หลังอาหารเที่ยงทั้งสองก็เดินทางต่อไปจนกระทั่งใกล้ค่ำก็ยังไม่เห็นประตูเมือง หนิงชิงจึงให้พ่อหยุดพักนอนเสียก่อน การเดินทางตอนกลางคืนอันตรายไม่น้อย นางเลยไม่อยากเดินทางตอนกลางคืน
หนิงกวานเห็นว่าลูกสาวรอบคอบก็ดีใจ เขาเองก็คิดเช่นเดียวกัน ทั้งสองคนจึงเข้าไปนอนในรถม้าอย่างสบายเหมือนที่ต้าเจียงบอกเอาไว้ไม่มีผิดว่าที่นั่งนุ่มมาก นอนก็สบายจริง ๆ
รุ่งเช้าวันต่อมาทั้งสองคนไม่เสียเวลากินอาหารเช้า พวกเขาเดินทางไปกินเสบียงกรังไปด้วย เมื่อคืนม้าได้พักผ่อนเต็มที่มันจึงเร่งฝีเท้าได้ดีกว่าเมื่อวานมากโข ทำให้ก่อนเที่ยงทั้งสองคนก็มาถึงเมืองฮุ่ย หนิงชิงไม่อยากเสียเวลามาก นางจึงให้ชวนท่านพ่อทานอาหารเที่ยงแล้วเดินทางกันต่อไปยังเมืองสือเลย
หนิงกวานนั้นไม่มีปัญหาหากลูกสาวต้องการเช่นนั้น เขาเองก็อยากรีบไปถึงเมืองสือเช่นเดียวกันจะได้รีบดูทำเลและรีบกลับบ้านไปหาภรรยารัก เขา
หลังจากบอกรายละเอียดชื่อของหนิงชิงแล้วนางก็แยกกับเจ้าหน้าที่ที่หน้าที่ว่าการทันที สองคนพ่อลูกกลับไปที่โรงเตี๊ยมและเช่าเพิ่มอีกหนึ่งคืน นางจ่ายเงินให้เจ้าของร้านเสร็จก็ชวนพ่อไปเดินซื้อเสื้อผ้าและดูร้านรวงต่างๆ แน่นอนว่าหนิงชิงต้องสอบถามเสี่ยวเอ้อถึงร้านขายเสื้อผ้า นางเห็นว่าเจ้าหน้าที่มองเสื้อผ้านางกับพ่ออย่างกับเป็นคนจนจึงไม่อยากเสียหน้าอีก นาน ๆ ทีได้มาในเมืองใหญ่พวกนางจึงต้องแต่งตัวให้ดูดีเสียหน่อย ทั้งสองคนเดินมาอีกถนนหนึ่งที่เสี่ยวเอ้อบอกก็พบว่ามีแต่ร้านขายเสื้อผ้าเต็มถนนไปหมดจนพวกเขาตาลาย นี่เหมือนกับว่าผังเมืองจะแยกขายของแต่ละประเภทเป็นถนน ๆ ไป แต่ก็มีร้านอย่างอื่นวางขายของอยู่บ้าง หนิงชิงเลือกร้านที่พอจะมีคนเข้าออกเป็นคนธรรมดา มากกว่าที่จะเข้าร้านที่พวกคุณหนูทั้งหลายเข้า เพราะนางกลัวว่าจะถูกดูถูกอีกนั่นเอง หนิงกวานที่ไม่คิดมากเรื่องภาพลักษณ์มาแต่ไหนแต่ไร แต่คราวนี้กลับเห็นด้
