Share

บทที่ 10 เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม

Author: ฮวาฮวาน่งหยวี่
ถูซินเยว่รูปร่างอ้วนท้วน ท่าวิ่งเหมือนลูกขนุนกลิ้งได้ ตามความจะเป็นควรจะวิ่งได้ช้า

แต่ชาติก่อนเธอเป็นแพทย์ทหารจากหน่วยรบพิเศษ มักจะได้รับการฝึกฝนต่าง ๆ ในกองทัพ

แม้ว่าตอนนี้เธอจะอ้วน แต่ศักยภาพภายในนั้นไม่ด้อย ขณะที่หมูป่ากำลังจะวิ่งหนีมาทางเธอ ทันใดนั้นเธอก็รีบวิ่งเข้าไปขวางอีกฝ่าย

หมูป่าชะงักไปชั่วขณะ ถูซินเยว่เองก็ชะงักไปเช่นเดียวกัน

ดีมากไอ้หนู หมูป่าตัวนี้ถึงจะตัวไม่ใหญ่ แต่หน้าตาดุดัน

นี่คือหมูป่าสีเทาดำ เขาบนหัวสึกกร่อน หนังแข็ง ๆ ปกคลุมไปด้วยขนเล็กแข็งบางตา ขนแผงที่คอด้านหลังทั้งยาวและแข็ง ที่น่าหวาดเสียวที่สุดก็คือปากของมันมีเขี้ยวขนาดใหญ่สองอันดูคมกริบ ขณะที่กีบหน้าทั้งสองของหมูป่าจิกโคลนที่อยู่ข้างหน้าอย่างกระวนกระวาย เขี้ยวที่แหลมคมของมันก็แยกเข้าแยกออก ราวกับว่าพร้อมที่จะกินคนที่อยู่ข้างหน้ามันทุกเมื่อ

ถูซินเยว่เลียริมฝีปาก

ซูจื่อหังก็ดูตึงเครียด เดิมทีเขาคิดว่าหมูป่าจะวิ่งมาทางเขา นึกไม่ถึงว่ากลับวิ่งไปทางถูซินเยว่ แม้ว่าซินเยว่จะอ้วน แต่ยังไงเธอก็เป็นเพียงเด็กผู้หญิง ต้องมาเผชิญหน้ากับหมูป่าเช่นนี้...

เมื่อนึกได้ถึงตรงนี้ เขาก็เห็นว่าหมูป่าหมดความอดทนลงแล้วเมื่อถูกขนาบสองข้างโจมตี จึงพุ่งกระโจนเข้าใส่ถูซินเยว่ในฉับพลัน

"ซินเยว่!" ซูจื่อหังตะโกน ดวงตาของเขาฉายแววตื่นตระหนกโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัว

"อย่าเข้ามา หมูป่าตัวนี้ดุมาก!" ถูซินเยว่ตะโกนใส่ ทันทีที่หมูป่ากระโจนเข้าใส่ เธอก็หมอบลงไปบนพื้นทันที ฉวยโอกาสตอนที่หมูกำลังจะโจมตีกลิ้งร่างที่อวบอ้วนแต่คล่องแคล่วไปด้านข้าง จากนั้นจึงกระโดดขึ้นคร่อมหลังหมูด้วยความเร็วสูงสุด คว้าหมับเข้าเขี้ยวที่โผล่ออกมานอกปาก

เมื่ออาวุธแหลมคมถูกจับไว้ หมูป่าตัวน้อยก็กระโดดขึ้นลงอย่างร้อนรน พยายามจะเหวี่ยงถูซินเยว่ให้หลุดออก

ถูซินเยว่หยิบเสียมเล็ก ๆ ทุบเข้าไปที่หัวหมูป่าสุดแรง ทันใดนั้นหมูป่าก็ดิ้นอย่างบ้าคลั่งแรงขึ้นไปอีก ถึงขนาดสามารถเหวี่ยงตัวเองไปยังลำธารที่อยู่ด้านข้างได้

ร่างกายที่อวบอ้วนของถูซินเยว่ต้องมีน้ำหนักอย่างน้อยเก้าสิบกิโลกรัม แต่ก็ยังถูกหมูป่าสะบัดเหวี่ยงจนล้มลงบนพื้น

หมูป่าตัวนั้นดูเหมือนจะถูกยั่วโมโหสุดขีด หลังจากที่เหวี่ยงถูซินเยว่จนล้มลง ไม่เพียงแต่ไม่วิ่งหนีไป กลับอ้าปากแยกเขี้ยววิ่งเข้าใส่เธอ

ถูซินเยว่ตื่นตระหนก หากถูกกัดเข้าล่ะก็ มีหวังมีรูเพิ่มมาบนหัวแน่

เธอหยิบเสียมขึ้นมาอย่างรีบร้อนเพื่อที่จะมาขวางมันไว้ แต่เห็นร่างสูงพุ่งเข้าใส่บนตัวเธอ

หมูป่าที่กำลังจะกัดหน้าเธอ ฝังเขี้ยวลงไปบนร่างของชายหนุ่มที่อยู่บนตัวเธอ ซูจื่อหังกระอัก แล้วขบฟันพูดว่า "หนีเร็ว"

"ซูจื่อหัง!" ถูซินเยว่หวาดหวั่น เธอไม่คาดคิดว่าสามีโดยบังเอิญของเธอคนนี้จะเข้ามาขวางเพื่อช่วยเธอไว้ เมื่อเห็นว่าหมูป่ากัดเข้าไปแล้วหนึ่งทีและกำลังจะอ้าปากกัดอีกรอบ เธอก็คว้าขวานของซูจื่อหังมา กระโจนใส่หมูป่าและฟันเข้าที่ท้องเต็มแรงหนึ่งที

หนังของหมูป่านั้นแข็งมาก ถูซินเยว่ก็แข็งแกร่งมากเช่นกัน หลังจากฟันเข้าหนึ่งที เธอก็เงื้อมือฟันเข้าไปอีกหนึ่งครั้งที่คอ ทันใดนั้นหมูป่าที่ดุร้ายเมื่อครู่ก็ตัวหดลงราวกับลูกโป่งที่มีรูรั่ว นอนหายใจรวยรินอยู่บนพื้น

หลังจากพิชิตสัตว์ร้ายได้ ถูซินเยว่ก็รีบลุกขึ้นยืนเข้าไปดูอาการบาดเจ็บของซูจื่อหัง และเห็นว่าที่หลังของชายหนุ่มถูกกัดจนเป็นโพรง เลือดไหลนองออกมาอย่างไม่คิดชีวิต

แม้ว่าอาการบาดเจ็บจะไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่ก็ยังดูน่ากลัวมาก

"เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม" ถูซินเยว่พูดอย่างจนปัญญา "เจ้าวิ่งมาทำไม ไม่กลัวตายหรือไง?"

