“คุณย่า พอเถอะครับ!”กู้ว่างเชินยืนขึ้น เสียงของเขาเย็นชาและดุดัน ทำเอาหลายคนบนโต๊ะถึงกับตกใจหลินไห่เม่ยจ้องมองเขา “ทำไม? เธอจะพูดแทนสุนัขจิ้งจอกตัวน้อยคนนี้หรือไง?”“คุณย่าไม่จำเป็นต้องพูดจารุนแรงขนาดนั้น” กู้ว่างเชินลดเสียงลง และพยายามสื่อสารกับหลินไห่เม่ยอย่างใจเย็นหลินไห่เม่ยหรี่ตาลงและพูดด้วยท่าทีแข็งกร้าว “ฉันยังพูดแรงได้มากกว่านี้อีก อยากฟังไหม?”“คุณย่า!” กู้ว่างเชินขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าหมดความอดทนหลินไห่เม่ยตบโต๊ะและยืนขึ้น เธอเตือนกู้ว่างเชิน “กู้ว่างเชิน แกจงเอาจำไว้ ว่าแกเป็นผู้ชายที่มีภรรยาแล้ว!”“แต่ผมกับฉู่เหมียนไม่ได้รักกัน” กู้ว่างเชินขมวดคิ้ว เขาไม่อยากพูดเรื่องแบบนี้ต่อหน้าฉู่เหมียนฉู่เหมียนไม่แปลกใจกับคำตอบของกู้ว่างเชิน สีหน้าของเธอยังคงสงบนิ่งหลินไห่เม่ยไม่สนใจว่าพวกเขาจะรักกันหรือเปล่า เธอชี้ไปที่ลู่เจียว พลางจ้องไปที่กู้ว่างเชินแล้วพูดอย่างเย็นชา “ถ้าแกอยากแต่งกับผู้หญิงคนนี้ ก็รอจนกว่าฉันจะตาย!”กู้ว่างเชินและหลินไห่เม่ยมองหน้ากันกู้ว่างเชินไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าลู่เจียวทำอะไร ตระกูลกู้ถึงได้ปฏิเสธเธอแบบนี้ลู่เจียวดึงแขนเสื้อกู้ว่านเชินพลางสะอื
เธอเองก็แค่รักกู้ว่างเชิน และอยากอยู่กับกู้ว่างเชินเท่านั้น เธอทำอะไรผิดกัน?สามปีนี้...มันหนักหนาเกินไปเธอฟังกู้ว่างเชินปลอบใจลู่เจียว น้ำเสียงของเขาที่นุ่มนวลมากขึ้นเรื่อย ๆ เป็นเหมือนเข็มที่ทิ่มแทงหัวใจฉู่เหมียนเธอหันศีรษะไปมองกู้ว่างเชินหลายครั้งเขาอ่อนโยนมากจนฉู่เหมียนรู้สึกเหมือนว่านี่ไม่ใช่ความจริงฉู่เหมียนลดสายตาลงและอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่น กู้ว่างเชิน ฉันยังอยู่ในรถนะ…ขณะที่รถขับเข้าไปในเมือง ฉู่เหมียนก็พูดขึ้นว่า “จอดข้างหน้านี่แหละ ฉันจะนั่งแท็กซี่กลับไปเอง”เขามองฉู่เหมียน เธอปลดเข็มขัดนิรภัยแล้ว “ขอบคุณที่พาฉันกลับเข้ามา”“ผมจะไปส่งที่บ้าน” เสียงของเขาเบาลงฉู่เหมียนส่ายหัว “ไม่เป็นไร”การอยู่ต่อแม้เพียงวินาทีเดียว มันทำให้เธอรู้สึกหายใจไม่ออกรถจอดที่ข้างถนน ฉู่เหมียนเปิดประตูเพื่อลงจากรถ ก่อนจะได้ยินเขาตะโกนเรียกเธอ “ฉู่เหมียน”“หืม” ฉู่เหมียนเงยหน้าขึ้นมองเขา น้ำเสียงของเธอสงบนิ่ง แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยพายุที่กำลังปะทุ“ฉันขอโทษ” เสียงของชายคนนั้นต่ำและแหบแห้งขนตาของฉู่เหมียนสั่นไหว หลังจากได้ยินคำว่า “ฉันขอโทษ” ของกู้ว่างเชิน เลือดในตัวของเธอก็พ