สี่ปีผ่านไป ช่วงสี่ปีที่ผ่านมางานที่ร้านสาขาเป็นไปได้ด้วยดี หนิงชิงออกแบบของแต่งบ้านแปลก ๆ มากมายขายที่ร้านสาขาทำให้มีคนสนใจและซื้อหามากมายจนทำให้รายได้ของที่นั่นได้มากกว่าร้านหลักที่เมืองกังเสียอีก หนิงชิงยังให้พี่ชายเสี่ยวเจียงนำเครื่องปรุงไปส่งท่านป้าช่วงปีใหม่ทุกปีอีกด้วย นางกลัวว่าท่านป้าจะมีเครื่องปรุงไม่พอจึงได้ทำเช่นนี้ หนิงหยางที่โตเป็นหนุ่มแล้วก็ทำให้หนิงชิงวางใจที่จะพาน้องไปสอบที่เมืองสือในอีกไม่ถึงเดือน เนื่องจากตอนนี้หนิงหยางสอบขั้นแรกที่เมืองกังผ่านแล้วนั่นเอง แต่ในเมื่อเมืองกังกับเมืองสือไม่ไกลกันนัก หนิงหยางจึงไม่อยากไปอยู่ที่นั่นก่อนถึงกำหนดการสอบ หนิงกุ้ยเองก็โตเป็นสาวแล้วเช่นกัน นางยังไม่มีวี่แววว่าจะแต่งงานเหมือนกับหนิงชิงซึ่งยังไม่ยอมใจอ่อนให้แม่ทัพใหญ่เสียทีทั้งที่เวลาผ่านมาถึงสี่ปีแล้ว ทำเอาเจียงเฉิงได้แต่งอแงเป็นเด็ก ๆ ที่นางไม่่สน
ฮุ่ยหลางเองไม่เคยปรากฏตัวต่อหน้าครอบครัวหนิงนอกเวลาอาหารเช้า เขามักซ่อนอยู่ในเงาอยู่เสมอ จึงทำให้ไม่มีใครรับรู้ว่ามีคนคอยคุ้มกันพวกเขาอยู่นั่นเอง ความจริงมีร้านค้าหลายร้านที่ไม่พอใจร้านของหนิงชิงที่มีลูกค้าเข้าออกอยู่ตลอดเวลา แต่ทำอย่างไรได้นางเป็นถึงน้องสาวนายอำเภอและว่าที่คนรักของแม่ทัพใหญ่ ใครเล่าจะกล้าล้อเล่นกับสองคนนี้ มีหวังพวกเขาได้เข้าไปนอนคุกเล่นกันเป็นแน่ ฮุ่ยหลางเองเพิ่งอายุ 20 ปีเท่านั้นก็ถูกส่งมาที่นี่เสียแล้ว คราแรกเขาโอดครวญไม่อยากจะเดินทางไกลมาถึงชายแดน แต่เพราะคนอื่นมีครอบครัวหมดแล้วเขาจึงถูกส่งมาแทน แถมงานไม่ได้ยากลำบากอันใดด้วยเขาจึงต้องมา ฮุ่ยหลางพอเห็นหนิงกุ้ยแล้วก็ชอบที่นางเรียบร้อยน่ารักแต่ตัวเขาไม่กล้าที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับนาง ด้วยรู้ดีว่าความลับไม่มีในโลก หากแม่ทัพใหญ่รู้ว่าเขาแอบชอบน้องสาวของว่าที่ภรรยาของเขาแล้วล่ะก็ฝ่าบาทก็ต้องรู้ด้วย เขายังไม่อยากกลับไปเมืองหลวงเร็วนักหรอกหนา เขายังอยากเห็นรอยยิ้มแล
รุ่งเช้าวันต่อมา เจียงเฉิงไปที่ร้านขายอาหารเช้าแต่เช้ามากเพื่อพูดคุยเรื่องการสอนยิงปืนไฟจากหนิงชิง เขาไม่อยากคุยตอนคนเยอะ ๆ จึงได้เลือกมาแต่เช้าตรู่แทน“แม่นางหนิงชิง ข้าอยากรบกวนเจ้าช่วยไปสอนคนของข้ายิงปืนไฟกระบอกยาวได้หรือไม่”“หืม? วิธีการใช้งานข้าก็เขียนบอกเอาไว้แล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดท่านยังต้องให้ข้าไปสอนอีกเล่า”“เจ้าเขียนเอาไว้ก็จริง