ซูจื่อหังลุกขึ้นนั่ง มองถูซินเยว่ แล้วพูดน้ำเสียงเรียบ ๆ "ข้าเลียนแบบเจ้าน่ะ"

"เลียนแบบข้า" ถูซินเยว่ชะงัก รู้สึกงงงัน

ซูจื่อหังกล่าวต่อว่า "เมื่อกี้เจ้าก็ไม่กลัวตายเหมือนกันไม่ใช่หรือ ตัวคนเดียวยังกล้าวิ่งเข้าใส่หมูป่า"

เมื่อเห็นท่าทางจริงจังของชายหนุ่ม ถูซินเยว่เม้มปาก รู้สึกเขินอายเล็กน้อย เธอประเมินศักยภาพตัวเองสูงเกินไปจริง ๆ หากเป็นชาติก่อน เธอคงพอสู้กับหมูป่าได้ แต่ตอนนี้เธออ้วนเกินไป จับหมูป่าไม่อยู่ แถมยังเกือบถูกมันกินเป็นอาหาร...

"เจ้าอย่าพึ่งขยับ ข้าจะล้างแผลให้ก่อน" เขี้ยวของหมูป่ามีพิษ ในสมัยโบราณไม่มีเครื่องมือฆ่าเชื้อ เลยทำได้แค่ล้างด้วยน้ำในลำธาร ถูซินเยว่ฉีกเสื้อออก และนำไปจุ่มน้ำในลำธาร และกลับมาทำความสะอาดบาดแผลให้ซูจื่อหัง

"ทนเจ็บหน่อยนะ"

"อืม" ซูจื่อหังพยักหน้า

หลังจากทำความสะอาดบาดแผลอย่างระมัดระวังแล้ว ถูซินเยว่ก็หันหลังกลับเข้าไปในพุ่มไม้ทำท่าก้ม ๆ เงย ๆ เหมือนกำลังหาอะไรอยู่

ซูจื่อหังดวงตาฉายแววสงสัย

รออยู่พักหนึ่ง ในที่สุดถูซินเยว่ก็โผล่ออกมาจากพุ่มไม้ ถือหญ้าจำนวนหนึ่งไว้ในมือแล้ววางหญ้าลงในลำธารเพื่อชำระล้างให้สะอาด จากนั้นใช้หินก้อนเล็ก ๆ ทุบหญ้าจนละเอียด

"นี่คืออะไร?" เมื่อเห็นถูซินเยว่เดินมาหาเขาพร้อมกับหญ้าในมือ ซูจื่อหังก็กวาดสายตาไปมา

"นี่คือผักเป็ดแดง เป็นสมุนไพรห้ามเลือดและลดการอักเสบ ตอนที่เราผ่านมาเมื่อครู่พวกมันมีเยอะแยะอยู่ในพุ่มไม้" ถูซินเยว่ใช้สมุนไพรที่ทุบแหลกละเอียดทาลงบนบาดแผลของซูจื่อหัง แล้วพูดว่า "แปะสมุนไพรนี้ลงไป เลือดจะหยุดไหลเร็วขึ้น"

"ซินเยว่ เจ้าเป็นคนมีความรู้" ซูจื่อหังรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

เมื่อก่อนถูซินเยว่เป็นแค่คนสติไม่ดี ต่อให้เพิ่งจะหายจากอาการสติไม่ดี แต่ท่าทางที่ดูจะรู้เรื่องไปเสียทุกอย่างตอนนี้นั้น มันผิดปกติเกินไปจริง ๆ

ยาสมุนไพรที่แปะลงบนบาดแผลให้ความรู้สึกเย็น ๆ ช่วยบรรเทาความเจ็บปวด ซูจื่อหังลืมความสงสัยในใจไปอย่างรวดเร็ว

เขาหันสายตาไปจับจ้องหมูป่าที่อยู่ข้าง ๆ พวกเขาทั้งสอง แล้วพูดขึ้นว่า "หมูป่าตัวนี้น้ำหนักอย่างน้อยสามสิบกิโลกรัม พอกลับบ้าน เราจะเก็บขาหมูไว้สองขา จากนั้นก็เอาส่วนที่เหลือไปขายที่ตลาด น่าจะขายได้เงินไม่น้อย"

ตอนนี้ชีวิตของนางหยูต้องใช้ยาประคับประคอง แม้ว่าเขาจะมีเงินอยู่สิบตำลึงที่ครอบครัวตระกูลถูให้มาซึ่งดูเหมือนจะเยอะ แต่ค่ายาและค่าอาหารของหลายคน ไม่ถึงสามเดือนก็คงหมด

ซูจื่อหังขมวดคิ้ว แต่กลับเห็นถูซินเยว่ที่นั่งอยู่บนพื้นมองดูบาดแผลของตนพลางหัวเราะคิกคัก ก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า "เจ้าหัวเราะอะไร?"

มีอะไรน่าขำงั้นหรือ?

ขณะที่สงสัย ก็เห็นถูซินเยว่หันกลับมาเอ่ยว่า "ข้าเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าท่านแม่บาดเจ็บ ตอนนี้เจ้าก็บาดเจ็บเหมือนกัน ทั้งสองคนกินไข่ไม่ได้ ถ้างั้นไข่สองใบนั้นก็ต้องเป็นของข้าคนเดียวแล้วสินะ"

ดวงตาของหญิงสาวฉายแววเจ้าเล่ห์ พูดพร้อมกับทำหน้าบานเป็นกระด้ง

ซูจื่อหังชะงักไปพลางส่ายศีรษะ

แค่ไข่สองใบ ถูซินเยว่ต้องตื่นเต้นดีใจขนาดนี้เลยหรือ มันช่าง....

