Home / รักโบราณ / หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง / บทที่ 38 ถึงจะอ้วนอัปลักษณ์แต่ก็เป็นภรรยาของข้า

Share

บทที่ 38 ถึงจะอ้วนอัปลักษณ์แต่ก็เป็นภรรยาของข้า

Author: ฮวาฮวาน่งหยวี่
"อ๊าาาาาาา! ช่วยข้าด้วย ข้ายังไม่อยากตาย! ในขณะที่คมมีดพุ่งลงมานั้น เหลียงปินก็หวาดกลัวจนร้องลั่น ลูกตาถลน น้ำหูน้ำตาไหล กลั้นปัสสาวะอุจจาระเอาไว้ไม่อยู่

ดวงตาของถูซินเยว่ฉายแววดูถูกเหยียดหยาม แต่เธอไม่คาดคิดว่าเหลียงปินจะหวาดกลัวถึงเพียงนี้ เธอขยับข้อมือ มีดเล่มน้อยนั้นก็เฉียดลำคอของเหลียงปินไปแทงเข้าที่พื้นดินข้าง ๆ

เหลียงปินตกใจมากจนแทบสิ้นสติ ร่างกระตุก พูดไม่ออก สติสัมปชัญญะของเขาหลุดออกจากร่างไปแล้ว ไม่รู้เลยว่าถูกคมมีดของถูซินเยว่แทงเข้ามาที่ตัวเองหรือไม่กันแน่

ในเวลานี้ ถูหมิงซวนกลอกตาเป็นลมล้มพับเข้าใส่อ้อมแขนของถูชิวหลานไปแล้ว

ถูซานรีบเดินเข้าไปดูเหลียงปิน หลังจากพบว่าเหลียงปินไม่ได้ถูกแทง ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาเงยหน้าขึ้นและมองถูซินเยว่อย่างตำหนิ กัดฟันถามขึ้นว่า "ซินเยว่ ทำไมเจ้าถึงทำตัวไร้สาระเช่นนี้? นี่มันชีวิตคน หากเหลียงปินเป็นอะไรขึ้นมา เจ้าต้องไปกินข้าวคุกเชียวนะ!"

ถูซินเยว่เลิกคิ้ว ก่อนที่จะได้พูดอะไร ถูชิวหลานก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา เมื่อเห็นอาการบาดเจ็บของเหลียงปิน ก็ชี้หน้าถูซินเยว่และสาปแช่งด้วยความโกรธ "นังอ้วนอัปลักษณ์ เจ้าบ้าไปแล้วหรือไง? นี่มันพี่เ
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 39 เราเป็นพันธมิตรกันไง

    หากถูชิวหลานไม่พูดขึ้นมา คนอื่นก็ยังไม่รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ พอได้ยินนางพูดเช่นนี้ ทุกคนก็สังเกตเห็นทันทีถูซินเยว่เคยเป็นคนสติไม่ดีที่พูดจาไม่ชัดถ้อยชัดคำ เดี๋ยวร้องไห้เดี๋ยวหัวเราะ ตอนนี้ไม่เพียงแต่ชัดถ้อยชัดคำ ทั้งยังพูดได้เฉลียวฉลาดอีกด้วย“ซินเยว่หายสติไม่ดีมาตั้งนานแล้ว ครั้งก่อนข้าเจอนางที่ตลาดในอำเภอ นางก็พูดจาได้คล่องแคล่วแล้ว" ถูหมิงซวนกัดฟัน ฉายแววโมโหในน้ำเสียง พูดขึ้นว่า "เมื่อครู่ นางต้องจงใจแกล้งบ้ามาเล่นตลกกับพวกเราแน่ ๆ นี่มันเกินไปจริง ๆ ทุบตีเหลียงปินจนเป็นสภาพนี้ ยังเป็นคนอยู่อีกหรือ?"พูดจบ นางก็ซับน้ำตาความรู้สึกผิดแวบขึ้นมาในดวงตาของนางหลิน นางแอบสบตากับถูซานและพยักหน้าให้อีกฝ่ายเงียบ ๆ ถูซานเข้าใจได้ทันทีว่าลูกสาวของตนไม่ได้สติไม่ดีอีกต่อไปแล้ว ก็รู้สึกดีใจขึ้นมาทันที แต่เมื่อเห็นสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้า ก็ต้องกลั้นรอยยิ้มบนใบหน้าเอาไว้อันที่จริง เขารู้สึกสะใจที่ซินเยว่ลงมือเมื่อครู่ไม่ใช่ว่าถูซานไม่รู้เรื่องชั่ว ๆ ที่ตระกูลเหลียงทำ แต่ในเมื่อเรื่องราวมาถึงขั้นนี้ ทั้งยังเห็นดีเห็นงามโดยท่านพ่อท่านแม่ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถพูดอะไรได้ซินเยว่ทุบตีเหลียง

