หลิ่วอิงจ้องมองฉู่เหมียนไม่กี่วินาที ก่อนจะเดินมาข้าง ๆ เธอ/จากนั้นก็เดินมาที่ข้าง ๆ ฉู่เหมียน“คุณฉู่ยังสาวอยู่แท้ ๆ ไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่าจะชอบของเก่าแก่แบบนี้?” น้ำเสียงหลิ่วอิงแฝงด้วยความเย้าแหย่ฉู่เหมียนเอ่ยตอบเบา ๆ “ฉันแค่ดูเล่น ๆ น่ะค่ะ”“อ้อ แค่ดูเล่น ๆ งั้นเหรอคะ? ว่าแล้วเชียว หนุ่มสาวสมัยนี้ไม่ค่อยมีพื้นฐานอะไรแบบนี้หรอก”“…”ฉู่เหมียนไม่ได้โต้ตอบแต่อย่างใดหลิ่วอิงเธอดูเหมือนจะเป็นคนที่เข้ากับคนอื่นได้ง่าย ดูอ่อนโยนเหมือนเส้นไหม แต่เมื่อเอ่ยคำพูดขึ้นมากลับไม่ชวนให้คนฟัง คำพูดคำจาแต่ล่ะคำเหมือนใบมีดทีพร้อมจะเฉือนใจคนฟัง!ฉู่เหมียนคิดว่าที่เธอเป็นแบบนี้ก็เพราะเธอกับลูกสาวสุดที่รักของคุณนายลู่ชอบผู้ชายคนเดียวกัน“ได้ยินมาว่าคุณกับกู้ว่างเชินกำลังจะเตรียมหย่ากันเหรอคะ?” ในขณะที่หลิ่วอิงดูเครื่องประดับ เธอก็พลางเอ่ยถามฉู่เหมียนไปด้วย“คุณนายลู่นี่รู้ข่าวไวจริงเลยนะคะ” ฉู่เหมียนยิ้มเล็กน้อยหลิ่วอิงเอ่ยตอบอย่างเย็นชา “ก็ควรที่จะหย่ากันตั้งนานแล้วนะคะ มัวแต่เฝ้ารอผู้ชายที่ไม่มีวันเป็นของคุณอยู่ได้ แล้วคุณจะทนรออีกสามปี จะมีประโยชน์อะไรล่ะคะ“ถ้าจะพูดถึงคนที่เหมาะกับกู้ว่าง
เช้าวันรุ่งขึ้น ฉู่เหมียนถูกปลุกด้วยสายเรียกเข้าจากโม่อี้น้ำเสียงของโม่อี้ฟังดูร้อนรน “หัวหน้า แย่แล้ว!”ฉู่เหมียนยังคงนอนคว่ำอยู่ใต้ผ้าห่ม ขยับตัวอย่างไม่เร่งรีบ น้ำเสียงของเธอยังคงเจือความง่วงอยู่ “ว่ามา”“เมื่อวานกู้ว่างเชินสืบเจอว่ามีคนจากฐาน M เจาะระบบความปลอดภัยของบริษัทเขาแล้ว!”ฉู่เหมียนขมวดคิ้ว ไม่ใช่ว่าเรื่องนี้พวกเขาคุยกันไปตั้งแต่เมื่อวานหรอกเหรอ?“วันนี้เขาสืบเจอแล้วว่าโทรศัพท์ที่ถูกปล่อยไวรัสเป็นฝีมือฉัน…”เมื่อได้ยินถึงตรงนี้ ฉู่เหมียนถึงกับผุดลุกขึ้นนั่งทันที อะไรนะ?“โม่อี้ เกิดอะไรขึ้นกับนาย?” ปกติเขาทำงานละเอียดกว่านี้ ทำไมถึงถูกจับได้?“แต่!” โม่อี้กระแอมเบา ๆ และบ่นพึมพำ “ตอนนี้ฉันยังปลอดภัยอยู่”ฉู่เหมียนลุกขึ้นจากเตียง เปิดลำโพงเสียงดังขึ้นแล้วเอ่ยถามเขา “หมายความว่ายังไง?”“เขายังไม่ได้สาวมาถึงตัวฉัน ฉันเลยปลอดภัยชั่วคราว แล้วก็ปกป้องฐาน M ไว้ได้ ยังไม่ถูกเปิดโปง แต่…”ก่อนที่ฉู่เหมียนจะเข้าห้องน้ำก็ได้ยินโม่อี้พูดต่อ “แต่ฉันโยนความผิดให้เธอไปแล้ว บอกว่าเธอเป็นคนจ่ายเงินจำนวนก้อนโต้ให้ฐาน M เพื่อทำงานนี้ พวกเราก็แค่…ทำตามเงินที่ได้มา”เสียงของโม่อี้