ทั้งสองช่วยกันจัดแจงเตรียมการ ซูจื่อหังใช้กระสอบป่านเอาหมูป่าใส่ในตะกร้า ยังไม่ทันได้ลุกขึ้น ถูซินเยว่กลับคว้าตะกร้าไปแล้วแบกมันไว้บนหลัง พูดอย่างจริงจังว่า "หลังของเจ้าได้รับบาดเจ็บ แบกของไม่ได้ ข้าจะแบกเอง"

พูดจบ ก็ไม่สนว่าซูจื่อหังจะมีสีหน้าเช่นไร แบกหมูป่าขึ้นหลังแล้วออกเดิน

ซูจื่อหังที่อยู่ด้านหลังมองดูร่างอ้วนกลมของหญิงสาว ดวงตาเป็นประกายขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 11 แยกครอบครัว

    เมื่อทั้งสองคนกลับจากภูเขาก็เกือบจะค่ำแล้วเนื่องจากซูจื่อหังได้รับบาดเจ็บ ถูซินเยว่จึงช่วยประคองเขาตลอดทางกลับบ้านเมื่อมาถึงประตูบ้าน ซูจื่อหังก็ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า "ซินเยว่ เจ้าเอาหมูป่าไปซ่อนไว้ก่อน ถ้าท่านย่าและท่านป้าเห็นเข้า พวกเขาต้องโวยวายเป็นแน่ หลังจากขายได้เงินแล้ว ค่อยเอาไปให้พวกท่านสักขานึง”อย่างไรแล้วแม่เฒ่าตระกูลซูก็คือย่าของเขา แม้ว่าวันนี้ทั้งสองคนจะทะเลาะกันรุนแรงแค่ไหน แต่ซูจื่อหังก็ยังคงนึกถึงความดีที่มีอยู่บ้างของพวกเขาจึงคิดจะเก็บขาหมูไว้ให้พวกเขาสองคนเพื่อแสดงความกตัญญูถูซินเยว่พยักหน้าอย่างเชื่อฟังแต่ทันทีที่เขาผลักประตูไม้ของลานบ้านเปิดออก ใบหน้าของซูจื่อหังก็เต็มไปด้วยความตระหนก หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาก็วิ่งเข้าไปในลานบ้านโดยไม่สนใจอาการบาดเจ็บ"ท่านแม่ ท่านไม่เป็นไรใช่ไหม"เกิดอะไรขึ้น?ถูซินเยว่รู้สึกงุนงง จึงเดิมตามหลังซูจื่อหังไปเมื่อเธอเห็นนางหยูนอนเหยียดอยู่ที่ทางเข้าลานบ้าน ก็ตกใจเช่นเดียวกันก่อนไปยังเห็นนางหยูนอนอยู่บนเตียงในห้องอยู่เลยนี่นา ทำไมจู่ ๆ นางถึงไปนอนอยู่ที่หน้าประตูลานบ้านได้ล่ะ?เมื่อเงยหน้าขึ้น ก็เห็นแม่เฒ่าแห่งบ้านตระ

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 12 ลดน้ำหนัก

    แน่นอนว่าถูซินเยว่จะไม่ทำร้ายซูเฟิ่งอี๋จนถึงตาย หากตายขึ้นมาเธอต้องถูกส่งตัวไปกินข้าวคุกในอำเภอไม่จำเป็นต้องเอาตัวเองเข้าแลกกับเศษสวะเช่นนี้เธอยืนขึ้นแล้วเดินไปยังซูจื่อหังที่ตกตะลึงจนอ้าปากค้าง แล้วพูดว่า "มาอุ้มท่านแม่ออกไปด้วยกันเถอะ"ในเมื่อตระกูลซูไล่พวกเขาไป ถูซินเยว่จึงไม่หน้าด้านหน้าทนพอที่จะอยู่ที่นี่ต่อไปซูจื่อหังพยักหน้า เหลือบมองซูเฟิ่งอี๋บนพื้นที่พยายามลุกแต่ก็ลุกไม่ขึ้น แล้วจึงหันไปมองมือของถูซินเยว่ จู่ ๆ ก็ถามขึ้นว่า "มือเจ้าเจ็บหรือเปล่า?"“ฮะ?” ถูซินเยว่ตะลึงงัน ลูบฝ่ามือของตัวเองโดยไม่รู้ตัวจะว่าไป เมื่อครู่เธอเองก็ไม่ได้รู้สึก แต่เมื่อถูกซูจื่อหังถามขึ้นเช่นนี้ เธอก็รู้สึกเจ็บแปลบอยู่ที่ฝ่ามือเล็กน้อยเพราะอย่างไรแล้วการตบกว่าสิบครั้งนั้น ก็เกิดแรงปะทะขึ้นทั้งสองฝ่าย“ดูเหมือนจะเจ็บนิดหน่อยน่ะ” ถูซินเยว่ยิ้มโง่ให้ซูจื่อหังสองทีซูจื่อหังกล่าวต่อว่า "คราวหน้าถ้าเจ้าจะตบตีใคร ก็อย่าใช้มือตัวเอง หาคนอื่นมาช่วยดีกว่า""ได้" ถูซินเยว่พยักหน้าอย่างจริงจัง เมื่อครู่เธอกำลังโกรธจึงไม่ได้คิดอะไรมากในขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน พวกเขาก็อุ้มนางหยูขึ้น และเดินไปที่

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 13 ไปตลาด

    "แล้วหมูป่าตัวนั้นล่ะ?" ถูซินเยว่ถามขึ้นด้วยความสงสัยหลังจากมาถึงที่นี่เมื่อวาน ถูซินเยว่ก็วางหมูป่าไว้ในบ้าน ตอนนี้กลับไม่เห็นมันแล้ว“เมื่อเช้าข้าตื่นแต่เช้า จัดการฆ่าหมูป่าเสร็จแล้ว เดี๋ยวหลังจากกินข้าวเสร็จก็จะเอาไปขายที่โรงเตี๊ยมในตลาด" ซูจื่อหังดันข้าวต้มไปข้างหน้าถูซินเยว่ และตอบอย่างใจเย็นหัวใจของถูซินเยว่รู้สึกอบอุ่นเดิมทีคิดว่าได้สามีที่เป็นบัณฑิต คงไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะเชือดคอไก่ วัน ๆ คงได้แต่อ่านหนังสือทำอะไรไม่เป็นสักอย่างแต่หลังจากอยู่ด้วยกันได้เพียงแค่วันเดียว ตอนเช้าพอตื่นขึ้นมา ซูจื่อหังก็ทำความสะอาดบ้าน ฆ่าหมูป่า และทำอาหารเช้าไว้เรียบร้อยแล้วจึงจะปลุกให้เธอตื่นมากินข้าวถูซินเยว่รู้สึกได้ทันทีว่าเธอได้พบกับสมบัติอันล้ำค่า คาดไม่ถึงว่าจะได้เจอผู้ชายที่แสนดีเช่นนี้เธอตั้งปณิธานไว้ในใจว่าจะต้องลดน้ำหนักให้สำเร็จ ก่อร่างสร้างตัวให้ร่ำรวย และกอดสามีของเธอไว้ให้แน่น ๆหลังจากรับประทานอาหารเสร็จ ถูซินเยว่ก็ช่วยเปลี่ยนผ้าพันแผลให้นางหยู เมื่อเห็นซูจื่อหังแบกหมูป่าไว้บนหลังกำลังจะออกไปข้างนอก เธอก็รีบพูดขึ้นอย่างกระตือรือร้น "ข้าอยากไปด้วย"เธอยังไม่เคยไปตลาดน