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 40 เจ้าเสือจอมดุร้าย

    "รับผิดชอบ? เจ้าจะให้ข้ารับผิดชอบยังไง?"ถูซินเยว่แสร้งถามขึ้นอย่างสงสัย“ง่ายมาก เท้าของข้าได้รับบาดเจ็บ เจ้าก็แค่ชดใช้ค่ายามาให้ข้า" ซูเฟิ่งอี๋แบมือใส่เธอนางหยูที่ยืนอยู่ข้างๆ อดไม่ได้ที่จะกัดริมฝีปากแล้วพูดว่า "บ้านข้ามีเงินที่ไหนกัน พี่ใหญ่ ตอนนี้พวกข้าไม่มีเงินจริง ๆ เจ้าปล่อยพวกข้าไปเถอะ"“อย่ามาโกหกข้า ตระกูลถูให้เงินเจ้ามาสิบตำลึงไม่ใช่หรือ ข้าไม่ได้ต้องการอะไรมาก พวกเจ้าให้ข้าแค่ห้าตำลึงก็พอ"ซูเฟิ่งอี๋กล่าวอย่างไร้ยางอายเมื่อนางหยูได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย ก็ริมฝีปากซีดเผือด เมื่อวานนี้ซูจื่อหังได้บอกนางแล้วว่าตอนนี้เหลือเงินอยู่เท่าไหร่ เงินเพียงเท่านั้น คงไม่พอสำหรับค่าใช้จ่ายสามเดือนด้วยซ้ำตอนนี้พวกเขาถูกตระกูลซูขับไล่ออกมาแล้ว ต้องอาศัยเงินเพียงเล็กน้อยแค่นี้ แล้วซูเฟิ่งอี๋ยังจะมาอยากได้อีก นี่มันเลวเกินไปจริง ๆ หากถูกนางเอาเงินห้าตำลึงนี้ไปจริง ๆ ครอบครัวของพวกเขาสามคนจะยังมีชีวิตอยู่กันได้อย่างไร? คงต้องกินลมแทนข้าวจนอดตายกันทั้งบ้านแน่!เมื่อนึกได้เช่นนี้ นางหยูที่อ่อนแอมาโดยตลอดก็เสียงแข็ง ปฏิเสธขึ้นว่า "ไม่ได้ จะให้เงินเจ้าไม่ได้"ถูซินเยว่และซูจื่อหังซึ่งยืน

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 41 ร่วมมือกันสร้างข่าวลือ

    เมื่อเห็นคนทั้งสองหนีไป ถูซินเยว่ซึ่งยืนอยู่ที่ประตูด้วยสีหน้าดุร้ายก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาเธอหันศีรษะและมองไปที่ซูจื่อหังและนางหยู กระพริบตาปริบ ๆ เลิกคิ้วแล้วพูดว่า "ข้าเก่งเปล่า?"วินาทีที่แล้วยังดุร้ายราวกับปีศาจจากนรกอเวจี วินาทีต่อมากลับกลายเป็นหญิงสาวข้างบ้านที่น่ารักมีชีวิตชีวาซูจื่อหังพยักหน้า ในที่สุดก็อดยิ้มขึ้นมาไม่ได้ ยกนิ้วโป้งให้อีกฝ่ายนางหยูรู้สึกหวาดกลัวกับความแข็งแกร่งของถูซินเยว่มากเสียจนพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียวนับตั้งแต่นางแต่งงานเข้ามาที่ตระกูลซู ไม่มีวันไหนที่เธอไม่ถูกพี่สามีคนนี้รังแกอาจกล่าวได้ว่านางหยูมีความกลัวซูเฟิ่งอี๋อยู่ในจิตใต้สำนึกไปแล้วแต่คนที่เธอกลัวมากที่สุดกลับคุกเข่าลงและร้องขอความเมตตาจากถูซินเยว่เมื่อนึกถึงท่าทางราวกับสุนัขจนตรอกของซูเฟิ่งอี๋นั้น นางหยูก็รู้สึกเหลือเชื่อภรรยาที่กล้าหาญชาญชัยขนาดนี้ ขอมาเป็นสะใภ้ไม่รู้ว่าผิดหรือถูกกันแน่ทันทีที่ความคิดนี้เข้ามาในหัว ถูซินเยว่ก็จับมือนางขึ้นมา ยิ้มแล้วพูดว่า "ได้รับบทเรียนวันนี้ไป ต่อไปต่อให้ข้าและท่านพี่ซูไม่อยู่บ้าน ท่านป้าตัวดีนั่นก็ไม่กล้ามารังแกท่านแม่แล้ว ข้ากับท่านพี่ซูก็จะ

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 42 กางเกงชั้นในของซูจื่อหัง

