เขาโน้มตัวเข้าใกล้ฉู่เหมียน และต้องการช่วยฉู่เหมียนคาดเข็มขัดนิรภัยแต่ทันทีที่เขาเข้าไปใกล้ ฉู่เหมียนก็คว้าเนคไทของเขากู้ว่างเชินชะงักไปครู่หนึ่ง และใบหน้าที่แปลกประหลาดของฉู่เหมียนก็เข้ามาในสายตาของเขาจะบอกว่าเธอสวย? เธอก็มีดวงตาหมีแพนด้าสองดวง จะบอกว่าเธอน่าเกลียด? ดวงตารูปอัลมอนด์ของเธอก็ช่างดูน่าสงสารเหลือเกินกู้ว่างเชินเม้มริมฝีปากและได้ยินเธอถามอย่างคลุมเครือ “คุณไม่หวั่นไหวกับฉันจริง ๆ เหรอ?”คุณไม่หวั่นไหวกับฉันจริง ๆ เหรอ?ดวงตาของกู้ว่างเชินค่อย ๆ ไล่ตามคิ้วไปถึงริมฝีปากสีแดงระเรื่อของเธอเมื่อมองลงไป สไตล์การแต่งตัวช่วงนี้ของเธอก็ช่างใจกล้าจริง ๆ เสื้อผ้าผ้าน้อยชิ้นเผยให้เห็นรูปร่างของเธอได้ชัดเจนขึ้นลูกกระเดือกของกู้ว่างเชินกลิ้งไปมา และเขาก็เข้ามาใกล้ริมฝีปากของเธออย่างควบคุมไม่ได้เวลาดูเหมือนจะหยุดลงอย่างช้า ๆ และเมื่อเขากำลังจะจูบเธอ ใบหน้าของลู่เจียวก็แวบขึ้นมาในหัวของเขากู้ว่างเชินหยุดชั่วคราว และหันศีรษะไปทางอื่นทันทีจูบของฉู่เหมียนจึงตกลงบนคอของเขาอย่างนุ่มนวล มันทั้งนุ่มทั้งเย็น และแฝงไปด้วยสิ่งล่อใจที่ไม่อาจต้านทานได้หัวใจของกู้ว่างเชินรู้สึก
ลูกศรพร้อมที่จะยิงแล้วบรรยากาศภายในรถนั้นร้อนแรงปลายนิ้วของฉู่เหมียนกรีดคอของกู้ว่างเชินโดยไม่ได้ตั้งใจ และร่องรอยของเล็บก็ชัดเจนเป็นพิเศษขณะที่เสื้อผ้าของเธอกำลังจะหลุดออกจากกัน โทรศัพท์มือถือของกู้ว่างเชินก็ดังขึ้นในรถที่เงียบสงบการเคลื่อนไหวของเขาหยุดนิ่ง ปลายนิ้วของเขายังคงอยู่ที่กระดุมด้านหลังของชุดชั้นในของฉู่เหมียนเสียงเรียกเข้านั้นกังวานมากจนผู้ฟังได้สติ ฉู่เหมียนเงยหน้าขึ้น และดวงตาสีแดงของเธอก็สบเข้ากับดวงตาที่มืดครึ้มและคลุมเครือของกู้ว่างเชินฉู่เหมียนเม้มริมฝีปากล่าง มีกลิ่นเลือดติดอยู่ที่มุมริมฝีปากของเธอ และเธอก็เห็นข้อความที่สะดุดตาบนหน้าจอโทรศัพท์ของเขา… เจียวเจียวคือลู่เจียวฉู่เหมียนขมวดคิ้ว สติของเธอค่อย ๆ กระจ่างขึ้น เธออดไม่ได้ที่จะพูดหยอกล้อกู้ว่างเชิน “นี่พวกเรากำลังแอบมีความสัมพันธ์ชู้สาวกันอยู่เหรอ?”กู้ว่างเชินชะงักไปครู่หนึ่ง เขามองคิ้วของฉู่เหมียนแล้วเยาะเย้ย “เราเป็นสามีภรรยากัน”“งั้นคุณกับลู่เจียวจะเรียกว่าแอบมีความสัมพันธ์ชู้สาวกันหรือเปล่า?” ฉู่เหมียนมองตรงไปที่เขา และพูดถึงพฤติกรรมของเขาและลู่เจียวอย่างไม่เกรงใจเขาไม่ได้ปฏิเสธ แต่ก
