เธอรู้ดีว่ากู้ว่างเชินชอบคนที่เชื่อฟัง เขาไม่มีวันชอบผู้หญิงที่ดื้อรั้นกู้ว่างเชินเม้มริมฝีปากแล้วพูดว่า “ไปบ้านของคุณกันเถอะ”เมื่อได้ยินแบบนั้น ดวงตาของลู่เจียวก็สว่างขึ้น เธอกอดแขนกู้ว่างเชินย่างดีใจ และเดินออกไปพร้อมกันกับเขาด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า เธอรู้สึกมีความสุขมากเฟอร์รารีสีดำค่อย ๆ ขับไกลออกไปฉู่เหมียนนั่งอยู่เบาะข้างคนขับพลางมองตรงไปที่รถคันนั้น รู้สึกเจ็บปวดใจอย่างอธิบายไม่ถูกเขาและลู่เจียวกลับไปทานข้าวกันที่บ้าน เขาไปพบพ่อแม่และพี่ชายของลู่เจียวเธออดไม่ได้ที่จะนึกถึงช่วงเวลาที่เธอกับกู้ว่างเชินเพิ่งจะแต่งงานกันเธอเองก็อยากพากู้ว่างเชินกลับไปที่บ้านเหมือนกัน ต้องการบอกกับพ่อของเธอว่าเธอเลือกคนไม่ผิด และทำให้ท่านวางใจ แต่เขาก็ผลัดวันครั้งแล้วครั้งเล่า จนถึงตอนนี้ สามารถนับจำนวนครั้งที่เขาเจอพ่อของเธอได้ด้วยสองมือด้วยซ้ำ รักกับไม่ได้รัก มันแตกต่างกันอย่างชัดเจนฉู่เหมียนหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา เธอมองดูชื่อของกู้ว่างเชินในบัญชีดำ ก่อนจะหันไปมองรถที่เพิ่งขับออกไปหากตอนนี้เธอโทรหากู้ว่างเชิน และขอให้เขาพาเธอกลับบ้าน เขาจะยอมทิ้งลู่เจียวแล้วมาหาเธอหรือเปล่า?ไม่
ชายคนนั้นหันกลับมาและเห็นเธอเช่นกันทั้งสองสบตากันอย่างเป็นประกายฉู่เหมียนเห็นชัดว่าชายคนนั้นกำลังเดินเข้ามาหาเธอ“ฉู่เหมียน บังเอิญจริง ๆ ที่ได้เจอคุณที่นี่ คุณมาคนเดียวเหรอ?”ฉู่เหมียนเม้มริมฝีปาก ดูทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย มาเที่ยวก็ยังเจอคนรู้จักได้ เมืองอวิ๋นนี่มันเล็กจริง ๆ “ฉันมากับเสิ่นเหราน่ะค่ะ” ฉู่เหมียนชี้ไปที่ผู้หญิงที่นั่งอยู่ในโต๊ะส่วนตัวด้านหนึ่งต้วนจิ่นเหนียนมองไปที่ที่นั่งส่วนตัวและเห็นเสิ่นเหราที่กำลังก้มหน้ามองโทรศัพท์ รูปร่างของเธอผอมเพรียว ไม่ว่าในบาร์จะมีคนมากมายแค่ไหน แต่เธอก็สามารถทำให้ผู้คนหันไปมองเธอได้อย่างไม่วางตา เสิ่นเหรามีออร่ามากจริง ๆ และเป็นออร่าที่ไม่มีใครสามารถลอกเลียนแบบได้ต้วนจิ่นเหนียนเลิกคิ้วและพูดขึ้นเบา ๆ “อืม ผมมาคนเดียว อากู้ไม่ได้มา”ฉู่เหมียนไม่คิดว่าจู่ ๆ ต้วนจิ่นเหนียนจะพูดขึ้นแบบนั้น“ฉันรู้ว่าเขาไม่ได้มา ตอนนี้เขาไปตระกูลลู่แล้ว” ฉู่เหมียนพูดอย่างเรียบเฉยเสียงในบาร์แทบจะกลบเสียงของเธอ แต่ต้วนจิ่นเหนียนก็ได้ยินชัดเจน“คุณรู้ได้ยังไง?” ต้วนจิ่นเหนียนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยฉู่เหมียนกระตุกมุมปาก รู้สึกเหมือนได้ปลดปล่อยกับเร