    มองอะไรกัน? ไม่เคยเห็นหญิงอ้วนอัปลักษณ์ซักเสื้อผ้าหรือ?ถูซินเยว่งุนงงพวกนางไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น จึงเอาแต่จ้องมองตนด้วยความงุนงง เมื่อเช้านี้นางขุดดินอยู่ในมิติมาครึ่งค่อนวัน หลังจากนำเมล็ดทั้งหมดไปปลูกแล้ว ก็ลุกขึ้นนำเสื้อผ้ามาซักมือของนางหยูใช้งานได้ไม่สะดวก ให้ชายชาตรีอย่างซูจื่อหังมาซักผ้ากับพวกผู้หญิงก็คงไม่เหมาะ ถูซินเยว่จึงอาสานำผ้าออกมาซักยิ่งไปกว่านั้น พรุ่งนี้ซูจื่อหังก็ต้องไปเข้าเรียนที่สำนักบัณฑิตที่อำเภอแล้ว วันนี้เห็นอากาศดี ถูซินเยว่จึงนำเสื้อผ้าชุดเก่า ๆ ของเขาออกมาซักซูเฟิ่งอี๋หนีไปพอดี หินก้อนใหญ่ที่นางเพิ่งจะซักจึงทิ้งไว้ให้ถูซินเยว่ใช้งานต่อถูซินเยว่วางถังไว้ข้าง ๆ แล้วหยิบเสื้อผ้าออกมา ในหมู่บ้านโบราณไม่มีสบู่แต่มีสิ่งที่เรียกว่าผงถั่วสบู่ ถูซินเยว่ไปตลาดวันนั้นได้ซื้อมาติดไว้ วันนี้ได้ใช้ประโยชน์แล้วเธอทำอาหารไม่เป็นแต่ก็ยังซักเสื้อผ้าได้ หญิงสาวสวมเสื้อคลุมเข้ากับแผ่นหินแล้วออกแรงถู คนในพื้นที่ชนบทมักจะทำงานนอกบ้าน เสื้อผ้าไม่ค่อยสะอาด ถูซินเยว่ใช้สองมือขยี้รอยเปื้อนบนเสื้อผ้าหญิงสาวกำลังตั้งหน้าตั้งตาซักเสื้อผ้า ไม่ได้สังเกตแม้แต่น้อยว่าบรร

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 43 ถูกงูกัด

    ความประหลาดใจแวบขึ้นมาในดวงตาของนางหยู กำลังคิดในใจว่าที่แท้ซินเยว่ไม่เพียงแต่ตื่นแต่เช้าเอาผ้าออกไปซัก แต่ยังออกไปหาเก็บผักป่ากลับมาด้วย“ลำบากเจ้าแล้วจริง ๆ รีบมากินข้าวเถอะ ข้าจะเอาผักป่าไปล้างก่อน" แม้ว่ามือหนึ่งจะบาดเจ็บอยู่ แต่นางหยูเป็นคนที่อยู่เฉยไม่ได้ นางคิดว่าในเมื่อยังมีอีกมือหนึ่งทำงานได้ จึงอยากทำนู่นทำนี่เล็ก ๆ น้อย ๆ ในบ้านกำลังจะรับตะกร้าผักไป แต่ถูซินเยว่กลับพูดขึ้นว่า "ไม่ต้องล้างหรอก ข้าล้างมาเรียบร้อยแล้ว แล้วนี่ก็งูเห่าชั้นดีเลย เที่ยงนี้เรามีของดี ๆ กินกันแล้ว!"“อะไรนะ?” มือของนางหยูเพิ่งแตะตะกร้า เมื่อได้ยินเช่นนี้ เธอก็ตกใจและรีบถอยกลับด้วยสีหน้าหวาดกลัวถูซินเยว่อดยิ้มออกมาไม่ได้ พูดขึ้นว่า "ท่านแม่ ท่านไม่ต้องกลัว ข้าชำแหละงูตัวนี้เรียบร้อยแล้ว มันกัดใครอีกไม่ได้แล้ว"เธอลอกหนังออกไปแล้ว ตอนนี้จะกัดคนได้อย่างไรเมื่อเห็นท่าทางหวาดกลัวอย่างยิ่งของนางหยู ถูซินเยว่ก็อดหัวเราะไม่ได้ เธอวางถังไม้ลงบนพื้น จากนั้นเปิดฝาตะกร้าผักแล้วพูดว่า "ดูสิ ข้าจัดการมันไปเรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวเราเอามาทำเป็นน้ำแกง มันบำรุงไตหยินได้เป็นอย่างดีเชียว"นางหยูมองดูจากไกล ๆ เห็น

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 44 ความกระอักกระอ่วนที่เกิดจากกางเกงชั้นในตัวหนึ่ง

    ถูซินเยว่หน้าแดง แต่ซูจื่อหังกลับจ้องมองเธออย่างสงสัย เมื่อเห็นท่าทางที่ดูผิดปกติของหญิงสาว เขารู้สึกโดยสัญชาตญาณว่า ถูซินเยว่ต้องทำเรื่องอะไรไม่ดีอีกเป็นแน่“ในมือเจ้าถืออะไรอยู่ เอามาให้ข้าดูหน่อย" ซูจื่อหังเหลือบมองไปยังด้านหลังเธอ ถูซินเยว่รีบใช้ร่างอวบอ้วนแอบมันเอาไว้ ไม่ยอมให้ซูจื่อหังเห็นต้องบอกว่าร่างกายของถูซินเยว่อ้วนขนาดนี้ หากตั้งใจจะปกปิดจริง ๆ เธอก็สามารถทำได้เป็นอย่างดี ซูจื่อหังเหลือบมองดูเธอหลายครั้ง ก็ยังคงมองไม่เห็นว่ามือเธอถืออะไรอยู่“เจ้าซ่อนอะไรไว้กันแน่?" ชายหนุ่มหรี่ตาลงอย่างอันตราย ขมวดคิ้วแล้วถามขึ้นว่า “หากเจ้าไม่นำออกมา ข้าจะเข้าไปแย่งด้วยตัวเอง""ไม่ได้" ถูซินเยว่ส่ายหัว หูของเธอแดงเล็กน้อย พูดขึ้นอย่างหมดหนทาง "เจ้าอ่านหนังสืออยู่ในบ้านไม่ใช่หรือ? ทำไมอยู่ดี ๆ ก็วิ่งออกมาล่ะ? ข้าไม่ได้ทำอะไร ข้าก็ตากเสื้อผ้าอยู่ไงเล่า!"“ตากผ้า?” เห็นได้ชัดว่าซูจื่อหังไม่เชื่อ ตากผ้าแล้วทำไมต้องทำท่าหลบ ๆ ซ่อน ๆ แบบนี้ มันชัดเจนว่าเธอกำลังร้อนตัวอยู่ เขาอยากจะรู้นักว่าอีกฝ่ายทำอะไรอยู่กันแน่?ชายหนุ่มเหยียดแขนยาวออกมา เอื้อมไปด้านหลังของถูซินเยว่ พยายามจะฉกเอาของออ