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 14 สามีข้าหล่อที่สุด

    ตามความเข้าใจของถูซินเยว่ ระดับค่าครองชีพของหมู่บ้านต้าเย่นี้ เดือนหนึ่งก็น่าจะใช้เงินประมาณหนึ่งถึงสองตำลึง ตอนนี้เงินในกระเป๋าของเธอมีอยู่สามตำลึง นั่นก็หมายความว่าเธอมีค่าอาหารสามเดือนอยู่ในมือถูซินเยว่ตื่นเต้นเล็กน้อย เธอเดินไปที่แผงลอยพลางนึกว่าที่บ้านขาดอะไรบ้าง และถือโอกาสสังเกตดูว่าอะไรที่ขายดีและขายไม่ดีในตลาดเพราะเธอมีความคิดที่อยากจะรวย ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่อยากจะดูว่าอะไรบ้างที่พอจะเป็นช่องทางหาเงินได้หลังจากเดินวนไปหนึ่งรอบ ถูซินเยว่ก็ซื้อของใช้ประจำวันกลับมา เช่น น้ำมัน เกลือ ซีอิ๊ว และน้ำส้มสายชู โดยใช้เงินไปสองตำลึง จากนั้นก็ตั้งตารอคอยซูจื่อหังกลับมาอยู่ที่หน้าปากทางเข้าตลาดแต่ทว่า ถูซินเยว่ยังไม่ทันจะได้เห็นซูจื่อหังกลับมา ก็เจอเข้ากับบุคคลหนึ่งที่ไม่ได้เจอกันมานานถูหมิงซวนหลานสาวคนที่สองของบ้านตระกูลถู ซึ่งก็คือลูกพี่ลูกน้องของถูซินเยว่นั่นเองถูหมิงซวนเองก็ไม่คาดคิดว่าจะได้เจอกับถูซินเยว่ที่นี่ เมื่อเห็นเธอนั่งยอง ๆ อยู่ที่หัวมุมตลาด ก็กลอกตาแล้วเดินถือตะกร้าผักในมือเข้าไปหา“ซินเยว่ เจ้ามาทำอะไรที่นี่” หญิงสาวยืนอยู่หน้าถูซินเยว่ ก้มมองดูเธอแม้ว่าถู

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 15 ภรรยาเจ้าแข็งแรงดีจัง

    ครั้งแรกที่ถูซินเยว่พบซูจื่อหังก็รู้สึกว่าเขาช่างหล่อเหลา ใบหน้านั้นหากอยู่ในยุคนี้ก็คงจะมีแฟนคลับมากมายรุมล้อม แม้ว่าเธอจะยังไม่ได้เห็นผู้ชายทุกคนในหมู่บ้านละแวกนี้ แต่ถูซินเยว่มั่นใจว่าคงไม่มีใครหล่อกว่าสามีของตนอย่างแน่นอน!แต่แค่แอบเพ้อคนเดียวในใจก็พอแล้ว มาคุยโวโอ้อวดภูมิใจว่าซูจื่อหังหล่ออย่างนั้นอย่างนี้อยู่ฝ่ายเดียว แถมยังถูกเจ้าตัวเห็นเข้าอีก... ไม่ว่าถูซินเยว่จะหน้าหนาแค่ไหน ก็คงทนอับอายไม่ไหวกระแอมไอไปหนึ่งที ถูซินเยว่ก็พยายามยิ้มโง่ ๆ อย่างเอาใจ พูดขึ้นว่า "ท่านสามี....เอ่อ...ท่านพี่ซู ท่านกลับมาแล้ว""อืม"สิ่งที่ทำให้ถูซินเยว่ประหลาดใจก็คือ ซูจื่อหังมีสีหน้าเรียบเฉยอย่างมาก เขาเพียงพยักหน้าเบา ๆ เดินไปหาเธอแล้วถามว่า "ซื้อของครบแล้วหรือยัง?"“น่าจะครบแล้ว เจ้าลองดูสิ" ถูซินเยว่กำลังจะลุกขึ้นหยิบของที่วางอยู่ข้างหลังขึ้นมา คาดไม่ถึงว่าเธอจะนั่งนานจนขาชา ลองแล้วแต่ก็พบว่าเธอไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้เลยเมื่อเห็นว่าซูจื่อหังยังคงยืนมองเธออยู่ตรงหน้า แต่ขาของเธอกลับรู้สึกเหมือนกำลังโดนมดรุมกัด เจ็บแปลบ ๆ ถูซินเยว่ก็พูดขึ้นอย่างรู้สึกเสียหน้า "เดี๋ยวก่อนนะ เหมือนขาข้าจะรู้

