู ในเมื่อตอนนี้เขาไม่ว่างก็คงต้องให้ลูกชายทดลองทำแล้วให้คุณหนูใหญ่มาดูทีหลัง ต้าเจียงไปรับเสี่ยวเจียงแต่เช้า ทางเสี่ยวเจียงที่ยังทำโฉนดไม่เสร็จบอกให้ต้าเจียงรอก่อน
หนิงชิงให้ต้าเจียงไปหาช่างทำรั้วที่ที่ดินใหม่ของนางให้มีรั้วรอบขอบชิด ไม่เช่นนั้นชาวบ้านจะมาเก็บสมุนไพรในสวนของนางไปขายเสียแทน นางยังให้ทำประตูสวนอย่างดีเพื่อให้เกวียนหรือรถม้าเข้าออกได้ด้วย รวมทั้งเรือนนอนของบ่าวทั้งห้าพร้อมสุขาที่นางร่างแบบเอาไว้ให้ต้าเจียงเมื่อคืนนี้ ตั้งแต่นางมาที่นี่นางยังไม่เคยปรับปรุงสุขาของร้านเลย มีเพียงแต่ทำที่เมืองเดิมเท่านั้น แต่หนิงชิงเห็นว่าสุขาที่นี่ก็เป็นสัดส่วนดีอยู่แล้วนางจึงไม่คิดทำให้ยุ่งยาก อย่างไรอนาคตพวกนางก็ต้องย้ายถิ่นฐานกันอีกเพื่อขยายกิจการของตนเองออกไป ตอนนี้ใกล้สิ้นปีแล้วพวกนางยังไม่ได้กลับไปเยี่ยมท่านตาท่านยายเลย ใช่ว่าพวกนางไม่คิดถึง เพียงแต่ช่วงนี้พวกนางยุ่งกันมาก ไหนจะร้านค้าของหนิงกุ้ยเพิ่งจะเปิดอีก คงอีกหลายปีกว่าที่พวกเขาจะได้กลับไป นางไม่รู้ว่าป่านนี้เครื่องปรุงที่นางให้ท่านป้าไว้หมดหรือยัง เอาไว้นางจะให้ต้าเจียงกับพี่ชายเสี่ยวเจียงกลับไปส่งให้ท่านป้าสักหลายวัน รอให้ทุกอย่างที่นี่เรียบร้อยดีเสียก่อน&nb
หลังจากหลานชิงเหลียนได้ยินที่เจียงเฉิงพูดแล้วก็บีบน้ำตาออกมาก่อนจะเอ่ยตัดพ้อเขา“เหตุใดท่านแม่ทัพถึงได้ดูถูกข้าล่ะเจ้าคะ อีกอย่างข้ายังสระสวยกว่านังแม่ค้านี่ตั้งมากมาย ข้าจะไม่เหมาะสมกับท่านได้อย่างไร ฮึก…ฮือ”“เจ้าไม่ต้องมาบีบน้ำตาให้ข้า ที่เมืองหลวงข้าเจอมารยาสาไถของผู้หญิงมาเยอะแล้ว อย่างเจ้าเทียบกับพวกนางยังห่างไกลนัก ไปเล่นละครให้พ่อเจ้าดูคนเดียวเถอะ แล้วถ้าเจ้าเสร็จธุระแล้วก็รีบไปจากร้านนี้เสีย หากข้ารู้ว่าเจ้าพาคนมารังแกนางอีกล่ะก็ ข้าจะขอให้ฝ่าบาทปลดพ่อเจ้าออกจากตำแหน่งเสีย ไป!!!” หลานชิงเหลียนที่กำลังบีบน้ำตาได้แต่กัดฟันอย่างอับอายขายขี้หน้าคนในร้านและคนที่มามุงดูเรื่องสนุก ๆ พวกเขาได้แต่หัวเราะนางที่ถูกท่านแม่ทัพใหญ่ไล่กลับไปอย่างกับหมูกับหมา อีกอย่างนางต้องรีบไปบอกพ่อนางเรื่องที่แม่ทัพใหญ่จะถวายฎีกา หากถูกลงโทษจริง ๆ นางคงเป็นคนบาปของครอบครัวแน่ ๆ &