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 45 ขึ้นภูเขาอีกครั้ง

    เมื่อตอนที่ซูจื่อหังยังอยู่ นางหยูไม่กล้าเอ่ยปาก เพราะนางรู้ดีว่าซูจื่อหังจะไม่เห็นด้วยเป็นแน่แต่ตอนนี้ซูจื่อหังไปสำนักบัณฑิตแล้ว นางหยูก็อดพูดขึ้นไม่ได้ ในบ้านก็ไม่ได้มีเงินมากเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่ละเดือนต้องมาเสียเงินไปแบบนี้ ทั้งครอบครัวก็จะเดือดร้อนเมื่อเห็นถูซินเยว่เงียบงัน นางหยูก็ตาแดงก่ำ พูดว่า "พวกเจ้าไม่บอกข้าก็รู้ มือที่พิการของข้านี้มันไม่มีทางรักษาให้หายได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะกินยาไปอีกทำไม เปลืองเงินไปเปล่า ๆ "หลังจากฟังคำพูดของนางหยู ถูซินเยว่ก็ขมวดคิ้ว จากนั้นจึงนั่งลงบนม้านั่งตัวเล็ก ส่ายหัวอย่างแน่วแน่แล้วพูดว่า "ไม่ได้"เมื่อเห็นว่าดวงตาของนางหยูแดงก่ำ ยืนเช็ดน้ำยาอยู่ข้าง ๆ ถูซินเยว่ก็ขมวดคิ้วพูดว่า "ครอบครัวไม่มีเงินก็จริงอยู่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีเงินจนไม่สามารถรักษาอาการเจ็บป่วยได้ อย่าคิดว่าหากซูจื่อหังอยู่แล้วจะไม่เห็นด้วย ต่อให้เขาไม่อยู่ ข้าก็ไม่เห็นด้วย"ถูซินเยว่พูดอย่างเด็ดขาด ไม่ให้นางหยูมีโอกาสปฏิเสธได้นางหยูชะงักไป จากนั้นก็ก้มหน้าถอนหายใจนางไม่ได้ต้องการทดสอบว่าถูซินเยว่มีความกตัญญูต่อนางหรือไม่ แต่นางแค่หวังว่าจะประหยัดเงินท

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 46 เจอเสือดุ

    ฉงเปาพูดอย่างดูถูก "ที่นี่คือป่าละเมาะ มีต้นพลับแล้วมันน่าแปลกใจตรงไหน แต่ว่าลูกพลับที่นี่เป็นลูกพลับเขียว รสชาติขมฝาด กินไม่ได้"ตอนถูซินเยว่ได้ยินสิ่งนี้ เธอก็เดินมาถึงใต้ต้นลูกพลับแล้ว เธอย่นจมูกอย่างกลุ้มใจ ถามขึ้นอย่างหดหู่ว่า "ไม่ใช่ม้าง ลูกพลับตั้งเยอะแยะขนาดนี้แต่กินไม่ได้?"น่าเสียดายแย่ตรงหน้านี้อย่างน้อยก็ต้องมีสักยี่สิบต้น กิ่งก้านของมันต่างก็มีลูกพลับออกผลอยู่ มองเข้าไปละลานตาเป็นอย่างมาก เธอชูมือขึ้นไปเด็ดลูกพลับมาหนึ่งลูก กัดเข้าไปหนึ่งคำอย่างดื้อดึง แต่ก็ต้อง "ถุย" ทิ้งทันที“ขมมาก!” ลิ้นเริ่มชาแทบทนไม่ได้ ถูซินเยว่ขมวดคิ้วอย่างห่อเหี่ยว แล้วหยิบกระบอกน้ำออกมากลั้วปากจากตะกร้า รู้สึกดีขึ้นมาไม่น้อยเดิมทีเธอคิดว่าลูกพลับมากมายขนาดนี้ หากเอาไปขายในตลาด ก็คงได้เงินมาบ้าง แต่ดูเหมือนตอนนี้จะฝันสลาย"ถ้าลูกพลับเหล่านี้กินได้ จะยังรอให้เจ้ามาเก็บอยู่อีกหรือ ถูกเด็ดไปนานแล้ว" ที่นี่ยังไม่ใช่ใจกลางหุบเขา ไม่ใช่ว่าจะไม่มีคนขึ้นมา ป่าลูกพลับใหญ่ขนาดนี้ ใครล่ะจะไม่อยากมาถูซินเยว่ที่ถูกฉงเป่าดูแคลนก็เกิดอาการไม่พอใจ เธอขมวดคิ้วอย่างจนปัญญา จู่ ๆ ก็คิดบางอย่างขึ้นมาได้ ถาม