ฉู่เหมียนเม้มริมฝีปาก แม้ว่าจะไม่ได้ฟังตั้งแต่แรก แต่เธอก็รู้ว่าเขากำลังดุเธอเมื่อคืนเธอเมาเละเทะกลับมา พ่อกับแม่คงจะดูแลเธอทั้งคืนเป็นแน่ฉู่เหมียนลงมาที่ห้องนั่งเล่น ฉู่เทียนเหอก็มองเห็นเธอทันทีเขาสถบเสียงเย็น และหลังจากแน่ใจแล้วว่าฉู่เหมียนไม่เป็นอะไร เขาก็หยิบกระเป๋าเอกสารขึ้นมาและออกไปทำงาน“พ่อคะ เดินทางปลอดภัยนะคะ!” ฉู่เหมียนเตือนเขาอย่างประจบประแจงฉู่เทียนเหอจากไปโดยไม่หันกลับมามองฉู่เหมียนมุ่ยปากและมองไปที่แม่ของเธอ เซิ่งฉิงขมวดคิ้ว “เหมียนเหมียน ตั้งใจทำงานนะ ทำไมถึงได้ดื่มจนมีสภาพแบบนั้น?”“นี่ซุปแก้เมาค้างที่แม่เตรียมไว้ให้ ดื่มแล้วก็รีบไปทำงานเถอะ!” เซิ่งฉิงสั่ง“ค่ะแม่” ฉู่เหมียนพยักหน้าอย่างเชื่อฟังเซิ่งฉิงถอนหายใจ เธอจิ้มหัวของฉู่เหมียนเบา ๆ ก่อนจะไปทำงานฉู่เหมียนนอนอยู่บนโซฟา เธอยังคงรู้สึกมึนหัวเล็กน้อยและมีความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ในใจจู่ ๆ ฉู่เหมียนก็นึกถึงใบหน้าที่ละโมบและน่าขยะแขยงของอันขุยเมื่อวานนี้แล้ว สีหน้าของเธอก็มืดลง เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วส่งข้อความถึงโม่อี้M : บริษัทตระกูลอันขวางทางไปหน่อยโม่อี้ : เข้าใจแล้วหัวหน้า!เช้าแล้วและบ
ตลอดช่วงเช้า ฉู่เหมียนเรียนรู้จากประสบการณ์เป็นไปตามที่ชูหลานพูด มีผู้ป่วยทุกประเภทจริง ๆคนไข้บางคนมีน้ำตาคลอเบ้า และขอร้องให้ชูหลานช่วยเธอ คนไข้บางคนขมวดคิ้วและดูดื้อรั้น ราวกับไม่เชื่อคุณหมอ สิ่งที่ทำให้รู้สึกโกรธมากกว่าไม่ใช่ผู้ป่วย แต่คือสมาชิกในครอบครัวอย่างเช่นตอนนี้“ยัยผู้หญิงคนนี้เป็นโรคอะไร ถึงต้องใช้เงินรักษามากมายขนาดนั้น?”“ตอนนี้ฉันไม่มีเงินจะรักษาเธอแล้ว! ฉันขอถามคุณแค่คำเดียว คุณจะช่วยรักษาเธอให้หายขาดได้ไหม?”ด้านหน้าคือชายวัยกลางคนสวมเสื้อผ้าดูมอมแมม ชายผู้นี้อยู่ในวัยห้าสิบกว่า และเขาก็ให้ความรู้สึกหยาบคายอย่างอธิบายไม่ถูกข้าง ๆ เขามีผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ในวัยสามสิบกำลังนั่งอยู่ ผิวเธอขาวและหน้าตาสะสวย แต่ดูอ่อนแอและไม่พูดไม่จา“คุณหมอคะ ฉันอยากรู้ว่าโรคของฉัน...สามารถรักษาให้หายขาดได้ไหมคะ?” เสียงของเธอเบามาก ราวกับถูกลมพัด“แค่เด็กก็ยังให้กำเนิดไม่ได้ จะรักษาทำบ้าอะไร! ฉันไม่ควรพาเธอมาตรวจที่โรงพยาบาลจริง ๆ ฉันว่าเธอแสร้งทำเป็นป่วยมากกว่า!”เมื่อชายคนนั้นตะโกน เธอก็ก้มศีรษะลงทันที และหายใจอย่างหวาดระแวงฉู่เหมียนขมวดคิ้ว เห็นชายคนนั้นยกมือขึ้นตบหัวผู้ห
เมื่อหลายปีก่อนเธอที่เพิ่งมาที่แผนกผู้ป่วยนอก และได้พบกับคู่สามีภรรยาแบบนี้คู่หนึ่ง เธอใจอ่อนยอมช่วยผู้หญิงคนนั้น แต่เมื่อผู้ชายรู้เรื่องเข้ากลับเกาะติดเธอพวกเขาเรียกร้องเงินจากเธอ บังคับให้เธอซื้อรถซื้อบ้าน และดูแลพวกเขาตลอดชีวิต!พวกเขาเอ่ยอย่างหนักแน่นว่า “คุณไม่ใช่คนรวยหรอกเหรอ? ถ้าจะช่วยก็ควรช่วยให้สุดทางสิ!!”ตั้งแต่นั้นมาชูหลานก็เริ่มกลัวคนชั่วพวกนี้!