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 16 ซื้อเสื้อผ้าใหม่

    ถูซินเยว่มุมปากกระตุก ชมแบบนี้ไม่ต้องชมดีกว่ามั้ง ฟังดูแปลก ๆ อย่างไรพิกลแต่ทว่า เมื่อเห็นซูจื่อหังถือซาลาเปาอยู่ตรงหน้าเธอ ความไม่พอใจทั้งหลายแหล่ของถูซินเยว่ก็จางหายไปเธอกลืนน้ำลายอึกใหญ่แล้วมองดูชายหนุ่มตรงหน้าอย่างใจจดใจจ่อ รอให้เขายื่นซาลาเปามาให้แต่กลับคาดไม่ถึงว่ามือของซูจื่อหังที่เหยียดอยู่ตรงหน้าจะหดกลับไปทันที กลิ่นหอมของซาลาเปาไส้หมูก็ลอยหายไป ชายหนุ่มกลับพูดขึ้นอย่างจริงจังว่า "ข้าลืมไป เจ้าเพิ่งพูดว่าเจ้ายังไม่อยากกิน""ข้า ข้าเปล่าซะหน่อย!"ถูซินเยว่ร้อนรน ผู้ชายคนนี้ทำไมถึงได้ขี้แกล้งแบบนี้นะ รู้ทั้งรู้ว่าเธอหิวจะไม่ไหวแล้ว ยังมาแกล้งเธอแบบนี้อีก“ข้าอยากกิน”เมื่อพ่ายแพ้ต่อความหิวโหย ถูซินเยว่จึงยอมเสียหน้า ชำเลืองมองชายหนุ่มด้วยแววตาน่าสงสารซูจื่อหังจึงยื่นซาลาเปาไส้หมูให้เธออีกครั้ง ถูซินเยว่รีบรับมันไป เมื่อเห็นซูจื่อหังวางซาลาเปาที่เหลือไว้บนรถเข็น เธอก็รีบถามว่า "เจ้าไม่กินหรือ?""ข้ายังไม่หิว" เขารู้ว่าถูซินเยว่กินจุ ซาลาเปาสองลูกคงพอแค่ได้ติดซอกฟันเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงเก็บอีกสองลูกที่เหลือไว้ระหว่างทางกลับบ้าน หากถูซินเยว่หิว ก็ยังสามารถกินระหว่าง

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 17 ข้ากินคนเดียวไม่ได้หรอก

    ถึงแม้ถูซินเยว่จะเป็นคนสติไม่ดี แต่บุตรชายคนที่สี่และภรรยาของตระกูลถูก็ใจดีต่อนางและให้ความรักมาโดยตลอดตอนนี้หลังจากแต่งงานกับตน ก็ถูกขับไล่ออกจากตระกูลซู ต้องมาอาศัยอยู่ในกระท่อมจะพังแหล่มิพังแหล่ ใช้ชีวิตอดมื้อกินมื้อซูจื่อหังรู้สึกผิดต่อถูซินเยว่จากก้นบึ้งของหัวใจ ดังนั้นเขาจึงต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อดูแลถูซินเยว่ให้ดีเมื่อนึกถึงตรงนี้ ซูจื่อหังก็จ่ายเงินทันทีก่อนที่ถูซินเยว่จะได้ทันโต้ตอบ"ห่อให้ข้าเลย"ซูจื่อหังกำชับ“ได้เล้ย” เสี่ยวเอ้อเห็นว่าซูจื่อหังตรงไปตรงมาทันใจ ยิ้มกว้างแล้วรีบห่อผ้าส่งให้ถูซินเยว่"ถือดี ๆ นะนาง สามีเจ้านี่ดีกับเจ้าจริง ๆ "ใบหน้าของเสี่ยวเอ้อเต็มไปความรู้สึกอวยพรอย่างจริงใจถูซินเยว่เหลือบมองซูจื่อหังอย่างเงียบ ๆ จากนั้นก็รับผ้ามาเป็นเช่นนั้นจริง ๆ สามีโดยบังเอิญของเธอคนนี้ใจดีกับเธอจริง ๆในเมื่อซูจื่อหังซื้อผ้ามาแล้ว ถูซินเยว่ก็รับมันไปด้วยความดีใจ หลังจากกอดผ้าผืนนั้นแล้วเดินออกไป ทั้งสองก็ช่วยกันเก็บข้าวของ เมื่อแน่ใจว่าไม่มีอะไรที่ต้องซื้อแล้ว ก็ผลักรถเข็นไม้กลับไปที่หมู่บ้านต้าเย่รถเข็นไม้เต็มไปด้วยสิ่งของจำเป็นในชีวิตประจำวันที่

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 18 ความช่วยเหลือเกื้อกูลของคนในหมู่บ้าน

    เธอได้ยินคำพูดเหล่านี้หลังจากวางถ้วยยาลงแล้ว มือสั่นขึ้นทันใด จากนั้นจึงถามขึ้นด้วยความโมโห "ฉงเป่า ทำไมเจ้าไม่บอกตั้งแต่แรก!""ข้าบอกแล้ว แต่เจ้าไม่ได้ยินเอง" ฉงเป่าหมดคำจะพูด "ถ้าเจ้าอยากใช้น้ำพุศักดิ์สิทธิ์มากกว่านี้ เจ้าก็ต้องหมั่นเข้าไปดูแลมิติแห่งน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ ขุดดินและปลูกผักในนั้น พัฒนาพื้นที่ในมิติให้รุ่งเรือง คิดจะจับเสือมือเปล่าคงเป็นไปไม่ได้หรอกนะ ตอนนี้อย่างมากที่สุดมิติให้น้ำพุแก่เจ้าได้วันละแก้ว ไม่มีมากกว่านี้แล้ว"“หมายความว่าข้าต้องเลือกระหว่างลดน้ำหนักหรือช่วยนางหยูอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น?” ถูซินเยว่ขบฟันแน่น นี่มันเลือกว่าทางเลือกที่ไหนกัน?เห็นชัด ๆ อยู่แล้วว่าเรื่องไหนสำคัญกว่าการลดน้ำหนักรอไปก่อนได้ แต่ช่วยชีวิตคนรอไม่ได้เด็ดขาดเมื่อคิดถึงเหตุและผลแล้ว แม้ว่าถูซินเยว่จะรู้สึกเสียดาย แต่เธอก็ไม่เสียใจ อย่างมากเธอก็แค่ต้องเข้าไปดูแลพื้นที่ในมิติแห่งน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ให้บ่อยขึ้นเท่านั้นส่วนเรื่องลดน้ำหนักนั้น....ถูซินเยว่ก้มลงมองดูไขมันที่สะสมที่เอวและขาช้างหนา ๆ ของเธอ หากไม่มีน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ อย่างมากเธอก็แค่ต้องไปวิ่ง วิ่งก็สามารถกำจัดไขมันได้เช่