Latest chapter

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 381 ช่างคล้ายคลึงนัก

    ทั้งคู่เดินถึงหน้าประตู ปะเหมาะเวลานี้ จวนแม่ทัพหลิ่วก็มีคนเดินออกมาเช่นกัน"คนนี้ก็คือใต้เท้าซูที่เจ้าชอบอย่างงั้นหรือ" ฮูหยินหลิ่วเหลียวมองบุตรีซึ่งอยู่ข้างกาย สื่อเป็นนัยให้อีกฝ่ายอย่าได้วู่วามทุกวันนี้คราใดที่หลิ่วโหรวโหรวเห็นถูซินเยว่กับซูจื่อหังเดินมาด้วยกัน ด้วยท่าทีรักใคร่ปรองดอง นางจะรู้สึกเดือดดาลในใจ ราวกับภูเขาไฟที่ใกล้ระเบิดกระนั้นนางทำเสียงฮึดฮัด "ถูซินเยว่มีวันนี้ได้ ก็เพราะอาศัยบารมีซูจื่อหัง แต่คอยดูไปเถิด หญิงบ้านนอกเช่นนาง ใหม่ ๆ ยังพอทำให้ซูจื่อหังพอใจได้บ้าง แต่พอนานวันเข้า ได้เห็นสาวงามในเมืองหลวงมากมาย ความรักของพวกเขายังมั่นคงเหมือนแต่ก่อนได้อีก ก็แสดงว่าผิดมนุษย์แล้ว"ฮูหยินหลิ่วแสดงท่าทีนิ่งเฉยแต่บุตรีพูดก็มีเหตุผล ผู้ชายในโลกนี้น้อยนักที่จะไม่คิดได้ใหม่ลืมเก่า ยกตัวอย่างเช่นสามีของนาง ในอดีตก็เคยให้คำมั่นสัญญา ว่าแม้เป็นหรือตายก็จะขอรักอดีตคนรักเพียงผู้เดียว แต่พอบ้านเขาประสบภาวะเดือดร้อน สุดท้ายก็มาเลือกแต่งงานกับตน จนบัดนี้ลืมหน้านังคนแพศยานั่นไปถึงไหนต่อไหนแล้วแสดงว่าความจริงใจของผู้ชายคือสิ่งที่ไร้ประโยชน์ปกติเสแสร้งทำเป็นรักมั่นจริงใจ แต่พอเอ

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 380 ลูกสาวจอมโง่เขลา

    หากซูจื่อหังไม่รังเกียจถูซินเยว่แล้วล่ะก็ งั้นต่อให้หลิ่วโหรวโหรววทุ่มเทแรงกายแรงใจมากแค่ไหนก็ตาม เกรงว่าก็คงไม่สามารถเข้าไปในจวนสกุลซูได้ดั่งใจปรารถนาหรอกแต่น่าขําที่ลูกสาวคนนี้ของนางกลับไม่รู้ต้นสายปลายเหตุของเรื่องนี้เลย รู้แต่ไปเหยียดหยามถูซินเยว่อย่างโง่เขลาเท่านั้นนี่ถ้าทําให้ถูซินเยว่อับอายต่อหน้าทุกคนก็ว่าไปอย่าง แต่นี่กลับยังโดนถูซินเย่วตอบโต้กลับมาจนขายหน้า นี่ไม่ใช่เป็นการตบหน้าตัวเองหรือไง?เมื่อคิดถึงตรงนี้ ฮูหยินหลิ่วก็ไม่อยากเห็นหน้าลูกสาวคนนี้แม้แต่นิดนางขมวดคิ้ว จู่ ๆ ก็นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้และอดไม่ได้ที่จะพูดว่า "ใช่แล้ว เรื่องนี้ข้ายังไม่ได้บอกพ่อเจ้า ถ้าพ่อเจ้ารู้ ดูสิว่าเขาจะสั่งสอนเจ้ายังไง เจ้าระวังตัวหน่อย"ภายใต้การเกลี้ยกล่อมและคําเตือนของฮูหยินหลิ่ว ในที่สุดหลิ่วโหรวโหรวก็หลับตาลง นางนั่งอยู่บนที่นั่งของตัวเองอย่างเซ็ง ๆ ทั้งหน้ามีแค่อารมณ์เดียวนั่นก็คือ นางไม่มีความสุขฮูหยินหลิ่วถอนหายใจอย่างจนใจ แล้วเงยหน้ามองฝั่งตรงข้าม ตําแหน่งของนาง มีเพิงดอกไม้อยู่ตรงกลางบดบังร่างของถูซินเยว่พอดี ดังนั้นนางจึงเห็นเพียงโครงร่างผ่านเถาวัลย์อย่างคลุมเครือเท่