“ทั้ง ๆ ที่จะหย่ากันแล้ว และตัดสินใจที่จะปล่อยมือไปแล้วแท้ ๆ แล้วทำไมถึงยังเจ็บปวดใจอยู่อีกล่ะ?” ฉู่เหมียนขมวดคิ้ว พยายามให้เสิ่นเหราตอบข้อสงสัยของเธอตอนที่เธอเห็นลู่เจียวกอดและออดอ้อนกู้ว่างเชินมันเหมือนมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านร่างกายของเธอ เสิ่นเหราจะเข้าใจความรู้สึกนี้หรือเปล่า?“เหมียนเหมียน เธอแค่ต้องใช้เวลา” เสิ่นเหราปลอบใจฉู่เหมียนฉู่เหมียนรักกู้ว่างเชินมากจนยอมสละทุกอย่างเพื่อเขาได้ สิ่งนี้ไม่สามารถปล่อยวางได้ภายในหนึ่งวันหรือสองวัน“แต่อาเหรา…” น้ำตาของฉู่เหมียนไหลไม่หยุด และเธอก็พูดขึ้นอย่างน่าสงสาร “เขาไม่เคยเลือกฉันเลย”“ถ้าฉันล้มลงพร้อมกับลู่เจียว คนที่เขาจะพยุงก็คือลู่เจียว เขาบอกว่าจะส่งฉันกลับบ้าน แต่พอเห็นลู่เจียว เขาก็ไม่ต้องการฉันแล้ว แค่ลู่เจียวได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย เขาจะกล่าวโทษฉันทันที...”แต่ทำไมกัน ถึงแม้ว่ามันจะเป็นอย่างนั้น เธอก็ยังปล่อยมือจากเขาไม่ได้สักที?ฉู่เหมียนดูน่าสงสารเหมือนเด็กน้อย เธอเล่าความคับข้องใจให้เสิ่นเหราฟังไม่หยุด “ฉันเจ็บปวดมากจริง ๆ”การตกหลุมรักกู้ว่างเชินเป็นสิ่งที่เจ็บปวดมากหากเป็นไปได้ เธอก็หวังว่าจะไม่เคยพบกับกู้ว่างเชินม
ฉู่เหมียนขมวดคิ้ว ใบหน้าที่สวยงามและละเอียดอ่อนของเธอแทบจะย่นเข้าหากัน“ฉู่เหมียน คุณเมามากแล้ว” เสียงของชายคนนั้นดังกังวานและสงบนิ่งฉู่เหมียนมึนงง เธอเงยหน้าขึ้นพยายามมองชายตรงหน้าให้ชัด แต่ขนตาที่หลุดออกมาบวกกับแสงสลัวทำให้เธอไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของเขาได้อย่างชัดเจนเบลอ มันเบลอเกินไปเช่นเดียวกับความรู้สึกของเขาที่มีต่อเธอ มันไม่เคยชัดเจนเลยสักครั้งกู้ว่างเชินมองรอยคล้ำรอบดวงตาของเธอ ดวงตาของเขาก็เกิดความซับซ้อนขึ้นเล็กน้อยทำไมถึงปล่อยให้ตัวเองมีสภาพแบบนี้?“ผมจะไปส่งที่บ้าน” กู้ว่างเชินจับข้อมือของฉู่เหมียน และต้องการพาเธอลงจากเวทีฉู่เหมียนผลักมือเขาออกแล้วส่ายหัว “ไม่ ฉันยังสนุกไม่พอ!”“คุณดื่มมากเกินไปแล้ว!” เขาขมวดคิ้ว และน้ำเสียงก็ผันผวนเล็กน้อย“ฉันเปล่านะ! ฉันมีสติดี!”ฉู่เหมียนตะโกนใบหน้าของกู้ว่างเชินค่อย ๆ เย็นชา และเขาก็เฝ้าดูฉู่เหมียนกลับเข้าไปในฝูงชนอีกครั้งเนื่องจากกู้ว่างเชินอยู่ที่นี่ ในบาร์จึงมีชีวิตชีวาน้อยลงทันทีฉู่เหมียนต้องการหาคนดื่มด้วย แต่คนเหล่านั้นกลับถอยห่างออกไปกู้ว่างเชินยืนอยู่ที่ขอบเวที มองดูผู้คนรอบตัวอย่างไม่แยแส เขาอยากรู้ว่