พนักงานขมวดคิ้วและมองฉู่เหมียนด้วยความไม่เชื่อในสายตา และถามขึ้นว่า “เธอกำลังฝันอยู่หรือไง?”นี่เป็นครั้งแรกที่ฉู่เหมียนถูกถามแบบนี้“เหอะ ยังไม่ทันได้นอนก็ฝันซะแล้ว อยู่ก่อนนอน เหมาหมดงั้นเหรอ?” ข่ายลี่ก็รู้สึกว่ามันตลก เธอมองไปรอบ ๆ ก่อนจะถอนหายใจอีกครั้ง “แค่คำนวณคร่าว ๆ หากจะซื้อหมดทั้งร้านก็คงต้องใช้เงินหลายร้อยล้าน”ข่ายลี่เบ้ปากและมองฉู่เหมียนอีกครั้ง คนจนคนนี้ แม้แต่เศษสตางค์ก็คงแทบไม่มี แต่กลับผยองบอกว่าจะเหมาหมดทั้งร้าน? เหอะ!ข่ายลี่กลอกตา กอดอก แล้วพูดจาประชดประชัน “น้ำเข้าสมองหรือเปล่า จะออกไปสลัดข้างนอกหน่อยไหม?”พนักงานปลอบใจข่ายลี่และพูดว่า “คุณข่ายลี่ กรุณาไปรอที่ห้องวีไอพีก่อนนะคะ ฉันจะขับไล่เธอออกไป แล้วจะเอาผลิตภัณฑ์ใหม่ของร้านของเราไปให้คุณทันที!”“ตกลง” ข่ายลี่พยักหน้าและมองฉู่เหมียนด้วยสายตาดูถูกยัยคนยากจน ทำมาเป็นเสแสร้งเป็นคุณหนู?หากเธอสามารถซื้อทั้งร้านได้จริง เธอข่ายลี่จะเขียนชื่อกลับกันให้ดู!ขณะที่ข่ายลี่กำลังจะพักผ่อน ฉู่เหมียนก็หยิบการ์ดสีดำในกระเป๋าสตางค์ออกมาตรงหน้าพวกเธอ การ์ดสีดำเรืองแสงสีทองภายใต้แสงไฟ และเธอก็ถามขึ้นอย่างเย็นชา “พอไหม
ข่ายลี่ตัวแข็งทื่อ ดวงตาของฉู่เหมียนคมชัดจนเธอตัวสั่น และรู้สึกผิดขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผลฉู่เหมียนยิ้ม น้ำเสียงยังคงสงบนิ่ง ดูเหมือนไร้อารมณ์ “ส่วนคุณผู้หญิงคนนี้ดูเหมาะกับร้านประเภทนี้มากเลยทีเดียว หวังว่าในอนาคตคุณจะมาบ่อย ๆ นะ”คอของข่ายลี่กระชับ ฉู่เหมียนหมายถึงอะไร เธอเหมาะกับร้านค้าระดับล่างแบบนี้งั้นเหรอ? นี่เธอกำลังเยาะเย้ยเธอไม่ใช่หรือไง?ฉู่เหมียนสถบอย่างเย็นชาและเดินออกไปโดยไม่หันกลับมามองข้างนอกฝนตกหนักมากกว่าเดิมฉู่เหมียนเงยหน้าขึ้นมอง หยาดฝนเย็น ๆ ก็ตกลงมากระทบบนใบหน้าของเธอ ลมหนาวทำให้ฉู่เหมียนตื่นตัวเป็นพิเศษฉู่เหมียนรู้สึกหงุดหงิดในใจเธอยกมือขึ้นกำลังจะปิดหน้ารีบฝ่าสายฝนไป แต่ทันใดนั้นร่มสีดำก็ปรากฏขึ้นเหนือหัวของเธอฉู่เหมียนชะงักและหยุดก้าวไปข้างหน้าเธอหันศีรษะมองขึ้นไปตามร่ม ตรงหน้าเธอคือผู้ชายที่ดูสุภาพ เย็นชา และนิ่งสงบฉู่เหมียนจำเขาได้ เขาคือลู่อี้ พี่ชายคนโตของลู่เจียวทายาทของตระกูลลู่ อายุเพียง 26 ปี และเขาก็กลายเป็นคมมีดในโลกธุรกิจไปแล้วเขามีหน้าตาหล่อเหลา โสด และเป็นชนชั้นสูง เขาเด็ดเดี่ยว และทำตัวไม่เหมือนใครเขาให้ความสำคัญกับลู่เจียวมาก
เช้าวันสดใสหลังฝนตก อากาศสดชื่นเป็นพิเศษฉู่เหมียนมาทำงานพลางทานอาหารเช้า และได้ยินพยาบาลหลายคนพูดคุยกันว่า “ได้ยินหรือเปล่าว่าเมื่อคืนลู่เจียวคิดสั้นฆ่าตัวตาย!”“จริงเหรอ?”“จริงสิ! ลู่เจียวเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลแล้ว และประธานกู้ก็อยู่เฝ้าเธอทั้งคืน!”