วันต่อมาหลังปิดร้านอาหารเช้าแล้ว เสี่ยวเจียงก็มาที่ร้านพอดี พวกเขาพากันไปดูร้านใหม่ของหนิงกุ้ยกันทั้งครอบครัว มีเพียงหนิงหยางเท่านั้นที่ไปโรงเรียนไม่ได้มากับพวกเขา ทุกคนเดินไปไม่นานก็มาถึงหน้าร้านที่ล็อกกุญแจไว้ เสี่ยวเจียงไขกุญแจให้ทุกคนเข้าไปด้านในและมอบกุญแจกับโฉนดให้กับหนิงกุ้ยเอาไว้กันลืม
ทุกคนต่างพากันเดินสำรวจรอบ ๆ พื้นที่ก็พบว่าที่หลังร้านมีที่ว่างพอที่จะปลูกสมุนไพรของหนิงกุ้ยได้อีกสักหลายแปลง นางดีใจไม่น้อยที่มีผู้ช่วยอย่างต้าเป่าที่จะมาทำงานช่วยนาง ท่านแม่จะได้ไม่ลำบาก หนิงกุ้ยมาที่หน้าร้านเพื่อบอกพี่สาวว่านางอยากได้ชั้นวางสมุนไพรแบบใด หนิงชิงจดเอาไว้เพื่อกันลืม นางจะออกแบบให้น้องสาวสักสามอันเพื่อติดตามผนังร้านให้หยิบจับได้สะดวกเวลามีคนมาซื้อหาสมุนไพร ซึ่งตอนนี้สมุนไพรของหนิงกุ้ยยังมีไม่มากนัก นางจะรับซื้อและขายสมุนไพรไปด้วยเพื่อเป็นการสะดวกในการเปิดร้านใหม่ ราคาสมุนไพรนางก็รู้ดีว่าโรงหมอขายอย่างไร นางเองก็จ
“ขอรับคุณหนู ข้าจะทำบัญชีรายจ่ายมาให้คุณหนูดูเสียก่อนที่จะออกไปดูที่ดินรอบ ๆ เมืองนะขอรับ”“ได้สิ ขอบใจเจ้ามาก เจ้าไปทำงานเถอะ มีอันใดสงสัยค่อยมาถามข้าอีกที”“ขอรับคุณหนู เช่นนั้นข้าขอตัวก่อนขอรับ” หลังพูดคุยกับต้าเจียงรู้เรื่องแล้วหนิงชิงก็ค่อยสบายใจขึ้นหน่อย นางเห็นว่าต้าเจียงอายุมากที่สุดในหมู่บ่าวไพร่และเคยอยู่ในจวนใหญ่มาก่อน นางจึงอยากให้โอกาสเขาในการทำงานเพิ่มมากขึ้น เพราะหนิงชิงไม่คิดที่จะมีร้านเพียงร้านเดียว นางอยากขยายกิจการของนางให้ครอบคลุมทั่วทั้งแคว้นสำหรับร้านขายของแปลกของนาง เวลาที่นางคิดสิ่งใดได้ นางก็จะได้ส่งคำสั่งให้แต่ละสาขาผลิตออกมานั่นเอง แต่กว่าที่นางจะขยายสาขาได้นางจะต้องจัดการเรื่องของน้องสาวให้เสร็จสิ้นเสียก่อน ต้าเจียงนั่งเขียนบัญชีค่าใช้จ่ายที่เขาประมาณเอาไว้ ที่ดินที่จะปลูกสมุนไพรหากว่าใช้คนห้าคนในการดูแลเขาจะซื้อประมาณ 10 หมู่เท่านั้นเพื่อการดูแลอย่างทั่วถึง เขาเคย