บรรดาบ่าวของหนิงชิงที่รู้ข่าวการมาอาละวาดของหลานชิงเหลียนก็ได้แต่พากันมาดูว่าคุณหนูใหญ่เป็นอันใดไปหรือไม่ พอรู้ว่านางสบายดีก็ต่างกลับไปทำงานกัน ส่วนต้าเจียงไปควบคุมการก่อสร้างที่สวนให้หนิงชิงอยู่จึงยังไม่รู้ข่าว เขากินข้าวเช้าเสร็จแล้วก็ไปรอคนงานที่จะมาก่อสร้างที่สวนก่อนหน้านี้นานแล้ว บ่าวคนใหม่ที่มาช่วยงานที่ร้านอาหารต่างตกตะลึงที่เจ้านายของพวกเขามีแม่ทัพใหญ่หนุนหลังอยู่ ถึงว่าร้านนี้คนเข้าไม่ขาดสาย ไม่รวมว่าอาหารอร่อยและราคาถูก แต่เพราะมีแม่ทัพใหญ่คอยมาเทียวไล้เทียวขื่อมากกว่าที่คนอยากมาดูกัน เสี่ยวชุ่ยบอกให้หนิงชิงหาโอกาสขอบคุณท่านแม่ทัพใหญ่ดี ๆ ไม่ใช่พูดแบบขอไปทีเหมือนวันนี้ นางยังบอกลูกสาวให้ทำอาหารไปให้เขากินที่ค่ายทหารในมื้อเที่ยงนี้อีกด้วย จนหนิงชิงได้แต่โอดครวญว่านางเป็นเพียงแม่ค้าชาวบ้าน จะเข้าไปในค่ายทหารได้อย่างไรเล่าหากไม่มีธุระ แต่เสี่ยวชุ่ยไม่เชื่อว่าหากลูกสาวนางไปแล้ว เจี
สัปดาห์นี้ทั้งสัปดาห์ เจียงเฉิงมากินข้าวที่ร้านอาหารเช้าทุกวัน เขาไม่ได้พูดอะไรกับหนิงชิงมากมายนัก เพียงมากินแล้วนั่งมองนางแล้วก็กลับไปเท่านั้น ด้วยเจียงเฉิงกลัวว่าจะมีคนมาก่อกวนนางอีกเขาจึงต้องตื่นแต่เช้ามากินข้าวที่นี่เพื่อระวังให้นาง หนิงชิงเองก็รู้ว่าเหตุใดเขาจึงทำเช่นนี้ นางนึกขอบคุณเขาอยู่ในใจที่เขาเอาใจใส่นางเป็นอย่างดี นางเห็นว่าเขาเองก็ไม่เลวร้ายเท่าใดนัก นอกจากการพูดจาขวานผ่าซากเท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้นางก็ไม่ได้คิดมากอันใด ดีเสียอีกที่เขาพูดอะไรตรง ๆ ไม่ต้องให้นางมานั่งคิดมากว่าเขาคิดอะไรอยู่ ส่วนต้าเจียงที่ได้รับมอบหมายงานให้ดูแลเรื่องการสร้างสวนก็ดูแลช่างจนสร้างเสร็จตามกำหนดการที่วางเอาไว้แล้ว เขารายงานคุณหนูและพาคนสวนทั้งห้าไปที่สวนใหม่ที่สร้างเสร็จแล้ว ต้าเจียงยังจ่ายเงินให้กับกุ้ยจงยี่สิบตำลึงเผื่อว่าต้องใช้ทำสิ่งใดบ้าง ส่วนสิ่งของที่ต้องใช้ในสวนนั้นเขาก็พากุ้ยจงไปซื้อให้คร