“ทราบแล้วค่ะ ผู้อำนวยการชู” ฉู่เหมียนตอบรับอย่างจริงจัง“เอาล่ะ ไปพักเที่ยงเถอะ” ชูหลานถอดแว่นตาออกและนวดขมับอย่างอ่อนล้าฉู่เหมียนเดินเข้ามาใกล้แล้วเอ่ยขึ้นว่า “ผู้อำนวยการชู ให้ฉันนวดให้ไหมคะ?”ชูหลานที่ตั้งใจจะเอ่ยปฏิเสธ แต่เมื่อฉู่เหมียนเริ่มนวด มันก็รู้สึกดีมากจนทำให้เธอไม่อยากปฏิเสธชูหลานรู้สึกว่าเธอไม่คู่ควรที่จะให้คุณหนูตระกูลฉู่มานวดให้“เธอเคยเรียนนวดมาเหรอ?” ชูหลานถามฉู่เหมียนฉู่เหมียนส่ายหน้าชูหลานหัวเราะเบา ๆ “ข้างนอกเขาพูดกันว่าตระกูลฉู่เป็นตระกูลแพทย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ดูเหมือนว่าคุณหนูตระกูลฉู่จะทำอะไรไม่เป็น ที่ไหนได้ ไม่ใช่แบบนั้นเลย!”ฉู่เหมียนไม่โต้แย้งแต่อย่างใดชูหลานตบแขนของฉู่เหมียนแล้วพา
หลังจากกินข้าวเที่ยงเสร็จ ฉู่เหมียนก็กำลังทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมในแผนกผู้ป่วยนอก ก็ได้รับข้อความจากฉู่เทียนหยางฉู่เทียนหยาง ‘หลานรัก ออกมาเถอะ ลุงจะพาไปเที่ยว!ฉู่เหมียน: ‘…ลุงคะ หนูเป็นพนักงานนะ หนูต้องทำงานค่ะ’ฉู่เทียนหยาง: ‘ทำงานทำไมกัน ตระกูลฉู่เลี้ยงแกไม่ไหวหรือไง?’ฉู่เหมียนถอนหายใจอย่างจนปัญญา เลี้ยงน่ะเลี้ยงได้ แต่เธอก็ไม่อยากพึ่งตระกูลฉู่ไปตลอดชีวิตฉู่เทียนหยาง: ‘งั้นคืนนี้ลุงจะพาแกไปกินอาหารอร่อย ๆ ตอบแทนแกซะหน่อย’ฉู่เหมียนยิ้มแล้วตอบกลับไปว่า ‘ได้ค่ะ’คุณลุงคงรู้สึกว่าเมื่อคืนที่เธอไปกินข้าวกับอันขุยนั้นคงทำให้เธอลำบากใจ จึงอยากชดเชยให้เธอบ้างขณะที่ฉู่เหมียนกำลังเดินไปทางลิฟต์ สายตาก็เหลือบไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูคุ้นเคย เธอขมวดคิ้ว นั่นไม่ใช่ผู้หญิงที่เธอเจอตอนเช้าเหรอ? ผู้หญิงคนนั้นแต่งตัวเรียบง่าย สวมเสื้อผ้าสีขาวสะอาดกับรองเท้าผ้าลายดอกไม้ ผมยาวมัดเรียบร้อย ดูสง่างามผู้หญิงคนนั้นเงยหน้าขึ้นมาเห็นฉู่เหมียน ดวงตาของเธอมีประกายขึ้นเล็กน้อยฉู่เหมียนมองเธอรอบ ๆ แต่ก็ไม่เห็นผู้ชายคนนั้นอยู่ฉู่เหมียนจึงเดินเข้าไปหาเธอ เมื่อผู้หญิงคนนั้นเห็นฉู่เหมียน
เสียงด่าทอของผู้ชายดังลั่นอยู่ ทำให้ทุกคนเริ่มรู้สึกไม่พอใจ“ทำไมถึงเรียกผู้หญิงว่าเป็นสิ่งชีวิตไร้ค่า?”“ผู้ชายคนนี้มาจากที่ไหนกัน ทำไมถึงไม่มีมารยาทแบบนี้?”“แจ้งตำรวจ แจ้งตำรวจเร็ว!”ผู้หญิงคนนั้นถูกทำร้ายจนเลือดออกจากจมูก เธอนอนอยู่บนพื้นอย่างหมดเรี่ยวแรงไม่ว่าจะมีคนรอบข้างพยายามห้ามปรามเท่าไหร่ ชายคนนั้นก็ไม่มีท่าทีจะหยุด ยังคงถามเธอว่า “ยังจะรักษาอีกไหม? ยังจะหนีออกมาเองอีกไหม?”