หลังจากตรวจสอบสภาพงานที่ทุกคนทำแล้วหนิงชิงเห็นว่าไม่มีอันใดต้องแก้ไข นางให้น้องสาวเขียนป้ายติดหน้าร้านเรื่องราคารับซื้อสมุนไพรและราคาขายสมุนไพรให้ชัดเจน เพื่อที่คนผ่านไปมาจะได้ส่งข่าวบอกกันได้และเป็นมาตรฐานราคาของร้านค้านั่นเอง หากสมุนไพรที่มีราคาแพงให้นางไม่ต้องเขียนลงไป เพียงแต่บอกว่าราคายุติธรรมเท่านั้นก็พอ เพราะไม่สามารถกำหนดราคาสมุนไพรหายากได้ง่าย ๆ ไม่ว่าจะเป็นที่โรงหมอหรือที่เมืองอื่นก็ไม่มีใครกำหนดราคาซื้อขายเหมือนร้านของน้องสาวนางด้วยนั่นเอง ทำให้หนิงชิงคิดเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นการโปรโมทร้านค้า ส่วนต้าเจียงที่มีงานมากขึ้นก็ให้ลูกชายช่วยทำบัญชีร้านค้าแทนตนเอง เขาสอนลูกไว้นานแล้วเรื่องทำบัญชีเพียงแต่ยังไม่เคยให้ลูกชายลองทำดู ในเมื่อตอนนี้เขาไม่ว่างก็คงต้องให้ลูกชายทดลองทำแล้วให้คุณหนูใหญ่มาดูทีหลัง ต้าเจียงไปรับเสี่ยวเจียงแต่เช้า ทางเสี่ยวเจียงที่ยังทำโฉนดไม่เสร็จบอกให้ต้าเจียงรอก่อน
หนิงชิงให้ต้าเจียงไปหาช่างทำรั้วที่ที่ดินใหม่ของนางให้มีรั้วรอบขอบชิด ไม่เช่นนั้นชาวบ้านจะมาเก็บสมุนไพรในสวนของนางไปขายเสียแทน นางยังให้ทำประตูสวนอย่างดีเพื่อให้เกวียนหรือรถม้าเข้าออกได้ด้วย รวมทั้งเรือนนอนของบ่าวทั้งห้าพร้อมสุขาที่นางร่างแบบเอาไว้ให้ต้าเจียงเมื่อคืนนี้ ตั้งแต่นางมาที่นี่นางยังไม่เคยปรับปรุงสุขาของร้านเลย มีเพียงแต่ทำที่เมืองเดิมเท่านั้น แต่หนิงชิงเห็นว่าสุขาที่นี่ก็เป็นสัดส่วนดีอยู่แล้วนางจึงไม่คิดทำให้ยุ่งยาก อย่างไรอนาคตพวกนางก็ต้องย้ายถิ่นฐานกันอีกเพื่อขยายกิจการของตนเองออกไป ตอนนี้ใกล้สิ้นปีแล้วพวกนางยังไม่ได้กลับไปเยี่ยมท่านตาท่านยายเลย ใช่ว่าพวกนางไม่คิดถึง เพียงแต่ช่วงนี้พวกนางยุ่งกันมาก ไหนจะร้านค้าของหนิงกุ้ยเพิ่งจะเปิดอีก คงอีกหลายปีกว่าที่พวกเขาจะได้กลับไป นางไม่รู้ว่าป่านนี้เครื่องปรุงที่นางให้ท่านป้าไว้หมดหรือยัง เอาไว้นางจะให้ต้าเจียงกับพี่ชายเสี่ยวเจียงกลับไปส่งให้ท่านป้าสักหลายวัน รอให้ทุกอย่างที่นี่เรียบร้อยดีเสียก่อน&nb
หลังจากหลานชิงเหลียนได้ยินที่เจียงเฉิงพูดแล้วก็บีบน้ำตาออกมาก่อนจะเอ่ยตัดพ้อเขา“เหตุใดท่านแม่ทัพถึงได้ดูถูกข้าล่ะเจ้าคะ อีกอย่างข้ายังสระสวยกว่านังแม่ค้านี่ตั้งมากมาย ข้าจะไม่เหมาะสมกับท่านได้อย่างไร ฮึก…ฮือ”“เจ้าไม่ต้องมาบีบน้ำตาให้ข้า ที่เมืองหลวงข้าเจอมารยาสาไถของผู้หญิงมาเยอะแล้ว อย่างเจ้าเทียบกับพวกนางยังห่างไกลนัก