เสี่ยวเจียงฟังแล้วก็ได้แต่แนะนำเมืองต่าง ๆ ที่อยู่ไม่ไกลนักให้กับสองพ่อลูกที่จะเดินทางไปดูทำเล มีเมืองสือที่ส่วนใหญ่เป็นคหบดีใหญ่หลายคนอาศัยอยู่เพราะอยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวงนัก ห่างจากเมืองกังประมาณสามวันหากใช้รถม้า เสี่ยวเจียงเล่าถึงเมืองนี้ว่าเป็นเมืองมณฑลใหญ่ คนจึงมีจำนวนมาก ตอนที่เขาไปสอบมณฑล เขาก็ไปสอบที่มณฑลนี้นี่แหละ หนิงชิงกับพ่อฟังแล้วก็ได้แต่ดีใจที่เมืองกังอยู่ไม่ไกลจากเมืองมณฑลนัก หากพวกเขาได้ทำเลที่นั่นแล้วก็น่าจะเปิดร้านขายของแปลกได้เป็นแน่ เพียงแต่ว่าเขาจะให้ใครไปประจำที่สาขานั้นบ้างเท่านั้นเอง หากไปหาคนใหม่หนิงชิงก็ต้องสอนใหม่อีก นางอยากให้พวกพี่ชายแซ่เจิ้งเป็นหัวหน้าคนงานมากกว่าที่จะมานั่งทำเองแบบนี้ ในเมื่อพวกเขามีความสามารถด้านการทำสิ่งของได้ดีไม่ต่างจากนางกับพ่อมากนัก หนิงชิงคิดไปคิดมาแล้วก็ตัดสินใจที่จะบอกกับต้าเจียงเรื่องคนงานหากได้ทำเลใหม่แล้ว เพราะต้าเจียงเองก็
หลังอาหารเที่ยงทั้งสองก็เดินทางต่อไปจนกระทั่งใกล้ค่ำก็ยังไม่เห็นประตูเมือง หนิงชิงจึงให้พ่อหยุดพักนอนเสียก่อน การเดินทางตอนกลางคืนอันตรายไม่น้อย นางเลยไม่อยากเดินทางตอนกลางคืน หนิงกวานเห็นว่าลูกสาวรอบคอบก็ดีใจ เขาเองก็คิดเช่นเดียวกัน ทั้งสองคนจึงเข้าไปนอนในรถม้าอย่างสบายเหมือนที่ต้าเจียงบอกเอาไว้ไม่มีผิดว่าที่นั่งนุ่มมาก นอนก็สบายจริง ๆ รุ่งเช้าวันต่อมาทั้งสองคนไม่เสียเวลากินอาหารเช้า พวกเขาเดินทางไปกินเสบียงกรังไปด้วย เมื่อคืนม้าได้พักผ่อนเต็มที่มันจึงเร่งฝีเท้าได้ดีกว่าเมื่อวานมากโข ทำให้ก่อนเที่ยงทั้งสองคนก็มาถึงเมืองฮุ่ย หนิงชิงไม่อยากเสียเวลามาก นางจึงให้ชวนท่านพ่อทานอาหารเที่ยงแล้วเดินทางกันต่อไปยังเมืองสือเลย หนิงกวานนั้นไม่มีปัญหาหากลูกสาวต้องการเช่นนั้น เขาเองก็อยากรีบไปถึงเมืองสือเช่นเดียวกันจะได้รีบดูทำเลและรีบกลับบ้านไปหาภรรยารัก เขา
หลังจากบอกรายละเอียดชื่อของหนิงชิงแล้วนางก็แยกกับเจ้าหน้าที่ที่หน้าที่ว่าการทันที สองคนพ่อลูกกลับไปที่โรงเตี๊ยมและเช่าเพิ่มอีกหนึ่งคืน นางจ่ายเงินให้เจ้าของร้านเสร็จก็ชวนพ่อไปเดินซื้อเสื้อผ้าและดูร้านรวงต่างๆ แน่นอนว่าหนิงชิงต้องสอบถามเสี่ยวเอ้อถึงร้านขายเสื้อผ้า นางเห็นว่าเจ้าหน้าที่มองเสื้อผ้านางกับพ่ออย่างกับเป็นคนจนจึงไม่อยากเสียหน้าอีก นาน ๆ ทีได้มาในเมืองใหญ่พวกนางจึงต้องแต่งตัวให้ดูดีเสียหน่อย ทั้งสองคนเดินมาอีกถนนหนึ่งที่เสี่ยวเอ้อบอกก็พบว่ามีแต่ร้านขายเสื้อผ้าเต็มถนนไปหมดจนพวกเขาตาลาย นี่เหมือนกับว่าผังเมืองจะแยกขายของแต่ละประเภทเป็นถนน ๆ ไป แต่ก็มีร้านอย่างอื่นวางขายของอยู่บ้าง หนิงชิงเลือกร้านที่พอจะมีคนเข้าออกเป็นคนธรรมดา มากกว่าที่จะเข้าร้านที่พวกคุณหนูทั้งหลายเข้า เพราะนางกลัวว่าจะถูกดูถูกอีกนั่นเอง หนิงกวานที่ไม่คิดมากเรื่องภาพลักษณ์มาแต่ไหนแต่ไร แต่คราวนี้กลับเห็นด้