“ตอบสิ!” ชายคนนั้นตบลงไปอย่างรุนแรงน้ำตาของผู้หญิงไหลออกมาเต็มหน้า หัวใจของเธอเต็มไปด้วยความเจ็บปวดบางคนเกลียดชังที่ตัวเองเกิดมาไม่ทันสมัยใหม่ ไม่มีโอกาสได้อยู่ในสังคมที่เสรีเช่นนี้ บางคนกลับเกิดมาในสังคมปัจจุบัน แต่ก็ยังเกลียดชังที่ทำไมตัวเองยังต้องมีชีวิตอยู่ฉู่เหมียนมองดูเหตุการณ์ด้วยความเจ็บปวดในใจ แม้ชูหลานจะเอ่ยเตือนเธอหลายครั้งว่าอย่ายุ่งเรื่องของคนไข้ แต่เมื่อเธอเห็นเหตุการณ์นี้ เธอก็ไม่สามารถมองข้ามได้อีกต่อไปเพราะสิ่งที่ผู้ชายคนนั้นกำลังดูถูก ไม่ใช่แค่ผู้หญิงที่นอนอยู่บนพื้นเท่านั้น แต่เป็นผู้หญิงทุกคน!ผู้หญิงต่ำต้อยกว่าผู้ชายอย่างนั้นเหรอ? ทำไมผู้หญิงถึงต้องเป็นแค่ชีวิตไร้ค่าด้
ฉู่เหมียนยิ้มขมขื่น มีแต่คนที่ไร้ความสามารถเท่านั้น ที่คิดจะควบคุมชีวิตและความตายของผู้อื่น!“งั้นก็ลองดูสิ” ฉู่เหมียนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา ท่าทีของเธอดูสงบนิ่งอย่างมาก“นี่แกขู่ฉันงั้นเหรอ?” ชายคนนั้นจ้องฉู่เหมียนด้วยความโกรธและหายใจถี่ “แกคิดว่าฉันไม่กล้าใช่ไหม?”ผู้หญิงที่อยู่บนพื้นค่อย ๆ คลานขึ้นมา เธอกอดขาชายคนนั้นพร้อมกับส่ายหัว“หมอฉู่ ขอบคุณนะคะ… แต่ฉันไม่รักษาแล้ว ฉันไม่รักษาแล้ว” เธอร้องไห้น้ำตาไหลพราก ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยเส้นเลือดแดงแม้แต่ร่องรอยแห่งกาลเวลา ฉู่เหมียนก็มองไม่เห็นมันแล้ว“ฉันไม่รักษาแล้ว ฉันจะกลับบ้านกับคุณ ฉันจะเชื่อฟังคุณ คุณจะให้ฉันทำอะไรก็ได้…” เธอกอดขาชายคนนั้นและพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยการวิงวอน “กลับบ้านกันเถอะนะ…” หยุดก่อเรื่องสักทีเรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ทุกคนมองดูพวกเขาด้วยสายตาเยาะเย้ยฉู่เหมียนรู้สึกเวทนาจับใจเมื่อมองผู้หญิงคนนี้ เธอรู้สึกเหมือนกำลังเห็นตัวเองตอนที่เคยขอร้องกู้ว่างเชินอย่างสิ้นหวัง ขอร้องให้เขารักเธอเมื่อผู้หญิงไม่มีผู้ชายแล้ว ผู้หญิงจะมีชีวิตอยู่ไม่ได้จริง ๆ หรือ?เมื่อคิดถึงตรงนี้น ฉู่เหมียนก็ก้าวไปข้างหน้าอย่
ฉู่เหมียนไปที่ฐาน M ในทันที เธอต้องการรู้ให้ได้เดี๋ยวนี้ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวเรื่องลู่เจียวเธอทนไม่ได้กับความอับอาย แม้แต่นิดเดียวก็ทนไม่ได้!โม่อี้กำลังตรวจสอบกล้องวงจรปิดของโรงพยาบาล เขาตรวจสอบทุกมุมแล้ว แต่ก็หาคนที่เข้าไปในห้องทำงานของผู้อำนวยการไม่พบ“ดูกล้องวงจรปิดตรงหน้าต่างซิ” ฉู่เหมียนสั่งโม่อี้เสียงเย็นโม่อี้หันไป ก็เห็นฉู่เหมียนยืนอยู่ข้างหลังเขา “หัวหน้า มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?”