เขาเคยให้เกียรติกับฉู่เหมียนบ้างหรือเปล่า?พอมาตอนนี้กลับเสแสร้งทำเป็นสามีที่ดี?ต้วนจิ่นเหนียนนี่ก็เหมือนกัน! ปลาเหม็นตามหากุ้งเน่า ไม่มีคนดีเลยสักคน!“ไสหัวออกไป” เสิ่นเหราผลักต้วนจิ่นเหนียนออกไปด้วยความโกรธต้วนจิ่นเหนียนตกตะลึง “คุณเสิ่น บนโลกออนไลน์คุณไม่ใช่แบบนี้นี่นา?”เสิ่นเหรา ดาราสาวผู้มีชื่อเสียงในตำนานนั้นมีเสน่ห์และมีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นอยู่ที่ไหนกัน? เธอเหมือนระเบิดลูกเล็กซะมากกว่า!“คุณพูดเอง นั่นมันบนโลกออนไลน์” เสิ่นเหราตอกกลับอย่างไม่เกรงใจต้วนจิ่นเหนียน “...” ก็จริง!ดาราพออยู่หน้ากล้องกับหลังกล้องนั้นเป็นคนละคน“คุณเสิ่นพักอยู่ที่ไหน? ผมจะไปส่งคุณเอง” ต้วนจิ่นเหนียนยิ้มอย่างสนุกสนานเสิ่นเหรารู้สึกรำคาญ “ฉันมีมือมีเท้า ไม่จำเป็นต้องให้คุณไปส่ง”“ผมต้องเชื่อฟังคำสั่งของอากู้ อีกอย่าง คุณยังเป็นเพื่อนสนิทของภรรยาของอากู้ด้วย ดังนั้นผมต้องไปส่งคุณกลับบ้านอย่างปลอดภัย” ต้วนจิ่นเหนียนกอดอกและยิ้มอย่างหยอกล้อตลอดเวลาเสิ่นเหราหยุดฝีเท้า และต้องการตอบโต้ ต้วนจิ่นเหนียนเปิดประตูรถพร้อมกับรอยยิ้ม “คุณเสิ่น เชิญขึ้นรถเถอะครับ”…“ฉ
“เป็นพนักงานบริการ คุณต้องให้ความเคารพลูกค้าสิ มาด่าคนอื่นแบบนี้มันหมายความว่ายังไง – อ้วก!”ฉู่เหมียนปัดผมไปด้านหลัง พลางดุเขา พลางอาเจียน กู้ว่างเชินรู้สึกว่าเธอค่อนข้างยุ่ง คลื่นไส้อาเจียนขนาดนี้แล้วยังจะมาสอนเขาว่าควรบริการอย่างไรอีก ฉู่เหมียนรู้สึกแย่มาก จนเลิกสนใจเขาไปครู่หนึ่ง ผมของเธอร่วงลงมาจากหู และฉู่เหมียนก็รู้สึกหงุดหงิด หลังจากที่ทัดผมไปมา เธอก็แทบจะตีกับตัวเอง “พรุ่งนี้ฉันจะตัดแกออกแน่! ให้ตายสิ!”กู้ว่างเชิน “...”กู้ว่างเชินจ้องไปที่ฉู่เหมียน และจู่ ๆ ก็ยิ้มขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ถูกเขาถอนหายใจพลางก้าวไปข้างหน้า และช่วยฉู่เหมียนรวบผมของเธอไปด้านหลัง จากนั้นจึงจับผมของเธอไว้อย่างใจเย็นฉู่เหมียนเงยตารูปอัลมอนด์ นัยน์ตาแดงก่ำขึ้นมา และเอ่ยชมกู้ว่างเชิน “บอกแล้วไงว่าคุณเหมาะกับสายงานหนุ่มเลี้ยงวัวมาก”หัวใจของกู้ว่างเชินเต้นแรง ใครเหมาะกับสายงานนี้กัน?“อ้วกไป!” เขาจิ้มศรีษะของของฉู่เหมียนเบา ๆฉู่เหมียนนถอนหายใจ “ถ้าสามีของฉันดีเท่าสักนิดของคุณก็คงดี หรือว่าฉันจะหาทางส่งเขาไปเป็นหนุ่มเลี้ยงวัวดี…”กู้ว่างเชิน “...”“แต่ถ้าเขากลายเป็นหนุ่มเลี้ยงวัว พวกคุณ
เขาโน้มตัวเข้าใกล้ฉู่เหมียน และต้องการช่วยฉู่เหมียนคาดเข็มขัดนิรภัยแต่ทันทีที่เขาเข้าไปใกล้ ฉู่เหมียนก็คว้าเนคไทของเขากู้ว่างเชินชะงักไปครู่หนึ่ง และใบหน้าที่แปลกประหลาดของฉู่เหมียนก็เข้ามาในสายตาของเขาจะบอกว่าเธอสวย? เธอก็มีดวงตาหมีแพนด้าสองดวง จะบอกว่าเธอน่าเกลียด? ดวงตารูปอัลมอนด์ของเธอก็ช่างดูน่าสงสารเหลือเกินกู้ว่างเชินเม้มริมฝีปากและได้ยินเธอถามอย่างคลุมเครือ “คุณไม่หวั่นไหวกับฉันจริง ๆ เหรอ?”คุณไม่หวั่นไหวกับฉันจริง ๆ เหรอ?