แต่การถอดประกอบซับซ้อนมากจนคนของข้าไม่เข้าใจและไม่รู้วิธีเล็งเป้าอย่างที่เจ้าบอก และระยะห่างของเป้าจะต้องเป็นเท่าไหร่เจ้าไม่ได้บอกเอาไว้ พวกข้าเลยไม่รู้จะทำอย่างไร ข้าจึงได้บากหน้ามาขอร้องให้เจ้าไปช่วยสอนข้ากับคนของข้านี่แหละ”“เฮ้อ เช่นนั้นข้าจะไปวันพรุ่งนี้หลังปิดร้านอาหารเช้าก็แล้วกันเจ้าค่ะ วันนี้ข้ายังมีงานค้างที่ต้องทำอยู่”“ขอบคุณเจ้ามากนะ เช่นนั้นข้าจะได้กินอาหารอย่างสบายใจแล้ว” เจียงเฉิงสั่งอาหารพร้อมร
วันนี้สองคนพ่อลูกกว่าจะได้กลับบ้านก็ฟ้าเกือบจะมืดแล้ว คราแรกเจียงเฉิงคิดจะไปส่งพวกนางพ่อลูก แต่หนิงกวานเห็นว่าจะเป็นการเสียเวลาไปเปล่า ๆ เขากับลูกสาวจึงพากันจากไปพร้อมรถม้าด้วยตนเอง เจียงเฉิงยังจ่ายค่าแรงให้หนิงชิงห้าร้อยตำลึงที่นางมาสอนคนของเขาที่ค่าย ต่อไปคนพวกนี้จะต้องสอนทหารอีกนับพันนายในการใช้ปืนยาวเช่นกัน เขาจึงยอมให้ค่าแรงมากขนาดนี้ ความรู้นั้นวัดค่าเป็นเงินไม่ได้ เขาจึงยินดีจ่ายราคาสูงให้กับหนิงชิง คราแรกสองพ่อลูกไม่คิดว่าจะได้ค่าจ้างด้วยซ้ำ พวกเขามาไม่ได้หวังเงินแต่แรก เพียงแต่ในเมื่อเจ้าตัวอยากให้พวกเขาก็รับสินน้ำใจมาพร้อมรอยยิ้มยินดีที่วันนี้ไม่ได้เหนื่อยเปล่า กว่าที่พวกเขาจะถึงบ้านก็เลยเวลาอาหารค่ำไปแล้ว สองคนพ่อลูกจึงได้นั่งกินข้าวกันสองคน แต่คนอื่น ๆ ก็ยังนั่งคุยเป็นเพื่อนพวกเขาที่โต๊ะกินข้าวกันอยู่“พี่ใหญ่ การไปเมืองสือครั้งนี้ข้าคงไปกับท่านไม่ได้นะเจ้าคะ ต้าเป่ายังไม่ชำนาญในการดูสมุนไพร ข้ากลัวว่
สามวันที่ผ่านมาหนิงชิงกับพ่อวิ่งวุ่นไปดูสวนสมุนไพรช่วยหนิงกุ้ยและสั่งงานเอาไว้ให้คนสวนทั้งห้าคนให้ดูแลสวนดี ๆ เพราะพวกเขาเป็นห่วงหนิงกุ้ยจึงได้มาจัดการเรื่องราวที่สวนให้กับนางนั่นเอง หลังออกจากสวนแล้วพวกเขาก็ไปสั่งงานที่ร้านของแปลกต่อเรื่องสินค้าที่จะต้องทำในช่วงสี่ห้าวันที่พวกเขาไม่อยู่ ส่วนต้าเจียงก็ถูกฝากให้ดูแลเรื่องที่นี่ช่วยหนิงกุ้ยด้วย อย่างไรเขาก็เป็นพ่อบ้านใหญ่ของนาง หนิงชิงจึงไม่เกรงใจเวลาที่สั่งงานต้าเจียง ต้าเจียงรับปากคุณหนูใหญ่ว่าจะดูแลร้านทั้งสามช่วยคุณหนูหนิงกุ้ยให้ดีช่วงที่ทุกคนไม่อยู่ จากนั้นหนิงชิงกับพ่อก็ไปสั่งของที่ร้านประจำเพื่อให้มาส่งที่ร้านตามเมนูที่หนิงชิงจดเอาไว้ให้หนิงกุ้ยทำในแต่ละวันพร้อมทั้งจ่ายเงินค่าสินค้าเอาไว้เรียบร้อยเหมือนทุกครั้งที่พวกเขามาสั่งของ หลายปีมานี้พวกเขาไม่ต้องตื่นแต่เช้าไปตลาดเองอีกแล้วเพราะสนิทกับพ่อค้าแม่ค้าเจ้าประจำจึงตกลงเรื่องนี้กันได้ไม่ยาก เหล่าพ่อค้าแม่ค้