“เมื่อกี้” ฉู่เหมียนพูดเสียงแข็ง ชัดเจนว่ากำลังโกรธ คำสองคำนั้นเหมือนเค้นผ่านไรฟันออกมาโม่อี้กำลังตรวจสอบอย่างตั้งใจมาก จนไม่ได้สังเกตเห็นว่าเธอมาโม่อี้ร้อง “อืม” เสียงหนึ่ง รีบเปลี่ยนภาพกล้องวงจรปิดไม่ลืมเหลือบมองฉู่เหมียนอย่างระมัดระวังดูตรงหน้าต่าง… เดี๋ยวนะ“หน้าต่างโรงพยาบาลเหรอ?” โม่อี้เหยียดยิ้ม ดูเหมือนจะไม่เชื่อ “หัวหน้า นั่นมันชั้นที่สามสิบกว่านะ คนคนนั้นจะเข้ามาทางหน้าต่างเพื่อแจ้งเบาะแสเรื่องลู่เจียวเหรอ? บ้าไปแล้ว!”แล้วก็ไม่มีที่ให้เข้าไปด้วยนี่นา?“นอกหน้าต่างห้องทำงานของหลินเฉิงชุยมีระเบียง พอจะเข้าไปได้” ฉู่เหมียนคลายความสงสัยของเขาโม่อี้รีบตรวจสอบกล้องวงจรปิดในห
“ฉันไม่ได้แจ้งเบาะแสเกี่ยวกับน้องสาวคุณ เราไม่มีอะไรต้องคุยกัน” ฉู่เหมียนไม่อยากติดต่อกับคนตระกูลลู่“คุณฉู่ ผมไม่ได้มีเจตนาไม่ดี” ลู่อี้อธิบายฉู่เหมียนเงียบไปสามวินาที ก่อนจะเดินไปที่รถ “คุยกันตรงนี้แหละ”ลู่อี้คิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ได้“ฉู่เหมียน ผมรู้ว่าคุณไม่ได้ขัดสนเรื่องเงิน แต่บัตรใบนี้มีมูลค่าสองล้าน” ลู่อี้ยื่นบัตรเครดิตมาให้ฉู่เหมียนตกใจเมื่อเห็นบัตรเครดิตใบนี้เขาหมายความว่ายังไง?“ขอให้คุณใจดีกับน้องสาวผมด้วย” เขาจ้องฉู่เหมียน นัยยะคือ เรื่องนี้เป็นฝีมือคุณ รับเงินสองล้านนี้ไป แล้วจบเรื่องไปซะฉู่เหมียนหัวเราะเขาคิดจะใช้เงินฟาดหัวเธอ นี่ไม่ใช่การดูถูกเธอหรอกเหรอ?“คิดว่าเงินแค่สองล้านจะเปลี่ยนทัศนคติของฉันที่มีต่อน้องสาวคุณได้เหรอ?” ฉู่เหมียนหยิบบัตรเครดิตขึ้น พลางจ้องมองลู่อี้อย่างเยาะเย้ย “ฉันจ่ายให้คุณสองล้าน หวังว่าคุณจะไม่มาปรากฏตัวต่อหน้าฉันอีก เป็นคุณจะรู้สึกยังไง?”“ฉู่เหมียน คุณไม่ยุติธรรมเลย! กล้าทำก็ต้องกล้ารับสิ!” ลู่อี้ขมวดคิ้ว คิดว่าฉู่เหมียนไม่เข้าใจเหตุผล“ฝ่ายที่ไม่ยุติธรรมคือตระกูลลู่ของคุณต่างหาก!” ฉู่เหมียนโยนบัตรเครดิตใส่ลู่อี้พวกเขาทั้งคร
ชูหลานคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหัว เธอพูดว่า “ไม่มีเลย ตอนนั้นเลิกงานพอดี ฉันเลยเอาเอกสารมาให้ผู้อำนวยการ”ฉู่เหมียนเงียบไปสองสามนาที เธอมองวิดีโอในโทรศัพท์ สักพักก็คิดอะไรไม่ออก “ค่ะ”ถ้าไม่ใช่ชูหลานที่เอาเข้ามา งั้นจดหมายร้องเรียนที่ไม่ระบุชื่อนี่บินเข้ามาเองงั้นเหรอ?ไม่ไกลนัก หม่าจือหยางเดินเข้ามา เขามีสมุดประวัติการรักษาสองเล่มในมือ พูดพลางเดินเข้ามา “คุณหมอชู พรุ่งนี้ผมขอลาพักร้อนนะครับ”ชูหลานเหลือบมองหม่าจือหยาง หม่าจือหยางยื่นใบลาพักร้อนให้ชูหลาน“ค่ะ” ชูหลานตอบรับหม่าจือหยางมองฉู่เหมียน แล้วเลิกคิ้ว ก่อนจะหันหลังเดินจากไปฉู่เหมียนสังเกตเห็นใบลาพักร้อนในมือของชูหลาน นั่นเป็นลายมือของหม่าจือหยางแน่นอน“ลายมือรองผู้อำนวยการหม่า สวยดีนะคะ” ฉู่เหมียนพูด“ค่ะ ลายมือรองผู้อำนวยการหม่าอ่านง่ายดี หนักแน่นด้วย” ชูหลานเก็บใบลาพักร้อนไว้ฉู่เหมียนเหลือบมองอีกสองสามครั้ง แล้วก็ไปทำงานต่อแผนกฉุกเฉิน ฉู่เหมียนไปส่งเอกสาร กำลังจะจากไปก็ได้ยินเสียงคนเรียก “คุณหมอฉู่ มารับคนไข้เหรอคะ?”ฉู่เหมียนงง อะไรนะ?“มีคนไข้ของแผนกคุณอยู่ที่นี่พอดี อย่าลืมไปรับนะคะ” พยาบาลสาวเตือนฉู่เหมี