ฉู่เหมียนชะลอฝีเท้าและมองไปที่พยาบาลที่อยู่ตรงโต๊ะพยาบาลซางหานกำลังออกมาจากโต๊ะพยาบาล เมื่อเธอเห็นฉู่เหมียนจึงกล่าวทักทาย “อรุณสวัสดิ์ค่ะ หมอฉู่”“ลู่เจียวฆ่าตัวตาย?” ฉู่เหมียนถามซางหานซางหานขาน “อ้อ ใช่ค่ะ ข่าวนี้แพร่กระจายไปทั่วแล้ว”ฉู่เหมียนรู้สึกเหลือเชื่อ เพียงเพราะคุณย่าพูดใส่เธอเมื่อวานนี้ เธอก็เลยคิดฆ่าตัวตายอย่างนั้นเหรอ? ฉู่เหมียนคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะไปที่แผนกผู้ป่วยใน ประสาทวิทยาทันทีที่ก้าวออกมาจากลิฟต์ ก็ได้ยินพยาบาลที่เข้ากะอยู่พูดว่า “คุณกู้หล่อมากจริง ๆ ฉันอยากมีแฟนแบบคุณกู้บ้างจัง”“ไม่ใช่แค่ประธานกู้นะ พี่ชายคนโตของลู่เจียวก็หล่อมากเหมือนกัน แถมยังได้ยินมาว่าพี่ชายคนที่สองของลู่เจียวนั้นหล่อยิ่งกว่า! แถมยังเท่มากอีกด้วย!”พยาบาลคนหนึ่งถอนหายใจด้วยความเสียดายและพูดว่า “เฮ้อ พวกเธอคิดว่าประธานกู้เหม
ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสามคนซับซ้อนเกินไป จนเขายากที่จะออกความคิดเห็น “พี่…” ลู่เจียวยื่นมือออกไปจับแขนของลู่อี้และเรียกเขาอย่างโศกเศร้าว่า “พี่ใหญ่คะ…”ลู่อี้ถอนหายใจ เขาไม่สามารถทนเห็นลู่เจียวเจ็บปวดได้ เขาลูบหัวของลู่เจียวเบา ๆ ลู่เจียวสะอึกสะอื้นและพูดว่า “พี่คะ ฉันอยากแต่งงานกับกู้ว่างเชินจริง ๆ”“พี่จะช่วยเธอเอง” ลู่อี้ถอนหายใจ “เธอเป็นลูกสาวที่มีค่าเพียงคนเดียวของตระกูลลู่ ไม่ว่าเธอต้องการอะไร ตระกูลลู่ก็จะช่วยเธอให้ได้”ลู่เจียวหลั่งน้ำตาทันที เธอกอดลู่อี้และพูดอย่างน่าสงสาร “ขอบคุณค่ะพี่”…กู้ว่างเชินไม่ได้กลับบ้าน แต่ไปที่แผนกศัลยกรรมหัวใจเมื่อเขาไปที่นั่น ฉู่เหมียนกำลังเหม่อมองออกไปด้านนอกอยู่ตรงหน้าต่างทางเดิน เธอดูโดดเดี่ยวเดียวดายฉู่เหมียนหายใจลึก ปรับอารมณ์อยู่เป็นเวลานาน ขณะที่กำลังจะกลับไปที่แผนก เธอก็สบเข้ากับดวงตาสีเข้มของกู้ว่างเชินขณะที่หันกลับมา กู้ว่างเชินยืนล้วงกระเป๋าอยู่ตรงหน้าเธอประมาณสองสามเมตร ดวงตาของเขาดูเหนื่อยล้าทั้งสองมองหน้ากันโดยที่ไม่มีใครพูดอะไร และในที่สุดกู้ว่างเชินก็หันหลังและจากไปฉู่เหมียนอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่น เมื
ทุกคนต่างก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว และหานซือหลี่ก็ขี้เกียจเกินกว่าจะอ้อมค้อมไม่มีใครดีกับใครโดยไม่มีเหตุผล ทุกคนต่างก็มีจุดประสงค์เขายอมรับสารภาพว่าเขาชื่นชมฉู่เหมียนมากฉู่เหมียนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เธอตอบกลับไปอย่างเกร็ง ๆ “ฉันยังไม่ได้หย่า”“ผมรู้”“คุณหาน คุณอยากเป็นมือที่สามเพื่อความรักงั้นเหรอคะ?” ฉู่เหมียนอดไม่ได้ที่จะหยอกล้อเขาบรรยากาศดูสนุกขึ้นไม่น้อย หานซือหลี่เลิกคิ้วและตอบกลับไป “ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้”ฉู่เหมียนหัวเราะแล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง “ตอนนี้ฉันยังไม่มีแผนที่จะเริ่มต้นความสัมพันธ์ใหม่ค่ะ”เขาพูดอย่างเด็ดขาด “งั้นผมก็ขอลงทะเบียนไว้ก่อน รอจนกว่าคุณจะต้องการเริ่มต้นความสัมพันธ์ครั้งต่อไป”เมื่อได้ยินแบบนั้น หัวใจของฉู่เหมียนก็เต้นรัวเธอหลับตาลงแล้วยิ้ม แต่ก็ไม่พูดอะไรอีกหลังทานอาหารเย็นเสร็จ หานซือหลี่ก็ไปส่งฉู่เหมียนที่บ้านฉู่เทียนเหอและเซิ่งฉิงกำลังดูทีวีอยู่ เมื่อพวกเขาเห็นฉู่เหมียนกลับมาก็ถามขึ้นว่า “หานซือหลี่มาส่งเหรอ?”“ค่ะ” ฉู่เหมียนเอนกายบนโซฟาอย่างเหนื่อยล้าฉู่เทียนเหอสถบเบา ๆ “วันนี้ตอนที่พ่อไปเยี่ยมคุณปู่ที่โรงพยาบาล ก็เห็นกู้ว่างเชินด้วย”
หลิ่วอิงจ้องมองฉู่เหมียนไม่กี่วินาที ก่อนจะเดินมาข้าง ๆ เธอ/จากนั้นก็เดินมาที่ข้าง ๆ ฉู่เหมียน“คุณฉู่ยังสาวอยู่แท้ ๆ ไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่าจะชอบของเก่าแก่แบบนี้?” น้ำเสียงหลิ่วอิงแฝงด้วยความเย้าแหย่ฉู่เหมียนเอ่ยตอบเบา ๆ “ฉันแค่ดูเล่น ๆ น่ะค่ะ”“อ้อ แค่ดูเล่น ๆ งั้นเหรอคะ? ว่าแล้วเชียว หนุ่มสาวสมัยนี้ไม่ค่อยมีพื้นฐานอะไรแบบนี้หรอก”“…”ฉู่เหมียนไม่ได้โต้ตอบแต่อย่างใดหลิ่วอิงเธอดูเหมือนจะเป็นคนที่เข้ากับคนอื่นได้ง่าย ดูอ่อนโยนเหมือนเส้นไหม แต่เมื่อเอ่ยคำพูดขึ้นมากลับไม่ชวนให้คนฟัง คำพูดคำจาแต่ล่ะคำเหมือนใบมีดทีพร้อมจะเฉือนใจคนฟัง!ฉู่เหมียนคิดว่าที่เธอเป็นแบบนี้ก็เพราะเธอกับลูกสาวสุดที่รักของคุณนายลู่ชอบผู้ชายคนเดียวกัน“ได้ยินมาว่าคุณกับกู้ว่างเชินกำลังจะเตรียมหย่ากันเหรอคะ?” ในขณะที่หลิ่วอิงดูเครื่องประดับ เธอก็พลางเอ่ยถามฉู่เหมียนไปด้วย“คุณนายลู่นี่รู้ข่าวไวจริงเลยนะคะ” ฉู่เหมียนยิ้มเล็กน้อยหลิ่วอิงเอ่ยตอบอย่างเย็นชา “ก็ควรที่จะหย่ากันตั้งนานแล้วนะคะ มัวแต่เฝ้ารอผู้ชายที่ไม่มีวันเป็นของคุณอยู่ได้ แล้วคุณจะทนรออีกสามปี จะมีประโยชน์อะไรล่ะคะ“ถ้าจะพูดถึงคนที่เหมาะกับกู้ว่าง
ฉู่เหมียนไปที่ฐาน M ในทันที เธอต้องการรู้ให้ได้เดี๋ยวนี้ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวเรื่องลู่เจียวเธอทนไม่ได้กับความอับอาย แม้แต่นิดเดียวก็ทนไม่ได้!โม่อี้กำลังตรวจสอบกล้องวงจรปิดของโรงพยาบาล เขาตรวจสอบทุกมุมแล้ว แต่ก็หาคนที่เข้าไปในห้องทำงานของผู้อำนวยการไม่พบ“ดูกล้องวงจรปิดตรงหน้าต่างซิ” ฉู่เหมียนสั่งโม่อี้เสียงเย็นโม่อี้หันไป ก็เห็นฉู่เหมียนยืนอยู่ข้างหลังเขา “หัวหน้า มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?”