หลังอาหารเช้าวันรุ่งขึ้น หนิงกวานขับรถม้า ส่วนเสี่ยวชุ่ย หนิงชิงและหนิงหยางนั่งอยู่ภายในก็ออกเดินทางโดยมีบรรดาบ่าวไพร่พร้อมทั้งหนิงกุ้ยยืนส่งอยู่อย่างพร้อมหน้าพร้อมตา พวกเขาไม่ได้ร่ำลาอันใดกันมากมายเพราะต้องรีบออกเดินทางจะได้ไปถึงเมืองสือไว ๆ เพื่อให้หนิงหยางได้พักผ่อนสักหนึ่งวันก่อนสอบ นี่เป็นหนิงหยางที่ยืนยันว่าจะไปก่อนวันสอบเพียงหนึ่งวันเท่านั้น คนอื่น ๆ จึงต้องตามใจเขา หนิงกุ้ยหลังจากส่งครอบครัวเดินทางแล้วนางก็บอกให้บ่าวไพร่กลับไปทำหน้าที่ของตนเอง ส่วนพวกนางก็รอลูกค้าที่จะเข้ามาทานอาหารเช้าในวันนี้กันอยู่ นี่เพราะหนิงชิงกลัวว่าจะไปถึงเมืองสือช้าเกินไป นางจึงรีบตื่นมาปลุกทุกคนไปกินข้าวที่นางตื่นมาทำตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง ทุกคนเห็นนางเร่งรีบเช่นนี้จึงต้องเร่งรีบกันไปตาม ๆ กัน กระทั่งก่อนรุ่งสางจึงได้ออกเดินทางไป ความจริงหนิงกุ้ยก็อยากไปกับทุกคนด้วย น
เจียงเฉิงที่วันนี้ว่างพอดีเนื่องจากเขากรำงานหนักมาหลายวันจึงอยากเห็นหน้าหนิงชิงเพื่อเป็นกำลังใจให้ตนเอง เขาจึงได้มาร้านอาหารเช้าในตอนที่พวกหนิงชิงออกเดินทางกันแล้ว เจียงเฉิงแปลกใจที่เห็นหนิงกุ้ยแทนที่จะเป็นหนิงชิงที่ยืนอยู่หน้าร้านเหมือนทุกวัน เขาจึงได้สอบถามหาหนิงชิงกับนาง“แม่นางหนิงกุ้ย หนิงชิงไปไหนหรือ เหตุใดจึงเป็นเจ้าที่มาขายของหน้าร้านแทนเล่า”“พี่สาวกับคนอื่น ๆ เดินทางไปเมืองสือกันเจ้าค่ะ หนิงหยางจะสอบในอีกไม่กี่วันนี้แล้วพวกเขาจึงได้เร่งเดินทางไปกันเจ้าค่ะ”“อ้าว เหตุใดข้าไม่รู้เรื่องเล่า วันนี้ข้าอุตส่าห์รีบมาแล้วยังไม่ทันพวกเขาอีกหรือนี่ นี่พวกเขาออกไปกันตั้งแต่เมื่อไหร่หรือ?”“ออกไปตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางเจ้าค่ะ ท่านแม่ทัพจะกินอะไรดีเจ้าคะวันนี้” หนิงกุ้ยเองไม่ค่อยสนิทกับแม่ทัพใหญ่ว่าที่พี่เขยนัก นางจึงได้ตัดบทเขาก่อนที่เขาจะสอบถามนางเพิ่มเติมอีก เจียงเฉิ