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 379 จางเยียนหรัน

    วันนี้ตระกูลจางเป็นเจ้าภาพจัดงานเลี้ยงเชิญตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง ก่อนมาซูจื่อหังเคยพูดกับนางว่า เขากับตระกูลจางเข้ากันได้ดีในราชสํานัก ดังนั้นวันนี้ ถูซินเยว่ก็ไม่อยากสร้างปัญหาอะไรให้กับตระกูลจาง เพื่อไม่ให้คนอื่นรู้สึกว่าพวกเขาไม่มีมารยาทเห็นเหล่าฮูหยินกับหลิ่วโหรวโหรวเพิ่งเยาะเย้ยเธอเมื่อครู่ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว ถูซินเยว่ก็สบายใจไม่น้อย ก้มหน้าก้มตากินอาหารด้วยตัวเองไม่สนใจใครทั้งนั้นในขณะที่เธอกําลังกินอย่างมีความสุข จู่ ๆ ก็มีคนผลักแขนของเธอเบา ๆถูซินเยว่นิ่งงันไปพักหนึ่ง หันหน้ากลับไปอย่างสงสัยใคร่รู้ เห็นหญิงสาวในชุดสีเหลืองคนหนึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ ตัวเองตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ กําลังใช้ดวงตากลมโตจ้องมองเธออย่างอยากรู้อยากเห็นดวงตาของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นและไร้เดียงสา แต่กลับไม่มีเจตนาร้ายเลยแม้แต่น้อยถูซินเยว่เคยเห็นคนมามากมาย เรื่องเหล่านี้เธอยังพอสามารถมองออกได้ตั้งแต่แรกเห็นเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีเจตนาร้าย ท่าทีของเธอก็อ่อนโยนลงมาก"ไม่ทราบว่าแม่นางมีเรื่องอะไรหรือเปล่า?"ถ้าเธอจําไม่ผิด คนที่นั่งข้างเธอเมื่อกี้น่าจะเป็นผู้หญิงที่เยาะเย้ยเธ

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 378 หน้าแตก

    ถูซินเยว่ชะงัก และรู้สึกตลก เมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่ายก็รู้สึกประหลาดใจ ตอนที่ออกจากมาตอนเช้า เธอได้สวมใส่เครื่องประดับมาหลายชิ้นจริงๆแต่ระหว่างทาง ถูซินเยว่รู้สึกว่าต่างหูระเกะระกะเกินไป จึงแอบถอดมันออกและวางไว้บนรถม้าคาดไม่ถึงจริงๆ ว่าในงานเลี้ยงจะมีคนไม่กินไม่ดื่ม แต่หันมาจับจ้องที่เครื่องหัวของตนเองแทนถูซินเยว่ยื่นมือไปจับที่ผมของตนเองอัตโนมัติ จากนั้นก็พูดเสียงราบเรียบว่า "ในเมื่อวันนี้ตระกูลจางเป็นเจ้าภาพ แขกสำคัญจึงเป็นตระกูลจาง แล้วเหตุใดข้าจักต้องแต่งตัวให้ดูดีขนาดนั้น""จนก็ยอมรับว่าจนเถอะ จะหาเหตุผลอะไรมาอ้างมากมายไปทำไม ในที่นี้ใครไม่รู้บ้างว่าพวกเจ้ามาจากบ้านนอก ข้าเองก็แค่รู้สึกเสียดายแทนใตเท้าซูเท่านั้น ทั้งที่มีมีอนาคตอันดี หากแต่งงานกับบุตรสาวขุนนางสักคน ก็คงยิ่งช่วยส่งเสริมให้เจริญก้าวหน้า แต่กลับเลือกจะเฝ้าอยู่แค่หญิงชาวบ้านเฉกเช่นเจ้า..."ประโยคหลังแม้ว่าจะไม่ได้พูดต่อจนจบ แต่ก็สามารถเข้าใจได้ถึงแม้บนใบหน้าของถูซินเยว่จะแสดงสีหน้าใดๆ แต่สาวรับใช้ที่อยู่ข้างๆ สีหน้าย่ำแย่มากแล้วนางอาศัยอยู่ที่ตระกูลซูมานาน ก็พอจะรู้ว่าถูซินเยว่ไม่ได้ไม่มีเงิน และเงินส่วนใ