ในใจฉู่เหมียนดุด่าโม่อี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า! ทำให้เธอเดือดร้อนจนได้!เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว แล้วขับรถออกไปอย่างเร่งรีบรถปากานีสีม่วงดูโดดเด่นบนท้องถนน เธอไม่กล้าชักช้าแม้แต่น้อยยี่สิบนาทีต่อมา เธอก็ยืนอยู่ตรงหน้ากู้ว่างเชินกู้ว่างเชินนั่งกินอาหารเช้าอย่างสง่าผ่าเผย ทุกท่วงท่าของเขาเต็มไปด้วยความมีระดับ ฉู่เหมียนแอบกลอกตาให้เขาในใจอี้เซินที่ยืนอยู่ข้างกู้ว่างเชิน พยักหน้าให้กับฉู่เหมียน “คุณนายน้อยเชิญนั่งครับ”ฉู่เหมียนเม้มปากเตรียมที่จะนั่งลง ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงเย็นชาของกู้ว่างเชินพูดดักขึ้นซะก่อน “ใครให้เธอนั่ง?”ฉู่เหมียนสบตาอี้เซิน อี้เซินรู้สึกผิดเล็กน้อยจึงพูดว่า “ท่านประธาน ผมขอตัวออกไปรอข้างนอกนะครับ”ยิ่งพูดมากก็ยิ่งผิดมาก เขาควรรีบถอยไปก่อน สามสิบหกกลยุทธ์ การหนีเป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุด! ฉู่เหมียนมองอี้เซินเดินออกไป แล้วหันไปมองกู้ว่างเชินโดยไม่พูดจาอะไร จากนั้นก็นั่งลงทันทีเธอนั่งเอียง ๆ ก็ได้ พอใจไหม?ที่เธอมาที่นี่ ไม่ได้หมายความว่าเธอกลัวกู้ว่างเชินซะหน่อย!กู้ว่างเชินขมวดคิ้ว จ้องฉู่เหมียนด้วยความไม่พอใจ “ฉันบอกให้เธอนั่งแล้วหรือไง?”“แล้วนายเรียกฉัน
“ฉู่เหมียน นี่เธอกำลังขู่ฉันเหรอ?” กู้ว่างเชินเหลือบตามองด้วยความขุ่นเคือง สายตาของเขามีแต่ความข่มขู่ฉู่เหมียนยืนตัวตรง มองไปที่กู้ว่างเชินอย่างจริงจัง “ฉันไม่ได้มีเจตนาใช้คำขู่นะ ฉันสาบานต่อหน้าฟ้าเลย”ถึงเธอจะพูดขู่เขาจริง เธอก็จะไม่ยอมรับต่อหน้าเขาหรอก เธอไม่ได้บ้าพอที่จะทำเรื่องแบบนั้นใบหน้ากู้ว่างเชินเคร่งขรึม สีหน้าของเขาแย่ลงดูเหมือนจะโกรธมาก“คุณฉู่เหมียน นี่คือใบแจ้งหนี้ขาดทุนของบริษัท” เขายืนขึ้นแล้ววางเอกสารที่หนาเตอะลงบนโต๊ะ สายตาเขาช่างเย็นชา “หวังว่าคุณฉู่จะชำระให้ตรงเวลานะครับ ไม่งั้นเจอกันที่ศาลแน่”ฉู่เหมียนขมวดคิ้ว เธอพลิกดูใบแจ้งหนี้อย่างไม่ตั้งใจ เธอรู้สึกงงงวยกู้ว่างเชินอาการท่าจะหนัก แค่เพราะพนักงานไม่สามารถทำงานได้ จึงให้เธอชดใช้ค่าอาหารเช้าอาหารกลางวันให้อย่างนั้น?เขามันขี้เหนียวเกินไปแล้ว!อี้โม่พูดอะไรกับเธอไว้นะ “ลองคิดดูนะ ฉันมันเป็นคนนอก แต่ยังไงเธอก็เป็นภรรยาของเขา! เขาคงไม่ทำร้ายอะไรเธอหรอก จริงไหม?”หึหึ…ฉู่เหมียนจ้องไปที่กู้ว่างเชิน “นี่นายคิดแต่เรื่องเงินหรือไง?”“คุณฉู่ คุณหาเรื่องใส่ตัวเองนะ” เขายิ้มเล็กน้อย แล้วกำลังเตรียมเดินจากไป ท