สองปีผ่านไป หนิงชิงตอนนี้ขยายสาขาเพิ่มอีกหนึ่งมณฑลแล้ว กิจการที่นั่นดำเนินไปได้ด้วยดี หนิงชิงแนะนำเทคนิคการวางขายสินค้าทั่วไปเสียก่อนที่จะวางขายสินค้าสั่งทำ เนื่องจากของใช้ทั่วไปคนธรรมดาเองก็สามารถซื้อได้ มันจะทำให้รายได้ของร้านคงที่ได้ระยะหนึ่งเลยทีเดียว ต้าเจียงเองก็ทำหน้าที่พ่อบ้านใหญ่ได้ดีสมกับที่หนิงชิงหวังเอาไว้เช่นเดียวกัน ไม่ว่างานที่จวนหรือที่ร้านเขาก็เป็นผู้ดูแลอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ตอนนี้ลูก ๆ ของหนิงชิงก็อายุครบสามขวบแล้ว ยิ่งโตพวกเขายิ่งผอมลง ไม่เหมือนตอนเด็กที่อ้วนท้วนกันใหญ่ ฮ่องเต้เองก็มักเรียกหาเหลน ๆ ทั้งสองเข้าวังไปเล่นด้วยอยู่บ่อย ๆ หลัง ๆ มานี้หนิงชิงก็ให้แม่นมพาทั้งสองไปหาเสด็จปู่ของพวกเขาแทนที่นางจะไปเอง เพราะหนิงชิงกลับไปดูงานที่ร้านอีกครั้งแล้ว เมื่อปีก่อนน้องสาวนางก็พาหล
วันนี้กว่าที่พ่อกับแม่ของหนิงชิงจะกลับก็เป็นตอนที่ลูกทั้งสองของนางเข้านอนตอนบ่ายแล้วนั่นเอง พวกท่านยังบอกให้นางดูแลหลานของพวกเขาให้ดี แล้วว่าง ๆ พวกเขาจะมาเยี่ยมใหม่ หลังจากร่ำลากันแล้ว พ่อแม่ของเจียงเฉิงและหนิงชิงก็ส่งพวกเขาขึ้นรถม้าแล้วออกจากจวนไป พ่อกับแม่ของเจียงเฉิงยังเยินยอพ่อแม่ของหนิงชิงเสียมากมายให้นางฟัง ก่อนที่พวกท่านจะไปพักผ่อนยามบ่ายกันตามปกติ ส่วนหนิงชิงที่วันนี้เหน็ดเหนื่อยกับการจับเจ้าลูกชายที่เพิ่งจะเดินได้มากขึ้นก็อยากกลับไปนอนพักผ่อนเช่นเดียวกัน แม่นมทั้งสองเองก็คอยดูแลคุณชายน้อยทั้งสองเป็นอย่างดี หนิงชิงจึงไม่ได้ห่วงอันใดพวกเขานัก สองวันต่อมา ต้าเจียงนำสมุดบัญชีมาให้หนิงชิงหลังจากที่ต้าเจินลูกชายของเขาเดินทางไปตรวจสอบบัญชีที่ร้านสาขาทั้งสองกลับมาเมื่อวานนี้ เขายังนำตั๋วแลกเงินจำนวนนับหลายหมื่นตำลึงกลับมาให้หนิงชิงด้วย ต
ข่าวที่หนิงชิงได้รับแต่งตั้งเป็นฮูหยินอันดับหนึ่งดังไปทั่วเมืองหลวงในเวลาไม่นาน มีบรรดาฮูหยินขุนนางมากหน้าหลายตาเข้ามาส่งของขวัญแสดงความยินดีกับหนิงชิงมากมายในช่วงเวลาเกือบสองสัปดาห์ที่นางต้องปั้นยิ้มรับของที่ไม่อยากได้เข้าจวน กระทั่งเหล่าฮูหยินมอบของขวัญครบทุกคนแล้วนั่นแหละ หนิงชิงจึงได้ถอนหายใจได้เสียที นางเบื่อการเข้าสังคมจอมปลอมเช่นนี้ที่สุด หากให้นางต้องไปนั่งดื่มชานินทาชาวบ้านล่ะก็นางคงทำไม่ได้ การได้รับความโปรดปรานใช่ว่าจะมีแต่ข้อดีเสียหน่อย ข้อเสียก็คือจะมีคนมารบกวนเรามากขึ้นเหมือนที่ผ่านมาอย่างไรเล่า อาหารเย็นวันนี้แม่ของเจียงเฉิงได้สอบถามหนิงชิงว่านางรู้สึกอย่างไรที่มีตำแหน่งสูงที่สุดในเหล่าฮูหยินขุนนางแล้ว หนิงชิงได้แต่ยิ้มแหยตอบกลับไป“ท่านแม่เจ้าคะ ข้าไม่เคยคิดหวังที่จะได้รับตำแหน่งนี้มาก่อน ทุกอย่างที่ข้าทำเพื่อเลี้ยงลูกก็เป็นจิตสำนึกของข้าเอง ข้ารู้ว่าฝ่าบ
สามวันต่อมา ราชโองการลงโทษจวนอดีตเสนาบดีกรมพิธีการสั่งการให้คนที่กระทำความผิดถูกประหารรวมทั้งบ่าวไพร่ที่ร่วมมือด้วยก็เช่นเดียวกัน ส่วนผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องให้เนรเทศไปชายแดนเหนือและห้ามเข้ารับราชการอีกตลอดชีวิต เสนาบดีกรมอาญาน้อมรับราชโองการและแจ้งวันประหารในอีกสามวันถัดไป เพราะพวกเขาต้องคัดคนที่จะถูกเนรเทศออกไปก่อนจึงต้องใช้เวลาสักหน่อยก่อนที่จะแยกออกได้ เจียงเฉิงที่ทำหน้าที่ของตนเองเสร็จแล้วก็กลับไปทำงานที่ค่ายทหารเช่นเคย หนิงชิงยังเคยบอกเจียงเฉิงว่าดีที่ตอนนี้ไม่มีศึกสงคราม ทำให้แคว้นพัฒนาไปได้มาก อีกทั้งนางยังไม่ต้องแยกจากสามีด้วยสี่เดือนต่อมา ฮ่องเต้ที่คิดถึงเหลนชายตัวอ้วนก็มีรับสั่งให้คนในจวนแม่ทัพเข้าเฝ้าเป็นกรณีพิเศษ วันนี้เจียงเฉิงพอได้รับข่าวก็รีบมาจากค่ายทหารแล้วพาทุกคนในครอบครัวเข้าไปในวัง แ
ไม่ถึงสามวัน คนที่เจียงเฉิงส่งไปสืบเรื่องราวก็รู้ว่าเป็นฮูหยินกับบุตรสาวของเสนาบดีกรมพิธีการที่ทำเรื่องเช่นนี้จริง ๆ เจียงเฉิงพอรู้ว่าเกี่ยวข้องกับเสนาบดีกรมพิธีการก็ยิ่งแค้นนัก เขาหรือก็ไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องราวที่เสนาบดีกรมพิธีการกระทำมาก่อน ตอนนี้เขากลับกล้ามาแตะเกล็ดย้อนของเขา คนพวกนี้ไม่รู้หรืออย่างไรว่าเขารักภรรยามากจึงได้ทำเช่นนี้ เจียงเฉิงนั่งคิดอยู่พักใหญ่ จากนั้นเขาจึงให้คนของเขาไปหาหลักฐานการทุจริตหรือการทำชั่วต่าง ๆ ที่คนในจวนเสนาบดีเคยทำมาให้หมด ในเมื่อเป็นเสนาบดีดีดีไม่ชอบ เจียงเฉิงก็จะให้เขากลายเป็นนักโทษไปเสียให้สิ้นเรื่องสิ้นราว ถือว่าเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู จะได้ไม่มีใครกล้ามาทำเช่นนี้อีก หลังรับคำสั่งแล้วคนของเจียงเฉิงมากกว่ายี่สิบคนก็แยกกันออกไปตามหาเบาะแสเรื่องของเสนาบดีกรมพิธีการทันที พวกเขารู้ดีว่านายน้อยใจร้อนมากเพียงใด หากพวกเขามัวแต่ชักช้า นายน้อยคงสั่งลงโท
คืนนี้หนิงชิงจึงได้นอนหลับอย่างสบายโดยที่สามีไม่ก่อกวนนางจริง ๆ เจียงเฉิงที่ได้แต่กอดภรรยานอน เขาอดหมั่นเขี้ยวคนตัวเล็กไม่ได้ จึงแอบหอมแก้มนางฟอดใหญ่ก่อนจะหลับไปพร้อมกับความอ่อนเพลียเช่นกัน จวนแม่ทัพเลี้ยงดูเด็ก ๆ ได้เกือบห้าเดือนแล้ว ช่วงนี้กลับมีข่าวลือว่าแม่ทัพใหญ่ไปติดพันลูกสาวเสนาบดีกรมพิธีการเสียได้ หนิงชิงไม่รู้ว่าข่าวนี้ใครเป็นคนปล่อย แต่สามีนางน่าจะรู้เรื่องนี้แล้วกระมัง ขนาดนางที่อยู่แต่ในจวนยังรู้เลย เขาที่ไปทำงานทุกวันจะไม่รู้ได้อย่างไร อีกทั้งข่าวลือยังบอกอีกว่าฮ่องเต้สนับสนุนให้แม่ทัพใหญ่มีฮูหยินรองเพื่อจะได้มีทายาทสืบทอดเพิ่มขึ้นอีก ทั้งสัปดาห์มีแต่ข่าวลือเรื่องนี้ ด้านเจียงเฉิงได้แต่โกรธแค้นว่าใครกันเป็นคนปล่อยข่าวบ้า ๆ นี่ออกมา เขาที่ทำงานที่ค่ายทหารงก ๆ จะเอาเวลาที่ไหนไปยุ่งกับหญิงอื่น อีกทั้งเขายังรักภรรยาคนเดียวด้วย จะมีหญิงใดที่เขาชายตามองในเมืองหลวงบ้างเ
สัปดาห์ต่อมาหลังจากเจียงเฉิงเริ่มจับทางเจ้าอ้วนน้อยทั้งสองได้แล้วว่าจะนอนตอนไหน แผนการเผด็จศึกภรรยาสุดที่รักก็เริ่มขึ้นทันที คืนนั้นเจียงเฉิงอาบน้ำให้ภรรยาพร้อมกับใส่ชุดให้นางแล้วอุ้มไปที่เตียงทันที หนิงชิงเองก็งงกับสามีตัวดีว่าจะทำอันใด ปกตินางก็เดินไปนอนเองอยู่แล้วหลังเขาใส่เสื้อผ้าให้ แต่วันนี้สามีนางมาแปลก เมื่อถึงเตียงแล้วเจียงเฉิงก็เริ่มปฏิบัติการเล้าโลมภรรยาตัวน้อยทันที หนิงชิงที่กว่าจะตั้งสติได้ก็ตอนที่เสื้อผ้าหลุดลุ่ยหมดแล้ว นางเข้าใจแล้วว่าเหตุใดสามีตัวดีจึงได้ทำตัวแปลก ๆ ที่แท้เขาก็กำลังคิดเรื่องบนเตียงอยู่นั่นเอง หนิงชิงได้แต่กลัวว่าลูกจะตื่นจึงได้บอกเขาทั้งที่นางเองก็พร้อมให้กับสามีที่กำลังเล้าโลมนางอยู่ไม่น้อย เจียงเฉิงกระซิบบอกภรรยาที่รักของเขาว่าลูก ๆ จะยังไม่ตื่นจนกว่าจะอีกหนึ่งชั่วยาม เขาที่จับตาดูลูกมาตลอดหนึ่งสัปดาห์มั่นใจมาก หนิงชิงที่ได้ยินเช่นนั้นได้แต่บ่นสามีในใจว่าเขาถึงกับดูกิจวัตรประจำวันของเจ้าอ้วนน้อยทั้งสอ