สองปีผ่านไป หนิงชิงตอนนี้ขยายสาขาเพิ่มอีกหนึ่งมณฑลแล้ว กิจการที่นั่นดำเนินไปได้ด้วยดี หนิงชิงแนะนำเทคนิคการวางขายสินค้าทั่วไปเสียก่อนที่จะวางขายสินค้าสั่งทำ เนื่องจากของใช้ทั่วไปคนธรรมดาเองก็สามารถซื้อได้ มันจะทำให้รายได้ของร้านคงที่ได้ระยะหนึ่งเลยทีเดียว ต้าเจียงเองก็ทำหน้าที่พ่อบ้านใหญ่ได้ดีสมกับที่หนิงชิงหวังเอาไว้เช่นเดียวกัน ไม่ว่างานที่จวนหรือที่ร้านเขาก็เป็นผู้ดูแลอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ตอนนี้ลูก ๆ ของหนิงชิงก็อายุครบสามขวบแล้ว ยิ่งโตพวกเขายิ่งผอมลง ไม่เหมือนตอนเด็กที่อ้วนท้วนกันใหญ่ ฮ่องเต้เองก็มักเรียกหาเหลน ๆ ทั้งสองเข้าวังไปเล่นด้วยอยู่บ่อย ๆ หลัง ๆ มานี้หนิงชิงก็ให้แม่นมพาทั้งสองไปหาเสด็จปู่ของพวกเขาแทนที่นางจะไปเอง เพราะหนิงชิงกลับไปดูงานที่ร้านอีกครั้งแล้ว เมื่อปีก่อนน้องสาวนางก็พาหล
วันนี้กว่าที่พ่อกับแม่ของหนิงชิงจะกลับก็เป็นตอนที่ลูกทั้งสองของนางเข้านอนตอนบ่ายแล้วนั่นเอง พวกท่านยังบอกให้นางดูแลหลานของพวกเขาให้ดี แล้วว่าง ๆ พวกเขาจะมาเยี่ยมใหม่ หลังจากร่ำลากันแล้ว พ่อแม่ของเจียงเฉิงและหนิงชิงก็ส่งพวกเขาขึ้นรถม้าแล้วออกจากจวนไป พ่อกับแม่ของเจียงเฉิงยังเยินยอพ่อแม่ของหนิงชิงเสียมากมายให้นางฟัง ก่อนที่พวกท่านจะไปพักผ่อนยามบ่ายกันตามปกติ ส่วนหนิงชิงที่วันนี้เหน็ดเหนื่อยกับการจับเจ้าลูกชายที่เพิ่งจะเดินได้มากขึ้นก็อยากกลับไปนอนพักผ่อนเช่นเดียวกัน แม่นมทั้งสองเองก็คอยดูแลคุณชายน้อยทั้งสองเป็นอย่างดี หนิงชิงจึงไม่ได้ห่วงอันใดพวกเขานัก สองวันต่อมา ต้าเจียงนำสมุดบัญชีมาให้หนิงชิงหลังจากที่ต้าเจินลูกชายของเขาเดินทางไปตรวจสอบบัญชีที่ร้านสาขาทั้งสองกลับมาเมื่อวานนี้ เขายังนำตั๋วแลกเงินจำนวนนับหลายหมื่นตำลึงกลับมาให้หนิงชิงด้วย ต