เพราะเงินก้อนนี้ของกู้ว่างเชิน เธออาจจะต้องขอให้พ่อเธอช่วย…ณ โรงแรมเซิ่งตูฉู่เหมียนมาที่เคาน์เตอร์บาร์ บอกข้อมูลกับพนักงานแผนกต้อนรับและเอ่ยถาม “ขอโทษนะคะ ห้องนี้อยู่ตรงไหนคะ?”ในขณะนั้น กู้ว่างเชินก็เดินเข้ามาจากข้างนอก เขาถือโทรศัพท์แล้วเอ่ยเสียงต่ำ “ผมมาถึงแล้วครับ”เขาเข้าไปในลิฟต์และพบว่าฉู่เหมียนก็ตามเขาเข้ามากู้ว่างเชินขมวดคิ้ว มองฉู่เหมียนตั้งแต่หัวจรดเท้าทั้งสองคนไม่ได้เจอกันแค่วันเดียว ในการเจอกันอีกครั้งดูเหมือนจะเป็นศัตรูกันมากกว่า ไม่มีใครยอมใคร“อดีตสามีงานอะไรกัน ทำไมถึงได้มาที่โรงแรมล่ะ” ฉู่เหมียนพูดประชดประชันกู้ว่างเชินไม่มีสีหน้าใด ๆ และไม่สนใจเธอฉู่เหมียนสังเกตเห็นว่าเขาไปที่ชั้นเดียวกับเธอเธอจึงหันไปมองกู้ว่างเชินชายหนุ่มสวมชุดสูทสีดำดูเป็นทางการมาก แสงไฟสีเหลืองอ่อนในลิฟต์ส่องหน้าของเขา ขนตาที่หนาทึบบดบังเป็นเงาใต้ดวงตา ริมฝีปากบางเม้มแน่น ดูสวยอย่างบอกไม่ถูกฉู่เหมียนไม่กล้ามองต่อจึงละสายตากลับมา วางมือทั้งสองข้างไว้ข้างหน้า รู้สึกใจเต้นแรงเล็กน้อยกู้ว่างเชินเหลือบมองฉู่เหมียนอยู่แวบหนึ่ง ในดวงตาไม่มีความรู้สึกหวั่นไหวใด ๆวันนี้ฉู่เหมียนแต
กู้ว่างเชินกำโทรศัพท์ในมือแน่นขึ้น ภาพชายคนนั้นเมื่อครู่แวบขึ้นมาในหัวทันทีเขาดูเหมือนหานซือหลี่มากจริง ๆแสดงว่าตอนนี้ฉู่เหมียนกับหานซือหลี่ถึงขั้นนัดเจอกันที่โรงแรมแล้วอย่างนั้นเหรอ?เมื่อคืนขณะที่ยังขึ้นลิฟต์ตัวเดียวกันกับเขา ฉู่เหมียนไปเจอหานซือหลี่อย่างหน้าตาเฉยได้อย่างไร? โดยที่ใจเธอไม่เต้นแม้แต่น้อย ทั้งโอบทั้งกอดกันแบบนี้ หรือว่านี่จะเป็นการยั่วยุเขา?เมื่อคิดถึงตรงนี้ กู้ว่างเชินรู้สึกกระสับกระส่ายและอึดอัดใจอย่างบอกไม่ถูก อยากจะกลับไปลากตัวฉูเหมียนมาสอบถามให้รู้เรื่องราวเสียทีทั้งแฮกโทรศัพท์และบริษัทของเขา แล้วยังไปนัดพบกับชายอื่นที่โรงแรมอีก!ตั้งแต่เธอตัดสินใจจะหย่ากับเขา เธอก็ทำให้เขาได้เห็นแง่มุมใหม่ ๆ ที่ทำให้เขาต้องทบทวนเรื่องของเธอครั้งแล้วครั้งเล่าฉู่เหมียนที่กำลังเดินทางกลับบ้านจามอย่างแรงเธอถูจมูกพลางพึมพำ ‘วันนี้เป็นหวัดเหรอ? ก็ไม่น่าจะเป็นนี่’ติ๊ง…เสียงแจ้งเตือนข้อความจากโทรศัพท์ของฉู่เหมียนดังขึ้น ‘พรุ่งนี้จะมาเมื่อไหร่? ฉันรอกินข้าวนะ!’ฉู่เหมียนเหมียนถอนหายใจ เขายังติดหนึบเธอเหมือนเดิม!‘อีกอย่าง เรื่องที่ฉันพูดไปคิดให้รอบคอบดี ๆ อย่าเพิ่ง
หลังจากกู้ว่างเชินจากไป ฉู่เหมียนกับชายคนนั้นก็ออกมาจากห้อง“ฉันอยากกินหม้อไฟ เธอต้องเลี้ยงฉันนะ” ชายคนนั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกฉู่เหมียนพยักหน้า “ได้ค่ะ ๆ อยากกินอะไรหนูเลี้ยงหมดเลย”“เรื่องที่ฉันบอกให้คิดทบทวนดี ๆ เธอคิดดีแล้วหรือยัง?” ชายคนนั้นเอ่ยถามฉู่เหมียนยิ้มแห้ง เพราะเธอยังไม่ได้คิดทบทวนให้ดี…ชายคนนั้นกลอกตาแล้วดีดหน้าผากของฉู่เหมียนเบา ๆ …ทางด้านกู้ว่างเชินที่เพิ่งถึงห้องพักผู้ป่วยของลู่เจียว ก็ได้รับข้อความจากต้วนจิ่นเหนียนอาเหนียน: ‘นี่อากู้ นายทายดูซิ ว่าเมื่อกี้ฉันเห็นใครบนถนน ฉันเห็นอดีตภรรยาของนาย!’อาเหนียน: ‘โอ้โห รถของอดีตภรรยานายนี่เด่นมากเลยนะ มองจากไกล ๆ ดูก็รู้ว่าเป็นเธอ แต่เอ๊ะ! ทำไมถึงมีผู้ชายอยู่ในรถด้วยล่ะ? แวบเดียวที่ฉันเห็น ดูหล่อใช้ได้เลยทีเดียวเชียว!กู้ว่างเชินขมวดคิ้วมองข้อความที่ต้วนจิ่นเหนียนส่งมาทางต้วนจิ่นเหนียนก็พูดพร่ำไม่หยุด เขายังพิมพ์ต่ออีกว่า ‘ดูเหมือนสองคนนั้นจะสนิทสนมกันมากเลยนะ ฉันเพิ่งเห็นเขาป้อนเชอร์รีให้อดีตภรรยานายด้วย อืม ดูเหมือนเธอไม่ได้ต้องการนายแค่คนเดียวแล้วล่ะ!’บนใบหน้าของกู้ว่างเชินดูไร้อารมณ์ แต่กลับกำมือแ
วันรุ่งขึ้นฉู่เหมียนที่กำลังดูประวัติการรักษา ได้ยินเสียงเสิ่นเหราจากหูฟังเอ่ยถามเธอว่า “นี่เธอรู้เรื่องงานเลี้ยงบนเรือสำราญเดือนหน้าไหม?”“อืม ฉันรู้แล้ว” ฉู่เหมียนก้มหน้าเล็กน้อย เธอสวมเสื้อกาวน์สีขาวทับเสื้อเชิ้ตสีชมพู ดูดีมากเสิ่นเหรา: “ปีที่แล้วฉันไปงานนี้กับคนจัดงาน ขอบอกเลย…สกปรกสิ้นดี”ฉู่เหมียนยิ้ม โลกของคนรวยจะไม่สกปรกได้อย่างไรแต่สำหรับคนภายนอกแล้ว มันก็แค่งานสังสรรค์เพื่อสร้างเส้นสายเท่านั้นเอง“ปีนี้เจ้าของแบรนด์ที่ฉันทำงานขอให้ฉันไปร่วมงานด้วย ฉันกำลังลังเลอยู่ว่าจะรับงานนี้ดีไหม” เสิ่นเหราหาวไปหนึ่งฟอด“ฉันจะไป” ฉู่เหมียนเอ่ยตอบเสิ่นเหราค่อนข้างรู้สึกตกใจ “พระเจ้า นี่ฉันฟังผิดหรือเปล่า?”ตั้งแต่ฉู่เหมียนแต่งงานกับกู้ว่างเชิน เธอก็ไม่เคยเข้าร่วมงานพวกนี้อีกเลย ตอนนี้แน่นอนว่าจะต้องหย่ากันแล้ว เธอคงเริ่มปล่อยวางได้ฉู่เหมียนเลิกคิ้ว เอ่ยด้วยท่าทีที่เฉื่อยชา “ฉันก็จะหาคนมาปลุกเร้าอารมณ์สักคนดีไหม?”เสิ่นเหราเงียบไปสามวินาที ก่อนจะถามว่า “เธอพูดจริงเหรอ?”มุมปากของฉู่เหมียนยกขึ้นเล็กน้อย เธอพูดด้วยน้ำเสียงอย่างมีเลศนัย “จะได้สัมผัสความรู้สึกของการนอกใจระหว่าง
ฉู่เหมียนไปที่ฐาน M ในทันที เธอต้องการรู้ให้ได้เดี๋ยวนี้ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวเรื่องลู่เจียวเธอทนไม่ได้กับความอับอาย แม้แต่นิดเดียวก็ทนไม่ได้!โม่อี้กำลังตรวจสอบกล้องวงจรปิดของโรงพยาบาล เขาตรวจสอบทุกมุมแล้ว แต่ก็หาคนที่เข้าไปในห้องทำงานของผู้อำนวยการไม่พบ“ดูกล้องวงจรปิดตรงหน้าต่างซิ” ฉู่เหมียนสั่งโม่อี้เสียงเย็นโม่อี้หันไป ก็เห็นฉู่เหมียนยืนอยู่ข้างหลังเขา “หัวหน้า มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?”“เมื่อกี้” ฉู่เหมียนพูดเสียงแข็ง ชัดเจนว่ากำลังโกรธ คำสองคำนั้นเหมือนเค้นผ่านไรฟันออกมาโม่อี้กำลังตรวจสอบอย่างตั้งใจมาก จนไม่ได้สังเกตเห็นว่าเธอมาโม่อี้ร้อง “อืม” เสียงหนึ่ง รีบเปลี่ยนภาพกล้องวงจรปิดไม่ลืมเหลือบมองฉู่เหมียนอย่างระมัดระวังดูตรงหน้าต่าง… เดี๋ยวนะ“หน้าต่างโรงพยาบาลเหรอ?” โม่อี้เหยียดยิ้ม ดูเหมือนจะไม่เชื่อ “หัวหน้า นั่นมันชั้นที่สามสิบกว่านะ คนคนนั้นจะเข้ามาทางหน้าต่างเพื่อแจ้งเบาะแสเรื่องลู่เจียวเหรอ? บ้าไปแล้ว!”