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 377 ดูถูก

    ตั้งแต่ตอนที่อยู่ในหมู่บ้านต้าเย่ เพราะเรื่องเล็กๆ น้อยๆ หรือเพราะผลประโยชน์อันน้อยนิด แม้เป็นครอบครัวเดียวกัน ก็ยังสามารถโกรธแค้นกันจนตัดญาติขาดมิตรไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่นใด แค่ในตระกูลถู เพียงเพื่อสินสอดของตระกูลเหลียง ถูชิวหลานก็ดันทุรังจะสับเปลี่ยนตัวเธอกับลูกสาว ภายหลังยังไม่ยอมรับด้วย แถมยังผลักไสความผิดทุกอย่างไปที่เจ้าของร่างหากเธอไม่ได้ข้ามิติมาอยู่ในร่างของเจ้าของร่างซื่อบื้อคนนั้น นางจะใช้ชีวิตอยู่ในตระกูลซูอย่างไร เกรงว่าคงเหลือแต่เสี้ยววิญญาณแล้วอย่างด้านซูเฟิ่งอี๋ในตระกูลซู ตอนนั้นพวกเขาเองก็หวงแหนเงินเล็กๆ น้อยๆ เห็นชีวิตนางหยูกำลังตกอยู่ในอันตรายก็ยังไม่ยอมรักษาให้นางเรื่องราวของญาติสนิทมิตรสหายที่ทำร้ายคนใกล้ตัวเพียงเพื่อผลประโยชน์และเงินทองมีมากมายเกินกว่าจะพูด ขนาดบ้านเธอยังเป็นเช่นนี้ แล้วต้าฉีที่มีบ้านสกุลมากมายขนาดนี้ล่ะชาวบ้านธรรมดาทั่วไป อาจทำไปเพื่อเงินทอง แต่องค์ชายสามกับองค์ชายใหญ่ กลับทำเพื่อแก่งแย่งแผ่นดิน ขนาดที่เป็นการต่อสู้เพื่อความเป็นความตาย และไม่มีใครยอมอ่อนข้อให้ใคร ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้"ชีวิตคนเรามีหลายเรื่องที่มักไม่เป็นดังที่หวัง ข

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 376 อิจฉา

    "วันนี้เป็นงานเลี้ยงของตระกูลจาง ข้าก็นึกว่าเจ้าจะพูดคุยเรื่องอะไรกับข้า คาดไม่ถึงว่าจะใช้เรื่องนี้มาข่มขู่ข้าในที่ๆ ไม่มีคนเช่นนี้?"ชายผู้นั้นหัวคิ้วกระตุก รีบก้มศรีษะลงแล้วพูดว่า "กระหม่อมมิบังอาจพ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่กระหม่อมทราบว่าองค์ชายสามเป็นคนเฉลียวฉลาด แต่ไหนแต่ไรมา การที่บุตรสายตรงรับสืบราชบัลลลังก์ต่อก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล แล้วไฉนองค์ชายสามจึงมิตั้งใจเป็นข้าราชบริพานบริสุทธิ์ คอยค้ำจุนเสด็จพี่ของพระองค์เล่าพ่ะย่ะค่ะ?"ฉีหวานหัวดราะเสียงดัง น้ำเสียงเย็นเยือกลงฉับพลัน เขาสะบัดแขนเสื้อ พร้อมสีหน้าเย็นชา "แม่ทัพหลิ่วพูดเช่นนี้ ช่างไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย ตอนที่ข้าพบกับมือสังหารไล่เอาชีวิตตอนที่รีบเดินทางกลับมาจากเป่ยเจียงอันไกล แม้วันนี้ข้าไม่พูด เชื่อว่าท่านแม่ทัพเองก็คงทราบดีว่าเป็นฝีมือของใคร?"ถูซินเยว่ที่นั่งอยู่ในศาลาชะงักงัน ที่แท้คนที่ยืนอยู่ตรงข้ามกับฉีหวานก็คือแม่ทัพหลิ่วนี่เอง หากนางจำไม่ผิดละก็ ก่อนหน้านี้ที่หน้าประตูตระกูลจาง ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ หลิ่วโหรวโหรวก็คือแม่ทัพหลิ่วผู้นี้สินะ?เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ถูซินเยว่ก็รู้สึกเซ็งขึ้นมา ถ้ารู้แต่แรกว่าพวกเขาจะคุยกันเรื่

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 375 แอบฟัง

    หลิ่วโหรวโหรวก็มองเห็นพวกเขาเช่นกัน และเมื่อนึกถึงความสนิทสนมของถูซินเยว่และซููจื่อหังวันนั้นในจวนซู นางก็กำหมัดแน่นแม่ทัพหลิ่ว หลิ่วถิง เมื่อเห็นว่าบุตรสาวของตนเองอยู่ๆ ก็หน้าตาไม่สดใส ทั้งที่เมื่อสักครู่ยังดีอกดีใจ ก็ขมวดคิ้วถามว่า "เป็นอะไรไป? มีคนรู้จักรึ?""เจ้าค่ะ..." หลิ่วโหรวโหรวกำลังจะอ้าปากพูด ฮูหยินหลิ่วที่อยู่ข้างๆ ก็ผลักนาง และส่งสายตาให้กับอีกฝ่ายหลิ่วโหรวโหรวจึงได้แต่หุบปากเงียบอย่างไม่พอใจนักฮูหยินหลิ่วเดินไปข้างๆ หลิ่วโหรวโหรวอย่างเงียบๆ กระตุกแขนเสื้อของบุตรสาวและพูดเตือนเสียงเบาว่า "เจ้าอย่าได้พูดถึงเรื่องของตระกูลซูอีก หากเจ้าพูดถึงอีกข้าจะไม่ยกโทษให้เจ้า! เมื่อกี้เจ้าไม่เห็นฮูหยินตระกูลซูหรือย่างไร? นางท้องโตขนาดนั้นแล้ว! เจ้าคิดจะไปเป็นภรรยาน้อยของคนอื่นหรือ? พูดออกไปรังแต่จะกลายเป็นเรื่องตลก!"หลิ่วโหรวโหรวสีหน้าย่ำแย่ทันทีแม้ว่าซูจื่อหังมีภรรยาหลวงอยู่แล้ว แต่ในใจนางนั่นก็เป็นเพียงหญิงบ้านนอกที่เทียบกับตนเองไม่ได้เลยด้วยซ้ำ นางซึ่งเป็นบุตรีสายตรงของจวนแม่ทัพ จะตกเป็นรองอยู่เป็นภรรยาน้อยของซูจื่อหังหรืออย่างไร?ลำพังแค่คิด นางก็ไม่ต้องการหลิ่วโหรวโหร