ไปเล่นละครให้พ่อเจ้าดูคนเดียวเถอะ แล้วถ้าเจ้าเสร็จธุระแล้วก็รีบไปจากร้านนี้เสีย หากข้ารู้ว่าเจ้าพาคนมารังแกนางอีกล่ะก็ ข้าจะขอให้ฝ่าบาทปลดพ่อเจ้าออกจากตำแหน่งเสีย ไป!!!” หลานชิงเหลียนที่กำลังบีบน้ำตาได้แต่กัดฟันอย่างอับอายขายขี้หน้าคนในร้านและคนที่มามุงดูเรื่องสนุก ๆ พวกเขาได้แต่หัวเราะนางที่ถูกท่านแม่ทัพใหญ่ไล่กลับไปอย่างกับหมูกับหมา อีกอย่างนางต้องรีบไปบอกพ่อนางเรื่องที่แม่ทัพใหญ่จะถวายฎีกา หากถูกลงโทษจริง ๆ นางคงเป็นคนบาปของครอบครัวแน่ ๆ &
บรรดาบ่าวของหนิงชิงที่รู้ข่าวการมาอาละวาดของหลานชิงเหลียนก็ได้แต่พากันมาดูว่าคุณหนูใหญ่เป็นอันใดไปหรือไม่ พอรู้ว่านางสบายดีก็ต่างกลับไปทำงานกัน ส่วนต้าเจียงไปควบคุมการก่อสร้างที่สวนให้หนิงชิงอยู่จึงยังไม่รู้ข่าว เขากินข้าวเช้าเสร็จแล้วก็ไปรอคนงานที่จะมาก่อสร้างที่สวนก่อนหน้านี้นานแล้ว บ่าวคนใหม่ที่มาช่วยงานที่ร้านอาหารต่างตกตะลึงที่เจ้านายของพวกเขามีแม่ทัพใหญ่หนุนหลังอยู่ ถึงว่าร้านนี้คนเข้าไม่ขาดสาย ไม่รวมว่าอาหารอร่อยและราคาถูก แต่เพราะมีแม่ทัพใหญ่คอยมาเทียวไล้เทียวขื่อมากกว่าที่คนอยากมาดูกัน เสี่ยวชุ่ยบอกให้หนิงชิงหาโอกาสขอบคุณท่านแม่ทัพใหญ่ดี ๆ ไม่ใช่พูดแบบขอไปทีเหมือนวันนี้ นางยังบอกลูกสาวให้ทำอาหารไปให้เขากินที่ค่ายทหารในมื้อเที่ยงนี้อีกด้วย จนหนิงชิงได้แต่โอดครวญว่านางเป็นเพียงแม่ค้าชาวบ้าน จะเข้าไปในค่ายทหารได้อย่างไรเล่าหากไม่มีธุระ แต่เสี่ยวชุ่ยไม่เชื่อว่าหากลูกสาวนางไปแล้ว เจี
สัปดาห์นี้ทั้งสัปดาห์ เจียงเฉิงมากินข้าวที่ร้านอาหารเช้าทุกวัน เขาไม่ได้พูดอะไรกับหนิงชิงมากมายนัก เพียงมากินแล้วนั่งมองนางแล้วก็กลับไปเท่านั้น ด้วยเจียงเฉิงกลัวว่าจะมีคนมาก่อกวนนางอีกเขาจึงต้องตื่นแต่เช้ามากินข้าวที่นี่เพื่อระวังให้นาง หนิงชิงเองก็รู้ว่าเหตุใดเขาจึงทำเช่นนี้ นางนึกขอบคุณเขาอยู่ในใจที่เขาเอาใจใส่นางเป็นอย่างดี นางเห็นว่าเขาเองก็ไม่เลวร้ายเท่าใดนัก นอกจากการพูดจาขวานผ่าซากเท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้นางก็ไม่ได้คิดมากอันใด ดีเสียอีกที่เขาพูดอะไรตรง ๆ ไม่ต้องให้นางมานั่งคิดมากว่าเขาคิดอะไรอยู่ ส่วนต้าเจียงที่ได้รับมอบหมายงานให้ดูแลเรื่องการสร้างสวนก็ดูแลช่างจนสร้างเสร็จตามกำหนดการที่วางเอาไว้แล้ว เขารายงานคุณหนูและพาคนสวนทั้งห้าไปที่สวนใหม่ที่สร้างเสร็จแล้ว ต้าเจียงยังจ่ายเงินให้กับกุ้ยจงยี่สิบตำลึงเผื่อว่าต้องใช้ทำสิ่งใดบ้าง ส่วนสิ่งของที่ต้องใช้ในสวนนั้นเขาก็พากุ้ยจงไปซื้อให้คร