ฉู่เหมียน “…” ก็เธอไม่ใช่เหรอ?“ตำแหน่งของใครมีความขัดแย้งกับลู่เจียวมากที่สุด?”ฉู่เหมียน “…”แผนกศัลยกรรมหัวใจมีหมอสองคน ถ้าตำแหน่งเดียวกัน ก็คงเป็นฉันสินะฉู่เหมียน “คุณหมอหลิน อย่าเอาแต่วิเคราะห์เลยค่ะ” ขืนยังวิเคราะห์ต่อไป เดี๋ยวจะถูกตัดสินว่ามีความผิดเอาเสียเองทุกอย่างชี้ไปที่เธอ ยากจะแก้ตัวจริง ๆฉู่เหมียนเท้ามือลงบนโต๊ะ ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง “ขนาดวันหยุดสุดสัปดาห์ฉันยังนอนไม่หลับเลย”“งั้น… คุณพักร้อนสักสองสามวันไหมครับ?” หลินเฮิงชุยถามความเห็นของฉู่เหมียนอย่างระมัดระวังฉู่เหมียนตกใจ ทำไมล่ะ? ทำอย่างนั้นก็เหมือนกับตัวเองมีความผิดน่ะสิ!เธอไม่ทำอย่างนั้นหรอก ไม่เพียงแต่จะไม่พักร้อน แต่ยังจะปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนอย่างองอาจทุกวันอีกด้วยจดหมายแจ้งเบาะแสฉบับนี้ “จริง ๆ แล้ว คุณไม่ได้เป็นคนเขียนใช่ไหม?”หลินเฮิงชุยเองก็เริ่มสงสัยแล้วฉู่เหมียน “…” ฉู่เหมียนเริ่มปวดหัว“ฉันไปดูที่ห้องควบคุมกล้องวงจรปิดดีกว่า” ฉู่เหมียนยิ้มขณะที่กำลังพูด ประตูห้องทำงานก็ถูกเคาะ เป็นพนักงานผู้รับผิดชอบเรื่องนี้“ผลการตรวจสอบกล้องวงจรปิดออกแล้วเหรอครับ?” หลินเฮิงชุยสวมแว่น รู้สึกว่ามีหว
ขณะที่ฉู่เหมียนกำลังคิดไม่ตกว่าจะพูดอย่างไร เสียงแตกของแจกันที่ตกพื้นในห้องผู้ป่วยก็ดังขึ้น“กรี๊ดดด!”เสียงกรีดร้องของหญิงสาวดังแว่วแทรกเข้ามาในหูกู้ว่างเชินรีบเปิดประตูห้องผู้ป่วยเข้าไปทันที พบว่าผลไม้ถูกโยนมาตกอยู่ที่เท้าของเขากู้ว่างเชินเดินเข้าไปข้างใน ลู่เจียวกำลังนั่งอยู่บนเตียง ผมยุ่งเหยิง ดวงตาแดงก่ำ ดูเหมือนจะใกล้ถึงขีดสุดของความอดทนเมื่อลู่เจียวเห็นกู้ว่างเชิน เธอก็ร้องไห้จนพูดไม่ออก จบแล้ว จบสิ้นแล้วจริง ๆกู้ว่างเชินไม่ยอมรับตัวตนของเธอ ตอนนี้อาชีพที่เธอภาคภูมิใจที่สุดก็หายวับไปแล้ว!เธอจะทำอย่างไรดี?กู้ว่างเชินขมวดคิ้ว ลู่เจียวดูโทรมลงทุกวัน ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เธอต้องมีปัญหาแน่ กู้ว่างเชินเก็บของที่ตกอยู่บนพื้น ลู่เจียวก็โยนลงไปอีกกู้ว่างเชินไม่พูดอะไร แค่คอย ๆ เก็บขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกระทั่งลู่เจียวเหนื่อยที่จะโยน เธอหยุดโยนแล้วเอาแต่ร้องไห้กู้ว่างเชินรู้สึกอึดอัดใจ เดินเข้าไปลูบหัวลู่เจียวเพื่อปลอบโยน เมื่อเห็นเช่นนั้น ลู่เจียวก็ร้องไห้หนักกว่าเดิมเธอลุกขึ้นคุกเข่าแล้วโอบกอดกู้ว่างเชินไว้ ดูเหมือนว่ามีเพียงกู้ว่างเชินเท่