ดวงตาของกู้ว่างเชินค่อย ๆ ไล่ตามคิ้วไปถึงริมฝีปากสีแดงระเรื่อของเธอเมื่อมองลงไป สไตล์การแต่งตัวช่วงนี้ของเธอก็ช่างใจกล้าจริง ๆ เสื้อผ้าผ้าน้อยชิ้นเผยให้เห็นรูปร่างของเธอได้ชัดเจนขึ้นลูกกระเดือกของกู้ว่างเชินกลิ้งไปมา และเขาก็เข้ามาใกล้ริมฝีปากของเธออย่างควบคุมไม่ได้เวลาดูเหมือนจะหยุดลงอย่างช้า ๆ และเมื่อเขากำลังจะจูบเธอ ใบหน้าของลู่เจียวก็แวบขึ้นมาในหัวของเขากู้ว่างเชินหยุดชั่วคราว และหันศีรษะไปทางอื่นทันทีจูบของฉู่เหมียนจึงตกลงบนคอของเขาอย่างนุ่มนวล มันทั้งนุ่มทั้งเย็น และแฝงไปด้วยสิ่งล่อใจที่ไม่อาจต้านทานได้หัวใจของกู้ว่างเชินรู้สึก
ลูกศรพร้อมที่จะยิงแล้วบรรยากาศภายในรถนั้นร้อนแรงปลายนิ้วของฉู่เหมียนกรีดคอของกู้ว่างเชินโดยไม่ได้ตั้งใจ และร่องรอยของเล็บก็ชัดเจนเป็นพิเศษขณะที่เสื้อผ้าของเธอกำลังจะหลุดออกจากกัน โทรศัพท์มือถือของกู้ว่างเชินก็ดังขึ้นในรถที่เงียบสงบการเคลื่อนไหวของเขาหยุดนิ่ง ปลายนิ้วของเขายังคงอยู่ที่กระดุมด้านหลังของชุดชั้นในของฉู่เหมียนเสียงเรียกเข้านั้นกังวานมากจนผู้ฟังได้สติ ฉู่เหมียนเงยหน้าขึ้น และดวงตาสีแดงของเธอก็สบเข้ากับดวงตาที่มืดครึ้มและคลุมเครือของกู้ว่างเชินฉู่เหมียนเม้มริมฝีปากล่าง มีกลิ่นเลือดติดอยู่ที่มุมริมฝีปากของเธอ และเธอก็เห็นข้อความที่สะดุดตาบนหน้าจอโทรศัพท์ของเขา… เจียวเจียวคือลู่เจียวฉู่เหมียนขมวดคิ้ว สติของเธอค่อย ๆ กระจ่างขึ้น เธออดไม่ได้ที่จะพูดหยอกล้อกู้ว่างเชิน “นี่พวกเรากำลังแอบมีความสัมพันธ์ชู้สาวกันอยู่เหรอ?”กู้ว่างเชินชะงักไปครู่หนึ่ง เขามองคิ้วของฉู่เหมียนแล้วเยาะเย้ย “เราเป็นสามีภรรยากัน”“งั้นคุณกับลู่เจียวจะเรียกว่าแอบมีความสัมพันธ์ชู้สาวกันหรือเปล่า?” ฉู่เหมียนมองตรงไปที่เขา และพูดถึงพฤติกรรมของเขาและลู่เจียวอย่างไม่เกรงใจเขาไม่ได้ปฏิเสธ แต่ก
ฉู่เหมียนไปที่ฐาน M ในทันที เธอต้องการรู้ให้ได้เดี๋ยวนี้ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวเรื่องลู่เจียวเธอทนไม่ได้กับความอับอาย แม้แต่นิดเดียวก็ทนไม่ได้!โม่อี้กำลังตรวจสอบกล้องวงจรปิดของโรงพยาบาล เขาตรวจสอบทุกมุมแล้ว แต่ก็หาคนที่เข้าไปในห้องทำงานของผู้อำนวยการไม่พบ“ดูกล้องวงจรปิดตรงหน้าต่างซิ” ฉู่เหมียนสั่งโม่อี้เสียงเย็นโม่อี้หันไป ก็เห็นฉู่เหมียนยืนอยู่ข้างหลังเขา “หัวหน้า มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?”“เมื่อกี้” ฉู่เหมียนพูดเสียงแข็ง ชัดเจนว่ากำลังโกรธ คำสองคำนั้นเหมือนเค้นผ่านไรฟันออกมาโม่อี้กำลังตรวจสอบอย่างตั้งใจมาก จนไม่ได้สังเกตเห็นว่าเธอมาโม่อี้ร้อง “อืม” เสียงหนึ่ง รีบเปลี่ยนภาพกล้องวงจรปิดไม่ลืมเหลือบมองฉู่เหมียนอย่างระมัดระวังดูตรงหน้าต่าง… เดี๋ยวนะ“หน้าต่างโรงพยาบาลเหรอ?” โม่อี้เหยียดยิ้ม ดูเหมือนจะไม่เชื่อ “หัวหน้า นั่นมันชั้นที่สามสิบกว่านะ คนคนนั้นจะเข้ามาทางหน้าต่างเพื่อแจ้งเบาะแสเรื่องลู่เจียวเหรอ? บ้าไปแล้ว!”แล้วก็ไม่มีที่ให้เข้าไปด้วยนี่นา?“นอกหน้าต่างห้องทำงานของหลินเฉิงชุยมีระเบียง พอจะเข้าไปได้” ฉู่เหมียนคลายความสงสัยของเขาโม่อี้รีบตรวจสอบกล้องวงจรปิดในห
“ฉันไม่ได้แจ้งเบาะแสเกี่ยวกับน้องสาวคุณ เราไม่มีอะไรต้องคุยกัน” ฉู่เหมียนไม่อยากติดต่อกับคนตระกูลลู่“คุณฉู่ ผมไม่ได้มีเจตนาไม่ดี” ลู่อี้อธิบายฉู่เหมียนเงียบไปสามวินาที ก่อนจะเดินไปที่รถ “คุยกันตรงนี้แหละ”ลู่อี้คิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ได้“ฉู่เหมียน ผมรู้ว่าคุณไม่ได้ขัดสนเรื่องเงิน แต่บัตรใบนี้มีมูลค่าสองล้าน” ลู่อี้ยื่นบัตรเครดิตมาให้ฉู่เหมียนตกใจเมื่อเห็นบัตรเครดิตใบนี้เขาหมายความว่ายังไง?“ขอให้คุณใจดีกับน้องสาวผมด้วย” เขาจ้องฉู่เหมียน นัยยะคือ เรื่องนี้เป็นฝีมือคุณ รับเงินสองล้านนี้ไป แล้วจบเรื่องไปซะฉู่เหมียนหัวเราะเขาคิดจะใช้เงินฟาดหัวเธอ นี่ไม่ใช่การดูถูกเธอหรอกเหรอ?“คิดว่าเงินแค่สองล้านจะเปลี่ยนทัศนคติของฉันที่มีต่อน้องสาวคุณได้เหรอ?” ฉู่เหมียนหยิบบัตรเครดิตขึ้น พลางจ้องมองลู่อี้อย่างเยาะเย้ย “ฉันจ่ายให้คุณสองล้าน หวังว่าคุณจะไม่มาปรากฏตัวต่อหน้าฉันอีก เป็นคุณจะรู้สึกยังไง?”“ฉู่เหมียน คุณไม่ยุติธรรมเลย! กล้าทำก็ต้องกล้ารับสิ!” ลู่อี้ขมวดคิ้ว คิดว่าฉู่เหมียนไม่เข้าใจเหตุผล“ฝ่ายที่ไม่ยุติธรรมคือตระกูลลู่ของคุณต่างหาก!” ฉู่เหมียนโยนบัตรเครดิตใส่ลู่อี้พวกเขาทั้งคร
ชูหลานคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหัว เธอพูดว่า “ไม่มีเลย ตอนนั้นเลิกงานพอดี ฉันเลยเอาเอกสารมาให้ผู้อำนวยการ”ฉู่เหมียนเงียบไปสองสามนาที เธอมองวิดีโอในโทรศัพท์ สักพักก็คิดอะไรไม่ออก “ค่ะ”ถ้าไม่ใช่ชูหลานที่เอาเข้ามา งั้นจดหมายร้องเรียนที่ไม่ระบุชื่อนี่บินเข้ามาเองงั้นเหรอ?ไม่ไกลนัก หม่าจือหยางเดินเข้ามา เขามีสมุดประวัติการรักษาสองเล่มในมือ พูดพลางเดินเข้ามา “คุณหมอชู พรุ่งนี้ผมขอลาพักร้อนนะครับ”ชูหลานเหลือบมองหม่าจือหยาง หม่าจือหยางยื่นใบลาพักร้อนให้ชูหลาน“ค่ะ” ชูหลานตอบรับหม่าจือหยางมองฉู่เหมียน แล้วเลิกคิ้ว ก่อนจะหันหลังเดินจากไปฉู่เหมียนสังเกตเห็นใบลาพักร้อนในมือของชูหลาน นั่นเป็นลายมือของหม่าจือหยางแน่นอน“ลายมือรองผู้อำนวยการหม่า สวยดีนะคะ” ฉู่เหมียนพูด“ค่ะ ลายมือรองผู้อำนวยการหม่าอ่านง่ายดี หนักแน่นด้วย” ชูหลานเก็บใบลาพักร้อนไว้ฉู่เหมียนเหลือบมองอีกสองสามครั้ง แล้วก็ไปทำงานต่อแผนกฉุกเฉิน ฉู่เหมียนไปส่งเอกสาร กำลังจะจากไปก็ได้ยินเสียงคนเรียก “คุณหมอฉู่ มารับคนไข้เหรอคะ?”ฉู่เหมียนงง อะไรนะ?“มีคนไข้ของแผนกคุณอยู่ที่นี่พอดี อย่าลืมไปรับนะคะ” พยาบาลสาวเตือนฉู่เหมี