เสี่ยวเจียงฟังแล้วก็ได้แต่แนะนำเมืองต่าง ๆ ที่อยู่ไม่ไกลนักให้กับสองพ่อลูกที่จะเดินทางไปดูทำเล มีเมืองสือที่ส่วนใหญ่เป็นคหบดีใหญ่หลายคนอาศัยอยู่เพราะอยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวงนัก ห่างจากเมืองกังประมาณสามวันหากใช้รถม้า เสี่ยวเจียงเล่าถึงเมืองนี้ว่าเป็นเมืองมณฑลใหญ่ คนจึงมีจำนวนมาก ตอนที่เขาไปสอบมณฑล เขาก็ไปสอบที่มณฑลนี้นี่แหละ หนิงชิงกับพ่อฟังแล้วก็ได้แต่ดีใจที่เมืองกังอยู่ไม่ไกลจากเมืองมณฑลนัก หากพวกเขาได้ทำเลที่นั่นแล้วก็น่าจะเปิดร้านขายของแปลกได้เป็นแน่ เพียงแต่ว่าเขาจะให้ใครไปประจำที่สาขานั้นบ้างเท่านั้นเอง หากไปหาคนใหม่หนิงชิงก็ต้องสอนใหม่อีก นางอยากให้พวกพี่ชายแซ่เจิ้งเป็นหัวหน้าคนงานมากกว่าที่จะมานั่งทำเองแบบนี้ ในเมื่อพวกเขามีความสามารถด้านการทำสิ่งของได้ดีไม่ต่างจากนางกับพ่อมากนัก หนิงชิงคิดไปคิดมาแล้วก็ตัดสินใจที่จะบอกกับต้าเจียงเรื่องคนงานหากได้ทำเลใหม่แล้ว เพราะต้าเจียงเองก็
หลังอาหารเที่ยงทั้งสองก็เดินทางต่อไปจนกระทั่งใกล้ค่ำก็ยังไม่เห็นประตูเมือง หนิงชิงจึงให้พ่อหยุดพักนอนเสียก่อน การเดินทางตอนกลางคืนอันตรายไม่น้อย นางเลยไม่อยากเดินทางตอนกลางคืน หนิงกวานเห็นว่าลูกสาวรอบคอบก็ดีใจ เขาเองก็คิดเช่นเดียวกัน ทั้งสองคนจึงเข้าไปนอนในรถม้าอย่างสบายเหมือนที่ต้าเจียงบอกเอาไว้ไม่มีผิดว่าที่นั่งนุ่มมาก นอนก็สบายจริง ๆ รุ่งเช้าวันต่อมาทั้งสองคนไม่เสียเวลากินอาหารเช้า พวกเขาเดินทางไปกินเสบียงกรังไปด้วย เมื่อคืนม้าได้พักผ่อนเต็มที่มันจึงเร่งฝีเท้าได้ดีกว่าเมื่อวานมากโข ทำให้ก่อนเที่ยงทั้งสองคนก็มาถึงเมืองฮุ่ย หนิงชิงไม่อยากเสียเวลามาก นางจึงให้ชวนท่านพ่อทานอาหารเที่ยงแล้วเดินทางกันต่อไปยังเมืองสือเลย หนิงกวานนั้นไม่มีปัญหาหากลูกสาวต้องการเช่นนั้น เขาเองก็อยากรีบไปถึงเมืองสือเช่นเดียวกันจะได้รีบดูทำเลและรีบกลับบ้านไปหาภรรยารัก เขา