“เมื่อกี้” ฉู่เหมียนพูดเสียงแข็ง ชัดเจนว่ากำลังโกรธ คำสองคำนั้นเหมือนเค้นผ่านไรฟันออกมาโม่อี้กำลังตรวจสอบอย่างตั้งใจมาก จนไม่ได้สังเกตเห็นว่าเธอมาโม่อี้ร้อง “อืม” เสียงหนึ่ง รีบเปลี่ยนภาพกล้องวงจรปิดไม่ลืมเหลือบมองฉู่เหมียนอย่างระมัดระวังดูตรงหน้าต่าง… เดี๋ยวนะ“หน้าต่างโรงพยาบาลเหรอ?” โม่อี้เหยียดยิ้ม ดูเหมือนจะไม่เชื่อ “หัวหน้า นั่นมันชั้นที่สามสิบกว่านะ คนคนนั้นจะเข้ามาทางหน้าต่างเพื่อแจ้งเบาะแสเรื่องลู่เจียวเหรอ? บ้าไปแล้ว!”แล้วก็ไม่มีที่ให้เข้าไปด้วยนี่นา?“นอกหน้าต่างห้องทำงานของหลินเฉิงชุยมีระเบียง พอจะเข้าไปได้” ฉู่เหมียนคลายความสงสัยของเขาโม่อี้รีบตรวจสอบกล้องวงจรปิดในห
“ฉันไม่ได้แจ้งเบาะแสเกี่ยวกับน้องสาวคุณ เราไม่มีอะไรต้องคุยกัน” ฉู่เหมียนไม่อยากติดต่อกับคนตระกูลลู่“คุณฉู่ ผมไม่ได้มีเจตนาไม่ดี” ลู่อี้อธิบายฉู่เหมียนเงียบไปสามวินาที ก่อนจะเดินไปที่รถ “คุยกันตรงนี้แหละ”ลู่อี้คิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ได้“ฉู่เหมียน ผมรู้ว่าคุณไม่ได้ขัดสนเรื่องเงิน แต่บัตรใบนี้มีมูลค่าสองล้าน” ลู่อี้ยื่นบัตรเครดิตมาให้ฉู่เหมียนตกใจเมื่อเห็นบัตรเครดิตใบนี้เขาหมายความว่ายังไง?“ขอให้คุณใจดีกับน้องสาวผมด้วย” เขาจ้องฉู่เหมียน นัยยะคือ เรื่องนี้เป็นฝีมือคุณ รับเงินสองล้านนี้ไป แล้วจบเรื่องไปซะฉู่เหมียนหัวเราะเขาคิดจะใช้เงินฟาดหัวเธอ นี่ไม่ใช่การดูถูกเธอหรอกเหรอ?“คิดว่าเงินแค่สองล้านจะเปลี่ยนทัศนคติของฉันที่มีต่อน้องสาวคุณได้เหรอ?” ฉู่เหมียนหยิบบัตรเครดิตขึ้น พลางจ้องมองลู่อี้อย่างเยาะเย้ย “ฉันจ่ายให้คุณสองล้าน หวังว่าคุณจะไม่มาปรากฏตัวต่อหน้าฉันอีก เป็นคุณจะรู้สึกยังไง?”“ฉู่เหมียน คุณไม่ยุติธรรมเลย! กล้าทำก็ต้องกล้ารับสิ!” ลู่อี้ขมวดคิ้ว คิดว่าฉู่เหมียนไม่เข้าใจเหตุผล“ฝ่ายที่ไม่ยุติธรรมคือตระกูลลู่ของคุณต่างหาก!” ฉู่เหมียนโยนบัตรเครดิตใส่ลู่อี้พวกเขาทั้งคร
ชูหลานคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหัว เธอพูดว่า “ไม่มีเลย ตอนนั้นเลิกงานพอดี ฉันเลยเอาเอกสารมาให้ผู้อำนวยการ”ฉู่เหมียนเงียบไปสองสามนาที เธอมองวิดีโอในโทรศัพท์ สักพักก็คิดอะไรไม่ออก “ค่ะ”ถ้าไม่ใช่ชูหลานที่เอาเข้ามา งั้นจดหมายร้องเรียนที่ไม่ระบุชื่อนี่บินเข้ามาเองงั้นเหรอ?ไม่ไกลนัก หม่าจือหยางเดินเข้ามา เขามีสมุดประวัติการรักษาสองเล่มในมือ พูดพลางเดินเข้ามา “คุณหมอชู พรุ่งนี้ผมขอลาพักร้อนนะครับ”ชูหลานเหลือบมองหม่าจือหยาง หม่าจือหยางยื่นใบลาพักร้อนให้ชูหลาน“ค่ะ” ชูหลานตอบรับหม่าจือหยางมองฉู่เหมียน แล้วเลิกคิ้ว ก่อนจะหันหลังเดินจากไปฉู่เหมียนสังเกตเห็นใบลาพักร้อนในมือของชูหลาน นั่นเป็นลายมือของหม่าจือหยางแน่นอน“ลายมือรองผู้อำนวยการหม่า สวยดีนะคะ” ฉู่เหมียนพูด“ค่ะ ลายมือรองผู้อำนวยการหม่าอ่านง่ายดี หนักแน่นด้วย” ชูหลานเก็บใบลาพักร้อนไว้ฉู่เหมียนเหลือบมองอีกสองสามครั้ง แล้วก็ไปทำงานต่อแผนกฉุกเฉิน ฉู่เหมียนไปส่งเอกสาร กำลังจะจากไปก็ได้ยินเสียงคนเรียก “คุณหมอฉู่ มารับคนไข้เหรอคะ?”ฉู่เหมียนงง อะไรนะ?“มีคนไข้ของแผนกคุณอยู่ที่นี่พอดี อย่าลืมไปรับนะคะ” พยาบาลสาวเตือนฉู่เหมี