ฉู่เหมียนตกใจ ร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ? ถึงกับต้องฉีดยา!“ใช่ค่ะ ตอนนี้คุณกู้กำลังรออยู่หน้าห้อง เป็นห่วงเจียวเจียวมาก” ซางหานถอนหายใจพอพูดถึงเรื่องนี้ ทุกคนต่างก็คิดว่าฉู่เหมียนแพ้แบบไม่ยุติธรรม!ทุกอย่างของฉู่เหมียนดีกว่าลู่เจียว แต่กลับแพ้ในเรื่องของกู้ว่างเชินฉู่เหมียนกัดริมฝีปาก ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วลุกขึ้น “ฉันจะไปดูหน่อย”“อย่าไปเลยค่ะ ถ้าเจียวเจียวตื่นขึ้นมา ไม่รู้ว่าเธอจะด่าคุณยังไงบ้าง พยาบาลบอกว่าตอนที่เธอกำลังใจเสีย เธอพูดว่า...” พูดมาถึงตรงนี้ ซางหานก็เงียบไปฉู่เหมียนไม่เข้าใจ พูดว่าอะไรล่ะ?ซางหานเกาหัว ดูเหมือนไม่อยากจะเล่าต่อฉู่เหมียนยิ้ม “พูดมาเถอะ ไม่เป็นไรหรอก”คำพูดที่ออกมาจากปากของลู่เจียวเจียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันเกี่ยวกับเธอ…ฉู่เหมียน คงไม่ใช่เรื่องดีแน่“ลู่เจียวบอกว่า เธอจะฆ่าคุณซะ...” ซางหานพูดฉู่เหมียนเม้มปาก เป็นอย่างที่คิดไว้จริงด้วย“เพราะงั้นคุณหมอฉู่ ตอนนี้คุณต้องระวังตัวตอนอยู่ในโรงพยาบาลนะคะ เพราะทุกคนต่างก็คิดว่าคุณเป็นคนแอบเขียนจดหมายร้องเรียน” ซางหานเตือนฉู่เหมียนฉู่เหมียนพยักหน้า ลูบหัวซางหาน “ได้ พี่รู้แล้ว ไปทำงานเถอะ!”“
ร่างกายของฉู่เหมียนเบี่ยงหลบทัน ทำให้มือของหลิ่วอิงพลาดเป้าหลิ่วอิงขมวดคิ้ว “แกยังกล้าหลบอีกเหรอ?”“พ่อแม่ฉันยังไม่เคยกล้าตีฉันเลยสักครั้ง คุณเป็นใครกันถึงมาทำแบบนี้?” ฉู่เหมียนถามหลิ่วอิงอย่างท้าทายหลิ่วอิงอึ้งไปชั่วขณะ เธอจ้องฉู่เหมียนด้วยความโกรธจนแทบจะระเบิดออกมา“ถ้าฉันมีลูกสาวอย่างแก ฉันจะ...” หลิ่วอิงชี้ไปที่ฉู่เหมียน ร่างกายสั่นเทาด้วยความโกรธฉู่เหมียนยิ้ม “โชคดีที่ฉันไม่ใช่ลูกสาวของคุณ และคุณก็ไม่มีลูกอย่างฉัน”พูดตามตรง ถ้าเธอมีแม่แบบหลิ่วอิง เธอก็อยากจะกระโดดตึกตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด!“นี่แก! นังตัวแสบ!” หลิ่วอิงโมโหจนสติแตกลู่อี้ที่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่เงียบ ๆ อดรู้สึกไม่ได้ว่าฉู่เหมียนกับแม่ของเขาไม่เพียงแต่หน้าตาคล้ายกันแต่กระทั่งนิสัยที่ดื้อรั้นก้าวร้าวก็เหมือนกันอย่างน่าประหลาดลู่อี้กลืนน้ำลายลงคอ แล้วก็เห็นฉู่เหมียนเดินจากไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมาหลิ่วอิงที่โกรธจนหน้ามืดก็หันหลังกลับมุ่งหน้าสู่ห้องประชุมทันที เห็นว่าทั้งสองคนดูเหมือนจะเจรจาเข้าใจกันเป็นอย่างดีลู่อี้อดไม่ได้ที่จะดึงแขนหลิ่วอิงไว้ แล้วถามขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว “แม่ครับ แม่ไม่คิดว่า เ