แล้วก็ไม่มีที่ให้เข้าไปด้วยนี่นา?“นอกหน้าต่างห้องทำงานของหลินเฉิงชุยมีระเบียง พอจะเข้าไปได้” ฉู่เหมียนคลายความสงสัยของเขาโม่อี้รีบตรวจสอบกล้องวงจรปิดในห
“ฉันไม่ได้แจ้งเบาะแสเกี่ยวกับน้องสาวคุณ เราไม่มีอะไรต้องคุยกัน” ฉู่เหมียนไม่อยากติดต่อกับคนตระกูลลู่“คุณฉู่ ผมไม่ได้มีเจตนาไม่ดี” ลู่อี้อธิบายฉู่เหมียนเงียบไปสามวินาที ก่อนจะเดินไปที่รถ “คุยกันตรงนี้แหละ”ลู่อี้คิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ได้“ฉู่เหมียน ผมรู้ว่าคุณไม่ได้ขัดสนเรื่องเงิน แต่บัตรใบนี้มีมูลค่าสองล้าน” ลู่อี้ยื่นบัตรเครดิตมาให้ฉู่เหมียนตกใจเมื่อเห็นบัตรเครดิตใบนี้เขาหมายความว่ายังไง?“ขอให้คุณใจดีกับน้องสาวผมด้วย” เขาจ้องฉู่เหมียน นัยยะคือ เรื่องนี้เป็นฝีมือคุณ รับเงินสองล้านนี้ไป แล้วจบเรื่องไปซะฉู่เหมียนหัวเราะเขาคิดจะใช้เงินฟาดหัวเธอ นี่ไม่ใช่การดูถูกเธอหรอกเหรอ?“คิดว่าเงินแค่สองล้านจะเปลี่ยนทัศนคติของฉันที่มีต่อน้องสาวคุณได้เหรอ?” ฉู่เหมียนหยิบบัตรเครดิตขึ้น พลางจ้องมองลู่อี้อย่างเยาะเย้ย “ฉันจ่ายให้คุณสองล้าน หวังว่าคุณจะไม่มาปรากฏตัวต่อหน้าฉันอีก เป็นคุณจะรู้สึกยังไง?”“ฉู่เหมียน คุณไม่ยุติธรรมเลย! กล้าทำก็ต้องกล้ารับสิ!” ลู่อี้ขมวดคิ้ว คิดว่าฉู่เหมียนไม่เข้าใจเหตุผล“ฝ่ายที่ไม่ยุติธรรมคือตระกูลลู่ของคุณต่างหาก!” ฉู่เหมียนโยนบัตรเครดิตใส่ลู่อี้พวกเขาทั้งคร
ชูหลานคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหัว เธอพูดว่า “ไม่มีเลย ตอนนั้นเลิกงานพอดี ฉันเลยเอาเอกสารมาให้ผู้อำนวยการ”ฉู่เหมียนเงียบไปสองสามนาที เธอมองวิดีโอในโทรศัพท์ สักพักก็คิดอะไรไม่ออก “ค่ะ”ถ้าไม่ใช่ชูหลานที่เอาเข้ามา งั้นจดหมายร้องเรียนที่ไม่ระบุชื่อนี่บินเข้ามาเองงั้นเหรอ?ไม่ไกลนัก หม่าจือหยางเดินเข้ามา เขามีสมุดประวัติการรักษาสองเล่มในมือ พูดพลางเดินเข้ามา “คุณหมอชู พรุ่งนี้ผมขอลาพักร้อนนะครับ”ชูหลานเหลือบมองหม่าจือหยาง หม่าจือหยางยื่นใบลาพักร้อนให้ชูหลาน“ค่ะ” ชูหลานตอบรับหม่าจือหยางมองฉู่เหมียน แล้วเลิกคิ้ว ก่อนจะหันหลังเดินจากไปฉู่เหมียนสังเกตเห็นใบลาพักร้อนในมือของชูหลาน นั่นเป็นลายมือของหม่าจือหยางแน่นอน“ลายมือรองผู้อำนวยการหม่า สวยดีนะคะ” ฉู่เหมียนพูด“ค่ะ ลายมือรองผู้อำนวยการหม่าอ่านง่ายดี หนักแน่นด้วย” ชูหลานเก็บใบลาพักร้อนไว้ฉู่เหมียนเหลือบมองอีกสองสามครั้ง แล้วก็ไปทำงานต่อแผนกฉุกเฉิน ฉู่เหมียนไปส่งเอกสาร กำลังจะจากไปก็ได้ยินเสียงคนเรียก “คุณหมอฉู่ มารับคนไข้เหรอคะ?”ฉู่เหมียนงง อะไรนะ?“มีคนไข้ของแผนกคุณอยู่ที่นี่พอดี อย่าลืมไปรับนะคะ” พยาบาลสาวเตือนฉู่เหมี