ฉู่เหมียน “…” ก็เธอไม่ใช่เหรอ?“ตำแหน่งของใครมีความขัดแย้งกับลู่เจียวมากที่สุด?”ฉู่เหมียน “…”แผนกศัลยกรรมหัวใจมีหมอสองคน ถ้าตำแหน่งเดียวกัน ก็คงเป็นฉันสินะฉู่เหมียน “คุณหมอหลิน อย่าเอาแต่วิเคราะห์เลยค่ะ” ขืนยังวิเคราะห์ต่อไป เดี๋ยวจะถูกตัดสินว่ามีความผิดเอาเสียเองทุกอย่างชี้ไปที่เธอ ยากจะแก้ตัวจริง ๆฉู่เหมียนเท้ามือลงบนโต๊ะ ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง “ขนาดวันหยุดสุดสัปดาห์ฉันยังนอนไม่หลับเลย”“งั้น… คุณพักร้อนสักสองสามวันไหมครับ?” หลินเฮิงชุยถามความเห็นของฉู่เหมียนอย่างระมัดระวังฉู่เหมียนตกใจ ทำไมล่ะ? ทำอย่างนั้นก็เหมือนกับตัวเองมีความผิดน่ะสิ!เธอไม่ทำอย่างนั้นหรอก ไม่เพียงแต่จะไม่พักร้อน แต่ยังจะปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนอย่างองอาจทุกวันอีกด้วยจดหมายแจ้งเบาะแสฉบับนี้ “จริง ๆ แล้ว คุณไม่ได้เป็นคนเขียนใช่ไหม?”หลินเฮิงชุยเองก็เริ่มสงสัยแล้วฉู่เหมียน “…” ฉู่เหมียนเริ่มปวดหัว“ฉันไปดูที่ห้องควบคุมกล้องวงจรปิดดีกว่า” ฉู่เหมียนยิ้มขณะที่กำลังพูด ประตูห้องทำงานก็ถูกเคาะ เป็นพนักงานผู้รับผิดชอบเรื่องนี้“ผลการตรวจสอบกล้องวงจรปิดออกแล้วเหรอครับ?” หลินเฮิงชุยสวมแว่น รู้สึกว่ามีหว
ขณะที่ฉู่เหมียนกำลังคิดไม่ตกว่าจะพูดอย่างไร เสียงแตกของแจกันที่ตกพื้นในห้องผู้ป่วยก็ดังขึ้น“กรี๊ดดด!”เสียงกรีดร้องของหญิงสาวดังแว่วแทรกเข้ามาในหูกู้ว่างเชินรีบเปิดประตูห้องผู้ป่วยเข้าไปทันที พบว่าผลไม้ถูกโยนมาตกอยู่ที่เท้าของเขากู้ว่างเชินเดินเข้าไปข้างใน ลู่เจียวกำลังนั่งอยู่บนเตียง ผมยุ่งเหยิง ดวงตาแดงก่ำ ดูเหมือนจะใกล้ถึงขีดสุดของความอดทนเมื่อลู่เจียวเห็นกู้ว่างเชิน เธอก็ร้องไห้จนพูดไม่ออก จบแล้ว จบสิ้นแล้วจริง ๆกู้ว่างเชินไม่ยอมรับตัวตนของเธอ ตอนนี้อาชีพที่เธอภาคภูมิใจที่สุดก็หายวับไปแล้ว!เธอจะทำอย่างไรดี?กู้ว่างเชินขมวดคิ้ว ลู่เจียวดูโทรมลงทุกวัน ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เธอต้องมีปัญหาแน่ กู้ว่างเชินเก็บของที่ตกอยู่บนพื้น ลู่เจียวก็โยนลงไปอีกกู้ว่างเชินไม่พูดอะไร แค่คอย ๆ เก็บขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกระทั่งลู่เจียวเหนื่อยที่จะโยน เธอหยุดโยนแล้วเอาแต่ร้องไห้กู้ว่างเชินรู้สึกอึดอัดใจ เดินเข้าไปลูบหัวลู่เจียวเพื่อปลอบโยน เมื่อเห็นเช่นนั้น ลู่เจียวก็ร้องไห้หนักกว่าเดิมเธอลุกขึ้นคุกเข่าแล้วโอบกอดกู้ว่างเชินไว้ ดูเหมือนว่ามีเพียงกู้ว่างเชินเท่