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 374 งานเลี้ยงตระกูลจาง

    ขณะที่ถูซินเยว่กำลังยุ่งอยู่กับการเปิดร้านขายเครื่องประดับ และนางหยูกำลังกังวลเรื่องลูกค้าอยู่นั้น เทียบเชิญฉบับหนึ่งก็ได้ส่งมาถึงที่บ้าน"เป็นงานฉลองวันเกิดของมารดาเฒ่าตระกูลจางจากเสนาบีดีกระทรวงการคลัง"ถูซินเยว่ถือเทียบเชิญไว้ในมือและยิ้มอย่างประหลาดใจ "ในเมืองหลวงแห่งนี้ข้านั้นไม่ได้รู้จักใครเลยสักคนหนึ่ง แต่นึกไม่ถึงว่าตระกูลจางจะส่งเทียบเชิญมาให้ข้า"สามีของตนเองก็เป็นข้าราชการขั้นเจ็ดเล็กๆ คนหนึ่ง แม้ว่าตระกูลจากจะไม่ใช่ข้าราชการชั้นสูง แต่ก็เป็นข้าราชการขั้นห้า และบรรพบุรุษก็ล้วนเป็นข้าราชการทั้งนั้น ซึ่งก็นับว่าเป็นตระกูลที่มีคุณธรรมสูงส่งการที่ส่งเทียบเชิญมาให้พวกเขาในงานเลี้ยงวันเกิดเช่นนี้ ก็เรียกได้ว่าไม่ได้ดูถูกพวกเขาเพียงแต่ คนในยุคโบราณส่วนมากจะดูแคลนคนทำธุรกิจ หากตนเองไปร่วมงานละก็ จะทำให้พวกเขารู้ว่าภรรยาของซูจื่อหังเป็นหญิงทำมาค้าขาย ก็ยากที่จะไม่ดูแคลนเดิมทีถูซินเยว่ไม่อยากไป แต่คาดไม่ถึงว่าซูจื่อหังจะหันมากุมมือเธอไว้ ยิ้มแล้วพูดอย่างไม่ใส่ใจนักว่า "บุตรชายของใต้เท้าจางสนิทกับข้า ภรรยาของข้าเป็นหญิงสาวที่มีเสน่ห์มากที่สุดในใต้หล้า ไม่ว่าทำอะไรก็ดีทั้งนั้น แล

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 373 ฮ่องเต้หมดสติ

    สำหรับถูซินเยว่แล้ว จะเป็นลูกผู้ชายหรือผู้หญิงก็ไม่เป็นไร สิ่งสำคัญคือ การที่ลูกน้อยสามารถคลอดออกมาได้อย่างปลอดภัยเพราะในยุคโบราณการที่ผู้หญิงคลอดลูกนั้นเปรียบเสมือนการเดินไปขอบประตูนรก ดังนั้นการที่สามารถให้กำเนิดลูกได้อย่างปลอดภัยถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ง่าย เธอจึงไม่คาดหวังอย่างอื่นอีกแต่ว่าช่วงนี้เธอมักจะถูกนางหยูล้างสมองอยู่บ่อยๆ จนถูซินเยว่เองก็คิดว่าท้องนี้อาจจะเป็นลูกผู้ชายก็ได้เป็นผู้ชายก็ดี เพราะความคิดปิดกั้นในยุคโบราณนั้นสร้างความลำบากให้กับหญิงสาวอย่างมาก หากเป็นเด็กผู้ชาย ก็สามารถลดความลำบากหลายๆ อย่างให้เธอได้ไม่น้อยเดิมทีถูซินเยว่อยากจะถามฉงเป่าว่าในท้องตนเองนั้นเป็นเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิงกันแน่ ซึ่งตามปกติแล้วขอเพียงเอาของกินมาล่อนิดล่อหน่อย ฉงเป่าก็ยอมพูดทุกอย่าง มีเพียงแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวที่ไม้ว่าถูซินเยว่ถามอย่างไร อีกฝ่ายก็ไม่ยอมบอก"อย่างไรเสียลูกก็อยู่ในท้องของข้า เจ้าจะบอกหน่อยมิได้หรือว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง? ถึงเจ้าพูดมา ด้วยเงื่อนไขการรักษาแบบนี้ข้าก็ทำอะไรเจ้าไม่ได้มิใช่หรือไง?"อีกอย่าง ถูซินเยว่เองก็ไม่มีความคิดการให้ความสำคัญชายมากกว่าหญิงด

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status