ฉู่เหมียน “…” ก็เธอไม่ใช่เหรอ?“ตำแหน่งของใครมีความขัดแย้งกับลู่เจียวมากที่สุด?”ฉู่เหมียน “…”แผนกศัลยกรรมหัวใจมีหมอสองคน ถ้าตำแหน่งเดียวกัน ก็คงเป็นฉันสินะฉู่เหมียน “คุณหมอหลิน อย่าเอาแต่วิเคราะห์เลยค่ะ” ขืนยังวิเคราะห์ต่อไป เดี๋ยวจะถูกตัดสินว่ามีความผิดเอาเสียเองทุกอย่างชี้ไปที่เธอ ยากจะแก้ตัวจริง ๆฉู่เหมียนเท้ามือลงบนโต๊ะ ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง “ขนาดวันหยุดสุดสัปดาห์ฉันยังนอนไม่หลับเลย”“งั้น… คุณพักร้อนสักสองสามวันไหมครับ?” หลินเฮิงชุยถามความเห็นของฉู่เหมียนอย่างระมัดระวังฉู่เหมียนตกใจ ทำไมล่ะ? ทำอย่างนั้นก็เหมือนกับตัวเองมีความผิดน่ะสิ!เธอไม่ทำอย่างนั้นหรอก ไม่เพียงแต่จะไม่พักร้อน แต่ยังจะปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนอย่างองอาจทุกวันอีกด้วยจดหมายแจ้งเบาะแสฉบับนี้ “จริง ๆ แล้ว คุณไม่ได้เป็นคนเขียนใช่ไหม?”หลินเฮิงชุยเองก็เริ่มสงสัยแล้วฉู่เหมียน “…” ฉู่เหมียนเริ่มปวดหัว“ฉันไปดูที่ห้องควบคุมกล้องวงจรปิดดีกว่า” ฉู่เหมียนยิ้มขณะที่กำลังพูด ประตูห้องทำงานก็ถูกเคาะ เป็นพนักงานผู้รับผิดชอบเรื่องนี้“ผลการตรวจสอบกล้องวงจรปิดออกแล้วเหรอครับ?” หลินเฮิงชุยสวมแว่น รู้สึกว่ามีหว
ขณะที่ฉู่เหมียนกำลังคิดไม่ตกว่าจะพูดอย่างไร เสียงแตกของแจกันที่ตกพื้นในห้องผู้ป่วยก็ดังขึ้น“กรี๊ดดด!”เสียงกรีดร้องของหญิงสาวดังแว่วแทรกเข้ามาในหูกู้ว่างเชินรีบเปิดประตูห้องผู้ป่วยเข้าไปทันที พบว่าผลไม้ถูกโยนมาตกอยู่ที่เท้าของเขากู้ว่างเชินเดินเข้าไปข้างใน ลู่เจียวกำลังนั่งอยู่บนเตียง ผมยุ่งเหยิง ดวงตาแดงก่ำ ดูเหมือนจะใกล้ถึงขีดสุดของความอดทนเมื่อลู่เจียวเห็นกู้ว่างเชิน เธอก็ร้องไห้จนพูดไม่ออก จบแล้ว จบสิ้นแล้วจริง ๆกู้ว่างเชินไม่ยอมรับตัวตนของเธอ ตอนนี้อาชีพที่เธอภาคภูมิใจที่สุดก็หายวับไปแล้ว!เธอจะทำอย่างไรดี?กู้ว่างเชินขมวดคิ้ว ลู่เจียวดูโทรมลงทุกวัน ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เธอต้องมีปัญหาแน่ กู้ว่างเชินเก็บของที่ตกอยู่บนพื้น ลู่เจียวก็โยนลงไปอีกกู้ว่างเชินไม่พูดอะไร แค่คอย ๆ เก็บขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกระทั่งลู่เจียวเหนื่อยที่จะโยน เธอหยุดโยนแล้วเอาแต่ร้องไห้กู้ว่างเชินรู้สึกอึดอัดใจ เดินเข้าไปลูบหัวลู่เจียวเพื่อปลอบโยน เมื่อเห็นเช่นนั้น ลู่เจียวก็ร้องไห้หนักกว่าเดิมเธอลุกขึ้นคุกเข่าแล้วโอบกอดกู้ว่างเชินไว้ ดูเหมือนว่ามีเพียงกู้ว่างเชินเท่