กว่างานเลี้ยงจะเลิกก็เกือบเย็นแล้ว ครอบครัวเจียงเฉิงกับหนิงชิงพากันส่งแขกร่วมกันที่หน้าจวนจนกระทั่งแขกกลับกันหมดแล้ว หนิงกวานก่อนจะกลับจวนเช่นกันก็มอบของเล่นเอาไว้ให้หลาน ๆ เสียหลายอย่าง พ่อกับแม่ของเจียงเฉิงได้แต่ขอบคุณท่านตาของหลานพวกเขาที่สละเวลาทำของเล่นออกมาเสียมากมาย หนิงกวานได้แต่หัวเราะและบอกว่าพวกเขาเป็นหลานชายตัวอ้วนที่พวกเขามี หากมีสิ่งใดดี ๆ เขาก็อยากมอบให้หลาน ๆ มากกว่าที่จะให้กับคนอื่น หลังจากร่ำลากันได้สักพักพวกหนิงกวานก็ขึ้นรถม้าจากไป ตอนนี้จวนแม่ทัพกลับมาเงียบสงบดังเดิมแล้ว บ่าวไพร่เองต่างก็ช่วยกันเก็บข้าวของเพื่อให้บริเวณงานเลี้ยงสะอาดสะอ้านเหมือนก่อนที่จะจัดงาน พ่อกับแม่ของเจียงเฉิงที่เหนื่อยมาทั้งวันต่างชวนกันไปพักผ่อน วันนี้พวกเขาเสียเรี่ยวแรงไปมากจริง ๆ เอาไว้พรุ่งนี้พวกเขาค่อยไปเล่นกับหลาน ๆ ก็ยังไม่สาย อย่างไรหลานของพวกเขาก็อยู่ด้วยกันที่จวนอยู่แล้วด้วย ฟากฝ
สิ่งของสำหรับเลือกในครั้งนี้มีทั้งอุปกรณ์การช่างที่หนิงชิงเป็นคนวาง ตำราที่ฮ่องเต้ให้ขันทีวางลงไป ก้อนเงินที่ฮองเฮาประทาน ส่วนของไทเฮานั้นเป็นกุญแจอายุยืนที่นางสั่งร้านเครื่องประดับทำขึ้นมา สิ่งของอื่น ๆ ก็ยังมีของเล่นที่หนิงกวานทำมา มีดไม้แกะสลักก็ยังมี ไหนจะดาบของเล่นที่เจียงเฉิงเป็นคนวางอีกเล่า ยังไม่รวมสิ่งของอื่น ๆ อีกนับสิบอย่างที่มีคนมาวางเอาไว้ให้คุณชายน้อยทั้งสองเลือกอีก เมื่อถึงเวลาเลือกของแล้ว หนิงชิงกับเจียงเฉิงก็วางลูกลงบนกองสิ่งของแล้วให้พวกเขาเลือกมาสักหนึ่งอย่าง ด้านโหย่วเฉียงและคงหมิงได้แต่มองกันตาปริบ ๆ พวกเขารู้เพียงว่าอยากได้สิ่งของมาเล่นเท่านั้น จึงทำให้ทั้งคู่คลานต้วมเตี้ยมวน ๆ หาดูว่าจะเอาสิ่งใดมาเล่นดี โหย่วเฉียงที่เห็นดาบของเล่นก็ชอบใจ เขาเลือกดาบและตำราโดยนำดาบมาฟันตำราเล่นเสียอย่างนั้น การกระทำของเขาทำเอาแขกทั้งหลายมีแต่เสียงหัวเราะเอ็นดูเด็กน้อยกันทั้งนั้น ส่วนคงหมิงนั้นเลือกก้อนเงินและอุปกรณ์แปลก ๆ ของหนิงชิง &nb