ข่าวที่หนิงชิงได้รับแต่งตั้งเป็นฮูหยินอันดับหนึ่งดังไปทั่วเมืองหลวงในเวลาไม่นาน มีบรรดาฮูหยินขุนนางมากหน้าหลายตาเข้ามาส่งของขวัญแสดงความยินดีกับหนิงชิงมากมายในช่วงเวลาเกือบสองสัปดาห์ที่นางต้องปั้นยิ้มรับของที่ไม่อยากได้เข้าจวน กระทั่งเหล่าฮูหยินมอบของขวัญครบทุกคนแล้วนั่นแหละ หนิงชิงจึงได้ถอนหายใจได้เสียที นางเบื่อการเข้าสังคมจอมปลอมเช่นนี้ที่สุด หากให้นางต้องไปนั่งดื่มชานินทาชาวบ้านล่ะก็นางคงทำไม่ได้ การได้รับความโปรดปรานใช่ว่าจะมีแต่ข้อดีเสียหน่อย ข้อเสียก็คือจะมีคนมารบกวนเรามากขึ้นเหมือนที่ผ่านมาอย่างไรเล่า อาหารเย็นวันนี้แม่ของเจียงเฉิงได้สอบถามหนิงชิงว่านางรู้สึกอย่างไรที่มีตำแหน่งสูงที่สุดในเหล่าฮูหยินขุนนางแล้ว หนิงชิงได้แต่ยิ้มแหยตอบกลับไป“ท่านแม่เจ้าคะ ข้าไม่เคยคิดหวังที่จะได้รับตำแหน่งนี้มาก่อน ทุกอย่างที่ข้าทำเพื่อเลี้ยงลูกก็เป็นจิตสำนึกของข้าเอง ข้ารู้ว่าฝ่าบ
สามวันต่อมา ราชโองการลงโทษจวนอดีตเสนาบดีกรมพิธีการสั่งการให้คนที่กระทำความผิดถูกประหารรวมทั้งบ่าวไพร่ที่ร่วมมือด้วยก็เช่นเดียวกัน ส่วนผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องให้เนรเทศไปชายแดนเหนือและห้ามเข้ารับราชการอีกตลอดชีวิต เสนาบดีกรมอาญาน้อมรับราชโองการและแจ้งวันประหารในอีกสามวันถัดไป เพราะพวกเขาต้องคัดคนที่จะถูกเนรเทศออกไปก่อนจึงต้องใช้เวลาสักหน่อยก่อนที่จะแยกออกได้ เจียงเฉิงที่ทำหน้าที่ของตนเองเสร็จแล้วก็กลับไปทำงานที่ค่ายทหารเช่นเคย หนิงชิงยังเคยบอกเจียงเฉิงว่าดีที่ตอนนี้ไม่มีศึกสงคราม ทำให้แคว้นพัฒนาไปได้มาก อีกทั้งนางยังไม่ต้องแยกจากสามีด้วยสี่เดือนต่อมา ฮ่องเต้ที่คิดถึงเหลนชายตัวอ้วนก็มีรับสั่งให้คนในจวนแม่ทัพเข้าเฝ้าเป็นกรณีพิเศษ วันนี้เจียงเฉิงพอได้รับข่าวก็รีบมาจากค่ายทหารแล้วพาทุกคนในครอบครัวเข้าไปในวัง แ
ไม่ถึงสามวัน คนที่เจียงเฉิงส่งไปสืบเรื่องราวก็รู้ว่าเป็นฮูหยินกับบุตรสาวของเสนาบดีกรมพิธีการที่ทำเรื่องเช่นนี้จริง ๆ เจียงเฉิงพอรู้ว่าเกี่ยวข้องกับเสนาบดีกรมพิธีการก็ยิ่งแค้นนัก เขาหรือก็ไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องราวที่เสนาบดีกรมพิธีการกระทำมาก่อน ตอนนี้เขากลับกล้ามาแตะเกล็ดย้อนของเขา คนพวกนี้ไม่รู้หรืออย่างไรว่าเขารักภรรยามากจึงได้ทำเช่นนี้ เจียงเฉิงนั่งคิดอยู่พักใหญ่ จากนั้นเขาจึงให้คนของเขาไปหาหลักฐานการทุจริตหรือการทำชั่วต่าง