ฉู่เหมียนตกใจ ร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ? ถึงกับต้องฉีดยา!“ใช่ค่ะ ตอนนี้คุณกู้กำลังรออยู่หน้าห้อง เป็นห่วงเจียวเจียวมาก” ซางหานถอนหายใจพอพูดถึงเรื่องนี้ ทุกคนต่างก็คิดว่าฉู่เหมียนแพ้แบบไม่ยุติธรรม!ทุกอย่างของฉู่เหมียนดีกว่าลู่เจียว แต่กลับแพ้ในเรื่องของกู้ว่างเชินฉู่เหมียนกัดริมฝีปาก ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วลุกขึ้น “ฉันจะไปดูหน่อย”“อย่าไปเลยค่ะ ถ้าเจียวเจียวตื่นขึ้นมา ไม่รู้ว่าเธอจะด่าคุณยังไงบ้าง พยาบาลบอกว่าตอนที่เธอกำลังใจเสีย เธอพูดว่า...” พูดมาถึงตรงนี้ ซางหานก็เงียบไปฉู่เหมียนไม่เข้าใจ พูดว่าอะไรล่ะ?ซางหานเกาหัว ดูเหมือนไม่อยากจะเล่าต่อฉู่เหมียนยิ้ม “พูดมาเถอะ ไม่เป็นไรหรอก”คำพูดที่ออกมาจากปากของลู่เจียวเจียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันเกี่ยวกับเธอ…ฉู่เหมียน คงไม่ใช่เรื่องดีแน่“ลู่เจียวบอกว่า เธอจะฆ่าคุณซะ...” ซางหานพูดฉู่เหมียนเม้มปาก เป็นอย่างที่คิดไว้จริงด้วย“เพราะงั้นคุณหมอฉู่ ตอนนี้คุณต้องระวังตัวตอนอยู่ในโรงพยาบาลนะคะ เพราะทุกคนต่างก็คิดว่าคุณเป็นคนแอบเขียนจดหมายร้องเรียน” ซางหานเตือนฉู่เหมียนฉู่เหมียนพยักหน้า ลูบหัวซางหาน “ได้ พี่รู้แล้ว ไปทำงานเถอะ!”“
ร่างกายของฉู่เหมียนเบี่ยงหลบทัน ทำให้มือของหลิ่วอิงพลาดเป้าหลิ่วอิงขมวดคิ้ว “แกยังกล้าหลบอีกเหรอ?”“พ่อแม่ฉันยังไม่เคยกล้าตีฉันเลยสักครั้ง คุณเป็นใครกันถึงมาทำแบบนี้?” ฉู่เหมียนถามหลิ่วอิงอย่างท้าทายหลิ่วอิงอึ้งไปชั่วขณะ เธอจ้องฉู่เหมียนด้วยความโกรธจนแทบจะระเบิดออกมา“ถ้าฉันมีลูกสาวอย่างแก ฉันจะ...” หลิ่วอิงชี้ไปที่ฉู่เหมียน ร่างกายสั่นเทาด้วยความโกรธฉู่เหมียนยิ้ม “โชคดีที่ฉันไม่ใช่ลูกสาวของคุณ และคุณก็ไม่มีลูกอย่างฉัน”พูดตามตรง ถ้าเธอมีแม่แบบหลิ่วอิง เธอก็อยากจะกระโดดตึกตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด!“นี่แก! นังตัวแสบ!” หลิ่วอิงโมโหจนสติแตกลู่อี้ที่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่เงียบ ๆ อดรู้สึกไม่ได้ว่าฉู่เหมียนกับแม่ของเขาไม่เพียงแต่หน้าตาคล้ายกันแต่กระทั่งนิสัยที่ดื้อรั้นก้าวร้าวก็เหมือนกันอย่างน่าประหลาดลู่อี้กลืนน้ำลายลงคอ แล้วก็เห็นฉู่เหมียนเดินจากไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมาหลิ่วอิงที่โกรธจนหน้ามืดก็หันหลังกลับมุ่งหน้าสู่ห้องประชุมทันที เห็นว่าทั้งสองคนดูเหมือนจะเจรจาเข้าใจกันเป็นอย่างดีลู่อี้อดไม่ได้ที่จะดึงแขนหลิ่วอิงไว้ แล้วถามขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว “แม่ครับ แม่ไม่คิดว่า เ