ก่อนวันแต่งงานหนึ่งวันหลังปิดร้านอาหารเช้าแล้ว ต้าเจียงพาเหล่าบ่าวแซ่เจิ้งมาทำความสะอาดและตกแต่งร้านให้เหมาะสมกับงานแต่งงานที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ โดยห้องหอจะอยู่ที่สุดทางของห้องอื่น เพราะห้องของหนิงกุ้ยนั้นติดกับห้องของหนิงชิง พวกเขาจึงกลัวว่าเสียงดังจะทำให้หนิงชิงตกใจเอาได้จึงได้เปลี่ยนห้องให้หนิงกุ้ย กว่าที่ทุกคนจะตกแต่งร้านด้วยสิ่งของสีแดงเสร็จก็เกือบเย็นแล้ว หนิงชิงมองดูผ้าสีแดงด้วยความรู้สึกแปลก ๆ หากตอนนางแต่งงานก็คงจะต้องมีแต่ของสีแดงเช่นนี้หมดสินะ งานแต่งนี้ไม่เหมือนยุคที่นางจากมาที่จะใส่ชุดอันใดก็ได้ รุ่งเช้าวันต่อมาร้านทั้งสามปิดทำการ ด้านหนิงกุ้ยเองถูกแม่ปลุกให้ตื่นมาอาบน้ำแต่งตัวตั้งแต่ยังไม่รุ่งสางด้วยซ้ำ ส่วนหนิงชิงนั้นปล่อยให้แม่ของนางกับแม่ของต้าเป่าช่วยกันจัดการหนิงกุ้ย เพราะนางเองก็ไม่รู้ว่าต้องแต่งตัวอย่างไร แต่งหน้าอย่างไรในยุคสมัยนี้
ฮุ่ยหลางได้รับจดหมายจากฮ่องเต้ในอีกห้าวันถัดมา เขารีบไปหาแม่สื่อเพื่อให้ไปคุยเรื่องงานแต่งงานของเขากับหนิงกุ้ยทันที โชคดีที่ฝ่าบาทอนุญาต แถมยังสั่งให้เขาอยู่คุ้มครองหนิงกุ้ยให้ดีด้วย ไม่จำเป็นต้องกลับเมืองหลวง เรื่องนี้ทำให้เขาดีใจมากที่จะได้อยู่กับภรรยาและดูแลนาง แม่สื่อได้รับค่าจ้างไม่น้อยจากฮุ่ยหลาง นางพาฮุ่ยหลางไปแลกเปลี่ยนวันเดือนปีเกิดตามธรรมเนียม รวมทั้งของหมั้นที่ฮุ่ยหลางแอบซื้อเอาไว้ก่อนหน้านี้ เขาเป็นองครักษ์มาตั้งแต่เด็กทำให้มีเงินสะสมไม่น้อย จึงสามารถจัดการเรื่องพวกนี้เองได้ พ่อแม่ของหนิงกุ้ยพอเห็นของหมั้นก็ได้แต่ตกตะลึง พวกเขาไม่คิดว่าเขยแต่งเข้าของบ้านพวกเขาจะมีเงินมากมายขนาดนี้ เฉพาะตั๋วแลกเงินที่ให้มาก็เป็นพันตำลึงแล้ว ไหนจะผ้าไหมชั้นดีพร้อมเครื่องประดับอีกเล่า มูลค่าสิ่งของหมั้นนับว่าไม่น้อยเลยทีเดียว พวกเขาส่งวันเดือนปีเกิดของหนิงกุ้ยให้กับแม่สื่อตามธรรมเนียมแล้วจ