ฉู่เหมียนตกใจ ร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ? ถึงกับต้องฉีดยา!“ใช่ค่ะ ตอนนี้คุณกู้กำลังรออยู่หน้าห้อง เป็นห่วงเจียวเจียวมาก” ซางหานถอนหายใจพอพูดถึงเรื่องนี้ ทุกคนต่างก็คิดว่าฉู่เหมียนแพ้แบบไม่ยุติธรรม!ทุกอย่างของฉู่เหมียนดีกว่าลู่เจียว แต่กลับแพ้ในเรื่องของกู้ว่างเชินฉู่เหมียนกัดริมฝีปาก ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วลุกขึ้น “ฉันจะไปดูหน่อย”“อย่าไปเลยค่ะ ถ้าเจียวเจียวตื่นขึ้นมา ไม่รู้ว่าเธอจะด่าคุณยังไงบ้าง พยาบาลบอกว่าตอนที่เธอกำลังใจเสีย เธอพูดว่า...” พูดมาถึงตรงนี้ ซางหานก็เงียบไปฉู่เหมียนไม่เข้าใจ พูดว่าอะไรล่ะ?ซางหานเกาหัว ดูเหมือนไม่อยากจะเล่าต่อฉู่เหมียนยิ้ม “พูดมาเถอะ ไม่เป็นไรหรอก”คำพูดที่ออกมาจากปากของลู่เจียวเจียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันเกี่ยวกับเธอ…ฉู่เหมียน คงไม่ใช่เรื่องดีแน่“ลู่เจียวบอกว่า เธอจะฆ่าคุณซะ...” ซางหานพูดฉู่เหมียนเม้มปาก เป็นอย่างที่คิดไว้จริงด้วย“เพราะงั้นคุณหมอฉู่ ตอนนี้คุณต้องระวังตัวตอนอยู่ในโรงพยาบาลนะคะ เพราะทุกคนต่างก็คิดว่าคุณเป็นคนแอบเขียนจดหมายร้องเรียน” ซางหานเตือนฉู่เหมียนฉู่เหมียนพยักหน้า ลูบหัวซางหาน “ได้ พี่รู้แล้ว ไปทำงานเถอะ!”“
ร่างกายของฉู่เหมียนเบี่ยงหลบทัน ทำให้มือของหลิ่วอิงพลาดเป้าหลิ่วอิงขมวดคิ้ว “แกยังกล้าหลบอีกเหรอ?”“พ่อแม่ฉันยังไม่เคยกล้าตีฉันเลยสักครั้ง คุณเป็นใครกันถึงมาทำแบบนี้?” ฉู่เหมียนถามหลิ่วอิงอย่างท้าทายหลิ่วอิงอึ้งไปชั่วขณะ เธอจ้องฉู่เหมียนด้วยความโกรธจนแทบจะระเบิดออกมา“ถ้าฉันมีลูกสาวอย่างแก ฉันจะ...” หลิ่วอิงชี้ไปที่ฉู่เหมียน ร่างกายสั่นเทาด้วยความโกรธฉู่เหมียนยิ้ม “โชคดีที่ฉันไม่ใช่ลูกสาวของคุณ และคุณก็ไม่มีลูกอย่างฉัน”พูดตามตรง ถ้าเธอมีแม่แบบหลิ่วอิง เธอก็อยากจะกระโดดตึกตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด!“นี่แก! นังตัวแสบ!” หลิ่วอิงโมโหจนสติแตกลู่อี้ที่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่เงียบ ๆ อดรู้สึกไม่ได้ว่าฉู่เหมียนกับแม่ของเขาไม่เพียงแต่หน้าตาคล้ายกันแต่กระทั่งนิสัยที่ดื้อรั้นก้าวร้าวก็เหมือนกันอย่างน่าประหลาดลู่อี้กลืนน้ำลายลงคอ แล้วก็เห็นฉู่เหมียนเดินจากไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมาหลิ่วอิงที่โกรธจนหน้ามืดก็หันหลังกลับมุ่งหน้าสู่ห้องประชุมทันที เห็นว่าทั้งสองคนดูเหมือนจะเจรจาเข้าใจกันเป็นอย่างดีลู่อี้อดไม่ได้ที่จะดึงแขนหลิ่วอิงไว้ แล้วถามขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว “แม่ครับ แม่ไม่คิดว่า เ