ปัญหาอยู่ที่ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวนี้ นี่มันทำลายอนาคตของลู่เจียวชัด ๆ“งั้นบอกมาสิ ถ้าไม่ใช่เธอ แล้วจะเป็นใคร?” หลิ่วอิงหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ สำหรับแม่คนหนึ่ง อนาคตของลูกสาวถูกทำลาย มันเจ็บปวดกว่าการตายเสียอีก เธอรู้สึกผิดที่ปกป้องลู่เจียวไม่ได้ รู้สึกว่าในเมื่อลู่เจียวทุกข์ เธอก็ทุกข์เหมือนกัน…“ใครจะไปรู้ว่าลูกสาวคุณเมาแล้วพูดอะไรออกมาบ้าง สรุปแล้ว…” ฉู่เหมียนเดินไปหาหลินเฮิงชุย เธอยกจดหมายไม่เปิดเผยตัวตนขึ้นมาดู “คุณหมอคะ ฉันมาเพื่อชี้แจงว่าจดหมายฉบับนี้ไม่ใช่ฉันที่เป็นคนเขียน”“ถ้าคุณหมอจะสอบสวน ฉันจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่” ฉู่เหมียนไม่กลัว เธอไม่ได้เขียน ก็คือไม่ใช่เธอเขียน เธอเกลียดลู่เจียวมาก แต่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เธอไม่เคยคิดจะทำร้ายลู่เจียว ใช่ว่าเธอไม่สู้คน เพราะเธอสู้ได้มากกว่าใคร แต่เพราะลู่เจียวเป็นคนที่กู้ว่างเชินรัก เธอจึงอดทนมาตลอด แต่ถ้าตระกูลลู่มาใส่ร้ายเธอ ฉู่เหมียนจะไม่ยอมอดทนอีกต่อไป“ได้ครับ ฉู่เหมียน ผมเข้าใจแล้ว” หลินเฮิงชุยตอบกลับอย่างจริงจังหลิ่วอิงยังคงไม่พอใจ “คุณหมอคะ ลูกสาวฉันถูกพักงานใช่ไหม? ฉันต้องการให้เธอโดนพักงานด้วย!”เมื่อได้ยินคำพูดนั้
ห้องประชุมโรงพยาบาล ตรงข้ามคุณหมอหลินเฮิงชุ่ยนั่งกันอยู่สามคน คือพ่อและหลิ่วอิง และลู่อี้ที่มาร่วมประชุมสายเห็นได้ชัดว่าเรื่องของลู่เจียวเป็นเรื่องใหญ่สำหรับตระกูลลู่ ถึงกับทำให้ทั้งสามคนต้องมาโรงพยาบาลกันพร้อมหน้าหลินเฮิงชุยพลิกดูประวัติการศึกษาของลู่เจียวแล้วมองทั้งสามคนอย่างมีนัยยะสำคัญ“คุณลู่… ประวัติการศึกษาของลูกสาวคุณ…” หลินเฮิงชุยพูดขึ้นมาหลิ่วอิงรีบพูดแทรกขึ้นมาทันที “ประวัติการศึกษาของลูกสาวฉันถูกต้อง ไม่มีการปลอมแปลงแม้แต่น้อย!”“ใช่ครับ แต่ตอนนี้มีคนแจ้งว่าคุณลู่เจียวได้เข้าเรียนคณะแพทย์โดยการแย่งโควตาของคนอื่น” หลินเฮิงชุยพูดด้วยสีหน้าซับซ้อน การแย่งโควตาเรียนถือเป็นเรื่องใหญ่ เทียบได้กับคดีอาชญากรรม“ใครเป็นคนแจ้ง?” ลู่อวี้เหิงหน้าตาเปลี่ยนไปทันที “นี่มันใส่ร้ายลูกสาวผมชัด ๆ!”หลินเฮิงชุยรีบพูดขึ้นมา “คุณลู่ครับ อย่าเพิ่งใจร้อนนะครับ ตอนนี้เรากำลังอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมหลักฐานอยู่”“บอกมาสิว่าใครแจ้ง!” หลิ่วอิงโมโห เธอตบโต๊ะดังปัง “ลูกสาวฉันยังนอนอยู่โรงพยาบาลอยู่เลย ใครมันมาใส่ร้ายลูกสาวฉันแบบนี้!”หลินเฮิงชุยตอบ “เป็นการแจ้งเบาะแสแบบไม่เปิดเผยตัวตนครับ”“แ