หนิงชิงนั่งเขียนจดหมายบอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้เจียงเฉิงรู้ นางไม่รู้ว่าที่เมืองหูกุ้ยมีพันธมิตรของตระกูลเจียงหรือไม่ นางอยากให้พวกเขาช่วยดูแลคนงานในร้านของนางด้วย เนื่องจากนางไม่รู้จักใครที่เมืองหูกุ้ยเลย หากเกิดสิ่งใดขึ้นกับคนของนางนางคงรู้สึกผิดเป็นแน่ เมื่อเขียนจดหมายเสร็จแล้วหนิงชิงก็รอทหารที่มักจะมาถามหาจดหมายจากนางในช่วงบ่ายของวันอยู่เป็นประจำ และไม่นานก็มีทหารมาจริง ๆ หนิงชิงจึงยื่นจดหมายให้กับเขา ตอนนี้ร้านข้าวเช้าปิดไปนานแล้ว หนิงชิงไม่รู้ตัวเลยว่าตนเองใช้เวลาเขียนจดหมายนานมากถึงขนาดนี้ อาหารเที่ยงนางก็ลืมออกมากินเสียด้วยซ้ำ เป็นปกติที่แม่ของนางจะไม่มาเรียกเผื่อว่านางกำลังออกแบบงานอยู่จะเสียสมาธิได้ เรื่องนี้ทุกคนต่างรู้กันมานานหลายปีแล้ว ทหารที่มาส่งจดหมายและรับจดหมายเห็นหนิงชิงอยู่เสียที เขาส่งจดหมายที่แม่ทัพใหญ่เขียนมาให้นางก่อนที่จะรับจดหมายจากนางเพื่อนำไปส่งให้กับแม่ทัพใหญ่ที่เ
หลังจากหนิงชิงจากไปแล้ว ก้านลู่ก็ช่วยกันดูแลหน้าร้านเพราะคุณหนูใหญ่สั่งว่าสิ่งของพวกนี้เป็นตัวอย่าง หากลูกค้าอยากได้ก็ให้สั่งเอาไว้ก่อนพร้อมกับวางมัดจำแล้วค่อยสั่งให้คนงานสร้างออกมา นี่เป็นเทคนิคที่จะไม่ทำให้ทุนจมของหนิงชิง นางสร้างสิ่งของเยอะก็จริง แต่ก็ไม่ได้สร้างออกมาจำนวนมากนอกจากจะมีคนมาสั่งซื้อ ที่เมืองสือมีคนซื้อมากก็เพราะนางทำเช่นนี้เช่นเดียวกัน เรื่องประโยชน์ใช้สอยสิ่งของต่าง ๆ เจิ้งหงกับเจิ้งหย่งก็อธิบายให้หูอ้าย หูกวนและก้านลู่ฟังแล้วก่อนที่จะนำออกมาหน้าร้าน พวกเขาจึงไม่กังวลว่าทั้งสามคนจะดูแลหน้าร้านไม่ได้ หากสงสัยสิ่งใดก็สามารถเข้าไปสอบถามพวกเขาให้มาสาธิตวิธีการใช้งานให้ได้เช่นกัน อย่างไรคุณหนูก็ฝากสาขานี้เอาไว้กับพวกเขา อย่างไรพวกเขาต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุดอยู่แล้ว ด้านหนิงชิงกับต้าเจียงกว่าที่จะเดินทางถึงเมืองกังก็ใช้เวลาเก้าวันเช่นเคย พวกนางมาถึงเมืองกังก็เป็นช่วงบ่ายแล้วเช่นเดียวกับตอนไปที่เมืองหูกุ้ย นับว่าการเดินทางค
หลังจากกินอาหารและทาสใหม่เปลี่ยนชุดกันหมดแล้ว หนิงชิงก็เรียกพวกเขามาคุยกัน“ตอนนี้พวกเจ้าเป็นคนของข้าแล้ว ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะซื่อสัตย์และตั้งใจทำงาน หากใครทำงานดีก็จะได้เงินดีด้วยเช่นกัน ถึงแม้พวกเจ้าจะเป็นทาส แต่บ่าวทุกคนที่อยู่กับข้าก็ได้รับเงินเดือนไม่น้อยเลยสักคนเดียว