ๆ ที่คนในจวนเสนาบดีเคยทำมาให้หมด ในเมื่อเป็นเสนาบดีดีดีไม่ชอบ เจียงเฉิงก็จะให้เขากลายเป็นนักโทษไปเสียให้สิ้นเรื่องสิ้นราว ถือว่าเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู จะได้ไม่มีใครกล้ามาทำเช่นนี้อีก หลังรับคำสั่งแล้วคนของเจียงเฉิงมากกว่ายี่สิบคนก็แยกกันออกไปตามหาเบาะแสเรื่องของเสนาบดีกรมพิธีการทันที พวกเขารู้ดีว่านายน้อยใจร้อนมากเพียงใด หากพวกเขามัวแต่ชักช้า นายน้อยคงสั่งลงโท
คืนนี้หนิงชิงจึงได้นอนหลับอย่างสบายโดยที่สามีไม่ก่อกวนนางจริง ๆ เจียงเฉิงที่ได้แต่กอดภรรยานอน เขาอดหมั่นเขี้ยวคนตัวเล็กไม่ได้ จึงแอบหอมแก้มนางฟอดใหญ่ก่อนจะหลับไปพร้อมกับความอ่อนเพลียเช่นกัน จวนแม่ทัพเลี้ยงดูเด็ก ๆ ได้เกือบห้าเดือนแล้ว ช่วงนี้กลับมีข่าวลือว่าแม่ทัพใหญ่ไปติดพันลูกสาวเสนาบดีกรมพิธีการเสียได้ หนิงชิงไม่รู้ว่าข่าวนี้ใครเป็นคนปล่อย แต่สามีนางน่าจะรู้เรื่องนี้แล้วกระมัง ขนาดนางที่อยู่แต่ในจวนยังรู้เลย เขาที่ไปทำงานทุกวันจะไม่รู้ได้อย่างไร อีกทั้งข่าวลือยังบอกอีกว่าฮ่องเต้สนับสนุนให้แม่ทัพใหญ่มีฮูหยินรองเพื่อจะได้มีทายาทสืบทอดเพิ่มขึ้นอีก ทั้งสัปดาห์มีแต่ข่าวลือเรื่องนี้ ด้านเจียงเฉิงได้แต่โกรธแค้นว่าใครกันเป็นคนปล่อยข่าวบ้า ๆ นี่ออกมา เขาที่ทำงานที่ค่ายทหารงก ๆ จะเอาเวลาที่ไหนไปยุ่งกับหญิงอื่น อีกทั้งเขายังรักภรรยาคนเดียวด้วย จะมีหญิงใดที่เขาชายตามองในเมืองหลวงบ้างเ
สัปดาห์ต่อมาหลังจากเจียงเฉิงเริ่มจับทางเจ้าอ้วนน้อยทั้งสองได้แล้วว่าจะนอนตอนไหน แผนการเผด็จศึกภรรยาสุดที่รักก็เริ่มขึ้นทันที คืนนั้นเจียงเฉิงอาบน้ำให้ภรรยาพร้อมกับใส่ชุดให้นางแล้วอุ้มไปที่เตียงทันที หนิงชิงเองก็งงกับสามีตัวดีว่าจะทำอันใด ปกตินางก็เดินไปนอนเองอยู่แล้วหลังเขาใส่เสื้อผ้าให้ แต่วันนี้สามีนางมาแปลก เมื่อถึงเตียงแล้วเจียงเฉิงก็เริ่มปฏิบัติการเล้าโลมภรรยาตัวน้อยทันที หนิงชิงที่กว่าจะตั้งสติได้ก็ตอนที่เสื้อผ้าหลุดลุ่ยหมดแล้ว นางเข้าใจแล้วว่าเหตุใดสามีตัวดีจึงได้ทำตัวแปลก ๆ ที่แท้เขาก็กำลังคิดเรื่องบนเตียงอยู่นั่นเอง หนิงชิงได้แต่กลัวว่าลูกจะตื่นจึงได้บอกเขาทั้งที่นางเองก็พร้อมให้กับสามีที่กำลังเล้าโลมนางอยู่ไม่น้อย เจียงเฉิงกระซิบบอกภรรยาที่รักของเขาว่าลูก ๆ จะยังไม่ตื่นจนกว่าจะอีกหนึ่งชั่วยาม เขาที่จับตาดูลูกมาตลอดหนึ่งสัปดาห์มั่นใจมาก หนิงชิงที่ได้ยินเช่นนั้นได้แต่บ่นสามีในใจว่าเขาถึงกับดูกิจวัตรประจำวันของเจ้าอ้วนน้อยทั้งสอ