Latest chapter

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 381 ช่างคล้ายคลึงนัก

    ทั้งคู่เดินถึงหน้าประตู ปะเหมาะเวลานี้ จวนแม่ทัพหลิ่วก็มีคนเดินออกมาเช่นกัน"คนนี้ก็คือใต้เท้าซูที่เจ้าชอบอย่างงั้นหรือ" ฮูหยินหลิ่วเหลียวมองบุตรีซึ่งอยู่ข้างกาย สื่อเป็นนัยให้อีกฝ่ายอย่าได้วู่วามทุกวันนี้คราใดที่หลิ่วโหรวโหรวเห็นถูซินเยว่กับซูจื่อหังเดินมาด้วยกัน ด้วยท่าทีรักใคร่ปรองดอง นางจะรู้สึกเดือดดาลในใจ ราวกับภูเขาไฟที่ใกล้ระเบิดกระนั้นนางทำเสียงฮึดฮัด "ถูซินเยว่มีวันนี้ได้ ก็เพราะอาศัยบารมีซูจื่อหัง แต่คอยดูไปเถิด หญิงบ้านนอกเช่นนาง ใหม่ ๆ ยังพอทำให้ซูจื่อหังพอใจได้บ้าง แต่พอนานวันเข้า ได้เห็นสาวงามในเมืองหลวงมากมาย ความรักของพวกเขายังมั่นคงเหมือนแต่ก่อนได้อีก ก็แสดงว่าผิดมนุษย์แล้ว"ฮูหยินหลิ่วแสดงท่าทีนิ่งเฉยแต่บุตรีพูดก็มีเหตุผล ผู้ชายในโลกนี้น้อยนักที่จะไม่คิดได้ใหม่ลืมเก่า ยกตัวอย่างเช่นสามีของนาง ในอดีตก็เคยให้คำมั่นสัญญา ว่าแม้เป็นหรือตายก็จะขอรักอดีตคนรักเพียงผู้เดียว แต่พอบ้านเขาประสบภาวะเดือดร้อน สุดท้ายก็มาเลือกแต่งงานกับตน จนบัดนี้ลืมหน้านังคนแพศยานั่นไปถึงไหนต่อไหนแล้วแสดงว่าความจริงใจของผู้ชายคือสิ่งที่ไร้ประโยชน์ปกติเสแสร้งทำเป็นรักมั่นจริงใจ แต่พอเอ

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 380 ลูกสาวจอมโง่เขลา

    หากซูจื่อหังไม่รังเกียจถูซินเยว่แล้วล่ะก็ งั้นต่อให้หลิ่วโหรวโหรววทุ่มเทแรงกายแรงใจมากแค่ไหนก็ตาม เกรงว่าก็คงไม่สามารถเข้าไปในจวนสกุลซูได้ดั่งใจปรารถนาหรอกแต่น่าขําที่ลูกสาวคนนี้ของนางกลับไม่รู้ต้นสายปลายเหตุของเรื่องนี้เลย รู้แต่ไปเหยียดหยามถูซินเยว่อย่างโง่เขลาเท่านั้นนี่ถ้าทําให้ถูซินเยว่อับอายต่อหน้าทุกคนก็ว่าไปอย่าง แต่นี่กลับยังโดนถูซินเย่วตอบโต้กลับมาจนขายหน้า นี่ไม่ใช่เป็นการตบหน้าตัวเองหรือไง?เมื่อคิดถึงตรงนี้ ฮูหยินหลิ่วก็ไม่อยากเห็นหน้าลูกสาวคนนี้แม้แต่นิดนางขมวดคิ้ว จู่ ๆ ก็นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้และอดไม่ได้ที่จะพูดว่า "ใช่แล้ว เรื่องนี้ข้ายังไม่ได้บอกพ่อเจ้า ถ้าพ่อเจ้ารู้ ดูสิว่าเขาจะสั่งสอนเจ้ายังไง เจ้าระวังตัวหน่อย"ภายใต้การเกลี้ยกล่อมและคําเตือนของฮูหยินหลิ่ว ในที่สุดหลิ่วโหรวโหรวก็หลับตาลง นางนั่งอยู่บนที่นั่งของตัวเองอย่างเซ็ง ๆ ทั้งหน้ามีแค่อารมณ์เดียวนั่นก็คือ นางไม่มีความสุขฮูหยินหลิ่วถอนหายใจอย่างจนใจ แล้วเงยหน้ามองฝั่งตรงข้าม ตําแหน่งของนาง มีเพิงดอกไม้อยู่ตรงกลางบดบังร่างของถูซินเยว่พอดี ดังนั้นนางจึงเห็นเพียงโครงร่างผ่านเถาวัลย์อย่างคลุมเครือเท่

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 379 จางเยียนหรัน

    วันนี้ตระกูลจางเป็นเจ้าภาพจัดงานเลี้ยงเชิญตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง ก่อนมาซูจื่อหังเคยพูดกับนางว่า เขากับตระกูลจางเข้ากันได้ดีในราชสํานัก ดังนั้นวันนี้ ถูซินเยว่ก็ไม่อยากสร้างปัญหาอะไรให้กับตระกูลจาง เพื่อไม่ให้คนอื่นรู้สึกว่าพวกเขาไม่มีมารยาทเห็นเหล่าฮูหยินกับหลิ่วโหรวโหรวเพิ่งเยาะเย้ยเธอเมื่อครู่ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว ถูซินเยว่ก็สบายใจไม่น้อย ก้มหน้าก้มตากินอาหารด้วยตัวเองไม่สนใจใครทั้งนั้นในขณะที่เธอกําลังกินอย่างมีความสุข จู่ ๆ ก็มีคนผลักแขนของเธอเบา ๆถูซินเยว่นิ่งงันไปพักหนึ่ง หันหน้ากลับไปอย่างสงสัยใคร่รู้ เห็นหญิงสาวในชุดสีเหลืองคนหนึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ ตัวเองตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ กําลังใช้ดวงตากลมโตจ้องมองเธออย่างอยากรู้อยากเห็นดวงตาของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นและไร้เดียงสา แต่กลับไม่มีเจตนาร้ายเลยแม้แต่น้อยถูซินเยว่เคยเห็นคนมามากมาย เรื่องเหล่านี้เธอยังพอสามารถมองออกได้ตั้งแต่แรกเห็นเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีเจตนาร้าย ท่าทีของเธอก็อ่อนโยนลงมาก"ไม่ทราบว่าแม่นางมีเรื่องอะไรหรือเปล่า?"ถ้าเธอจําไม่ผิด คนที่นั่งข้างเธอเมื่อกี้น่าจะเป็นผู้หญิงที่เยาะเย้ยเธ