หากไม่เชื่อพวกเจ้าค่อยลองสอบถามกับเจิ้งหงหรือเจิ้งหย่งก็ได้ ที่สาขานี้จะมีทั้งสองคนคอยดูแลงานแทนข้า ส่วนพ่อบ้านใหญ่อย่างต้าเจียงจะมาตรวจสอบบัญชีทุก ๆ หนึ่งเดือนและจ่ายค่าจ้างให้พวกเจ้า พวกเจ้าเข้าใจหรือไม่”“พวกเราเข้าใจขอรับ” คนทั้งแปดตอบเสียงดังฟังชัด พวกเขาไม่คิดว่าจะโชคดีได้รับใช้ครอบครัวที่ดีเช่นนี้ ตั้งแต่เป็นทาสมาพวกเขาไม่เคยได้เงินเดือนเลยแม้สักครั้งเดียวในชีวิต ตอนนี้พวกเขามีนายที่ดี มีหรือที่จะคิดเป็นอื่น“พวกเจ้าเข้าใจก็ดีแล้ว ทั้งห้าคนที่ทำงานไม้ต้องเรียนรู้และทำงานกับเจิ้งหย่
หลังอาหารเย็นไม่นานนัก ต้าเจียงก็กลับมาถึงร้านค้าพร้อมโฉนดที่ดิน นับว่าเจ้าหน้าที่ทำงานได้รวดเร็วจริง ๆ หนิงชิงให้ต้าเจียงกินข้าวเสียก่อนแล้วค่อยคุยกัน เขาจึงนั่งลงกินข้าวที่เจิ้งหงกับเจิ้งหย่งเหลือเอาไว้ให้ไม่น้อย หนิงชิงคุยกับเจิ้งหงและเจิ้งหย่งเรื่องที่นางจะให้พวกเขาประจำการที่สาขานี้ นางไม่รู้ว่าพวกเขาจะเต็มใจหรือไม่“ได้ขอรับคุณหนู พวกเราจะอยู่ดูแลคนงานที่สาขานี้ให้ขอรับ อย่างไรร้านที่เมืองกังก็มีงานไม่มากนัก พวกเราน่าจะช่วยทางนี้ได้มากกว่าขอรับ”“ขอบใจพวกเจ้ามากนะที่ช่วยกันทำงานและศึกษางานใหม่ ๆ กันมาตลอด ที่นี่ห่างไกลจากเมืองกังไม่น้อย หากต้าเจียงต้องมาตรวจงานก็คงต้องพึ่งพวกเจ้าให้ควบคุมคนงานใหม่ที่ข้าจะซื้อมาให้พวกเจ้าเสียก่อนล่ะนะ”“คุณหนูใหญ่ไม่ต้องกังวลขอรับ พวกเราจะทำงานและดูแลร้านนี้ให้ดีอย่างแน่นอนขอรับ” หนิงชิงค่อยพรูลมหาย
บ่าวทั้งสามฟังที่หนิงชิงพูดแล้วก็ได้แต่นึกขอบคุณนางที่ทำทุกสิ่งเพื่อพวกเขา พวกเขายิ่งเคารพนางมากยิ่งขึ้น หากคุณหนูใหญ่ให้ทำสิ่งใด แน่นอนว่าพวกเขาจะไม่ขัดคำสั่ง กว่าที่หนิงชิงกับพวกจะเดินทางถึงมณฑลหูกุ้ยก็เป็นช่วงบ่ายของวันที่เก้าในการเดินทางแล้ว เนื่องจากระยะทางไกลไม่น้อย รวมทั้งพวกเขาไม่รู้ทางไปที่เมืองหูกุ้ยจึงได้สอบถามคนมาตลอดทางกระทั่งมาถึงได้เสียที ต้าเจียงขับรถม้าพาทุกคนเข้าไปในเมืองอย่างช้า ๆ หนิงชิงสั่งให้ต้าเจียงไปที่ที่ว่าการมณฑลเลยเพื่อหาร้านทันที คืนนี้พวกนางจะได้หาที่พักก่อนหากยังซื้อขายไม่ได้ ต้าเจียงสอบถามคนไปจนถึงที่ว่าการ เขาลงจากรถม้าเพื่อติดต่อเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่ซื้อขายร้านค้าภายในเมือง ไม่นานนักเจ้าหน้าที่ก็ออกมาคุยกับเขา“คารวะท่านเจ้าหน้าที่ขอรับ ข้าเป็นพ่อบ้านตระกูลหนิง มาติดต่อขอซื้อร้านว่างที่เมืองนี