ฉู่เหมียน “…” ก็เธอไม่ใช่เหรอ?“ตำแหน่งของใครมีความขัดแย้งกับลู่เจียวมากที่สุด?”ฉู่เหมียน “…”แผนกศัลยกรรมหัวใจมีหมอสองคน ถ้าตำแหน่งเดียวกัน ก็คงเป็นฉันสินะฉู่เหมียน “คุณหมอหลิน อย่าเอาแต่วิเคราะห์เลยค่ะ” ขืนยังวิเคราะห์ต่อไป เดี๋ยวจะถูกตัดสินว่ามีความผิดเอาเสียเองทุกอย่างชี้ไปที่เธอ ยากจะแก้ตัวจริง ๆฉู่เหมียนเท้ามือลงบนโต๊ะ ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง “ขนาดวันหยุดสุดสัปดาห์ฉันยังนอนไม่หลับเลย”“งั้น… คุณพักร้อนสักสองสามวันไหมครับ?” หลินเฮิงชุยถามความเห็นของฉู่เหมียนอย่างระมัดระวังฉู่เหมียนตกใจ ทำไมล่ะ? ทำอย่างนั้นก็เหมือนกับตัวเองมีความผิดน่ะสิ!เธอไม่ทำอย่างนั้นหรอก ไม่เพียงแต่จะไม่พักร้อน แต่ยังจะปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนอย่างองอาจทุกวันอีกด้วยจดหมายแจ้งเบาะแสฉบับนี้ “จริง ๆ แล้ว คุณไม่ได้เป็นคนเขียนใช่ไหม?”หลินเฮิงชุยเองก็เริ่มสงสัยแล้วฉู่เหมียน “…” ฉู่เหมียนเริ่มปวดหัว“ฉันไปดูที่ห้องควบคุมกล้องวงจรปิดดีกว่า” ฉู่เหมียนยิ้มขณะที่กำลังพูด ประตูห้องทำงานก็ถูกเคาะ เป็นพนักงานผู้รับผิดชอบเรื่องนี้“ผลการตรวจสอบกล้องวงจรปิดออกแล้วเหรอครับ?” หลินเฮิงชุยสวมแว่น รู้สึกว่ามีหว
ขณะที่ฉู่เหมียนกำลังคิดไม่ตกว่าจะพูดอย่างไร เสียงแตกของแจกันที่ตกพื้นในห้องผู้ป่วยก็ดังขึ้น“กรี๊ดดด!”เสียงกรีดร้องของหญิงสาวดังแว่วแทรกเข้ามาในหูกู้ว่างเชินรีบเปิดประตูห้องผู้ป่วยเข้าไปทันที พบว่าผลไม้ถูกโยนมาตกอยู่ที่เท้าของเขากู้ว่างเชินเดินเข้าไปข้างใน ลู่เจียวกำลังนั่งอยู่บนเตียง ผมยุ่งเหยิง ดวงตาแดงก่ำ ดูเหมือนจะใกล้ถึงขีดสุดของความอดทนเมื่อลู่เจียวเห็นกู้ว่างเชิน เธอก็ร้องไห้จนพูดไม่ออก จบแล้ว จบสิ้นแล้วจริง ๆกู้ว่างเชินไม่ยอมรับตัวตนของเธอ ตอนนี้อาชีพที่เธอภาคภูมิใจที่สุดก็หายวับไปแล้ว!เธอจะทำอย่างไรดี?กู้ว่างเชินขมวดคิ้ว ลู่เจียวดูโทรมลงทุกวัน ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เธอต้องมีปัญหาแน่ กู้ว่างเชินเก็บของที่ตกอยู่บนพื้น ลู่เจียวก็โยนลงไปอีกกู้ว่างเชินไม่พูดอะไร แค่คอย ๆ เก็บขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกระทั่งลู่เจียวเหนื่อยที่จะโยน เธอหยุดโยนแล้วเอาแต่ร้องไห้กู้ว่างเชินรู้สึกอึดอัดใจ เดินเข้าไปลูบหัวลู่เจียวเพื่อปลอบโยน เมื่อเห็นเช่นนั้น ลู่เจียวก็ร้องไห้หนักกว่าเดิมเธอลุกขึ้นคุกเข่าแล้วโอบกอดกู้ว่างเชินไว้ ดูเหมือนว่ามีเพียงกู้ว่างเชินเท่