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 378 หน้าแตก

    ถูซินเยว่ชะงัก และรู้สึกตลก เมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่ายก็รู้สึกประหลาดใจ ตอนที่ออกจากมาตอนเช้า เธอได้สวมใส่เครื่องประดับมาหลายชิ้นจริงๆแต่ระหว่างทาง ถูซินเยว่รู้สึกว่าต่างหูระเกะระกะเกินไป จึงแอบถอดมันออกและวางไว้บนรถม้าคาดไม่ถึงจริงๆ ว่าในงานเลี้ยงจะมีคนไม่กินไม่ดื่ม แต่หันมาจับจ้องที่เครื่องหัวของตนเองแทนถูซินเยว่ยื่นมือไปจับที่ผมของตนเองอัตโนมัติ จากนั้นก็พูดเสียงราบเรียบว่า "ในเมื่อวันนี้ตระกูลจางเป็นเจ้าภาพ แขกสำคัญจึงเป็นตระกูลจาง แล้วเหตุใดข้าจักต้องแต่งตัวให้ดูดีขนาดนั้น""จนก็ยอมรับว่าจนเถอะ จะหาเหตุผลอะไรมาอ้างมากมายไปทำไม ในที่นี้ใครไม่รู้บ้างว่าพวกเจ้ามาจากบ้านนอก ข้าเองก็แค่รู้สึกเสียดายแทนใตเท้าซูเท่านั้น ทั้งที่มีมีอนาคตอันดี หากแต่งงานกับบุตรสาวขุนนางสักคน ก็คงยิ่งช่วยส่งเสริมให้เจริญก้าวหน้า แต่กลับเลือกจะเฝ้าอยู่แค่หญิงชาวบ้านเฉกเช่นเจ้า..."ประโยคหลังแม้ว่าจะไม่ได้พูดต่อจนจบ แต่ก็สามารถเข้าใจได้ถึงแม้บนใบหน้าของถูซินเยว่จะแสดงสีหน้าใดๆ แต่สาวรับใช้ที่อยู่ข้างๆ สีหน้าย่ำแย่มากแล้วนางอาศัยอยู่ที่ตระกูลซูมานาน ก็พอจะรู้ว่าถูซินเยว่ไม่ได้ไม่มีเงิน และเงินส่วนใ

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 377 ดูถูก

    ตั้งแต่ตอนที่อยู่ในหมู่บ้านต้าเย่ เพราะเรื่องเล็กๆ น้อยๆ หรือเพราะผลประโยชน์อันน้อยนิด แม้เป็นครอบครัวเดียวกัน ก็ยังสามารถโกรธแค้นกันจนตัดญาติขาดมิตรไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่นใด แค่ในตระกูลถู เพียงเพื่อสินสอดของตระกูลเหลียง ถูชิวหลานก็ดันทุรังจะสับเปลี่ยนตัวเธอกับลูกสาว ภายหลังยังไม่ยอมรับด้วย แถมยังผลักไสความผิดทุกอย่างไปที่เจ้าของร่างหากเธอไม่ได้ข้ามิติมาอยู่ในร่างของเจ้าของร่างซื่อบื้อคนนั้น นางจะใช้ชีวิตอยู่ในตระกูลซูอย่างไร เกรงว่าคงเหลือแต่เสี้ยววิญญาณแล้วอย่างด้านซูเฟิ่งอี๋ในตระกูลซู ตอนนั้นพวกเขาเองก็หวงแหนเงินเล็กๆ น้อยๆ เห็นชีวิตนางหยูกำลังตกอยู่ในอันตรายก็ยังไม่ยอมรักษาให้นางเรื่องราวของญาติสนิทมิตรสหายที่ทำร้ายคนใกล้ตัวเพียงเพื่อผลประโยชน์และเงินทองมีมากมายเกินกว่าจะพูด ขนาดบ้านเธอยังเป็นเช่นนี้ แล้วต้าฉีที่มีบ้านสกุลมากมายขนาดนี้ล่ะชาวบ้านธรรมดาทั่วไป อาจทำไปเพื่อเงินทอง แต่องค์ชายสามกับองค์ชายใหญ่ กลับทำเพื่อแก่งแย่งแผ่นดิน ขนาดที่เป็นการต่อสู้เพื่อความเป็นความตาย และไม่มีใครยอมอ่อนข้อให้ใคร ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้"ชีวิตคนเรามีหลายเรื่องที่มักไม่เป็นดังที่หวัง ข

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 376 อิจฉา

    "วันนี้เป็นงานเลี้ยงของตระกูลจาง ข้าก็นึกว่าเจ้าจะพูดคุยเรื่องอะไรกับข้า คาดไม่ถึงว่าจะใช้เรื่องนี้มาข่มขู่ข้าในที่ๆ ไม่มีคนเช่นนี้?"ชายผู้นั้นหัวคิ้วกระตุก รีบก้มศรีษะลงแล้วพูดว่า "กระหม่อมมิบังอาจพ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่กระหม่อมทราบว่าองค์ชายสามเป็นคนเฉลียวฉลาด แต่ไหนแต่ไรมา การที่บุตรสายตรงรับสืบราชบัลลลังก์ต่อก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล แล้วไฉนองค์ชายสามจึงมิตั้งใจเป็นข้าราชบริพานบริสุทธิ์ คอยค้ำจุนเสด็จพี่ของพระองค์เล่าพ่ะย่ะค่ะ?"ฉีหวานหัวดราะเสียงดัง น้ำเสียงเย็นเยือกลงฉับพลัน เขาสะบัดแขนเสื้อ พร้อมสีหน้าเย็นชา "แม่ทัพหลิ่วพูดเช่นนี้ ช่างไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย ตอนที่ข้าพบกับมือสังหารไล่เอาชีวิตตอนที่รีบเดินทางกลับมาจากเป่ยเจียงอันไกล แม้วันนี้ข้าไม่พูด เชื่อว่าท่านแม่ทัพเองก็คงทราบดีว่าเป็นฝีมือของใคร?"ถูซินเยว่ที่นั่งอยู่ในศาลาชะงักงัน ที่แท้คนที่ยืนอยู่ตรงข้ามกับฉีหวานก็คือแม่ทัพหลิ่วนี่เอง หากนางจำไม่ผิดละก็ ก่อนหน้านี้ที่หน้าประตูตระกูลจาง ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ หลิ่วโหรวโหรวก็คือแม่ทัพหลิ่วผู้นี้สินะ?เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ถูซินเยว่ก็รู้สึกเซ็งขึ้นมา ถ้ารู้แต่แรกว่าพวกเขาจะคุยกันเรื่