เมื่อตกลงเรื่องการเดินทางกับพ่อแม่ได้แล้ว หนิงชิงก็ขอบคุณพี่ชายเสี่ยวเจียงที่มาเป็นธุระให้นางอีกครั้ง พวกเขาแยกกันหลังจากทานอาหารเสร็จต่างคนต่างไปพักผ่อน ส่วนหนิงชิงยังต้องจัดเตรียมของสำหรับการเดินทางไกลในครั้งนี้ นางจะต้องเอาเงินไปเพิ่มสักสองหมื่นตำลึง เพราะไปเมืองสือครั้งนี้นางหมดเงินไปหลายพันตำลึง จึงต้องหาเงินไปเผื่อเอาไว้สำหรับการจัดตั้งร้านสาขาใหม่ของนาง หนิงชิงนึกถึงพวกพี่ชายเจิ้ง นางจะให้พี่ชายเจิ้งหงกับพี่ชายเจิ้งหย่งไปด้วยในคราวเดียว รอพรุ่งนี้ออกเดินทางสายหน่อยก็คงไม่เป็นไร อย่างไรนางก็ต้องกินข้าวเช้าก่อนอยู่ดี รุ่งเช้าวันต่อมาหนิงชิงมองหนิงกุ้ยกับชายร่างใหญ่ที่ช่วยกันทำอาหารอย่างแปลกใจ เอาไว้นางกลับมาค่อยสอบถามน้องสาวก็ยังไม่สาย หนิงชิงสั่งต้าเจียงให้พาเจิ้งหงกับเจิ้งหย่งไปด้วยเลย ให้พวกเขาเก็บเสื้อผ้าหลังอาหารเช้าให้เรียบร้อยเพื่อไปประจำที่สาขาใหม่เหมือนตอนที่พวกเขาไปสอนคนที่เมืองสือ ต้าเจียงรับคำสั่งคุณหนูใหญ่
รุ่งเช้าหลังอาหารวันต่อมา หนิงชิง หนิงกวานและเสี่ยวชุ่ยไปส่งหนิงหยางที่โรงเรียนใหม่ของเขา พวกนางซื้อเสื้อผ้าเพิ่มให้กับหนิงหยางอีกนับสิบตัวตั้งแต่เมื่อวานนี้ เพราะหนึ่งปีนี้เขาจะได้ตั้งใจทบทวนตำรา ไม่ต้องห่วงเรื่องเสื้อผ้าหรืออาหารการกินใด ๆ หนิงชิงยังให้เงินเขาเอาไว้อีกห้าร้อยตำลึงนอกจากเงินสามสิบตำลึงที่เขาจะจ่ายให้กับโรงเรียน นางเห็นว่าน้องชายโตแล้วสามารถพิจารณาได้เองว่าสิ่งใดจำเป็นต้องซื้อ หากเป็นครอบครัวทั่วไปเงินห้าร้อยตำลึงสามารถอยู่ได้ไปจนตลอดชีวิต แต่หนิงชิงนึกถึงราคาหนังสือของหนิงหยางที่เจียงเฉิงเคยพานางไปซื้อ นางจึงให้เงินเผื่อเอาไว้กับน้องชายและสั่งว่าถ้าเงินหมดให้ไปรับที่ร้านแล้วส่งจดหมายมาบอกนาง นางจะชดเชยเงินให้ทางร้านเอง หนิงหยางรับฟังพี่สาวเขา เขาไม่เคยจากครอบครัวไปไหนจึงได้แต่น้ำตารื้น ถึงจะบอกว่าเขาโตแล้วก็เถอะ แต่เขาเป็นน้องชายคนเล็กของบ้านอยู่ดี เขาจึงรู้สึกโหวงเหวงไม่น้อยที่จะต้องจากกับครอบครัว หนิงชิง