ฉู่เหมียนตกใจ ร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ? ถึงกับต้องฉีดยา!“ใช่ค่ะ ตอนนี้คุณกู้กำลังรออยู่หน้าห้อง เป็นห่วงเจียวเจียวมาก” ซางหานถอนหายใจพอพูดถึงเรื่องนี้ ทุกคนต่างก็คิดว่าฉู่เหมียนแพ้แบบไม่ยุติธรรม!ทุกอย่างของฉู่เหมียนดีกว่าลู่เจียว แต่กลับแพ้ในเรื่องของกู้ว่างเชินฉู่เหมียนกัดริมฝีปาก ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วลุกขึ้น “ฉันจะไปดูหน่อย”“อย่าไปเลยค่ะ ถ้าเจียวเจียวตื่นขึ้นมา ไม่รู้ว่าเธอจะด่าคุณยังไงบ้าง พยาบาลบอกว่าตอนที่เธอกำลังใจเสีย เธอพูดว่า...” พูดมาถึงตรงนี้ ซางหานก็เงียบไปฉู่เหมียนไม่เข้าใจ พูดว่าอะไรล่ะ?ซางหานเกาหัว ดูเหมือนไม่อยากจะเล่าต่อฉู่เหมียนยิ้ม “พูดมาเถอะ ไม่เป็นไรหรอก”คำพูดที่ออกมาจากปากของลู่เจียวเจียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันเกี่ยวกับเธอ…ฉู่เหมียน คงไม่ใช่เรื่องดีแน่“ลู่เจียวบอกว่า เธอจะฆ่าคุณซะ...” ซางหานพูดฉู่เหมียนเม้มปาก เป็นอย่างที่คิดไว้จริงด้วย“เพราะงั้นคุณหมอฉู่ ตอนนี้คุณต้องระวังตัวตอนอยู่ในโรงพยาบาลนะคะ เพราะทุกคนต่างก็คิดว่าคุณเป็นคนแอบเขียนจดหมายร้องเรียน” ซางหานเตือนฉู่เหมียนฉู่เหมียนพยักหน้า ลูบหัวซางหาน “ได้ พี่รู้แล้ว ไปทำงานเถอะ!”“
ร่างกายของฉู่เหมียนเบี่ยงหลบทัน ทำให้มือของหลิ่วอิงพลาดเป้าหลิ่วอิงขมวดคิ้ว “แกยังกล้าหลบอีกเหรอ?”“พ่อแม่ฉันยังไม่เคยกล้าตีฉันเลยสักครั้ง คุณเป็นใครกันถึงมาทำแบบนี้?” ฉู่เหมียนถามหลิ่วอิงอย่างท้าทายหลิ่วอิงอึ้งไปชั่วขณะ เธอจ้องฉู่เหมียนด้วยความโกรธจนแทบจะระเบิดออกมา“ถ้าฉันมีลูกสาวอย่างแก ฉันจะ...” หลิ่วอิงชี้ไปที่ฉู่เหมียน ร่างกายสั่นเทาด้วยความโกรธฉู่เหมียนยิ้ม “โชคดีที่ฉันไม่ใช่ลูกสาวของคุณ และคุณก็ไม่มีลูกอย่างฉัน”พูดตามตรง ถ้าเธอมีแม่แบบหลิ่วอิง เธอก็อยากจะกระโดดตึกตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด!“นี่แก! นังตัวแสบ!” หลิ่วอิงโมโหจนสติแตกลู่อี้ที่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่เงียบ ๆ อดรู้สึกไม่ได้ว่าฉู่เหมียนกับแม่ของเขาไม่เพียงแต่หน้าตาคล้ายกันแต่กระทั่งนิสัยที่ดื้อรั้นก้าวร้าวก็เหมือนกันอย่างน่าประหลาดลู่อี้กลืนน้ำลายลงคอ แล้วก็เห็นฉู่เหมียนเดินจากไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมาหลิ่วอิงที่โกรธจนหน้ามืดก็หันหลังกลับมุ่งหน้าสู่ห้องประชุมทันที เห็นว่าทั้งสองคนดูเหมือนจะเจรจาเข้าใจกันเป็นอย่างดีลู่อี้อดไม่ได้ที่จะดึงแขนหลิ่วอิงไว้ แล้วถามขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว “แม่ครับ แม่ไม่คิดว่า เ