กว่างานเลี้ยงจะเลิกก็เกือบเย็นแล้ว ครอบครัวเจียงเฉิงกับหนิงชิงพากันส่งแขกร่วมกันที่หน้าจวนจนกระทั่งแขกกลับกันหมดแล้ว หนิงกวานก่อนจะกลับจวนเช่นกันก็มอบของเล่นเอาไว้ให้หลาน ๆ เสียหลายอย่าง พ่อกับแม่ของเจียงเฉิงได้แต่ขอบคุณท่านตาของหลานพวกเขาที่สละเวลาทำของเล่นออกมาเสียมากมาย หนิงกวานได้แต่หัวเราะและบอกว่าพวกเขาเป็นหลานชายตัวอ้วนที่พวกเขามี หากมีสิ่งใดดี ๆ เขาก็อยากมอบให้หลาน ๆ มากกว่าที่จะให้กับคนอื่น หลังจากร่ำลากันได้สักพักพวกหนิงกวานก็ขึ้นรถม้าจากไป ตอนนี้จวนแม่ทัพกลับมาเงียบสงบดังเดิมแล้ว บ่าวไพร่เองต่างก็ช่วยกันเก็บข้าวของเพื่อให้บริเวณงานเลี้ยงสะอาดสะอ้านเหมือนก่อนที่จะจัดงาน พ่อกับแม่ของเจียงเฉิงที่เหนื่อยมาทั้งวันต่างชวนกันไปพักผ่อน วันนี้พวกเขาเสียเรี่ยวแรงไปมากจริง ๆ เอาไว้พรุ่งนี้พวกเขาค่อยไปเล่นกับหลาน ๆ ก็ยังไม่สาย อย่างไรหลานของพวกเขาก็อยู่ด้วยกันที่จวนอยู่แล้วด้วย ฟากฝ
สิ่งของสำหรับเลือกในครั้งนี้มีทั้งอุปกรณ์การช่างที่หนิงชิงเป็นคนวาง ตำราที่ฮ่องเต้ให้ขันทีวางลงไป ก้อนเงินที่ฮองเฮาประทาน ส่วนของไทเฮานั้นเป็นกุญแจอายุยืนที่นางสั่งร้านเครื่องประดับทำขึ้นมา สิ่งของอื่น ๆ ก็ยังมีของเล่นที่หนิงกวานทำมา มีดไม้แกะสลักก็ยังมี ไหนจะดาบของเล่นที่เจียงเฉิงเป็นคนวางอีกเล่า ยังไม่รวมสิ่งของอื่น ๆ อีกนับสิบอย่างที่มีคนมาวางเอาไว้ให้คุณชายน้อยทั้งสองเลือกอีก เมื่อถึงเวลาเลือกของแล้ว หนิงชิงกับเจียงเฉิงก็วางลูกลงบนกองสิ่งของแล้วให้พวกเขาเลือกมาสักหนึ่งอย่าง ด้านโหย่วเฉียงและคงหมิงได้แต่มองกันตาปริบ ๆ พวกเขารู้เพียงว่าอยากได้สิ่งของมาเล่นเท่านั้น จึงทำให้ทั้งคู่คลานต้วมเตี้ยมวน ๆ หาดูว่าจะเอาสิ่งใดมาเล่นดี โหย่วเฉียงที่เห็นดาบของเล่นก็ชอบใจ เขาเลือกดาบและตำราโดยนำดาบมาฟันตำราเล่นเสียอย่างนั้น การกระทำของเขาทำเอาแขกทั้งหลายมีแต่เสียงหัวเราะเอ็นดูเด็กน้อยกันทั้งนั้น ส่วนคงหมิงนั้นเลือกก้อนเงินและอุปกรณ์แปลก ๆ ของหนิงชิง &nb