ปัญหาอยู่ที่ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวนี้ นี่มันทำลายอนาคตของลู่เจียวชัด ๆ“งั้นบอกมาสิ ถ้าไม่ใช่เธอ แล้วจะเป็นใคร?” หลิ่วอิงหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ สำหรับแม่คนหนึ่ง อนาคตของลูกสาวถูกทำลาย มันเจ็บปวดกว่าการตายเสียอีก เธอรู้สึกผิดที่ปกป้องลู่เจียวไม่ได้ รู้สึกว่าในเมื่อลู่เจียวทุกข์ เธอก็ทุกข์เหมือนกัน…“ใครจะไปรู้ว่าลูกสาวคุณเมาแล้วพูดอะไรออกมาบ้าง สรุปแล้ว…” ฉู่เหมียนเดินไปหาหลินเฮิงชุย เธอยกจดหมายไม่เปิดเผยตัวตนขึ้นมาดู “คุณหมอคะ ฉันมาเพื่อชี้แจงว่าจดหมายฉบับนี้ไม่ใช่ฉันที่เป็นคนเขียน”“ถ้าคุณหมอจะสอบสวน ฉันจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่” ฉู่เหมียนไม่กลัว เธอไม่ได้เขียน ก็คือไม่ใช่เธอเขียน เธอเกลียดลู่เจียวมาก แต่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เธอไม่เคยคิดจะทำร้ายลู่เจียว ใช่ว่าเธอไม่สู้คน เพราะเธอสู้ได้มากกว่าใคร แต่เพราะลู่เจียวเป็นคนที่กู้ว่างเชินรัก เธอจึงอดทนมาตลอด แต่ถ้าตระกูลลู่มาใส่ร้ายเธอ ฉู่เหมียนจะไม่ยอมอดทนอีกต่อไป“ได้ครับ ฉู่เหมียน ผมเข้าใจแล้ว” หลินเฮิงชุยตอบกลับอย่างจริงจังหลิ่วอิงยังคงไม่พอใจ “คุณหมอคะ ลูกสาวฉันถูกพักงานใช่ไหม? ฉันต้องการให้เธอโดนพักงานด้วย!”เมื่อได้ยินคำพูดนั้
ห้องประชุมโรงพยาบาล ตรงข้ามคุณหมอหลินเฮิงชุ่ยนั่งกันอยู่สามคน คือพ่อและหลิ่วอิง และลู่อี้ที่มาร่วมประชุมสายเห็นได้ชัดว่าเรื่องของลู่เจียวเป็นเรื่องใหญ่สำหรับตระกูลลู่ ถึงกับทำให้ทั้งสามคนต้องมาโรงพยาบาลกันพร้อมหน้าหลินเฮิงชุยพลิกดูประวัติการศึกษาของลู่เจียวแล้วมองทั้งสามคนอย่างมีนัยยะสำคัญ“คุณลู่… ประวัติการศึกษาของลูกสาวคุณ…” หลินเฮิงชุยพูดขึ้นมาหลิ่วอิงรีบพูดแทรกขึ้นมาทันที “ประวัติการศึกษาของลูกสาวฉันถูกต้อง ไม่มีการปลอมแปลงแม้แต่น้อย!”“ใช่ครับ แต่ตอนนี้มีคนแจ้งว่าคุณลู่เจียวได้เข้าเรียนคณะแพทย์โดยการแย่งโควตาของคนอื่น” หลินเฮิงชุยพูดด้วยสีหน้าซับซ้อน การแย่งโควตาเรียนถือเป็นเรื่องใหญ่ เทียบได้กับคดีอาชญากรรม“ใครเป็นคนแจ้ง?” ลู่อวี้เหิงหน้าตาเปลี่ยนไปทันที “นี่มันใส่ร้ายลูกสาวผมชัด ๆ!”หลินเฮิงชุยรีบพูดขึ้นมา “คุณลู่ครับ อย่าเพิ่งใจร้อนนะครับ ตอนนี้เรากำลังอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมหลักฐานอยู่”“บอกมาสิว่าใครแจ้ง!” หลิ่วอิงโมโห เธอตบโต๊ะดังปัง “ลูกสาวฉันยังนอนอยู่โรงพยาบาลอยู่เลย ใครมันมาใส่ร้ายลูกสาวฉันแบบนี้!”หลินเฮิงชุยตอบ “เป็นการแจ้งเบาะแสแบบไม่เปิดเผยตัวตนครับ”“แ