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 375 แอบฟัง

    หลิ่วโหรวโหรวก็มองเห็นพวกเขาเช่นกัน และเมื่อนึกถึงความสนิทสนมของถูซินเยว่และซููจื่อหังวันนั้นในจวนซู นางก็กำหมัดแน่นแม่ทัพหลิ่ว หลิ่วถิง เมื่อเห็นว่าบุตรสาวของตนเองอยู่ๆ ก็หน้าตาไม่สดใส ทั้งที่เมื่อสักครู่ยังดีอกดีใจ ก็ขมวดคิ้วถามว่า "เป็นอะไรไป? มีคนรู้จักรึ?""เจ้าค่ะ..." หลิ่วโหรวโหรวกำลังจะอ้าปากพูด ฮูหยินหลิ่วที่อยู่ข้างๆ ก็ผลักนาง และส่งสายตาให้กับอีกฝ่ายหลิ่วโหรวโหรวจึงได้แต่หุบปากเงียบอย่างไม่พอใจนักฮูหยินหลิ่วเดินไปข้างๆ หลิ่วโหรวโหรวอย่างเงียบๆ กระตุกแขนเสื้อของบุตรสาวและพูดเตือนเสียงเบาว่า "เจ้าอย่าได้พูดถึงเรื่องของตระกูลซูอีก หากเจ้าพูดถึงอีกข้าจะไม่ยกโทษให้เจ้า! เมื่อกี้เจ้าไม่เห็นฮูหยินตระกูลซูหรือย่างไร? นางท้องโตขนาดนั้นแล้ว! เจ้าคิดจะไปเป็นภรรยาน้อยของคนอื่นหรือ? พูดออกไปรังแต่จะกลายเป็นเรื่องตลก!"หลิ่วโหรวโหรวสีหน้าย่ำแย่ทันทีแม้ว่าซูจื่อหังมีภรรยาหลวงอยู่แล้ว แต่ในใจนางนั่นก็เป็นเพียงหญิงบ้านนอกที่เทียบกับตนเองไม่ได้เลยด้วยซ้ำ นางซึ่งเป็นบุตรีสายตรงของจวนแม่ทัพ จะตกเป็นรองอยู่เป็นภรรยาน้อยของซูจื่อหังหรืออย่างไร?ลำพังแค่คิด นางก็ไม่ต้องการหลิ่วโหรวโหร

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 374 งานเลี้ยงตระกูลจาง

    ขณะที่ถูซินเยว่กำลังยุ่งอยู่กับการเปิดร้านขายเครื่องประดับ และนางหยูกำลังกังวลเรื่องลูกค้าอยู่นั้น เทียบเชิญฉบับหนึ่งก็ได้ส่งมาถึงที่บ้าน"เป็นงานฉลองวันเกิดของมารดาเฒ่าตระกูลจางจากเสนาบีดีกระทรวงการคลัง"ถูซินเยว่ถือเทียบเชิญไว้ในมือและยิ้มอย่างประหลาดใจ "ในเมืองหลวงแห่งนี้ข้านั้นไม่ได้รู้จักใครเลยสักคนหนึ่ง แต่นึกไม่ถึงว่าตระกูลจางจะส่งเทียบเชิญมาให้ข้า"สามีของตนเองก็เป็นข้าราชการขั้นเจ็ดเล็กๆ คนหนึ่ง แม้ว่าตระกูลจากจะไม่ใช่ข้าราชการชั้นสูง แต่ก็เป็นข้าราชการขั้นห้า และบรรพบุรุษก็ล้วนเป็นข้าราชการทั้งนั้น ซึ่งก็นับว่าเป็นตระกูลที่มีคุณธรรมสูงส่งการที่ส่งเทียบเชิญมาให้พวกเขาในงานเลี้ยงวันเกิดเช่นนี้ ก็เรียกได้ว่าไม่ได้ดูถูกพวกเขาเพียงแต่ คนในยุคโบราณส่วนมากจะดูแคลนคนทำธุรกิจ หากตนเองไปร่วมงานละก็ จะทำให้พวกเขารู้ว่าภรรยาของซูจื่อหังเป็นหญิงทำมาค้าขาย ก็ยากที่จะไม่ดูแคลนเดิมทีถูซินเยว่ไม่อยากไป แต่คาดไม่ถึงว่าซูจื่อหังจะหันมากุมมือเธอไว้ ยิ้มแล้วพูดอย่างไม่ใส่ใจนักว่า "บุตรชายของใต้เท้าจางสนิทกับข้า ภรรยาของข้าเป็นหญิงสาวที่มีเสน่ห์มากที่สุดในใต้หล้า ไม่ว่าทำอะไรก็ดีทั้งนั้น แล

  • หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง   บทที่ 373 ฮ่องเต้หมดสติ

    สำหรับถูซินเยว่แล้ว จะเป็นลูกผู้ชายหรือผู้หญิงก็ไม่เป็นไร สิ่งสำคัญคือ การที่ลูกน้อยสามารถคลอดออกมาได้อย่างปลอดภัยเพราะในยุคโบราณการที่ผู้หญิงคลอดลูกนั้นเปรียบเสมือนการเดินไปขอบประตูนรก ดังนั้นการที่สามารถให้กำเนิดลูกได้อย่างปลอดภัยถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ง่าย เธอจึงไม่คาดหวังอย่างอื่นอีกแต่ว่าช่วงนี้เธอมักจะถูกนางหยูล้างสมองอยู่บ่อยๆ จนถูซินเยว่เองก็คิดว่าท้องนี้อาจจะเป็นลูกผู้ชายก็ได้เป็นผู้ชายก็ดี เพราะความคิดปิดกั้นในยุคโบราณนั้นสร้างความลำบากให้กับหญิงสาวอย่างมาก หากเป็นเด็กผู้ชาย ก็สามารถลดความลำบากหลายๆ อย่างให้เธอได้ไม่น้อยเดิมทีถูซินเยว่อยากจะถามฉงเป่าว่าในท้องตนเองนั้นเป็นเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิงกันแน่ ซึ่งตามปกติแล้วขอเพียงเอาของกินมาล่อนิดล่อหน่อย ฉงเป่าก็ยอมพูดทุกอย่าง มีเพียงแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวที่ไม้ว่าถูซินเยว่ถามอย่างไร อีกฝ่ายก็ไม่ยอมบอก"อย่างไรเสียลูกก็อยู่ในท้องของข้า เจ้าจะบอกหน่อยมิได้หรือว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง? ถึงเจ้าพูดมา ด้วยเงื่อนไขการรักษาแบบนี้ข้าก็ทำอะไรเจ้าไม่ได้มิใช่หรือไง?"อีกอย่าง ถูซินเยว่เองก็ไม่มีความคิดการให้ความสำคัญชายมากกว่าหญิงด

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status