ปัญหาอยู่ที่ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวนี้ นี่มันทำลายอนาคตของลู่เจียวชัด ๆ“งั้นบอกมาสิ ถ้าไม่ใช่เธอ แล้วจะเป็นใคร?” หลิ่วอิงหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ สำหรับแม่คนหนึ่ง อนาคตของลูกสาวถูกทำลาย มันเจ็บปวดกว่าการตายเสียอีก เธอรู้สึกผิดที่ปกป้องลู่เจียวไม่ได้ รู้สึกว่าในเมื่อลู่เจียวทุกข์ เธอก็ทุกข์เหมือนกัน…“ใครจะไปรู้ว่าลูกสาวคุณเมาแล้วพูดอะไรออกมาบ้าง สรุปแล้ว…” ฉู่เหมียนเดินไปหาหลินเฮิงชุย เธอยกจดหมายไม่เปิดเผยตัวตนขึ้นมาดู “คุณหมอคะ ฉันมาเพื่อชี้แจงว่าจดหมายฉบับนี้ไม่ใช่ฉันที่เป็นคนเขียน”“ถ้าคุณหมอจะสอบสวน ฉันจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่” ฉู่เหมียนไม่กลัว เธอไม่ได้เขียน ก็คือไม่ใช่เธอเขียน เธอเกลียดลู่เจียวมาก แต่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เธอไม่เคยคิดจะทำร้ายลู่เจียว ใช่ว่าเธอไม่สู้คน เพราะเธอสู้ได้มากกว่าใคร แต่เพราะลู่เจียวเป็นคนที่กู้ว่างเชินรัก เธอจึงอดทนมาตลอด แต่ถ้าตระกูลลู่มาใส่ร้ายเธอ ฉู่เหมียนจะไม่ยอมอดทนอีกต่อไป“ได้ครับ ฉู่เหมียน ผมเข้าใจแล้ว” หลินเฮิงชุยตอบกลับอย่างจริงจังหลิ่วอิงยังคงไม่พอใจ “คุณหมอคะ ลูกสาวฉันถูกพักงานใช่ไหม? ฉันต้องการให้เธอโดนพักงานด้วย!”เมื่อได้ยินคำพูดนั้
ห้องประชุมโรงพยาบาล ตรงข้ามคุณหมอหลินเฮิงชุ่ยนั่งกันอยู่สามคน คือพ่อและหลิ่วอิง และลู่อี้ที่มาร่วมประชุมสายเห็นได้ชัดว่าเรื่องของลู่เจียวเป็นเรื่องใหญ่สำหรับตระกูลลู่ ถึงกับทำให้ทั้งสามคนต้องมาโรงพยาบาลกันพร้อมหน้าหลินเฮิงชุยพลิกดูประวัติการศึกษาของลู่เจียวแล้วมองทั้งสามคนอย่างมีนัยยะสำคัญ“คุณลู่… ประวัติการศึกษาของลูกสาวคุณ…” หลินเฮิงชุยพูดขึ้นมาหลิ่วอิงรีบพูดแทรกขึ้นมาทันที “ประวัติการศึกษาของลูกสาวฉันถูกต้อง ไม่มีการปลอมแปลงแม้แต่น้อย!”“ใช่ครับ แต่ตอนนี้มีคนแจ้งว่าคุณลู่เจียวได้เข้าเรียนคณะแพทย์โดยการแย่งโควตาของคนอื่น” หลินเฮิงชุยพูดด้วยสีหน้าซับซ้อน การแย่งโควตาเรียนถือเป็นเรื่องใหญ่ เทียบได้กับคดีอาชญากรรม“ใครเป็นคนแจ้ง?” ลู่อวี้เหิงหน้าตาเปลี่ยนไปทันที “นี่มันใส่ร้ายลูกสาวผมชัด ๆ!”หลินเฮิงชุยรีบพูดขึ้นมา “คุณลู่ครับ อย่าเพิ่งใจร้อนนะครับ ตอนนี้เรากำลังอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมหลักฐานอยู่”“บอกมาสิว่าใครแจ้ง!” หลิ่วอิงโมโห เธอตบโต๊ะดังปัง “ลูกสาวฉันยังนอนอยู่โรงพยาบาลอยู่เลย ใครมันมาใส่ร้ายลูกสาวฉันแบบนี้!”หลินเฮิงชุยตอบ “เป็นการแจ้งเบาะแสแบบไม่เปิดเผยตัวตนครับ”“แ