ปัญหาอยู่ที่ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวนี้ นี่มันทำลายอนาคตของลู่เจียวชัด ๆ“งั้นบอกมาสิ ถ้าไม่ใช่เธอ แล้วจะเป็นใคร?” หลิ่วอิงหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ สำหรับแม่คนหนึ่ง อนาคตของลูกสาวถูกทำลาย มันเจ็บปวดกว่าการตายเสียอีก เธอรู้สึกผิดที่ปกป้องลู่เจียวไม่ได้ รู้สึกว่าในเมื่อลู่เจียวทุกข์ เธอก็ทุกข์เหมือนกัน…“ใครจะไปรู้ว่าลูกสาวคุณเมาแล้วพูดอะไรออกมาบ้าง สรุปแล้ว…” ฉู่เหมียนเดินไปหาหลินเฮิงชุย เธอยกจดหมายไม่เปิดเผยตัวตนขึ้นมาดู “คุณหมอคะ ฉันมาเพื่อชี้แจงว่าจดหมายฉบับนี้ไม่ใช่ฉันที่เป็นคนเขียน”“ถ้าคุณหมอจะสอบสวน ฉันจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่” ฉู่เหมียนไม่กลัว เธอไม่ได้เขียน ก็คือไม่ใช่เธอเขียน เธอเกลียดลู่เจียวมาก แต่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เธอไม่เคยคิดจะทำร้ายลู่เจียว ใช่ว่าเธอไม่สู้คน เพราะเธอสู้ได้มากกว่าใคร แต่เพราะลู่เจียวเป็นคนที่กู้ว่างเชินรัก เธอจึงอดทนมาตลอด แต่ถ้าตระกูลลู่มาใส่ร้ายเธอ ฉู่เหมียนจะไม่ยอมอดทนอีกต่อไป“ได้ครับ ฉู่เหมียน ผมเข้าใจแล้ว” หลินเฮิงชุยตอบกลับอย่างจริงจังหลิ่วอิงยังคงไม่พอใจ “คุณหมอคะ ลูกสาวฉันถูกพักงานใช่ไหม? ฉันต้องการให้เธอโดนพักงานด้วย!”เมื่อได้ยินคำพูดนั้
ห้องประชุมโรงพยาบาล ตรงข้ามคุณหมอหลินเฮิงชุ่ยนั่งกันอยู่สามคน คือพ่อและหลิ่วอิง และลู่อี้ที่มาร่วมประชุมสายเห็นได้ชัดว่าเรื่องของลู่เจียวเป็นเรื่องใหญ่สำหรับตระกูลลู่ ถึงกับทำให้ทั้งสามคนต้องมาโรงพยาบาลกันพร้อมหน้าหลินเฮิงชุยพลิกดูประวัติการศึกษาของลู่เจียวแล้วมองทั้งสามคนอย่างมีนัยยะสำคัญ“คุณลู่… ประวัติการศึกษาของลูกสาวคุณ…” หลินเฮิงชุยพูดขึ้นมาหลิ่วอิงรีบพูดแทรกขึ้นมาทันที “ประวัติการศึกษาของลูกสาวฉันถูกต้อง ไม่มีการปลอมแปลงแม้แต่น้อย!”“ใช่ครับ แต่ตอนนี้มีคนแจ้งว่าคุณลู่เจียวได้เข้าเรียนคณะแพทย์โดยการแย่งโควตาของคนอื่น” หลินเฮิงชุยพูดด้วยสีหน้าซับซ้อน การแย่งโควตาเรียนถือเป็นเรื่องใหญ่ เทียบได้กับคดีอาชญากรรม“ใครเป็นคนแจ้ง?” ลู่อวี้เหิงหน้าตาเปลี่ยนไปทันที “นี่มันใส่ร้ายลูกสาวผมชัด ๆ!”หลินเฮิงชุยรีบพูดขึ้นมา “คุณลู่ครับ อย่าเพิ่งใจร้อนนะครับ ตอนนี้เรากำลังอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมหลักฐานอยู่”“บอกมาสิว่าใครแจ้ง!” หลิ่วอิงโมโห เธอตบโต๊ะดังปัง “ลูกสาวฉันยังนอนอยู่โรงพยาบาลอยู่เลย ใครมันมาใส่ร้ายลูกสาวฉันแบบนี้!”หลินเฮิงชุยตอบ “เป็นการแจ้งเบาะแสแบบไม่เปิดเผยตัวตนครับ”“แ